ตอนที่ 3
[/b]
[พาร์ตของลูดี้]
ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้วูฟ เสื้อสูทของเขาสีน้ำเงินกับเนคไทเข้าคู่กันถูกวางไว้ตรงที่วางเสื้อ ร่างสูงตื่นมาตอนประมาณ 6 โมงกว่า ผมเองก็ไล่เก็บพวกเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไปใส่ตะกร้า วูฟเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบเสร็จ เขามองหน้าผมสลับกับเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งจะรีดไว้ให้เขา...ไม่รู้ว่ามันจะถูกใจเขารึเปล่า
“นายเป็นเลือกชุดนี้งั้นเหรอ?” เขาหยิบเสื้อมาใส่ ผมพยักหน้าพร้อมกับช่วยเขาใส่เนคไท วูฟเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดูท่าทางจะมีคนคอยแต่งตัวให้เขาตลอดแบบนี้ล่ะมั้ง
“ครับผมเป็นคนเลือกให้คุณเอง เออคือว่า...วันนี้ผมต้องออกไปไหนกับคุณไหมครับ” ผมถามอย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรในวันนี้บ้าง ผมผูกเนคไทให้เขาเรียบร้อย ร่างสูงก็หันไปหยิบนาฬิกามาใส่
“อยู่บ้านไง” เขาตอบสั้น ๆ ทำให้ผมเงยหน้ามอง
“อยู่บ้านเหรอครับ?...คุณไม่มีหน้าที่ให้ผมทำเหรอ”
“ตอนนี้ยังไม่มี นายอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าว่างก็อ่านหนังสือนั่นไปสิ” เขาชี้ไปที่หนังสือ ครับ...ผมอยากอ่านก็จริง แต่ปกติผมจะไปหาทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปซื้อยาคุมฮีทและแบ่งเก็บไว้ส่วนหนึ่ง
ผมจะอ้าปากพูดอีก วูฟก็ยกมือห้ามประมาณว่าไม่อยากฟังผมแล้ว เขาขยับเนคไทเล็กน้อยเพื่อเช็คความเรียบร้อยของชุด บอกตรง ๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าของผมหล่อจริง หล่อทุกชุดที่ใส่...แค่เมื่อวานเขาใส่แค่ชุดนอนยังดูดีเลยครับ (แอบชมเขาในใจ)
เขาหันมาหาผมที่มองดูเขาเพลินไปหน่อย ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อย...แต่แค่นั้นผมก็เชื่อว่ามันหล่อจนหลายคนต้องกรี๊ด
“นายจะเดินไปในก็ได้ในคฤหาสน์ของฉัน หรืออยากจะไปเดินเล่นแถวสวนก็ได้ ฉันอนุญาต” เขาพูดและเดินนำผมออกไป ก่อนเขาจะหันกลับมาเรียกเสียงเข้มอีกครั้ง “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ฉันจะไปกินข้าว” วูฟพูดแค่นั้นทำให้ผมรีบวิ่งตามเขาออกไป ขืนไปทำเขาโกรธตั้งแต่เช้ามีหวังงานจะเข้าผมแน่ ๆ
ภายในห้องอาหารของบ้านที่วูฟกับผมอยู่มีจานอาหารถูกเตรียมไว้เรียบร้อย คนที่เตรียมก็คือป้านมนั่นเองครับ รู้สึกว่าบ้านหลังนี้จะมีเพียงวูฟเท่านั้นที่เป็นคนใหญ่ที่สุด ลูกน้องก็เป็นลูกน้องของร่างสูงโดยเฉพาะ บ่งบอกว่าเขามีฐานะเป็นทายาทที่แท้จริง ทุกอย่างถึงได้ถูกจัดเตรียมไว้ขนาดนี้
“นั่งลงสิ จะให้ฉันเชิญทุกอย่างเลยรึไง” เสียงเข้มดังขึ้นเรียกผมให้มองเขาที่นั่งหัวโต๊ะ ส่วนอีกจานของผมก็วางอยู่ทางขวามือของเขา
“ขอโทษครับ...” ผมนั่งลงตามที่เขาสั่ง สาวใช้วางชามข้าวต้มลงตรงหน้าพวกเราสองคน กลิ่นมันหอมมาก...นี่ผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะอาหารกับวูฟจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ
วูฟไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาตักข้าวต้มมาทาน ส่วนผมเองก็ตักขึ้นมาเป่า ๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก รสชาติของมันอร่อยมาก! อย่าหาว่าผมเวอร์เลยนะครับ เพราะปกติผมเองก็ไม่มีโอกาสได้กินข้าวต้มที่มีวัตถุดิบชั้นดีแบบนี้หรอก
ระหว่างที่ต่างคนต่างตักกินเงียบ ๆ แขนของผมก็หยุดตักเมื่อมือหนาเอื้อมมากุมข้อมือของผมไว้ ผมตกใจหมด...
“ทำไมต้องสะดุ้งด้วย ? ฉันน่ากลัวรึไง” วูฟเลิกคิ้วขึ้น ผมเหลือบมองชามข้าวต้มของเขาที่หมดแล้ว โห...เขากินเร็วมาก ๆ
“เปล่าครับ คือผมแค่กินข้าวเหม่อ ๆ ไปหน่อย...คุณวูฟมีอะไรเหรอครับ?” ผมมองมือหนาที่กำแขนของผมเหมือนพิจารณาสักพัก เขาปล่อยมือของผมออกก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมเลิกคิ้ว
“นายผอมเกินไป ร่างบางเกินไป วัน ๆ ได้กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ย? ป้านมผมขอข้าวต้มอีกชามหน่อย” เขาหันไปสั่ง ผมเลยส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว” แต่ผมก็ต้องหยุดพูดเมื่อเจอแววตาเข้มที่จ้องอย่างบังคับ
“กินให้หมด ป้านมดูด้วย ถ้าเขากินไม่หมด! ห้ามให้ลุกไปไหนเด็ดขาด” วูฟยกแก้วน้ำดื่มก่อนจะลุกขึ้นกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ ผมมองชามข้าวต้มอีกชามที่ส่งกลิ่นหอม ร่างสูงหยิบน้ำปลามาหยด ๆ ใส่ให้ผมนิด ๆ ผมมองการกระทำของเขางง ๆ เช่นเดียวกับป้านมและสาวใช้
“น้ำปลาใส่ได้แค่นี้ก็พอ..” ห๊ะ? เขาพูดแค่นั้น และก็มีเสียงลูกน้องของเขาที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร
“นายน้อยครับ เตรียมรถพร้อมแล้วครับ” วูฟมองหน้าผมเล็กน้อยพร้อมกับกำชับรอบสุดท้าย
“กินซะ” หลังจากที่ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว ป้านมก็ยิ้มทักทายให้ผม
“คุณลูดี้ ถ้ากินไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะคะ ป้าไม่เอาไปบอกนายน้อยหรอกค่ะ” ป้าแอบแซวลับหลัง ผมก็เลยหัวเราะออกมา ผมว่าการเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายมากเท่าไหร่ก็ได้...
“ขอบคุณนะครับ ข้าวต้มอร่อยมากเลยล่ะครับ...เออ ผมขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่าครับ”
“ได้ค่ะ” ป้าพยักหน้า
“คือว่า บ้านนี้มีแค่คุณวูฟอยู่คนเดียวเท่านั้นเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ป้าก็เข้ามาทำแค่อาหารเช้าให้เท่านั้น ส่วนตอนเย็นต้องไปกินข้าวที่บ้านใหญ่นะคะ นายน้อยน่ะ ถูกแยกออกมาจากบ้านใหญ่นั่นแหละค่ะ อย่างที่รู้กันว่า นายน้อยไม่เหมือนคนอื่น แถมเจ้าตัวเองก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า” ป้าพูดร่ายยาวให้ผมฟัง ผมก็ตั้งใจฟังและจดจำไว้
ผมทานข้าวจนอิ่มและขอไปช่วยล้างจาน ตอนแรกก็ถูกห้ามไว้นั่นแหละครับ แต่ผมยืนยันว่าจะช่วยจริง ๆ ป้านมก็เลยยอมแพ้ผม หน้าที่ล้างจานผมเองก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วก็เลยไม่มีปัญหาอะไร งานแค่นี้ถือว่าเบามากด้วยซ้ำสำหรับผม หลังจากช่วยงานพวกป้านมได้สักพัก (ผมขอช่วยจนป้าเขายอมให้ทำ) ดูเหมือนพวกเขาไม่อยากให้ผมแตะงานอะไรเลยด้วยซ้ำ ก็พอจะรู้ว่าผมอยู่ในฐานะคู่ของวูฟ แต่ก็ไม่คิดหรอกครับว่า ผมจะอยู่ในฐานะสำคัญขนาดนั้น
ผมช่วยงานป้านมอยู่ที่ครัวของคฤหาสน์ใหญ่จนถึงตอนเที่ยงกว่า ๆ ป้าเลยขอร้องให้ผมกลับห้องไปพักผ่อน เห็นป้าทำหน้าเกรงใจที่เห็นผมมาช่วย ผมก็เลยยอมกลับมาที่ห้องครับ ด้วยความที่ไม่อยากทำให้ใครลำบากใจ...
“คุณลูดี้?? ทำไมเสื้อผ้าเปียกน้ำล่ะครับ” ผมกำลังเดินอยู่ตรงทางเดินไปก็หยุดเมื่อเจอกัส ลูกน้องของร่างสูงที่เป็นหัวหน้าดูแลประวัติโอเมก้า เขาดูตกใจนิดหน่อย เสื้อของผมมันเปียกเพราะไปล้างจานมานี่แหละ
“พอดีผมไปช่วยงานแถว ๆ ฝ่ายห้องครัวมาน่ะครับ” เขาตาโตเลยครับคราวนี้
“ช่วยงานห้องครัวเหรอครับ? ผมว่าคุณรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะครับ อีกไม่ถึงชั่วโมงนายน้อยก็จะกลับมาแล้ว ถ้ารู้ว่าคุณตัวเปียกแถมไปช่วยงานที่ห้องครัวอีก ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่” เขาบอกทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้น
“คุณวูฟจะโกรธเหรอครับ”
“ครับ ไปเถอะครับ อีกอย่างคุณจะเสี่ยงไม่สบายเอาได้นะครับ” เขาพูดแค่นั้นก็โค้งตัวให้ผมและเดินจากไป ผมมองเสื้อของตัวเองที่เปียกอยู่ก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ไม่อยากมีปัญหากับวูฟเหมือนกันครับ ถ้าสิ่งไหนเลี่ยงได้ผมก็พยายามจะเลี่ยง...
พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ผมก็นั่งลงที่ฟูกนอนตรงพื้นของผมพลางคิดถึงว่าปานนี้พ่อกับแม่จะได้รับเงินรึยังนะ พวกเขาไม่คิดจะติดต่อมาหาผมบ้างรึไงนะ...ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“หนูลูดี้? แม่เองนะคะ” เสียงแม่ของวูฟดังเข้ามา ผมเลยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
“ครับ...ของอะไรเยอะแยะจังเลยครับ?” ผมมองของที่อยู่ตรงหน้า ลูกน้องของร่างสูงช่วยกันขนเข้ามาในห้อง แม่ของวูฟยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม
“ก็ของขวัญจากแม่ยังไงล่ะ เป็นพวกเสื้อผ้าค่ะ ลูดี้น่าจะใส่ได้ทุกตัว ช่วยลองให้แม่ดูหน่อยได้ไหมว่าชอบตัวไหนบ้าง” แม่ดันหลังของผมเข้ามา ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเลยล่ะครับ...ทำไมแม่ของเขาดีกับผมจัง ทั้ง ๆ ที่ผมเองเป็นแค่เพียงโอเมก้า...
“คือมันเยอะมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องรับ...รู้ไหมว่า โอเมก้า ถึงจะถูกกำหนดว่าเป็นชนชั้นที่อยู่ต่ำสุด...แต่หากเราทำให้ตัวเองมีค่า มันก็ไม่มีอะไรมาทำให้เราต่ำได้แน่นอนค่ะ แม้ใครจะมองยังไงแค่เรามองตัวเราว่าดีก็พอแล้ว” คำพูดเบา ๆ แต่มันช่างดูละมุนมาก แถมยังเป็นประโยคที่ผมเคยอ่านจากในหนังสือด้วย!
“คำคมมาจากเรื่องดวงดาวใช่ไหมครับ” ผมบอก แม่ก็ทำหน้าตื่นเต้น
“นี่ลูดี้ก็อ่านเรื่องนี้เหรอคะ? ใช่ค่ะ เรื่องดวงดาว แม่ชอบมากกกก...ดีจังเลย แม่ได้คนเมาท์เรื่องหนังสือด้วยแล้ว” ท่านทำท่าดีใจจริง ๆ จนผมเกือบจะทิ้งภาพลักษณ์ของตระกูลใหญ่ที่หยิ่ง ๆ กดขี่โอเมก้า...แต่ตระกูลเฮอร์คิวกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย
...เพราะผมกำลังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของตระกูลนี้...
ผมลองชุดนั้นชุดนี้ที่แม่ของวูฟขนเสื้อมาให้ผม บอกตรง ๆ ว่าเกรงใจท่านมาก แต่ครั้นจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าข้าง ๆ ตู้ของวูฟให้เรียบร้อย แม่ของเขาก็กลับไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ 17: 00 น.
“คุณวูฟใกล้จะกลับมารึยังนะ” ผมพึมพำพลางหันไปปัดที่นอนกว้าง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงคนพูดกันเสียงดังดูวุ่นวาย ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามา
ปัง!
“นายน้อยครับ ผมว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาล” ผมหันไปมองเขาก็ตาโต ก็มือตรงแขนเสื้อเชิ้ตยาวสีขาวที่ไม่ได้ใส่สูทของวูฟมีเลือดไหลอาบเต็มไปหมด จนเสื้อขาวกลายเป็นสีแดง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก! พวกนายจะโวยวายกันไปทำไม” ร่างสูงเอ็ดทำให้ลูกน้องพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ
“คุณวูฟ! แขนคุณไปโดนอะไรมาครับ?” ผมเดินเข้าไปหาเขาจะไปจับแขน ลูกน้องเลยพากันยกมือห้าม แต่ผมจับแขนของเขาไปแล้ว และวูฟก็ไม่ได้สะบัดแขนของผมออก เขามองหน้าผม
“ไม่มีอะไร ถอย” ใครว่าเขาไม่สะบัดออกล่ะ...มือหนาดึงมือของผมออก ผมเลยไปยืนขวางทางเขาไว้ พวกลูกน้องที่ยืนออกันอยู่ด้านหลังหน้าซีดเผือก ดูก็รู้ครับว่าวูฟอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ตอนนี้...แต่ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงถึงขั้นผลักผมกระเด็นหรอก...ใช่ไหม
“อะไรของนาย! ฉันบอกให้ถอยยังไงล่ะ!! จะไปอาบน้ำ!” ผมสะดุ้งเฮือก ยังกับเสียงคำรามของสิงโต วูฟเดินเลี่ยงชนไหล่ผมแทบเซหายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อย ผมมองตามคนเอาแต่ใจ...ชิ! คนเขาเป็นห่วงไม่รู้รึไง...เอ๊ะ แล้วผมจะไปห่วงเขาทำไมกัน
“เออ คุณลูดี้ครับ...นี่กล่องพยาบาลครับ พวกผมคิดว่านายน้อยคงไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ ๆ” ลูกน้องที่ยืนทำหน้าปริบ ๆ อยู่ก็ยื่นกล้องพยาบาลมาให้ผม ผมเดินไปรับมาถือไว้
“ถามหน่อยได้ไหมว่า นายน้อยของพวกคุณไปทำอะไรมาถึงได้เป็นแบบนั้น”
“ถูกลอบทำร้ายครับ” หนึ่งในลูกน้องของวูฟตอบก่อนจะถูกเพื่อนร่วมทีมกระทุ้งศอกใส่เหมือนกับว่าไม่ควรจะพูดออกมา...
ถูกลอบทำร้าย...
“ไอ้นี่ แกก็รู้ว่านายน้อยไม่อยากให้พูดอะไรมาก...” ลูกน้องอีกคนห้ามปรามและโค้งตัวให้ผม “ยังไงพวกเราก็ฝากคุณลูดี้ทำแผลด้วยนะครับ...ถ้าเป็นคุณน่าจะทำแผลให้นายน้อยได้ ส่วนพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
ผมมองพวกเขาที่หมุนตัวเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ผมเหลือบมองห้องน้ำที่มีเสียงน้ำไหลอยู่ งานของวูฟที่ออกไปทำก็เป็นพวกงานออกโทรทัศน์บ้าง สัมภาษณ์ตามประสาทายาทผู้นำอัลฟาบ้าง ถามว่าผมรู้ได้ยังไง แม่ของวูฟแอบบอกผมมาเมื่อกี้แหละครับ ผมกำลังเปิดกล่องยาดูก็สะดุ้งกับเสียงเหมือนคนชกกำแพงห้องน้ำ ผมเบิกตากว้างกับเสียงที่ลอดออกมา
“โถ่วเว้ย!! มันเป็นใครวะถึงกล้ามาทำตัวลอบกัดแบบนี้ โว้ย!” ปึ่ก**! ปึ่ก!**
ก๊อก ๆ!
“นี่! คุณวูฟ...คุณทำอะไรอยู่ อาบน้ำนานเกินไปแล้วนะครับ” ผมรีบเคาะประตูเรียก “คุณวูฟ อ๊ะ...” ผมตกใจกับประตูที่เปิดออกมาเลยล้มลงไปกับพื้น วูฟที่ออกมาในสภาพเปลือยกายหยดน้ำเกาะพราว ไอจากน้ำอุ่นก็ลอยออกมาเต็ม ผมที่เงยหน้าขึ้นก็จ๊ะเอ๋....
เฮือกกก.... ผมเห็นเต็มสองตา...
“เรียกทำไม จะมาอาบน้ำกับฉันรึยังไง?” เขาเลิกคิ้วถาม แต่เลือดที่หยดจากกำปั้นของเขาทำให้ผมถูกดึงความสนใจจากจุดนั้นของเขา
“คุณเลือดออก!..” ผมลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวยืนให้เขาส่ง ๆ ก็แบบว่า...มันเห็นไปแล้ว ก็ลืม ๆ มันไปก็แล้วกัน...
วูฟรับไปพันรอบเอวต่ำของเขาลวก ๆ เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง ผมก็รีบหยิบกล่องพยาบาลมาทันที
“ใช่ก็เลือด ทำไม? ไม่เคยเห็นรึไงล่ะ” เขาตอบเรียบ แต่ผมกลับร้อนรน ก็เห็นคนที่เจ็บอยู่ตรงหน้าจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันล่ะ ดูสิ...ไปชกกำแพงทำไมเล่า
ผมนั่งคุกเข่าลงลงตรงหน้าเขา...เออ ผมว่าท่านี้มันแปลก ๆ วูฟเหลือบมองผมก่อนเขาจะดึงแขนของผมขึ้นมานั่งบนเตียงกับเขา แค่มือเดียวของเขาก็ทำให้ผมลอยไปอยู่บนเตียงได้เลย
“นายตัวเบากว่าที่คิดนะ หัดกินให้มันเยอะ ๆ ซะบ้าง...” เขาบอกแค่นั้นและล้มตัวนอนลงและยื่นมือให้ผม
“จะทำแผลไหม? ถ้าไม่ทำฉันจะไปใส่เสื้อผ้า!” เสียงเข้มทำให้ผมรีบพยักหน้ารับ จริง ๆ เขาไปใส่เสื้อก่อนก็ได้นะครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนเขาตวาดเอาอีก...
“ทำครับ ทำ...” ผมจับมือของเขามาวางที่ตักของตัวเองแล้วค่อย ๆ ทำแผลให้ ตรงแขนของเขาเองก็มีรอยกระจกบาดเป็นทางเลยครับ ลูกน้องบอกว่าเขาโดนลอบทำร้ายมานี่นา น่ากลัวจัง...
“อึก..” เขาร้องออกมานิดหน่อยตอนผมเทแอลกอฮอล์ใส่แผลเขา “อ๊าก! เฮ้...นี่กะจะแกล้งฉันรึไงฮะ!!” ผมสะดุ้งเมื่อเผลอราดไปเยอะมาก ผมรีบเช็ด (ราดไปเกือบครึ่งขวด)
“ขะ..ขอโทษ”
“เฮ้อ เหม่ออะไรของนายลูดี้ เป็นหมอไม่ได้นะเนี่ย...” เขาว่าแต่ใบหน้าของร่างสูงออกแนวแสบจริง ๆ ผมพยายามโฟกัสแค่แผลตรงหน้าไม่ได้สนใจ...ซิกแพคตรงหน้า ผมว่าผมใจกล้ามากที่มานั่งอยู่กับคนที่เป็นอัลฟาสองต่อสองในห้อง...ปกติโอเมก้าอย่างผมค่อนข้างจะระวังตัวเองมาก แม้จะทำงานปะปนกันไป แต่การอยู่ในระยะใกล้แบบนี้กับคนที่เป็นอัลฟา ผมไม่เคยทำสักที...อย่างที่ทราบกันดีว่าฟีโรโมนของโอเมก้ามีผลต่อความรู้สึกของอัลฟา สำหรับวูฟเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาควบคุมมันได้ยังไงล่ะครับ ผมก็เลยไม่กังวล อีกอย่างเขาไม่ได้สนใจผมด้วย...
“ทำหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรฉัน?” เขาถามราวกับอ่านความคิดของผมออก ผ้าก็อตในมือของผมถูกพันเบา ๆ ใส่มือของวูฟที่เลือดออกพร้อมกับคำถามที่ผมเอ่ยขึ้น
“ทำไมคุณถึงเลือกผมมาเป็น...คู่ของคุณ” สายตาคมกริบจ้องมาที่ผม “ถ้าคุณไม่อยากตอบ...”
“เพราะนายบังเอิญอยู่ใกล้มือฉันไง” หา...อะไรนะครับ
“..........”
“แถมนายยังโกหกฉันด้วย ไหนบอกว่านายไม่เคยทำงานที่บาร์กลางคืน” ผมมองเขาที่จ้องผมอยู่เช่นเดียวกัน เขาจะฝังใจเรื่องนี้อีกนานไหม...
“ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมไม่เคยทำงานที่บาร์ ผมยืนยันได้”
“แล้วนายจะมาที่นี่เพื่อให้อัลฟาซื้อตัวทำไม!” เขาลุกขึ้นแล้วกระชากผมเข้าไปใกล้เขา ผมหน้าร้อนวูบเมื่อใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ผม เอะอะอะไรก็โวยวายตลอด
“ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมจะเอาเงินไปให้ครอบครัว ผมไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่! ทำไมคุณไม่เชื่อผมบ้าง” ผมพูดออกไปตามความจริงทุกอย่าง
“
เชื่อ? ทำไมฉันต้องเชื่อ...” จึก...คำพูดที่ไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจของเขา แต่ทำไมแค่คำเล็ก ๆ จากเขาทำให้ผมรู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ นั่นสิครับ...ผมจะไปขอให้เขามาเชื่อผมทำไม วูฟปล่อยแขนของผมออกและเขาก็ลุกไปแต่งตัว
เราไม่ได้พูดกันอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งมาอยู่ที่โต๊ะอาหารที่บ้านใหญ่ พ่อกับแม่ของวูฟก็อยู่ด้วย...บรรยากาศอึมครึมจากตัวของผม หรือไม่ก็จากตัวของวูฟทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งตรงหน้าพวกผมสองคนพอจะรับรู้ได้ แม้ไม่ได้พูด
“เป็นยังไงบ้างลูดี้ อยู่ที่นี่มีอะไรขาดเหลือไหม ถ้าขาดอะไรก็บอกคนจัดการดูแลหามาให้ได้” พ่อของวูฟเปิดประเด็น ร่างสูงที่นั่งข้างผมก็ยกแก้วน้ำดื่มเงียบ ๆ “ส่วนแก วูฟ...เรื่องที่กระจกแตกใส่แก หมายความว่ายังไงที่ลูกน้องรายงานฉันว่า แกพยายามจะหนีลูกน้องที่คุ้มกันแก...แกก็รู้ว่าแกสำคัญกับตระกูลมากแค่ไหน!” ผมเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มอึมครึมมากกว่าเดิมอีก...
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ พวกลอบกัดก็ทำได้แค่ลอบกัดนั่นแหละ” วูฟตอบราบเรียบแบบไม่ยินดียินร้าย
“เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้!”
“คุณคะ ใจเย็น ๆ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูดี้สิ...” แม่ของวูฟห้ามปราม พ่อของร่างสูงก็เลยเบาเสียงลงจริง ๆ ผมที่นั่งอยู่อย่างเจียมตัวก็ตักอาหารในจานทานเงียบ ๆ ไก่อบชิ้นนุ่มถูกวางลงบนจานผม ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลหรอกครับ วูฟ...
เขาตักมาให้ผม...
“มัวแต่เขี่ยข้าวเล่นอยู่นั่นแหละ กินเข้าไป เอ้า ไก่อบ...” ผมไม่ได้เขี่ยข้าวเล่นซะหน่อย เขามั่ว...
“ยัง ๆ ยังไม่กินอีก” เขาตักไก่มาอีกสองสามชิ้นจนพูนเต็มจานของผม พ่อกับแม่ของวูฟมองพวกเราสองคนสักพักก่อนจะพูดขึ้น
“ดีใจจังที่เห็นลูกสองคนเข้ากันได้ดี...” แม่ของวูฟว่า แต่ร่างสูงก็ขัดขึ้นทันที
“เปล่าครับ ไม่ได้เข้ากันได้ดี...แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร” ผมควรจะดีใจไหม ที่เขาบอกว่าไม่ได้รังเกียจ...
“วูฟอย่าพูดจาแบบนั้นสิ ลูดี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปนะจ๊ะ...” ผมพยักหน้าเล็กน้อยและกินไก่อบที่ร่างสูงตักมาให้ ส่วนวูฟก็ทำหน้าเฉย ๆ กินข้าวของเขาไป ก่อนผมจะเกือบสำลักอาหารเมื่อพ่อของวูฟพูดขึ้น
“แกควรจะคิดถึงเรื่อง
การมีทายาทได้แล้วนะวูฟ ลูดี้ก็เหมือนกัน...” พ่อของเขาพูดน้ำเสียงอ่อนลงกับผม
“แค่ก ๆ..” เสียงไอนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของร่างสูง “พ่อว่าอะไรนะครับ ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย? ผมไม่มีทางจะมีทายาท!” เขาปฏิเสธชัดเจนทุกถ้อยคำ ผมที่ตักไก่มาเคี้ยวตุ้ย ๆ ก็ชะงัก
“แกจะเลี่ยงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฉันรู้ว่าแกไม่อยากรับตำแหน่ง แต่เพื่อความอยู่รอดของตระกูลเก่าแก่ของเรา แกต้องทำ!! แกเกิดมามีความพิเศษในตัวแล้ว อย่าทำให้ฉันกับแม่ของแกต้องปวดหัวมากได้ไหม!”
“ผมไม่ทำ!” “แกต้องทำ!!” พ่อของวูฟก็พูดต่อไม่ยอมแพ้ ...ผมพอจะทราบแล้วว่านิสัยของร่างสูงได้มาจากใคร สงครามระหว่างพ่อกับลูกเริ่มต้นขึ้น พวกเขาเถียงข้ามหัวผมกับแม่ของวูฟไปมา จนแม่ของวูฟต้องเบรก
“พอได้แล้ว! ทั้งสองคนเลย! วูฟนั่งลง คุณด้วย!” เสียงของแม่สยบทุกสิ่ง “มาเถียงกันเป็นเด็กไปได้ ดูสิ ลูดี้เขาตกใจหมดแล้วเห็นไหม” ทุกสายตามองมาที่ผมที่พยายามเคี้ยวไก่เหนียว ๆ อยู่
เคยอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไหมครับ...ไก่อบกำลังจะติดคอของผมแล้ว ผมพยายามกินช้า ๆและเอาน้ำมาดื่มตาม วูฟหยิบแก้วน้ำอีกแก้วของเขามาให้ผมกินอีกแทน เมื่อเห็นว่าน้ำในมือของผมหมด
“ขอบคุณครับ...” ผมรับมาดื่ม จนเกือบจะสำลักอีกรอบกับประโยคปิดท้ายแกมบังคับจากพ่อของวูฟ
“ไม่ว่าแกจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ลูดี้ก็คือคนที่แกเลือก วูฟ...แกต้องทำยังไงก็ได้ให้มีทายาทให้เร็วที่สุด รู้ไหมว่ากลุ่มต่อต้านอำนาจที่พยายามจะล้มตระกูลของเรามันมีมากขนาดไหน ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ แกก็รู้ว่าตัวของแกมีหน้าที่ ฉันฝากไว้ให้คิดแค่นี้แหละ...” พอพ่อของเขาพูดจบ ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินหนีออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ตามเขาไปสิจ๊ะ...” แม่ของวูฟยิ้ม ผมเลยโค้งตัวให้อย่างมีมารยาทแล้ววิ่งตามร่างสูงที่เดินลิ่ว ๆ กลับบ้านของเขา
“คุณวูฟเดี๋ยวครับ รอด้วย แฮ่ก...” ผมวิ่งมาหอบ ๆ เหนื่อยแฮะ วิ่งแค่นี้เอง วูฟหันมามองนิด ๆ ด้วยหางตา...ย้ำว่าหางตา
“วิ่งตามฉันออกมาทำไมกัน กินอิ่มแล้วรึไง...หรือถูกใช้ให้มากล่อมอะไรฉันอีกล่ะ?” เขาพูดแกมประชด กำลังเริ่มสงสัยว่าวูฟมีปมอะไรในใจรึเปล่า...ทำไมเขาดูมีอคติชะมัด ก็แหงแหละครับ...เขากล้าพูดว่าไม่เชื่อรักแท้ หัวใจมีปัญหารึยังไง อยากจะถาม!...
“เปล่าครับ ผมไม่ได้มากล่อมอะไร ก็แค่จะเดินกลับไปพร้อมคุณ...” ผมเห็นเขาชะงักไปด้วยล่ะ
“
เดินกลับไปพร้อมฉัน...?” เขาพึมพำ วูฟหมุนตัวหันหลังแล้วเดินต่อ ผมเลยไม่ได้เดินตามเพราะกลัวว่าเขาอาจจะไม่ชอบให้ผมเดินตามก็ได้ จะว่าไปทำไมผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงไม่รู้...จริงสิครับ ยาคุมฮีทของผมหมดแล้วนี่นา พรุ่งนี้คงต้องไปขอให้คนที่ดูแลเรื่องโอเมก้าหายามาให้สักชุดแล้วล่ะ ระหว่างที่ผมคิดเสียงเข้มก็ดังอยู่ไม่ไกลมาก
ก็แหงล่ะครับ เขายืนอยู่ไม่ห่างจากผม...อ้าว รึว่าเขาไปแล้ว วูฟที่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าผม และพูดประโยคที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม
“ชักช้า ตกลงจะยืนอยู่ตรงนี้ใช่ไหม? จะไม่กลับห้องใช่ไหม?” เขายืนหยุดรอผมงั้นเหรอ...วูฟหมุนตัวเดินนำผมไปจนผมต้องวิ่งตามเขาอีกรอบ พ่อคนขายาวจะเดินเร็วไปไหนเนี่ย!
“รอผมด้วยสิครับ คุณวูฟ”
“หัดก้าวขาให้มันยาว ๆ บ้างสิ จะได้เดินตามทัน” ปากของเขาพูดอย่างนั้นแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาเดินช้าลงจนผมเดินตามทัน...เอ๊ะ หรือจริง ๆ แล้วผมเดินเร็วขึ้น...
...
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^