6 : Special Scene ครับ ^ ^
รอยจ้ำแดงคล้ำปรากฏอยู่หลายที่ แม้วันชนะจะถูกสวมด้วยเสื้อยืดคอกลมปิดถึงต้นคอก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดห้า-หกที่ คนนอนอยู่บนเตียงยังหลับตาพริ้มหากแต่ในห้วงมโนคล้ายกับครุ่นคิดถึงเรื่องร้ายที่ผ่านมาอยู่ตลอดเวลา อารมณ์จึงถูกฉายออกทางสีหน้าโดยไม่รู้สึกตัว สองมือกระชับหมอนข้างที่กอดเอาไว้เพื่อเพิ่มความอุ่นและเป็นเหมือนหลักทีคอยยึดเกาะ
ดวงไฟในห้องดับลง
แสงจันทร์กระจ่างที่สาดลอดเข้ามาภายในห้องทำให้มองเห็นได้สลัว นักขัตนั่งครึ่งตัวที่ขอบเตียง มือหนึ่งไล้ไปที่รอยจ้ำที่คอวันชนะเบาๆ สัมผัสเนิ่นนานย้ำตรงจุดที่เป็นรอยนั้น ชายหนุ่มไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดกับตัวเอง...โหวงหวิวในใจ...อยากรู้...และโกรธเกรี้ยว
ทำไมต้องโกรธ?...
ความรู้สึกที่เกิดยากจะเข้าใจได้ในเริ่มต้น จึงไม่ได้ใส่ใจจะตอบตำถามตัวเองจริงจังนัก คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน หากแต่นิ้วนั้นยังคงย้ำอยู่ที่เดิม
กลับมานอนที่นอนของตัวเอง เตียงที่ขนานกันติดผนังคนละฝั่ง คนหนึ่งหลับสนิทแต่สีหน้าวิตกตลอดเวลา คนหนึ่งนอนมองเพดานดวงตาเบิกโพลงในความสลัว ครุ่นคิดเสียยิ่งกว่าตัวคนเจอเหตุการณ์เลวร้ายมาเสียอีก
เสียงครางอือๆดังมาจากเตียงนู้น คนนอนบนเตียงท่าทางกระสับกระส่ายพลิกกายไปมาเท้าสองข้างเหยียดเกร็ง เสียงลมหายใจแรงติดขัด นักขัตรีบเด้งตัวแทบกระโดดมาถึงเตียงของวันชนะ
“วิน วิน” มือหนาแต่ว่าสัมผัสแผ่วเบาจับที่แก้มคนละเมอ
สัมผัสที่แก้มเหมือนดึงความรู้สึกทั้งหมดกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ท่ามกลางแสงนวลสลัวดวงตาทั้งสองลืมขึ้นแทบจะทันที สิ่งแรกที่เห็นคือเงาร่างของคนตัวใหญ่อยู่บนตัว...กลัวในตอนแรก แต่พอจับความรู้สึกที่มือข้างหนึ่งจับแผ่วเบาบนแก้มก็จำได้
ณ วินาทีนั้นวันชนะไม่สนใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะคิดอย่างไร...ว่าผู้ชายด้วยกันจะทำแบบนี้...
ร่างที่นอนราบลุกขึ้นพร้อมสองมือยื่นโอบรอบลำตัวหนาเต็มแน่นด้วยความอบอุ่นนั้นไว้...ขอเพียงตอนนี้เท่านั้น จากนี้ไปหากคนตรงหน้าจะเกลียดเขาก็ยอม...ขอเพียงสักนาทีเดียว...
นักขัตไม่มีอาการขัดขืนต่อวงกอดนั้น กลับเต็มใจส่งพลังทั้งหมดที่ร่างกายเขามีถ่ายทอดให้คนที่โผเข้าหาเขา คงเป็นสัญชาติญาณของฝ่ายปกป้อง แขนหนึ่งของนักขัตเอื้อมไปโอบรอบหลังอีกฝ่ายเช่นกัน อีกข้างหนึ่งลูบที่ศรีษะวันชนะเบาๆ เป็นการปลอบประโลม...ไม่ต้องกลัวนะ...ผมอยู่ที่นี่แล้ว...
เนิ่นนาน...พอที่วันชนะจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยและรู้สึกตัว สองแขนค่อยๆคลายออก ท่าทางขัดเขินดีที่ว่ามองเห็นหน้าเขาไม่ชัดนัก ไม่เช่นนั้นคงจะทำอะไรไม่ถูก
ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของทั้งสอง...สิ่งที่ทำในวันนี้เป็นสิ่งใหม่ด้วยการกระทำและความรู้สึกในใจของนักขัต และเป็นความกล้าแสดงออกของวันชนะ แม้จะเพียงชั่วประเดี๋ยว
นักขัตลุกขึ้นหันหลังมุ่งหน้ายังที่นอนของเขา วันชนะนอนลงเหมือนเดิม เปลือกตาแข็งค้างอยู่กับที่เหมือนคนดื่มกาแฟมาหลายแก้วหรือคนที่นอนมาเต็มอิ่มสิบชั่วโมง หันไปมองอีกทางเงาสีดำที่นอนบนเตียงนั้นคือนักขัต ในใจคิดไปหลายเรื่อง เขาจะคิดยังไงนะ เรื่องที่โดนพี่นัททำแบบนั้น เรื่องที่เขากอดเมื่อกี้ ... คิดมากจนเริ่มจะปวดหัวขึ้นมาอีก วันชนะเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันหลังให้อีกคน มือเอื้อมหมอนข้างมากอดหลวมๆ สั่งเปลือกตาให้ปิดแต่ใจเปิดและตื่นอยู่ตลอดเวลา...
เสียงฝีเท้าเบาจนใครก็ไม่ได้ยินหยุดอยู่ข้างเตียง วันชนะสะกดตัวเองให้ทุกส่วนอณูของร่างกายหยุดอยู่กับที่และพยายามทำตัวให้สบายที่สุด
ด้านหลังเขาคือนักขัต ...วันชนะไม่เห็นแต่รู้สึกเอาได้
ที่ว่างบนเตียงข้างหลังวันชนะถูกจับจองด้วยร่างใหญ่นั้น แรงทิ้งตัวลงมาทำให้เตียงยุบไปนิดหน่อยพร้อมกับไออุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านมาถึงร่างกายของวันชนะ ร่างนั้นนอนห่างจากเขาไม่ไกล เพราะไออุ่นนั้นแผ่มาถึง และร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้...จนชิด
นิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนชั่งใจ
นาน...มือคู่หนึ่งสอดมาจากด้านหลังสวมเอาไว้เหนือเอว...กระชับ...
วันชนะยิ้มน้อยๆขัดเขินแต่เสียงตุบตับที่อกเหมือนจะดังออกมานอกตัว ร่างกายสั่นน้อยๆเพราะตื่นเต้นผสมกับอาย ในขณะที่เจ้าของวงกอดทำไปเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสิ่งใดอยู่...รู้เพียงแต่ว่า เขาอยากจะทำ
ค่ำคืนที่จันทร์กระจ่างฟ้า ผืนฟ้าที่เคยสีดำเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม
คนทั้งสองจมดิ่งสู่นิทราด้วยกัน
ภายใต้อ้อมกอดที่อบอุ่น
วันชนะรู้สึกแบบหนึ่ง
นักขัตยังไม่ทันได้รู้สึก...ที่แท้จริง
เพียงค่ำนี้พ้นไป...บางอย่างจะเปลี่ยนไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++