ต่อ
(ลงลิงค์ไม่เป็นอ่า ถ้าไม่รบกววนเกินไป ช่วยกดด้วยนะครับ)
http://www.youtube.com/watch?v=BSF8uU-qHvEYozora ni Maarui tsuki
Kirei ni kagayaiteru
Demo bokura ga itsumo
Miteru nowa Omotegawa no tsuki dake
พระจันทร์ดวงกลมยามค่ำคืนนั้น
ส่องสว่างอย่างงดงาม
แต่ดวงจันทร์ที่พวกเราที่มองอยู่ตลอดเวลา
คือด้านหน้าของดวงจันทร์เท่านั้น
Hontou wa Nakitai noni
Muri shite Warau kimi mo
Itsuwari nanka janai
Soremo mata Hontou no kimi
ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธออยากจะร้องไห้
แต่ก็ฝืนหัวเราะ
มันไม่ใช่การหลอกลวงหรือออะไร
นั้นเป็นเพียงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
Hitori yozora wo miage nagara
Mata kimi no koto wo Kangaeteitanda
Muri ni Warawanakutemo ii yo
Muri ni Kawarou toshinakutemo ii yo
ระหว่างที่เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนเพียงคนเดียว
ก็คิดถึงเธอขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มหรอกนะ
ไม่จำเป็นต้องฝืนเปลี่ยนแปลงหรอกนะ
พอมันร้องถึงท่อนนี้ น้ำตาที่ผมพยามกลั้นมันไว้ ก็ไหลลงมาทันทีครับ เพราะเสียงมันฟังดุอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมรีบเอามือปิดหน้าตัวเองไว้แล้วสอึกสะอื้น ในขณะที่โทโมะมันก็ยังคงร้องเพลงอยู่อย่างนั้น
Tamaniwa Naitemo ii yo Kanashii toki wa
Demo hotondo wa Warawasete ageru
Donna toki demo Donna kimi demo
Uketomete miseru yo
บางที ในเวลาที่เศร้าสร้อย จะร้องไห้ออกมาบ้างก็ได้
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วผมจะทำให้เธอยิ้มเอง
ไม่ว่าจะตอนไหน ไม่ว่าจะเป็นเธอแบบไหน
ผมจะรับเอาไว้เอง
Dakara Kenka mo shiyou Demo sono ato wa
Chanto sunao ni nakanaori shiyou
Soshitara kitto Mae yori motto
Nakayoku nareru
Sonna koto wo ne Kangaetetara ne
Boku wa sudeni ne Shiawase nandayo
เพราะฉะนั้น เราก็มาทะเลาะกันเถอะ แต่ว่าหลังจากนั้น
เราก็จะมาคืนดีกันอย่างจริงใจกันเถอะ
พอทำแบบนั้นแล้ว พวกเราก็จะ
สนิทกันมากขึ้นกว่าเก่าแน่นอน
ถ้าลองคิดถึงเรื่องแบบนั้น
ผมก็มีความสุขแล้ว
Koishite Tokimeku hito
Nayannde Ochikomu hito
Minna ga mieru sora no
Miegata wa Sorezore chigau kana
มีความรักกับคนที่ใจเต้นตึกตัก
เศร้าไปกับคนที่ท้อแท้
วิธีการมองเห็นท้องฟ้าของทุกคน
แตกต่างกันไปตามแต่ละคนสินะ
Sunao ni Naritai noni
Narenai boku mo iru yo
Kimi ga miteru boku ha
Donna duuni Utsutteiru no?
ทั้งๆที่อยากจะเป็นคนตรงไปตรงมาแท้ๆ
แต่คนที่ไม่สามารถเป็นได้อย่างผมก็มีอยู่
เธอที่มองผมนั้น
กำลังสะท้อนภาพแบบไหนอยู่เหรอ?
“Yasashii ne” nante iu keredo
Honto wa Sonna ni yasashiku nanka nai
Demo ne Kimi ga omotteru you na
Sonna Boku ni naritaitte omotteru yo
ถึงแม้เธอจะบอกว่า “อ่อนโยนจังเลยนะ”
แต่ว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้นหรอก
แต่ว่านะ ผมแค่คิดว่า
อยากที่จะเป็นคนแบบที่เธอคิด
Subete ga Mienakutatte Mirenakutatte
Chanto bokura wa mukiatteiyou
Itsumo futari no Suteki na koto wo
Terashi aetara ii yo ne
Bokura wa Kampeki janai
Dakara futari de Tarinai koto mo
Sasae aetara
Boku no yowasa mo Kimi no yowasa mo
Tsuyosa ni kawaru
แม้ว่าผมจะไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถเห็นทั้งหมด
พวกเรามาหันหน้าเข้าหากัน กันเถอะ
ถ้าหากเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์ของเราสองคน
สามารถส่องสว่างได้ตลอดก็คงจะดีนะ
พวกเรานั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้นถ้าเราสองคน
มาช่วยกันสนับสนุนในส่วนที่ไม่เพียงพอ
ทั้งความอ่อนแอของผม ทั้งความอ่อนแอของเธอ
จะแปรเปลี่ยนไปเป็นความแข็งแกร่ง
Daijoubu dayo
Mienakunatte
Donna kimi demo
Douse suki dayo
ไม่เป็นไรหรอก
ถึงจะมองไม่เห็น
ไม่ว่าจะเป็นเธอแบบไหน
ถึงอย่างไรผมก็ยังชอบเธอนะ
Sonna koto wo ne
Kangaetara ne
Nerenakunatta yo
Kimi no sei dayo
ถ้าลองคิด
ถึงเรื่องแบบนั้น
ผมก็นอนไม่หลับ
เป็นความผิดของเธอเลยนะ
พอเพลงจบผมก็หันไปหามันทั้งๆที่น้ำตาอาบหน้านั่นแหละ…..
“ไอ้เหี้ย…ทำกูร้องไห้” ผมพูดเป็นภาษาไทย ส่วนมันก็ทำหน้างงๆ
“อยากฟังเพลงเร็วๆเหรอ?” มันเอื้อมมือมาเอาหลังมือเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มผมเบาๆ
“หือ?”
“ก็ไอ้เหี้ยแปลว่าเร็วๆไม่ใช่หรือไง?” อ้ออออ ที่ผมโกหกมันไปก่อนหน้าสินะ
“ฮ่ะๆ อืม แปลตามนั้นแหละ”
ผมยิ้มให้มันทั้งคราบน้ำตาที่เปรอะหน้า มันก็ยิ้มตอบกลับคืนมาแล้วเริ่มดีดกีต้าร์เป็นจังหวะเร็วๆ พร้อมกับร้องเพลง ส่วนผมก็นั่งมองมันร้องเพลงนั่นแหละครับ มันร้องไปเรื่อยๆแบบไม่หยุดเลย ตอนนี้รอบๆก็เริ่มเปิดไฟแล้ว ชิงช้าสวรรค์ก็เปิดไฟแล้ว…..
ผมก็รีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายวิวตอนค่ำแบบนี้ ผมยืนขึ้นแล้วหันเลนส์ไปทางไอ้โมะที่ยังคงร้องเพลงอยู่ แล้วกดชัตเตอร์แบบไม่ให้มันรู้ตัว เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พอผมหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกาก็แทบทรุด….มันเลยเวลาCity loop เที่ยวสุดท้ายมาแล้ว ตอนนี้ผมจะกลับไปที่สถานีได้คือต้องเดินหา รถไฟใต้ดิน-0-! แล้วมันอยู่ไหนล่ะ…...
“โทโมะ กลับกันเถอะ ฉันต้องรีบกลับไปเก็บกระเป๋าด้วยน่ะ”
ผมบอกมันแล้วสะพายเป้ มันก็หยุดร้องเพลงแล้วเก็บกีต้าร์ใส่กระเป๋า แล้วพวกผมก้เดินออกมาจากที่นั่น ผมกับมันเดินมาเรื่อยๆ เดินมาแบบเงียบๆ มันไม่พูดอะไร ผมก็ไม่พูดอะไร….
“นี่….เรื่องที่ฉันร้องไห้ อย่าบอกใครนะ…”ผมพูดทำลายความเงียบ
“ฮ่ะ? จะให้บอกใครล่ะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่บอกหรอกน่า โอ๊ะ เจอล่ะ ป่ะรีบไปกันเถอะ”
ไอ้โมะพูดแล้วจับแขนผมให้วิ่งตาม มันกดซื้อตั๋วให้แล้วเราก็เข้าไปนั่งรอในรถไฟที่จะกลับไปโอซาก้า พอรถไฟเริ่มเคลื่อน ผมก็หันไปมองมันที่ตอนนี้นั่งหลับคอหักไปเรียบร้อยแล้ว พอเห็นมันก็รู้สึกสบายใจ เลยขอพิงหัวมันหลับไปด้วยอีกคน แต่ก็ไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เดียวหลับยาวล่ะแย่เลย
………………………
…………..
……
“โชจัง…โชจัง….โช….จังงงงง”ผมปรืตาขึ้นเพราะเสียงปลุกของไอ้โมะครับ
“อ่ะ ถึงแล้วเหรอ….”
“ถึงแล้วๆ แล้วก็ คืนนี้ขอฉันไปค้างห้องนายได้ไหม ฉันข้องใจเรื่องของนายกับเพื่อนน่ะ พรุ่งนี้นายจะกลับแล้ว ถ้านายไม่เล่าให้ฟังล่ะก็ ฉันคงข้องใจไปจนตายแน่ๆ” หืออออออออ!!
“ดะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยววว ฉันจองห้องแบบนอนคนเดียวไว้”
“ฉันนอนพื้นได้ ป่ะไปกันเถอะ เดียวช่วยเก็บของด้วย”
พูดจบมันก็ลากผมไปอีกครั้ง จนมาหยุดอยุ่หน้าโรงแรม มันก็เดินเข้าไปแบบเป็นธรรมชาติ ผมก้เดินตามมันไปครับ พอขึ้นไปถึงห้องผมเท่านั้นแหละ
“โหวววว ห้องนายเป็นผู้ชายสุดๆ สกปรกได้ใจมากๆเลยโชจัง ฮ่าๆ หึ่มมม แล้วนี่กลิ่นอะไรเนี่ย รองเท้าเหรอ สุดยอด ฮ่าๆๆๆๆ”
“ก้ผู้ชายนี่หว่า=_= ไปอาบน้ำก่อนเลยแล้วกัน ขอฉันเก็บของใส่กระเป๋าก่อน” ผมพูดแล้วถอดโค้ทออกแล้วโยนไปที่เตียงเล็กๆในห้องแคบๆ
“ไม่มีชุดเปลี่ยนนะ ขอยืมหน่อยแล้วกัน”มันวางกีต้าร์ไว้ข้างเตียงแล้วเดินมาหาผม
“วุ้ย! เอ้า ยังไม่ได้ซักนะ เหม็นๆก็ทนเอาแล้วกัน”ผมยื่นเสื้อกับกางเกงขาสั้นใส่นอนให้มัน
“โหยยย ไม่ต่างกันเล้ยยยย”
“จะใส่ไหมล่ะ!?”
“ใส่สิครับโชจัง อาบน้ำแปปนึงนะ”
มันพูดจบก็เดินเข้าไป แล้วผมก็ได้ยินเสียงน้ำไหลกับเสียงฮัมเพลงของมัน ผมก็รีบๆยัดๆของที่กระจัดกระจายใส่กระเป๋า อันไหนที่พอทิ้งได้ อย่างพวก กางเกงในย้วยๆผมก็ทิ้งลงถังนั่นแหละ แม่บ้านมาเห็นคงตกใจ
ขนมผมก็ยัดใส่เป้ส่วนนึง ใส่กระเป๋าส่วนนึง พอผมจัดเสร็จ ห้องก็สะอาดขึ้นเป็นกองเลยครับ ผมขนกระเป๋าไปวางที่มุมห้อง แล้วเปิดทีวีดู ในขณะที่ไอ้โมะมันยังไม่ออกมาจากห้องน้ำสักที
พอผมใกล้จะหลับไป ก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีน้ำหยดลงมาที่หน้า พอลืมตาขึ้นก็เห็นไอ้โมะมันยื่นมาเข้ามาใกล้
“อาบเสร็จแล้ว ตานายแล้ว”
มันบอกแล้วเดินไปนั่งอีกมุมของเตียงแล้วเช็ดหัวตัวเอง ผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทำไมอารมณ์มันเหมือนเข้าม่านรูดแบบนี้วะ….ผมเลิกคิดแล้วลงแช่ตัวในอ่างน้ำ
“ซี้ดดดดดดดด เหี้ยเอ้ย….น้ำร้อน…..”ผมกลั้นใจแล้วลงแช่ทั้งตัว พอผมลุกขึ้นเท่านั้นแหละ แดงไปหมดทั้งตัวเลย
ผมใส่เสื้อผ้าแล้วออกมา เห็นไอ้โมะมันนั่งค้นตู้เย็นเอาขนมออกมากินอยู่ครับ ความเกรงใจไม่เคยมีจริงๆ=_=
“ขอก่อนได้ไหมเนี่ย”ผมบอก
“ขอไม่ทันแล้วอ่ะ กินเลยแล้วกัน”มันพูดแล้วยัดขนมเข้าปาก ผมเลยเดินๆไปทิ้งตัวลงที่นอนแล้วห่มผ้า
“ฝันดีนะ พรุ่งนี้ตื่นเช้า”
“หยุดเลยโชจัง เล่าก่อนค่อยนอน!!”
“โอ้ยยย ตื้อชะมัดเลย!!” ,โดดขึ้นมาทับผมแล้วเขย่าครับ โคตรน่าเตะ
“ตื้อสิ ก็ปล่อยให้ข้องใจนี่”มันถอยจากตัวผมแล้วนั่งขัดสมาธิข้างๆ
“เล่ามาสิแล้วจะร้องเพลงให้ฟังก่อนนอน”ดูข้อต่อรองมันสิ=_=….
“เออๆๆ เล่าก็เล่า!” ผมลุกขึ้นมานั่งเหมือนมัน พอมองหน้ามันก็เห็นว่า หน้ามันโคตรอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
“ฉัน…ชอบมัน แค่นี้แหละ”ผมพูดแล้วทิ้งตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง
“ม่ายยย ไม่ใช่แบบนี้!! ตั้งแต่ต้นสิ!!” มันทิ้งตัวลงมาทับผมอีก
“ขอเล่าในนี้นะ…..”ผมบอกมันในขณะที่ตัวผมซุกอยู่ในผ้าห่ม
“อื้ม”
“ไอ้กันต์น่ะ มันเป็นเด็กโรงเรียนอื่น ใกล้ๆโรงเรียนฉัน….ฉันแอบเห็นมันบ่อยๆหลังเลิกเรียน…เห็นบ่อยจนไม่รู้ว่า เอาแต่มองมันตั้งแต่เมื่อไหร่ จนวันนึงที่พวกฉันต้องเตรียมสอบเข้ามหาลัย ฉันก็วานให้เพื่อนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับไอ้กันต์ไปถามมาว่ามันจะเข้ามหาลัยอะไร….พอรู้ว่ามันจะไปมหาลัยไหน ฉันก็พยายามที่จะเข้ามหาลัยนั่น แล้วก็คณะเดียวกับมัน….บางครั้งเดินผ่านแอบเห็นมันคุยกับเพื่อนว่าวันนี้จะไปเดินตลาดกัน ฉันก็ไปดักรอเจอหน้ามัน โดยที่มันไม่เคยรู้ตัวเลย….”
“หวา….สโตกเกอร์” มันพูดแทรกครับ
“หุบปากไปเลย……แล้วหลังจากที่ฉันสอบเข้าได้แล้ว และมันก็สอบเข้าได้เหมือนกัน พอเปิดเทอม…ฉันกลับป่วย ต้องเข้ารักษาที่โรงบาล พอเจอมันอีกที…ก็รู้ว่า มันคบอยู่กับรุ่นพี่ผู้ชายในมหาลัยคณะเดียวกัน….ฉันพยายามมาตลอดที่จะทำเป็นเพื่อนที่ดีของมัน แกล้งมันบ้าง หยอกมันบ้างตามประสา แต่แฟนมันก็รู้ว่าฉันชอบไอ้กันต์….แล้วต่อมาฉันก็บอกไปว่าชอบมัน….แน่นอนล่ะ ว่าฉันถูกปฏิเสธน่ะ แต่มันนิสัยดีมากเลยนะ ทำตัวปกติกับฉันตลอด ทั้งๆที่รุ้ว่าฉันคิดยังไงแต่ก็ไม่ตีตัวออกห่าง แต่ยิ่งกว่านั้นคือ แฟนมันที่ฉันยอมแพ้จริงๆ…ถึงจะโกรธที่ฉันชอบแฟนตัวเอง แต่กลับให้ฉันรักมันได้ แถมยังทำดี….ดีป่ะวะ คงดีแหละ ทำดีกับฉันมาก ฉันเลยมาที่นี่เพื่อที่จะ ลืมๆมันไปซะ แต่พอได้ยินเสียงมันฉันก็หวั่นไหวน่ะนะ จบแล้ว”
“หืมมม เป็นแบบนี้นี่เอง”
“นายนั่นแหละที่แปลก ทั้งๆที่รู้ว่าฉันชอบผู้ชายยังจะมาค้างอีก ”
“ฉันรู้ว่านายไม่ทำแน่นอน”
“ใครเขาจะไว้ใจผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแบบนายเนี่ย”
“แล้วนายยังยอมให้ฉันมาค้างเลยนี่”
“เออ!! ฉันไว้ใจนายนี่หว่า พอหรือยัง ง่วงแล้ว” ผมพูดแล้วเปิดผ้าห่มออก
“ง่วงแล้วเหมือนกัน ฝันดีนะ”ไอ้โมะพูดจบก็ก้าวขาลงจากเตียง
“เฮ้ย ไม่ต้อง นอนบนนี้แหละ”ผมบอกมัน มันก็หันหน้ามาแล้วยิ้ม
“แหนะๆๆ คิดอะไรอ่ะโชจัง หลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ”
“เงียบไปเลย มีผ้าห่มหื่นเดียว ลงไปนอนข้างล่างแล้วจะได้ห่มไหมล่ะ หนาวจะตายเนี่ย”
“ครับๆ ขอรบกวนด้วยนะ”มันพูดแล้วซุกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับผม ก่อนที่มันจะเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วหลับตาลง
“โทโมฮิสะ….”
“หือ….”
“ขอบใจนะ…..”
“อื้ม……….”
-----------------------------------------------------
ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก!!!!
ผมกำลังลากกระเป๋าแล้ววิ่งสุดชีวิต พร้อมกับไอ้โทโมะที่วิ่งแบกกระเป๋าอีกใบของผม
“นอนเพลินเลย ทำไมไม่ปลุกล่ะห๊า!!!!”ผมตะโกนระหว่างที่วิ่ง
“จะรู้เรอะ ก็หลับเหมือนกันนี่!!! เร็วเข้าๆๆ”
ทั้งวิ่งขึ้นรถไฟ ลงรถไฟ ต่อคิวขึ้นลีมูซีนบัสไปที่สนามบิน ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ไอ้โทโมะ ที่จริงกะจะไม่ให้มันมาส่งถึงสนามบินแบบนี้หรอกครับ แต่ถ้าผมต้องวิ่งแล้วแบกกระเป๋าคนเดียวสองใบเนี่ย ไม่ทันแน่ๆ มันบ่นๆแต่ก็แบกมาช่วยผมอยู่ดี
พอถึงสนามบินผมก็รีบเข้าไปเช็คอิน โหลดกระเป๋า ยังมีเวลาเหลืออยู่ชั่วโมงนึง ซึ่งในเวลาแบบนี้มันน้อยมากๆ! ผมเดินไปหาไอ้โทโมะที่นั่งกระดกขวดน้ำอยู่
“เดียวจะเข้าไปแล้วนะโทโมะ…..” ผมเดินไปหยุดตรงหน้าแล้วบอก
“อ่ะ อ๋อ อื้ม โชคดีนะ”มันพูดแล้วโบกมือให้
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอนายน่ะ=_=”
“พูด…พูดอะไรล่ะ?”
“คำล่ำลาแบบเป็นทางการอะไรแบบเนี่ย ไม่ใช่บอกโชคดีแล้วโบกมือไล่แบบนี้”
“อืมมมมมม ที่จริง ชีวิตฉันมันก็เดินไปเรื่อยๆแบบนี้น่ะนะ เจอคนแปลกหน้าทุกวันล่ะ นายเองก็เหมือนกัน เวลาผ่านไปไม่ต่างจากฉัน ต้องเจอคนแปลกหน้าทุกวัน… แต่การที่ฉันได้พบนายคนแปลกหน้าจากประเทศไทย และนายได้เจอฉัน คนแปลกหน้าที่ญี่ปุ่น มันอาจจะเป็นโชคชะตา นายคิดแบบนั้นไหม?” มันพูดแล้วมองหน้าผม
“นั่นน่ะสินะ….”ผมพูดตอบ แบบ งงๆ
“นายคิดผิดแล้วล่ะโชจัง!! โชคชะตาน่ะ ไม่มีหรอก”ไอ้โมะมันชี้หน้าผม
“หะ??”
”ถ้าเราเจอกัน แล้วฉันไม่เข้าไปทักนาย โชคชะตาก็จะไม่เกิดขึ้น….”มันลดมือลงแล้วพูด
“…………..งง ว่ะ”
“ที่ฉันจะบอกก็คือ โชคชะตาน่ะ มันเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นเองต่างหาก ”
“อ่ะ อ๋อ….”
“ฉันสนุกนะที่ได้เที่ยวกับนาย ถึงฉันจะไม่ค่อยมีมารยาทเพราะความตั้งใจก็เถอะ แต่นายก็ยังยอมให้ฉันไปเที่ยวด้วย ขอบใจนะ หลังจากนี้ไป ถ้ามีโอกาส เราคงจะได้พบกันอีก…”
“ต้องมีสิ มีแน่นอนเลยล่ะ ก็ฉันหลงรักที่นี่แล้วนี่นา..ฉันจะต้องมาอีกแน่นอน”ผมบอกแล้วยิ้มให้
“ถึงเวลานั้นล่ะก็ เรียกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ…”
“โอเค ขอบใจนะ โทโมะ…………ต้องไปแล้วล่ะ…”ผมพูดประโยคแรกแล้วเว้นวรรค์ยาวมาก เพราะมัวแต่มองหน้ามันอยู่
“ต้องไปแล้วสินะ...”
มันพูดแล้วลุกขึ้นยืน ส่วนผมก็ค่อยๆเดินถอยหลังไปพลางโบกมือให้มันไปพลาง ผมยิ้มน้อยๆตลอดเวลาที่มองหน้ามันแล้วโบกมือ มันเองก็เหมือนกัน แล้วจู่ๆพอผมเพ่งมองให้ชัดๆ มันกำลังขยับปากพูด แต่ไม่มีเสียง…
“(ได)… (สุ)…. (กิ)….”
“เฮ่ย!! จะพูดอะไรก็พูดสิวะ!!! ทำปากขมุบขมิบอยู่ได้!!” ทั้งๆที่รู้ว่ามันพูดอะไร แต่ผมก็ยังพูดเสียงดังจนมันสะดุ้ง
“บอกว่า ชอบ ไง!!! ได้ยินหรือยัง ถ้าได้ยินแล้วก็รีบเข้าเกตไปเลย!!!”มันแหกปากกลับคืนมา คราวนี้มีคนมองด้วย
“ขอบใจนะ!! ฉันก็ชอบเหมือนกัน!! ไว้เจอกันคราวหน้านะโทโมะจัง!!” ผมพูดแล้วโบกมือพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เออ!! ไว้เจอกันนะ โชจัง!!!”
มันเองก็ฉีกยิ้มกลับคืนมาให้ผมเหมือนกัน แล้วผมก็หันหลังวิ่งเข้าไปโดนที่ไม่หันกลับมามองอีก ไม่งั้นคงได้โบกมือ ล่ำลากันไม่จบสิ้นแน่ๆ
บ๊ายบาย ญี่ปุ่น บ๊ายบาย โอซาก้า…..บ๊ายบาย………ไอ้คนแปลกหน้า โทโมฮิสะ…
TBC
-------------------------------------------------------
เย่!!!!!!!!!! พาร์ทของ โชเรียบร้อยแล้ว TwT ไรต์ชอบใช้การเขียนเป็นข้ออ้างในการไปเที่ยวในที่ต่างๆครับ ฮ่าๆ มันสนุกดี เที่ยวๆไป จดๆสิ่งที่อยากเขียนไป ในตอนแรก ที่เขียนนิยาย คิดแต่ว่า ต้องรีบเขียนให้จบไวๆ แต่ตอนนี้เลิกคิดไปเลยครับ ฮ่าๆ มันเรื่อยๆนะ บางที เวลาที่ไม่มีอารมณ์จะเขียน แล้วฝืนเขียนไป มันจะออกมาห่วยมาก....บางครั้งเลยใช้เวลานานหน่อย แล้วพาร์ทน้องโชเป็นอีกพาร์ทอีกเขียนแล้วรู้สึกว่าสนุกจัง อาจเป็นเพราะไรต์เป็นพวกคลั่งประเทศญี่ปุ่นก็ได้=_=..... ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้ รออ่านตอนต่อๆไปด้วยนะครับ
รักนะ *3*