(Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!  (อ่าน 22626 ครั้ง)

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432


รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0


...

สวัสดีค่าาา >< ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ให้อ้อมกอดของทุกคนด้วยน๊า ^^
BY vampire rose 
สำหรับใครที่เคยอ่าน  | พี่ครับ...คบหมอมัน(ส์)ดีนะ | เเล้ว ที่เอาลงไว้ให้เล้าก็จะคุ้นๆ กับไรท์สักหน่อย  :กอด1:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 20:17:11 โดย vampire_rose »

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
“อัลฟาคือผู้นำ เบตาคือผู้ตาม โอเมก้าคือทาส!”


ระบบหมู่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ความขมขื่นกับการที่ถูกกดขี่ ราวกับไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนชั้นสูง

ช่างโหดร้าย

 

โอเมก้าอย่างผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย

ชีวิตที่ถูกทุกคนผลักไส กลับได้รับการช่วยเหลือ

ราวกับพรหมลิขิต หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความทรมาน

เมื่อผม “ลูดี้” เด็กหนุ่มวัย 20 ปีบริบูรณ์ ที่จู่ ๆ ก็ได้เป็น

 

คู่แห่งโชคชะตา

ของทายาทผู้นำอัลฟา สูงสุดของตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเฮอร์คิว

 

วูฟ

หนุ่มหล่อคมคาย แววตาดุคม มีอำนาจ อายุ 24 ปี

อัลฟา หนึ่งเดียวที่มีลักษณะพิเศษที่สามารถควบคุมสัญชาตญาณที่ถูกกระตุ้นโดยโอเมก้าได้

ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมาย เพราะเขาถือว่าเป็นผู้ที่อันตรายและมีความแข็งแกร่งที่สุดในหมู่อัลฟา


ทว่า วูฟ กลับไม่สามารถห้ามสัญชาตญาณของตัวเองได้ เมื่อเจอกับเด็กหนุ่มอย่าง “ลูดี้”

ผิวขาวเนียนใสเย้ายวน กลิ่นหอมของฟีโรโมนของโอเมก้าที่ร่างสูงไม่เคยรู้สึกอะไร

แต่พอมาเจอร่างบางตรงหน้า

 
สัญชาติญาณก็สั่งให้เขา “ขย้ำ”

เท่านั้น

 
วูฟ ไม่เคยคิดว่ารักแท้หรือคู่แห่งโชคชะตามีอยู่จริง เขาไม่เชื่อ


ลูดี้ เชื่อมั่นในรักแท้และเรื่องคู่แห่งโชคชะตา เขาเชื่อและรอวันที่จะได้เจอ


 วูฟ : หล่อคมเข้ม สูง 189 ซม. นิสัยสุขุม มีความรับผิดชอบ

ลูดี้ : หน้าสวย ร่างบาง ขาว สูง 172 ซม. เป็นคนขยัน มองโลกในเเง่ดี จิตใจดี


ยินดีต้องรับสู่โลกของ  Omegaverse สไตล์ไรท์ค่ะ

มาปลดปล่อยสัณชาตญาณดิบไปด้วยกันนะคะ ^^

ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดด้วยน๊า

อ้อนทำตาวิ้ง ๆ

นิยายของไรท์เป็นนิยายฟีลกู้ดน๊า ไม่เน้นดราม่า จุ๊บ

มากรี๊ดด้วยกันเร็วววว ><



............................................................................................ :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 1
[/b]



“อัลฟาคือผู้นำ เบตาคือผู้ตาม โอเมก้าคือทาส!”

ระบบหมู่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ชีวิตของโอเมก้า ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย

แต่ผมก็ยังเชื่อว่า...เมื่อใดที่ผมเจอคู่ของผม ผมก็คงจะได้อยู่กับเขาตลอดไป

ไม่ต้องดิ้นรนวิ่งหนี...สัญชาตญาณที่น่ากลัวแบบนี้

อยู่อย่างมีความสุขตลอดไป





                [พาร์ตของลูดี้]



                เคร้ง...เสียงจานถูกวางลงข้างผมที่กำลังนั่งล้างจานอยู่ ทำให้ผมเงยหน้ามองป้าแท้ ๆ ของผม แต่เธอทำราวกับว่าผมไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก



                “เอ้า!! ล้างจานเข้าไปซะ รีบล้างซะด้วยนะ อย่ามัวแต่ทำตัวไร้ประโยชน์อยู่” เธอว่าและเดินจากไป ผมมองตามด้วยความรู้สึกแอบน้อยใจเล็กน้อย...ก็แค่เล็กน้อย เพราะผมเริ่มชินแล้วล่ะครับ



                ชินกับคำที่ว่าต่าง ๆ นานา เพียงเพราะผมเกิดมาเป็นโอเมก้า...ผม “ลูดี้” อายุ 20 ปีแล้ว เมื่อไม่นานนี้เอง ผมไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นเขาหรอกครับ อาศัยอ่านหนังสือศึกษาเองตามห้องสมุด อย่างที่รู้กันดีว่าโอเมก้าก็เหมือนกับชนชั้นที่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่มีบทบาทอะไรอยู่ในสังคม แถมยังเป็นเหมือนเครื่องระบายอารมณ์ของ...อัลฟา อีกอาชีพที่พวกเราโอเมก้าทำได้ ก็จะมีอะไรไปมากกว่า...การถูกพวกอัลฟาตระกูลดังซื้อตัวไปเพื่อผลิตทายาท ช่างน่าสมเพชใช่ไหมครับ



                ผมไม่ได้ทำงานอะไรแบบนั้น แต่เลือกที่จะมาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านของป้าแท้ ๆ ที่เป็นเบตา ที่รังเกียจกดขี่ผมมาก แต่จะทำยังไงได้ ผมต้องหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ไปซื้อยาป้องกันการเกิดอาการฮีทมาทานนี่ (มันเป็นยาที่ช่วยให้ฟีโรโมนเบาบางลงครับ) ทำให้ผมยอมให้เธอว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ บางทีก็แอบน้อยใจโชคชะตานะครับ ทำไมถึงให้ผมเกิดมาเป็นโอเมก้า ทั้ง ๆ ที่พ่อกับแม่ของผมก็เป็นเบตากันหมด ด้วยความที่เกิดมาแตกต่าง ผมจึงไม่มีแม้แต่เพื่อน พ่อกับแม่เองก็ไม่ได้รักผมมาก...เพราะผมเป็นโอเมกา ไม่ใช่เบตาเหมือนพวกเขา เห็นไหมครับ...ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนกัน



                เฮ้อ...ผมถอนหายใจก่อนจะสะดุ้งออกจากความคิดของตัวเอง เมื่อน้ำเย็นเฉียบถูกสาดมาที่ผม



                ซ่า....ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของป้า ผมมองเธอที่ถือถังน้ำอยู่



                “นี่ ถ้าจะเหม่ออย่างนี้ฉันจะตัดเงินค่าจ้างนะย่ะ!!” เธอแกล้งพูด ทั้ง ๆ ที่จงใจแกล้งผมชัด ผมจำเป็นต้องใช้เงินวันนี้ครับ เพราะว่ายาของผมก็หมดแล้ว ถ้าไม่กินดักไว้มีหวังแย่แน่ ๆ



                “ครับ ขอโทษนะครับ ผมจะรีบทำ” ผมก้มหน้าล้างจานอย่างขะมักเขม้นต่อ ส่วนป้าก็หัวเราะพอใจเดินกลับออกไปข้างนอก



                ผมล้างจานจนเสร็จประมาณ  20:30 น. ก็รับเงินค่าจ้างอันน้อยนิดที่พอซื้อยาได้หนึ่งชุดมา ผมเดินออกมาตามถนนในสภาพชุดที่ยังเปียกอยู่หน่อย ๆ ผมกำเงินในมือเข้าไปร้านยาของโอเมก้า เจ้าของร้านยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเอง อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแต่คนที่ใจร้ายกับผมไปหมดทุกคน ก็ยังมีคนที่เขาใจดีกับผมอยู่ น่าดีใจจังนะครับ



                “อ้าว ลูดี้ มาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้เลิกงานไวเหรอ” ป้าหวาน เป็นเจ้าของร้านยาที่ผมมาอุดหนุนเป็นประจำ และป้าก็พูดจาดีกับผมมาก ๆ เลยล่ะ ผมยิ้ม



                “ครับ วันนี้เลิกไว ผมเอายาคุมฮีท 1 ชุดครับ”



                “เอาชุดเดียวพอเหรอจ๊ะ...” ป้าหวานถามอย่างห่วง ๆ ฮีทในแต่ละเดือนจะเกิดประมาณ 2-3 ครั้งครับ แล้วแต่ว่ามันจะมาตอนไหน อาจมาตรงกัน หรืออาจไม่ตรงกันก็ได้ ผมมองเงินในมือของตัวเอง



                “ครับ ชุดเดียวก็พอ ผมยังมีเงินแค่นี้เอง ไว้ได้รายได้อีก ผมจะแวะมาซื้อใหม่นะครับ” ผมบอก ป้าหวานเลยแถมให้ผมอีกชุด ผมรีบปฏิเสธ



                “เอาไปเถอะจ๊ะ ป้ารู้ว่าเราทำงานหนักมาทั้งวัน แถมโอเมก้าอย่างหนูทำงานหนักไม่ได้เยอะ แต่ก็ยังฝืนทำ ร่างกายจะทรุดเอาได้นะ หนูรู้รึเปล่า...”



                “ขอบคุณนะครับที่เตือนผม ผมเองก็ไม่ได้ทำงานหนักมากหรอกครับ...” ผมรับถุงยามา ก่อนจะเหลือบไปเห็นข่าวในโทรทัศน์ตรงหน้ากำลังออกข่าว ลูกชายคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิว ทายาทผู้นำอัลฟาที่อยู่สูงที่สุด



                แววตาคมดุ ผมที่ดำขลับน้ำตาลเข้มแซมนิด ๆ ยาวละต้นคอ ทำให้ผมเหมือนโดนจ้อง...แม้เขาคนนั้นจะอยู่ในโทรทัศน์  รู้สึกว่าเขาจะชื่อ “วูฟ” ครับ แถมยังมีข่าวอีกว่า เขาเป็นอัลฟาคนเดียวที่สามารถคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้ อันนี้ผมเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ น่าทึ่งมากเลยล่ะ เพราะโดยปกติแล้วไม่ค่อยมีอัลฟาที่ไหนทนกับฟีโรโมนของโอเมก้าได้มากนัก เมื่อเจอกันตรง ๆ



                “นี่เงินทอนจ๊ะ หนูลูดี้” ป้าหวานทำให้ผมละสายตาจากข่าวตรงหน้าแล้วไปรับเงินทอนมาแทน



                “ขอบคุณนะครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปจากร้าน



                ถนนที่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เราแทบไม่รู้เลยว่าคนไหนคือ อัลฟา เบตา หรือโอเมก้า บางทีก็สงสัยนะครับว่า ทำไมโลกเราใบนี้ถึงต้องมาแบ่งชนชั้นอะไรแบบนี้ด้วย จริง ๆ ผมเองก็อยากจะหางานใหม่ทำนะครับ แต่งานสำหรับคนอย่างผมที่จะทำได้ก็มีไม่มากนัก ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า โอเมก้าทำงานหนักมากไม่ได้ ร่างกายของผมไม่ได้แข็งแรงขนาดที่จะยกของหนัก ๆ ได้



                ระหว่างที่ผมกำลังเดินเหม่ออยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากด้านหลังก็ชนผมเต็ม ๆ ผมที่เดินอยู่ก็ล้มลงไปกับพื้น



                ตุบ!



                “โอ๊ย..” ดีที่ไม่ได้ล้มแรงมากแต่ก็เจ็บเหมือนกันนะ



                “ขวางทางจริง” เสียงเข้มดังขึ้น เอ๊ะ!...เขามาชนผมเองนี่! ผมเงยหน้าจะโวยก็ชะงัก กับใบหน้าหล่อคมเข้มราวกับเทพบุตร เขาคือผู้ชายที่ใบหน้าเหมือนกันกับคนที่ผมเพิ่งเห็นในโทรทัศน์เมื่อกี้!! แม้จะใส่แว่นดำอยู่ ผมก็จำใบหน้าของเขาได้ ....วูฟ...



                “คุณวูฟ...” ผมเผลอเรียก ทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วมองก่อนเขาจะหันไปเห็นพวกลูกน้องที่วิ่งตามเขามา 



                “นายรู้ชื่อฉัน?...มานี่!” ผมสะดุ้งกับแรงดึงที่แรงมาก เรียกว่ากระชากเลยจะดีกว่า วูฟกระชากผมให้วิ่งไปหลบตรงซอกตึกกับเขา ผมก็อยู่ในอาการงงสุด ๆ



                “คุณ...” ผมจะถาม ก็หยุดกึกเมื่อโดนดันเข้ากำแพงโดยมีเขากั้นไว้ ใบหน้าคมกำลังเหลือบมองลูกน้องที่พากันวิ่งผ่านตรงที่เราซ่อนอยู่ไป รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เขาปล่อยผมออกและเหลือบมองถุงยาในมือของผมราวกับรู้ว่ามันคือยาอะไร (ก็ชื่อร้านยามันก็บอกอยู่แล้ว)



                “นายเป็นโอเมก้าเหรอ?” เสียงเข้มถาม ภายใต้แว่นดำผมรู้ว่าแววตาคู่คมกำลังจ้องมองมาที่ผม นี่ผมกำลังยืนอยู่กับทายาทที่อยู่ห่วงโซ่อาหารใหญ่ที่สุดงั้นเหรอเนี่ย



                “ฉันถาม...” เสียงเข้มเน้นย้ำ ผมที่มองหน้าเขาอยู่ก็เลยรีบตอบ



                “ครับ ผมเป็นโอเมก้า...” ก่อนผมจะแอบสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขาเอามือมากั้นตรงกำแพง



                “แล้วทำไมมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ กลางค่ำกลางคืน มันอันตรายสำหรับพวกโอเมก้าอย่างนายไม่ใช่รึไง!”



                “ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานล้างจานที่ร้านอาหารครับ...” ผมตอบ ร่างสูงตรงหน้าของผมมองผมแวบหนึ่งและถอยห่างจากผม เขาเหลือบมองดูซ้ายขวาเหมือนระแวง ผมว่าเขาต้องแอบหนีลูกน้องมาแหง ๆ



                “นายคงไม่ได้ทำงานกลางคืนหรอกใช่ไหม?...พอดีฉันเห็นข่าวพวกนี้บ่อยน่ะ” ก็จริงอย่างที่เขาพูดแหละครับ พวกเราโอเมก้า เป็นเพียงทาส งานที่พวกเราทำได้ก็เช่น...ขายตัว ผมถึงบอกไงครับว่าผมยอมโดนป้าด่าอยู่ที่ร้านอาหารดีกว่าจะมาทำงานพวกนี้...จะว่าไปวูฟดูกันเองดีจังครับ เพิ่งได้เจอตัวจริงของเขาใกล้ ๆ แอบคิดว่าเขาเป็นคนโหด ๆ (ดูจากในโทรทัศน์อ่ะครับ)



                “ผมไม่ได้ทำครับ”



                “นายกลับบ้านไปได้แล้วไป อย่ามาเดินอยู่คนเดียวกลางค่ำกลางคืนแบบนี้” เขาไล่ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเขาจะเดินออกมาจากซอกตึก ลูกน้องของวูฟก็โผล่มาล้อมพวกผมสองคนไว้ เฮือก...ตกใจหมด มีประมาณ 5-6 แหนะ



                “นายน้อยวูฟครับ อย่าทำให้พวกเราเสี่ยงโดนกระทืบสิครับ” ลูกน้องพลางหน้าซีดหน้าเซียวกันไปตาม ๆ กัน วูฟ กระตุกยิ้มเล็กน้อย



                “ทำไมฉันจะต้องมาโดนตามติดชีวิตขนาดนี้ด้วย...นายก็กลับบ้านไปได้แล้ว” เขาหันมาไล่ผมอีกครั้งเมื่อลูกน้องของเขาเริ่มมองมาที่ผม ประมาณว่า นี่ใคร? ผมก็เลยรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะมายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ ผมโค้งให้เขาก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ โดยที่ไม่ได้มองหันกลับไปก็เลยไม่รู้ว่ามีสายตาเข้มมองตามผมแวบหนึ่ง



                ผมกลับมาบ้านก็เจอกับบรรยากาศอึมครึม พ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเหมือนกับว่าพวกท่านรอผมกลับมา และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ



                “ลูดี้ กลับมาแล้วเหรอ มานี่หน่อยสิ...” แม่ของผมเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมบอกแล้วไงครับว่า ผมเริ่มจะชินกับท่าทีเฉยชาแบบนี้แล้ว ผมเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง



                “มีอะไรเหรอครับ” ผมถามและมองเอกสารที่ถูกยื่นมาให้ผม ตัวอักษรที่เขียนอยู่ทำให้ผมถึงกับตัวชาวาบ



                ‘เอกสารการเรียกโอเมก้าเข้าไปคัดเลือกเพื่อผลิตทายาท’ มันเป็นเรื่องที่เคยพูดมาตั้งแต่ข้างต้นแล้วว่า โอเมก้าเป็นเพียงสิ่งของที่ถูกซื้อตัวไปเพื่อผลิตทายาท นี่พ่อกับแม่กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม



                “บ้านเราเองก็ไม่ค่อยจะมีรายได้แล้ว ลูกเองก็โตเข้าวัยนี้แล้ว ควรจะไปทำประโยชน์ซะบ้างนะ” แม่ของผมพูด บางทีพวกท่านก็ทำราวกับว่าผมไม่ใช่ลูก...ผมส่ายหน้าปฏิเสธ



                “แม่หมายความว่ายังไงครับ จะให้ผมเข้าไปรับการคัดเลือกงั้นเหรอ” ผมถามและได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมาว่า



                “ใช่...เผลอ ๆ ได้เป็นเมียทายาทของอัลฟาด้วย ลูกควรจะไปทำประโยชน์บ้าง นี่ค่าเช่าบ้านเราก็จะไม่มีอยู่แล้ว” แม่ของผมพูดให้ผมกระจ่าง...เป็นเมียของอัลฟามันดีตรงไหนกัน



                “ผมไม่อยากไป ผมไม่ไปได้ไหมครับ” ผมร้องขอ เพราะผมไม่ได้อยากเอาตัวเองไปขายแบบนี้ แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อแม่ของตวาดขึ้น



                “ต้องไป! เพราะพวกฉันรับเงินมาแล้ว นี่ก็จะเอาไปจ่ายค่าบ้าน ลูกต้องไป พรุ่งนี้ลูกจะต้องเข้าไปตระกูลเฮอร์คิว ไปดูตัว แต่งชุดที่ดีที่สุดไปแข่งกับพวกโอเมก้าอีกหลายคน ให้ลูกได้ถูกเลือก! เข้าใจไหม ดูหน้าตาสวย ๆ แบบลูก ท่าทางจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของอัลฟา ขึ้นไปนอนได้แล้ว” แม่ของผมสั่งรัวและไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดสักนิดเดียว



                “เดี๋ยวสิครับ แม่...พ่อ ผมไม่อยากไป...”



                พวกเขาลุกเดินหนีผมไปเฉยเลยครับ ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความคิดคนเดียว ไม่รู้ว่าน้ำตาที่มันไหลออกมา มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกัน เพราะผมเหนื่อยมาก หรือท้อแท้กับโชคชะตาของตัวเองกันแน่...แต่ผมเชื่อว่าผมแค่เหนื่อยเท่านั้นครับ ไม่มีอะไรทำให้ผมท้อแท้หรอก!...



                ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็คงไม่มีทางเลือก ถ้าผมทำประโยชน์ให้พ่อกับแม่สบายใจมากกว่านี้ ถ้าการไปดูตัวครั้งนี้มันทำให้พวกท่านมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมก็ยอม...แต่ว่าผมก็มีเรื่องหวั่นใจอยู่อย่างหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของตระกูลที่ผมกำลังจะเข้าไป ตระกูลเฮอร์คิว...





                |ตระกูลเฮอร์คิว|



                ผมมายืนต่อแถวอยู่หน้าประตูเพื่อรอเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ พวกเราโอเมก้าทุกคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ บางคนก็ฝืนใจมาเหมือนผม แต่บางพวกก็มาเพราะความสมัครใจ เป็นที่รู้กันดีครับ หากได้ถูกเลือกก็จะมีคนเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย แต่ผมกลับคิดว่า มันไม่ได้น่าสบายสักนิด การขายตัวเองเพื่อผลิตทายาท...ผมได้ปลอกคอสีดำสำหรับใส่ไว้ตรงคอ เพื่อกันการโดนกัด แถมทุกคนยังได้เข็มฉีดยาป้องกันใครที่มาเกิดฮีทกระทันหันด้วย ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกจัดการรัดกุมอย่างดี เลยยิ่งทำให้ผมกลัวเข้าไปใหญ่ที่จะต้องเข้าไปในตระกูลนี้จริง ๆ



                “ถอยไป ยืนเกะกะอยู่ได้” ผมโดนผู้ชายที่ท่าทางแรง ๆ คนหนึ่งชนเข้าจัง ๆ ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนผมเคยเห็นเขาทำงานอยู่ที่บาร์ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร ผมล่ะไม่เข้าใจว่าเป็นพวกโอเมก้าเหมือนกันแล้วยังจะมาทำท่าทางฟึดฟัดใส่อีกทำไม น่าจะดีต่อกันไว้เนอะครับ...บางทีผมก็อาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไปก็ได้ แต่นั่นมันก็คือผมยังไงล่ะ



                ภายในห้องโถงใหญ่ (ใหญ่มากจริง ๆ) นี่เหรอที่เขาเรียกว่าคฤหาสน์ของตระกูลดัง เสียงดังซุบซิบดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนทุกอย่างจะเงียบกริบลงเมื่อประตูใหญ่ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงใบหน้าคมคาย ทายาทคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิว ...วูฟ... คราวนี้สายตาของเขาไม่ได้สวมแว่นตาดำ นัยน์ตาเข้มปะทะสายตากับผู้พบเห็น ผมสังเกตได้เลยว่าทุกคนมองเขาด้วยสายตาหลงเสน่ห์ อ้อ...การเข้ารับคัดเลือกครั้งนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้ามานะครับ โดยจะนั่งปะปนกันไป



                แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับตอนนี้ที่ วูฟหยุดเดินและจ้องหน้าผมนิ่ง...เขาดูแปลกใจและแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเฉยชา...เฮือก ผมว่าเขาอาจจะเข้าใจผมผิด ก็เพราะเมื่อวานผมเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าผมไม่ได้ขายตัว แต่ตอนนี้ผมกลับมานั่งเสนอหน้าอยู่กับพวกที่ถูกซื้อตัวเข้ามาในตระกูลซะงั้น...



                “หึ..” เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟทำให้เหล่าท่านทูตผู้ติดตามที่เดินตามหลังมา มองที่ผมด้วย



                “สนใจคนนี้เหรอครับ นายน้อยวูฟ” เมื่อได้ยินคำถามนี้ สายตาจิกของเหล่าบรรดาคนที่นั่งรอบข้างผม ก็จิกแรงมาทางผม เออ...เขาแค่มองผม ไม่ได้บอกว่าเขาสนใจผมซะหน่อย จะมาจิกผมกันทำไมล่ะเนี่ย...



                “เปล่า...” คำตอบเสียงเข้มเย็นชาและเดินไปที่นั่งของเขาที่จัดเตรียมไว้ เสียงของเขาทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อวาน น้ำเสียงช่างต่างกันลิบลับ



                “เลือกเอาสักคนที่นายถูกใจ หรืออยากจะเลือกเยอะ ๆ ก็ได้...” เสียงเข้มของผู้เป็นผู้นำของตระกูล ณ ตอนนี้       พ่อของวูฟครับ เขาดูเป็นคนที่มีอิทธิพลสมกับที่เป็นผู้นำมาก พ่อของวูฟเดินออกมาจากห้องอีกทาง เขาเดินมาบอกแค่นั้นและเดินออกไปจากห้องนี้ เห็นได้ชัดว่าวูฟไม่ได้มีกะจิตกะใจจะมาเลือกโอเมก้าอย่างพวกผม...ดูก็รู้ว่าเขาคงไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ ให้ผมเดานะ



                และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เมื่อในห้องโถงนี้เหลือเพียงแค่เขา คือ ผู้นำใหญ่สุด



                “ฉันไม่เลือกสักคน” เสียงเข้มพูดออกมาในที่สุด คนที่นั่งเรียงรายกันอยู่ก็ทำหน้าเสียดาย อย่างที่รู้ ๆ กันแหละครับว่า วูฟเป็นถึงทายาทอัลฟา แถมเขายังมีความเพอร์เฟคในตัวเองอีก ใครล่ะจะไม่อยากได้เขาเป็นคู่...



                “ถ้าพวกเราพลาด นายน้อยของตระกูลไป เราจะไปอยู่ไหนล่ะ...” เสียงจอกแจกดังขึ้นจนผมได้ยินชัดเจน



                “แหม พวกเราก็คงถูกส่งตัวกระจายกันไปให้พวกท่านทูตที่ชอบใช้ความรุนแรงยังไงล่ะ” หา...ไม่เอานะครับ          ผมอยากกลับบ้านต่างหาก...คำพูดพวกนี้เองก็ได้ยินไปถึงผู้ชายที่นั่งอยู่จุดศูนย์กลาง ลูกน้องทุกคนของวูฟเองก็ทำหน้าหนักใจกับใบหน้านิ่ง ๆ ของร่างสูงที่นั่งเข้มอยู่ เมื่อวานตอนเขายิ้มดูผ่อนคลายกว่านี้อีกแฮะ...



                “นายน้อยเลือกสักคนเถอะครับ ไม่งั้นนายท่านคงจะไม่พอใจแน่”



                “หึ จะให้ฉันเลือก? เลือกจากคนพวกนี้รึไง...อ้อ ลืมไปว่าฉันมันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลย” วูฟพูดแกมประชด ก่อนจะลุกชึ้นมองดูทุกคนในห้องโถง สายตาคมกริบประดุจดั่งเหยี่ยวกำลังไล่สายตาไปทีละคน และผมก็รับรู้ว่าสายตาของเขามาหยุดที่ผม ผมเงยหน้าสบตากับเขา



                “โกหก” คำสั้น ๆ จากวูฟ ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงงงกันไปหมด แต่ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก็เมื่อวานที่เขาถามผมไงครับ ผมบอกเขาเองว่าผมไม่เคยเอาตัวเองมาขายแบบนี้...หากจะแก้ตัวไปเขาก็ไม่เชื่ออยู่



                “ผม...”



                “มีอะไรรึเปล่าครับ นายน้อย เขาคนนี้ทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า” ลูกน้องที่ดูแลวูฟอยู่ก็เข้ามาดู



                “เปล่า ฉันก็แค่พูดลอย ๆ ขึ้นมาก็เท่านั้น” เขากำลังจะเดินไปจากผม “คนที่ไม่ถูกฉันเลือกจะไปไหน” วูฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ถามคนดูแลจัดการเรื่องโอเมก้า



                “ก็จะถูกโอนให้ท่านทูตที่สนใจซื้อครับ...” ถ้าผมจะกลับบ้าน ผมไม่อยากถูกซื้อ จะมีโอกาสหนีไหมนะ ระหว่างที่ผมคิดอยู่  ทุกคนก็เริ่มซุบซิบอีกครั้ง คราวนี้ซุบซิบเรื่องของผมว่า ‘รู้จักกับวูฟด้วยเหรอ’



                ผมเห็นร่างสูงตรงหน้าเหลือบมามองผมอีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะตาโตกันเป็นแถบ เมื่อจู่ ๆ วูฟก็ดึงคอเสื้อของผมขึ้นด้วยมือเดียว แค่นั้นก็ทำให้ผมตัวแทบปลิว แรงของเขาเยอะมาก



                พรึบ!! แววตาคมเข้มจ้องประสานกับแววตาตกใจของผม...จู่ ๆ มากระชากใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะครับ ร่างกายของผมถูกวางลงตรงทางเดินตรงกลางระหว่างโอเมก้าที่นั่งอยู่ เสียงประกาศทำให้เรียกเสียงฮือฮาได้ทันที



                “ฉันเลือกคนนี้ก็แล้วกัน ช่วยจัดการพาไปล้างตัว อาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่านี้ แล้วไปเจอฉันที่บ้านของฉัน” เสียงสั่งเรียบกับแววตาที่เย็นเฉียบ เขาทำราวกับว่าผมเป็นสิ่งของ



                เขาแตกต่างจากเมื่อวานมาก...ด้านไหนของเขาคือด้านที่แท้จริงของเขากันนะ



                ท่ามกลางความมึนงงของทุกคนที่ทำหน้าเสียดายบ้าง ทำหน้าหมั่นไส้ผมบ้าง ที่จู่ ๆ ผมก็ได้รับคัดเลือกโดยวูฟ   ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะน่าดีใจตรงไหน ถูกเขาซื้อ...แบบนี้มันดีงั้นเหรอ หลังจากที่ถูกเลือกผมก็เดินตามลูกน้องของวูฟมาตามทางเดินใหญ่ที่ปูด้วยพรมสีน้ำเงินกำมะหยี่ ตามกำแพงประดับประดาด้วยโคมไฟสีทอง



                “ตามประวัติของคุณที่ส่งเข้ามา คุณชื่อลูดี้สินะครับ..” เขาพูดอย่างสุภาพ ผมเลยพยักหน้า



                “ครับ ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะครับ เรียกลูดี้เฉย ๆ ก็ได้”



                “ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้คุณเป็นคนที่ถูกเลือกโดยนายน้อยแล้ว เรียกแบบนี้ถือเป็นการให้เกียรตินายน้อยด้วยครับ” เขาว่า



                “คือว่า ผมต้องทำอะไรบ้างในหน้าที่นี้...” ผมถามออกไป ลูกน้องของวูฟหยุดเดิน เป็นจังหวะที่เรามาถึงห้องที่มีสาวใช้ที่มีอายุยืนอยู่หนึ่งคน เธอดูใจดีมาก



                “ตอนนี้สถานะคุณยังไม่แน่นอนครับ เพราะคุณต้องได้รับการสอบสวนความเหมาะสมจากผู้นำของตระกูลก่อน แต่ตอนนี้นายน้อยเลือกคุณมาแล้ว ถือว่ามีโอกาสสูงที่คุณจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย” สุขสบายอย่างที่เขาบอก...มันมีจริงเหรอครับ     “เดี๋ยวเราจะให้ป้านม ช่วยจัดการเปลี่ยนชุดให้คุณใหม่ เราจะได้พาคุณไปที่บ้านของนายน้อย ฝากด้วยนะครับป้านม” ลูกน้องของวูฟพูดแค่นั้นและเดินจากไป ทิ้งให้ผมอยู่กับป้านมที่เพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก



                “สวัสดีจ๊ะ ลูดี้ มาเถอะ ไปอาบน้ำล้างตัวกัน ปล่อยให้นายน้อยรอนานมันจะไม่ดี” ป้านมยิ้มพร้อมกับจูงมือของผมเข้าไปในห้องอาบน้ำ บอกเลยครับว่า...ผมไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกผม ผมว่าไม่ใช่เพราะเขาพิศวาสอะไรผมหรอก ก็ดูจากสายตาเย็นชาแล้ว ทำให้ผมอดกลัวไม่ได้...เรื่องชนชั้นที่ผมเป็นอยู่มันทำให้ผมกลัว ผมไม่มีทางจะต่อรองอะไรกับผู้นำที่อยู่ข้างบนห่วงโซ่อาหารอย่างอัลฟาได้เลย แต่ถ้าการที่ผมได้ถูกเลือกมันทำให้ผมทำตัวมีประโยชน์ขึ้นมาได้ ก็น่าดีใจไม่ใช่เหรอ...เปล่าเลยครับ น่าร้องไห้มากกว่า ผมไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่สักหน่อย



                ป้านมอาบน้ำและเปลี่ยนชุดให้ผมเป็นชุดเสื้อตัวยาวแบบที่เขาใส่กันทั่วไปในคฤหาสน์นี้ ที่มีพิเศษมาหน่อยก็คือ ปลอกคอกำมะหยี่สีแดงที่ถูกสวมไว้ที่คอของผม ป้าบอกว่า ‘มันคือสีประจำตัวของวูฟ’ บ่งบอกชัดเจนและย้ำว่า เขาเลือกผมมาแล้ว จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาเลือกผม หรือเขาอาจจะเห็นใจผม...ผมว่าไม่น่าจะใช่หรอก เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำนี่นา



                ผมเดินมาตามทางเดินที่เชื่อมไปยังโซนบ้านหลังใหญ่อีกหลัง ที่ถูกใช้ผ้าม่านกำมะหยี่เป็นสีแดงทั้งหมด ที่นี่คือ   บ้านของวูฟครับ ผมเชื่อแล้วว่าเขาคือทายาทผู้นำคนต่อไปจริง ๆ ขนาดบ้านยังต้องแยกออกมาอยู่คนเดียว ผมเข้ามาภายในตัวบ้านก็มีลูกน้องเดินนำผมไปหาวูฟที่อยู่ตรงระเบียงตากอากาศที่ยื่นออกไป



                “นายน้อยรอคุณอยู่ครับ” เขาพูดแค่นั้นและทิ้งให้ผมยืนเผชิญหน้ากับวูฟที่นั่งอยู่ตรงริมระเบียง ใบหน้าคมจ้องมองอย่างไร้จุดหมาย กางเกงสีดำตัวเดียวกับท่อนบนที่ใส่เสื้อแต่ไม่ติดกระดุมสักเม็ด เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอนเรียกชนิดได้ว่า...เพอร์เฟคมาก วูฟหันมาสบตากับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา



                “นี่เหรอ คนที่บอกว่าไม่ได้ทำงานกลางคืน หึ...” คำพูดประชดประชันถูกเอ่ยทักทายขึ้นมา เขายังคงติดใจเรื่องนี้อยู่งั้นเหรอ ผมไม่ได้โกหกเขาซะหน่อย



                “ผมไม่ได้ทำจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้โกหก..”



                “แล้วนายมาที่นี่ทำไม!! มาคัดเลือกโอเมก้าทำไม” ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงเข้มที่ดังลั่น เขามาตวาดผมทำไมเล่า!



                “ผมจำเป็นต้องใช้เงินครับ บ้านของผมไม่มีเงินเหลือแล้ว ผมไม่มีทางเลือก...” ผมยอมรับ แม้จะถูกอยู่ครึ่งเดียว ที่ถูกคือผมไม่มีเงิน แต่ที่ผิดคือ ผมไม่ได้เต็มใจจะมา ถูกบังคับมาต่างหาก



                วูฟยืนขึ้นจนผมต้องถอยห่างจากเขาด้วยความรู้สึกกลัว กลัวความเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากเขา...รอยยิ้มมุมปากของเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด



                “สุดท้ายทุกคนก็เห็นเงินสำคัญกันทั้งนั้นสินะ!...” มันก็สำคัญครับ...มันซื้อของเพื่อความอยู่รอดได้นี่



                “ครับ มันสำคัญมาก” ผมตอบตามความจริง ก่อนจะหันหน้าหนีก้อนเงินปึกใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวของวูฟ เขาโยนมันลงกับพื้นตรงหน้าผมเหมือนจงใจ แบงค์พันเป็นปึกลอยกระจายเต็มระเบียงไปหมด



                “เห็นนายลงในประวัติว่า ขาดแคลนเงินมากนัก ก็เอาไปซะสิ!!” ในประวัติที่ผมไม่ได้เป็นคนสมัครเอง ผมไม่รู้เลยครับว่าพวกเขาเขียนอะไรลงไปบ้าง...เหอะ แต่ผมจะไปแก้ตัวอะไรกับเขาได้ล่ะ



                “ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเฮอร์คิว...ชีวิตที่ไร้อิสระของนายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น” เขาชี้ตรงปลอกคอของผมอย่างย้ำเตือน เขาพูดแค่นั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องของเขา ทิ้งให้ผมมองตามงง ๆ เขาเข้าใจผิดผมไปซะแล้ว แต่ผมก็ทำอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ผมมาที่นี่ก็เพราะเงินจริง ๆ ...เฮ้อ ชีวิตที่ไร้อิสระงั้นเหรอ หึ ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้อยู่อย่างอิสระอยู่แล้ว จะแตกต่างกันสักเท่าไหร่เชียว กับการมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่



                ผมนั่งยอง ๆ ลงเพื่อเก็บเงินที่ปลิวอยู่ตามระเบียงมาเรียงทีละใบ ผมเก็บแต่ละใบก็พลางคิดว่า ต่อจากนี้ชีวิตของผมจะเป็นยังไงต่อไปนะ...ผมนั่งเก็บอยู่สักพักจนหมดโดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาคมเข้มมองดูผมอยู่ตั้งแต่ตอนแรกที่เก็บแล้ว



                “เก็บเสร็จแล้วก็เข้ามาในห้อง! พ่อของฉันเรียกฉันกับนายไปพบ....” ผมแอบสะดุ้งอีกรอบเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ ผมหันไปมองวูฟที่ติดกระดุมเสื้อเรียบร้อยแล้ว เขาทำหน้าตาไม่สบอารมณ์กอดอกยืนอยู่ตรงประตู สายตากดดันทำให้ผมรีบกำเงินก้อนที่เขาโปรยมาวิ่งตามหลังร่างสูงที่เดินลิ่ว ๆ ไปทางห้องโถงของบ้านใหญ่...



                ก็พอจะรู้อยู่ครับว่าเขาไม่ชอบหน้าผมซะแล้ว....









..........................................................................................


ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกนิยายของไรท์น๊าาา ฝากลูกชายของไรท์ไว้ในอ้อมกอดของคนอ่านที่น่ารักด้วย

มาปลดปล่อยสัญชาตญาณความดิบเถื่อนไปด้วยกันนะคะ 5555  >___< โค้งงาม ๆ   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบๆ บอกไม่ถูกแต่อ่านง่ายดี รอตอนต่อไปจ้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบแนวนี้ตามเลย มาต่อนะๆๆๆ

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 2
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมเดินตามวูฟที่เดินจ้ำอ้าวแบบไม่รอผมสักนิด ผมขาสั้นนะ!! ก้าวตามจะไม่ทันอยู่แล้ว ผมสูง 172 เองครับดูเตี้ยไปเลย ถ้าเทียบกับเขาที่น่าจะสูง 185 อัพแน่นอน นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาคิดเรื่องของส่วนสูงสักหน่อย ที่ผมต้องคิดตอนนี้คือ การเผชิญหน้ากับคนที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลเฮอร์คิวต่างหาก...เราเดินมาตามทางเดินสักพักก็มาถึงห้องโถงใหญ่ วูฟที่เดินมาถึงก่อนแล้วหันมามองผมแบบหงุดหงิดนิด ๆ



                “ชักช้าจริง เดินเร็ว ๆ ไม่เป็นรึไง” น้ำเสียงเข้มเร่ง ประตูที่ถูกเปิดเข้าไปก็ทำให้ผมรู้สึกเกร็งเข้าไปอีก เมื่อคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือ พ่อของวูฟที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการดูแลตระกูลเฮอร์คิว เมื่อกี้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดนัก เลยไม่รู้ว่าแววตาของเขาคมเข้มเหมือนกับวูฟไม่มีผิด แถมยังมีทูตอีกสองสามคนที่นั่งอยู่ถัดมาด้วย และก็มีผู้หญิงสวยราวกับนางฟ้าใบหน้าเค้าโครงเดียวกันกับร่างสูงที่ยืนข้างผมเป๊ะ



                ให้ผมเดา..ต้องเป็นแม่ของวูฟแน่เลย และผมก็เดาไม่ผิด



                “แม่ กลับมาจากเที่ยวต่างประเทศเมื่อไหร่เนี่ย?” วูฟถามอย่างแปลกใจ แต่พวกผมก็ต้องชะงักกึก เมื่อเสียงเข้มของพ่อผู้ทรงอิทธิพลพูดขึ้น



                “ไว้ค่อยคุยกับแม่แกทีหลัง นั่งลงสิ ทั้งแกและ...ลูดี้” ลูกน้องที่ยืนประจำอยู่ก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมกับวูฟนั่งตรงข้ามกับพ่อของเขา ยังกับสอบปากคำแหนะครับ...พวกเขาจะถามอะไรผมบ้างล่ะเนี่ย



                “จากบรรดาโอเมก้าทั้งหมดวันนี้...ลูกเลือกคนนี้ใช่ไหม” พ่อของวูฟเริ่มเปิดประเด็น ร่างสูงที่นั่งพิงเก้าอี้อยู่ ไม่ได้บ่งบอกว่ากลัวแววตาคมเข้มของพ่อเขาสักนิด ก็แหงล่ะครับ ก็นั่นพ่อของเขานี่...แต่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้เกร็งจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว



                “ใช่ครับ” เขาตอบเรียบ ๆ



                “อืม งั้นแกออกไปได้แล้ว” พ่อของวูฟไล่ทำให้ผมเงยหน้ามองร่างสูงที่หันมามองผมเหมือนกัน



                “พ่อบอกว่าให้ผมออกไปงั้นเหรอ ?” เขาถามเพื่อความแน่ใจ และก็ได้รับคำตอบยืนยัน



                “ใช่ แกออกไปรอห้องแกก่อน ส่วนลูดี้พ่อกับแม่และท่านทูตมีเรื่องจะคุยกับเขาหน่อย” ผมเริ่มคิดมากขึ้นมาแล้วล่ะครับว่า จะโดนถามอะไรบ้าง ฮือออ...ผมเหลือบมองวูฟที่ไม่ได้ลุกไปไหนจนพ่อของเขาพูดกระตุ้น



                “อะไร นายเป็นห่วงลูดี้รึไง?” พูดแค่นั้นแหละครับ ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นทันที



                “เปล่าครับ! งั้นผมจะกลับห้องก็แล้วกัน” ผมมองตามเขาที่เดินออกไปจากห้องทิ้งให้ผมอยู่ในห้องนี้แค่คนเดียว ทำไมเขาไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนผมบ้าง...



                “ไม่ต้องเกร็งหรอกนะ พวกเราไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น” เสียงแม่ของวูฟทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลงกับยิ้มหวานที่ส่งมา



                “ก็อย่างที่แม่ของวูฟบอกแหละ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ หน้าตาฉันดูใจร้ายรึไง...” ผมส่ายหน้าเล็กน้อย...แม้จะแอบกลัวอยู่บ้าง



                “เอาเถอะ เรื่องที่จะพูดก็คือ ตอนนี้นายรู้ตัวใช่ไหมว่าถูกวูฟเลือกแล้ว แม้ตอนนี้นายจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกมากนัก อย่างที่รู้กัน ปลอกคอที่ถูกสวมอยู่ตรงคอของนาย คือสีประจำตัวของวูฟ มันเป็นสิ่งที่มัดตัวนายไว้ระดับหนึ่งแล้ว...นายเป็นคนกรอกใบสมัครที่จะเข้ามาดูตัวของตระกูลเฮอร์คิวเองรึเปล่า” คำถามถูกถามขึ้นมา ผมชะงัก ผมไม่ได้กรอกเองครับ พวกเอกสารทั้งหมดครอบครัวของผมเป็นคนจัดการ



                “คือ...”



                “ตอบความจริงมาเถอะจ๊ะ...เราแค่อยากรู้” แม่ของวูฟถามขึ้นอีกคน



                “ผมไม่ได้เป็นคนกรอกเองครับ ครอบครัวของผมเป็นคนสมัคร...” ผมตอบความจริง ๆ พ่อของวูฟเลยยื่นพวกเอกสารให้คนที่ดูแลเรื่องโอเมก้าที่นำทางผมมาตอนแรก



                “ก็อย่างที่นายรู้มาคร่าว ๆ ว่านายจะต้องถูกสอบสวนจากผู้นำของตระกูลก่อน...สิ่งที่จะถามก็คือ สิ่งที่นายต้องการที่สุดในชีวิตคืออะไร...” ผมฟังคำถามอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าจะโดนถามอะไรแบบนี้ เป็นคำถามที่ยากนะครับ แต่ผมเองก็ไม่ลังเลที่จะตอบมัน



                เหมือนทุกคนในห้องนี้จะลุ้นกับผมมาก เมื่อผมพูดออกไป



                “ความรักครับ...ผมต้องการความรักจากคนที่เป็นคู่ของผมและได้อยู่กับเขาตลอดไป...” ผมตอบจากใจจริง เพราะสิ่งที่ผมใฝ่ฝันหามาตลอดก็คือ ‘รักแท้’ คู่แห่งโชคชะตาของผม... มีหนังสือหลายเรื่องหลายเล่มที่บรรยายความรักที่สวยงามที่ผมมักชอบอ่านเป็นประจำ ผมอ่านเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากโลกความจริงที่ผมเจออยู่...



                รอยยิ้มมุมปากของผู้นำตระกูลตรงหน้าผมปรากฏขึ้น



                “ความคิดไม่เลวนี่ น่าสนใจ ว่างั้นไหมคุณ...” พ่อของวูฟหันไปถามคนข้างกาย ก่อนแม่ของวูฟจะยิ้มกว้างให้ผม



                “ฉันสนใจมากค่ะ! หนูลูดี้....ความคิดของหนูโรแมนติกมากเลย”



                “ให้มันน้อย ๆหน่อยคุณ...” พ่อของวูฟห้ามปรามและหันมามองผมที่นั่งเอ๋ออยู่



                “ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเฮอร์คิว..อย่างเต็มตัว” คำพูดนี้เหมือนผมเองก็ได้ยินมาแล้วรอบหนึ่งจากปากของวูฟ เหมือนเป็นการย้ำว่า ผมต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลนี้งั้นเหรอ...



                “แม่ก็ยินดีต้อนรับนะ” ผมยิ้มออกมานิด ๆ



                “แต่ช่วงนี้นายอาจจะอยู่ลำบากหน่อยละกัน เพราะตอนนี้ยังมีคนไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการอยู่หลายคน          พวกทูตที่แข็งข้อกับเราก็มี...สิ่งสำคัญที่นายต้องทำให้ดีที่สุดคือ...ปรับตัวให้เข้ากับลูกชายของฉันให้มากที่สุด ในเมื่อมันเลือกลูดี้แล้ว หนูเองก็คงมีอะไรไปต้องตาต้องใจมันบ้างนั่นแหละ” เปล่าเลยครับ...ผมดันบังเอิญไปยืนขวางทางเขาแล้วโดนชนจนล้ม แถมเขายังหาว่าผมไปโกหกเขาอีก...เขาก็เลยเลือกผมมา ผมไม่ได้พูดออกไปได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ



                “เพราะตอนนี้มีพวกไม่หวังดีพยายามจะหาวิธีเล่นงานตระกูลเราอยู่...ตราบใดที่วูฟยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งอัลฟาที่อยู่สูงที่สุด ตระกูลเฮอร์คิวของเราก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ...และสิ่งที่จะทำให้วูฟขึ้นรับตำแหน่งได้สมบูรณ์ก็คือ ต้องมีทายาทที่เกิดจากโอเมก้า....” ประโยคหลังสุดที่เน้นย้ำทำให้ผมนิ่งงันไป ผมรู้ครับว่าที่พูดมาทั้งหมดหมายถึงอะไร



                “รายละเอียดต่าง ๆ มีอะไรสงสัยก็ถามกับหัวหน้าที่ดูแลประวัติของโอเมก้าได้ เขายินดีตอบทุกเรื่องที่สงสัย” พ่อของวูฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับแม่ของวูฟ และทูตที่นั่งเป็นพยานด้วยก็พากันทยอยเดินออกไปจากห้องจนหมด ทิ้งให้ผมนั่งเหม่ออยู่คนเดียว



                ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อยก็มีเสียงเรียกดังขึ้นให้ปลุกจากภวังค์ของผม



                “คุณลูดี้ครับ ผมจะพาคุณกลับไปที่ห้องของนายน้อยครับ” ผมลุกขึ้นเดินตามลูกน้องของวูฟออกไป ระหว่างทางเดินผมก็เลยถามขึ้น



                “เออ คุณครับ...”



                “เรียกผมว่า กัสก็ได้ครับ ผมเป็นลูกน้องที่ดูแลเรื่องโอเมก้า...คุณลูดี้มีอะไรอยากถามครับ?”



                “คือว่าผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ ผมจะเอาเงินก้อนนี้ไปให้ครอบครัว” ผมหยิบแบงค์ที่ร่างสูงโปรยให้ผมเมื่อกี้นั่นแหละครับ ก็ในเมื่อเขาบอกว่าให้ผมแล้ว ผมก็ควรจะเอามันกลับไปให้พ่อกับแม่ ก็พวกท่านบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วนี่



                แต่คำตอบที่ผมได้รับคือส่ายหน้า



                “ไม่ได้ครับ ตอนนี้คุณลูดี้ถือได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในสถานะผู้ที่ถูกเลือกแล้ว ปลอกคอสีแดงที่คุณสวมใส่อยู่บ่งบอกชัดเจน คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก นอกซะจากนายน้อยจะเป็นคนอนุญาต” หา...นี่เหรอครับที่วูฟเคยบอกว่า อิสรภาพของผมจะถูกจำกัด ผมมองเงินในมืออย่างครุ่นคิดและผมก็คิดออก



                “งั้นผมฝากให้เอาไปส่งที่บ้านของผมได้ไหมครับ พ่อกับแม่ของผมเขาจำเป็นต้องใช้เงิน” ผมยื่นให้เขา



                “คุณลูดี้จะให้ผมเอาไปให้หมดนี่เลยเหรอครับ คุณไม่เก็บไว้เหรอครับ” ผมส่ายหน้าพร้อมกับให้เงินเป็นปึกทั้งหมด



                “ไม่ครับ ผมไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมากนักหรอก” ผมพูดแค่นั้น เขาก็ไม่ได้พูดขัดอะไร ผมเดินกลับมาที่ห้องของวูฟโดยมีลูกน้องของเขาเดินตามมาด้วยถึง 2 คน ประกบซ้ายขวาเลยล่ะครับ หัวหน้าโอเมก้าเมื่อกี้ที่ผมเพิ่งคุยกับเขา ฝากลูกน้องของร่างสูงให้เดินมาส่งผมให้ถึงหน้าห้อง คือคุมผมมาก ๆ



                ก๊อก ๆ ผมเคาะประตู แต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...ลูกน้องสองคนที่อยู่กับผมด้วยก็ทำหน้าเลิกลักเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านายตัวเองไปไหน ผมเลยเคาะอีกรอบคราวนี้ปากก็เรียกชื่อของเขาด้วย



                “คุณวูฟครับ...” สักพักก็มีเสียงตอบกลับมา



                “เข้ามา” อ้าว..เขาก็อยู่ในห้องนี่นา! แล้วทำไมตอนแรกไม่ขานตอบกลับมา ลูกน้องของเขาเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป  และประตูก็ถูกปิดลง



                ภายในห้องนอนของเขาเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบทั้งหมด ให้ความรู้สึกโทนลึกลับนิด ๆ สุขุม...เหมาะกับเขาดีแฮะ ผมมองไปที่ร่างสูงที่ยืนอยู่ก็ตกใจ ผมที่มีน้ำเกาะพราวอยู่กับผ้าเช็ดตัวที่พันต่ำหมิ่น ๆ ...ทำไมเขาไม่รีบแต่งตัว! วูฟมองผมเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไรอยู่ ราวกับต้องการจะแกล้งเมื่อเขาถอดผ้าเช็ดตัวซะงั้น



                อ๊าก..ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! ไม่เห็น...



                “นี่! คุณ” ผมรีบหมุนตัวหันหลังทันที จริง ๆ ..ก็มีเหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะไม่ดูมากกว่า! ก็ผมไม่อยากดู...



                “ฮ่า ๆ นายนี่มันจี้ชะมัด โอเมก้าต๊อง ๆ แบบนี้มีด้วยงั้นเหรอ?” เสียงหัวเราะดังลั่นของวูฟดังขึ้น ก่อนผมจะได้ยินเสียงเขาปิดตู้เสื้อผ้า...เอ๊ะ เขาหัวเราะเหรอ? ออกแนวหัวเราะเยาะเย้ยมากกว่าครับ



                “นี่ หันมาได้แล้ว” เขาบอก ผมเลยเหลือบไปมองเขาที่นั่งอยู่ปลายเตียง ชุดนอนสีน้ำเงินผ้าแพรอย่างดี ผมว่าของทุกอย่างที่เขาใช้คงมียี่ห้อทุกชิ้นแน่ ๆ



                “เดินมาใกล้ ๆ หน่อยสิ ยืนไกลขนาดนั้นจะให้ฉันตะโกนเอารึไง” ผมหันไปมองทางหน้าต่าง ตะวันเริ่มคล้อยลับขอบฟ้าซะแล้ว ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เขาอีกนิด วูฟก็ชี้นิ้วให้ผมนั่งลงตรงพรมที่ปูไว้...ยังกับนางทาสเชียว จะพูดให้ถูกผมก็เป็นทาสนั่นแหละนะ



                ผมนั่งลงตามที่เขาชี้อย่างว่าง่าย แต่เปล่าหรอกครับ ก็แค่ผมรู้สถานะของตัวเองดี...ไม่กล้าไปเหิมเกริมกับเขาหรอก  เขาพิจารณาใบหน้าของผมอยู่แวบหนึ่งก็ถามคำถามที่ต้องการคำตอบจากผม



                “ที่นายออกมาจากห้องนั้นได้ แล้วเดินมาหาฉันที่ห้อง แสดงว่าพ่อคงจะยอมรับนายแล้วสินะ...พ่อของฉันถามอะไรนาย” ผมเงยหน้ามองแววตาคมเข้มตรงหน้า ถ้าผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบจะเป็นอะไรไหม...เป็นแน่นอนครับ ผมว่าเพราะดูจากสายตาความอยากรู้ของเขาแล้ว



                “พ่อของคุณถามผมว่า...”



                “ว่าอะไร”



                “สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตคืออะไร...” ผมตอบก่อนจะได้รับคำตอบกลับจากร่างสูงตรงหน้าที่เหน็บแนม



                “หึ เงินล่ะสิ...” นี่เขาเป็นอะไรมากไหมกับการตีค่าผมแบบนั้น...ไม่คิดจะถามผมสักคำเหรอว่าผมไม่อยากมาที่นี่   ผมจะคร่ำครวญไปทำไมกัน ในเมื่อเขาก็ไม่ได้สนใจจะแคร์ตั้งแต่แรก...



                “เปล่าครับ”



                “แล้วนายตอบว่าอะไร?” เขายังคงถามต่อด้วยความอยากรู้ วูฟจ้องหน้าผมไปพลาง ๆ



                “ผมตอบว่า ความรักครับ ผมต้องการอยู่กับคนที่เป็นรักแท้และคู่ชีวิตของผมตลอดไป...” พอผมตอบจบ ร่างสูงตรงหน้าก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะในลำคอ



                “หึ นี่นายพูดว่า รักแท้ งั้นเหรอ? เรื่องไร้สาระ” ผมได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าเขาแบบไม่หลบสายตาทันที วูฟเองก็จ้องกลับ



                “รักแท้ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระครับ รักแท้มันสวยงาม...” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงจับแขนของผมให้ลุกขึ้น ไปเผชิญหน้ากับเขาใกล้ ๆ



                “นายอ่านนิยายเล่มไหนมากัน ในโลกที่โอเมก้าแบบนายถูกกดขี่อยู่ ยังจะคิดถึงรักแท้อีกงั้นเหรอ หึ...” ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา



                “หรือโรงเรียนที่นายเรียนมา เขาสอนเรื่องรักแท้งมงายนี้ให้นาย?” มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ!...ผมไม่ว่าถ้าเขาจะดูถูกที่ผมเป็นโอเมก้า แต่การที่เขามาดูถูก รักแท้ของผม...ผมไม่ชอบ! ผมจะขืนตัวออกจากวูฟแต่มือหนากลับบีบแขนของผมไว้แน่น



                “ปล่อยผม ผมไม่ได้เรียนหนังสือหรอกครับ...อาศัยการอ่านหนังสือตามห้องสมุดเอา” ผมพูดออกไปทำให้ร่างสูงชะงักไปนิด ๆ กับแววตาของผมที่ไหววูบ เรื่องพวกนี้ผมค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะมันทำให้ผมนึกไปถึงตอนเด็กที่ไม่มีเพื่อนเลยสักคน เวลาว่างส่วนใหญ่ผมก็เลยไปห้องสมุด อ่านพวกเทพนิยายรักที่พูดถึงรักแท้...



                “นายไม่ได้เรียนหนังสืองั้นเหรอ?” ดูเหมือนคำพูดที่ผมเพิ่งพูดจะทำให้วูฟอึ้ง เขายอมคลายมือของตัวเองออกจากการจับกุมผม รอยแดงที่เขากำเมื่อกี้ปรากฏขึ้นตรงแขนของผม



                “ครับ ผมไม่ได้เรียนหรอก ผมไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น...อีกอย่างก็อย่างที่คุณพูด ว่าผมเป็นโอเมก้า ไม่มีใครเขาส่งเรียนหนังสือหรอกครับ” ร่างสูงขมวดคิ้ว



                “แล้วพ่อกับแม่นายทำไมไม่ส่งนายเรียน!” เขาถามเสียงเข้มและเอ่ยคำที่ทำให้ผมชะงัก “นี่นายใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเขารึเปล่า มีอย่างที่ไหนไม่ให้ลูกเรียนหนังสือ” ผมตัวชาวาบ สะบัดหัวตัวเองนิด ๆ



                “ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเรียนอยู่แล้วล่ะครับ  มันเปลืองเงิน” ผมตอบแบบพยายามไม่คิดอะไรอีก วูฟยกยิ้มมุมปากชิว ๆ



                “หึ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มางมงายเรื่องรักแท้...จะบอกให้นะว่า รักแท้มันไม่มีจริง”



                “คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่มีจริง”



                “เพราะฉันรู้ไงว่าไม่มี” เขาตอบกลับทันควัน ผมมองใบหน้าหล่อระดับทำลายล้างใจคนได้เลย วูฟเป็นผู้ชายที่ทำให้ทุกคนยอมที่สยบอยู่ใต้เท้าเขา หลายคนปรารถนาที่จะได้อยู่ข้างกายของเขา...แต่บอกเลยครับว่าสำหรับผม! เขาไม่ได้หล่อเลย เพราะเขากล้าพูดว่ารักแท้ไม่มีจริง....กล้ามาพูดแบบนี้ได้ยังไง!



                “อะไร จ้องหน้าฉันงั้นเหรอ” ผมเบนสายตาไปทางอื่น อย่างสงบสติอารมณ์นับหนึ่งถึงสิบ...



                “เปล่าครับ ผมไม่ได้จ้อง”



                “ช่างเถอะ เรื่องรักแท้อะไรของนายไปถูกใจแม่ของฉันเข้าสินะ” ผมหันไปมองเขาอีกรอบ เขารู้ด้วยว่าผมเอาชนะใจคำถามกรรมการ (การสอบสวนในห้องเมื่อกี้)  “แต่ตอนนี้นายก็เห็นนี่ว่า นายต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลเฮอร์คิว เพราะงั้นเรื่องรักแท้ที่นายฝันถึงก็ลืมไปได้เลย เพราะนายต้องอยู่ที่นี่ทำหน้าที่ของนายไปซะ...” เขาลุกขึ้นพรึบ...ร่างสูงที่สูงกว่าผมมาก ดูจากขนาดตัวของเขา ผมไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย



                “แต่นายไม่ต้องกลัวไปหรอก ฉันคุมสัญชาตญาณได้ แล้วอีกอย่าง...ฉันไม่มีวันทำอะไรนาย เพราะถ้าทำขึ้นมา สิ่งที่จะตามมาก็คือ ฉันจะได้รับตำแหน่งเต็มตัว” เขาบอกจุดประสงค์แอบทำให้ผมเบาใจลงมาก เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรผม ดูท่าทางเหมือนวูฟเองก็คงไม่ได้อยากจะได้คู่มาเชยชม ไม่ได้อยากจะรับตำแหน่งผู้นำสูงสุด



                “ผมจะต้องอยู่กับคุณที่นี่งั้นเหรอครับ...” ผมถามออกไปทั้งที่พอจะรู้คำตอบ แต่ก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ วูฟชี้มาตรงปลอกคอของผม



                “ปลอกคอนั่น ก็บ่งบอกฐานะของนายในระดับหนึ่งแล้วนี่ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ นายไม่มีอิสระที่จะออกไปไหน    ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต”



                “งานพิเศษที่ผมทำอยู่ล่ะครับ” ถ้าผมไม่ได้ออกไปไหน ผมจะไปทำงานพิเศษหาเงินได้ยังไง อยู่แต่ในคฤหาสน์นี้ผมก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลยน่ะสิ วูฟเลิกคิ้วขึ้น เขาทำหน้าเอือมระอาผมนิดหน่อย...



                “เลิกคิดจะออกไปทำงานพิเศษอะไรนั่นสักทีเถอะ อยู่นี่มีของมากมายให้นายเลือกชี้ได้ อยากได้อะไรก็บอกลูกน้องคนสนิทไป เขาจะหามาให้นาย” เขาพูดราวกับว่ามันง่าย ผมมีสิทธิ์จะเลือกชี้ของได้ด้วยงั้นเหรอ?



                แต่ผมก็ต้องพยักหน้ารับรู้ วูฟล้มตัวลงนอนเตียงกว้างของเขา ผมกำลังมองรอบห้องอย่างสำรวจ...คืนนี้ผมจะนอนตรงไหนดี? ผมเหลือบไปเห็นชั้นหนังสือของร่างสูงด้วยความสนใจ ผมชอบหนังสือมากครับ เพราะมันทำให้ผมได้ความรู้อะไรใหม่ ๆ เสมอ ได้เรียนรู้โลกกว้างที่ผมไม่เคยได้ออกไป วูฟดูเหมือนจะมองตามสายตาของผม



                “อยากอ่านรึไง ไปเอามาอ่านก็ได้นะ ฉันอนุญาต” เสียงเข้มพูดขึ้น ผมยิ้มกว้างออกมา



                “จริงเหรอครับ ผมอ่านได้เหรอ...”



                “อืม จะไปเอามาอ่านก็เอามา นายนอนที่พื้นก็แล้วกัน นอนได้ไหม” เขาบอก ผมก็พยักหน้า ผมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องที่นอนสักเท่าไหร่หรอกครับ ที่ไหนผมก็นอนได้ แต่จิตใจของผมตอนนี้ไปอยู่กับหนังสือซะแล้ว



                ระหว่างที่ผมกำลังเลือกหนังสืออยู่ที่ชั้นอยู่ มีแต่เล่มที่ผมเคยเห็นมันอยู่ในโปสเตอร์ในห้องสมุด เล่มแพง ๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ จะว่าไปวูฟก็ใจดีอยู่นะครับ...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจผมมากเท่าไหร่ และที่สบายใจยิ่งกว่าคือ เขาควบคุมตัวเองได้นี่แหละ แต่ผมก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ผมเลือกหนังสือมาสองสามเล่มมาถือไว้ วูฟดูเหมือนจะหายไปออกไปไหนก็ไม่รู้ครับ เขาไม่ได้บอก แต่ผมเห็นเขาสั่งให้คนเอาผ้าปูที่นอนนุ่ม ๆ (มันนุ่มมากกว่าที่บ้านของผมมาก) มาวางไว้ให้ผมข้างเตียงของเขา มีแค่นี้ผมก็นอนได้แล้ว



                ผมหยิบยาที่เหลืออยู่ 1 เม็ดมากินกันไว้ เพราะเดือนนี้ฮีทของผมยังไม่มาเลย ผมกำลังหยิบยาเข้าปากพร้อมกับดื่มน้ำตาม ก็เป็นจังหวะที่วูฟเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของผมแวบหนึ่ง เขาเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด อะไรของเขากัน... ร่างสูงขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอน



                “ปิดไฟได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันมีงานต้องตื่นเช้า นายก็รีบ ๆ นอนซะ” เขาสั่ง ผมยังไม่ทันจะอ่านหนังสือเลยมาไล่ให้ปิดไฟซะงั้น ยังหัวค่ำอยู่แท้ ๆ ผมเอื้อมมือไปปิดไฟและล้มตัวนอนฟูกที่ปูไว้ข้างเตียงของวูฟ เอาเถอะครับ ผมเองก็ควรนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำประโยชน์ให้วูฟ พวกรีดเสื้อ เตรียมเสื้อผ้าอะไรพวกนี้..นั่นมันคือสิ่งที่ผมต้องทำใช่ไหม อย่างน้อยผมเองก็คงต้องพยายามปรับตัวเขาหาเขาอย่างที่พ่อกับแม่ของวูฟบอกไว้



                ผมมองหนังสือที่หยิบมาอ่านด้วย อดใจไม่ได้ที่จะแอบเปิดดูเล็กน้อย แม้จะปิดไฟแล้วแต่ความมืดในห้องก็ไม่ได้มืดจนมองอะไรไม่เห็น ผมเปิดหนังสืออย่างเบามือ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อร่างสูงพลิกตัวตะแคงข้างมาทางที่ผมนอนอยู่ เขาหยิบหนังสือจากมือของผมไป



                “ฉันบอกว่าให้นอน! อยากอ่านอะไรขนาดนั้น”



                “ผมก็แค่เปิดดูเอง” แววตาคมเข้มที่ผมมองเห็นชัดเจนมันสะท้อนกับแสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้อง...วูฟปิดหนังสือแล้วเอาไปวางไว้บนเตียงเขาแทน ขอดูนิดเดียวก็ไม่ได้... “ยังไม่นอนอีก บอกให้นอนไง” เขาสั่งอีกรอบ ผมเลยพลิกตัวตะแคงไปอีกข้าง



                “รู้แล้วครับ ฝันดีนะครับคุณวูฟ” ผมบอกพลางเอาผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัว



                “หึ...นายนี่มันแปลกประหลาดชะมัด” เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ผมไม่เห็นจะแปลกประหลาดตรงไหนเลย หรืออาจจะประหลาดจริง? ผมหลับตาลงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ยังไม่ทันที่จะหลับสนิทผมก็รู้สึกถึงผ้าห่มหนาที่มันควรจะอยู่บนเตียง แต่มันกลับหล่นลงมาคลุมตัวผม ผมหันไปมองงง ๆ ก็นี่มันผ้าห่มของวูฟ



              “พอดีฉันร้อน นายเอาไปห่มเถอะ”



                “อะไรนะครับ?”



                “..............” ไร้เสียงตอบรับจากร่างสูงที่หลับตาไปแล้ว อ้าว...เขาหลับไปแล้วเหรอ ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยมองพาห่มผืนใหญ่ที่อุ่นกว่าผืนเล็กที่ห่มเมื่อกี้ ผมแอบมองหน้าเขาเล็กน้อย แม้เขาจะบอกว่าไม่ทำอะไรผมก็เถอะ อดกังวลไม่ได้ว่า    ผมจะเข้ามาอยู่ในตระกูลของเขาโดยที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เขาเลยสักนิด ...ผมเป็นคนคิดมากใช่ไหม....



                ใช้เวลาไม่นานมากนักผมก็หลับสนิทเพราะผ้าห่มผืนหนาอันอบอุ่น บวกกับที่นอนนุ่ม ๆ ที่ผมไม่เคยนอนมาก่อนทำให้หลับง่ายและสบายยิ่งขึ้น หวังว่าวันพรุ่งนี้การใช้ชีวิตในตระกูลเฮอร์คิววันแรกของผมจะผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ....





................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Petalkiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ตามๆ น่าสนใจค่ะ ชอบแนวนี้

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ  ส่วนพระเอกของเราก็ซึนไม่เบานะคะเนี่ย

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6

ออฟไลน์ mxb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ถ้าน้องไปตามหารักแท้กับคนอื่นอย่ามาร้องน้า อย่ามัวแต่ซึน55555  :laugh:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หรือลูดี้ จะไม่ใช่ลูกจริงๆของพ่อแม่  :hao3: :hao3: :hao3:
เพราะดูการปฏิบัติจากพ่อแม่ ป้า
เลวร้าย เกินกว่าจะทำกับลูกของตัวเอง  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 3
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้วูฟ เสื้อสูทของเขาสีน้ำเงินกับเนคไทเข้าคู่กันถูกวางไว้ตรงที่วางเสื้อ    ร่างสูงตื่นมาตอนประมาณ 6 โมงกว่า ผมเองก็ไล่เก็บพวกเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไปใส่ตะกร้า วูฟเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบเสร็จ เขามองหน้าผมสลับกับเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งจะรีดไว้ให้เขา...ไม่รู้ว่ามันจะถูกใจเขารึเปล่า



                “นายเป็นเลือกชุดนี้งั้นเหรอ?” เขาหยิบเสื้อมาใส่ ผมพยักหน้าพร้อมกับช่วยเขาใส่เนคไท วูฟเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดูท่าทางจะมีคนคอยแต่งตัวให้เขาตลอดแบบนี้ล่ะมั้ง



                “ครับผมเป็นคนเลือกให้คุณเอง เออคือว่า...วันนี้ผมต้องออกไปไหนกับคุณไหมครับ” ผมถามอย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรในวันนี้บ้าง ผมผูกเนคไทให้เขาเรียบร้อย ร่างสูงก็หันไปหยิบนาฬิกามาใส่



                “อยู่บ้านไง” เขาตอบสั้น ๆ ทำให้ผมเงยหน้ามอง



                “อยู่บ้านเหรอครับ?...คุณไม่มีหน้าที่ให้ผมทำเหรอ”



                “ตอนนี้ยังไม่มี นายอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าว่างก็อ่านหนังสือนั่นไปสิ” เขาชี้ไปที่หนังสือ ครับ...ผมอยากอ่านก็จริง แต่ปกติผมจะไปหาทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปซื้อยาคุมฮีทและแบ่งเก็บไว้ส่วนหนึ่ง



                ผมจะอ้าปากพูดอีก วูฟก็ยกมือห้ามประมาณว่าไม่อยากฟังผมแล้ว เขาขยับเนคไทเล็กน้อยเพื่อเช็คความเรียบร้อยของชุด บอกตรง ๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าของผมหล่อจริง หล่อทุกชุดที่ใส่...แค่เมื่อวานเขาใส่แค่ชุดนอนยังดูดีเลยครับ (แอบชมเขาในใจ)



                เขาหันมาหาผมที่มองดูเขาเพลินไปหน่อย ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อย...แต่แค่นั้นผมก็เชื่อว่ามันหล่อจนหลายคนต้องกรี๊ด



                “นายจะเดินไปในก็ได้ในคฤหาสน์ของฉัน หรืออยากจะไปเดินเล่นแถวสวนก็ได้ ฉันอนุญาต” เขาพูดและเดินนำผมออกไป ก่อนเขาจะหันกลับมาเรียกเสียงเข้มอีกครั้ง “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ฉันจะไปกินข้าว”  วูฟพูดแค่นั้นทำให้ผมรีบวิ่งตามเขาออกไป ขืนไปทำเขาโกรธตั้งแต่เช้ามีหวังงานจะเข้าผมแน่ ๆ



                ภายในห้องอาหารของบ้านที่วูฟกับผมอยู่มีจานอาหารถูกเตรียมไว้เรียบร้อย คนที่เตรียมก็คือป้านมนั่นเองครับ รู้สึกว่าบ้านหลังนี้จะมีเพียงวูฟเท่านั้นที่เป็นคนใหญ่ที่สุด ลูกน้องก็เป็นลูกน้องของร่างสูงโดยเฉพาะ บ่งบอกว่าเขามีฐานะเป็นทายาทที่แท้จริง ทุกอย่างถึงได้ถูกจัดเตรียมไว้ขนาดนี้



                “นั่งลงสิ จะให้ฉันเชิญทุกอย่างเลยรึไง” เสียงเข้มดังขึ้นเรียกผมให้มองเขาที่นั่งหัวโต๊ะ ส่วนอีกจานของผมก็วางอยู่ทางขวามือของเขา



                “ขอโทษครับ...” ผมนั่งลงตามที่เขาสั่ง สาวใช้วางชามข้าวต้มลงตรงหน้าพวกเราสองคน กลิ่นมันหอมมาก...นี่ผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะอาหารกับวูฟจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ



                วูฟไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาตักข้าวต้มมาทาน ส่วนผมเองก็ตักขึ้นมาเป่า ๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก รสชาติของมันอร่อยมาก! อย่าหาว่าผมเวอร์เลยนะครับ เพราะปกติผมเองก็ไม่มีโอกาสได้กินข้าวต้มที่มีวัตถุดิบชั้นดีแบบนี้หรอก



                ระหว่างที่ต่างคนต่างตักกินเงียบ ๆ แขนของผมก็หยุดตักเมื่อมือหนาเอื้อมมากุมข้อมือของผมไว้ ผมตกใจหมด...



                “ทำไมต้องสะดุ้งด้วย ? ฉันน่ากลัวรึไง” วูฟเลิกคิ้วขึ้น ผมเหลือบมองชามข้าวต้มของเขาที่หมดแล้ว โห...เขากินเร็วมาก ๆ



                “เปล่าครับ คือผมแค่กินข้าวเหม่อ ๆ ไปหน่อย...คุณวูฟมีอะไรเหรอครับ?” ผมมองมือหนาที่กำแขนของผมเหมือนพิจารณาสักพัก เขาปล่อยมือของผมออกก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมเลิกคิ้ว



                “นายผอมเกินไป ร่างบางเกินไป วัน ๆ ได้กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ย? ป้านมผมขอข้าวต้มอีกชามหน่อย” เขาหันไปสั่ง ผมเลยส่ายหน้าปฏิเสธ



                “ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว” แต่ผมก็ต้องหยุดพูดเมื่อเจอแววตาเข้มที่จ้องอย่างบังคับ



                “กินให้หมด ป้านมดูด้วย ถ้าเขากินไม่หมด! ห้ามให้ลุกไปไหนเด็ดขาด” วูฟยกแก้วน้ำดื่มก่อนจะลุกขึ้นกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ ผมมองชามข้าวต้มอีกชามที่ส่งกลิ่นหอม ร่างสูงหยิบน้ำปลามาหยด ๆ ใส่ให้ผมนิด ๆ ผมมองการกระทำของเขางง ๆ เช่นเดียวกับป้านมและสาวใช้



                “น้ำปลาใส่ได้แค่นี้ก็พอ..” ห๊ะ? เขาพูดแค่นั้น และก็มีเสียงลูกน้องของเขาที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร



                “นายน้อยครับ เตรียมรถพร้อมแล้วครับ” วูฟมองหน้าผมเล็กน้อยพร้อมกับกำชับรอบสุดท้าย



                “กินซะ” หลังจากที่ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว ป้านมก็ยิ้มทักทายให้ผม



                “คุณลูดี้ ถ้ากินไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะคะ ป้าไม่เอาไปบอกนายน้อยหรอกค่ะ” ป้าแอบแซวลับหลัง ผมก็เลยหัวเราะออกมา ผมว่าการเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายมากเท่าไหร่ก็ได้...



                “ขอบคุณนะครับ ข้าวต้มอร่อยมากเลยล่ะครับ...เออ ผมขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่าครับ”



                “ได้ค่ะ” ป้าพยักหน้า



                “คือว่า บ้านนี้มีแค่คุณวูฟอยู่คนเดียวเท่านั้นเหรอครับ?”



                “ใช่ค่ะ ป้าก็เข้ามาทำแค่อาหารเช้าให้เท่านั้น ส่วนตอนเย็นต้องไปกินข้าวที่บ้านใหญ่นะคะ นายน้อยน่ะ ถูกแยกออกมาจากบ้านใหญ่นั่นแหละค่ะ อย่างที่รู้กันว่า นายน้อยไม่เหมือนคนอื่น แถมเจ้าตัวเองก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า” ป้าพูดร่ายยาวให้ผมฟัง ผมก็ตั้งใจฟังและจดจำไว้



                ผมทานข้าวจนอิ่มและขอไปช่วยล้างจาน ตอนแรกก็ถูกห้ามไว้นั่นแหละครับ แต่ผมยืนยันว่าจะช่วยจริง ๆ ป้านมก็เลยยอมแพ้ผม หน้าที่ล้างจานผมเองก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วก็เลยไม่มีปัญหาอะไร งานแค่นี้ถือว่าเบามากด้วยซ้ำสำหรับผม หลังจากช่วยงานพวกป้านมได้สักพัก (ผมขอช่วยจนป้าเขายอมให้ทำ) ดูเหมือนพวกเขาไม่อยากให้ผมแตะงานอะไรเลยด้วยซ้ำ ก็พอจะรู้ว่าผมอยู่ในฐานะคู่ของวูฟ แต่ก็ไม่คิดหรอกครับว่า ผมจะอยู่ในฐานะสำคัญขนาดนั้น



                ผมช่วยงานป้านมอยู่ที่ครัวของคฤหาสน์ใหญ่จนถึงตอนเที่ยงกว่า ๆ ป้าเลยขอร้องให้ผมกลับห้องไปพักผ่อน เห็นป้าทำหน้าเกรงใจที่เห็นผมมาช่วย ผมก็เลยยอมกลับมาที่ห้องครับ ด้วยความที่ไม่อยากทำให้ใครลำบากใจ...



                “คุณลูดี้?? ทำไมเสื้อผ้าเปียกน้ำล่ะครับ” ผมกำลังเดินอยู่ตรงทางเดินไปก็หยุดเมื่อเจอกัส ลูกน้องของร่างสูงที่เป็นหัวหน้าดูแลประวัติโอเมก้า เขาดูตกใจนิดหน่อย เสื้อของผมมันเปียกเพราะไปล้างจานมานี่แหละ



                “พอดีผมไปช่วยงานแถว ๆ ฝ่ายห้องครัวมาน่ะครับ” เขาตาโตเลยครับคราวนี้



                “ช่วยงานห้องครัวเหรอครับ? ผมว่าคุณรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะครับ อีกไม่ถึงชั่วโมงนายน้อยก็จะกลับมาแล้ว ถ้ารู้ว่าคุณตัวเปียกแถมไปช่วยงานที่ห้องครัวอีก ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่” เขาบอกทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้น



                “คุณวูฟจะโกรธเหรอครับ”



                “ครับ ไปเถอะครับ อีกอย่างคุณจะเสี่ยงไม่สบายเอาได้นะครับ” เขาพูดแค่นั้นก็โค้งตัวให้ผมและเดินจากไป        ผมมองเสื้อของตัวเองที่เปียกอยู่ก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ไม่อยากมีปัญหากับวูฟเหมือนกันครับ ถ้าสิ่งไหนเลี่ยงได้ผมก็พยายามจะเลี่ยง...



                พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ผมก็นั่งลงที่ฟูกนอนตรงพื้นของผมพลางคิดถึงว่าปานนี้พ่อกับแม่จะได้รับเงินรึยังนะ พวกเขาไม่คิดจะติดต่อมาหาผมบ้างรึไงนะ...ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น



                “หนูลูดี้? แม่เองนะคะ” เสียงแม่ของวูฟดังเข้ามา ผมเลยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู



                “ครับ...ของอะไรเยอะแยะจังเลยครับ?” ผมมองของที่อยู่ตรงหน้า ลูกน้องของร่างสูงช่วยกันขนเข้ามาในห้อง แม่ของวูฟยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม



                “ก็ของขวัญจากแม่ยังไงล่ะ เป็นพวกเสื้อผ้าค่ะ ลูดี้น่าจะใส่ได้ทุกตัว ช่วยลองให้แม่ดูหน่อยได้ไหมว่าชอบตัวไหนบ้าง” แม่ดันหลังของผมเข้ามา ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเลยล่ะครับ...ทำไมแม่ของเขาดีกับผมจัง ทั้ง ๆ ที่ผมเองเป็นแค่เพียงโอเมก้า...



                “คือมันเยอะมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”



                “ไม่ได้ค่ะ ต้องรับ...รู้ไหมว่า โอเมก้า ถึงจะถูกกำหนดว่าเป็นชนชั้นที่อยู่ต่ำสุด...แต่หากเราทำให้ตัวเองมีค่า มันก็ไม่มีอะไรมาทำให้เราต่ำได้แน่นอนค่ะ แม้ใครจะมองยังไงแค่เรามองตัวเราว่าดีก็พอแล้ว” คำพูดเบา ๆ แต่มันช่างดูละมุนมาก แถมยังเป็นประโยคที่ผมเคยอ่านจากในหนังสือด้วย!



                “คำคมมาจากเรื่องดวงดาวใช่ไหมครับ” ผมบอก แม่ก็ทำหน้าตื่นเต้น



                “นี่ลูดี้ก็อ่านเรื่องนี้เหรอคะ? ใช่ค่ะ เรื่องดวงดาว แม่ชอบมากกกก...ดีจังเลย แม่ได้คนเมาท์เรื่องหนังสือด้วยแล้ว” ท่านทำท่าดีใจจริง ๆ จนผมเกือบจะทิ้งภาพลักษณ์ของตระกูลใหญ่ที่หยิ่ง ๆ กดขี่โอเมก้า...แต่ตระกูลเฮอร์คิวกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย



                ...เพราะผมกำลังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของตระกูลนี้...



                ผมลองชุดนั้นชุดนี้ที่แม่ของวูฟขนเสื้อมาให้ผม บอกตรง ๆ ว่าเกรงใจท่านมาก แต่ครั้นจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้          ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าข้าง ๆ ตู้ของวูฟให้เรียบร้อย แม่ของเขาก็กลับไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ 17: 00 น.



                “คุณวูฟใกล้จะกลับมารึยังนะ” ผมพึมพำพลางหันไปปัดที่นอนกว้าง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงคนพูดกันเสียงดังดูวุ่นวาย ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามา



                ปัง!



                “นายน้อยครับ ผมว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาล” ผมหันไปมองเขาก็ตาโต ก็มือตรงแขนเสื้อเชิ้ตยาวสีขาวที่ไม่ได้ใส่สูทของวูฟมีเลือดไหลอาบเต็มไปหมด จนเสื้อขาวกลายเป็นสีแดง



                “ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก! พวกนายจะโวยวายกันไปทำไม” ร่างสูงเอ็ดทำให้ลูกน้องพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ



                “คุณวูฟ! แขนคุณไปโดนอะไรมาครับ?” ผมเดินเข้าไปหาเขาจะไปจับแขน ลูกน้องเลยพากันยกมือห้าม แต่ผมจับแขนของเขาไปแล้ว และวูฟก็ไม่ได้สะบัดแขนของผมออก เขามองหน้าผม



                “ไม่มีอะไร ถอย” ใครว่าเขาไม่สะบัดออกล่ะ...มือหนาดึงมือของผมออก ผมเลยไปยืนขวางทางเขาไว้ พวกลูกน้องที่ยืนออกันอยู่ด้านหลังหน้าซีดเผือก ดูก็รู้ครับว่าวูฟอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ตอนนี้...แต่ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงถึงขั้นผลักผมกระเด็นหรอก...ใช่ไหม



                “อะไรของนาย! ฉันบอกให้ถอยยังไงล่ะ!! จะไปอาบน้ำ!” ผมสะดุ้งเฮือก ยังกับเสียงคำรามของสิงโต วูฟเดินเลี่ยงชนไหล่ผมแทบเซหายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อย ผมมองตามคนเอาแต่ใจ...ชิ! คนเขาเป็นห่วงไม่รู้รึไง...เอ๊ะ แล้วผมจะไปห่วงเขาทำไมกัน



                “เออ คุณลูดี้ครับ...นี่กล่องพยาบาลครับ พวกผมคิดว่านายน้อยคงไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ ๆ” ลูกน้องที่ยืนทำหน้าปริบ ๆ อยู่ก็ยื่นกล้องพยาบาลมาให้ผม ผมเดินไปรับมาถือไว้



                “ถามหน่อยได้ไหมว่า นายน้อยของพวกคุณไปทำอะไรมาถึงได้เป็นแบบนั้น”



                “ถูกลอบทำร้ายครับ” หนึ่งในลูกน้องของวูฟตอบก่อนจะถูกเพื่อนร่วมทีมกระทุ้งศอกใส่เหมือนกับว่าไม่ควรจะพูดออกมา...



                ถูกลอบทำร้าย...



                “ไอ้นี่ แกก็รู้ว่านายน้อยไม่อยากให้พูดอะไรมาก...” ลูกน้องอีกคนห้ามปรามและโค้งตัวให้ผม “ยังไงพวกเราก็ฝากคุณลูดี้ทำแผลด้วยนะครับ...ถ้าเป็นคุณน่าจะทำแผลให้นายน้อยได้ ส่วนพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”



                ผมมองพวกเขาที่หมุนตัวเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ผมเหลือบมองห้องน้ำที่มีเสียงน้ำไหลอยู่ งานของวูฟที่ออกไปทำก็เป็นพวกงานออกโทรทัศน์บ้าง สัมภาษณ์ตามประสาทายาทผู้นำอัลฟาบ้าง ถามว่าผมรู้ได้ยังไง แม่ของวูฟแอบบอกผมมาเมื่อกี้แหละครับ ผมกำลังเปิดกล่องยาดูก็สะดุ้งกับเสียงเหมือนคนชกกำแพงห้องน้ำ ผมเบิกตากว้างกับเสียงที่ลอดออกมา



                “โถ่วเว้ย!! มันเป็นใครวะถึงกล้ามาทำตัวลอบกัดแบบนี้ โว้ย!” ปึ่ก**! ปึ่ก!**



                ก๊อก ๆ!



                “นี่! คุณวูฟ...คุณทำอะไรอยู่ อาบน้ำนานเกินไปแล้วนะครับ” ผมรีบเคาะประตูเรียก “คุณวูฟ อ๊ะ...” ผมตกใจกับประตูที่เปิดออกมาเลยล้มลงไปกับพื้น วูฟที่ออกมาในสภาพเปลือยกายหยดน้ำเกาะพราว ไอจากน้ำอุ่นก็ลอยออกมาเต็ม ผมที่เงยหน้าขึ้นก็จ๊ะเอ๋....



                เฮือกกก.... ผมเห็นเต็มสองตา...



                “เรียกทำไม จะมาอาบน้ำกับฉันรึยังไง?” เขาเลิกคิ้วถาม แต่เลือดที่หยดจากกำปั้นของเขาทำให้ผมถูกดึงความสนใจจากจุดนั้นของเขา



                “คุณเลือดออก!..” ผมลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวยืนให้เขาส่ง ๆ ก็แบบว่า...มันเห็นไปแล้ว ก็ลืม ๆ มันไปก็แล้วกัน...



                วูฟรับไปพันรอบเอวต่ำของเขาลวก ๆ  เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง ผมก็รีบหยิบกล่องพยาบาลมาทันที



                “ใช่ก็เลือด ทำไม? ไม่เคยเห็นรึไงล่ะ” เขาตอบเรียบ แต่ผมกลับร้อนรน ก็เห็นคนที่เจ็บอยู่ตรงหน้าจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันล่ะ ดูสิ...ไปชกกำแพงทำไมเล่า



                ผมนั่งคุกเข่าลงลงตรงหน้าเขา...เออ ผมว่าท่านี้มันแปลก ๆ วูฟเหลือบมองผมก่อนเขาจะดึงแขนของผมขึ้นมานั่งบนเตียงกับเขา แค่มือเดียวของเขาก็ทำให้ผมลอยไปอยู่บนเตียงได้เลย



                “นายตัวเบากว่าที่คิดนะ หัดกินให้มันเยอะ ๆ ซะบ้าง...” เขาบอกแค่นั้นและล้มตัวนอนลงและยื่นมือให้ผม



                “จะทำแผลไหม? ถ้าไม่ทำฉันจะไปใส่เสื้อผ้า!” เสียงเข้มทำให้ผมรีบพยักหน้ารับ จริง ๆ เขาไปใส่เสื้อก่อนก็ได้นะครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนเขาตวาดเอาอีก...



                “ทำครับ ทำ...” ผมจับมือของเขามาวางที่ตักของตัวเองแล้วค่อย ๆ ทำแผลให้ ตรงแขนของเขาเองก็มีรอยกระจกบาดเป็นทางเลยครับ ลูกน้องบอกว่าเขาโดนลอบทำร้ายมานี่นา น่ากลัวจัง...



                “อึก..” เขาร้องออกมานิดหน่อยตอนผมเทแอลกอฮอล์ใส่แผลเขา “อ๊าก! เฮ้...นี่กะจะแกล้งฉันรึไงฮะ!!” ผมสะดุ้งเมื่อเผลอราดไปเยอะมาก ผมรีบเช็ด (ราดไปเกือบครึ่งขวด)



                “ขะ..ขอโทษ”



                “เฮ้อ เหม่ออะไรของนายลูดี้ เป็นหมอไม่ได้นะเนี่ย...” เขาว่าแต่ใบหน้าของร่างสูงออกแนวแสบจริง ๆ ผมพยายามโฟกัสแค่แผลตรงหน้าไม่ได้สนใจ...ซิกแพคตรงหน้า ผมว่าผมใจกล้ามากที่มานั่งอยู่กับคนที่เป็นอัลฟาสองต่อสองในห้อง...ปกติโอเมก้าอย่างผมค่อนข้างจะระวังตัวเองมาก แม้จะทำงานปะปนกันไป แต่การอยู่ในระยะใกล้แบบนี้กับคนที่เป็นอัลฟา ผมไม่เคยทำสักที...อย่างที่ทราบกันดีว่าฟีโรโมนของโอเมก้ามีผลต่อความรู้สึกของอัลฟา สำหรับวูฟเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาควบคุมมันได้ยังไงล่ะครับ ผมก็เลยไม่กังวล อีกอย่างเขาไม่ได้สนใจผมด้วย...



                “ทำหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรฉัน?” เขาถามราวกับอ่านความคิดของผมออก ผ้าก็อตในมือของผมถูกพันเบา ๆ ใส่มือของวูฟที่เลือดออกพร้อมกับคำถามที่ผมเอ่ยขึ้น



                “ทำไมคุณถึงเลือกผมมาเป็น...คู่ของคุณ” สายตาคมกริบจ้องมาที่ผม “ถ้าคุณไม่อยากตอบ...”



                “เพราะนายบังเอิญอยู่ใกล้มือฉันไง” หา...อะไรนะครับ



                “..........”



                “แถมนายยังโกหกฉันด้วย ไหนบอกว่านายไม่เคยทำงานที่บาร์กลางคืน” ผมมองเขาที่จ้องผมอยู่เช่นเดียวกัน เขาจะฝังใจเรื่องนี้อีกนานไหม...



                “ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมไม่เคยทำงานที่บาร์ ผมยืนยันได้”



                “แล้วนายจะมาที่นี่เพื่อให้อัลฟาซื้อตัวทำไม!” เขาลุกขึ้นแล้วกระชากผมเข้าไปใกล้เขา ผมหน้าร้อนวูบเมื่อใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ผม เอะอะอะไรก็โวยวายตลอด



                “ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมจะเอาเงินไปให้ครอบครัว ผมไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่! ทำไมคุณไม่เชื่อผมบ้าง” ผมพูดออกไปตามความจริงทุกอย่าง



                “เชื่อ? ทำไมฉันต้องเชื่อ...” จึก...คำพูดที่ไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจของเขา แต่ทำไมแค่คำเล็ก ๆ จากเขาทำให้ผมรู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ นั่นสิครับ...ผมจะไปขอให้เขามาเชื่อผมทำไม วูฟปล่อยแขนของผมออกและเขาก็ลุกไปแต่งตัว



                เราไม่ได้พูดกันอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งมาอยู่ที่โต๊ะอาหารที่บ้านใหญ่ พ่อกับแม่ของวูฟก็อยู่ด้วย...บรรยากาศอึมครึมจากตัวของผม หรือไม่ก็จากตัวของวูฟทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งตรงหน้าพวกผมสองคนพอจะรับรู้ได้ แม้ไม่ได้พูด



                “เป็นยังไงบ้างลูดี้ อยู่ที่นี่มีอะไรขาดเหลือไหม ถ้าขาดอะไรก็บอกคนจัดการดูแลหามาให้ได้” พ่อของวูฟเปิดประเด็น ร่างสูงที่นั่งข้างผมก็ยกแก้วน้ำดื่มเงียบ ๆ “ส่วนแก วูฟ...เรื่องที่กระจกแตกใส่แก หมายความว่ายังไงที่ลูกน้องรายงานฉันว่า แกพยายามจะหนีลูกน้องที่คุ้มกันแก...แกก็รู้ว่าแกสำคัญกับตระกูลมากแค่ไหน!” ผมเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึมครึมมากกว่าเดิมอีก...



                “ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ พวกลอบกัดก็ทำได้แค่ลอบกัดนั่นแหละ” วูฟตอบราบเรียบแบบไม่ยินดียินร้าย



                “เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้!”



                “คุณคะ ใจเย็น ๆ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูดี้สิ...” แม่ของวูฟห้ามปราม พ่อของร่างสูงก็เลยเบาเสียงลงจริง ๆ ผมที่นั่งอยู่อย่างเจียมตัวก็ตักอาหารในจานทานเงียบ ๆ ไก่อบชิ้นนุ่มถูกวางลงบนจานผม ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลหรอกครับ วูฟ...



                เขาตักมาให้ผม...



                “มัวแต่เขี่ยข้าวเล่นอยู่นั่นแหละ กินเข้าไป เอ้า ไก่อบ...” ผมไม่ได้เขี่ยข้าวเล่นซะหน่อย เขามั่ว...



                “ยัง ๆ ยังไม่กินอีก” เขาตักไก่มาอีกสองสามชิ้นจนพูนเต็มจานของผม พ่อกับแม่ของวูฟมองพวกเราสองคนสักพักก่อนจะพูดขึ้น



                “ดีใจจังที่เห็นลูกสองคนเข้ากันได้ดี...” แม่ของวูฟว่า แต่ร่างสูงก็ขัดขึ้นทันที



                “เปล่าครับ ไม่ได้เข้ากันได้ดี...แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร” ผมควรจะดีใจไหม ที่เขาบอกว่าไม่ได้รังเกียจ...



                “วูฟอย่าพูดจาแบบนั้นสิ ลูดี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปนะจ๊ะ...” ผมพยักหน้าเล็กน้อยและกินไก่อบที่ร่างสูงตักมาให้ ส่วนวูฟก็ทำหน้าเฉย ๆ กินข้าวของเขาไป ก่อนผมจะเกือบสำลักอาหารเมื่อพ่อของวูฟพูดขึ้น



                “แกควรจะคิดถึงเรื่องการมีทายาทได้แล้วนะวูฟ ลูดี้ก็เหมือนกัน...” พ่อของเขาพูดน้ำเสียงอ่อนลงกับผม



                “แค่ก ๆ..” เสียงไอนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของร่างสูง “พ่อว่าอะไรนะครับ ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย? ผมไม่มีทางจะมีทายาท!” เขาปฏิเสธชัดเจนทุกถ้อยคำ ผมที่ตักไก่มาเคี้ยวตุ้ย ๆ ก็ชะงัก



                “แกจะเลี่ยงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฉันรู้ว่าแกไม่อยากรับตำแหน่ง แต่เพื่อความอยู่รอดของตระกูลเก่าแก่ของเรา แกต้องทำ!! แกเกิดมามีความพิเศษในตัวแล้ว อย่าทำให้ฉันกับแม่ของแกต้องปวดหัวมากได้ไหม!”



                “ผมไม่ทำ!”



                “แกต้องทำ!!” พ่อของวูฟก็พูดต่อไม่ยอมแพ้ ...ผมพอจะทราบแล้วว่านิสัยของร่างสูงได้มาจากใคร สงครามระหว่างพ่อกับลูกเริ่มต้นขึ้น พวกเขาเถียงข้ามหัวผมกับแม่ของวูฟไปมา จนแม่ของวูฟต้องเบรก



                “พอได้แล้ว! ทั้งสองคนเลย! วูฟนั่งลง คุณด้วย!” เสียงของแม่สยบทุกสิ่ง  “มาเถียงกันเป็นเด็กไปได้ ดูสิ ลูดี้เขาตกใจหมดแล้วเห็นไหม” ทุกสายตามองมาที่ผมที่พยายามเคี้ยวไก่เหนียว ๆ อยู่



                เคยอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไหมครับ...ไก่อบกำลังจะติดคอของผมแล้ว ผมพยายามกินช้า ๆและเอาน้ำมาดื่มตาม วูฟหยิบแก้วน้ำอีกแก้วของเขามาให้ผมกินอีกแทน เมื่อเห็นว่าน้ำในมือของผมหมด



                “ขอบคุณครับ...” ผมรับมาดื่ม จนเกือบจะสำลักอีกรอบกับประโยคปิดท้ายแกมบังคับจากพ่อของวูฟ



                “ไม่ว่าแกจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ลูดี้ก็คือคนที่แกเลือก วูฟ...แกต้องทำยังไงก็ได้ให้มีทายาทให้เร็วที่สุด รู้ไหมว่ากลุ่มต่อต้านอำนาจที่พยายามจะล้มตระกูลของเรามันมีมากขนาดไหน ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ แกก็รู้ว่าตัวของแกมีหน้าที่ ฉันฝากไว้ให้คิดแค่นี้แหละ...”  พอพ่อของเขาพูดจบ ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินหนีออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย



                “ตามเขาไปสิจ๊ะ...” แม่ของวูฟยิ้ม ผมเลยโค้งตัวให้อย่างมีมารยาทแล้ววิ่งตามร่างสูงที่เดินลิ่ว ๆ กลับบ้านของเขา



                “คุณวูฟเดี๋ยวครับ รอด้วย แฮ่ก...” ผมวิ่งมาหอบ ๆ เหนื่อยแฮะ วิ่งแค่นี้เอง วูฟหันมามองนิด ๆ ด้วยหางตา...ย้ำว่าหางตา



                “วิ่งตามฉันออกมาทำไมกัน กินอิ่มแล้วรึไง...หรือถูกใช้ให้มากล่อมอะไรฉันอีกล่ะ?” เขาพูดแกมประชด กำลังเริ่มสงสัยว่าวูฟมีปมอะไรในใจรึเปล่า...ทำไมเขาดูมีอคติชะมัด ก็แหงแหละครับ...เขากล้าพูดว่าไม่เชื่อรักแท้ หัวใจมีปัญหารึยังไง อยากจะถาม!...



                “เปล่าครับ ผมไม่ได้มากล่อมอะไร ก็แค่จะเดินกลับไปพร้อมคุณ...” ผมเห็นเขาชะงักไปด้วยล่ะ



                “เดินกลับไปพร้อมฉัน...?” เขาพึมพำ วูฟหมุนตัวหันหลังแล้วเดินต่อ ผมเลยไม่ได้เดินตามเพราะกลัวว่าเขาอาจจะไม่ชอบให้ผมเดินตามก็ได้ จะว่าไปทำไมผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงไม่รู้...จริงสิครับ ยาคุมฮีทของผมหมดแล้วนี่นา พรุ่งนี้คงต้องไปขอให้คนที่ดูแลเรื่องโอเมก้าหายามาให้สักชุดแล้วล่ะ  ระหว่างที่ผมคิดเสียงเข้มก็ดังอยู่ไม่ไกลมาก



                ก็แหงล่ะครับ เขายืนอยู่ไม่ห่างจากผม...อ้าว รึว่าเขาไปแล้ว วูฟที่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าผม  และพูดประโยคที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม



                “ชักช้า ตกลงจะยืนอยู่ตรงนี้ใช่ไหม? จะไม่กลับห้องใช่ไหม?” เขายืนหยุดรอผมงั้นเหรอ...วูฟหมุนตัวเดินนำผมไปจนผมต้องวิ่งตามเขาอีกรอบ พ่อคนขายาวจะเดินเร็วไปไหนเนี่ย!



                “รอผมด้วยสิครับ คุณวูฟ”



                “หัดก้าวขาให้มันยาว ๆ บ้างสิ จะได้เดินตามทัน” ปากของเขาพูดอย่างนั้นแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาเดินช้าลงจนผมเดินตามทัน...เอ๊ะ หรือจริง ๆ แล้วผมเดินเร็วขึ้น...











...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Petalkiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
มาแล้วว คุณวูฟนี่ก็แอบซึนนะคะเนี่ย ทำเป็นเกรี้ยวกราด 5555
อยากเห็นตอนฮีต อยากเห็นคุณวูฟคลั่งไคล้ในตัวลู้ดี้มากๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พ่อคนซึนก็ยังซึนเสมอต้นเสมอปลายนะ 555555  มาจิ้มให้กำลังใจจ้า  :z13:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 4
[/b]



                [พาร์ตของลูดี้]




                คืนนี้ผมรู้สึกว่านอนไม่สบายตัวเลยสักนิด มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ...แต่ผมก็พยายามที่จะข่มตานอนให้หลับ มันกลับไม่ง่ายเลย ผมนอนไม่หลับ...ผมเหลือบมองร่างสูงที่คาดว่าน่าจะหลับไปแล้ว หนังสือที่วูฟเอาไปกองไว้ตรงหัวเตียงของเขาชวนให้ผมอยากอ่านมาก อย่างน้อยเอามาอ่านไปพลาง ๆ อาจจะเผลอหลับไปก็ได้ เมื่อคิดแบบนั้นผมก็เลยว่าจะเอื้อมมือไปหยิบแต่ก็ชะงักกึก เมื่อร่างสูงหันตะแคงข้างมาทางผม แววตาคมเข้มประสานกับสายตาของผมทันที



                เฮือก เขายังไม่นอนนี่นา... เห็นเงียบไปรึว่านอนแล้ว



                “ทำไมยังไม่นอนอีก จะเอาอะไร อ่านหนังสือเหรอ?” เขาถามเหมือนรู้ทัน ผมพยักหน้า



                “ครับ พอดีผมนอนไม่หลับ...แต่จะนอนแล้วล่ะครับ” ผมบอกแต่ก็ต้องทำหน้าแปลกใจกับหนังสือที่เขายื่นลงมาให้ข้างเตียงที่ผมนอนอยู่ เอ๋...  “เอาไปสิ! จะอ่านไหม” เสียงเข้มดังขึ้นกว่าเดิมนิด ๆ ทำให้ผมรีบหยิบหนังสือมาจากเขา



                “เอาครับ เอา...ขอบคุณนะครับ” ผมรับมาเปิดอ่านเงียบ ๆ และรู้สึกว่าสายตาของร่างสูงกำลังมองผมอยู่ ตาของผมอ่านตัวหนังสือแต่กลับไม่รู้เรื่องเลย...ผมมองหน้าวูฟกลับ เขาก็เปลี่ยนไปนอนหงายแทน



                “วันนี้นายทำอะไรตอนอยู่บ้านบ้างล่ะ” เขาถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปสักพัก ผมที่นอนหงายเปิดหนังสือดูอยู่ก็ยิ้มนิด ๆ



                “ผมไปล้าง...” ผมจะพูดก็เบรกตัวเองไว้ เพราะกำลังคิดว่าถ้าพูดไปวูฟจะโกรธขึ้นมารึเปล่า แต่ร่างสูงก็หันขวับมาทางผมทันที



                “นายบอกว่านายทำอะไรบ้างนะวันนี้!!...ฉันถาม” พอเจอน้ำเสียงแบบนี้ทีไร ทำเอาผมแอบตกใจทุกที ก็มันฟังดูโหดยังไงไม่รู้



                “ผมไปล้างจานมาครับ”



                “ฮะ! ล้างจาน? ใครใช้ให้นายไปทำงานแบบนั้น ฉันเพิ่งสั่งอยู่ว่าให้นายอยู่ในบ้านทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ให้ไปทำงานบ้าน!!” วูฟเริ่มอารมณ์ดุขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเมื่อเช้าทานข้าวต้มอีกชามหมดรึเปล่า”



                “หมดอยู่ครับ” เมื่อเช้าผมทานหมดจริง ๆ เพราะมันอร่อยมาก... วูฟหันมามองผมนิด ๆ และสั่งกำชับขึ้นมา



                “อย่าให้ฉันรู้ว่านายไปทำงานบ้านอีก นายก็รู้ว่านายเป็นคู่ของฉันแล้ว อย่างน้อยก็รักษาหน้าตาของตระกูลบ้าง อ้อ...พรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยง นายเองก็ต้องไปเปิดตัวออกงานคู่กับฉันด้วย เตรียมตัวไว้ให้พร้อมด้วยล่ะ...”



                “ครับผมทราบแล้ว” ผมพยักหน้า  “เออ คุณวูฟครับคือว่า...ผมจะขออะไรคุณหน่อยได้ไหม”



                “ขออะไร?” เขาตอบกลับทันควัน



                “ยาคุมฮีทของผมหมดแล้ว ผมจะขอออกไปซื้อเองได้ไหม” ผมลองขอดู ตอนแรกก็จะฝากลูกน้องของเขานั่นแหละ แต่ก็อยากลองขอดูก่อนเผื่อว่าวูฟจะให้ผมออกไปเองได้ แต่ผลที่ได้ก็พอจะรู้....



                “ไม่!...ฉันไม่ให้นายออกไป อยากได้อะไรก็บอกลูกน้องฝ่ายที่ดูแลไป อ้อ อีกอย่างหนึ่ง นายกินยาคุมฮีทราคาถูกที่สุดนี่มานานเท่าไหร่แล้ว” วูฟปฏิเสธพร้อมกับยิงคำถามมาด้วย ผมเลิกคิ้ว จริงอยู่ครับที่ยาคุมฮีทที่ผมซื้อมาราคาถูกที่สุด คุณภาพของมันก็ต่ำมาก แต่มันก็ลดอาการฮีทได้ผลอยู่



                “ก็ตั้งแต่เริ่มมีอาการฮีทขึ้นมาแหละครับ ตอน 18 ปี”



                “ตอนนี้นาย 20 ปีสินะ...ฉันจะเป็นคนไปสั่งยาคุมฮีทมาให้เอง ขืนกินแบบนี้ต่อไปมีหวังร่างกายนายจะแย่แน่ ๆ ถ้ากินยาคุมคุณภาพต่ำแบบนี้ต่อไป...ไม่มียาเหลือแล้วใช่ไหมชุดที่นายชอบซื้อกิน?”



                “ครับไม่เหลือแล้ว...” ผมพยักหน้าหงึก ๆ อีกที



                “อืม รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาชุดมาให้นายลอง มันเป็นงานกะทันหัน ฉันก็เพิ่งรู้ตอนออกไปทำงานนั่นแหละ” วูฟพูดแค่นั้น ก่อนที่ผมกับเขาจะหลับกันไปทั้งคู่ แปลกตรงที่พอผมได้คุยกับวูฟเพลิน ๆ แล้ว ผมก็หลับไปอย่างง่ายดาย...



                รุ่งเช้า



                ผมกำลังถูกจับลองชุดใหม่ ๆ อยู่ ความจริงเกรงใจชุดมากเลยครับ คือมันใหม่จนผมไม่กล้าใส่ แต่ก็จำเป็นต้องใส่เพราะวันนี้อย่างที่บอก ผมต้องไปออกงานคู่กับวูฟ...งานเลี้ยงที่ผมไม่เคยไปเลยสักครั้งในชีวิต ที่มันมีของกินเยอะ ๆ คนใส่ชุดสวย ๆ ผมสามารถเข้าไปในที่แบบนั้นได้จริงเหรอ? ผมอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินยาว ที่คอของผมก็สวมปลอกคอกำมะหยี่สีแดงบ่งบอกฐานะของผม



                “เป็นยังไงบ้างคะ? ชุดนี้พอดีตัวรึเปล่า” สาวใช้ที่ถูกจ้างมาจัดแจงเสื้อผ้าให้ผมถามขึ้น



                “ครับ ผมชอบมันมากเลย ขอบคุณนะครับ” ผมโค้ง เธอเลยยิ้มและโค้งกลับคืนมา ผมเดินออกมาจากห้องน้ำที่เพิ่งเข้าไปใส่เสื้อมา ก็เจอร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศ เขาหล่อมาก ใบหน้าคมกับผมที่ถูกเซ็ทเรียบร้อย



                ผมไม่ได้ชมเขา แต่พูดความจริงว่า เขาหล่อเพอร์เฟคมากจริง ๆ วูฟเงยหน้ามองผมอึ้งนิดหน่อย แต่ก็ยังคงใบหน้านิ่งเรียบเฉย เขาพับหนังสือพิมพ์ในมือเก็บก่อนจะหยิบจดหมายสีขาว ๆ มายื่นให้ผม



                “ครอบครัวนายส่งจดหมายมา” ได้ยินแค่นั้น ผมก็ถึงกับยิ้มกว้างและรับมาเปิดดู



                “จริงเหรอครับ...” ผมจะนั่งลงตรงโซฟาตรงข้าม แต่ก็ถูกมือหนาฉุดให้ไปนั่งตรงโซฟาที่เดียวกับเขาซะก่อน



                “อ๊ะ...”



                “นั่งตรงนี้” เขาสั่ง ผมก็เลยได้ไปนั่งอยู่ข้างเขา... ผมเปิดจดหมายดูก็พบข้อความจากครอบครัวของผมว่า พวกเขาได้รับเงินแล้ว...ผมทำหน้าเศร้าลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นข้อความท้ายสุดว่า ให้ผมขอเงินแบบนี้มาจากวูฟอีก...



                ผมจะไปขอเงินจากวูฟอีกได้ยังไง...ร่างสูงที่นั่งข้างผมเองก็เหลือบมองข้อความในจดหมายที่เห็นชัดเจน เขาหัวเราะในลำคอ



                “หึ ครอบครัวนายนี่ก็แปลกชะมัด ดูท่าทางเขาจะรักนายเหลือเกินนะ” เขาพูดประชด ผมเก็บจดหมายก่อนจะยิ้มบาง ๆ



                “ครับ พวกเขารักผม...อย่างน้อยพวกเขาก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ๆ” ผมสะดุ้งเมื่อวูฟลุกขึ้นพรึบ



                “ฉันไม่ชอบพวกที่ยิ้มฝืน ๆ ทั้งที่ตัวเองก็ยังทรมานอยู่!”



                “เดี๋ยวครับ คุณวูฟ คุณจะไปไหน” ผมรีบลุกเดินตามร่างสูงที่เดินออกไปจากห้อง



                “ฉันจะไปเดินเล่น! ตามมาทำไม?” เขาทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อยที่เห็นผมยังคงวิ่งตามเขา



                ตึก ตึก ตึก...เสียงฝีเท้าของผมกำลังวิ่งตามเขาที่เดินก้าวยาว ก้าวเร็วมาก  ผมมัวแต่วิ่งจนไม่ทันได้ดูว่าวูฟหยุดเดิน ก็เลยเป็นเหตุให้ผมชนกับหลังของเขาเต็ม ๆ



                ตุบ!



                “เฮ้! ให้ตายเหอะ นายนี่มัน...มัวแต่วิ่งอะไรอยู่ได้ ดูทางบ้างสิ!” ผมลูบจมูกปอย ๆ พร้อมยิ้มแห้ง



                “ขอโทษทีครับ ก็ไม่รู้ว่าคุณจะหยุดเดินนี่นา...” วูฟทำหน้าเอือมนิดหน่อย แล้วเดินนำเข้าไปในสวนนั่งเล่นส่วนตัว



                ส่วนผมก็เดินตามและระหว่างนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของโอเมก้าที่มาคัดเลือกตัววันนั้นด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะถูกท่านทูตซื้อตัวต่อไป



                “ดูสิ นายน้อยวูฟไม่เห็นจะสนใจเลย อีกไม่นานก็คงจะโดนเขี่ยทิ้งแน่ ๆ” พวกเขาพูดกันลอย ๆ แต่แน่นอนว่าก็ต้องจงใจให้ผมได้ยินอยู่แล้ว ส่วนวูฟไม่ได้ยินหรอกครับเพราะเขาเดินเข้าไปในสวนนั่งเล่นแล้ว



                “ใช่ ๆ ถ้าไม่มีทายาทให้ ก็คงจะโดนทิ้งขว้างอยู่แล้วล่ะ” ผมเลือกที่จะไม่สนใจและรีบเดินเข้าไปตามวูฟ



                “เดินชักช้าจริง? บอกให้ก้าวยาว ๆ ไง” เสียงเข้มทัก พอเข้ามาในโดมแก้วเล็ก ๆ ผมก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูก สดชื่นมาก ร่างสูงที่นั่งอยู่เก้าอี้เลิกคิ้วมองผมงง ๆ คงเห็นผมมองอย่างสนอกสนใจเกินหน้าเกินหน้าล่ะมั้ง...



                “นายจะยืนอยู่อีกนานไหม มานั่งนี่” เขาสั่งอีกรอบ ผมกับเขานั่งดูดอกไม้ที่อยู่ในโดมนี้ด้วยกันไปพลาง ๆ รอเวลาไปงานเลี้ยงตอนเย็นน่ะครับ เราแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยด้วยซ้ำ วูฟนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ส่วนผมแอบมองหน้าเขาเงียบ ๆ



                และผมก็ได้รับรู้ว่า...ดอกไม้ที่ปลูกอยู่ในโดมแก้ว วูฟเขาเป็นคนปลูกเอง...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะปลูกมันเอง ผมอึ้งมากตอนที่เขาบอก...



                |งานเลี้ยงพบปะ|



                นี่คือครั้งแรก...



                ครั้งแรกที่ผมมางานเลี้ยงแบบนี้ โอ้พระเจ้า...คนเยอะมากครับ ในงานเลี้ยงมีผู้คนมากมายแถมส่วนมากยังเป็นพวกตระกูลดัง ที่รู้จักกับตระกูลเฮอร์คิวอีกด้วย ตอนนี้ผมเริ่มอยู่ในอาการเกร็งเพราะผมเดินเข้ามาพร้อมกับวูฟ ทายาทผู้นำอัลฟา แถมปลอกคอสีแดงกำมะหยี่ของเขาที่อยู่บนคอผม ก็พอจะบ่งบอกว่าผมเป็นคู่ที่ร่างสูงเลือกมาแล้ว



                พวกกล้องกับสำนักข่าวก็พากันมาขอถ่ายรูปจนผมงงกับแสงแฟลชกล้องไปหมด ใบหน้าของวูฟก็เรียบเฉยไม่บ่งบอกอาการอะไร คนแทบทั้งงานรู้จักวูฟกันหมด เวลาเดินไปไหนผมก็ผงกหัวโค้งคนที่เข้ามาทักร่างสูงไปด้วย



                “ไปหาอะไรกินแถวนู่นไป” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ผมเลยพยักหน้าเพราะเขาคงจะไปคุยกับพวกท่านทูตฝ่ายต่าง ๆ ที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก ผมไม่ไปเกะกะขวางทางเขาหรอกครับ



                “ครับ..” ผมจะเดินออกไปแต่ก็โดนมือหนาดึงแขนไว้



                “ห้ามนายออกไปไกลจากบริเวณงานนี้ เข้าใจไหม” เสียงเข้มก้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูของผม...



                “ทราบแล้วครับ” ผมรู้สึกว่าหูมันร้อนวูบยังไงก็ไม่รู้แฮะ... ผมหมุนตัวเดินไปที่มุมอาหารแบบกล้า ๆ กลัว ๆ คือมันเยอะมาก ทั้งของคาวและของหวาน จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว พวกนี้มันหยิบกินได้รึเปล่า



                “คุณลูดี้ สนใจชิ้นไหนหยิบได้เลยนะคะ หรืออยากได้อาหารใหม่ ๆ สั่งทางเราได้นะคะ” จู่ ๆ พนักงานโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ผมเลยยิ้มกลับ แอบเกร็งทำตัวไม่ถูก...พวกเขาคงพูดดีกับผมเพราะผมอยู่ในฐานะคู่ของวูฟ



                “ขอบคุณครับ...”  ผมเลือกตักขนมไปกินเล่นรอวูฟที่คุยงานอยู่ ระหว่างที่ผมกำลังกินอยู่ก็เห็นพวกคนที่เดินเข้ามาอีก รู้สึกจะเป็นอีกตระกูลหนึ่งที่ดังอยู่พอสมควร แต่ผมเคยได้ยินข่าวมาว่าไม่ถูกกันกับตระกูลเฮอร์คิวของวูฟ



                “นั่นมันตระกูลมาวินนี่...เห็นเขาว่าไม่ถูกกันกับตระกูลเฮอร์คิว” คนที่อยู่ข้างผมซุบซิบนินทากับเพื่อนจนผมได้ยิน



                “ก็ตระกูลเฮอร์คิวเป็นตระกูลดังกว่า แถมนายน้อยวูฟ ยังได้เลือกเป็นทายาทผู้นำอัลฟาด้วย จะไม่ให้หมั่นไส้กันได้ยังไงล่ะ...” พวกเธอยังคงซุบซิบ ผมมองหัวหน้าแก๊งค์ของมาวิน เป็นผู้ชายวัยกลางคนเผลอ ๆ น่าจะอายุเท่าพ่อของวูฟด้วยซ้ำ แค่เดินมาก็เหมือนจะมาหาเรื่องคนอื่นแล้ว...



                บรรยากาศการเผชิญหน้าของสองตระกูล ขนาดผมที่ยืนอยู่ไกล ๆ ยังรับรู้เลยว่ามันมาคุ แม้จะไม่ได้พูดจาอะไรกัน แต่ไอของบรรยากาศทำให้ผมรู้สึกได้ครับ... ผมละสายตาไปมองขนมหวานแทนเพราะมันส่งกลิ่นหอมมาก ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะ แฮะ ๆ... ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนกินไปนานมากแค่ไหน แต่ร่างสูงก็มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าของผมซะแล้ว



                “ชอบขนาดนั้นให้คนเอากลับไปให้ที่บ้านด้วยเลยไหม?” เสียงของเขาทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองวูฟที่ยืนดูขนมหวานที่ผมจิ้มมากิน มันเรียกว่าทองหยิบทองหยอดน่ะครับ อร่อยมากเลย ผมชอบ...ขนมชั้นใบเตยก็อร่อย



                “คุณวูฟทานไหมครับ?” ผมชวนและจะจิ้มให้เขาด้วย แต่ร่างสูงกลับจับมันออกจากมือผมแล้ววางลง อ้าว...ผมยังกินไม่หมดเลย



                “ฉันไม่กิน ได้เวลากลับแล้ว มากับฉัน” เขาลากแขนของผมเดินออกไปจากงานทันที



                “เดี๋ยวสิครับ ช้า ๆ หน่อย ผมเดินไม่ทัน โอ๊ะ...” ผมสะดุดขาตัวเองล้มปุลงกับพื้น ตุบ...วูฟหันมามองผมงง ๆ



                “อะไรของนาย เดินประสาอะไรให้มันล้มเนี่ย!?” ก็เขาดึงเองไม่ใช่รึไงล่ะ!! ผมลุกขึ้นปัดเข่าของตัวเองเล็กน้อย



                “ก็คุณเดินเร็วนี่ครับ จะรีบไปไหนกัน”



                “จะกลับบ้าน ฉันร้อน อารมณ์ไม่ดี!” เสียงเข้มคลายเนคไทแน่น ๆ ออกจากคอของตัวเองแล้วเดินกลับไปที่รถ          ไม่ทราบว่าเขาไปอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนกัน! ระหว่างที่เข้ามาในรถ หน้าตาของวูฟก็ดูนิ่งมาก จนผมไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่งใกล้เลยด้วยซ้ำ ผมอยู่อีกมุม เขาอยู่อีกมุม



                “คุณวูฟครับ เรื่องที่คุณให้ผมไปสืบมาได้เรื่องแล้วนะครับ” ลูกน้องของเขาตรงเบาะข้างคนขับบอกขึ้น วูฟเหลือบมามองผมนิด ๆ ก่อนผมจะสะดุ้งเมื่อเขาดึงแขนผมให้เซไปตรงตักของเขา โอ๊ย...ดึงไปดึงมาอยู่ได้ เจ็บนะ!



                “อะไรครับ...”



                “ปิดหู” เขาพูด ผมก็เลิกคิ้วงงน่ะสิ! ปิดหูอะไร? แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถาม เขาก็เอามือมาปิดหูของผมสองข้างไว้         



                “อ๊ะ เดี๋ยวครับ ทำไมต้องปิดด้วย” ผมขืนตัวออกก็ชะงักกับแววตาคมที่จ้อง



                “ฉันจะคุยธุระ เงียบได้ไหม” เขาบอกแค่นั้นและเอามือปิดหูของผมไว้ด้วยสองมือของเขา ผมไม่ได้ยินอะไรเลย    ผมได้แต่ซบอยู่ตรงไหล่ของเขา...ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะซบแต่จะให้ผมไปจ้องหน้าเขารึไงเล่า...คุยอะไรกันทำไมต้องเอามือมาปิดหูของผมด้วย...



                ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่มือหนาของวูฟปิดหูของผมแบบแน่นมาก เงียบสนิทจนไม่ได้ยินอะไรเลย...



                เมื่อกลับมาถึงบ้านร่างสูงก็เดินลิ่ว ๆ หายไปเข้าไปในห้องน้ำ บ่งบอกว่าเขาร้อนมากจริง ๆ ผมกำลังจะไปหาชุดของตัวเองมาเตรียมไปอาบน้ำต่อจากเขา จะว่าไปแล้ว...ผมยังไม่ได้ยากันฮีทจากวูฟเลยนี่นา ไหนเขาบอกจะให้คนไปซื้อมาให้ผมยังไงล่ะ ผมนับนิ้วของตัวเองดูว่ามันผ่านมากี่วันแล้ว ปกติผมจะมีฮีทแถว ๆ วันนี้...ระหว่างที่กำลังนับนิ้วอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูทำให้ผมเดินไปเปิดดู ก็เจอลูกน้องของวูฟยื่นกล่องขนมมาให้ผม



                “นายน้อยฝากมาให้คุณลูดี้ครับ..” เขายื่นให้ผมและเดินออกไป ผมมองของที่อยู่ในมืองง ๆ มันคือ...ขนมชั้นใบเตยครับ ว้าว...กล่องใหญ่ด้วย ผมยิ้มกว้างปิดประตูแล้ววางไว้บนโต๊ะตรงโซฟา เขาให้คนไปเอามาให้ผมกินจริง ๆ เหรอ



                ต้องขอบคุณเขาซะหน่อยแล้วล่ะ...กลิ่นมันหอมน่ากินมาก



                ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนก่อนจะชะงักกึก...ตึก! เฮือก...ความรู้สึกร้อนวูบ อึดอัด มันเป็นความรู้สึกที่ผมคุ้นเคยดี เวลามันเกิดขึ้น



                “แฮ่ก...แย่แล้ว” ร่างกายที่เริ่มตอบสนองขึ้นมากะทันหันทำให้ผมเอามือไปวางไว้ตรงโต๊ะที่มีแจกันวางอยู่อย่างไม่ทันระวัง จนมันล้มลง



                เพล้ง!!



                “อ๊ะ!...” ผมล้มลงไปพร้อม ๆ กับแจกันที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ร้อน...ความรู้สึกต้องการกำลังเริ่มเข้าครอบงำผม           ผมกำลังพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเบิกตากว้างกับประตูห้องน้ำที่เปิดออกมา



                “ทำเสียงดังอะไรของนาย...อึก อะไร..” ผมมองหน้าวูฟพร้อมกับความรู้สึกที่มันมากขึ้น ราวกับว่ากลิ่นของผมกับเขากำลังเรียกหากัน ผมมองเขาที่ชะงักไปเหมือนกันและเขาก็พยายามเอามือปิดจมูก....



                “นี่นายฮีทขึ้นเหรอลูดี้! บ้าเอ๊ย ฉันลืมเรื่องยาไปเลย” วูฟที่อยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวต่ำและเขาหายใจหอบนิด ๆ



                “แฮ่ก คุณวูฟ....” ผมเรียก...เรียกชื่อเขาทำไมกัน ไม่รู้สิครับ แต่ปกติเวลาที่ผมฮีทขึ้นแบบนี้ผมจะอยู่ในบ้าน กินยาคุมไว้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้กินยาดักไว้ บวกกับอยู่ต่อหน้าอัลฟา...



                วูฟรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ เขากดโทรออกหาใครไม่รู้ แต่ที่รู้คือ...ผมกำลังลุกเดินไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง  แผ่นหลังกว้าง...อบอุ่นมาก



                “เฮ้ย ทำอะไรของนาย!!...ปะ ปล่อย...” เขาจับไหล่ของผมออกห่างจากเขา



                “คุณวูฟ...แฮ่ก ผม..” ผมร้อน...ผมกำลังรู้สึกว่าสติเริ่มหายไปช้า ๆ ผมได้ยินเสียงของร่างสูงสบถอย่างหัวเสียสุด ๆ แถมเขายังหายใจหอบเหมือนผมอีก ทำไมล่ะครับ...ก็ไหนบอกว่าวูฟมีภูมิต้านทาน...



                “บอกลูกน้องทุกคนออกไปจากบ้านฉันให้หมด! ตอนนี้  ออกไป!” ผมเห็นเขาพูดในโทรศัพท์แค่นั้น ก่อนผมจะสะดุ้งเฮือกพร้อมกับความรู้สึกร้อนวูบวาบ



                “โถ่วเว้ย!!...นายมานี่เลย!...ฉันผิดเองแหละที่ลืมหายามาให้นาย” ผมถูกอุ้มลอยขึ้นและทิ้งลงเตียง พรึบ!



                ผมกำลังรับรู้ว่าฟีโรโมนของผมกำลังถูกปล่อยออกมา จนผมเริ่มเวียนหัวสมองขาวโพลนไปหมด...ทำไมครั้งนี้มันรุนแรง คงเพราะไม่ได้กินยาไว้...



                “ขอโทษครับ ผมไม่ย้ำให้คุณซื้อมาฝากเอง...อ๊ะ!!!...” มือหนาเอามือมาค้ำระหว่างผมไว้ เขากำลังกำมือแน่น     ผมสบตาเขาตรง ๆ มือของผมเอื้อมไปดึงเสื้อของเขา



                “คุณวูฟ...ผมขอโทษ ปล่อยผมไว้นี่...” ผมเรียกแค่นั้นก็ทำให้ร่างสูงสบถด้วยความไม่เข้าใจ



                “อะไรของนายกัน ทำไมฉันถึงได้กลิ่นนายขนาดนี้...กลิ่นโคตรหอม...”  แปลกไหมครับแค่คำพูดเดียวของเขาก็สามารถทำให้ผมยิ้มได้...เขาบอกว่าผมหอม ก่อนผมจะเบิกตากว้างอีกรอบเมื่อมือหนากระชากเสื้อของผมออก



                “ฮะ แฮ่ก...คุณวูฟไหนคุณบอกจะไม่ทำ...” ปากบอกแบบนั้นแต่มือของผมดันไปรั้งร่างสูงไว้ ร่างกายตอบสนองรุนแรงขึ้น



                “ไม่รู้...ฉันไม่เคยเป็น! ทั้ง ๆ ที่ฉันต้านต่อโอเมก้าได้ แต่ทำไมกับนาย...” เขาบอกออกมาด้วยความสับสน ผมเริ่มเบลอกับร่างสูงที่อยู่ใกล้ผมมาก



                คำว่าต้องการกำลังครอบงำผม...



                ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอของวูฟที่กำลังพยายามต่อต้านให้ถึงที่สุด แต่ผมเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังมีอารมณ์... ผมเองก็มีเหมือนกัน หากชีวิตนี้ผมถูกเลือกมาเป็นคู่ของเขาแล้ว...ก็คงไม่มีทางเลือกที่จะเลี่ยงได้...



                “แฮ่ก...ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้งั้นเรามาทำพันธะร่วมกันไหมล่ะครับ...ผมยอมให้คุณกอด” คราวนี้วูฟเองเป็นฝ่ายตาโตนิด ๆ



                “ทำไมนายถึง...”



                “เพราะเป็นคุณ ผมเชื่อ...ว่าคุณจะไม่โหดร้ายและรุนแรงกับผม...” ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป และไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจไป จะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปจากเดิมตลอดกาล....









.................................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :กอด1: :mew1:

​ถ้าเวลาฮีทขึ้นมันก็ค่อนข้างห้ามยากเเหละเนอะ 555555 ขึ้นอยู่กับวูฟเเล้วล่ะค่ะ จะห้ามตัวเองไหวไหม ><

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮื้ออออ อ  :ruready
อยากอ่านต่อเลยอ่าาาา า
ติดตามนะคะ ชอบมากๆเลย  :mew1:

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออ ทั้งลูดี้ทั้งวูฟกำลังทรมานกันเพราะฮีท ส่วนเราก็ทรมานเพราะค้าง  :sad4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ลูดี้เป็นฮีทซะแล้ว~

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 5



                [พาร์ตของลูดี้]



                “นายนี่มันประหลาดจริง ๆ...” เสียงเข้มของวูฟกำลังแหบพร่า กลิ่นที่เริ่มฟุ้งกระจายเต็มห้องอบอวลไปหมด            จนร่างกายของผมร้อนจนแทบจะละลาย



                “คุณวูฟ...แฮ่ก ผมต้องการ...” คำพูดคำเดียวของผมที่เรียกร้องทำให้สัญชาตญาณที่ร่างสูงควรจะคุมได้ ขาดลงในทันที ผมสะดุ้งเฮือก...



                แควก!!   แรงกระชากเสื้อผ้าขาดออกด้วยน้ำมือหนาของคนตรงหน้า ผมมองวูฟที่ก้มลงมาจูบปิดปากของผมอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างกายที่เริ่มเสียดสีกันไปมา ริมฝีปากหนาเริ่มไล่ต่ำลงไปเหมือนกระหาย



                เสียงกระเส่าดังเป็นระยะ ปลุกสัญชาตญาณอย่างง่ายดายให้ลุกโชน



                “อ๊ะ!! คุณวูฟ...อื้อออ”



                “กลิ่นน่ารำคาญชะมัด....อึก มันคืออะไรกันความรู้สึกนี้...” ผมยังคงหายใจหอบถี่ รอยจูบกำลังถูกฝังลึกไปทั่วตัวของผม ก่อนผมจะเบิกตากว้าง



                “อ๊ะ!! อื้อออ...คุณวูฟ...เดี๋ยวครับ” ขาเรียวของผมถูกแยกออกช้า ๆ แก่นกายตรงหนาเป็นอะไรที่ผมเห็นมาแล้ว    แต่ไม่คิดว่ามันจะเข้ามาได้!! ไม่ทันที่ผมจะทักท้วงอะไร ผมก็ถูกครอบครองโดยคนตรงหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีการเตรียมใจ แต่เขากลับใส่เข้ามาทั้งหมดในทีเดียว



                สวบ!!!



                เจ็บมาก แต่ภายในของผมกลับเรียกร้องเขา รู้สึกดีกับสัมผัสเจ็บ ๆ นี้...



                จุดสัมผัสของเขาทำให้ผมเสียววูบวาบ....



                “ฮึ่มมมม...นาย อืมมม” เขาออกแรงขยับเข้าหาตัวผมอย่างรุนแรงพอสมควร



                “อ๊า!!!....อ๊ะ อื้อออ....อา คุณวูฟ...แฮ่ก อา...” ผมยังคงหายใจหอบแฮ่ก ร่างกายโอนเอนไปตามแรงของวูฟ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่กลับจูบไปทั่วตัวของผม ปลอกคอสีแดงที่ผมใส่อยู่กำลังหลุดออกจากคอของผม



                แววตาคมเข้มกำลังหายใจถี่....พร้อมกับจ้องมองหลังคอของผม



                “อ๊ะ อื้อออ....ฮะ คุณวูฟ...ผมต้องการคุณอีก...” ผมบอกคำหน้าอายออกไป แต่ในเวลาแบบนี้ ผมไม่ได้คิดหรอกครับว่าพูดอะไรออกไป รู้แค่ว่าเขาดีมาก....



                ผมรู้สึกผ่อนคลาย....



                “ชี๊ดดดด....อืมมม นายยอมฉันเองนะ....” เสียงเข้มแหบพร่า ผมที่เปลี่ยนท่านอนตะแคงยังคงถูกร่างสูงตรงหน้ากระทำอย่างต่อเนื่อง ก่อนผมจะรับรู้ถึงความรู้สึกชาวาบ...



                กึก...ฟันคม ๆ ก้มลงมากัดหลังคอของผม



                “อ๊ะ!! อึก...คุณวูฟ อ๊า อา....” กลิ่นเลือดคาว ๆ กำลังลอยอบอวลแข่งกับกลิ่นหอมเย้ายวนที่ผมปล่อยออกมา   เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากช่องทางรักของผม



                “อื้อออ...ผมเจ็บ ฮะ แฮ่ก...”



                “ฉันหยุดไม่ได้...ปล่อยไม่ได้ แฮ่ก....” ผมพยายามยกมือกอดคอของเขาด้วยมือสั่นเทา น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เจ็บมาก เจ็บปวด แต่ผมก็รู้ว่าเราหยุดไม่ได้ ความต้องการถ้ามันไม่หมด...วูฟก็หยุดไม่ได้ ผมเองก็หยุดไม่ได้



                “ไม่เป็นไรครับ...ทำเถอะ ฮะ อ๊า!!!!!......” ผมสะดุ้งเมื่อร่างสูงยังคงออกแรงขยับถี่ไม่ยอมลดกำลังลงเลย สติของผมเริ่มละลายหายไปช้า ๆ



                ความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาเป็นระยะ มันเจ็บจนผมเริ่มจะรับไม่ไหว...วูฟเขาโดนกลิ่นของผมเข้าครอบงำ เพราะอะไรกันเขาที่มีภูมิต้านทานโอเมก้า...แต่พอมาเจอผมเขาถึงเป็นแบบนี้



                นั่นเป็นคำถามที่ผมอยากถามถ้าผมตื่นขึ้นมา....สติของผมกำลังดำดิ่งสู่ความมืด และผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกหลังจากรอบที่ 2 ผ่านไป...



                ที่ผ่านมาผมมักจะกินยาคุมเสมอ...ผมบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว...ผมยกทั้งตัวของผมให้กับผู้ชายที่เลือกผมไปเป็นคู่ของเขาซะแล้ว วูฟ... ราวกับว่าผมอยู่ในความฝัน มันหวาน หอม รุนแรง....เจ็บปวดจนขยับร่างกายไม่ได้





                ผมค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของคนพูดกัน ผมบรือตามองเพดานห้องที่ผมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วันเอง



                “หนูลูดี้ฟื้นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง” แม่ของวูฟนั่งอยู่ข้างเตียงเอามือมาอังหน้าผากของผมไว้...ส่วนวูฟก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?



                “ผมเป็นอะไรเหรอครับ?” ผมถามงง ๆ เหมือนหัวสมองยังไม่ได้เรียบเรียงเหตุการณ์ ผมกำลังจะลุกก็ชาไปหมด...ช่วงล่างชา ภาพเหตุการณ์ลาง ๆ ก็เด่นชัดขึ้นมาทีละนิด



                วูฟกับผม...เมื่อวานเราสองคน...



                ผมเอามือจับคอของตัวเองที่โดนเขากัด วูฟมองหน้าผมแล้วหันไปมองพ่อของเขาที่ยืนอยู่ข้างกัน



                “ลูดี้ก็ตื่นแล้ว ทีนี้พ่อจะพูดได้รึยัง ว่าทำไมผมถึงคุมตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ผมต่อต้านโอเมก้าได้...” วูฟยิงคำถาม ซึ่งผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แม่ของวูฟก็เลยช่วยพยุง แต่ผมก็สะดุ้งกับเสียงดุของวูฟ



                “จะลุกขึ้นมาทำไมเล่า!”



                “วูฟ อย่ามาดุลูดี้ของแม่นะ!”



                “แม่..โอ๊ย โอ๋กันจริง ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาเจ็บไง...ลุกไม่ไหวยังจะลุก” เขาว่า ผมเลยก้มหน้างุดนั่งพิงขอบเตียง



                “เอ๊ะแกนี่! อย่าไปสนใจวูฟเลยนะจ๊ะลูดี้ คุณพูดเถอะค่ะ ยังไงวูฟก็ต้องรู้” แม่ของวูฟกล่าว ผมเลยมองหน้าพ่อของวูฟเช่นเดียวกับร่างสูงที่ตั้งใจฟังเหมือนกัน



                เรื่องอะไรงั้นเหรอครับ...



                “คือว่า รู้จักเรื่องคู่แห่งโชคชะตารึเปล่า” พ่อของวูฟเปิดประเด็น ผมตาโตนิด ๆ



                “รู้จักครับ / ไม่รู้จัก” ผมกับร่างสูงตอบพร้อมกันแต่กลับเป็นคนละคำตอบ เขาเหลือบมามองผม ก็แหงล่ะ...เขาไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง แล้วคู่แห่งโชคชะตาเขาจะไปรู้จักได้ยังไง!



                “แล้วทำไมครับ มันเกี่ยวอะไรกับคู่แห่งโชคชะตา?” ร่างสูงถามต่อ



                “มีตำนานว่ากันว่า เมื่อใดที่พบคู่แห่งโชคชะตา ก็จะมีแรงดึงดูดให้ทั้งคู่ถูกดึงเข้าหากัน จนไม่อาจที่จะแยกจากกันไปไหนได้อีก....



                “คนที่เป็นคู่ของกันและกัน จะไม่มีแรงต้านทานต่อฟีโรโมนที่ปล่อยออกมา...” พ่อของวูฟอธิบายจบ    พวกผมก็อึ้ง...เงียบ



                หมายความว่า...วูฟเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผมเหรอ?



                “พ่อพูดเรื่องมั่วรึเปล่าเนี่ย” ร่างสูงยังไม่ยอมรับ



                “มั่วอะไร แกเองก็น่าจะรู้ความรู้สึกตอนที่อยู่กับลูดี้ได้นี่ ว่าแกต้องการขนาดไหน?” พ่อพูดซะผมที่นั่งอยู่หน้าร้อนวูบเชียวครับ วูฟเหลือบมามองผมก่อนจะทำหน้าไม่สบอารมณ์



                “แล้วยังไงครับทีนี้?”  เขายังคงถามต่อ



                “มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากยังไงล่ะ น้อยครั้งนะ...ที่คนเราจะเจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้ไปสร้างพันธะกับใคร แต่ลูกกลับเจอคู่....แถมยังสร้างพันธะไว้ด้วยแล้วด้วย ลูกกัดลูดี้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก” แม่ของวูฟพูดบ้าง แต่ดูท่าร่างสูงจะไม่ได้ยินดีเลยสักนิด



                ก็อย่างที่รู้กันดีว่าหากเขามีทายาทเมื่อไหร่ วูฟก็จะต้องขึ้นรับตำแหน่งผู้นำอัลฟาเต็มตัว ผู้ที่อยู่ห่วงโซ่อาหารใหญ่ที่สุด



                “เรื่องนี้คงต้องมีการประกาศให้ทุกคนรู้ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้ ส่วนแก วูฟ ทำหน้าที่ของแกให้ดีที่สุด พยายามมีทายาทให้เร็วที่สุด” พ่อของวูฟย้ำ ก่อนพวกท่านทั้งสองจะพากันเดินออกไปจากห้อง เหลือแค่ผมกับวูฟอยู่ในห้องนี้ด้วยบรรยากาศเงียบกริบ



                เวลาผ่านไปสักพักผมก็แอบสะดุ้งเมื่อร่างสูงเปิดผ้าห่มออก เฮือก...เขาเลิกคิ้ว



                “อะไรของนาย ทำไมต้องสะดุ้งทุกทีด้วยที่ฉันทำอะไรหรืออยู่ใกล้นาย กลัวฉันมากนักรึไง?” เขาถามเสียงเข้ม           ผมเลยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว



                “เปล่านะครับ คือผม...ก็แค่สะดุ้งนิดหน่อย เวลาใจลอย”



                “จะใจลอยอะไรบ่อยกันนักกันหนา” เขาขึ้นมานั่งบนเตียงและเอาปลอกคอกำมะหยี่สีแดงที่อยู่ตรงลิ้นชักข้างเตียงออกมา ผมมองดูก็เห็นว่ามันมีสัญลักษณ์ชื่อของวูฟด้วย...อันที่ผมใส่ตอนแรกมันไม่มีตราสัญลักษณ์ครับ



                “อะไรเหรอครับ” ผมถามเมื่อเห็นเขากำลังเอามันมาสวมที่คอของผม วูฟทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดมันสักเท่าไหร่แต่เขาก็จำเป็นต้องพูด



                “สัญลักษณ์ไง...” ผมเลิกคิ้ว   “สัญลักษณ์ว่านายคือของ ๆ ฉัน” พอพูดจบทุกอย่างก็กระจ่าง มันคือการผูกมัดนั่นเองครับ แม้จะไม่ใช่เพราะความเต็มใจของวูฟแต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะเขากัดผมไปแล้ว ผมเองก็ไม่สามารถไปอยู่กับคนอื่นได้ และไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่า....กับคนที่ไม่ใช่คู่ของผมอีก



                “เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่านายคือคู่แห่งโชคชะตา” เขาสวมปลอกคอให้ผมเสร็จก็ทิ้งตัวนอนลง ก่อนผมจะถูกดึงแขนให้นอนลงข้างร่างสูง



                พรึบ...



                “นอนซะ หมอเพิ่งมาฉีดยาบรรเทาอาการปวดให้นาย ก็ควรจะนอนพัก” ผมหน้าร้อนวูบกับใบหน้าคมที่อยู่ใกล้มาก แถมผมยังได้กลิ่นหอมจากเขาอีก...



                “คุณหอมจังครับ”



                “นายก็หอม...” เขาตอบกลับมาทำให้ผมตาโตนิด ๆ “มันก็คงเป็นฟีโรโมนที่เราจับคู่กันแล้วล่ะ” เขาว่าอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมมองหน้าเขาที่หลับตาลงเหมือนเหนื่อย ๆ อยู่ข้างผม



                “ฉันให้คนซื้อยาคุมฮีทมาให้นายแล้ว เดือนนี้ท่าทางจะหมดฮีทแล้วใช่ไหม...” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น



                “ครับ คาดว่าน่าจะหมดแล้ว...” ผมตอบและนอนลงข้างเขาด้วยความยากลำบาก คือมันเจ็บมาก ปวดร่างกายไปหมด ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ผมจำไม่ได้มากแต่สัมผัสของเขาผมยังจำได้ดี มันร้อนแรงสุด ๆ ...



                “ปริมาณน้ำเชื้อที่ปล่อยไปไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ...น้ำเชื้อฉันคงไม่ดีถึงขั้นสองครั้งก็ท้องละมั้ง...” เขาพูดพึมพำแต่ผมก็ได้ยินมันชัดเจน ผมรู้ว่าเขากำลังแอบเครียดเพราะถ้าผมท้อง เขาก็เลี่ยงที่จะขึ้นตำแหน่งผู้นำไม่ได้อีก



                ผมเดาว่าวูฟคงเป็นคนรักอิสระไม่ชอบอยู่ในภาวะที่ต้องกดดันอยู่สูงสุด...อะไรประมาณนี้



                “คุณดูไม่ค่อยอยากจะเป็นทายาทผู้นำอัลฟา....”



                “ก็ไม่อยาก...หึ นายก็รู้ว่าการแข่งขันมันมาก แย่งชิงกันไปกันมา กับอำนาจ” ร่างสูงเผลอพูดออกมาแบบเปิดอก วูฟชะงักนิด ๆ ผมเหลือบมองเขาที่ลืมตามองเพดาตรงหน้า



                “ผมขอถามคุณอีกหนึ่งคำถามได้ไหมครับ”



                “จะถามอะไร?” เขาหันมาสบตาผม



                “คือ...ถ้าผมไม่ท้อง ผมจะถูกปลดออกจากการเป็นคู่ของคุณไหม” ผมรู้ว่าคำถามนี้ออกจะแปลก ๆ หน่อย แต่มันก็คือคำถามที่ผมอยากจะถามจริง ๆ ผมได้ยินที่พวกโอเมก้าด้วยกันพูดมานี่ครับ ก็เลยสงสัย



                “ใช่ ส่วนมากถ้าไม่ท้องก็คงต้องเปลี่ยนคู่ใหม่...” ผมใจหล่นวูบซะงั้น “แต่ในกรณีของนายคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะฉันเผลอกัดนายไปแล้ว อีกอย่างนายก็ดันเป็นคู่แห่งโชคชะตา คงไม่มีการปลดนายออก....”



                ผมพยักหน้ารับรู้ วูฟก็เลยเอาผ้าห่มมาคลุมผมไว้



                “คุณวูฟทำอะไร...” ผมยังไม่ทันจะเปิดผ้าห่มก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา



                “เลิกพูดให้มากความสักที ฉันบอกให้นอนยังไงล่ะ!” วูฟดุอีกรอบทำให้ผมจำเป็นต้องนอนนิ่งให้เขากอด เหมือนผมจะรู้สึกดี แต่คำพูดปิดท้ายของเขาทำเอาผมรู้สึกแปลกในใจ



                “ยังไงซะ เราก็คงต้องยอมอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักกันด้วยซ้ำ....



                นั่นสินะครับ...พวกเราไม่ได้รักกันด้วยซ้ำ...





                ตอนเย็น



                ผมหลับไปด้วยฤทธิ์ยาที่โดนฉีดไปนานพอสมควร เพราะพอผมตื่นมาก็มืดซะแล้ว นี่ผมนอนมาทั้งวันเลยเหรอเนี่ย ผมค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น วูฟไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเห็นแค่ยาคุมฮีทยี่ห้อแพงมากวางอยู่หัวเตียง ผมเคยเห็นในโทรทัศน์ว่ามันทำมาจากยาสมุนไพรไม่มีสารเคมีตกค้างแต่อย่างใด มันเป็นกล่องสวย นี่เขาให้คนไปซื้อมาไว้ให้ผมเหรอเนี่ย... ผมก้าวลงจากเตียงด้วยขาที่สั่นเทา ความเจ็บปวดทุกอย่างมันยังชัดเจนอยู่เลย



                “ชีวิตของเราจะเป็นยังไงต่อนะ คิดถูกรึเปล่าที่เรายอมอยู่ที่นี่...” ผมพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังออกมาข้างนอก ผมเลยลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอนจะไปเปิดประตูห้อง พอผมเปิดแง้ม ๆ ก็ต้องชะงักกับร่างสูงที่ยืนอยู่กับหญิงสาวสวยมากคนหนึ่ง เธอกำลังยกแขนโอบรอบคอของวูฟ



                ทำไมใจของผมเจ็บเมื่อเห็นภาพนี้...



                “แหม ยังทำหน้าเย็นชาเหมือนเดิมเลยนะ” วูฟเอามือของเธอที่โอบรอบเขาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉย



                “เธอมาทำอะไรที่นี่ ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาจากต่างประเทศด้วยซ้ำ...” เสียงเข้มพูดเรียบ



                “ก็แวะมาหานายเท่านั้นแหละ เห็นคุณแม่นายบอกว่า นายเลือกคู่แล้ว ฉันก็เลยว่าจะแวะมาดูในฐานะแฟนเก่าเท่านั้นเอง” แฟนเก่า...



                “แม่ไปโม้อะไรให้เธอฟังอีกล่ะสิท่า แฟนเก่าที่ทิ้งฉันไปหาผู้ชายคนใหม่เนี่ยนะ” วูฟว่าเหมือนเซ็ง ผมที่แอบฟังอยู่ก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ ภาพก็ชัด เธอตีแขนของวูฟเบา ๆ เป็นท่าทีที่ดูสนิทสนมมาก...ผมกำลังไม่ชอบใจอยู่รึเปล่านะ ทำไมผมจะต้องคิดแบบนั้นด้วยล่ะ ไม่เอาน่าลูดี้ ผมไม่มีสิทธิ์จะไปเคืองอะไรวูฟซะหน่อย เขาจะอยู่กับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับผม...



                “นายทิ้งฉันต่างหากล่ะ ทายาทอัลฟาคนดัง แม่ของนายคุยให้ฉันฟังใหญ่เลยว่า คู่ของนายน่ารักมาก นี่ก็ว่าจะแวะมาดูซะหน่อย เพราะสามีของฉันจะมารับฉันกลับบ้านแล้ว”



                “รีบกลับไปเลยไป เขานอนพักอยู่” วูฟไล่แต่เขากลับยิ้มนิด ๆ ผมที่มองอยู่ก็ชะงัก...เขายิ้มด้วยล่ะครับ ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะดูภาพตรงหน้าอีกต่อไปไม่รู้ทำไม แต่ผมเลือกที่จะปิดประตูเบา ๆ



                ผมเอามือจับหัวใจของตัวเอง...



                “เราจะไปรู้สึกเจ็บทำไม เขาจะอยู่กับใครก็เรื่องของเขาสิ ลูดี้...เราเป็นแค่คู่ที่เขาบังเอิญเลือกมาก็เท่านั้น อย่าไปใส่ใจเลย...” ผมได้แต่ย้ำสถานะที่ไม่มีทางสู้ของผม แม้ผมจะไม่รู้ตัวก็ตามว่าตั้งแต่ผมทำพันธะระหว่างวูฟ ร่างกายและจิตใจของผม มันไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว...มันกลายเป็นของวูฟไปแล้ว



                ผมเข้าไปอาบน้ำสักพักก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพมึน ๆ เสื้อผ้าก็เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย ก่อนผมจะตกใจกับร่างสูงที่นั่งอยู่ปลายเตียง เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มาเงียบมาก หรือจริง ๆ ผมอาบน้ำเพลินไปหน่อยเองจนไม่ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูเข้ามา



                “ทำไมนายต้องสะดุ้งทุกทีที่เจอหน้าฉันด้วย...” ก็เขาชอบทำหน้าดุนี่ ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา



                “ฉันถาม” เสียงเข้มกดเสียงต่ำ



                “ผมไม่มีคำตอบนี่ครับ” ผมตอบกลับทำให้ร่างสูงดึงแขนของผมไปหาเขา แค่นั้นผมก็เซไปนั่งที่ตักของเขาเรียบร้อย



                “อ๊ะ ผมเจ็บนะครับคุณวูฟ” ผมโวยเล็กน้อย ก็มันเจ็บจริง ๆ ทั้งร่างกายมันปวด...



                “นายกำลังกวนประสาทฉันงั้นเหรอ ลูดี้” เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเองก็มองหน้าเขาแวบหนึ่งและหลบสายตา ไม่อยากจะมองหน้าเขาเลย



                “ผมไม่ได้กวนคุณซะหน่อย ช่วยปล่อยผมด้วยครับ” ผมดิ้นออกจากคีมขนาดใหญ่ที่รัดผมไว้แน่น แน่นอนอยู่แล้วล่ะว่าวูฟเขามีกำลังมากกว่าผม ผมตัวบางกว่าเขาตั้งเยอะจะไปสู้แรงเขาได้ยังไง...แล้วเขาจะมากอดผมไว้ทำไม!



                “แม่ให้มาตามไปกินข้าวด้วยกันพ่อกับแม่รออยู่” เขาบอก



                “ครับ งั้นก็ช่วยปล่อยผมสักทีสิ”



                “เป็นอะไรไป นายดูท่าทางเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างนะ” วูฟตั้งข้อสงสัย ผมชะงักนิดหน่อยพร้อมกับส่ายหน้ารัว ผมก็ปกตินี่ ไม่ได้ไม่พอใจอะไรสักหน่อย ใช่ไหมครับ...



                “เปล่านิครับ คุณวูฟช่วยปล่อยผมสักทีครับ” ผมขืนตัวออกจนเขายอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ...แต่ที่ไหนได้



                “อ๊ะ! คุณวูฟปล่อยผมลง” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มผมพาดบ่า อะไรของเขากันล่ะเนี่ย...



                “ถ้านายไม่หยุดดิ้นจะโดนดีแน่ ๆ!” เขาสั่ง ผมเลยหยุดดิ้นอัตโนมัติ คนใจร้าย...!  “ดี หยุดดิ้นได้แล้วเหรอ” เขาถามขำ ๆ ก็เขาบอกให้หยุดไม่ใช่รึไงล่ะ



                “.............”



                “อย่ามาเงียบใส่ฉัน นายนี่งอแงแปลก ๆ หรืออยากได้อะไรอีก ยาฉันก็ให้คนเอามาให้แล้ว” เขาพูดเหมือนผมไปขออะไรเขา ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ร้องขออะไรมากมายเลยสักนิด



                “...............” ไม่อยากพูดด้วยแล้ว!



                “ลูดี้...” เสียงเข้มเรียกชื่อผมชัด ๆ



                “.........” ผมยังคงเงียบ แต่ประโยคที่เขาพูดต่อทำให้ผมตาโต



                “พรุ่งนี้ฉันจะพานายออกไปข้างนอก”



                “จริงเหรอครับ...” ผมหลุดปากถามอย่างตื่นเต้น...ผมจะได้ออกไปข้างนอก



                “ใช่ ถ้านายกินข้าวหมดสองจานวันนี้ นายตัวเบายิ่งกว่าหมอนข้างอีกรู้ตัวรึเปล่า” เขาเปรียบเทียบซะผมเห็นภาพ ผมไม่ได้เบาขนาดนั้นซะหน่อย วูฟเปรียบเทียบเวอร์ไปแล้ว



                “สองจานเลยเหรอครับ”



                “ถ้ากินไม่หมดก็ไม่ต้องไป” เขาตอบแบบไร้เยื่อใย ผมเลยรีบตอบกลับ



                “กินครับ กิน ผมจะกินให้หมดสองจานเลย...” ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนวูฟจะพาผมเดินไปห้องอาหารบ้านใหญ่โดยที่เขาอุ้มผมพาดบ่าออกไปสภาพนี้แหละครับ เขาจะมาบังคับให้ผมทานข้าวเยอะ ๆ ทำไมนะ...



                เขาอาจจะอยากแกล้งผมก็ได้...แต่ผมก็กินเยอะอยู่แล้วล่ะครับ กินได้หมดแหละ คุ้มซะอีก ถ้าพรุ่งนี้ผมจะได้ออกไปข้างนอก...



                ผมกำลังคิดว่าผมจะแอบหนีเขาไปตอนออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ดีไหม แต่มันก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอก เพราะผมไม่มีทางหนีรอดจากตระกูลเฮอร์คิวที่มีเครือข่ายกว้างไกลแบบนี้ไปได้แน่ ๆ จะว่าไปพรุ่งนี้เขาจะพาผมออกไปไหนกันครับ...



                อยากถามแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถามหรอกครับ...ไม่อยากโดนเขาดุอีกนี่









.................................................................................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^  โค้งงามๆ  :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหมวูฟ อย่าย้ำนักสิว่าไม่ได้รักกัน ถ้ารักลูดี้ขึ้นมาแล้วจะกลับลำลำบากแล้วนา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด