Imprison 33: งูเห่า
ซุกหน้าลงกับผ้าห่มผืนเดิม หลับตาแน่น..ไม่อยากจะสนใจอะไร...
เสียงสะอื้นในลำคอยังกลั้นไม่ไหว ก็ได้แต่ปล่อยมันไป หวังว่าคงจะหายไปเองถ้าหมดแรง..
ผมนั่งนิ่งๆ อยู่ในมุมหนึ่งของห้องขัง ไม่สนใจจะไปอาบน้ำหรือกินข้าวอย่างคนอื่นเขา..ได้แต่กอดผ้าห่มผืนบางไว้แนบอก..
ในอกมันยังเจ็บปวดรวดร้าว..แต่เสียงร้องในลำคอกลับแผ่วหาย..ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ..
และให้ผ้าห่มของแม่เป็นที่ซับน้ำตา ...
ตึก!
เสียงอะไรหนักๆกระทบพื้น ทำให้ผมชะงัก..แต่ก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามอง จะเป็นใครหรืออะไรก็ช่าง..
เสียงคล้ายลมหายใจดังแผ่วเบา..แต่เพราะไม่มีใครเลยยิ่งเด่นชัด..ผมขมวดคิ้วน้อยๆ..เมื่อได้ยิน..
..ได้ยินเสียงลมหายใจ..และรู้สึกเหมือนมีใคร..อยู่ข้างๆ...
ในหัวพลันคิดถึงคนๆนั้นทันที..พี่โต..คนที่มอบอกให้ร้องไห้..มอบไหล่ให้พักพิง..
..แต่ภาพใบหน้าเครียดเขม็งของผู้ชายคนนั้นและมือที่ง้างขึ้นก็ทำให้ความคิดนี้ต้องล้มเลิกไป..พร้อมกับความรู้สึกเจ็บเสียดอันไม่มีที่มาเกิดขึ้นอีกครั้ง..
ซึ่งผมก็ได้แต่กอดผ้าห่มผืนนี้แน่นขึ้นอีก และซุกหน้าลงไปแน่นขึ้นเรื่อยๆ..
...ซึมซุบเอาความรู้สึกดีๆของแม่..ของบ้าน..มาเยียวยาหัวใจ..
...อยากหลับตาลง..แล้วไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาพบความจริงเสียเลย..
แกร๊งงงง...
เสียงพูดคุยและเปิดประตูห้องขังทำให้ผมลืมตาขึ้นมาทันที แต่ก็ยังนิ่ง ไม่ยอมขยับไปไหน ฟังเสียงพูดคุยปนเสียงหัวเราะของผู้คนในนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเหล่านั้น เจ็บที่ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดหดหู่อยู่คนเดียว..ท่ามกลางเสียงหัวเราะและความสุขของผู้คนโดยรอบ..
...แต่ทว่า มันกลับดังเพียงไม่นาน..แล้วเงียบ..
..ความประหลาดใจเกิดขึ้นพร้อมกับความหวาดระแวงทันที..จู่ๆทำไมคนพวกนี้ถึงเงียบ..และทำไมถึงเป็นแบบนั้น....
..สังหรณ์ร้ายเกิดขึ้นทันควัน..หรือ..จะมีใครทำอะไรผม..
กำลังคิดจะขยับตัวและโผล่หน้าขึ้นไป แต่กลับได้ยินเสียงเรียก..
“.....พี่โต..”..แล้วอะไรสักอย่างข้างกายผมก็ถอนใจแรง..ทำให้หัวใจแปลบวูบ..
คนที่อยู่ข้างๆ...คือ...
“..อะไร...” เสียงนั่นยิ่งทำให้ผมมั่นใจ..นี่...เขามานั่งข้างๆผม..งั้นเหรอ?
“..เมื่อกี้เฮียวิทย์มาหา..บอกว่าจะคุยด้วย..”
“..มันรออยู่ไหน?”
“..ห้องพยาบาลว่ะ..”
ห้องพยาบาล...
ผมที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาของทั้งสองคนมาตลอดขมวดคิ้ว..
เมื่อนึกถึงห้องพยาบาล..
...พี่กันย์..
“ ดูมันด้วย ห้ามใครมายุ่ง !!! “ เสียงตะโกนลั่นใกล้หู พร้อมกับความอบอุ่นที่ผละหาย ทำให้รู้ว่าคนข้างกายลุกไปแล้ว..
..ความหนาวเหน็บเข้ามาแทรกอย่างรวดเร็ว..
พร้อมกับลางสังหรณ์...ร้าย..บางอย่าง..
ที่มาพร้อมกับความหนาวเหน็บและโดนเดี๋ยวทันทีที่พี่โตออกไปจากห้องขัง..
ผมหลับตาลงช้าๆ..สะอื้นในลำคอแผ่วเบา..
...ทั้งที่น่าจะรังเกียจและผลักไส..แต่ไม่ว่ายังไง..ผมก็เกลียดเขาไม่ได้..
แต่ก็ไม่กล้าจะฉุดรั้ง..หรือพักพิงได้เลย..
...ความหนาวเหน็บและวูบโหวงในอก เหมือนบางสิ่งขาดหายไป ทำให้ผมรู้ ว่าน้ำหนักการมีตัวตน.. แม้จะเป็นแค่ความคิด ของผู้ชายคนนั้น มันมากแต่ไหน..สำหรับผม..
..แต่....
...ผมคงไม่มีตัวตนในความคิดของเขา..
ผมขดตัวแน่นขึ้นอีก ใบหน้าจมลงกับผ้าห่มเท่าที่ทำได้จนแทบหายใจไม่ออก..
ในสมองยังหวัง..ว่าจะมีคนมานั่งข้างๆและคอยให้ความอบอุ่นอีกครั้ง..
ทั้งที่มันก็แค่ความหวังลมๆแล้งๆของตัวเอง..
ถึงรู้ว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้..แต่ก็อยากจะลองคิดดู..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ภายใต้กลุ่มอาคารที่กลายเป็นสีสลัวเลือนรางเพราะแสงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีดำสนิทที่ดวงดาวเริ่มปรากฏประปรายภาพที่เห็นทำให้ผู้เฝ้ารออดจะอมยิ้มไม่ได้
วิทย์ยืนนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้อาคารพยาบาล เขากำลังรอเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายที่ใส้ติ่งดันกำเริบซะตอนนี้ มันเลยต้องถูกหามส่งห้องพยาบาลด้วยอาการร้องโอดโอยแทบเป็นแทบตาย..เพราะทางเรือนจำไม่ยอมส่งตัวนักโทษที่เป็นผู้ป่วยตอนกลางคืน..
ก็เลยมีแต่..ไอ้หมอเก๊คนเดียวที่พอช่วยได้..
แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่..เพราะต้องการจะมาจับตาดูพฤติกรรมของหนึ่งในศัตรูของกลุ่ม และ..นัดพบกับเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังมาไม่ถึง..
..คนของเจ้าเพื่อนโง่ๆของเขาบอกว่า หายไปกับไอ้เด็กคนนั้น..โดยที่ยังไม่ทานข้าวเย็นด้วยซ้ำ..
วิทย์ แอบหน้ามุ่ย แล้วถอนใจแรง..มันเคยว่าเขาว่าไม่รู้จักแยกแยะ..งานนี้อยากด่านักว่าใครกันแน่ไม่รู้จักแยะแยะและ..ไม่รู้จักคิด..
...เดี๋ยวใกล้ตายหมู่แล้วมึงจะรู้สึก..
แซ่ก...
เสียงย่ำด้านหลังทำให้ชายหนุ่่มชะงัก..หันขวับไปมองทันควัน..
“ มีอะไร? “ เขาถามเสียงแข็ง เมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือใคร..กันย์หรือเจ้าหมอเก๊ที่เพิ่งโนนนินทาเดินมาใกล้ ในชุดเสื้อกาวน์สีขาวทับชุดนักโทษสีน้ำตาล..
ถึงจะรู้ว่าคนตรงหน้าใส่เพื่อความสะอาดปลอดภัยหรืออะไรก็ตาม..แต่นักโทษในชุดเสื้อคลุมของหมอ..มันดูขัดกันชอบกล..
..แต่ก็...ไม่ถึงกับ..น่าเกลียดอะไร..
คิดแล้วเงยหน้าไปมองเจ้าคนหน้าเป็นที่ยังคงยิ้ม..แม้จะพูดประโยคไหนออกมาก็ตาม..
“..ใส้ติ่งแตกครับ...
ตายแล้ว..”
“..ห๊ะ...หา!? “ วิทย์อ้าปากค้าง มองหน้ายิ้มๆนั้นอย่างไม่เชื่อหู.. “..มึงว่าอะไรน่ะ !!!! “
“...ผู้ชายคนนั้น...ใส้ติ่งแตกครับ..รักษาไม่ทัน.เลยตายไปแล้ว...”
“..อะ....อะ...ไอ้....”..วิทย์อ้าปากค้าง ใบหน้าซีดเซียว ฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู...
“..จริงๆน่ะครับ..ไม่เชื่อจะดู”
ศพ” ของเขาก็ได้.. กำลังจะผ่าออกแต่....”
“หา !!! มึงว่าไงน่ะ ผ่าออก..นี่....นี่มึงผ่าท้องมันแล้ว...แล้วไอ้น้ำเกลือ ยาชายาสลบอะไรพวกนั้นมึงเอามาจากไหน???...”วิทย์ท้วงลั่น มองหน้าไอ้คนตรงหน้าอย่างไม่ยอมเชื่อถือ ถึงจะเป็นหมอ แต่ไอ้เรื่องแบบนี้..ถ้าไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีเครื่องมือ จะผ่าท้องคนหรืออะไรได้ยังไง เขาไม่มีวันเชื่อ..
“..ก็มันพอจะมีอยู่ในห้องพยาบาลบ้างน่ะครับ..ดูนี่ไง..ยังมีเลือดติดอยู่เลย...” เสียงบอกนั้นทำให้คนฟังชะงัก..เพราะเขามองแต่หน้าของหมอนี่และเพราะความมืด ทำให้เขาไม่เห็น..ไม่เห็นว่าชุดกาวน์สีขาวมีรอบเปื้อนของเลือด..และถุงมือยางพาราเปื้อนสีแดงฉานที่สวมทับมือหนาไว้..และปลายนิ้ว..ที่จับมีดขนาดเล็กปลายแหลม..ซึ่งเปื้อนไปด้วยรอยเลือดสีสด...
ปึก !!
แผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้อย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเผลอขยับตัวหนี สายตายังจับจ้องแต่ปลายมีดและใบหน้ายิ้มแย้มไม่เปลี่ยนของคนตรงหน้า...วิทย์หัวใจเต้นแรง...ไม่ใช่เพราะคนตรงหน้าคือผู้ชายที่เขาชอบ..แต่สัญชาติญาณบางอย่างมันกรีดร้องก้องในสมอง..
...มันบอกให้เขาหนี...มันบอกว่าการอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มันอันตราย...
แต่...
วิทย์กลืนน้ำลายเอื้อก..ลมหายใจไม่สงบ..เขาเม้มปากแน่น
“..ยะ...อย่าอาของแบบนี้มาขู่กูน่ะ..มึงทำอะไรมัน..บอกมาซะดีๆ !! “ เขาร้องลั่น มือคว้าปกเสื้อกาวน์มากำรวบไว้ ส่งสายตาแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้..แม้ในอกจะสั่นระรัวด้วยความหวาดหวั่นอันแปลกประหลาด..
“..ฮ่ะๆ...พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ..ผมพยายามจะช่วยน่ะ..แต่มันช้าไป.เลยทำได้แค่...” กันย์ยิ้มน้อยๆยังอธิบายอย่างใจเย็น ยกมือขึ้นเสมอหัวเมื่อเห็นท่าทีเอาเรื่องนั้น..
...ทว่าแววตาที่จับจ้องคนตรงหน้ากลับเย็นยะเยียบผิดกัน...
“..อย่ามาตอแหล !! ให้ตายกูก็ไม่เชื่อ..ไอ้หมอเถื่อน ทำแบบนี้ตามใจชอบเหรอ คิดว่ากูโง่นักรึไง !! “ วิทย์เขย่าคอร่างที่สูงกว่าตนแรงๆอย่างไม่พอใจ เขาหันซ้ายหันขวา มองหาผู้คุมหรือไม่ก็เพื่อนสนิทที่น่าจะมาถึงแล้วอย่างหงุดหงิด..
“..คอยดู..เดี๋ยวกูจะลากผู้คุมมาลากคอมึงไปเอง..ถือว่าตัวเองได้อภิสิทธิ์พิเศษ เลยคิดจะทำอะไรก็ทำเหรอว่ะ !! ที่ไอ้ปากดีอย่างมึงต้องมาอยู่ในคุกนี่ มันก็เพราะทำชาวบ้านเขาตายไม่ใช่รึไง ไอ้ ....อุ๊ก...”
มือหนาคว้าหมับตะปบลงบนริมฝีปาก ทำให้วิทย์สะดุ้งเฮือก หันขวับมามองหน้าผู้ชายที่ปิดปากเขาไว้ จะถลึงตาใส่ แต่เมื่อสบกับแววตาแข็งกร้าว..และปลายมีดที่จ่อบนลำคอ..ก็ทำให้ตัวเย็นวาบ...
“...ไม่ต้องมทองหาหรอก ไม่มีใครอยู่แถวนี้...แน่นอน...” น้ำเสียงเย็นเยียบกระซิบแผ่วเบา..ทำเอาคนฟังขนลุกยะเยือก แววตาหวาดหวั่นมองปลายมีดที่ยังอยู่ที่เดิม สลับกันมองแววตาของชายตรงหน้าอย่างร้อนรน..
...แต่ที่น่าโมโหตัวเองที่สุด...คือตอนนี้แทนที่จะโกรธแทบตาย แต่เสียงในอกนี่กลับเต้นแรง...แรงซะจนก้องอยู่ในหู..
...ก้องจนใบหน้ายิ้มแย้มนั้นมีสีหน้าล้อเลียน..มือที่ปิดปากเขาไว้ เลื่อนลงมาทาบบนแผ่นอก.. แม้อีกข้างจะยังจ่อมีดไว้ตรงที่เดิมก็ตาม..
“..อะ...มึง..”
“..เสียงหัวใจเต้นแรงดีน่ะครับ...เต้นแรงมาก...” ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นหันมาสบตา มือหนายังทาบอยู่ที่เดิมสัมผัสแผ่นอกและการเต้นของหัวใจอย่างใคร่รู้..
“...ที่เป็นแบบนี้..มันเพราะ..กลัว...” ริมฝีปากหนาเอ่ย..ก่อนจะบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน.. “..หรือว่า..เพราะ..เป็นผม..ที่อยู่ตรงนี้...”
“..หะ...หา...พูดอะไรของแก..อึ๊....” วิทย์อ้าปากโวยวาย ใบหน้าเริ่มขึ้นสี แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น มีดปลายแหมที่จ่อบนลำคอก็กดเข้าไปจนเลือดซึม..ทำเอาตัวเย็นวาบ..
“..รู้ไหม..ว่านี่น่ะ..มันเป็นมีดผ่าตัดน่ะ..คม...จนตัดหลอดลมให้ขาดได้แค่ครั้งเดียว..” เสียงกระซิบริมใบหูแผ่วเบาชวนให้เลือดในกายเย็นเฉียบ..วิทย์ยืนนิ่ง..ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าพูดอะไรออกไป มีเพียงดวงตาที่กรอกไปมา..
“...ผมว่าคุณอยากจะดู”ศพ” ของเพื่อนคนนั้นสิน่ะ..งั้นเราเข้าไปข้างในดีไหม?..”
“..หะ...หา...ไม่หรอก ไม่เอา กูไม่ชอบเลือด มันตายแล้วก็ช่างมัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ให้ผู้คุมเอาศพจะ..ดะ....” ชายหนุ่มรีบปฎิเสธทันคัวนด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบประโยคดี ดวงตาก็ต้องเบิกค้าง...
...เพราะริมฝีปากของตนเองถูกทาบปิด..และกดทับโดยริมฝีปากของนักโทษหนุ่มหน้าเป็นที่..
...ที่เขาชอบ.....แต่...
“..อะ...โอ้ย..” วิทย์ร้องอู้ หลังจากริมฝีปากหนาผละจาก ใบหน้าของเขาแดงก่ำและหัวใจก็คงเต้นแรงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่ามันปนกับความตื่นเต้นปนหวั่นกลัว..และตอนนี้ อาจจะเพื่อมาอีกหนึ่งความรู้สึกคืออาการเคืองโกรธ เพราะริมฝีปากของเขาถูกคนตรงหน้า ขบกัดอย่างรุนแรงไร้ความปราณี ชนิดที่ว่าเลือดไหลซิบและเขาต้องร้องโอดโอย...
“..หึ...หวานดีน่ะครับ...” คำพูดนั้นทำให้คนฟังหน้าแดงแป๊ดยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นซีดสนิทเมื่อเห็นคนตรงหน้าแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองที่มีเลือดของเขาเปรอะอยู่..
“..เลือดของคุณเนี่ย..มันน่ากินดีจริงๆน่ะ...”
“...อะ...แก..แก....” วิทย์อ้าปากค้าง แทบพูดไม่ออกเมื่อได้รู้ว่าไอ้คนที่เขาเผลอไปชอบน่ะมันมี”รสนิยม”แบบไหน...
“..หึ...อย่างงั้นเรา...ไปดูศพ เพื่อยืนยันความจริงกันดีมั้ย?...”น้ำเสียงเอ่ยถามแสนสุภาพ แต่ผู้ฟังไม่อาจปฎิเสธได้เลย และทันทีที่เอ่ยก็ถูกลากไปทันใด
ภาพที่คนเห็นภายนอกอาจจะเป็นผู้ชายสองคนที่จูงมือกันเข้าไปในห้องพยาบาลอย่างสนิทสนม..แต่ความจริงก็คือ ปลายมีดที่จ่อเข้ากับแขนซ้ายของวิทย์ทันทีที่เจ้าตัวจะผลุนผลันหรือหนีไปไหน..
ดวงตาสีเข้มกรอกไปมาอย่างอับจนหนทางยามถูกอัญเชิญตัวเข้าไปในห้องพยาบาล วิทย์พยายามมองหายามหรือใครก็ได้ที่จะอยู่แถวนี้ แต่ก็เสียเปล่าเพราะไม่มีวี่แววใดๆของสิ่งมีชีวิต ในใจนึกก่นด่าเจ้าเพื่อนงี่เง่าที่หายไปไหนไม่รู้ ปล่ยให้เขาต้องเผชิญกับสถานการ์ณที่เสี่ยงอันตราย ต่อทั้งหัวใจและชีวิตแบบนี้..
ใบหน้าขาวส่ายลอกแล่กได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนจะถูกดันเข้าไปในห้องพยาบาลพร้อมกับชายในชุดกาวน์เปื้อนหยดเลือดที่ปิดประตูลงทันควัน...
...และนั่นก็เหมือนจะปิดทางรอดของ”เฮียวิทย์”แห่งแดนสิบสองไปด้วย..
.....................................
เสียงหอบเบาๆดังขึ้นภายใต้ความเงียบและแสงของดวงจันทร์ที่สาดส่อง ภายใต้แสงมืดสลัวและเงาดำของเหล่าอาคารที่ปลุกขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ร่างสูงใหญ่ยืนตัวงอ หอบแฮ่กอยู่หลังอาคารพยาบาลหลังจากวิ่งผ่านอาคารและห้องขังมาอย่างรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิต
สายตาปราดมองทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากก็หอบเบาๆ ส่งสายตาสองส่องหาเพื่อนสนิท เจ้าตัวร้ายที่น่าจะอยู่แถวนี้ หรือบริเวณนี้...
โตขมวดคิ้ว กวาดสายตาหาอย่างรีบร้อน หลังจากรู้ว่ามันมารออยู่เขาจะไม่มาก็ได้ หากไอ้ทินจะไม่บอกว่า มันรอเขาอยู่ตรงไหน
“ห้องพยาบาล” คือคำตอบสุดท้ายของสถานที่ซึ่งควรพบกันเพื่อพูดคุยธุระในตอนนี้
เพราะแถวนี้น่ะมีตัวอันตรายที่เขากับมันก็ยังโค่นไม่ลง แต่แล้วไง ไอ้วิทย์กลับมารออยู่ตรงนี้ซะได้..
โตพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ถ้าเจอตัวจะขอกระทืบมันซักที โทษฐานโง่ไม่มีหัวคิด
ชายหนุ่มสอดสายตาหาอย่างร้อนรน หลังอาคารพยาบาลที่เป็นแปลงผักและบ่อน้ำที่ควรจะมีร่างของเพื่อนสนิทโผล่มาจากที่ไหนซักแห่งกลับไม่มีแม้แต่เงา ทำให้เขาเริ่มคิดมากหลังจากวันนี้เจอแต่”เรื่อง”เยอะแยะนับไม่ถ้วนแล้ว..
เท้าก้าวเลียบอาคารก่ออิฐถือปูนสภาพกลางเก่ากลางใหม่อย่างว้าวุ่นไม่น้อย เมื่อหลังห้องพยาบาลไม่เจอ บางทีอาจจะอยู่หน้าห้อง เพราะเมื่อตอนมาเขาก็รีบร้อนเกินกว่าจะถามรายละเอียดว่าอยู่ตรงไหน บางทีมันอาจจะยืนรอที่หน้าห้องพยาบาลก็เป็นได้ เพราะได้ข่าวว่าเด็กมันเป็นไส้ติ่ง..
รีบก้าวไปตามใจคิด และทันทีที่เลี้ยวออกไปเจอแสงสลัวจากหลอดไฟที่เปิดไว้ ก็พบกับร่างของเพื่อนสนิทที่ยืนคุยกับ”ตัวอันตราย” ในชุดเสื้อตัวยาวสีขาว
โตขมวดคิ้ว รีบก้าวไปหาอย่างเร่งร้อนเมื่อเห็นว่าท่าทางของเจ้าคนที่รออยู่เริ่มแย่ ทั้งที่สั่งไว้แล้วเชียวว่าห้ามยุ่ง ทั้งที่บอกไว้แล้วว่าคนที่อ่อนไหวเรื่องความรักแบบมัน ไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับ”ศัตรู”ที่เขาต้องกำจัดคนนี้...
แล้วนี่มันฟังกันซะที่ไหน?...
ฉึบ....
ร่างที่ก้าวเดินถูกแกรั้งด้วยฝ่ามือที่ทาบลงบนไหล่..และไม่ได้มีเพียงนั้น...ยังมีมีดปลายแหลมขนาดเล็กที่เขาพอจะดูออกว่ามันคมแค่ไหน จ่ออยู่ตรงลำคอ..
พร้อมๆกับเสียงเอ่ยแผ่วเบา..ที่ทำให้เขาต้องแสยะยิ้มเยาะหยันตนเอง..
“..อยู่นิ่งๆจะดีกว่าน่ะ...”
น้ำเสียงคุ้นหู เรียกเสียงหึในลำคอแผ่วเบา...พร้อมกับเสียงสถบในลำคอ...
“...งูเห่า...”
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ไม่ต้องบอกแล้วล่ะมั้ง ว่าใคร...
พี่กันย์กับเมฆ คู่ชั่วกลับมาแล้ว ว่าแล้วก็จุดพลุต้อนรับหน่อย
ตอนนี้ คงไม่ขัดตอนใช่มั้ย? อยากแสดงให้เห็นว่า วิกฤติน่ะ ไม่ได้มีแค่เนมที่เจอน่ะจ๊ะ บอกแล้วว่าถ้าพัง..รับรองตายหมู่แน่นอน
,,และถึงไม่พังเพราะเนม อาจจะพังเพราะมือที่สาม ที่เข้ามาสร้างสถานการ์ณ(อุ้ย..ไม่เกี่ยวกับมหกรรมกีฬาสีแห่งชาติน่ะค่ะ)
อีกอย่าง..เรื่องดีๆถ้ามีมันก็แค่เรื่องเดียว แต่เรื่องแย่ๆน่ะ บทจะมีมันก็มากันให้พรึ่บ
ตอนนี้น้องเนมก็เพ้อเศร้าเหงาหงอยต่อไป ส่วนพี่โตกับวิทย์ก็...หึหึ..
สถานการ์ณของวิทย์ที่เข้าถ้ำเสือไปแล้วจะเป็นเช่นไร โปรดติดตาม..
คำเตือน :ตอนหน้ากรุณาเตรียมเลือดสำรองมาด้วย.. หุหุ
ปอลอ...ขออภัยที่มาต่อช้า รู้สึกว่ายิ่งเรื่องใกล้จะมาถึง ณ จุดที่ชาวบ้านเขาพากันลุ้นแล้ว อิชั้นยิ่งเขียนไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ..
ปอลอสอง...สำหรับผู้สอบถามมา เรื่องการ์ตูนไอ้โตเมียเกะ(ที่เราว่า) บทสัมภาษณ์ของอาจารย์ มาซาชิ คิชิโมโตะ ผู้แต่งเรื่อง นารุโตะ กล่าวไว้(ประมาณปลายปี 2008)ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ซาสึเกะและนารุโตะเป็นแบบ Shonen ai คือ มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน (เรียกอีกอย่างว่าวายแบบอ่อนๆ พบเจอได้ทั่วไปในการ์ตูนของแคลมป์) แต่ไม่ใช่วายน่ะค่ะ Shonen ai ไม่จำเป็นต้องวายค่ะ แค่รักและผูกพันกันเกินกว่าชายทั่วไปเฉยๆ....อ่านแล้วอิชั้นก็..... หงายเงิบ.. ไปเลยเชียว
แปะรูปทำอย่างไร? อยากรู้มากกกกกกก เพราะจะแปะรูปวิทย์(ที่ใครเห็นไม่หลงรักไม่ได้แน่) บวกแปะรูปทุกคนด้วย ช่วยตอบทีน่ะค้า