[Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10  (อ่าน 54583 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew2: อย่าโดดลงไปน้า

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
.....


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:

 
.........


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ๊ยยยยยยยย โกรธไปหมดแล้วตอนนี้โกรธคนที่ทำให้อาจารย์ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้  :fire: :fire: :fire:
ยัยผู้หญิงคนนั้น!!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เหี้ยยยยยยย เธอเหี้ยมากยัยทิพย์ เธอทำให้คน ๆ หนึ่งต้องเจ็บจนคิดตาย แค่ไม่มีงานทำแค่นี้ยังน้อยไป พี่ต่ายไม่น่าใจดีเลยควรให้ติดคุกไป แต่ถ้าจับทิพย์ พิษณุก็คงโดนหางเล่ห์ด้วย ซึ่งถ้าคิดอีกทางก็ดีจะได้ไม่มีคนมาซื้อเพื่อไปทำร้ายคนอื่นได้อีก ทั้งนี้ทั้งนั้นเราหวังว่ารินจะตามมาช่วยพี่ต่ายได้ทันนะ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ฮืออออ ทำไมคนแบบพี่รินต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
ส่วนคนนิสัยไม่ดีทำไมไม่เจอแบบนี้มั่ง ออกง่ายไปไหม

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไม่เอานะพี่ริน อย่าโดดลงไปนะ ทำไมคนดีๆต้องมาเจอคนร้ายๆ เรื่องร้ายๆอย่างนังทิพย์ด้วย ขอให้เจ้ารินไปช่วยทันนะ ฮืออออ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 33 ปลายทางของความฝัน (จบ)

“นั่นแกจะไปไหนน่ะเจ้าริน!” ธงชัยตะโกนเรียกเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กวิ่งไปที่ประตู “มันจะมีประโยชน์อะไรกับการจะไปตามหาคนที่ทิ้งแกไปแบบนั้น เขาไม่รักแกแล้ว”

ธารินหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับพ่อ

“ไม่รักอย่างนั้นเหรอ” เด็กหนุ่มถามกลับ “อาจารย์น่ะรักผมมากกว่าพ่อกับแม่ที่เลี้ยงผมมาทั้งชีวิตอีก ไม่งั้นอาจารย์คงไม่ทำแบบนี้หรอก เชิญทั้งสองคนอยู่กับเงินให้สบายใจไปเลยครับ ผมจะไปตามหาอาจารย์”

“ฉันไม่ให้แกไป! พวกแกลากตัวมันกลับมา” ธงชัยชี้นิ้วสั่งลูกน้อง

ธาราที่ยืนอยูหน้าประตูพอดีรีบผลักประตูปิดและล็อกจากด้านนอกก่อนจะคว้ามือศรศรัณย์วิ่งตามธารินไปติดๆ “ริน ขึ้นรถ”

ธารินกระโดดนั่งที่เบาะหลังส่วนศรศรัณย์ขึ้นนั่งคู่ธาราข้างหน้า

“เรื่องที่เสียใจเพราะแท้งฉันพอเข้าใจได้นะ แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณรินถึงคิดมากเรื่องที่นายออกจากบ้านมากถึงขนาดต้องเอาเงินมาให้พ่อตั้งยี่สิบล้านแล้วขอให้พ่อรับนายกลับบ้านเนี่ย” ธาราถามระหว่างสตาร์ตรถเพื่อออกไปตามหาอริญชย์ “เงินเยอะขนาดนั้นยกให้นายไปใช้ไม่ดีกว่าเหรอ”

“แต่ผมเข้าใจนะ” ธารินบอก “เพราะว่าตอนอายุสิบสามแม่ของอาจารย์ทิ้งพ่ออาจารย์ไปกับชู้ที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา อาจารย์ก็เลยฝังใจกับเรื่องนี้มาตลอด แล้วเหตุการณ์ตอนนี้ก็กำลังซ้ำรอยสิ่งที่เคยเกิดขึ้น อาจารย์คิดว่าตัวเองทำให้ผมบ้านแตก ผมแอบได้ยินอาจารย์พูดกับแม่ตัวเองตอนเอาน้องโฮปไปฝาก”


“ผมคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร แต่ถ้าหากการรักใครสักคนแล้วทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บปวดหรือลำบาก ความรักนั้นมันก็ไม่สมควรมีหรือเราควรเพิกเฉยกับมันเสียดีกว่า”


“ไม่อยากทำตัวเหมือนแม่สินะ” ธารารำพึง เรื่องมันช่างซับซ้อนจริงๆ “เดี๋ยวนะ นายบอกว่าซ้ำรอย... อย่าบอกนะว่า...นายกับคุณริน...”

“เป็นคู่แห่งโชคชะตาเหรอ!”

ทั้งศรศรัณย์และธาราหันควับมาจ้องเด็กหนุ่มที่พูดเรื่องนี้ออกมาง่ายดายราวกับเป็นเรื่องที่หาเจอได้ทั่วไปทั้งที่โอกาสมันมีน้อยกว่าการที่ธาราจะหายจากการเป็นหมันด้วยซ้ำ

“ใช่ครับ”

“แล้วทำไมพวกนายไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยล่ะ”

“ผมไม่รู้ว่าอาจารย์คิดยังไง แต่สำหรับผม ผมไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาบีบบังคับอาจารย์ให้อยู่ด้วยก็เลยไม่เคยพูดถึงมัน ผมน่ะรู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว ที่ผมหลงรักอาจารย์ง่ายๆ อาจจะมาจากสาเหตุนี้หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คืออาจารย์เป็นคนที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้ และเป็นคนที่ผมอยากดูแลไปชั่วชีวิต”

“ไปพาคู่ของแกกลับบ้านกัน” ธาราตบบ่าน้องชายแล้วหันกลับไปคาดเข็มขัดนิรภัยเตรียมออกรถ “นายจะไปที่ไหนบอกมา ฉันจะพาไปเอง”

“ผมรู้ครับว่าอาจารย์จะไปที่ไหน และถ้าผมคิดถูกเรายังมีเวลาถึงเที่ยงคืนครับ ดังนั้นตอนนี้พี่ช่วยพาผมไปหาคนคนหนึ่งก่อนเพราะแค่ลำพังตัวผมตอนนี้ ผมไม่คิดว่ามีแรงพอจะรั้งอาจารย์ไว้ได้เลย”

“เขาอยู่ที่ไหน”

ธารินเปิดจีพีเอสแล้วส่งให้ธารา “อยุธยาครับ”

OOOOOO

“ฉันให้เธอพบเด็กคนนั้นไม่ได้”

“ทำไมละครับ” ธารินถามอย่างผิดหวังหลังจากที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังแล้วโดนแม่ของอริญชย์กล่าวปฏิเสธเสียงแข็งซ้ำยังให้สามีของเธอพาเด็กๆ รวมทั้งน้องโฮปขึ้นไปหลบในห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน “การที่คุณไม่รักไม่สนใจอาจารย์ผมไม่แปลกใจเลย แต่นี่คุณจะไม่ใจดำไปหน่อยเหรอครับ ผมไม่ได้ขออะไรคุณมากไปเลยนะ นอกจากขอน้องโฮปซึ่งเป็นเด็กที่อาจารย์ฝากให้คุณดูแลคืนน่ะ”

“การที่เธอมากล่าวหาฉันแบบนั้นมันออกจะเกินไปหน่อยนะ” อิงอรว่าพลางกวาดตามองชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่อีกฟากของโซฟาในห้องรับแขก “ถ้าพวกเธอมารับไปในเวลาที่เหมาะสมฉันคงไม่ปฏิเสธ แต่นี่อะไร ยกโขยงมาเคาะบ้านฉันโครมครามดึกๆ ดื่นๆ แล้วก็บอกว่ารินกำลังแย่จะขอพาตัวน้องโฮปไปหาเขา ฉันแค่ไม่อยากเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่สมควรของผู้ใหญ่ก็เท่านั้น”

“เรื่องไม่สมควรอย่างนั้นเหรอ” ธารินทวนคำ “งั้นก็หมายความว่าการที่คุณทิ้งคุณพ่อของอาจารย์กับอาจารย์และน้องสาวไป นั่นก็คือเรื่องสมควรทำของผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอครับ... อะไรคือเรื่องสมควรหรือไม่สมควรสำหรับเด็ก แทนที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะมานั่งคิดแทน ทำไมคุณไม่ลองถามเด็กดูก่อนล่ะว่าเขามีความคิด มีความรู้สึกอย่างไรแล้วปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตนเอง”

อิงอรหน้าเสียที่โดนว่าตรงๆ แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิม “ถ้าทำอย่างนั้นเด็กอาจจะตัดสินใจผิดพลาดได้น่ะสิ เพราะว่าเด็กน่ะยังไม่รู้เรื่องอะไรแถมยังโดนชักจูงได้ง่าย เธอก็เห็นแล้วว่าเขาเจอเรื่องบอบช้ำอะไรมาบ้าง อยู่อย่างสงบสุขกับฉันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วจะให้กลับไปรับรู้อะไรอีก ส่วนเรื่องของรินน่ะก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปสิ คิดว่าเอาน้องโฮปไปแล้วจะช่วยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจได้หรือไง”

“ได้หรือไม่ได้ก็ให้พวกเราได้ลองดูก่อนสิครับ”

“ถ้าเกิดเขาไม่ฟังแล้วทำเรื่องแย่ๆ ต่อหน้าน้องโฮป น้องโฮปจะไม่ฝังใจไปตลอดชีวิตเหรอ” อิงอรถามกลับ “ถ้าเธอยังยืนยันจะเอาตัวน้องโฮปไปฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกและขโมยเด็กนะ”

“นี่คุณ...” ธารินกำหมัดแน่นเพราะที่เธอพูดมามันก็มีส่วนถูก

ศรศรัณย์กระตุกแขนธาราให้รีบทำอะไรสักอย่าง ธารารีบกดโทรศัพท์หาเบอร์เพื่อนที่เป็นตำรวจแล้วตอนนั้นเองที่เสียงเล็กๆ ดังขัดขึ้น

“พี่รินไม่ได้ขโมยน้องโฮป น้องโฮปเต็มใจไปเองต่างหาก”

ทุกคนหันไปมองเด็กชายตัวผอมที่กำลังเกาะราวบันไดเตาะแตะเดินลงมาจากชั้นสองแล้วมาหยุดยืนหน้าอิงอร

“น้องโฮป!” ธารินจะถลาเข้าไปหาแต่ก็ถูกอิงอรเอาตัวมาบังและยังนั่งลงกอดตัวน้องโฮปไว้แน่น

“แต่ที่นั่นไม่ปลอดภัยนะ หนูอยู่กับแม่ที่นี่ก็ดีแล้วนี่จ๊ะ ที่นี่มีบ้านให้อยู่ มีเตียงให้นอน มีพ่อมีแม่แล้วก็มีพี่ๆ ให้เล่นด้วย พอถึงเวลาก็ไปโรงเรียนไปหาคุณครูไปหาเพื่อนๆ ไงจ๊ะ หนูไม่มีความสุขเหรอ” เธอไม่ได้มีเจตนาร้ายแค่ไม่อยากให้น้องโฮปไปเผชิญกับเรื่องร้ายๆ อีกเท่านั้น

น้องโฮปเหลียวมองไปรอบๆ บ้าน อิงอรและครอบครัวดูแลเขาดีตามที่พูดไว้ ยอมให้เขาเรียกว่าพ่อแม่ ลูกๆ ก็เธอก็แบ่งของเล่นให้และนับเขาเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน อีกทั้งยังพาเขาไปสมัครเรียนและซื้อของใช้ที่จำเป็นให้เรียบร้อย พอโรงเรียนเปิดเทอมน้องโฮปก็จะใส่ชุดนักเรียนและสะพายกระเป๋าเป้ลายคุณกระต่ายที่เตรียมไว้ไปโรงเรียนกับพี่ๆ ทั้งสองคน

“คุณแม่พูดถูกครับ อยู่ที่นี่มีความสุข”

ได้ฟังน้องโฮปพูดแบบนั้น อิงอรก็ยิ้มกว้างในขณะที่ธารินเม้มปากแน่น

“แต่ว่า... ถ้าไม่มีพี่ต่าย น้องโฮปไม่ต้องมีความสุขก็ได้ครับ”

“หมายความว่าไงจ๊ะ” อิงอรเลิ่กลั่กหันไปมองสามีและลูกๆ ของเธอที่เกาะราวบันไดมองลงมาจากชั้นสอง

น้องโฮปสบตาอิงอรและพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานราวกับเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุเพิ่งห้าขวบ

“น้องโฮปน่ะถูกทิ้งไว้ข้างเสาไฟฟ้าแล้วก็โดนพี่ต่ายเก็บมารักษา หลังจากนนั้นไปอยู่ที่โรงพยาบาลพอหายก็ถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า น้องโฮปไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีเพื่อน โรงเรียนก็ไม่เคยไป แล้วก็ไม่เคยเจอคุณครูด้วย แต่น้องโฮปมีพี่ต่าย... ตั้งแต่จำความได้เวลาหิวน้องโฮปก็กินนมจากขวดที่พี่ต่ายป้อนให้ ตอนร้องไห้ก็มีพี่ต่ายอยู่ด้วย ตอนที่หายใจไม่ออกจนเกือบจะตายก็มีพี่ต่ายดูแล ไม่ว่าน้องโฮปจะหลับไปจนตื่นมากี่ครั้งก็จะเห็นพี่ต่ายคอยวนเวียนอยู่ข้างเตียงเสมอ พี่ต่ายยอมนั่งเป็นเพื่อนน้องโฮปต่อบล็อกทั้งที่พี่ต่ายเป็นคนขี้รำคาญ น้องโฮปเขียนชื่อตัวเองได้ก็เพราะพี่ต่ายสอนให้เขียน แล้วก็บ่นว่าน้องโฮปเขียนไม่สวยทั้งที่ก็เขียนเหมือนพี่ต่าย พี่ต่ายน่ะชอบทำหน้าดุทั้งๆ ที่เป็นคนใจดีทุกคนก็เลยชอบแกล้งให้พี่ต่ายยิ้ม”

ถึงจะเพิ่งผ่านชีวิตบนโลกมาแค่ห้าปี แต่สิ่งที่เด็กคนนี้เจอมาอาจจะมากกว่าผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วยซ้ำ

ศรศรัณย์ได้ฟังเป็นครั้งแรกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ซบหน้ากับแขนธารา “เรารับเด็กคนนี้ไปอยู่ด้วยกันไหม”

ธาราโอบไหล่ร่างโปร่งไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วใช้นิ้วแม่โป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ “ฉันก็เคยคิดอยากทำแบบนั้นนะศร แต่ฉันคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ต้องการเราสองคนหรอก เพราะเขาเลือกคนที่เขาอยากอยู่ด้วยแล้ว”

ศรศรัณย์พยักหน้า “นั่นสินะ”

ธารินมองดูน้องโฮปด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ เขาอยากให้อริญชย์มายืนฟังตรงนี้ด้วย เจ้าตัวมักพูดน้อยใจเสมอว่าหมอโอเมก้าอย่างเขาทำดีแทบตายก็ไม่มีใครเห็นคุณค่า... นี่ไง ตรงนี้มีเด็กอย่างน้อยคนหนึ่งมองเห็นสิ่งที่เขาทำมาตลอด

“วันที่น้องโฮปร้องไห้พี่ต่ายจะกอดน้องโฮปไว้เสมอ เพราะงั้นถ้าพี่ต่ายร้องไห้น้องโฮปก็จะไปกอดพี่ต่ายเหมือนกันน้องโฮปไม่ต้องมีบ้านก็ได้น้องโฮปอยู่ที่โรงพยาบาลมาห้าปีแล้ว น้องโฮปก็อยากมีพ่อกับแม่แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วพี่ต่ายต้องอยู่คนเดียวน้องโฮปขออยู่กับพี่ต่ายสองคนตลอดไปดีกว่าครับ”

“น้องโฮป...” อิงอรปิดปากตัวเองแน่นอยากรั้งไว้ใจแทบขาดแต่เธอพ่ายแพ้ให้กับความคิดของเด็กคนนี้ ที่แม้แต่คนเป็นแม่อย่างเธอยังคิดไม่ได้เลย เธอเงยหน้าขึ้นไปสบตาสามีแล้วปล่อยเด็กชายออกจากอ้อมแขน “ช่วยอยู่กับพี่ต่ายของหนูแทนฉันด้วยนะ”

“ขอบคุณคุณแม่คุณพ่อพี่อินทร์พี่ไอยที่ดูแลน้องโฮปนะครับ” น้องโฮปกล่างพลางยกมือไหว้ทุกคน

อินทร์กับไอยโบกมือให้จากชั้นสอง “มาเยี่ยมเราบ้างนะ”

น้องโฮปเดินมายืนตรงหน้าธารินแล้วส่งมือให้ “พี่รินครับเราไปหาพี่ต่ายกันเถอะ”

OOOOOO

อริญชย์มองดูรูปถ่ายของพวกเขาสามคนตอนไปเที่ยวที่ได้มาจากกระเป๋าน้องโฮปซึ่งแต่เดิมเป็นรูปที่ธารินตั้งใจอัดใส่กรอบมาให้แล้วเขาปฏิเสธน้องโฮปจึงขอไป เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวในวันนั้น ถ้าเป็นไปได้เขาคงจะไม่ทำตัวงอแงเมาช้างแล้วพาน้องโฮปขึ้นนั่งอีกสักรอบสองรอบ ตอนถ่ายรูปนี้เขาก็ไม่ทำตัวงี่เง่า จะทำหน้าตาให้ดูดีและยิ้มให้กว้างกว่านี้

แต่ตอนนี้เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

อริญชย์เหลือบตาลงมองดูเวลาที่เข็มนาฬิกาเดินมาถึงเที่ยงคืนแล้วพับรูปเก็บใส่กระเป๋าเสื้อที่บังเอิญอยู่ตำแหน่งเดียวกับหัวใจพอดีและตบเบาๆ เพื่อซึมซับช่วงเวลาดีๆ นั้นไว้

“แล้วเจอกันใหม่นะ”

สองมือที่กำราวสะพานแน่นค่อยคลายออกช้าๆ แล้วตอนนั้นเองที่สายลมพัดหวิวมาพร้อมกับพาเสียงเรียกชื่อดังแว่วมาด้วย

“พี่ริน!”

ทีแรกอริญชย์คิดว่าตัวเองหูฝาด เขาสะบัดศีรษะอย่างแรงไล่เสียงนั่นออกไป แต่ยิ่งสะบัดแรงเท่าใดเสียงนั่นยิ่งดังเข้ามาใกล้และชัดเจนขึ้นทุกที

“พี่ริน! อย่ากระโดดลงไปนะ”

เขาละสายตาจากพื้นน้ำเบื้องล่างและหันไปมอง ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะร้องลั่นด้วยความตกใจที่เห็นเด็กชายตัวผอมวิ่งมาหา เขาปล่อยมือจากราวสะพานแล้ววิ่งเข้าไปโอบกอดเด็กชายไว้แน่น “ที่นี่มันอันตรายนะ น้องโฮปมาได้ยังไงครับ”

“พี่รินสัญญาว่าจะมารับน้องโฮปไปอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วพี่รินจะทิ้งน้องโฮปไปได้ยังไง น้องโฮปไม่ยอมนะ”

อริญชย์ตกใจกับคำพูดของเด็กอายุแค่ห้าขวบ เขาหันซ้ายหันขวาไปเจอต้นตอของสาเหตุที่น้องโฮปมาอยู่ที่นี่เดินตามหลังมาและจ้องมองเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่มาหยุดยืนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“นายพาน้องโฮปมาที่นี่ทำไม”

“ผมอยากให้อาจารย์รู้ครับว่าอย่างน้อยในโลกนี้ยังมีผมกับน้องโฮปที่รักและอยากอยู่กับอาจารย์นะ”

“พี่รินอยู่กับน้องโฮปนะ พี่รินสัญญาแล้วนี่นา” เด็กชายกอดคอเขาไว้แน่นและเริ่มต้นร้องไห้

“อยู่กับผม... อยู่กับพวกเราไม่ได้เหรอครับ” ธารินเอ่ยขึ้นพร้อมกับสืบเท้าเข้ามาหาช้าๆ จนอยู่ในระยะเอื้อมถึง

อริญชย์เบี่ยงตัวหลบมือที่ยื่นมานั่นทำให้เด็กหนุ่มหัวใจแทบสลาย แต่ธารินไม่ยอมแพ้ เขาไม่ได้มาเพื่อเดินกลับไปคนเดียว

“ผมเข้าใจว่าอาจารย์เหนื่อย แต่มันไม่จำเป็นต้องลงไปนอนพักข้างล่างนั่นนี่นา นั่งพักอยู่กับผมได้ไหม... นะครับ ผมจะอยู่กับอาจารย์จนกว่าอาจารย์จะหายเหนื่อยนะ...” เขาค่อยๆ พูดทีละคำ หวังยื้อเวลาให้นานที่สุดพร้อมกับยกถุงของที่ซื้อมาให้ดู “วันนี้ผมซื้อไอกรีมรสที่อาจารย์ชอบมาทั้งนั้นเลย ทั้งมะนาว แพชชั่นฟรุ๊ต อ้อ! วันนี้มีรสรัมที่อาจารย์อยากกินด้วยนะ... อาจารย์เลือกไปสักรสสิครับ”

อริญชย์สบนัยน์ตาจริงจังที่มองมาแล้วตวัดลงมองถ้วยไอศกรีมในมือสลับกับเด็กชายในอ้อมแขนแล้วเงียบไปเนิ่นนานจนไอศกรีมในมือเด็กหนุ่มเริ่มละลาย จึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“ฉันเลือกไม่ได้หรอก”

“อาจารย์...” ธารินแทบเค้นเสียงออกจากลำคอไม่ไหวแล้ว เขากำมือแน่นพยายามนึกหาหนทางว่าคนโง่ๆ อย่างเขายังพอทำอะไรได้อีก

“เอาหมดนั่นเลยไม่ได้เหรอ... อยากกินทุกรสเลย”

ธารินยื่นมือออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้อริญชย์ไม่หลบและเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามากอดเด็กหนุ่มเสียเอง เขารีบกระชับอ้อมแขนแน่นให้แน่ใจว่าจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “กลับบ้านกันนะครับ”

อริญชย์ซุกหน้าลงบนอกกว้าง “กลับบ้านตัวเองไปก็ดีแล้ว กลับมาหาฉันทำไม”

“ถ้าบ้านคือสถานที่ที่อยู่แล้วมีความสุข อาจารย์คือบ้านของผมครับ” ธารินผละออกเล็กน้อยแล้วลูบศีรษะเด็กชายที่ยังใช้สองมือเล็กๆ กอดขาอริญชย์ไว้แน่น “รวมทั้งน้องโฮปด้วย ต่อไปนี้ผมจะดูแลทั้งสองคนเองนะ”

น้ำใสค่อยๆ ไหลรินจากหางตา อริญชย์พยักหน้า “นี่เป็นคำบอกรักที่ซึ้งที่สุดในชีวิตฉันเลย”

ธารินก้มหน้าลงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะจะค่อยๆ ไล่ลงมาตามสันจมูกแล้วแตะเบาๆ ลงบนริมฝีปากเพื่อขอคำมั่น “ห้ามหนีผมไปไหนแล้วนะ”

“ไม่หนีแล้ว” สายตาจริงจังที่มองมาทำให้หน้าร้อนไปหมด ซ้ำน้องโฮปก็ยังจ้องอยู่ทำให้อริญชย์เขินจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาจนหมดแล้วย่อตัวลงอุ้มน้องโฮปขึ้นมา “ไปอยู่กับด้วยกันนะ”

“ครับ” เด็กชายยิ้มกว้างเสียจนตาปิดทำเอาทั้งสองคนยิ้มตามไปด้วย

“ฉันคงไม่ดีพอจะเป็นพ่อหรือแม่ให้หรอกนะ แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ทิ้งหนูไป”

“พี่ต่ายเป็นพี่ต่ายก็พอแล้วครับ” น้องโฮปตอบพร้อมกับกอดคอเขาแน่น “น้องโฮปรักพี่ต่ายที่สุดเลย”

“ฉันก็รักหนูเหมือนกัน”

“แล้วผมล่ะ” ธารินโอบวงแขนรอบตัวพวกเขาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “อาจารย์ขี้โกงนี่นา ทำไมบอกน้องโฮปได้แต่บอกผมไม่ได้ล่ะ”

“สัญญาแล้วใช่ไหมว่าเรียนจบจะบอก”

ธารินย่นปาก ทำหน้างอน “พูดแบบนี้ได้หมายความว่าอาจารย์จะอยู่กับผมไปอีกอย่างน้อยสองปี ห้ามผิดสัญญานะครับ”

“เป็นแบบนี้แล้วจะให้ไปไหนล่ะ” อริญชย์เอียงคอให้ดูรอยทำสัญญา “แล้วก็... ฉันมีเรื่องจะสารภาพล่ะ...”

แต่เขายังพูดไม่ทันจบเมื่อน้องโฮปแตะมือลงบนกระเป๋าเสื้อแล้วดึงเอารูปถ่ายออกมา “นี่รูปที่พี่รินให้น้องโฮปนี่นา”

“นึกว่าหายไปแล้วซะอีก ที่แท้อาจารย์เก็บไว้นี่เอง” ธารินมองภาพในมือด้วยความคิดถึง “วันหลังเราสามคนไปเที่ยวกันอีกนะครับ”

“ตกลงครับ!” น้องโฮปรับคำเสียงใส

อริญชย์ยิ้มตอบแล้วรับรูปถ่ายคืนมาจะพับใส่กระเป๋าตามเดิม ตอนนั้นเองที่ลมแรงพัดมาทำให้รูปหลุดจากมือปลิวขึ้นไปในอากาศ

ธารินเอื้อมมือออกไปคว้าไว้ได้ทัน แต่ตัวของเขาถลำออกไปนอกรั้วสะพานมากเกินไปและเสียหลักหงายหลัง

“รินระวัง!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อริญชย์วางเด็กชายลงแล้วพุ่งตัวไปคว้าเด็กหนุ่ม แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ร่างของธารินลอยละลิ่วลงไปยังกระแสน้ำเชี่ยวกรากเบื้องล่างและจมหายไปในความมืด

ตูม!!

OOOOO

(ต่อข้างล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(ต่อตรงนี้ค่ะ)

การค้นหาดำเนินมาตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนแต่จนมาถึงรุ่งสางแล้วก็ยังไม่มีใครหาตัวเด็กหนุ่มเจอ คุณธงชัยกับวิลาวรรณพอได้ข่าวอุบัติเหตุของลูกชายคนเล็กก็รีบร้อนมาเช่นกัน ดูเหมือนทั้งสองคนจะเพิ่งรู้ตัวว่ารักธารินตอนที่รู้ว่ากำลังจะเสียไปจริงๆ

ธงชัยนั้นหมกมุ่นอยู่กับการโทรหาทุกคนที่รู้จัก ใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีให้มาช่วย ในขณะที่วิลาวรรณก็ร้องห่มร้องไห้จนเกือบจะเป็นลมล้มพับไปหลายรอบโดยมีศรศรัณย์คอยตามประกบอยู่ไม่ห่างเพราะกลัวจะเดินไปตกน้ำตกท่าหายไปอีกคน

“คุณป้าใจเย็นๆ นะครับ เพื่อนของธาราที่อยู่กรมตำรวจน้ำเกณฑ์คนมาช่วยหมดเลยครับ เดี๋ยวเราก็เจอตัวธารินแล้วนะครับ” ศรศรัณย์ปลอบพลางแกว่งยาดมไปใต้จมูกคุณวิลาวรรณที่ร้องไห้จนตัวโยน

“พี่ศร พี่รินตัวโตจะปลอดภัยใช่ไหม” น้องโฮปดึงเสื้อถาม

ศรศรัณย์หันมองไปที่ท่าน้ำแล้วรวบตัวเด็กชายมากอดไว้ “ต้องปลอดภัยสิครับ”

“ตอนนี้เราระดมกำลังเจ้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาช่วยกันตามหา พวกเขาจะต้องหาเจ้ารินเจอแน่ๆ” ธาราเดินมาบอกกับกับอริญชย์ที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ

“นายไปอยู่ที่ไหนเนี่ย” อริญชย์รำพึงเสียงสั่น นัยน์ตาแดงก่ำมองกวาดไปทั่วแม่น้ำสายใหญ่ หวังจนสุดใจว่าจะมาเรือกู้ภัยตะโกนบอกขึ้นมาว่าเจอตัวแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสนิท “เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย! นายสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไปไหน นายบอกว่าจะนั่งกินไอศกรีมด้วยกันนี่นา... แล้วนี่นายหายไปไหนไอ้เด็กบ้า ไอศกรีมละลายหมดแล้วนะ”

อริญชย์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหล แล้วตอนนั้นเองที่อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ตวัดลงรอบตัวพร้อมกับเสียงทุ้มที่กระซิบขึ้นข้างหู

“ผมอยู่นี่ครับ”

เขาหันควับไป แทบไม่เชื่อสายตาที่ได้เห็นเด็กหนุ่มซึ่งเนื้อตัวเปียกปอนยืนอยู่ตรงหน้า

“น้ำเชี่ยวมาก ผมโดนซัดไปไกลเลย” ธารินเล่าไปพลางชี้มือประกอบ “พอว่ายขึ้นฝั่งได้พวกโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ก็หายหมด โบกแท๊กซี่เขาเห็นสภาพนี้ก็ไม่รับ ผมก็เลยต้องเดินกลับมาที่นี่”

อริญชย์กำลังจะอ้าปากตอบ พ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มก็พุ่งเข้ามาแทรกกลางแล้วแย่งกันดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้าไปกอด

“แกปลอดภัยก็ดีแล้ว พ่อนึกว่าแกจะไม่กลับมาเสียแล้ว”

“พ่อกับแม่ร้องไห้ให้ผมด้วยเหรอ” ธารินพูดเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังผสมด้วยความดีใจอยู่ไม่น้อย “ผมนึกว่าพ่อกับแม่จะดีใจที่ผมตายซะอีก”

“พอแล้วริน อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีกเลยนะ แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษ”

“กลับบ้านเรานะลูก ต่อไปนี้พ่อจะไม่ว่าอะไรลูกอีกแล้ว ไม่ว่าลูกจะเรียนอะไรจะรักกับใครพ่อก็จะไม่ห้ามแล้วแค่ลูกกลับไปบ้านเราก็พอ”

“ขอบคุณนะครับ” ธารินกอดพ่อกับแม่คนละครั้ง “แต่ว่าผมสัญญากับอาจารย์ไว้แล้วว่าจะอยู่ด้วยเพราะฉะนั้นผมคงไม่กลับไปที่บ้านแล้ว”

“ถ้างั้นก็ให้เขามาอยู่กับเราก็ได้”

ธารินมีท่าทางอึดอัด “แต่ว่า...”

“ให้รินเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่านะครับว่าเขาจะอยู่ที่ไหน” อริญชย์เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบฟังอยู่นาน “เราตกลงกันแล้วนี่ครับ และผมก็เป็นฝ่ายชนะเสียด้วย”

ธงชัยหยุดสะอื้น เขาเหลือบมองอริญชย์ด้วยหางตาแล้วหยิบเอาเช็กเงินสดออกมาอย่างเสียไม่ได้ “เอาเงินของคุณคืนไป!”

“ขอบคุณนะครับที่รักษาสัญญา”

“นี่มันเรื่องอะไรกันครับพ่อ อาจารย์” ธารินมองทั้งสองคนสลับกัน “พ่อบอกว่านี่เป็นเงินที่อาจารย์เอามาให้เพื่อไล่ให้ผมไปจากอาจารย์ไม่ใช่เหรอ”

ธงชัยกับวิลาวรรณหน้าเสียไปทันที

“เล่นแรงเหมือนกันนะเนี่ย” อริญชย์รำพึงก่อนจะเล่าความจริงให้ฟัง “เรื่องมันเป็นแบบนี้นะริน คือฉันเห็นพ่อกับแม่นายชอบเดิมพันอะไรแบบนี้ตั้งแต่ตอนธารากับคุณศรแล้ว ฉันก็เลยไปยื่นข้อเสนอกับพวกเขาว่าฉันจะยอมไปจากชีวิตนายและไม่กลับมาอีกโดยที่พวกเขาจะพูดกล่อมอะไรนายยังไงก็ได้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาทำไม่เป็นผล ถ้านายยังยืนยันจะตามหาฉันและสามารถหาฉันเจอ พวกเขาจะต้องยอมรับให้ฉันคบกับนาย เราเดิมพันกันไว้จนถึงวันที่นายเรียนจบแต่นี่ยังไม่ทันข้ามวันนายก็หาฉันเจอแล้ว”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าจะยอมให้รินคบกับคุณก็ได้” ธงชัยว่า

อริญชย์ยิ้มกว้างและส่งเช็กใบนั้นให้ธงชัยกับวิลาวรรณด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมลง “ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยรับไว้ด้วยครับ”

ธงชัยมองเช็กเงินสดยี่สิบล้านด้วยหางตาและไม่ยอมรับมา “จะมาไม้ไหนอีกล่ะ”

“ไม่มีไม้ไหนแล้วครับ ผมแค่อยากทำให้ถูกต้อง”

“หมายความว่าไง คุณจะซื้อตัวลูกชายผมเหรอ”

“พ่อแม่สมัยนี้ใช้คำน่ากลัวจัง” อริญชย์ถอนหายใจเสียงดัง “คุณจะเรียกแบบนั้นก็ตามใจครับ แต่ผมเรียกมันว่า ‘ค่าสินสอด’ ด้วยตัวเลขขนาดนี้ผมคิดว่าคุณคงไม่ต้องอายใครแล้วนะ”

“ค่าสินสอดสินะ” ธงชัยรำพึงแล้วดึงมาพับใส่กระเป๋า “แล้วหลังจากนี้จะเอายังไง”

“รินจะย้ายไปอยู่กับผมครับ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมจะเป็นจัดการเองไม่ว่าจะเป็นค่ากิน ค่าอยู่และค่าเทอม” อริญชย์บอก “อ้อ! ไม่ต้องเป็นห่วงครับ พวกคุณยังคงติดต่อรินได้ตลอดเวลาเลยครับถ้าหากว่ารินต้องการ”

“ก็แล้วแต่คุณละกัน” ธงชัยว่าแล้วเดินกลับไปขึ้นรถพร้อมภรรยา

อริญชย์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่จบเรื่องนี้ไปได้แล้วหันมาหาธารินที่คราวนี้กลับเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเขา

“แกล้งลองใจผมแบบนี้สนุกเหรอครับ” ธารินพูดด้วยความน้อยใจ “รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าเลย”

อริญชย์รีบคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้แล้วรีบอธิบายให้ฟัง ความจริงเขาตั้งใจจะบอกตั้งแรกแล้วแต่ดันมาเกิดอุบัติเหตุเข้าซะก่อน “ขอโทษนะที่แกล้งทำเป็นเหมือนลองใจนายซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ว่า... เชื่อฉันเถอะนะ ว่าฉันไม่ได้แกล้งเลย ทุกๆ ครั้งฉันตั้งใจจะไปจริงๆ แต่ทุกๆ ครั้งนายก็ดึงมือฉันไว้ได้ทันแล้วฉันจะไปได้ยังไงล่ะ ในเมื่อหนีไปไหนไม่ได้ฉันก็เลยตัดสินใจพุ่งเข้าชนเพื่อเอานายมาเป็นของฉัน”

ธารินเหลือบตามามองเล็กน้อย

“ฉันเคยบอกนายแล้วนี่ว่าถ้าพ่อกับแม่บังคับให้ฉันแต่งกับใครแล้วฉันไม่อยากแต่งต่อให้สิบหรือยี่สิบล้านฉันก็จะหามาให้ ในทางกลับกันถ้าหากฉันอยากแต่งจะสิบหรือยี่สิบล้านฉันก็จะหามาให้เหมือนกัน แต่พ่อกับแม่นายก็ดื้อพูดยากขอร้องดีๆ ก็ไม่ยอมฟังฉันเลยต้องเล่นวิธีนี้... แล้วก็วัดดวงมารอนายที่นี่กะว่าเที่ยงคืนแล้วนายไม่มาก็ตั้งใจว่าจะไปรับน้องโฮปแล้วย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด จดหมายลาออกก็เตรียมเขียนไว้แล้วด้วย ถ้านายไม่เชื่อจะดูก็ได้นะ ฉันเองก็เดิมพันกับความรักของนายไว้สูงเหมือนกัน เพราะเรื่องที่พนันกับพ่อนายมันสิ้นสุดแค่สองปีแต่ฉันที่ยอมให้นายทำสัญญาไปแล้วน่ะมันคือทั้งชีวิตเลยนะ” อริญชย์พิงตัวลงบนท่อนแขนเด็กหนุ่มพลางเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างสำนึกผิด

“แล้วทำไมต้องขึ้นไปรอบนนั้นด้วยครับ มันอันตรายนะรู้ไหม”

“ที่เลือกมารอที่นี่เพราะนายเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดของฉันไง” อริญชย์ว่า “ฉันก็ยืนลุ้นแทบตายตอนมิสเตอร์บีโทรหานาย พูดเยอะไปก็จะดูน่าสงสัย พูดน้อยไปก็กลัวนายไม่เข้าใจ”

“ที่มิสเตอร์บรโทรมานั่นก็อยู่ในแผนเหรอครับ”

“ขอโทษนะ ทำนายใจเสียเลยใช่ไหม”

“ใจจะขาดเลยล่ะครับ”

อริญชย์สอดแขนโอบรอบเอวเด็กหนุ่ม “จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ยอมยกโทษให้ฉันแล้วมาอยู่ด้วยกันนะ”

“อาจารย์ไม่ต้องมาพูดแบบนั้นเลยครับ ผมก็ยอมอาจารย์มาตลอดอยู่แล้วนี่นา” ธารินพูดงอนๆ

อริญชย์ยิ้มกว้าง “ขอบใจนะ”

“ยังไม่ยกโทษให้ครับ”

“อ้าว” อริญชย์ร้องเสียงดัง “ไหนว่ายอมแล้วไง”

“แค่คำพูดจะไปพออะไร อาจารย์ต้องลงมือทำด้วยสิ ผมน่ะลงทุนไปอ้อนวอนขอน้องโฮปมาจากแม่อาจารย์เลยนะ แล้วนี่ตกน้ำไหลไปตั้งไกล ก็ยังอุตส่าห์ว่ายขึ้นฝั่งแล้วเดินกลับมาหาอาจารย์จนได้เนี่ย เหนื่อยจะตายก็ไม่กล้าตายเพราะกลัวอาจารย์เป็นห่วง รู้งี้จะกลับไปอาบน้ำรอที่บ้านให้ร้องไห้ซะให้เข็ด”

“แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะ” อริญชย์ถามเสียงอ่อย

“จูบเลยครับ” น้องโฮปร้องเชียร์

อริญชย์หันควับไปหลิ่วตาใส่เด็กชายที่ยิ้มจนหน้าบาน เขาเลี้ยงมากับมือแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้เข้าข้างธารินจังเลยนะ อริญชย์หันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนเชิดหน้าหนีแต่กลับเอียงแก้มมาทางเขาอย่างจงใจ... เจ้าเด็กนี่ได้ทีก็เอาใหญ่ แต่ครั้งนี้เขาเป็นคนผิดจะให้ทำอะไรก็ยอมอยู่แล้ว

เขาเขย่งตัวขึ้นไปหอมฟอดใหญ่ “พอใจยัง”

“ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ยกโทษให้ก็ได้ครับ” ธารินหันกลับมารวบตัวอริญชย์ไปกอด ให้ตายสิ! เขาเกลียดตัวเองที่ยอมให้กับความเจ้าเล่ห์ของคนๆ นี้จัง “แล้วนี่อาจารย์เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ เงินเดือนหมอโรงพยาบาลรัฐไม่ได้เยอะขนาดนั้นสักหน่อย”

“ฉันเคยบอกนายแล้วไงว่าปู่กับย่าฉันย่าฉันทิ้งมรดกไว้ให้ ก็ไม่ได้เยอะมากหรอกแต่ก็ยังเหลือมากพอส่งนายเรียนจบอีกสองปีโดยไม่ต้องแอบไปทำงานล้างจานกับคุณศรด้วย”

ธารินหันควับไปหาพี่ชายทันทีเพิ่งนึกขั้นได้ว่ายังไม่ได้สะสางเรื่องนี้กันเลย “พี่บอกอาจารย์ใช่ไหม! ทั้งที่พี่สัญญากับผมแล้ว...”

“เปล่า ฉันจับได้เอง” อริญชย์รีบคว้าแก้มเด็กหนุ่มให้หันมาแล้วพูดต่อ “ก็นายทำตัวน่าสงสัยจะตาย เสื้อนักศึกษาก็ซักไม่ค่อยสะอาดแถมยังรีดไม่เรียบอีก มาหาฉันแต่ละทีก็สภาพเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน มือที่เคยนิ่มๆ ก็แห้งขึ้นตั้งเยอะ แพ้น้ำยาล้างจานหรือเปล่าเนี่ย” พลางลูบมือเด็กหนุ่มและยิ่งหงุดหงิดที่เห็นรอยขีดข่วนเล็กๆ บนหลังมือ

ธารากลอกตา โชคดีที่อริญชย์ยังไว้หน้าเขาบ้าง นึกถึงตอนที่อริญชย์มาดักรอที่หน้าบริษัทเมื่อหลายวันก่อนแล้วยังขนลุกไม่หาย


“ธารา! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับริน”

“ก็ไม่มีอะไรนี่นา หมอนั่นสบายดี...”

“สบายดีกับผีอะไร! ถึงฉันจะชอบแซวว่ารินเป็นลูกหมา แต่ก็เป็นหมาพันธุ์ชั้นดี ไม่ได้มอมแมมเป็นลูกหมาไม่มีเจ้าของแบบนั้น นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่าความจริงมันเป็นยังไง ก่อนที่ฉันจะโมโหจนบ้าแล้วไปเผาบ้านนายจริงๆ น่ะ”


เขาคิดว่าตอนตัวเองแอคติ้งทำเป็นเกลียดศรศรัณย์น่ากลัวแล้วนะ แต่เจอของจริงเข้าไปก็ทำเอาขวัญหนีดีฝ่อ นึกว่าตัวเองเป็นหัวขโมยแล้วโดนมาเฟียขาโหดมาทวงของสำคัญคืน และของสำคัญที่ว่าก็คือน้องชายเขานี่แหละ

“แต่ถึงยังไงผมก็คงรับเงินอาจารย์ไว้ไม่ได้หรอก ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกู้เรียน แล้วก็จะทำงานหาเงินเองด้วย”

“พูดอย่างกับฉันจะให้เงินนายฟรีๆ” อริญชย์ว่า “ฉันแค่เสียดายดอกเบี้ยที่นายต้องจ่ายให้รัฐน่ะ สู้เอามาให้ฉันดีกว่า ไม่ต้องห่วงนะทุกบาททุกสตางค์รวมทั้งยี่สิบล้านที่จ่ายให้พ่อกับแม่นายไปฉันเอาคืนคุ้มแน่”

“ผมต้องล้างจานกี่ใบ กี่ปีถึงจะใช้หนี้หมดเนี่ย”

“ล้างแค่จานชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมดหรอก นายต้องล้างไปถึงตู้เย็นโน่นเลยล่ะ”

ธารินสบนัยน์ตากลมที่กลับมาซุกซนเหมือนอย่างที่เขาชอบมองเสมอแล้วยิ้มกว้าง “งั้นผมคงต้องเริ่มล้างตั้งแต่คืนนี้เลยสินะ... จะล้างตั้งแต่รถยันห้องนอนเลย”

“ใส่ถุงด้วยนะ”

“ถุงมือ?”

“ถุงยางสิ!” อริญชย์โวยพร้อมกับเขกมะเหงกใส่เด็กหนุ่มไปครั้งหนึ่ง “ไม่ต้องใจร้อนเลย เรียนให้จบก่อนค่อยว่ากัน”

น้องโฮปตกใจรีบกอดขาอริญชย์แน่น “พี่ต่ายอย่าดุพี่รินสิ”

“ไม่ได้ดุครับ นี่วิธีคุยปกติของเราสองคน” อริญชย์หันไปอุ้มน้องโฮปขึ้นมาแล้วโยนกุญแจรถส่งให้ธาริน “กลับบ้านกันเถอะฉันง่วงแล้ว น้องโฮปก็ตาจะปิดแล้วเนี่ยเห็นไหม”

“อาจารย์ นี่รถใครครับ” ธารินชูกุญแจรถในมือให้ดูเพราะมันคนละยี่ห้อกับคันที่เขาเคยนั่งมาตลอด

“รถนาย” อริญชย์พูดหน้าตาเฉย

“รถผม?!”

“เอาไว้ขับไปเรียนไง แล้วก็ไปรับไปส่งน้องโฮปที่โรงเรียนด้วยจะได้ไม่ต้องไปขึ้นรถเมล์ร้อนๆ สมองยิ่งมีน้อยๆ อยู่เดี๋ยวละลายหมดก่อนถึงมหา’ ลัยกันพอดี”

ธารินเหลียวมองซ้ายขวาแล้วลองกดรีโมทดู แสงไฟหน้ารถเก๋งสปอร์ตสีเงินป้ายแดงที่จอดอยู่ไม่ไกลกะพริบขึ้นตอบรับความเป็นเจ้าของทันที “อาจารย์! รถนั่นมันแพงมากเลยไม่ใช่เหรอครับ!!”

“ไม่ต้องห่วงฉันบวกเพิ่มไปกับยี่สิบล้านเรียบร้อยแล้ว” อริญชย์ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งแล้วเดินไปเปิดประตู

“ธารา” ศรศรัณย์สะกิดคู่หมั้น เขาไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์มากนักแต่ก็รู้จักโลโก้ม้าผงาดที่อยู่บนฝากระโปรงรถ และถ้าเขาจำไม่ผิดนั่นคือ Ferrari Roma ที่เพิ่งจะเปิดตัวปีนี้และสนนราคาของมันก็เกือบจะเท่าๆ กับมูลค่าในเช็กที่อริญชย์ให้คุณธงชัยไป “คุณปู่คุณย่าคุณรินนี่เขาทำงานอะไรเหรอทำไมมีมรดกเยอะจังหรือว่านายแอบเอาให้ยืม”

ธารากวักมือให้เขยิบเข้ามาใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหู “ฉันก็สงสัยเหมือนกันเพราะคอนโดที่คุณรินอยู่น่ะชั้นล่างมันเริ่มต้นที่แปดล้านแล้วนี่คุณรินอยู่ชั้นเกือบบนสุด ฉันก็เลยแอบไปเช็กมา เดิมทีก็ไม่ได้รวยมากหรอก แต่เหมือนบรรพบุรุษเขาจะเป็นพวกชอบซื้อที่ดินสะสมน่ะ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดรวมแล้วก็ประมาณยี่สิบแปลงได้แล้วส่งต่อๆ มาให้ลูกหลาน พอถึงรุ่นคุณรินที่ไม่คิดจะเก็บไว้ก็เลยเอาโฉนดทั้งหมดไปลงขายในเว็บน่ะ แล้วก็บังเอิญว่าบางแปลงน่ะตอนนี้มูลค่ามันขึ้นไปสูงมากเพราะติดห้าง ติดรถไฟฟ้าบางแปลงรัฐก็ต้องการเวนคืนเพื่อทำทางรถไฟความเร็วสูง”

“แบบนี้ก็ได้เงินเยอะเลยสิ”

ธาราพยักหน้า “ก็ห้าสิบกว่าล้านน่ะ... นี่แค่โฉนดเดียวนะ ได้เต็มๆ เพราะขายเองไม่ผ่านนายหน้าด้วย ตอนนี้ก็ขายไปได้เกือบครึ่งแล้ว ถ้าเอาทั้งหมดมาแปลงเป็นมูลค่าแล้วไปบอกให้พ่อรู้ พ่อคงปูพรมแดงเชิญคุณรินเข้าบ้านแน่ๆ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้น้องชายฉันตกถังข้าวสารสบายไปทั้งชาติแล้วล่ะ”

ศรศรัณย์มองเด็กหนุ่มที่ปิดประตูรถให้อริญชย์ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นนั่งแล้วขับออกไป “แบบนี้ฉันก็ต้องเตรียมติดป้ายประกาศหาพนักงานคนใหม่แล้วสินะ เสียดายจังว่าจะหวังพึ่งหน้าหล่อๆ นั่นเรียกลูกค้าเข้าร้านสักหน่อย”

“แล้วถ้าเจ้ารินมันมาสมัครใหม่หรือขอมาช่วยงานที่ร้านนายอย่าไปรับเชียวนะ ฉันยอมมือพังล้างเองดีกว่า”

“งั้นพรุ่งนี้เราไปเลือกน้ำยาล้างจานกัน เอากลิ่นแบบที่นายชอบเลยนะ” ศรศรัณย์หันไปคล้องแขนธาราพร้อมกับยิ้มกว้าง “แล้วก็ซื้อพวกแฮนด์ครีมกับออยส์มาด้วยเลย ล้างปุ๊บทาปั๊บรับรองมือไม่แห้งแน่ๆ จ๊ะที่รัก”

“ล้างแค่จานเหรอ ฉันอยากล้างตู้เย็นด้วยนะ”

“ทะลึ่ง!” ศรศรัณย์ตีแขนเขาครั้งหนึ่งแล้วหันหน้าหนีก่อนจะกระซิบอายๆ “อยากล้างก็ล้าง แต่ห้ามใส่ถุงนะ”

“ถุงมือเหรอ”

“ถุงยางนี่แหละ!”

“ไม่กลัวถลอกเหรอ”

“กลัวนักก็ไม่ต้องทำ” ศรศรัณย์ว่าแล้วปล่อยมือเดินหนีไปขึ้นรถ ธาราหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีที่แกล้งแหย่คนรักได้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ตามไปง้อ

OOOOOO
(ต่ออีกนิดค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(จบแล้วค่ะ)

สองปีต่อมา

“ยินดีด้วยนะรินในที่สุดก็จบจนได้” ธารากล่าวแสดงความยินดีกับน้องชายพร้อมกับส่งดอกไม้ช่อใหญ่ในมือให้ พ่อกับแม่ขอองธารินก็มาร่วมงานรับปริญญาด้วย ทั้งสองคนมีหน้าตายิ้มแย้มและคอยชี้นิ้วสั่งช่างภาพที่จ้างมาให้ตามเก็บภาพให้ครบทุกช่วงเวลา แม้จะเป็นตอนที่ธารินยกขวดน้ำขึ้นดื่มก็ตาม

หลังจากที่เขาตกน้ำวันนั้นพ่อกับแม่ของเขาก็ปฏิบัติกับเขาดีขึ้นมาก ถึงบางครั้งจะยังมีจู้จี้จุกจิกอยู่บ้างแต่ก็ด้วยเรื่องเล็กน้อยค่อนไปทางน้อยใจมากกว่าเช่นการที่เขากลับมากินข้าวที่บ้านแค่เดือนละครั้ง จนเขาต้องเพิ่มเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ถึงจะหยุดบ่นกันไปได้

และเพราะได้ติวเตอร์ดีทั้งที่คณะคือกิตติชัยกับปุณณ์และที่บ้านคืออริญชย์รวมกับความตั้งใจอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เกรดในสองปีสุดท้ายของธารินจึงดีขึ้นจนน่าใจหายทำให้เกรดเฉลี่ยรวมตอนจบแตะที่เลขสามนั่นยิ่งทำให้ทุกคนโดยเฉพาะเจ้าตัวหน้าบานไปกันใหญ่ พ่อกับแม่ถึงขั้นจะเอาใส่กรอบไปติดฝาบ้านทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคัดค้านเรื่องที่เขาเป็นหมอแทบตาย

ไพลินที่กลับมาเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ดีอีกครั้งแวะเอาช่อดอกไม้มาให้และถ่ายรูปด้วยแป๊บนึงก่อนจะกลับไปเพราะวันนี้ลูกของเธอมีนัดฉีดวัคซีน ไพลินเองก็ทะเลาะกับที่บ้านเรื่องท้องไม่มีพ่อใหญ่โตแต่เธอกกัดฟันสู้ทำทุกอย่างเองคนเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปฝากครรภ์และเตรียมของใช้ต่างๆ โดยมีตาณคอยช่วยเหลือจนกระทั่งวันถึงคลอด พอเด็กน้อยลืมตาขึ้นมาดูโลก ความไร้เดียงสาของเด็กก็ทำให้ตากับยายใจอ่อนในที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอได้ลูกชายด้วย และเพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมไพลินจึงสร้างข้อตกลงขึ้นมาว่าเธอจะเลี้ยงลูกเอง ส่วนเรื่องที่ว่าลูกชายของเธอคนนี้จะรับสืบทอดงานของที่บ้านหรือเปล่าก็รอให้เจ้าตัวโตแล้วเป็นคนตัดสินใจซึ่งพ่อกับแม่ก็ยอมรับข้อเสนออย่างช่วยไม่ได้เพราะหลงรักหลานชายหน้าลูกครึ่งตาสีฟ้าไปแล้ว

“แล้วนี่ศรไปไหนทำไมไม่ด้วยกัน” วิลาวรรณหันไปถามหาสะใภ้กับลูกชายคนโต

“ไปห้องน้ำครับ”

“ตายแล้วธารา!” วิลาวรรณตีแขนลูกชาย “ทำไมไม่ไปดูศร เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย”

“ผมมาแล้วครับคุณป้า” ศรศรัณย์ที่เพิ่งเดินอุ้ยอ้ายมาถึงรีบแสดงตัว

วิลาวรรณรีบแบ่งร่มที่กางอยู่ให้สะใภ้โอเมก้าแล้วดึงมายืนข้างกัน ธารินมองภาพตรงหน้าแล้วหันไปสบตาพี่ชายยิ้มๆ ตอนนี้ศรศรัณย์เป็นที่รักของพ่อกับแม่ยิ่งกว่าพวกเขาสองคนรวมกันเสียอีก เพราะศรศรัณย์กำลังอุ้มท้องหลานสาวคนแรกของบ้านและมีกำหนดคลอดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้

ธาราใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้นางฟ้าของเขาพลางยิ้มให้ รู้สึกภูมิใจในตัวศรศรัณย์ที่คอยอยู่เคียงข้างเขาแม้ว่าจะต้องทนเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจจากความล้มเหลวของการผสมเทียมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ศรศรัณย์ก็ไม่เคยต่อว่าเขาและให้กำลังใจมาตลอด จนในที่สุดฟ้าก็ส่งเด็กคนนี้มาให้ด้วยวิธีการธรรมชาติอย่างไม่คาดฝัน เขายังจำวันที่อุ้มศรศรัณย์วิ่งตะโกนด้วยความดีใจไปรอบๆ บ้านก่อนจะพากันไปเหมาซื้อที่ตรวจการตั้งมาเป็นโหลเพื่อดูให้แน่ใจว่าขึ้นสองขีดจริงๆ ก่อนจะพากันไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ และที่ตรวจครรภ์อันนั้นเขายังเก็บใส่กรอบสามมิติติดไว้ที่ห้องนอนเป็นเครื่องแสดงความรักและความเข้าใจของพวกเขาสองคน

“พี่ริน~” น้องโฮปวิ่งฝ่าฝูงชนตรงมาหาธาริน ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กชายตัวผอมอีกต่อไปแล้ว ร่างกายของเขาอ้วนท้วนสมบูรณ์และสูงขึ้นอีกหลายเซ็นติเมตร อาการหอบก็ไม่กำเริบมานานแล้ว น้องโฮปย้ายมาอยู่กับพวกเขาที่คอนโดของอริญชย์อย่างถาวรและได้ไปโรงเรียนทุกวัน จากเด็กขี้อายที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเดี๋ยวนี้กลายเป็นคนพูดเก่งมีเพื่อนเยอะซ้ำยังฉายแววหล่อแต่เด็กมีสาวๆ มาแอบชอบหลายคนแต่ก็ต้องอกหักกลับไปทั้งแถวเพราะเจ้าตัวประกาศชัดเจนว่าจะคบกับคนที่สวยและเก่งเหมือนพี่ต่ายของเขาเท่านั้น ทำเอาอริญชย์กุมขมับในขณะที่ธารินหัวเราะชอบใจและหวังว่าจะหาเจอสักคนจะรีบไปขอมาให้เลย ที่บ้านคงจะครึกครื้นมากแน่ๆ

“นี่ของขวัญของน้องโฮปครับ” น้องโฮปส่งหมอนรองคอรูปกระต่ายกอดแครอทให้ “พี่ต่ายบอกว่าเป็นหมอต้องทำงานหนัก พี่รินจะได้มีหมอนเอาไว้งีบหลับเวลาทำงานเหนื่อยๆ นะครับ”

“ขอบคุณนะครับ แล้วนี่พี่ต่ายอยู่ไหนทำไมไม่มาด้วยกัน” ธารินกอดน้องโฮปไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งพลางกวาดตามองหาไปในฝูงชน เพียงอึดใจเดียวก็เห็นร่างบางเดินมาหาและนึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้อริญชย์แต่งตัวเนี้ยบกว่าปกติแถมยังไม่ใส่แว่นด้วย จนเขาอดยิ้มกว้างไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคงตั้งใจเลือกชุดมางานรับปริญญาของเขาน่าดู

อริญชย์ยกมือไหว้คุณธงชัยกับวิลาวรรณแล้วโบกมือทักทายธารากับศรศรัณย์ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษใบเล็กออกมาส่งให้ “เอ้านี่! ของขวัญของฉัน”

ธารินรับมาถือไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะอยู่ด้วยกันทุกวันอริญชย์ไม่ได้ดูตื่นเต้นและมีทีท่าจะเตรียมของอะไรไว้ให้เขาเลย “ไปถ่ายรูปกันเถอะครับ”

“นายไปถ่ายกับน้องโฮป กับคนอื่นๆ เถอะ อากาศร้อนคนเยอะจนฉันหน้ามืดแล้วเนี่ย เดี๋ยวฉันไปนั่งรออยู่ในร่มตรงนั้นนะ”

“เดี๋ยวผมพาไปนะครับ”

“ไม่ต้องๆ อยู่กับคนอื่นๆ ไป” อริญชย์ดันอกธารินไม่ให้ตามมาแล้วหันหลังเดินตรงไปยังร่มไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด

“เกิดอะไรขึ้น” ธาราถามน้องชายที่มองตามหลังร่างบางด้วยท่าทีหงอยๆ “ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม”

“อาจารย์แค่บ่นว่าร้อนครับ”

“แล้วนั่นคุณรินให้อะไรนายมา” ศรศรัณย์พยักเพยิดไปยังกล่องสี่เหลี่ยมในมือด้วยความอยากรู้

ธารินเองก็สงสัยไม่แพ้กัน เขารีบแกะออกดูและพบว่ามันคือ baby tracker ที่เขาเคยให้อริญชย์ไปเมื่อสองปีก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่นั่งเท้าคางเอามือบังหน้าไว้เกือบครึ่งแล้วเปิดออกดู เขาเงยหน้าขึ้นมองอริญชย์อีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา

“ตกลงคุณรินให้อะไรนาย” ศรศรัณย์ถามซ้ำ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ฟัง ธารินวิ่งพรวดตรงไปหาคนที่นั่งหลบอยู่ใต้ร่มไม้

ส่วนทางฝ่ายอริญชย์พอเห็นเด็กหนุ่มวิ่งมาหาก็จะลุกหนี แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาถูกเด็กหนุ่มรวบตัวไว้ในอ้อมแขนก่อนจะถูกอุ้มลอยขึ้นแล้วจูบโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าดของคนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้น

“ริน ปล่อย ไม่เอาน่า อายคนอื่นเขา” อริญชย์โวยวายทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมวางเขาลง

“อายแล้วเอามาให้ผมวันนี้ทำไมครับ” ธารินหอมแก้มไปอีกรอบ ที่เห็นว่าหน้าแดงไม่ใช่เพราะร้อนแดดแต่เป็นเพราะเจ้าตัวกำลังเขินมากต่างหาก

“ก็...” อริญชย์ก้มหน้างุดแล้วแก้มขาวก็แดงขึ้นอีกเมื่อธารินหันไปตะโกนบอกทุกๆ คนว่าของขวัญที่เขาเพิ่งให้ไปคืออะไร

“ทุกคน ผมได้ลูกชายครับ!”

“ดีใจด้วย!” สมาชิกในบ้านรวมทั้งกิตติชัยกับปุณณ์ร่วมปรบมือแสดงความยินดีกับข่าวดีนี้

ธารินหันกลับมามองคนในอ้อมแขนอย่างแสนรัก “แม่ริน”

“อะไรน่ะ ขนลุก” อริญชย์ดิ้นหลุดลงมายืนบนพื้นได้สำเร็จแต่ก็ยังหนีไม่พ้นวงแขนของธารินอยู่ดี

“ก็เรียนจบแล้วไม่ต้องเรียกอาจารย์แล้ว แล้วตอนนี้อาจารย์ก็เป็นแม่ของลูก ผมเรียกแม่รินก็ถูกแล้ว”

“ไม่เอา ไม่ให้เรียกตลกจะตาย”

“แล้วจะให้เรียกอะไร แม่จ๋า ที่รัก เมีย”

ตอนนี้หน้าของอริญชย์ร้อนยิ่งกว่าพระอาทิตย์ที่แผดแสงอยู่เหนือหัวเสียอีก “ริน! ถ้าฉันยอมบอกว่าฉันคิดยังไงกับนาย นายจะเลิกเรียกฉันด้วยคำพวกนั้นแล้วเรียกอย่างอื่นได้ไหม”

ธารินทำเป็นคิดอยู่อึดใจ “ได้ครับ”

อริญชย์เม้มปากสนิท เขาอายที่จะพูดความในใจตามที่สัญญาไว้ก็เลยเลือกบอกข่าวดีในวันนี้เพราะคิดว่าจะอายน้อยกว่า แต่ที่ไหนได้สุดท้ายเขาก็ต้องพูดอยู่ดี อริญชย์เงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของอ้อมแขนอบอุ่นและดวงตาเป็นประกายตรงหน้า จริงๆ แล้วมันไม่ได้พูดยากหรอก แต่เขารู้ว่าธารินจะมีปฏิกริยาตอบรับยังไงและเขากลัวใจตัวเองว่าจะรับไม่ไหว

“ฉันรักนาย”

รอยยิ้มกว้างเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ขึ้นเต็มหน้าจนอริญชย์แสบตาไปหมด เขารีบก้มหน้าหนีรอยยิ้มนั้นเพราะเดี๋ยวจะเผลอไปจูบเข้า แต่สุดท้ายเขาก็ถูกธารินดึงตัวไปจูบเสียเอง

“ผมก็รักแม่ต่ายที่สุดเลยครับ”

อริญชย์ใช้สันมือดันหน้าเด็กหนุ่มให้ถอยห่างออกไป รู้สึกว่าวันนี้โดนจูบจนเบลอไปหมดแล้ว “เดี๋ยวก่อน! คำนั้นมาจากไหนน่ะ”

ธารินพยักเพยิดไปทางเด็กชายที่ยืนยิ้มมองพวกเขาตาเป็นประกายวิบวับ

“แม่ต่ายครับ น้องโฮปจะมีน้องแล้วเหรอ”

ธารินปล่อยตัวอริญชย์แล้วหันไปอุ้มน้องโฮปขึ้นมา “ใช่ครับ น้องโฮปต้องรักน้องให้มากๆ นะ”

อริญชย์ลอบถอนหายใจ... นับวันจะยิ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนะสองคนนี้

“พ่อรินครับแล้วเราจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรดี”

อริญชย์ตาโต ...เผลอแป๊บเดียวจากพี่รินกลายเป็นพ่อรินไปได้ยังไงเนี่ย!

“น้องโฮปอยากได้ชื่อว่าอะไรล่ะครับ”

“แม่ต่ายตั้งชื่อจริงให้น้องโฮปว่านันทภพที่แปลว่าความสุข” น้องโฮปนิ่วหน้าคิด “น้องโฮปอยากได้ชื่อน้องที่คล้องกับน้องโฮปแล้วก็มีความหมายว่าเป็นที่รัก น้องจะได้รู้ว่าพวกเรารักน้องมากแค่ไหน”

“งั้นชื่อนี้เป็นไงครับ” ธารินหันหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดเว็บเสิร์ชหาชื่อมงคลให้ดู

“พน – ละ - พัด”

“พลภัฒม์แปลว่าผู้เป็นที่รักที่สุด” ธารินอ่านคำบรรยายให้ฟัง

“เอาชื่อนี้ครับพ่อริน น้องโฮปชอบชื่อนี้”

“ใจเย็นนะทั้งสองคน ฉันเพิ่งท้องได้สองเดือนเอง” อริญชย์พยายามท้วงแต่ก็ไม่ทันสองพ่อลูกที่วางแผนกันไปไกลแล้ว

“เดี๋ยวเย็นนี้เราไปซื้อของเตรียมให้น้องกันนะครับ”

“พ่อรินอย่าเพิ่งใจร้อนสิ ตอนนี้พ่อรินต้องพาแม่ต่ายไปฝากท้องแล้วก็ซื้อยาบำรุงกับทำอาหารดีๆ มีประโยชน์ให้แม่ต่ายกินเยอะๆ นะน้องจะได้แข็งแรง”

“ได้เลยครับ”

อริญชย์ถอนหายใจพลางกุมขมับ ดูท่าเขาพูดอะไรไปสองคนนี้ก็ไม่ฟังแล้วสินะ

“แม่ต่าย!”

“อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องมาถามความเห็นฉันหรอก” ทันทีที่อริญชย์บ่นจบริมฝีปากอุ่นก็ประทับลงมาบนแก้มทั้งสองข้างพร้อมกัน

“ขอบคุณนะครับ”

“พวกเรารักแม่ต่ายนะครับ”

อริญชย์ยกมือขึ้นกุมหน้าที่ร้อนไปหมด เขาตวัดตามองทั้งสองคนสลับกันแล้วพูดเสียงเบา “รู้แล้ว... ฉันเองก็รักทั้งสองคนเหมือนกัน”

พูดจบก็พยายามจะหันหนีด้วยความเขิน แต่ทางซ้ายก็เป็นธาริน ทางขวาก็เป็นน้องโฮป อริญชย์ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการซบหน้าลงบนอกกว้างให้รู้แล้วรู้รอด ธารินกอดเขาไว้ เขากอดตอบแนบแน่นและรู้สึกว่าเช้าวันใหม่ที่ดีกว่าเดิมกำลังมาถึง

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเกิดมาพร้อมความสมบูรณ์ครบสามสิบสองภายใต้ความรักและความพร้อมของครอบครัวก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าหากมันมีอะไรสักอย่างที่บิดเบี้ยวไป ก็อย่าเพิ่งท้อถอยให้กับความโชคร้ายของโชคชะตาที่มากลั่นแล้ง เราคงต้องยอมรับกับสิ่งที่ฟ้ากำหนดมา แต่จงเลือกใช้ชีวิตในเส้นทางที่เรากำหนดเอง แล้ววันหนึ่งเราจะค้นพบว่าเราสามารถยิ้มได้กว้างและมีความสุขไม่น้อยไปกว่าใคร

ถึงจะไม่ใช่เครื่องบินเจ็ต แต่เราก็เป็นเครื่องบินกระดาษที่สามารถบินไปยังเส้นชัยได้ด้วยปีกของเราเอง



The End

*************************************************************

จบแล้ววววววว

เช่นเคยค่า ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่กันมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณที่เอ็นดูหมอรินกับเจ้ารินนะคะ

นี่ไม่ใช่ตอนจบที่ดีที่สุด แต่เป็นตอนจบที่เราคิดว่าเหมาะดีแล้วกับคู่นี้ หลายคนคงคิดว่าทำไมตัวละครบางตัวไม่ได้รับกรรมที่ก่อไว้เลยหรือว่าได้น้อยจัง นี่เป็นความตั้งใจของเราเลยค่ะ 'เพราะชีวิตมันไม่ได้เพอร์เฟค' ตัวละครในเรื่องทุกตัวก็เริ่มต้นมาแบบนั้น (ชื่อตัวละครที่ดูเหมือนซ้ำไปซ้ำมาเยอะๆ นั่นทั้งอริญชย์ ธาริน ไพลิน ก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจเหมือนกัน แต่ละรินก็มีชีวิตกันไปคนละแบบคนนึงเรียนเก่งหน้าตาดีแต่เพราะเป็นโอเมก้าเลยไม่เป็นที่ยอมรับ คนนึงเป็นอัลฟ่าหล่อแต่เรียนไม่เก่งสู้พี่ไม่ได้พ่อแม่ก็ไม่รัก อีกคนสวยเก่งเป็นอัลฟ่าแต่พ่อแม่ก็ไม่รักเพราะไม่ใช่ลูกชาย) เอาจริงๆ หมอรินก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันดีมันถูกต้องมาตั้งแต่ต้น และรินก็ยอมรับกับผลในทุกๆ ทางเลือกของเขา 

ข่าวดีอีกอย่างที่อยากบอก หมอรินมีสนพ.มาสู่ขอแล้วนะคะ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบค่ะ นอกจากหยอดกระปุกหมูไว้รอพี่วินทร์แล้วเผื่อๆ ไว้ให้หมอรินด้วยนะคะ ^^

เดี๋ยวจะเปิดเรื่องใหม่ล่ะ 'กลชลธาร' เป็นแนวจีนย้อนยุคไปแถวๆ พันกว่าปีก่อนคริสตกาลตอนฮ่องเต้องค์สุดท้ายราชวงศ์ชาง ผสมแฟนตาซีหน่อยๆ และข้ามเวลานิดๆ เรื่องนี้จะไม่ดราม่าให้ช้ำใจแบบเรื่องนี้ล่ะ จะเน้นจีบหวานๆผสมแอบรักแบบพี่สิงห์น้องอิงค์ค่ะ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2020 11:52:29 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ prympws

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
จบแล้ววว ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :heaven :heaven :heaven :heaven ดีงามมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ได้ลูกชายสมใจแม่ต่ายเลยสินะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ :L2:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ขอบคุณค่ะ เนื้อเรื่องสนุก เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องที่แต่ง :L2: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ss.suttida

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นเรื่องที่ปล่อยใจอ่านไม่ได้เลย ต้องครุ่นคิด​ตลอดปมแล้วปมเล่า

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกและน่ารักมาก
ชอบธาริน ที่รักมั่นคงตรงใจ ไม่เปลี่ยนแปลง
ยินดีที่ได้มีส่วนร่วม ในcomment เรื่องดีๆนี้
ขอขอบคุณนักเขียน
 :pig4: :pig4: :pig4:
 o13 :mew1:

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
น่ารัก อบอุ่น สะท้อนสังคมดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแล้ววว
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบแนวนี้มากกกก

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
จบแล้ววว น่ารักอบอุ่นมากกกก ในที่สุดพี่ต่ายก็มีครอบครัวและมีความสุขแล้วนะ :hao5:

ขอบคุณที่นะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ น่ารัก สนุก ชอบมากค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Precious time #1 ห้องแคบ
   
“นอนได้นะ” อริญชย์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเอ่ยถามคนที่นอนอยู่บนพื้น

ถึงอริญชย์จะเตรียมการไว้บางส่วนแล้วทั้งส่วนเรื่องรับธารินและน้องโฮปมาอยู่ด้วย แต่ทุกอย่างก็ใช่ว่าจะเรียบร้อยดี ห้องนอนเล็กที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะยกให้เป็นห้องส่วนตัวของน้องโฮปถูกเคลียร์ข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดของเขาออกมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนกับผ้าห่มลายน่ารักๆ และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับเด็กเลย ส่วนธารินนั้นไม่น่าห่วงเท่าไหร่เพราะเคยมาค้างที่ห้องเขาบ่อยๆ ก็เลยมีข้าวของบางส่วนทิ้งไว้บ้างหากมันก็ยังไม่เหมือนการย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบถาวร วันนี้ก็เป็นวันแรกที่น้องโฮปมาที่ห้องนี้ เพื่อเป็นการเริ่มต้นสร้างความคุ้นเคย พวกเขาจึงตัดสินใจมานอนด้วยกันในห้องนอนใหญ่ไปก่อน

อันที่จริงเตียงขนาดห้าฟุตนั้นก็ไม่ได้คับแคบจนเกินไปที่จะให้ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กอีกหนึ่งคนนอนด้วยกัน แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่สองคนนั้นดันไม่ไว้ใจตัวเองทั้งคู่ว่าจะทนนอนข้างกันเฉยๆ ได้ และถ้าพวกเขาเผลอทำอะไรเสียงดังไปก็คงจะไม่เข้าท่านักธารินจึงยอมเสียสละตัวเองลงไปนอนที่พื้น

“สบายมากครับ” ธารินเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังดูแลห่มผ้าให้น้องโฮปที่หลับปุ๋ยไปแล้วเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
 
อริญชย์เหลียวมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่ามันกว้างเหลือเกินจนรู้สึกเหงาเกินไปที่จะอยู่คนเดียว พอมาวันนี้มีเด็กหนุ่มตัวโตกับเด็กชายตัวจ้อยเข้ามาอยู่ด้วยห้องก็ดูแคบไปถนัดตา เขาตบมือเบาๆ ลงบนหน้าอกน้องโฮปเป็นเชิงกล่อมให้นอนพลางมองสำรวจไปด้วย

เผลอแป๊บเดียวเด็กชายตัวจ้อยในห่อผ้ามอมแมมก็โตมาได้ขนาดนี้แล้ว ถึงจะไม่ได้ตั้งท้องและคลอดออกมาเองแต่เขาก็เลี้ยงมากับมือถึงห้าปีเต็ม ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันแต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็จะตั้งใจดูแลเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด ที่เขาบอกน้องโฮปตอนที่อยู่บนสะพานว่าไม่ดีพอจะเป็นพ่อกับแม่ให้ได้นั่นเขาพูดจริงๆ เพราะเขาเองก็เติบโตมาแบบกระท่อนกระแท่น แม่มีชู้ พ่อฆ่าตัวตาย พอเข้าวัยรุ่นก็ใช้ชีวิตตามใจตัวเองในโลกกลางคืนมากกว่ากลางวัน เขาหวังว่าน้องโฮปจะเข้าใจ เขาไม่ได้รังเกียจถ้าน้องโฮปอยากจะเรียกเขาว่าพ่อหรือแม่ เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคำนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขามั่นใจว่าตัวเองจะดูแลเด็กคนนี้ได้ดีไม่น้อยไปกว่าใคร

“เดี๋ยวพอตื่นแล้วเราออกไปหาอะไรกินกับซื้อของใช้ให้น้องโฮปกับนายกันนะ”

“แค่ของน้องโฮปก็พอครับ ของผมเดี๋ยวไปขนเอามาจากที่บ้านก็ได้ เสื้อผ้าที่อาจารย์ซื้อให้วันก่อนก็ยังไม่ได้แกะออกจากถุงเลยด้วยซ้ำ”

“ก็อยากซื้อให้นี่นา วันก่อนที่ไปฉันเห็นป้ายแบรนด์ Allure เปิดตัวคอลเลคชันใหม่เพราะนายมัวแต่ห้ามน่ะแหละฉันเลยไม่ได้แวะไปดูเลย”

“แบรนด์นั้นขายพวกชุดแนวเซ็กซี่ไม่ใช่เหรอครับ” ธารินเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “อาจารย์จะซื้อเอาไปใส่ให้ใครดูครับ... พวกอัลฟ่าที่คลับเหรอ”

“อัลฟ่าที่บ้านนี่แหละ” อริญชย์ตอบยิ้มๆ

“เสียใจด้วยนะครับ คนที่บ้านไม่ชอบแบบนี้”

“แล้วชอบแบบไหน”

“แบบที่ไม่ใส่อะไรเลย”

อริญชย์หัวเราะในลำคอ การได้หยอกล้อกับธารินทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนกล้าพูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมา
“นายคิดว่าฉันจะเลี้ยงน้องโฮปได้ไหม... ตอนเด็กว่ายากแล้วแต่ถ้าโตกว่านี้จะยากขึ้นไปอีกนะ ไหนจะต้องพาไปโรงเรียน สอนการบ้าน นั่นยังไม่นับรวมเรื่องจิปาถะอย่างเรื่องการคบเพื่อน เรื่องมีแฟนอีก ฉันก็ทำเป็นแต่สอนคนอื่นพอถึงคราวตัวเองก็อดกังวลไม่ได้เหมือนกัน”

“เราครับ” ธารินแก้ให้ใหม่ “เราสองคนต้องช่วยกันเลี้ยงน้องโฮปได้แน่ๆ ครับ รวมถึงลูกของเราในอนาคตด้วย”

อริญชย์หันไปมองคนที่นอนอยู่บนพื้นซึ่งกำลังมองตรงมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว ธารินยื่นมือขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่ทำเอาหัวใจสั่นระรัว

“เราไปจดทะเบียนกันไหมครับ จะได้รับน้องโฮปมาอยู่ด้วยอย่างถูกต้องแล้วเวลาพาไปสมัครเรียนหรือทำธุรกรรมอะไรก็จะได้สะดวก”

“นายยังเรียนไม่จบเลยนะ”

“เพราะผมเรียนหมอต่างหากก็เลยยังไม่จบ” ธารินว่า “เพื่อนผมที่อยู่คณะอื่นเตรียมรับปริญญากันหมดแล้วครับ แล้วผู้ชายอายุยี่สิบปีก็สามารถจดทะเบียนได้โดยไม่ต้องให้พ่อแม่ยินยอมด้วย... แต่ถ้าอาจารย์ยังไม่มั่นใจในตัวผม ก็รอให้ผมเรียนจบก่อนก็ได้ หรือไม่ก็ลองไปปรึกษาพี่กับพี่ศรดูไหมครับ สองคนนั้นอาจจะยอมช่วยเรา”

อริญชย์บีบมือเด็กหนุ่มแน่นด้วยความตื้นตันใจ ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อสิ่งที่คิดฝันว่าอยากจะทำอยู่ในหัวถูกถ่ายทอดออกมาผ่านริมฝีปากเด็กหนุ่มแต่ก็ยังไม่วายปากแข็งจึงบ่ายเบี่ยงไปทั้งที่ใจตอบตกลงไปแล้ว “ยังไม่ได้แต่งงานเลยจะมาจดทะเบียนอะไร นายนี่นะทำอะไรข้ามขั้นไปหมด”

“เราสองคนมันก็ข้ามขั้นไปมาตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับเพราะจนป่านนี้แล้วอาจารย์ก็ยังไม่ยอมบอกสักทีว่ารู้สึกยังไงกับผม” ธารินพูดยิ้มๆ

อริญชย์ก้มหน้างุด เขาขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ก็วกกลับมาพูดเรื่องนี้ พอเหลือบตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ยังคงเห็นเด็กหนุ่มมองมาและยิ้มให้อยู่ ในเมื่อหนีไม่พ้นก็ขอลงไปมองใกล้ๆ ละกัน “รับนะ”

ธารินยังไม่ทันเข้าใจว่าอริญชย์ต้องการจะสื่อหรือทำอะไร ร่างบางก็กลิ้งลงจากเตียงหล่นตุบมานอนเกาะอยู่บนหน้าอกของเขาเป็นที่เรียบร้อย

“อาจารย์ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ สิครับ” ธารินหัวเราะคิกคักกับผู้ใหญ่ที่จู่ๆ ก็ทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนขึ้นมา

“ตรงนี้นอนสบายกว่านี่นา” อริญชย์ซุกหน้าลงแนบกับอกกว้างเพราะถึงปากจะทำเป็นเอ่ยไล่แต่เด็กหนุ่มกลับโอบแขนกอดเขาไว้เสียแน่น ก่อนขึ้นเตียงทำเป็นปากดีทั้งคู่ว่าจะแยกกันนอนแต่น้องโฮปยังหลับได้ไม่ถึงสิบนาทีก็กลิ้งมานอนด้วยกันแล้ว รู้สึกคิดถึงมากมายทั้งที่ครั้งสุดท้ายที่นอนด้วยกันนั่นก็เพิ่งเมื่อวานแท้ๆ ช่างเป็น 24 ชั่วโมงที่มีแต่เรื่องวุ่นวายจนเกือบจะลืมความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้ไปเสียแล้ว

อริญชย์เอามือวางประสานไว้บนอกกว้างก่อนจะเอาคางวางเกยเพื่อมองหน้าเด็กหนุ่มให้ชัดๆ “ดีใจจังที่นายหาฉันเจอ… ได้นอนกอดนายแบบนี้ดีกว่านอนคนเดียวเยอะเลย”

ธารินลูบมือไปบนรอยแผลเป็นบนลำคอขาวที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นเองแล้วยกศีรษะขึ้นจูบหนักๆ ครั้งหนึ่ง “ห้ามไปเดินเล่นคนเดียวบนสะพานนั่นอีกแล้วนะครับ”

“ไม่ไปแล้ว มืดก็มืด ลมก็แรง หนาวก็ไม่มีใครให้กอด ฉันกลับมากอดนายดีกว่า” อริญชย์ดันตัวขึ้นไปเอาจมูกถูไถกับปลายคางธาริน กลายเป็นว่าตอนนี้เขาติดนิสัยนี้จากเด็กหนุ่มมาเรียบร้อยแล้ว ไอ้อาการเสพติดกลิ่นตัวคนรักเวลาดมแล้วรู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะฝังตัวลงในอกนี้

ธารินขยับศีรษะเอาปลายจมูกปัดกันไปมาก่อนจะจุ๊บเบาๆ ครั้งหนึ่งที่ริมฝีปาก “แล้วตกลงว่าจะแต่งหรือจะจดทะเบียนก่อนครับ”

อริญชย์ยิ้มพรายเจ้าลูกหมานี่กัดไม่ปล่อยจริงๆ “พรุ่งนี้ไปบอกพ่อกับแม่นายแล้วเราค่อยไปสำนักงานเขตกัน”
ธารินยิ้มตาพราวเสียจนคนมองรู้สึกเขิน “ได้ครับ”

“แล้วก็แวะไปหาพี่นายกับคุณศรด้วย ฉันต้องไปขอโทษแล้วก็ขอบคุณที่ทำให้สองคนนั่นวุ่นวายพานายไปหาน้องโฮปแล้วก็เรื่องที่นายตกน้ำอีก เฮ้อ~ ไมาๆ มาๆ มีเรื่องต้องทำเยอะเลยนะเนี่ย”

“ไม่เป็นไรครับ เราสองคนก็ค่อยๆ ทำกันไป ผมยินดีอยู่ช่วยอาจารย์ทำทั้งชีวิตอยู่แล้ว”

“ขอบใจนะ” อริญชย์กอดเด็กหนุ่มแน่น “เดี๋ยวนายตื่นแล้วปลุกฉันด้วยนะ ฉันไม่อยากให้น้องโฮปเห็นในสภาพนี้”

ธารินรับคำอริญชย์จึงซุกตัวลงนอนในอกและหลับสนิทในเวลาอึดใจ

หลังจากตื่นขึ้นมาทั้งสามก็ไปจัดการธุระตามที่วางแผนไว้เพียงแต่สลับนิดหน่อยโดยการชวนธารากับศรศรัณย์ไปหาพ่อกับแม่ด้วยเพราะสองคนนี้ก็อยากคุยเรื่องการจัดงานแต่งงานให้เรียบร้อย

เริ่มแรกธงชัยกับวิลาวรรณก็ดูกระอักกระอ่วนใจนิดๆ เพราะเคยออกตัวว่าไม่ชอบว่าที่ลูกสะใภ้โอเมก้าทั้งสองไว้เยอะ โดยเฉพาะกับอริญชย์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเจ้าคนคิดเจ้าแค้นไม่ยอมใครง่ายๆ ถึงแม้อริญชย์ที่ตอนนี้ไม่ติดใจเรื่องอะไรแล้วนั้นจะเริ่มต้นทักทายอย่างนอบน้อมก่อน ทั้งสองรับไหว้อย่างเงอะงะแล้วทุกคนก็เอาแต่นั่งมองหน้ากันด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี

เด็กชายตัวจ้อยที่นั่งอยู่บนตักธารินเหลียวมองบรรดาผู้ใหญ่ที่เอาแต่นั่งเงียบแม้แต่พี่รินที่แสนสดใสของเขายังทำหน้าเครียดจึงพูดขึ้นตามประสาเด็ก

“พี่รินครับคุณลุงคุณป้าเป็นพ่อกับแม่พี่รินใช่ไหมครับ” น้องโฮปดึงเสื้อถาม

“ใช่ครับ”

น้องโฮปกระโดดลงจากตักแล้วเดินเตาะแตะไปยืนตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นก้มไหว้จนก้นกระดกด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูพร้อมกับกล่าวเสียงใส “สวัสดีครับคุณปู่คุณย่า”

คนอื่นๆ พากันเหลือบตามองธงชัยกับวิลาวรรณด้วยกลัวว่าจะไม่พอใจ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้มีท่าทีเช่นนั้นค่อนไปทางตกใจซะมากกว่า

ธารินจะรวบตัวน้องโฮปมานั่งตักตามเดิมแต่พอไหว้เสร็จเด็กชายก็หันไปหยิบกระเช้าของฝากที่พวกเขาแวะซื้อติดไม้ติดมือมาส่งให้ แต่เพราะกระเช้านั้นมีขนาดใหญ่พอๆ กับตัวเด็กชายถึงจะออกแรงยกจนหน้าแดงก็ทำให้กระเช้าลอยพ้นขึ้นมาได้นิดเดียวจนวิลาวรรณต้องรีบยื่นมือมาประคองด้วยกลัวจะว่าหล่นทับเท้าจนได้แผล

น้องโฮปยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจที่ส่งของให้ได้ถึงมือคุณย่าที่ตนประกาศเรียก “พี่ต่ายกับพี่รินซื้อรังนกมาให้ น้องโฮปดูในทีวีเห็นพี่สาวคนสวยในโฆษณากินแล้วหน้าใสสุขภาพดีก็เลยซื้อมาฝากครับ แต่ไม่รู้อร่อยหรือเปล่าเพราะน้องโฮปก็ไม่เคยกินเหมือนกัน”

“เด็กคนนี้ลูกใครเหรอ” ธงชัยถามเสียงเรียบ

“เป็นเด็กกำพร้าที่เราตั้งใจจะรับมาดูแลน่ะครับ” ธารินอธิบาย “ถ้าจดทะเบียนสมรสก็ทำให้ขั้นตอนการรับลูกบุญธรรมง่ายขึ้น เวลาพาไปสมัครเรียนหรือถ้าน้องโฮปเจ็บป่วยขึ้นมาก็จัดการอะไรได้สะดวกด้วยครับ วันนี้พวกเราก็เลยตั้งใจมาคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้แหละ”

“คุณย่าชิมเลยไหมน้องโฮปเปิดให้” น้องโฮปหยิบขวดรังนกขึ้นมาแล้วออกแรงเปิด แต่ขวดฝาเกลียวนั้นก็แน่นเกินกว่ามือเล็กๆ ที่ยังกำไม่ค่อยจะมิดมีแรงบิดออกไหว เด็กชายไม่ละความพยายามเขานั่งลงกับพื้นเอาเท้าหนีบขวดไว้แล้วใช้สองมือบิดเต็มแรง “อึ๊บ!”

ท่าทีที่สู้ไม่ถอยอย่างไร้เดียงสาของเด็กชายทำเอาผู้ใหญ่กลั้นยิ้ม ธารินเอื้อมมือไปจะดึงมาเปิดให้ แต่กลับไม่ทันมือของผู้สูงวัยที่คว้าไปเปิดให้เสียก่อน

“นี่จ๊ะ” วิลาวรรณยื่นขวดที่เปิดแล้วส่งให้

น้องโฮปรับมาด้วยตาเป็นประกายราวกับเห็นเธอเป็นซุปเปอร์วูแมนที่มีพลังมหาศาลสามารถเปิดขวดรังนกได้ทำเอาวิลาวรรณยิ้มหน้าบานเหมือนเพิ่งไปเติมโบท๊อกซ์มาเลยทีเดียว “คุณย่าเก่งสมกับเป็นคุณแม่ของพี่รินเลยครับ... คุณย่าชิมสิครับอร่อยไหม”

ธาราหันไปสะกิดคุณแอนสาวใช้คนสนิทให้เอาช้อนคันเล็กมาส่งให้ เด็กชายรับช้อนมาแล้วตักรังนกขึ้นด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ก่อนจะทำปากจู๋เป่าเบาๆ

“ไม่ร้อนครับน้องโฮปเป่าแล้ว”

“ใครสอนให้ทำแบบนี้เนี่ย” วิลาวรรณถามด้วยความเอ็นดูพลางพยักเพยิดไปทางอริญชย์ “พี่ต่ายของหนูเหรอ”

“พี่ต่ายไม่ได้สอนครับเพราะพี่ต่ายงานยุ่ง วันๆ ก็เอาแต่ทำหน้าดุ” น้องโฮปตอบซื่อเสียจนพี่ต่ายของเขานั่งกุมขมับ จะเถียงก็เถียงไม่ออกเพราะเป็นเช่นนั้นจริงๆ “แต่น้องโฮปเห็นพี่ต่ายชอบทำแบบนี้เวลาป้อนข้าวน้องโฮปแล้วบอกให้กินเยอะๆ จะได้แข็งแรง…คุณย่ากินเยอะๆ นะครับจะได้แข็งแรงไม่ต้องกินยาขมๆ เม็ดโตๆ แบบน้องโฮป”

“หนูป่วยเป็นอะไรเหรอจ๊ะ”

“โรคปอดเรื้อรังน่ะครับ” อริญชย์ตอบแทน “ตอนเด็กๆ เขาจะหอบบ่อยมากจนออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เลย ต้องคอยให้ออกซิเจนพ่นยาตลอดแต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากจนแทบจะใช้ชีวิตได้เป็นปกติแล้วครับ”

วิลาวรรณพยักหน้าด้วยความสงสารแล้วยกขึ้นลูบศีรษะเด็กชายที่มองเธอตาแป๋วอย่างประหม่านิดๆ

“คุณย่ากินสิครับ”

“หนูกินเถอะจ๊ะหนูจะได้แข็งแรง”

น้องโฮปส่ายหน้า “อันนี้น้องโฮปตั้งใจซื้อมาฝากคุณย่าครับ”

“งั้นย่ากินก่อนแล้วน้องโฮปกินอีกคำนะ” วิลาวรรณทานรังนกจากช้อนที่น้องโฮปให้ก่อนจะรับช้อนมาแล้วตักคำใหม่ป้อนเด็กชาย “อร่อยไหมครับ”

น้องโฮปอมแก้มตุ้ยพร้อมกับพยักหน้า

“งั้นกินอีกนะ”

“แต่น้องโฮปซื้อมาฝากคุณย่านะครับ”

“ย่ากินแล้วไง”

ธงชัยมองภรรยาที่จู่ๆ ก็กลายไปเป็นคุณย่าแล้วก็กระแอมในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันไปหาลูกชายคนเล็ก
“พ่อไม่มีปัญหา แต่ขอให้เลื่อนไปเป็นวันเดียวกับวันแต่งงานของธารากับศรศรัณย์ละกัน อย่างน้อยจะได้ฤกษ์ดี ส่วนงานแต่งงานค่อยไว้จัดหลังลูกเรียนจบละกัน”

“ขอบคุณครับ” ธารินกับอริญชย์กล่าวพร้อมกันแต่ตอนนี้ธงชัยไม่สนใจจะรับไหว้แล้วเพราะมัวแต่หันไปดูภรรยากับหลานย่าอย่างสนอกสนใจ อยากจะแย่งตัวมานั่งตักบ้างแต่ก็ทำได้แค่ลูบหัวกับแอบจับแก้มยุ้ยเพราะโดนภรรยายึดตัวไปแล้ว

“คุณปู่ก็อยากกินด้วยครับคุณย่า” น้องโฮปชี้มือ “คุณย่าป้อนคุณปู่ด้วยสิ”

วิลาวรรรณหันไปมองสามีเขินๆ ด้วยวัยที่ล่วงมาจนจะถึงวัยเกษียณแถมยังอยู่ต่อหน้าลูกให้มาทำอะไรแบบนี้ก็น่าอายไปสักหน่อย “น้องโฮปป้อนเองดีกว่าครับ”

“ได้ครับ” น้องโฮปรับขวดรังนกมาแล้วประคองด้วยสองมือหันไปหาคุณธงชัยแล้วใช้ช้อนตักขึ้นมาเสียจนพูน “คุณปู่เป็นผู้ชายตัวโต คุณปู่ต้องกินคำใหญ่ๆ เลยนะครับจะได้แข็งแรง... อ้าม~”

ลูกๆ พากันกลั้นใจลุ้นว่าพ่อของเขาจะทำอย่างไร แต่พอธงชัยอ้าปากรับรังนกจากมือน้องโฮปพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้แล้วชมว่าอร่อยมากทุกคนก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วบรรยากาศการคุยธุระที่เหลือก็ผ่านไปได้ด้วยดี

งานแต่งของธารากับศรศรัณย์ยังยึดวันเดิมและหลังจากแต่งงานแล้วทั้งสองจะขอแยกไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งธาราแอบซื้อไว้ทำเป็นร้านอาหารให้คู่หมั้นและชวนให้พ่อกับแม่ไปร่วมแสดงยินดีในวันเปิดร้านด้วย

ตอนพวกเขากำลังจะกลับธงชัยก็เอ่ยขึ้น “ถ้าวันไหนแกกับคุณรินไม่สะดวกดูแลน้องโฮป เอามาฝากให้พ่อกับแม่ช่วยดูก็ได้นะ”

“พ่อกับแม่ไม่ได้งานยุ่งหรอกเหรอครับ” ธาราแกล้งถาม
ธงชัยเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างไว้เชิง “ก็ยุ่งแหละ... แต่ก็พอช่วยได้ถ้าแกขอ”

“โทรมาบอกก่อนนะย่าจะได้ให้คุณแอนเตรียมทำขนมไว้ให้น้องโฮปมีอะไรที่ชอบกินเป็นพิเศษไหมครับ”

“คุณย่าทำอะไรน้องโฮปก็ชอบหมดเลยครับ”

คำตอบนั้นทำเอาคุณย่าควักเงินค่าขนมส่งให้แทบไม่ทัน แบงค์ร้อยก็ไม่มี แบงค์ยี่สิบก็น้อยไป สุดท้ายเธอเลยหยิบแบงค์พันส่งให้ทั้งปึก “เอาไว้ซื้อขนมกินนะ”

น้องโฮปหันมามองธารินกับอริญชย์เพราะไม่เคยมีใครให้เงินมาก่อนพอผู้ปกครองของตนพยักหน้าอนุญาตจึงยกมือไหว้และยื่นมือไปรับไว้

“ไว้น้องโฮปจะแวะมาหาคุณปู่คุณย่าอีกนะครับ”

พอในบ้านเหลือกันแค่สองคนธงชัยกับวิลาวรรณก็รู้สึกใจหายเล็กๆ ที่จู่ๆ ลูกทั้งสองก็แยกบ้านออกไป น้องโฮปทำให้พวกเขานึกถึงเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรู้สึกดีใจมากมายที่รู้ว่าได้เป็นพ่อคนแม่คน ความรู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ป้อนข้าวป้อนนม ดูเด็กๆ วิ่งเล่นกันในสวน บ้างก็ทะเลาะต่อยตีกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวตามประสาเด็กผู้ชาย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเอาความรู้สึกพวกนี้ไปหลงลืมไว้ตรงไหนถึงได้ทำให้กลายเป็นคนใจร้ายที่คอยยัดเยียดความฝันและความหวังของตัวเองให้ลูกๆ แบกรับเอาไว้ได้ แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วจึงได้แต่ทำใจและปล่อยให้แต่ละคนทำตามทางที่เลือก อย่างน้อยก็ยังไปมาหาสู่กันได้ดีกว่าหายขาดจากกันไปเลย

หลังเสร็จธุระอริญชย์กับธารินก็พาน้องโฮปมาเดินห้างเลือกซื้อของใช้และอาหารสดอาหารแห้ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อริญชย์ต้องมายืนงงในดงชั้นวางนมกล่องว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดีปกติตัวเองก็กินแต่เหล้าแล้วก็ซื้อแค่น้ำเปล่าติดตู้ไว้ โชคดีที่น้องโฮปมียี่ห้อโปรดในดวงใจแล้วคือนมรสช็อคโกแลตกับไมโลโรงเรียน หน้าที่ของเขาก็เลยจบแค่ชี้นิ้วสั่งให้ธารินหยิบใส่รถเข็นโดยเขามีหน้าที่ยื่นบัตรเครดิตให้รูดตอนจ่ายเงินเท่านั้น

ซื้อของกินเสร็จแล้วก็ไปซื้อของใช้ ทีแรกอริญชย์ก็ไปช่วยเลือกแต่เพราะเสนออะไรไปสองหนุ่มก็ไม่เอา เขาเลยงอนปล่อยให้หนุ่มๆ ไปเลือกซื้อกันเองส่วนตัวเองแอบมาดูน้ำหอมกลิ่นใหม่เพราะเริ่มเบื่อของเก่าแล้วถึงจะมีอยู่เกือบสิบขวดก็เถอะ

“อันนี้หอมดีแฮะ” เลือกไปเลือกมาก็ได้กลิ่นถูกใจมาสามสี่ขวด ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะเหมาหมดเลยดีหรือเปล่าธารินก็ยื่นมือมาดึงเอาเทสเตอร์จากมือไปดม

“ไม่เห็นหอมเลยครับ”

“นายไม่ชอบเหรอฉันว่ากลิ่นกุหลาบป่านี่เซ็กซี่ดีออก… งั้นอันนี้ล่ะอันนี้ออกหวานกว่าหน่อย” อริญชย์ส่งเทสเตอร์อีกอันให้ลอง ธารินย่นจมูกพลางส่ายหน้า “ไม่ชอบสักอันครับ”

“อ้อ! ฉันนึกออกล่ะ นายชอบแบบหอมสะอาดใช่ไหม งั้นลองยี่ห้อนี้…” อริญชย์ไปต่อไม่ถูกเพราะเด็กหนุ่มดันชะโงกหน้ามาหอมแก้มเขาเสียฟอดใหญ่เสียจนพนักงานขายที่ยืนอยู่ด้วยหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“ผมชอบแบบนี้ครับ” ธารินตอบยิ้มๆ “โดยเฉพาะเวลาเขินแบบนี้ยิ่งชอบ ถ้าอาจารย์ชอบอยากซื้อไปฉีดเองก็ตามใจครับ แต่ถ้าจะซื้อไปฉีดให้ผมดม ผมไม่เอาครับกลิ่นตัวอาจารย์เปล่าๆ หอมกว่า”

อริญชย์ย่นปากใส่แล้วเก็บขวดน้ำหอมใส่ชั้นเงียบๆ พร้อมกับยิ้มเขิน พนักงานขายพยักหน้าให้อย่างเข้าใจก่อนจะปลีกตัวออกไปขายให้ลูกค้าคนอื่น

“แล้วพวกนายสองคนได้ของครบไหม” อริญชย์เปลี่ยนเรื่อง

“น้องโฮปเลือกชุดผ้าปูที่นอนลายคุณกระต่ายมา เสื้อผ้าอีกสามชุดแล้วก็ชุดนอนอีกสองชุดครับ ส่วนชุดนักเรียนคุณอิงอรบอกว่าซื้อไว้แล้วผมเลยไม่ซื้ออีก” ธารินนับนิ้วไล่เช็กลิสต์ “น่าจะหมดแล้วนะครับ… อ้อ! เวลายังเหลือเราไปดูพวกของแต่งบ้านอย่างกรอบรูปกันไหมครับ ผมจะเอาไปใส่รูปตั้งหัวเตียง แล้วก็ว่าจะซื้อคุณกระต่ายตัวใหม่ไว้ให้น้องโฮปกอดกันฝันร้ายด้วย”

“ไม่เห็นต้องมีของแบบนั้นเลย เวลาฝันร้ายก็แค่วิ่งมาหาฉันเอง” อริญชย์ลูบศีรษะน้องโฮปครั้งหนึ่ง “แต่ของมันต้องมีนี่นะ งั้นก็ไปซื้อกันเถอะ!”

ซื้อของจนเหนื่อยธารินเลยอาสาไปต่อคิวซื้อชานมไข่มุกเจ้าดังแล้วให้อริญชย์กับน้องโฮปนั่งเฝ้าของรออยู่

อริญชย์มองแถวที่ยาวยืดค่อยๆ สั้นลงทุกที จนกระทั่งเด็กหนุ่มได้ชาไข่มุกมาสามแก้วตาที่เริ่มปรือก็เบิกโตเท่าไข่ห่านด้วยความดีใจที่จะได้กินเครื่องดื่มที่เพิ่งขึ้นแท่นเมนูโปรดก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาลงเมื่อ้ห็นสาวสวยสองคนเดินมาสะกิดธารินแล้วส่งโทรศัพท์ให้

เด็กหนุ่มหันไปมองพวกเธอก่อนจะยิ้มกว้างแล้วรับโทรศัพท์มากดๆ อะไรสักอย่างส่งให้

...เบอร์โทรเหรอ... หรือว่าไลน์... ไม่หรอกมั้ง บางทีอาจจะเป็นเฟซหรือไอจีก็ได้... ว่าแต่พวกหล่อนเป็นใครถึงได้มาอ้อล้อของคนอื่น แล้วทำไมไอ้ลูกหมาของฉันถึงได้ไปกระดี๊กระด๊ากับคนแปลกหน้าขนาดนั้นเนี่ย!...

เขากำลังจะหันไปบอกน้องโฮปให้รออยู่ตรงนี้เพื่อจะได้ไปจัดการสองคนกับอีกหนึ่งตัวแต่พื้นที่ข้างตัวนั้นกลับว่างเปล่า เขาหมุนตัวพัลวันมองหาน้องโฮปด้วยความตกใจแต่เห็นอีกทีเด็กชายก็กำลังวิ่งหน้าตั้งไปกอดขาพี่รินแล้ว

“พี่รินๆ ชาไข่มุกได้หรือยังครับพี่ต่ายรอนานแล้วนะ”

“อุ๊ย! มากับน้องชายเหรอคะน่ารักจัง” สองสาวอุทานด้วยความเอ็นดูเด็กชายตัวจ้อย

“ผมไม่ใช่น้องชายพี่รินหรอกครับ”

“อ้าว แล้วหนูเป็นอะไรกับพี่รินจ๊ะ”
น้องโฮปเอานิ้วเคาะหัวทำท่าครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “น้องโฮปเป็นลูกพี่ต่าย แต่พี่ต่ายไม่ยอมให้น้องโฮปเรียกว่าแม่”

“แล้วพี่ต่ายเป็นใครคะ”

“พี่ต่ายเป็นแฟนพี่รินครับ” น้องโฮปตอบพลางหันไปเกาะแขนธารินแน่น “รีบไปเร็วครับเดี๋ยวพี่ต่ายหงุดหงิดวันนี้พี่รินได้ลงไปนอนข้างเตียงอีกนะ”

สองสาวสบตากันเลิ่กลั่ก

ธารินยิ้มบางให้แล้วปล่อยให้น้องโฮปจูงมือกลับไปส่งคืนให้พี่ต่ายที่ยืนกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่

“ฉันไม่ได้สอนนะ” อริญชย์รีบแก้ตัว

“พี่อินกับพี่ไอยสอน” น้องโฮปบอก “เอาไว้จัดการเวลามีคนมายุ่งกับแม่”

“สองคนนั้นก็แค่มาถามวิธีกดใช้โปรโมชั่นแค่นั้นเองครับ” ธารินบอก

อริญชย์กอดอกทำหน้าลอยหน้าลอยตา “อือ~ ฉันก็ไม่ได้หึงอะไรสักหน่อยนี่”

“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอาจารย์หึงสักคำ” ธารินยิ้มให้คนที่ปล่อยไก่ตัวโต อริญชย์จึงรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“น้องโฮปครับ ตอนอยู่ที่บ้านที่เรียกคุณปู่คุณย่านั่นพี่อินพี่ไอยก็สอนเหรอ” อริญชย์ถามพลางหยิกแก้มกลมด้วยความมันเขี้ยว

“แล้วน้องโฮปเรียกไม่ถูกเหรอครับ ก็คุณปู่คุณย่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของพี่รินนี่นา”

“ไม่ถูกครับ” ธารินรีบบอก “เพราะน้องโฮปต้องเรียกพี่รินว่าพ่อ...”

“ริน!” อริญชย์หยิกแขนเด็กหนุ่มจนแดง แล้วคว้าแก้วชานมไข่มุกส่วนของตนไปดูดแก้เขินอุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องแล้วนะ สองหน่อนี่ก็ขยันแกล้งเขาจัง

สองคนมองหน้ากันยิ้มๆ

“น้องโฮปบอกพี่รินแล้วเห็นไหมว่าพี่ต่ายไม่ชอบ”

“พี่ต่ายเขาแค่เขินแล้วท่ามากไปหน่อยน่ะ น้องโฮปอย่าโกรธพี่ต่ายเลยนะ”

“น้องโฮปไม่โกรธหรอกครับ น้องโฮปรู้มาตั้งนานแล้ว”

หลังจากตะลอนไปนู่นมานี่ทั้งวันต่างคนก็หมดแรง พวกเขาจึงพากันเข้านอนเร็วกว่าปกติ

“เดี๋ยวน้องโฮปนอนติดผนังฝั่งนี้นะ พี่ต่ายกับรินนอนฝั่งโน้น” น้องโฮปชี้มือแบ่งที่นอนเสร็จสรรพ

“จะดีเหรอ น้องโฮปมานอนตรงกลางดีกว่าไหมครับ” ธารินถาม “พี่รินนอนที่พื้นแบบเมื่อวานก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะ น้องโฮปกับพี่ต่ายจะได้นอนสบายๆ”

น้องโฮปส่ายหน้าพลางสะบัดผ้าห่มเตรียมนอน “ถ้าน้องโฮปนอนตรงกลางพี่รินก็กอดพี่ต่ายไม่ถนัดน่ะสิ น้องโฮปนอนก่อนนะครับ ทั้งสองคนเชิญตามสบายเลย”

แล้วน้องโฮปก็หลับตาปี๋นอนตะแคงหันหลังให้พวกเขา อริญชย์หันไปจ้องตาเด็กหนุ่มที่รีบโบกมือพัลวันว่าไม่รู้เรื่องก่อนจะหันหนีไปอีกด้าน

ธารินรีบขยับตัวตามไปกอดจากทางด้านหลังแล้วกระซิบที่ข้างหู “นอนกันเถอะครับ”

เพียงแค่โดนปลายจมูกโด่งปัดไปมาสองสามครั้งอริญชย์ก็ใจอ่อนหันมาให้ธารินจุ๊บส่งเข้านอน

ในขณะที่กำลังจะหลับอริญชย์ก็กวาดตามองไปรอบห้อง เมื่อวานที่เขารู้สึกว่าห้องมันแคบลงก็เพราะมีคนมาอยู่เพิ่มอีกสอง แต่ว่าสิ่งที่สองคนนี้เข้ามาทดแทนไม่ใช่แค่พื้นที่ว่างหากยังรวมไปถึงความเหงาในหัวใจด้วย

อริญชย์เบียดตัวซุกเข้าในอกกว้างที่ใช้ต่างผ้าห่ม… แต่ถ้าจะมีเจ้าตัวเล็กเพิ่มมาอีกคน ยังไงก็คงต้องหาบ้านใหม่สินะ… ช่างเถอะ เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วค่อยให้สองคนนี้ช่วยเลือกละกัน คิดไปคนเดียวทำไมให้ปวดหัวในเมื่อตอนนี้เขามีให้ช่วยคิดอีกตั้งสองคนแล้วนี่นา

******************

หสังว่าอ่านจบแล้วทุกคนจะยิ้มได้กว้างๆ นะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2020 15:18:33 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ต่ายต้องมีน้องให้น้องโฮปแล้วล่ะ น้องโฮปจะได้ไม่เหงาาาา :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ omelordkung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 498
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
สนุกครับ คุณหมอรินวางแผนเก่งมากอ่ะ ฉลาดสุด

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
น้องโฮปกามเทพตัวน้อย :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด