KO-JAP : แค่คิดว่า
โหมด : ไบเซป
ผมล่ะอยากจะกระโดดเตะก้านคอยัยเจ๊ช่างภาพจริง ๆ นี่มันสร้างกระแสชัด ๆ มันไม่มีภาพแบบนี้อยู่ในลิสเลยเว้ย ๆๆๆๆๆๆๆ พูดมาได้ไงว่าขอปากแตะกันได้ไหม พูดไม่ดูเลยว่ามันเป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วอีฟีก็อีกคน ไปถามมันอยู่ได้ว่าเอาไง อีทวิตมันเป็นเกย์มันก็ต้องว๊อนอยู่แล้ว มึงก็ยังจะถาม แล้วแทนที่มันจะปฏิเสธยัยตากล้อง มันกลับทำตามที่ยัยนั่นบอก
ผมละปวดตับกับเจร็อค
ไม่รู้ว่าที่มันทำเพราะอะไรกันแน่ เพราะจะบีบให้ผมพูดคำว่าหึงหรือไง เชอะ!!! ให้ตายยังไงก็ไม่พูดหรอก มึงไม่ใช่แฟนกู สัส!!!!! เพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาแบบนั้นก็เลยเลี่ยงออกมา ในขณะที่จะลงบันไดก็ดันเจอกันรุ่นพี่ซางมินเดินขึ้นมาพอดี
“เอ๊ะ!!???” ผมร้องด้วยความฉงน ซึ่งรุ่นพี่เองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอผมที่นี่
“เฮ้ย น้องไบ มาที่นี่ได้ไงเนี่ย” รุ่นพี่ทักพลางลากตัวผมเข้าไปกอด เฮ้ย!!!
“อ๋อ พอดีพาฟีนิกซ์มาถ่าย VTR กิจกรรมน่ะครับ” ผมตอบพลางผลักตัวเองออกมาอย่างสุภาพ รุ่นพี่ทำเสียงอืมในลำคอ แล้วมองมาที่ผม
“อีกนานไหมเนี่ยกว่าจะเสร็จ”
“ไม่รู้อ่ะครับ” ผมตอบกลับไปตามความเป็นจริง รุ่นพี่มองดูนาฬิกาข้อมือ ท่าจะแพงน่าดูเลยนะนั่นอ่ะ
“อืมมมมมม ไบเซปพอจะว่างไหมล่ะ พี่มีเรื่องเกี่ยวกับงานสาขาจะบอกน่ะ” รุ่นพี่เอ่ยออกมายิ้ม ๆ ผมมองกลับไปที่ฉากถ่ายแบบ พวกนั้นยังกอดกันไม่เลิก อีกทั้งไอ้ฟีนิกซ์ยังก้มหน้าลงไปอีก งานนี้ฉุนครับ!!!!!
“คิดว่าว่างครับ แล้วก็ว่างนานด้วย” ผมตอบพลางกัดริมฝีปาก รุ่นพี่พูดพึมพำว่าไปนั่งคุยกันที่ร้านสตาบัคข้างล่างตึกท่าจะสะดวกกว่า และผมก็เดินตามครับ อันที่จริงเดินนำซะด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นอะไรที่มันบาดตา ไม่อยากถูกยั่วให้โมโห ให้โกรธ หรือแม้แต่หึง
เพราะงั้น....
หนีแมร่งเลย 555555
ร้านสตาบัคช่วงคนยังไม่เลิกงานลูกค้าไม่แน่นครับ ผมและรุ่นพี่ซางมินสั่งนมสดร้อนคนละแก้ว แล้วเลือกที่นั่งติดกับกระจกหน้าร้าน ผมใช้ไม้คน ๆ นมเพื่อให้มันเย็น
“แล้วตกลงรุ่นพี่จะคุยเรื่องอะไรอ่ะครับ” ผมถามในขณะที่อีกฝ่ายยกนมขึ้นดื่ม
“ตอนนี้เด็กปี 1 ก็ปฐมนิเทศแล้ว พวกพี่ปีสามก็เลย...”
“รุ่นพี่จะเรียกว๊ากเหรอครับ” ผมพูดอย่างรู้ทัน อีกฝ่ายยิ้มแล้วตบหัวผมเบา ๆ ทีนึง “อะไรของรุ่นพี่เนี่ย” ผมพูดอย่างงอน ๆ พลางทำแก้มป่อง
“ไอ้บ้า ไม่ได้จะเรียกว๊าก คือพี่กับเพื่อนในห้องปีสามน่ะ คุยกันแล้วว่าเราจะยกเลิกการว๊ากน้อง” เฮ้ย!! นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมนิ?
“จ..จริงเหรอครับ???”
“เออ เพราะพี่คิดว่าว๊ากไปจะทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องมองกันไม่ดีเปล่า ๆ” โฮ๊คคคคคคคค แทบอยากจะกระโดดกอดรุ่นพี่ซางมินแน่น ๆ แล้วหอมแก้มซักฟอด นี่แหละนี่รอมานาน ใช่เลย ยกเลิกได้ซักทีกับอีการว๊ากเนี่ย เบื่อจะตายอยู่แล้ว จำได้ว่าตอนอยู่ปีหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งถูกว๊ากซะช็อคเลย ลำบากหามส่งโรงพยาบาลกัน เพราะงั้น ตัดปัญหา ไม่ว๊ากแหละ ถูกต้องที่สุดแล้ว
“ถูกต้องแล้วครับ!!!” ผมพูดพลางปรบมือเสียงดัง
“แต่ว่า พี่ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของปีสาม ให้มาคุยรายละเอียดกับปีสอง”
“โอ๊ยยยยย ไม่ยากครับรุ่นพี่ รุ่นพี่คุยกับผมคนเดียวก็ได้ ผมน่ะข่าวไวนะจะบอกให้ เดี๋ยวผมกระจายข่าวให้เองครับ” ผมพูดพลางยิ้มจนตาหยี ดีใจแทนรุ่นน้องที่ต่อไปไม่ต้องโดนด่าแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้ว รุ่นพี่เองก็ยิ้ม พลางยกแก้วนมขึ้นดื่ม ผมเองก็ดื่มบ้าง เราทั้งสองคนวางแก้วลงพร้อมกัน ผมเงยหน้ามองพี่เขา ปรากฏว่ามีคราบนมเลอะริมฝีปาก
“โอ๊ะ!!!!” ผมร้องขึ้น
“หือ?”
“คราบนมครับ” ผมชี้บอก
“ที่ไหน”
“ริมฝีปากพี่อ่าาาาา” พูดจบผมก็จัดการดึงทิชชูให้แผ่นนึง พี่เขารับมาแล้วยิ้มขำ ๆ “ยิ้มไรอ่ะครับ” ผมถาม
“เอ๊า ได้ข่าวว่าชอบเกาหลีฝั่งหัวใช่ไหมเราอ่ะ” รุ่นพี่ถามพลางเช็ดคราบนมออก ผมพยักหน้าอย่างงง ๆ “ก็ ในพวกซีรี่ส์ ถ้านมเลอะริมฝีปาก อีกฝ่ายชอบ.......” รุ่นพี่ละไว้เพียงเท่านั้น แต่ไม่ต้องบอกผมก็รู้ครับ เพราะผมเองก็ดูบ่อย และผมก็เข้าใจด้วยว่ารุ่นพี่ต้องการที่จะสื่ออะไร พลันหน้าผมก็ร้อนผ่าว กะว่าตอนนี้มันคงแดงไปถึงใบหูแล้วครับ >///////////////////////< รุ่นพี่จะมาสื่ออะไรเนี่ย ผมยิ่งเขินอยู่
ผมรีบก้มหน้าหงุดมองหน้าตักตัวเอง แล้วแอบเหลือบมองรุ่นพี่เป็นระยะ อีกฝ่ายไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเท้าค้างแล้วยิ้มอย่างเดียว โฮ๊คคคคคคคคคคคคคคคคคค กูอยากจะเป็นฝ่ายที่นมเลอะขอบปากแล้วให้รุ่นพี่ทำแบบนั้นจัง อ๊าคคคคคคคคคคคคค เอาให้เหมือนกับของ BIGBANG ที่ จีดราก้อน แสดงกับ ท๊อป นะ
อ่าาาาาาา หนูไบขอแบบนั้นแหละฮร๊าาาาาา
5555555 อาการแรดออกอีกแล้ว >.<~~~~
แต่ก็ดังที่ทราบนั่นแหละครับ ว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย
“ร่านมากเลยนะมึง” เสียงนรกดังมาแต่ไกล ทั้งผมและรุ่นพี่หันควับไปตามเสียง อีฟีนี่เรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ส่วนไอ้ทวิตก็ตามหลังมาติด ๆ เหอะ!!!!
“อะไรของมึงอีกเนี่ย” เป็นผมที่ลุกขึ้นแล้วเดินไปประจัญหน้ากับมัน นี่กูกำลังคุยธุระแล้วมึงจะมารยาททรามโผล่มาทำอะไรตอนนี้วะ
“อะไรของกูเหรอ แมร่ง มึงปล่อยกูตลอนกับทวิตเป็นรอบที่สองแล้วนะเว้ย” ไอ้ฟีนิกซ์ตะคอกใส่ผม รุ่นพี่ซางมินลุกขึ้น
“รักษาความสงบหน่อยเถอะครับ”
“รักษาบ้านมึงสิ” อ้าว ไอ้เวรนี้ มึงพูดแบบนี้กับรุ่นพี่ได้ไงวะ ไอ้บ้า!!!
“มึงจะบ้าหรือไงไอ้ฟีนิกซ์ มึงพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ได้ไงวะ” ผมพูดพลางรีบลากมันออกมาจากร้านให้เร็วที่สุด ก่อนที่ระเบิดจะลงแล้วร้านจะพัง จากหางตาผมเห็นว่าไอ้ฟีนิกซ์ทำตัวมารยาททรามชูนิ้วกลางให้รุ่นพี่ นั่นมึงจะบ้าเหรอ มึงอยู่ศึกษาศาสตร์แล้วคณะสั่งสอนให้มึงเป็นแบบนี้หรือไงวะ!!!
ผมลากไอ้ฟีนิกซ์ผ่านหน้าไอ้ทวิต อีกฝ่ายยืนเอ๋อจนผมหมั่นไส้
“ยืนอะไร เกะกะ!!!!” ผมตะหวาดใส่มัน แมร่ง!!! ไอ้ทวิตไม่ตอบครับ หากแต่มันหลีกทางให้ ผมทำเสียงไม่พอใจ แล้วลากไอ้ฟีนิกซ์ไปที่รถ จัดการเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วยัดมันเข้าไปข้างใน ซึ่งไอ้ตัวปัญหามันก็ยอมเข้าไปโดยดีครับ จากนั้นผมก็นั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถ กดปุ่มล็อคประตูทั้งหมด แล้วเปิดแอร์ให้แรงสุดโดยหวังว่าแอร์จะช่วยบรรเทาอารมณ์โกรธของไอ้ฟีนิกซ์ลงบ้าง
“มึงเป็นอะไร” ผมถามมันเสียงเรียบ
“กูหึง”
“แล้วมึงจะหึงทำไม”
“ก็กูหึงอ่ะ” มันขึ้นเสียง ผมกัดริมฝีปาก พลางระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตะคอกกลับ คนยิ่งอารมณ์ร้อนแล้วเราร้อนกลับ มันก็เท่ากับราดน้ำมันลงบนกองไฟ
“มึงโคตรจะไม่มีเหตุผลเลยไอ้ฟี”
“กูไม่เคยมีอยู่แล้ว หรือถ้ากูมี มึงก็ไม่เคยฟังกู” น้ำเสียงมันน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นมึงก็พูดออกมาชัด ๆ ว่าตกลงมึงเป็นอะไร”
“ทำไมมึงต้องไปนั่งกินอะไรกับมันด้วย”
“กูถามมึง ไม่ใช่ให้มึงถามกู”
“แต่กูจะถาม” เสียงมันสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว ผมส่ายหน้าให้กับนิสัยที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ของมัน
“กูไปคุยงาน” ผมตอบกลับ
“คุยงานบ้าเตี่ยมึงสิ หน้าแดงขนาดนั้น” และรอบนี้ผมเงียบ มันพูดเข้าเป้าครับ และผมรู้สึกว่ามันจะได้โอกาสเสียด้วย “เงียบทำไมล่ะมึง” ผมยังคงไม่ตอบมันอีก รอบนี้ไอ้ฟีนิกซ์หันมายังที่นั่งฝั่งคนขับ มือของมันทุบลงเบาะอย่างแรงจนผมสะดุ้ง
“ตอบไม่ได้ล่ะสิ” และมันก็จริงอย่างที่มันพูด ผมยังคงพูดอะไรไม่ได้ เพราะมันพูดเรื่องจริง “กูเคยบอกมึงแล้ว ถ้ามึงอยากมึงก็บอกกู” นี่เป็นคำด่าที่แรงพอดู แต่ผมรู้ว่ามันพูดเพราะมันโกรธ ดังนั้น ผมจะไม่โมโหมัน ผมจะไม่ต่อปากกับมัน ผมจะอยู่นิ่ง ๆ ฟังมันระบายให้หมด ผมจะเป็นที่รองรับอารมณ์ของมัน ดีกว่าให้มันไปต่อว่ารุ่นพี่สาขาตัวเอง
ไอ้ฟีนิกซ์จ้องผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ผมไม่มองตามันครับ สายตาของผมจ้องไปยังสิ่งแวดล้อมเบื้องหน้า เสียงหายใจของคนข้าง ๆ หอบและถี่ มือของผมกำพวงมาลัยรถแน่นจนเจ็บ เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไร แต่ผมรู้สึกว่ามันนานมาก ไอ้ฟีนิกซ์ทิ้งตัวลงกับเบาะ มันถอนหายใจออกมาแรง ๆ แล้วมองตรงไปด้านหน้า
มือของผมที่จับพวงมาลัยเริ่มคลายออก
ระบายหมดแล้วสินะ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“กูขอโทษ” ไอ้ฟีนิกซ์พูดออกมาเบา ๆ
“อืม” ผมตอบเพียงแค่นั้น
“กูไม่รู้ว่าทำไม แต่กูเห็นมึงกับไอ้บ้านั่นไม่ได้” มันพูดพลางเสมองออกกระจกฝั่งมัน ผมยังคงนิ่งฟัง แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ
“หมดยัง” เป็นผมที่เอ่ยปากถามในที่สุด
“อะไร”
“กูถามมึง คำที่จะด่ากูอ่ะมันหมดหรือยัง”
อีกฝ่ายไม่ตอบ และเราก็เงียบอยู่เหมือนเดิม อากาศภายในรถเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“กูคิดว่ากูชอบมึง”
คำพูดที่ผมไม่คาดคิดหลุดออกมาจากปากคนที่ผมไม่เคยคาดหวัง....
____
ส่วนนี่คือคลิปที่ไบเซปพูดถึงครับ
http://bit.ly/Hs1siD_____