คุณคือความรัก บทที่ 20
ก่อนออกไปทำงาน สายสืบลับๆ ใน I promise Tower ที่คอยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ได้ส่งข่าวมาบอกณธิปว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของกมล ข่าวที่เพิ่งรู้ทำให้ชายหนุ่มกระวนกระวายพอควร เนื่องจากยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรให้อีกฝ่ายได้บ้าง เพราะถ้าเป็นคนที่เขาเคยคั่วเคยคบมาก่อน ณธิปก็คงเลือกเสื้อผ้า ของมีค่า ของแบรนด์เนม หรือเซอร์ไพร์สโดยการไปดินเนอร์สุดหรูในที่ที่โรแมนติกสักแห่ง
ทว่ากับคนคนนั้น ณธิปไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอีกฝ่ายจึงจะพอใจ เพราะตั้งแต่เริ่มกลับมาจีบอีกครั้ง จนผ่านมาเดือนหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าต้องการหรือชอบอะไรเป็นพิเศษ มิหนำซ้ำเขายังพบกันไม่บ่อย ได้แต่โทรหาเช้าเย็นกับส่งข้อความไปคุยบ้างบางคราว ชายหนุ่มจึงจนปัญญาและมืดแปดด้านไปหมด ดังนั้นเขาจึงลองโทรปรึกษาใครสักคนดู เผื่อว่าจะมีความคิดดีๆ ในการเตรียมของขวัญที่กมลชอบได้
คนแรกคือดังตฤณ เพื่อนสนิทที่ช่วยแก้ไขปัญหาหัวใจของเขาในวันนั้น ทว่านี่เป็นเวลาเช้า คนที่ทำงานราชการจึงไม่มีเวลาให้คำแนะนำอะไรมากนัก ได้แต่บอกว่าควรเป็นของที่ไม่หวือหวาและอวดร่ำอวดรวยเกินไป เพราะดูก็รู้ว่ากมลไม่ชอบคนประเภทป๋าเปย์
ไม่แพงเกินไป ณธิปจดไว้ในใจข้อแรก
คนที่สองที่เขาโทรหา ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากเพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นที่หนึ่งและเก่งเรื่องการเลือกเฟ้นหาของกำนัลให้ใครต่อใคร เขาคนนั้นคือดาราหนุ่มฮอตอย่าง พิเชษฐ์
หากณธิปก็ต้องผิดหวัง เมื่อโทรไปไม่รู้กี่สายต่อกี่สาย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าติดถ่ายงาน หรือยังไม่ตื่นนอนก็ไม่ทราบ
“ไอ้เชษฐ์นะไอ้เชษฐ์ ถึงเวลาสำคัญทีไร ก็หายจ้อยไม่ทุกทีสิน่า” ณธิปบ่นกระปอดกระแปดอย่างหัวเสีย ก่อนเสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้น บอกให้รู้ว่าคนขับรถที่เรียกให้มารับเดินทางมาถึงแล้ว
วันนี้ณธิปต้องเดินทางไปดูการก่อสร้างโครงการบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน ดังนั้นจึงต้องเรียกให้คนขับรถมารับ เพราะระหว่างทางจะได้ทำงานอื่นไปด้วยได้
“คุณเล็กมีสัมภาระอื่นๆ อีกไหมครับ” นายเชิด คนขับรถประจำตัวของณธิปถาม
“ไม่มี ฉันไม่ได้ค้าง”
“ครับ” เชิดรับคำ ก่อนเดินนำไปกดลิฟต์รอด้วยความนอบน้อม
ครั้นมาถึงที่รถ ณธิปก็พบเลขาฯ ส่วนตัวของเขารอท่าอยู่ก่อนแล้ว เธอเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ กับกาแฟดำมาให้เขาดื่มระหว่างเดินทาง จากนั้นเธอจึงเริ่มรายงานความคืบหน้าของงานที่ทางวิศวกรและผู้ดูแลโครงการส่งมาบอกทางอีเมลล์
“นอกจากตรวจดูโครงการ ฉันก็ไม่มีกำหนดการต้องไปพบใครหรือทำอะไรอีกใช่ไหม” ณธิปถามขึ้นเมื่อเลขาฯ สาวรายงานจบ
“ไม่มีแล้วค่ะคุณเล็ก”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงกลับถึงกรุงเทพฯ ช่วงบ่ายๆ สินะ”
“ประมาณบ่ายแก่ๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยสั่งคนเอารถไปจอดไว้ให้ฉันที่โรงแรมด้วยนะ”
“ได้ค่ะคุณเล็ก”
“ส่วยนายเชิด เสร็จงานแล้วส่งฉันที่โรงแรม ฝากกลับไปบอกคุณแม่อีกทีด้วยว่า ฉันจะเข้าไปหาวันเสาร์แน่นอน”
“ครับคุณเล็ก” สารถีส่วนตัวรับคำ หลังจากนั้นในรถก็เงียบลง
ณธิปอ่านเอกสารต่างๆ ที่สั่งให้เลขาหอบมาฆ่าเวลา ระหว่างนั้นพักสายตาก็เพียรติดต่อไปหาเพื่อนรัก แต่พิเชษฐ์กลับไม่ยอมรับสายเสียที
ชายหนุ่มค่อนข้างกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าจะหาอะไรเป็นของขวัญให้กับกมล จึงได้แต่คิดว่าหลังเลิกงานจะขับรถไปเลือกดูด้วยตัวเอง สงสัยว่างานนี้ต้องใช้เซ้นส์ของตัวเองเลือกเอา แทนที่จะพึ่งคนอื่นเสียแล้ว
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลาเย็น ณธิปก็ขับรถตรงไปยังห้างสรรพสินค้าดังใจกลางเมืองทันที เขาไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว ทั้งที่แต่ก่อนตอนที่ยังควงคนนั้นควงคนนี้ เขาก็พาคู่ขามาละลายทรัพย์บ่อยพอดู
ณธิปเดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ พยายามนึกถึงสิ่งที่ดังตฤณบอก แต่ก็ยังหาของที่ต้องการไม่ได้สักที ก็ร้านแบรนด์เนมพวกนี้มีของราคาธรรมดาเสียที่ไหน ส่วนใหญ่ก็เพียงหูฉี่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา ไปจนถึงเนคไทด์ เขาไม่รู้เลยว่าแบบไหนถึงจะพอดี
ลองๆ นึกดูว่ากมลแต่งตัวแบบไหน เขาเองก็พอนึกออก แต่จะซื้ออะไรที่โดนใจ ของที่มอบให้แล้วเป็นที่จดจำหรือทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้เมื่อเห็น นี่สิที่เขายังนึกไม่ออก บางทีเขาก็อยากให้กมลเป็นพวกเห็นของราคาแพงแล้วตาลุกวาวเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้
ณธิปเดินดูของจนขาลาก สุดท้ายก็เดินเข้าไปจบในในร้านเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษหรูหราร้านโปรดของตนเอง พนักงานท่าทางเป็นมิตรและดูเหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นใครจึงเดินเข้ามาสอบถาม และครั้งนี้ณธิปก็คร้านจะปฏิเสธความช่วยเหลืออีก เพราะจนปัญญาที่จะเลือกแล้ว
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณณธิป ไม่ทราบว่ากำลังมองหาอะไรอยู่คะ ทางXXXของเรายินดีให้คำแนะนำค่ะ”
“ผมอยากได้ของขวัญที่ดูไม่เว่อร์มากแต่ดูดี จะว่ายังไงดีล่ะ”
“ใช้เนื่องในโอกาสไหนคะ”
“อยากให้ใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะให้ของขวัญวันเกิดน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นลองดูเป็นน้ำหอมดีไหมคะ”
“มีอย่างอื่นอีกไหม”
“เข็มติดเนคไทด์สวยๆ ก็มีค่ะ หรือจะเป็นคัฟลิงค์ดีไหมคะ ชิ้นเล็กๆ แต่สามารถใส่ได้ทุกวัน ตอนนี้มีคอลเลคชั่นใหม่เข้ามา ใช้ได้กับท่านสุภาพบุรุษทุกวัยและทุกโอกาสเลยค่ะ เพราะเป็นแบบเรียบหรู”
“งั้นขอดูคัฟลิงค์แล้วกัน” ภาพของกมลที่ณธิปเห็นจนชินตาคือ ภาพหนุ่มหน้าหวานสวมเสื้อเชิ้ต ทรงทันสมัยแต่ก็ดูเรียบร้อย กมลมักไม่ค่อยใส่สูทให้เห็นหากไม่ใช่งานเป็นทางการ ไทด์ก็ไม่ค่อยค่อยผูก
ณธิปเลือกดูเจ้ากระดุมข้อมือเม็ดเล็กที่เรียงอยู่ในตู้กระจกอย่างพิจารณา เขาว่ามันเป็นของที่ดูธรรมดา ถ้าเป็นปรกติเขาคงไม่เลือกซื้อของแบบนี้ให้เป็นของขวัญใคร แต่บางแบบก็ดูน่ารักใช้ได้ ยิ่งถ้ากมลสวมเสื้อแขนยาวสีอ่อน บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับชิ้นใด ยกเว้นเพียงแต่ข้อมือที่มีกระดุมเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ มันคงดูดีไม่หยอก
ทว่า เครื่องแต่งกายชิ้นเล็กๆ ที่ดูไม่ค่อยมีใครนึกถึงแบบนี้ มันจะทำให้คนรับรู้สึกดีไหมนะ ขณะที่กำลังคิด คนที่ชายหนุ่มเพียรโทรหาตั้งแต่เช้าก็ติดต่อกลับมา ณธิปจึงชี้คัฟลิงค์คู่หนึ่งในตู้ ก่อนจะบอกให้พนักงานนำไปคิดเงิน จากนั้นจึงกดรับสาย
“เพิ่งจะโทรกลับมาได้นะ”
[รับสายปุ๊บก็เหวี่ยงเลยนะคุณชาย กระผมก็เป็นคนมีงานมีการทำนะครับ] พิเชษฐ์เรียกเขาด้วยสรรพนามที่ชอบใช้ล้อเลียนบ่อยๆ เวลาจะกวน ประสาท
“อ้อ นี่ทำงานหรือ ฉันนึกว่าเมาค้างก็เลยเพิ่งตื่น”
[ฮ่าๆๆ รู้ทันอีก] พิเชษฐ์ว่าพลางหัวเราะชอบใจที่เพื่อนมักรู้ทัน ก่อนจะถามกลับ [ว่าแต่มีอะไรให้เพื่อนรับใช้ล่ะ]
“ก็ว่าจะถามอะไรสักหน่อย แต่ดูเหมือนตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว”
[เอ้า! ได้ไง ไหนๆ ก็อุตส่าห์โทรมาแล้ว อย่างน้อยก็เล่าให้เพื่อนฟังหน่อยสิ ว่ามีอะไร] พิเชษฐ์ว่าอย่างไม่ยอมง่ายๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะให้ช่วยเลือกของขวัญวันเกิด”
[ให้ใคร]
“คุณไอ”
[อ้อ คุณไอคนสวยนี่เอง ถึงว่าทำเพื่อนเล็กร้อนรนโทรมาเป็นสิบๆ สาย] ดาราหนุ่มว่าสัพยอก ก่อนถาม [ว่าแต่เลือกได้แล้วหรือ]
“อืม” ณธิปตอบรับ พลางเซ็นบัตรเครดิตจ่ายเงินเรียบร้อย
[ซื้ออะไรให้น่ะ]
“คัฟลิงค์”
[ห๊ะ!! คัฟลิงค์เนี่ยนะ]
“ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้น คัฟลิงค์ของฉันไม่ดีตรงไหน” ณธิปรู้สึกหัวเสียนิดๆ
[นั่นคนที่แกตั้งใจจะจีบจริงจังนะเพื่อน อย่างน้อยต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ไม่ก็เป็นที่จดจำกว่านี้สิ ขืนเดินไปยื่นกล่องเล็กๆ พอเปิดมาเป็นกระดุมสองเม็ด แกไม่รู้สึกว่ามันน้อยไปนิดหรือเพื่อนรัก]
คำพูดของพิเชษฐ์ทำให้ณธิปขาดความมั่นใจอย่างรุนแรง ซึ่งเดิมทีมันก็มีน้อยอยู่แล้ว “แล้วฉันต้องให้อะไรเล่า แกเก่งนักก็ลองบอกมาสิ”
[อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่กระดุมน่ะ เอาจริงๆ นะเล็ก แกหอบเค้กสักก้อนไปให้เขาเป่า หรือไม่ก็หิ้วตุ๊กตาตัวโตๆ ไปให้เขาสักตัว ยังดีกว่ากระดุมที่แกซื้อตั้งเยอะ]
ณธิปคิ้วกระตุก “เค้กกับตุ๊กตาเนี่ยนะ มันไม่เด็กไปหน่อยหรือไง”
[แต่มันก็ยังน่าจดจำกว่าหรือเปล่า] พิเชษฐ์ถามกลับ
“คุณไออายุไม่น้อยแล้วนะ และก็ไม่ใช่ผู้หญิง เขาไม่น่าจะเล่นตุ๊กตากับกินของหวานหรอก” ณธิปค่อนขอดกับความไร้รสนิยมของเพื่อน เพราะขนาดพวกผู้หญิงที่เขาเคยควงมาก่อนหน้า ยังไม่มีใครร้องให้เขาพาไปซื้อตุ๊กตาสักคน
[แต่คุณไอไม่เหมือนคนอื่นนะ อีกอย่างเขามีหลาน อาจจะชอบอะไรน่ารักๆ ก็ได้ เห็นแกเคยบอกว่าเขาไม่ชอบของราคาแพงนี่ ดูอย่างพวกแฟนคลับของฉันสิ ตอนวันเกิดของฉันนะ มีหอบเค้ก หอบลูกโป่งมาทำเซอร์ไพร์สให้ถึงกองถ่าย โรแมนติกจะตายไป]
เสียงปลายสายดูจริงจัง ทว่าก็แฝงไปด้วยแววสนุกสนานเสียเต็มประดา ราวกับว่ากำลังคิดแผนการให้เพื่อนมัธยมไปทำเซอร์ไพร์สสาวอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันว่ามันงี่เง่าแล้วก็น่าอายจะตาย ให้ไปยืนถือเค้ก หอบตุ๊กตาแบบแกตอนม. 5 ฉันไม่เอาด้วยหรอก ใครเห็นเข้าเขาจะคิดยังไง” เพราะภาพลักษณ์ของณธิปไม่ใช่แบบนั้น และไม่เหมาะกับไอเดียที่ถูกเสนอเอามากๆ แค่เขาคิดภาพตัวเองยืนอุ้มตุ๊กตา เขาก็รู้สึกอับอายขายหน้าจะแย่แล้ว
[งั้นก็ตามใจคุณชายแล้วกัน จะให้แค่กระดุมก็ตามใจ แต่อย่าลืมนะว่า พรุ่งนี้ไม่ใช่แค่วันเกิด แต่ยังเป็นวันวาเลนไทน์ด้วย]
“จริงด้วย ฉันลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย พรุ่งนี้ 14 กุมภานี่นะ”
[ใช่ เพราะฉะนั้น ฉันว่าความคิดของฉันเข้าท่า--] ดาราหนุ่มชะงักไปครู่ ก่อนหันไปคุยกับผู้จัดการส่วนตัว [เล็ก ถึงคิวฉันถ่ายต่อแล้ว เท่านี้ก่อนนะ ได้ผลเป็นยังไงก็บอกกันด้วยแล้วกัน]
“อืม ขอบใจสำหรับคำแนะนำ”
พอกดวางสาย พนักงานก็ส่งถุงของขวัญที่ห่อไว้อย่างเรียบร้อยมาให้ณธิป ชายหนุ่มก้มลงมองกล่องน้อยๆ ที่นอนนิ่งอยู่ในถุงกระดาษ ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ
คืนนี้เขาจะโทรไปนัดกมลทานดินเนอร์ แล้วก็ให้ของขวัญธรรมดากล่องนี้แทน ส่วนไอเดียตุ๊กตากับเค้กที่พิเชษฐ์แนะนำนั้น คงจะรับไว้ได้แต่ความมีน้ำใจที่ช่วยคิด หากไม่หยิบไปใช้จริงแน่นอน ก็เรื่องน่าอายเช่นนั้น ใครจะไปกล้าทำกัน
ชายหนุ่มร่างรูปร่างสูงสง่า หน้าตาดีจัดจนแว่นดำไม่อาจปกปิดใบหน้าหล่อเหลาได้ เดินหิ้วกล่องเค้กกล่องเล็กๆ ออกมาจากร้านเบเกอรี่ชื่อดัง ความดูดีของเขาทำให้หลายๆ คนเผลอมองตามตาเป็นมัน แต่สำหรับณธิปแล้ว สายตาเหล่านั้นเป็นอะไรที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกประหม่าและวางตัวไม่ถูก จนต้องรีบเดินออกจากร้านให้เร็วที่สุด
ครั้นมาถึงรถ ณธิปก็วางกล่องเค้กกล่องเล็กไว้บนที่นั่งข้างคนขับอย่างเบามือ ก่อนหันไปมองกล่องของขวัญกล่องโตและกล่องเล็กซึ่งอยู่เคียงข้างกัน แน่นอนว่ากล่องเล็กคือกระดุมธรรมดาตามที่พิเชษฐ์ปรามาสไว้เมื่อวานอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนกล่องใหญ่ต่างหากที่ทำให้ณธิปหนักใจ
ไม่รู้เขาสติไม่ดีไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้กล้าทำตามไอเดียบ้าๆ ที่เพื่อนดาราคนสนิทแนะนำ แล้วซื้อเอาตุ๊กตากระต่ายหน้าโง่สีคาราเมลมาจากห้างสรรพสินค้า ถึงมันจะตัวไม่ใหญ่นักอย่างที่พิเชษฐ์บอกก็เถอะ
เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ณธิปกุมศีรษะแล้วอุทานในใจ ทำไมเขาถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ
หลังจากด่าตัวเองเงียบๆ เสร็จแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ตั้งสติ แล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คิดทบทวนถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไปในวันนี้ทีละข้อ
เมื่อวานเขาโทรไปหากมล แต่อีกฝ่ายไม่รับ ไม่อ่านข้อความด้วย สายสืบที่ I promise บอกเขาว่ากมลยุ่งมาก เนื่องจากวันต่อมาจะหยุดพักผ่อนเพราะจากเป็นวันเกิด ดังนั้นจึงคิดว่าเจ้าตัวเลยไม่ว่างรับโทรศัพท์เพราะต้องเตรียมงานต่างๆ ไว้ก่อนหยุด แผนการที่จะชวนไปดินเนอร์ล่วงหน้าก็มีอันต้องล้มไปก่อน แต่ณธิปขอหยุดงาน 1 วัน ซ้ำยังจองร้านอาหารไว้ เพราะคิดว่าในวันนี้จะหากมลให้เจอ และพาไปฉลองด้วยกันให้ได้
เขาจึงแต่งตัวหล่อออกจากบ้านมาสั่งเค้กที่ร้านซึ่งเลขาฯ ของเขาบอกว่าอร่อยสุดๆ เตรียมของขวัญให้พร้อมพรัก และวางแผนไปบุกรับกมลที่ห้อง
ณธิปกลับมาที่คอนโด ก่อนไปหาอีกฝ่ายที่ห้อง เขาเตรียมคำพูดที่จะหว่านล้อมและชวนกมลให้ไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ว่าทางนั้นจะเอาอะไรมาอ้าง เขาก็พยายามคิดแผนการต่างๆ เผื่อไว้ จากนั้นจึงลองโทรหาคนหน้าหวานดูอีกที ทว่ากมลก็ยังไม่รับสาย ซ้ำข้อความก็ไม่ยอมอ่านด้วย
ณธิปทำใจเย็นอยู่สักพักใหญ่ เพราะไม่อยากล้ำเส้นมากไป คิดว่าอีกฝ่ายอาจยังไม่ตื่น จากนั้นก็พยายามโทรไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ กระทั่งในที่สุด จากเวลาสายมาเที่ยง เที่ยงมาบ่าย ณธิปจึงตัดสินใจขึ้นไปถึงหน้าห้อง หอบเอาข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งกล่องเค้ก กล่องของขวัญ ไปกดกริ่งเรียก
แต่ในห้องกลับไร้วี่แววของคนที่ณธิปตั้งใจมาหา
ชายหนุ่มพยายามโทรหากมลทั้งวัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายหรือยอมอ่านข้อความเลย จนเขารู้สึกท้อและหงุดหงิดไปหมด ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องร้องขอให้ใครช่วยอีก หรือนี่คือบททดสอบให้เขารู้จักพยายามและรู้จักรอคอยด้วยตัวเอง
ถ้าอย่างนั้นณธิปก็จะคอย ให้มันรู้ไปว่าวันนี้เขาจะไม่ได้เจอคนใจร้ายคนนั้น
ทว่ารอแล้วรอเล่า ณธิปก็ยิ่งรู้สึกเหมือนคนโง่มากขึ้นทุกที เพราะถึงแม้เขาจะรอได้ แต่เวลามันรอไม่ได้ เนื่องจากอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะขึ้นวันใหม่แล้ว เป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะไม่ใช่วันเกิดของกมลอีกต่อไป
หรือเขาต้องรออีกปีหนึ่ง
ดวงตารีเรียวมองของขวัญกับเค้กที่ป่านนี้ไม่รู้จะยังอร่อยอยู่ไหม ในใจพลันรู้สึกปวดแปลบ เขาไม่เคยต้องทำให้ใครแบบนี้เลย ทั้งที่ทำตั้งขนาดนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีความหมายสักนิด หรือเขาต้องพยายามมากกว่านี้กันนะ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ
และเมื่อคิดได้ดังนั้น ณธิปก็กดโทรศัพท์หาคนคนนั้นอีกรอบ เพราะถ้าช้ากว่านี้ คงไม่ทันเที่ยงคืน
และราวกับคนบนฟ้าเห็นใจ ในที่สุดกมลก็รับสายณธิป [สวัสดีครับ]
“คุณไอ ผมณธิปนะ”
[ครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า] เสียงปลายสายดูเหนื่อยๆ จนณธิปต้องลดความดีใจของตนลง
“ขอโทษที่กวน แต่คุณอยู่ที่ไหน”
[ผมกำลังจะนอนแล้ว]
“นอนหรือ คุณนอนที่ไหน” คำตอบที่ได้ยินทำให้ณธิปยิ่งแปลกใจมากขึ้น
[นอนในห้องของผมสิครับ คุณมีอะไร]
“แต่ผมอยู่หน้าห้องคุณมาทั้งวัน มันไม่เหมือนว่าคุณอยู่เลย ผมเคาะเรียกคุณตั้งหลายครั้ง” ถ้ากมลอยู่ ก็ต้องได้ยินเขาสิ ณธิปคิด
[นี่คุณอยู่หน้าห้องของผมหรือ]
“ใช่”
[ที่คอนโด?]
“ใช่ แล้วคุณอยู่ไหน”
[อยู่…บ้าน] หนุ่มหน้าหวานอึกอัก [ว่าแต่คุณไปทำอะไรที่หน้าห้องของผมกันล่ะ]
เขามันโง่! โง่จริงๆ นั่นแหละ ดันลืมคิดไปได้ยังไงว่ากมลอาจจะอยู่ที่บ้านน้องสาว พอรู้ตัวว่ามาอยู่ผิดที่ผิดทางตั้งแต่แรก ณธิปจึงไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป
“ผม…เอ่อ…ผมมีธุระกับคุณ”
[สำคัญมากเลยหรือครับ ถึงขนาดว่าคุณต้องไปหาผมที่ห้องน่ะ]
“สำคัญสิ สำคัญมาก” ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น พลางมองข้าวของในมือ
[งั้นก็พูดมาเลยครับ]
“ไม่ ไม่ได้” เพราะถ้าไม่ได้มอบของขวัญทั้งหมดนี้ให้ ก็ไม่มีความหมายน่ะสิ
[ทำไม] กมลถาม
“ผมต้องเจอคุณ ต้องพูดต่อหน้าคุณ”
[แต่ผมอยู่บ้าน และกำลังจะเข้านอนแล้ว ผมคงพบคุณตอนนี้ไม่ได้ เอาไว้พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ได้ไหมครับ ผมจะโทรไปนัดอีกที แต่ต้องเป็นธุระสำคัญจริงๆ นะครับ]
“ไม่ได้ ต้องวันนี้เท่านั้น บ้านคุณอยู่ไหน ผมจะขับรถไปหาเอง”
[นั่นไม่ได้หรอก มันจะรบกวนน้องสาวและหลานๆ ของผม]
“ไม่รบกวนหรอก ผมขอเจอคุณเดี๋ยวเดียวเท่านั้น นะครับคุณไอ ผมรอคุณอยู่นี่มาตั้งแต่เช้าแล้ว ขอเวลาแค่นิดเดียวจริงๆ” พอเห็นว่ากมลจะไม่ยอมอ่อนให้ ณธิปจึงเริ่มอ้อนวอน
[เฮ้อ…]
“นะครับคุณไอ ให้ผมได้เจอคุณเถอะ”
[งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่นั่น รอสักครู่]
“ไม่ให้ผมไปหาที่บ้านคุณหรือ ทำแบบนี้คุณจะลำบากน่ะสิ”
[ไม่เป็นไร ผมไปเองดีกว่า ไม่สะดวกให้มาที่นี่น่ะ]
“ครับๆ ยังไงก็ได้ครับ ผมจะรอนะ” ณธิปตอบด้วยน้ำเสียงดีใจก่อนวางสายไป ในที่สุดมันก็ไม่สูญเปล่า
ตอนที่กมลออกจากลิฟต์ ณธิปกำลังยืนพิงกำแพงแถวๆ หน้าห้องของอีกฝ่าย ในมือมีของหิ้วพะรุงพะรัง ทั้งถุงทั้งกล่องเต็มสองมือ พอดวงตารีคู่นั้นหันมาเห็นกมล เจ้าตัวก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี
“คุณมีอะไร” กมลถามเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าคนตัวสูง
“เข้าห้องก่อนสิครับ”
“ไม่ครับ” หนุ่มหน้าหวานปฏิเสธชัดเจน
“ได้ยังไงล่ะ ก็ผมเตรียม…”
“คุณบอกว่าขอเวลานิดเดียว ดังนั้นพูดเรื่องสำคัญของคุณมาเถอะ ผมง่วง”
“…” พอเห็นว่ากมลไม่ยอมจริงๆ ณธิปจึงคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ แล้วสวมหูของถุงกระดาษใบใหญ่เข้าไปคล้อง จากนั้นก็หยิบกล่องใบเล็กอีกกล่องขึ้นมาวางบนสองมือของกมล ก่อนสั่ง “ช่วยผมถือหน่อย แล้วก็ยกขึ้นสูงๆ นิดนึงครับ”
กมลยกกล่องขึ้นตามที่ณธิปบอก แล้วรอดูว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร เมื่อกล่องเค้กถูกยกขึ้นมาในระดับพอดี ณธิปก็แกะฝากล่องให้เปิด จากนั้นจึงหยิบเทียนเล่มเล็กที่เตรียมเอาไว้มาปักบนหน้าของเค้กชิ้นเล็กในนั้นแล้วจุดไฟ
“อะไรกันคุณณธิป”
“เค้กวันเกิดไง” ณธิปตอบ
“ผมรู้แต่—“ และพอกมลจะแย้ง อีกฝ่ายก็ดันขัดขึ้น พร้อมกับเริ่มต้นร้องเพลงอวยพรที่หลานๆ ร้องให้เขาฟังมาสดๆ ร้อนๆ วันนี้
“อย่าเพิ่งพูดสิ ฟังก่อน…” เจ้าของดวงตาทรงเสน่ห์กระเอมเล็กน้อย ก่อนเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงเพี้ยนน้อยๆ แต่เอาเถอะ เพี้ยนนิดก็คงไม่เป็นไร ไหนๆ คุณไอก็เห็นเขาในสภาพน่าอายขนาดนี้แล้ว ชายหนุ่มคิด “Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday Happy birthday Happy birthday to you.”
หนุ่มหน้าหวานอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าณธิปจะทำอะไรแบบนี้ สองมือถือเค้กค้างไว้เช่นนั้น ไม่ยอมก้มหน้าลงไปเป่าเทียนเหมือนที่คนตัวสูงคิด
“อธิษฐานแล้วก็เป่าสิคุณ ถึงจะเลยวันเกิดมาแล้ว แต่แค่ไม่กี่นาทีก็คงไม่เป็นไร” ณธิปสั่ง และสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ก็บีบให้กมลต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้
“อืม” กมลรับคำแล้วก็เป่าเทียนทันที ไม่ได้อธิษฐานอะไรทั้งนั้น และนั่นทำให้ณธิปรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบคุณครับ” กมลเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วขอบคุณเบาๆ และถ้ามองไม่ผิด ณธิปเห็นว่ามุมปากของอีกฝ่ายนั้นยกขึ้นนิดๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ ในถุงนั่นของขวัญ ผมไม่รู้คุณจะชอบไหม แต่อย่าทิ้งมันนะ” ถึงมันจะเห่ยไปนิด น่าอายไปหน่อย แต่เขาตัดสินใจซื้อมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้กมลทิ้งอะไรสักอย่างเดียว แม้แต่กระต่ายหน้าโง่ตัวนั้นด้วย
“ผมไม่เคยทิ้งของที่คนอื่นตั้งใจให้หรอกครับ” กมลว่า
“อืม…แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนหุบยิ้มเมื่อถูกตัดบท
“คุณหมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม”
“อื้ม”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะ ผมจะเข้าห้องแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ไม่เป็นไร งั้นผมไปล่ะ” ณธิปพูดหง่อยๆ แค่นั้นก่อนเดินไปที่ลิฟต์ กมลไม่ได้รอส่ง เพราะทันทีที่เขาหันหลัง คนคนนั้นก็ไขกุญแจเข้าห้องไป
ใจร้ายจริง ณธิปคิด
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำเฉยชากับเขาไปบ้าง ทว่าเมื่อคิดว่าตนเองได้รับรอยยิ้มเล็กๆ ตอบแทน หัวใจของณธิปก็พองโตจนไม่อาจหยุดยิ้มได้แล้ว
“เอาเถอะ ต่อไปผมจะทำให้คุณยิ้มกว้างกว่านี้อีก คุณคอยดูนะ” ณธิปตั้งปณิธานกับตนเอง ก่อนกลับไปพักผ่อนบ้างเช่นกัน
เช้าวันนี้กมลตื่นเร็วเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขานอนหลับๆ ตื่นๆ บ่อยครั้ง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาและลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส กระตุ้นให้ตัวเองกระปรี้กระเปร่า เรียบร้อยแล้วจึงขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปทำงาน ทว่าก่อนที่จะออกจากห้อง เขาก็อุ่นอาหารแช่แข็งง่ายๆ ทานรองท้องก่อนไป
ระหว่างนั้นไม่รู้อะไรดลใจ ชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบถุงของขวัญที่ได้รับเมื่อวานมาเปิดดู กล่องสองกล่องในถุงเดียวทำให้กมลรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ทำไมจึงมีสองชิ้นกัน
แต่ณธิปก็ไม่มีโน้ตเขียนอธิบายไว้สักนิด เขาจึงต้องลงมือเปิดดูว่าอะไรกันที่อีกฝ่ายตั้งใจซื้อมาให้ ของกล่องแรกเป็นคัฟลิงค์รูปทรงเรียบๆ แต่เป็นสไตล์แบบที่กมลชอบพอดี เขายิ้มนิดๆ กับของชิ้นเล็ก ก่อนเลื่อนมาเปิดกล่องใหญ่
แกะกระดาษไปกินอาหารเช้าไป กระทั่งเปิดฝากล่องออก สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในนั้นนอนจ้องกมลเขม็งจากก้นกล่อง และแววตาใสซื่อกับขนปุกปุยสีน้ำตาลก็ทำให้อาหารเช้าเกือบจะพุงทะลักออกมาจากปาก
ตุ๊กตา! คนอย่างณธิป โชติตระกูล ซื้อตุ๊กตาให้เขา!
“ฮะ…ฮะ ฮ่าๆๆๆ”
ทีแรกแค่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ หากหลังจากที่จ้องเจ้ากระต่ายหน้าตาใสซื่ออีกรอบ กมลก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังแบบไม่อาจกลั้น เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ณธิปซื้อมันมาให้เขา แต่เห็นทีว่าต่อไปกมลคงต้องมองณธิปใหม่เสียแล้ว
เพราะผู้ชายคนนั้นน่ะ…น่ารักกว่าที่เขาคิดเยอะเลยนี่นะ<><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
ตอนนี้ต้องอ่านตอนขยายในตอนพิเศษ วันเกิด ค่ะ จะรับรู้อะไรในมุมมองคุณไอมากขึ้น
คือคนน่ารักมักใจร้ายอ่ะนะ 555555555
ตาเล็กก็ต้องพยายามต่อไป นี่ยังจิ๊บๆ
คืออาจจะสงสัยว่าทำไมเล็กเปลี่ยนไปขนาดนี้
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ประมาณคนไม่เคยรักใคร พอรักแล้วก็อยากได้เขามาก
ไม่อยากผิดหวัง กลัวเจ็บ คุณเขามีปมของเขา
พฤติกรรมหลายๆ อย่างเหมือนเด็กบ้าง ปนๆ กันไป นี่แหละคุณเล็กล่ะ
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าน้าาา
ปล.
มีรูปTimeline เรื่องนี้ให้ดูในเพจค่ะ เวลาในเรื่องคือผ่านมาปีกว่าแล้วที่พระ-นายรู้จักกัน
ใครอยากทบทวน หรืออยากรู้ว่าช่วงไหนเกิดอะไรขึ้นบ้างคร่าวๆ ลองไปดูได้ค่ะ
ละอองฝน.