มาแว้วววว รอนานป่าวววววว คร้าบบบบบบบบ
ตอน 9 (ชมรมแบดฯรับน้อง)
วันศุกร์มาถึงแล้ว ญี่ปุ่นไปเรียนตามปกติไม่ได้กลัวเกรงหรือหวั่นใจที่ไปแกล้งเฟียตไว้เลย ที่จริงญี่ปุ่นลืมไปแล้วว่าวันนั้นหนีเฟียตไปนอนหลับที่ห้องของโฟค และเขาให้ขี่หลังกลับมาที่ห้อง พอเข้าโรงเรียนไป ญี่ปุ่นก็เหมือนคนดังมีคนเข้ามาทักมากมาย ญี่ปุ่นก็ทักตอบยิ้มแย้มไม่รู้ตัว
"ดัง ใหญ่แล้วนะปุ่น"
บอยบอกตอนที่เดินไปเข้าแถว
"หือ ดังอารายอ่ะ"
"ก็คนมาทักนายเยอะแยะไปหมด กลายเป็นคนดังไปแล้วนะ"
"อิ อิ ว้าแย่จัง ทำตัวเรียบร้อยนะเนี่ย นายขอลายเซ็นต์เราป่ะ เดี๋ยวเราเซนต์ให้"
ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเพื่อนประชด
"ไม่เอา อ่ะ เห็นหน้าทุกวัน"
"เอ๋ ก็นายบอกเราดัง เราดังนายก็ต้องขอลายเซ็นต์ดิ มาๆ เราเซ็นต์ให้"
ญี่ปุ่นทำท่าจริง จัง บอยได้ส่ายหน้าไม่รู้จะว่าอะไรกับญี่ปุ่นดี
"ไอ้หญ้าแห้ง มึงจะเซนต์อะไร เวอร์ไปแล้ว ไอ้บอยมันประชดหรอก ดังในทางกวนตีนอ่ะดิ"
"เอ๋ ปลาดุก พูดจาไม่เข้าท่าน้า เดี๋ยวอดได้ลายเซ็นต์คนดังน้า"
"แหวะ ใครจะอยากได้ ไอ้หญ้าแห้ง"
"ปลาดุก"
"พอๆ โอ๊ย สองคนนี่คุยกันดีๆไม่ได้เหรอ ทะเลาะกันทุกทีเลย"
บอยห้ามปราม ทั้งสองจึงเงียบ แต่ญี่ปุ่นยังทำปากขมุบขมิบอยู่ พอเข้าแถวเสร็จก็ไปเรียนตามปกติ วันนี้หมีขาวไม่มาดักเจอ หมีดำก็ไม่เห็นญี่ปุ่นเลยอดไถขนมจากรุ่นพี่กิน พอคาบเรียนสุดท้าย
"เฮ้ย มาดูไอโฟนไอ้พริกหวานดิ โห 3gs เลยนะมึง"
เพื่อนคนหนึ่งที่นั่ง ข้างๆพริกหวานยกโทรศัพท์ขึ้นมาอวด เพื่อนๆแห่ไปมุงดูกันใหญ่
"นี่มึง มาดู bold 9700 ของไอ้ไฟสูงล้ำสุดๆ"
อีกเสียงดังมาจากมุมห้อง เอกเดินเข้าไปมุงกับเพื่อน บอยเองไม่สนใจ ส่วนญี่ปุ่นทำหน้าเหรอหราอยู่เพระไม่รู้จัก
"อารายอ่า"
ญี่ปุ่น สะกิดถามบอย
"อ้อ โทรศัพท์รุ่นล่าสุด"
"เอ๋ ของเราก็มีไม่เห็นอวดเลย"
ญี่ปุ่นล้วงเข้าไปในกระเป๋านักเรียน ควานหาโทรศัพท์แล้วหยิบออกมาให้บอยดู
"แหมปุ่นของนายน่ะหน้าจอยังขาว ดำอยู่เลยนะ รุ่นออกใหม่น่ะเขาเล่นเน็ทก็ได้"
"แล้วของบอยอ่ะ"
ญี่ปุ่น ทำหน้าอยากรู้
"ของเราจอสี"
"เอ๋ นายไม่อยากได้บ้างเหรอ"
"ไม่ เอาหรอก เราไม่ชอบเล่นเน็ท อ่านหนังสือดีกว่า เดี๋ยวติด"
"ฮ่าๆ มาดูโทรศัพท์ไอ้ญี่ปุ่นโว้ยพวกเรา ยังเป็นรุ่นโบราณอยู่เลย"
เพื่อน ชื่ออันดี้เดินมาเห็นพอดี เลยฉวยโทรศัพท์จากมือบอยไป เพื่อนๆรุมแห่มาดูโทรศัพท์ของญี่ปุ่นแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
"เฮ้ย เอาคือมาไอ้อันดี้"
บอยพยายามจะแย่งโทรศัพท์คืนมา แต่อันดี้ก็ไม่ยอมคืน
"โลเท็กส์มากๆ เลยไอ้ปุ่น"
"โห รุ่นนี้เขายังใช้อยู่เหรอวะ มึงไปเอามาจากไหนวะไอ้ปุ่น"
เสียงล้อ เลียนเซ็งแซ่ จนอาจารย์วารุณีเดินเข้ามา ทุกเสียงจึงเงียบกลับเข้าที่แทบไม่ทัน
"เสียงดังอะไรกันคะนักเรียน"
เสียง อาจารย์วารุณีดังกังวานขึ้น
"ขำโทรศัพท์ไอ้ญี่ปุ่นน่ะครับ จารย์ดูดิ ยังหน้าจอขาวดำอยู่เลย เชยสุดๆ"
"เอ๋ โทรศัพท์เค้าน้า แม่ซื้อให้นะเนี่ย"
ญี่ปุ่นสวนขึ้นบ้างไม่ได้รู้สึกอายแต่อย่างใด เพราะแม่ของญี่ปุ่นซื้อให้ก่อนจะมาเรียนที่นี่เอาไว้ติดต่อกับทางบ้าน เพราะปกติญี่ปุ่นไม่ได้คุยโทรศัพท์อยู่แล้ว
"ไม่มีเงินซื้อเหรอไอ้ ปุ่น"
เพื่อนยังล้อไม่เลิก
"นักเรียนคะ เอาโทรศัพท์ไปคืนญี่ปุ่นซะ อย่าเอาของเพื่อนมาล้อเล่นแบบนี้"
อาจารย์ วารุณีทำเสียงดุ
"นี่ค่ะโทรศัพท์ครู เหมือนของญี่ปุ่นเลย"
อาจารย์ วารุณีหยิบโทรศัพท์รุ่นเดียวกับญี่ปุ่นออกมา นักเรียนอมยิ้มบางคนก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"แล้วไหนคะ โทรศัพท์ใหม่ที่เราฮือฮากัน"
อาจารย์วารุณียังเสียงดุ พริกหวานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไฟสูงก็เช่นกัน
"อืม ท่าทางคงแพง ใครซื้อให้คะพริกหวาน ไฟสูง"
อาจารย์วารุณีเสียงอ่อนลง เดินมาใกล้ๆ
"ป๊าครับ"
ทั้งสองตอบพร้อมกันด้วยความภาคภูมิใจ
"อืม ค่ะ ไม่แปลกเพราะทางบ้านเราคงมีฐานะดี แล้วเราใช้ประโยชน์อะไรจากเครื่องนี้บ้างคะ"
สายตาอาจารย์วารุณียัง จ้องอยู่ที่เด็กทั้งสอง
"ก็ดูหนังฟังเพลง แชต คุย เข้าเน็ทอ่ะครับ"
"ค่ะ ครูไม่ว่าหรอกนะ เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วญี่ปุ่นล่ะคะ เอาโทรศัพท์ไว้ทำอะไร"
อาจารย์หันหน้ามาทางญี่ปุ่นที่นั่งหน้าเอ๋ออ ยู่
"อ่า เอาไว้คุยกับแม่ กับพ่อครับ"
"ไม่เล่นเกม ดูหนังฟังเพลงเหมือนเพื่อนเค้าเหรอคะ"
ญี่ปุ่นส่ายหัว
"แล้ว ใครซื้อให้คะญี่ปุ่น"
"แม่ครับ แม่ซื้อให้เพราะจะได้ติดต่อกับทางบ้าน"
ญี่ปุ่นตอบมองหน้าอาจารย์ วารุณีตาแป๋ว
"อืม ค่ะ ประโยชน์ของโทรศัพท์เราใช้ไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ แล้วค่าโทรศัพท์ใครจ่ายให้คะ"
อาจารย์วารุณีถามต่อ
"ป๊า ดิครับจารย์"
พริกหวานตอบ
"อ้อค่ะ ทางบ้านเราคงรวยนะคะ แล้วญี่ปุ่นล่ะคะ ใครจ่ายค่าโทรศัพท์ให้"
"แม่ครับ แต่ญี่ปุ่นรับสายอย่างเดียว อิอิ โทรออกก็เปลืองเงินน้า"
ญี่ปุ่นพูด แล้วหัวเราะ อาจารย์วารุณีเองก็หัวเราะ
"อืม ในความคิดของครูนะคะนักเรียน ครูว่าคงไม่มีใครหาเงินเองได้ แม้ทางบ้านจะร่ำรวย แต่ครูว่าโทรศัพท์เป็นของนอกกาย เรามาเรียนควรจะตั้งใจเรียนให้มากก่อน เทคโนโลยีรู้ทันมันก็ดีค่ะ ครูไม่เถียงแต่อย่าให้มันมาครอบงำเรา งั้นวันนี้เรามาเรียนเรื่องเทคโนโลยีกับสังคมดีไหมคะนักเรียน"
อาจารย์ วารุณีเดินไปหน้าห้อง
"นักเรียนคิดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศ ที่ด้อยพัฒนาแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราอยากอยู่ในประเทศไหน"
อาจารย์ วารุณีถามแล้วมองดูลูกศิษย์
"อ้าวไฟสูงตอบครูหน่อย"
อาจารย์ ปริศนาเปิดประเด็นโดยเริ่มต้นที่ไฟสูง
"ประเทศที่พัฒนาแล้วก็เจริญ กว่าประเทศด้อยพัฒนา ทุกๆด้าน ผมก็เลือกไปอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้วสิครับ"
"อะไร คือตัวชี้วัดว่าประเทศนั้นๆ เจริญหรือพัฒนาแล้ว"
อาจารย์วารุณียัง จี้ไม่ปล่อย
"พริกหวานช่วยเพื่อนตอบหน่อยสิคะ"
"ก็เครื่องไม้ เครื่องมือ ภาวะทางการเงิน ความเป็นอยู่ก็ดีกว่าไงครับ"
"ค่ะ ถูกต้อง แล้วทำไมถึงอยากไปอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว"
อาจารย์วารุณีหัน มาที่บอย
"อ่า ก็ชีวิตเราจะได้สบายครับ จะทำอะไรก็สะดวกสบาย"
"แล้ว ญี่ปุ่นล่ะคะ ว่าไงบ้าง"
ญี่ปุ่นยิ้มร่า เพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง
"ญี่ปุ่น ก็อยากอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้วครับ มีขนมกินเยอะแยะ"
เสียงฮาครืนทั้ง ชั้น อาจารย์วารุณีก็ยิ้มเพราะความใสซื่อของญี่ปุ่น
"ประเทศเราก็ เป็นประเทศที่กำลังพัฒนานะคะ ขนมกินก็มีเยอะแยะ"
อาจารย์วารุณียิ้ม
"แล้ว นักเรียนคิดว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว มีอะไรที่หายไปบ้างหรือเปล่าคะ ตอบเป็นนามธรรมก็ได้"
อาจารย์วารุณีหันไปหาป้องหัวหน้าห้อง
"อืม ในความคิดของผม ประเทศที่พัฒนาแล้ว อาจจะมีสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เพราะความต้องการใช้ทรัพยากรก็เพิ่มมากขึ้น"
"เก่งมากค่ะป้อง แล้วคนอื่นๆล่ะคะ"
คราวนี้หันมาทางเอก
"เอ่อ ผมคิดว่า เอ่อ"
เอก ตอบอ้ำๆอึ้งๆ
"เอาล่ะค่ะ ตัวครูเองประเทศที่พัฒนาแล้วสิ่งหนึ่งที่ตามไม่ทันความเจริญทางด้านวัตถุ คือศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงาม นักเรียนว่าจริงไหมคะ"
นักเรียน เงียบทำหน้าเหรอหรา
"เอาเป็นว่า สมัยก่อนสังคมเราเป็นแบบพี่น้องกัน มีอะไรแบ่งปันกัน แต่ความเจริญทางด้านวัตถุเข้ามาตามกระแสโลก สิ่งเหล่านั้นก็เลือนหายไป อย่างคนมาขอกินข้าวกับเราทั้งที่เราไม่รู้จัก เราเองก็อาจจะปฎิเสธเพราะไม่รู้จัก แต่คนๆนั้นอาจจะหิวโหยมาน่าสงสาร ทุกวันนี้คนเรายึดติดกับวัตถุมากไป ฆ่าฟันกันเพราะวัตถุทั้งนั้น เรื่องโทรศัพท์ก็เหมือนกันเราเป็นนักเรียนก็ตามสมัยวัตถุนิยมครูก็ไม่ว่า หรอกค่ะ แต่สิ่งหนึ่งคือเราเป็นนักเรียนหาเงินเองยังไม่เป็น ภาระหน้าที่ก็ตกอยู่ที่ผู้ปกครอง บางคนผู้ปกครองอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องการจ่าย แต่ครูเองก็อยากให้เราสร้างนิสัยการใช้จ่าย อย่าไปยึดติดกับวัตถุมากมาย ของเหล่านี้มันมีตกรุ่นตกสมัยกันเป็นเรื่องธรรมดา อย่างแต่ก่อน โทรศัพท์รุ่นของญี่ปุ่นกับของครูเองก็เป็นที่นิยม แต่มาวันนี้มันตกรุ่นไปแล้ว ทั้งที่การใช้งานมันก็เหมือนเดิม"
"แล้ว ประเทศพัฒนาทั้งสองสิ่งควบคู่กันไปไม่ได้เหรอครับ"
หัวหน้าห้องยกมือ ขึ้นถาม
"เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ ได้สิคะนักเรียน แต่ยากมาก เทคโนโลยีสมัยนี้มันควบคุมลำบาก เพราะเราก็อ้างมันเป็นสิธิส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นการเข้ามาควบคุมของใครคนใดคนหนึ่งมันก็จะยาก เห็นตามข่าวไหมคะ เดี๋ยวนี้เขาเล่นเน็ทเพื่อจุดประสงค์อื่นกันทั้งนั้น ทั้งที่เป็นเด็กนักเรียนไม่ควรไปทำเรื่องแบบนั้น ทั้งเสพยา มั่วสุมกัน นักเรียนคิดว่าแล้วเรื่องแบบนี้มันจะพัฒนาไปในแนวทางไหนคะ ใครควรเป็นผู้ควบคุม"
อาจารย์วารุณีมองหน้านักเรียนทุกคน
"รัฐบาล ครับ"
"พ่อแม่ของเด็กครับ"
เสียงลูกศิษย์แย่งกันตอบ
"ถูก ต้องค่ะ แต่นักเรียนคิดบ้างไหมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวของเราเอง อย่างที่ครูพูดวันนี้ ถ้านักเรียนทำเป็นหูทวนลม พรุ่งนี้ก็ลืม แต่ถ้าเราคิดว่าเทคโนโลยีถ้าใช้มันให้เป็นประโยชน์มันก็เอื้อประโยชน์ให้เรา แต่ถ้าใช้มันในทางที่ผิดมันก็ทำร้ายเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จริงไหมคะ"
ลูก ศิษย์พยักหน้า
"ที่ครูพูดวันนี้ไม่ได้ห้ามหรือไม่เห็นด้วยกับวัต ุหรือเทคโนโลยีที่กำลังก้าวหน้าไป แต่อยากให้ลูกศิษย์ของครูใช้มันให้เป็น เล่นให้พอประมาณอะไรที่ไม่ดีก็อย่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ครูเข้าใจค่ะว่าวัยรุ่นอย่างพวกเราก็มีความอยากรู้อยากลองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทางออกมันย่อมมีให้เลือกมากกว่าเข้าไปเกี่ยวพันกับสิ่งไม่ดีเหล่านั้น สมัยก่อนจะคุยกับเพื่อนต้องเขียนจดหมายหากัน มันดูมีค่าน่าเก็บรักษาไว้ แต่เดี๋ยวนี้มีอะไรก็โทรศัพท์ขึ้นโทรหากัน มันไม่แปลกหรอกค่ะ สมัยมันก็หมุนเปลี่ยนไปตามโลก ยังไงเสียก่อนคิดทำอะไรขอให้ศิษย์ของครูคิดให้ดีนะคะ เราโตแล้ว เวลาคิดตัดสินใจทำอะไรลงไปก็คิดให้ดี"
การเรียนวิชาสังคมวันนี้เป็น ไปอย่างเคร่งเครียด พอหมดคาบเรียนนักเรียนก็เปิดวงสนทนากันเจี๊ยวจ้าว บางคนเห็นด้วยบางคนไม่เห็นด้วย พอพักเที่ยงญี่ปุ่นก็วิ่งแจ้นไปร้านป้าตามปกติ
"ป้าจ๋า ญี่ปุ่นมาแล้วว"
เสียงญี่ปุ่นร้องไปแต่ไกล ป้ายิ้มรับ
"มาๆ พ่ออี้ปุ่ง ป้าเตรียมกับข้าวไว้ให้เราแล้ว กินก่อนไหม"
"อ่า ป้าน่าร้ากที่สุด ไหนอ่า"
ญี่ปุ่นเข้าไปในร้านมองหาของกิน พอเห็นจานข้าวที่ป้าตักไว้ให้ก็หม่ำทันที พอกินเสร็จก็ออกมาขายข้าวช่วยป้า
"อ่า พี่หมีขาวๆ ทางนี้ๆ"
ญี่ปุ่นกวักมือเรียกเฟียตที่เดินนำหน้ากลุ่ม เพื่อนรถยุโรปแต่ไกล
"อะไรไอ้เปี๊ยก มาให้กูทำโทษซะดีๆ กูยังไม่ได้ชำระแค้นนะมึง"
เฟียตปรี่เข้ามาหา
"อ๊ะ เดี๋ยวก่อนซี้ กินข้าวก่อนน้า วันนี้กินไข่ตุ๋นไหม อร๊อยอร่อย เค้าเพิ่งกินไป"
ญี่ปุ่นไม่สนใจตักกับข้าวใส่จานให้เรียบร้อย
"ไม่ กินโว้ย กูจะมาตบหัวมึงกูไม่ได้มากินข้าว"
"เอ๋ จะตบหัวเค้าทำไมอ่า พี่เบนซ์รูปหล่อกินข้าวน้า"
ญี่ปุ่นเบนสายตาไปหาเบนซ์ทันที
"เฮ้ย พี่จะกินก๋วยเตี๋ยว"
"พี่ฟอร์ดอ่ะ ห้ามปฎิเสธน้า เนี่ยตักแล้วน้า"
ฟอร์ด ส่ายหัว
"พี่อ่ะ พี่รูปหล่อมามะมากินข้าว"
จี๊ปเป็นตัวเลือก สุดท้าย
"เออ น่ากินว่ะ งั้นพี่เอาไข่ตุ๋นกับผัดพริกไก่"
"ว้า ว น่ารักที่ซู๊ดเลย รูปหล่อแล้วยังน่ารักอีก อิอิ ไม่เหมือนพี่ๆพวกนี้ ขี้เหร่"
"อ้าวเฮ้ย ไอ้นี่เมื่อกี้ยังเรียกกูรูปหล่ออยู่เลย"
"ไม่ ซื้อก็ไม่หล่อแล้ว ไปดิขวางหน้าร้านป้า"
"เขกหัวสักทีเถอะ"
เฟียต ถลาจะเข้ามาในร้าน
"อะไรกันพ่อหนุ่ม มาขึ้นเสียงเอะอะโวยวายอะไรร้านป้า จะกินข้าวไหมนี่ ถ้าไม่กินก็ถอยให้คนอื่นเขา"
ป้าเอ็ดเสียงดัง เฟียตหยุดกึกลง
"ฝาก ไว้ก่อนเถอะมึง"
เฟียตกัดฟันกรอด
"เอ๋ หมีขาว จะไปไหน มาซื้อข้าวเดี๋ยวนี้น้า"
"กูไม่กินโว้ย"
"เอ๋ มาทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้านต้องรับผิดชอบ มาซื้อเดี๋ยวนี้น้า"
ญี่ปุ่น ไม่ยอม
"น่านเอาแล้วไหมล่ะ ไอ้เปี๊ยกเอาแล้วไหมล่ะมึง"
"ไม่ กินไม่เป็นไร จ่ายมาคนละยี่สิบ"
"เฮ้ย เรื่องไรกูจะจ่าย กูไม่ได้กิน"
เฟียตร้องเสียงดัง
"ป้า พี่เขาไม่จ่ายตังค์อ่า เนี่ยญี่ปุ่นตักแกงใส่จานแล้วอ่า"
ญี่ปุ่นร้องเสียงดังฟ้องป้าทันที ป้าเดินถือตะหลิวออกมา
"เออๆ จ่ายก็จ่าย กินนี่ก็ได้มึงเสียท่ามันแล้วนี่"
ฟอร์ดบ่นอุบอิบ ควักเงินจ่าย ญี่ปุ่นยิ้มร่าพอใจ คว้าเงินมาทันที
"เตรียมตัวตายไว้เลยมึงไอ้ เปี๊ยก"
เฟียตกัดฟันกรอดโกรธแค้น
"เออ ไอ้เปี๊ยก วันนี้เย็นไปรับน้องที่ชมรมด้วยนะมึง"
เฟียตบอกสายตาฉายแววน่ากลัว
"อ่า ไม่ว่างอ่า จะไปอ่านอิ๊กคิวซัง"
"ไม่ได้ มึงต้องไป เป็นสมาชิกแล้วนะมึง"
ญี่ปุ่นทำหน้าย่นแล้วไม่สนใจเรียกลูกค้าคนอื่น ต่อ
"พี่คนสวยๆ มากินข้าวๆ"
ญี่ปุ่นร้องเรียกริต้ากับเพื่อน ร่วมแกงค์
"ต๊าย วันนี้เข้าใจพูดนะคะ ว้ายพี่สวยจริงเหรอ"
ริ ต้าเดินปรี่เข้ามาหา หน้ายังขาวลอยเด่นมาเหมือนเคย ญี่ปุ่นหัวเราะคิกคัก
"สวย คร้าบ สวยที่สุดในโรงเรียน เนี่ยพี่คนสวยเหมาป้าหน่อยดิ ป้าขายนานแล้ว"
"ว๊าย จริงเหรอ พี่เขินนะเนี่ย แต่เอ๊ะ แกไปนอนกับพี่เฟียตของชั้นนี่ ไม่ได้ๆ จะไปดีกับแกๆไม่ได้"
ริต้าถอยออกห่างทำหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
"อ่า พี่คนสวย เค้าไม่ได้นอนกับหมีขาวน้า พี่คนสวยชอบพี่หมีขาวเหรอ เดี๋ยวญี่ปุ่นจัดให้"
ตาโตขึ้นทันที
"จริงเหรอ แกจะทำยังไง"
"ก็ บอกให้พี่หมีขาวรู้ไงว่าพี่คนสวยอยากเป็นแฟนด้วย อิอิ ญี่ปุ่นเก่งน้าเรื่องหาคู่ให้คนอื่น"
"เหมาหมดเลยค่ะป้าขา เท่าไหร่ว่ามาเดี๋ยวริต้าไปกดตังค์ให้"
"ว้าว สวยแล้วยังใจดีอีก ป้าคิดตังค์เลยคร้าบ"
ญี่ปุ่นหัวเราะชอบใจ แล้วเดินไปกระซิบกระซาบบอกแผน ที่จริงไม่ได้มีแผนอะไรแค่บอกว่าตอนไปซ้อมแบดฯจะติดต่อให้ ริต้าก็ฝันหวานเคลิบเคลิ้มไป
"พี่คนสวย เดี๋ยวญี่ปุ่นเรียกเพื่อนๆมากินข้าวน้า พี่คนสวยใจบุญที่ซู๊ด"
ริต้า ยิ้มหน้าบานเพื่อนๆจะคัดค้านก็ไม่ฟัง นั่งบิดไปบิดมา ญี่ปุ่นก็ไปเรียกนักเรียนที่เดินหาข้าวกินอยู่มากินข้าวฟรี ไม่ถึงสิบนาทีก็หมดเกลี้ยง ญี่ปุ่นหัวเราะพอใจ แล้วแว๊บหลบไป หึหึ แค่นี้ก็ไม่ต้องขายของช่วยป้าแล้ว ฉลาดที่ซู๊ดเลยเรา ญี่ปุ่นยิ้มแสยะมุมปากแล้วเดินไปตามหาบอยกับเอก
"ไอ้เปี๊ยก!!!!!!!!"
เสียง ทักดังจนญี่ปุ่นสะดุ้ง
"หวายหมีดำ โตะจายโหมะเลยอ่า ทักเสียงดั๊งดัง"
"แหม ขวัญอ่อนนะมึง เลี้ยงข้าวกูเลย วันนั้นมึงขี่หลังกูเมื่อยแทบตาย"
"เอ๋ ขี่หลังไรอ่า ไม่รู้เรื่อง"
"มึง อย่ามาตีมึน เลี้ยงข้าวกูซะดีๆ"
โฟคเดินเข้ามาจับแขนไว้
"อ่า ก็ได้ๆ หมีดำจะกินไรอ่า"
"หึหึ กูอยากกินสองอย่าง ข้าวกับก๋วยเตี๋ยว"
"อ่า ไม่เอาอ่า กินอย่างเดียว"
"ได้ ไปดิ"
โฟคลากแขนญี่ปุ่นไปร้านข้าวทันที
"ป้าเอาเส้นเล็กแห้ง ครับ"
"ป้า เอาไอติมด้วยคร้าบ"
ญี่ปุ่นสั่งไอติมป้าคนขายหยิบ ไอติมให้ญี่ปุ่นก่อน พอคว้าไอติมได้
"โอ๊ะ ปวดท้องอ่า ไปเข้าห้องน้ำน้าหมีดำ"
วิ่งไปทันที โฟคยืนเอ๋ออยู่
"เฮ้ย แล้วมึงไม่จ่ายวะไอ้เปี๊ยกกกก"
โฟคร้องเสียงหลง ทำหน้าเหรอหรา ป้าคนขายยืนเท้าสะเอวมอง โฟคกัดฟันกรอดยอมควักเงินให้ป้าคนขายไป
"ไอ้ ตัวยุ่ง คอยดูเถอะมึง"
โฟคกัดฟันพูด แล้วเดินหัวเสียไปกินก๋วยเตี๋ยวที่โต๊ะ
***************************************************
พอ เลิกเรียนญี่ปุ่นรีบคว้ากระเป๋าดึงแขนบอยออกจากห้อง รีบกลับไปอ่านอิ๊กคิวซัง วิ่งลงไปข้างล่างก็ต้องผงะเพราะหมีขาวยืนดักอยู่กับแกงค์รถยุโรป
"กู คิดแล้วไม่ผิด มึงคิดจะหนีกลับเหรอ ลากมันไปรับน้องไอ้เบนซ์"
"หวาย มะเอาจะไปอ่านอิ๊กคิวซัง"
พูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนล็อกคอให้ไปกับ เบนซ์แล้ว ญี่ปุ่นดิ้นพรวดพราด เฟียตเขกหัวไปหลายที
"หมีขาวบ้า หมีขาวน่าเกลียด"
"นี่แน่ะๆ ด่ากูเหรอมึง โป๊กๆๆๆ"
"อ่า อ่า ใจร้าย ช่วยด้วยๆๆๆ"
บอยอึ้งแต่โดนลากไปด้วย เอกเดินตามลงมาก็เลยพลอยเดินตามไปด้วย พอถึงชมรมญี่ปุ่นก็โดนเหวี่ยงไปบนเก้าอี้
"น้องๆครับ เตรียมชุดมาใช่ไหม วันนี้ชมรมเราจะรับน้องนะครับ ไปเปลี่ยนชุดแล้วไปรอที่สนาม"
เฟียตออกคำสั่ง
"อ่า เค้าไม่ได้เอาชุดมา อิอิ รอดตัวไปน้า"
"ส้นตีนนี่ ไอ้ฟอร์ดมึงไปหาชุดมาให้มันเปลี่ยน เละแน่มึงไอ้เปี๊ยก"
"อ่า ไม่เอาอ่า เสื้อใครก็ไม่รู้ กลัวติดกลากเกลื้อน"
"โป๊ก มึงอย่ามาเรื่องมาก ไปลากมันไปเปลี่ยน ไอ้สองตัวนี่ด้วย เดี๋ยวช้ามึงโดน"
หัน ไปขู่บอยกับเอกด้วย
"โห นี่จะรับน้องหรือจะทารุณกันวะเนี่ย"
เอก บ่นแต่ก็เดินตามฟอร์ดไป
"อ้าวแล้วมึงนั่งรอพระที่ไหนมาโปรดไอ้เปี๊ยก ไปดิโว้ย"
ญี่ปุ่นที่นั่งทำตาปริบๆอยู่สะดุ้ง ใบหน้ายังยิ้มร่าอยู่เห็นเป็นเรื่องสนุกไปซะแล้ว พอเข้าไปในล็อกเกอร์ของชมรม ญี่ปุ่นได้เสื้อกีฬาสีตุ่นๆมากับกางเกงขาสั้นของรุ่นพี่ที่บริจาคไว้ ตัวโคร่งต้องมัดเชือกไว้ พอเดินออกมา เฟียตก็โผเข้ามาหาทันที
"มานี่ สิมึง"
"โอ๊ย ไม่เอาอ่า ไม่เอ๊า"
ญี่ปุ่นปัดมือออกชุลมุน แต่เฟียตล็อกคอไว้ด้วยความที่ตัวหนาใหญ่กว่า ญี่ปุ่นดิ้นไม่หลุด เฟียตเอาสีน้ำที่ผสมเตรียมไว้แล้วมาป้ายหน้าญี่ปุ่น เอาหนังยางมามัดผม ถอดแว่นตาหนาออก ญี่ปุ่นหรี่ตา
"อ่าใจร้าย หมีขาว เค้ามองไม่เห็นน้า เอาแว่นตาเค้าคืนมาน้า"
ญี่ปุ่นร้อง แต่เฟียตหัวเราะเสียงดัง พอให้ญี่ปุ่นหันหน้ามา คนที่เหลืออยู่ในห้องก็หัวเราะลั่นห้อง
"อา รายอ่า ทำอารายเค้าไอ้พี่หมีขาวบ้า"
"กวนตีนกูดีนัก สม"
เฟียต ทั้งหัวเราะทั้งสะใจ ที่วาดละเลงหน้าญี่ปุ่นได้ ก็จะไม่ให้ขำได้ยังไง เฟีนตเอาสีดำมาวาดเบ้าตาเหมือนหมีแพนด้า ทาจมูก ทาแก้มแดง ผมสั้นที่เอาหนังยางรัดตั้งชี้อยู่ ญี่ปุ่นเดินไปหาบอย
"อารายเหรอ บอย นายหัวเราะอาราย"
"อิอิ ปุ่น หน้านายอ่ะ อิอิ ยังกะหลินปิง"
"หือ อารายหลินปิง"
ญี่ปุ่นทำหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่อง เห็นบอยหัวเราะก็หัวเราะตาม
"ไปๆ ลงไปหาเพื่อนๆ"
ฟอร์ดกลั้น หัวเราะแล้วดันหลังให้ตามลงไปสมทบกับเพื่อนๆที่รออยู่ก่อนแล้วที่สนาม พอก้าวลงไปเพื่อนๆที่รออยู่ก็หัวเราะลั่นเสียงดัง ญี่ปุ่นจะเอามือขึ้นลูบหน้าออกแต่เฟียตจับมือไว้ เฟียตคอยคุมอยู่ไม่ยอมห่าง ญี่ปุ่นทำหน้าย่น เสียงหัวเราะยิ่งดังกว่าเดิม
"เอ้ย ไอ้หลินปิง"
เพื่อน ร้องแซว ญี่ปุ่นยังทำหน้าเหรอหรา
"เดี๋ยวมึงแซวเขา เดี๋ยวกูก็จัดให้หรอกมึง"
เสียงเงียบลงทันที พอการรับน้องเริ่มขึ้นน้องๆก็เป็นเหมือนที่ระบายอารมณ์ของรุ่นพี่ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่โดนรุ่นพี่อย่างหมีขาวกับหมีดำรุมจนหน้าตาเลอะเทอะไปหมด
"ไป ลากยางรถ"
เสียงเฟียตสั่ง แล้วให้รุ่นน้องไปเอายางรถยนต์มาผูกใส่เอวแล้วให้วิ่ง น้องๆทุกคนทำหน้าแหยกัน แต่ก็โดนบังคับ ญี่ปุ่นหัวเราะเอกที่ลากยางรถยนต์ไม่ไปสักที
"อิอิ ไม่มีแรงหรา ปลาดุก"
"ไอ้หญ้าแห้ง มึงลองลากดูสิ หนักนะมึง"
"โอ๊ย เค้าแข็งแรง ไม่มีปัญหา"
"งั้นมึงมานี่ไอ้เปี๊ยก"
โฟคลากตัว ญี่ปุ่นไปแล้วเอายางรถยนต์ผูกใส่เอว แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนยางรถยนต์
"อ่า มานั่งทำไมอ่า เค้าจะลากไหวเหรอ ลงไป๊"
"โป๊กๆ ไหนมึงบอกมึงแข็งแรง หนอยหลอกให้กูเลี้ยงไอติมแล้ววิ่งหนีนะมึง แสบดีนัก"
"อ่า พี่หมีขาว ช่วยด้วย หมีดำมาขี้เค้าอ่า จะลากไม่ไหวน้า"
ญี่ปุ่นร้อง เรียกความช่วยเหลือ แต่เหมือนจะเรียกตัวช่วยมาให้โฟคเสียมากกว่า เฟียตเดินมายืนดูแล้วก็หัวเราะ
"มึงลากดิ ไหน ลากให้กูดูหน่อย"
"บ้า หรา ตัวเองลากได้ไง"
"ไอ้นี่ย้อนนะมึง กูให้ลากก็ลาก"
เฟียต ขึ้นเสียง ญี่ปุ่นทำหน้าย่นแล้วพยายามลากแต่ก็ไม่ไป ยางรถยนต์ไม่ขยับ เฟียตเดินเข้ามาผลักหัวทีหนึ่ง
"อ่า นี่แน่ะ"
ญี่ปุ่นป้ายเอา สีที่หน้าป้ายเข้าที่หน้าเฟียตทันที แล้วรีบปลดยางรถยนต์ออกจากเอว
"ไอ้ เปี๊ยก!!!!!"
ญี่ปุ่นวิ่งแจ้นออกไป เฟียตวิ่งไล่ตาม
"มึงจะไป ไหน ไอ้เปี๊ยก มานี่"
เฟียตคว้าคอเสื้อได้กระชากญี่ปุ่นให้หยุด
"โอ๊ย เจ็บน้า หมีขาว"
ญี่ปุ่นร้อง เฟียตจับตัวได้ก็เขกหัวทันที ญี่ปุ่นเห็นจวนตัวหันเข้ามากอดเฟียตไว้ทันที
"อ่า เค้าเจ็บน้า เขกเอาๆ"
เฟียตพยายามแกะตัวญี่ปุ่นออกแต่ก็เกาะแน่นกว่าเดิม
"ปล่อย กูนะมึง ปล่อย"
เฟียตตวาดเสียงดัง
"ไม่เอา เดี๋ยวหมีขาวเขกหัวอ่า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก นิสัยไม่ดี"
"เด็กอย่าง มึงนี่กูขอเถอะ กวนตีน"
เฟียตพยายามแกะญี่ปุ่นออกพัลวันแต่ญี่ปุ่นก็ ซุกหน้าเข้าใต้รักแร้ของเฟียต
"โอ๊ย จั๊กจี๋ ออกไป๊ ไอ้เปี๊ยก"
เฟียต หัวเราะออกมาเพราะญี่ปุ่นเอานิ้วจี้ตรงเอวบ้างจั๊กแร้บ้าง เฟียตหัวเราะตัวงอล้มลงโดยที่ดึงเอาตัวญี่ปุ่นลงไปด้วย เฟียตทับตัวญี่ปุ่นไว้ หน้าชนกันพอดี พลันเสียงหัวเราะก็หยุดลง มีเพียงเสียงลมหายใจของเฟียตที่ดังอยู่ สายตาของญี่ปุ่นที่ปราศจากแว่นตามาบดบังมองเฟียตด้วยแววตาที่ใสสะอาด ไม่มีรอยของความสงสัยเคลือบแคลงใจ เป็นแววตาที่บริสุทธิ์เหลือเกิน
"หนัก อ่ะ"
ญี่ปุ่นขยับตัว เฟียตจึงมีสติลุกขึ้นทันที
"มึง มึงไปวิ่งเลย ห้ารอบ"
"อิอิ ไปดีกว่า หมีขาวตัวหนัีกหนัก"
ญี่ปุ่น ลุกขึ้นวิ่งไปหาเพื่อนๆทันที ปล่อยให้หมีขาวนั่งกึ่งนอนอยู่ท่าเดิม จิตใจหวั่นไหวสับสนไปหมดแล้ว
เขียนโดย eiky