22
ยินดีต้อนรับกลับเข้าสู่อกน้องอู้คนเดิมครับ ในที่สุดก็ผ่านพ้นช่วงปิดเทอมๆสั้นสองอาทิตย์กว่าๆไปแล้วอย่างรวดเร็ว เร็วขนาดที่เรียนต่อมาอีกหลายอาทิตย์ก็ยังรู้สึกว่าทำไมกูไม่ได้ปิดนานกว่านี้วะ เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าตอนแอบตดในลิฟต์ ก็เรียกได้ว่าเป็นสองอาทิตย์ปิดเทอมสั้นๆที่ชีวิตผมแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากวงจรชีวิตเด็กหอกับการใช้เวลาเดทโง่ๆกับพี่หมอ เดทโง่ๆก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ซ้อนจักรยานรอบมอ ไปแวะให้อาหารปลา วิ่งเล่นตรงวงเวียนมหาลัย กินนู่นกินนี่แล้วก็กลับมานอนกลิ้งบนเตียง แถมนี่เปิดเทอมมาหลายอาทิตย์กิจวัตรประจำวันก็ยังเหมือนเดิมแทบไม่เปลี่ยนไปเลย
ว่าแต่ถึงพูดเดทแล้วก็เขินๆอ้ะ จะเรียกว่าแฟนก็เขินอีกนั่นแหล่ะ
แต่ก็...เอ่อ เออ ก็ ก็แฟนแหล่ะครับ ประมาณนั้นแหล่ะ แต่ก็เรียกย่อๆได้ใหม่ว่าแค่คนที่นอนเตียงเดียวกันแบบไม่มีหมอนข้างกั้นก็ได้จะได้ไม่เขินมาก
“ไอ้อู้ มึงหน้าแดงทำไมเนี่ย”
“กูกินแตงกวาเยอะ”
“มีผัวแล้วโง่ขึ้นหรอ มึงคนนะไม่ใช่กัปปะ” โอ้โห นี่หรือคือคำพูดของนิสิตหญิงคณะวิศวะ ผมได้แต่มองจ๊ะจ๋าผู้เป็นเฮดภาคด้วยสายตาอนาถใจ การตัดหน้าม้าซีทรูให้ดูเกาหลีไม่ได้ช่วยมึงให้ดูเป็นผู้หญิงขึ้นเล้ยยย
“ไม่ใช่ผัวโว้ยยยยย”
“จะบอกว่าตัวเองเป็นผัวพี่เขางั้นสิ”
“ใช่!!”
ได้รับหน้าเหม็นเบื่อจากเพื่อนรอบโต๊ะจำนวน 10ea
อะไรวะ! ทำไม! ทำไมผมจะเป็นผัวบ้างไม่ได้วะ
“ตัวมึงเท่าแขนพี่หมอข้างเดียว ไอ้ห่า เอาแรงที่ไหนไปกดพี่เขาวะ กูหล่ะหมดอารมณ์ ไปดีกว่า เหม็นคนโง่ ฝากส่งงานอาจารย์พนมด้วย” เห้ย มึงก็เวอร์ไป แขนคนหรือเสาอาคารเรียน
ไม่รู้ไม่ชี้ครับ เข้าประเด็นนี้ปุ๊ปผมต้องเริ่มเฝดตัวเองออกเงียบๆทำตัวให้เนียนไปกับเก้าอี้ เรื่องบนเตียงนี่เพื่อนก็สงสัยกันเกือบทุกคนแหล่ะครับ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สงสัยโพสิชั่นหรอกเพราะออกจะชัดเจนชัดแจ้งจะตายไป แบบที่ผมไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่ายอมเป็นรับ
ไอ้พี่หมอก็ยังคงหื่นกามเหมือนเดิมทุกวัน แต่พี่มันอารมณ์แหย่เล่นครับ เปิดโอกาสคลุกกันบนเตียงแบบบรรยากาศพาไปทีไรพี่มันก็ไม่ได้อะไรเกินเลยซักรอบ มักจะเริ่มที่จูบแล้วก็หยุดที่จูบอยู่แบบนั้น อยากจะด่าพี่มันว่ากระจอกแต่ลืมไปว่าก็ดีแล้วนี่หว่า
“กูไม่ได้อยากเสือกเลยนะไอ้อู้”
“กูเชื่อมากมั้ง” ยังมีหน้ามาพูด คำว่าขี้เสือกนี่เด่นกว่าหน้ามึงอีก
“คือไอ้พีอ่ะสงสัยแล้วมันฝากกูมาถาม”
“ไรไอ้เหี้ยเติ้ล ตลกแล้วมึง” โดนไอ้พีฟาดไปป้าปนึงถึงกัร้องเอ๋งหดคอกลับไปทันที ข้อหาขี้เสือกไม่ลงทุน
“งุ้ยยยย มันก็จะเขินๆหน่อยอ่ะ แบบก็อยากจะรู้อ้ะ นี่สะบั้มดุ้งกันไปยังงง” มาอีกแล้วไอ้คำนี้ ผมยกตีนขึ้นยันไอ้เติ้ลทันที่พูดจบแต่เหมือนมันรู้ครับเลยรีบกระโดดลุกขึ้นยืนเลย
“ไอ้พวกเหี้ย!!”
“ยังแน่เลยแบบนี้ ไอ้อู้ มึงแน่ใจนะพี่หมอไม่ได้ตายด้านอ่ะ” ตายด้านห่าอะไรมาแทะเล็มกูอยู่ทุกวินาทีที่ที่อยู่ด้วยกัน แถมตื่นเช้ามายังเคารพธงชาติเกือบทุกวันไม่มีขาดอีกต่างหาก ตื่นมาเห็นแล้วก็เขิน เลยต้องเอาตุ๊กตาหมีไปวางปิดไว้ให้
โว้ยยยยยยยยยย มันก็เขินกันบ้างสิครับ!!
พี่หมอแม่งชอบนอนโชว์มะเขือม่วงอยู่นั่นแหล่ะ ตื่นมาเห็นโด่เด่แทนที่จะอายเสือกมาสะกิดให้ดูแทน พอเห็นผมหน้าแดงโวยวายพี่มันก็จะหัวเราะสะใจ
“ไอ้สัด แล้วมันใช่เรื่องของพวกมึงไหมเนี่ย”
“ใช่สิวะไอ้อู้ มึงไม่เคยได้ยินคำว่าเรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของเราหรอ!!”
“ไม่เคย!!”
“งุ้ยยย อยากรู้อ่ะ บอกหน่อยยยยย ก็อยากรู้อ่ะ มึงก็รู้ว่ากูขี้เสือกอ่ะอู้ บอกหน่อยยยยยย” พอวิธีหน้าด้านไม่ได้ผลก็มาทำเป็นอ้อนกูทันทีเชียวไอ้หน้าโจร ผมยกตีนยันไอ้เติ้ลไปห่างๆทันที
“ไอ้เติ้ล มึงนี่ไม่มีศิลปะในการเสือกเลย”
“ไหนยังไงครับจารย์’พี โชว์ของจริงหน่อย”
“อู้ พี่หมอเอียงซ้ายหรือเอียงขวา”
“ไอ้เหี้ยพี!!”
“อ้าวไม่เวิร์คแฮะ ไหนเพื่อนปันมึงลอง”
“มึงจูบกับพี่หมอยังอ่ะ”
แค่พูดถึงจูบ ผมก็พาลคิดไปถึงการคลุกคลีบนเตียงเมื่อวานเลย เกือบจะติดเรทเข้าให้แล้ว พี่มันบี้เล่นเป็นปีโป้อยู่จนหัวติดขอบเตียง เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่แค่เผลอแค่วิเดียวเป็นต้องรีบวิ่งมางับปากให้ได้ สถานที่ก็แสนจะเสี่ยงบนเตียงนุ่มนิ่มเหมือนเป็นใจให้เลยเถิด ดีนะที่พี่หมอมันหยุดไว้ทัน
มะ มะ ไม่งั้นคง...
“เอ้า!! หน้าแดงว่ะ!! จูบไปแล้วสินะแบบนี้” ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองทันที แดงหรอวะ แดงหรอ นี่กูทำตัวมีพิรุธไปอีกแล้วหรอ!!
“กูไม่ได้หน้าแดง กูแค่...”
“แดกแตงกวาเยอะ? ”
“เออๆ กูแดกแตงกวาเยอะ!! ”
“ถามจริงไอ้อู้ ที่มึงไม่ยอมพี่มันเนี่ยเพราะมึงกลัวหรอวะ” ไอ้พีท้าวคางถามผมจากอีกมุมโต๊ะม้าหินอ่อน
“ไอ้สัด กูไม่ได้กลัว!! “
“มึงไม่กลัวแต่กูกลัวแทนว่ะ ได้ข่าวว่าเจ็บมากนะมึง เหมือนเอาท่อนซุงยัดรูเข็ม”
“มึงเป็นเข็มหรอเติ้ลถึงรู้ว่าเข็มมันเจ็บ”
“ไม่อ่ะ แต่ชาติที่แล้วเพื่อนกูเป็น เพื่อนกูบอกมา” เพื่อนมึงชื่อแป๊ะรึเปล่าอะไรมั่วๆแบบนี้ วุ้ย ผมได้แต่ปิดหูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เจอไอ้แครอทยัดจมูกกูว่าเจ็บแล้ว นี่เสือกต้นซุงยัดรูเข็ม ความพยายามมึงอยู่ที่ไหนความพยายามมึงก็อยู่ที่นั่นจริงๆ
“กูว่าพี่หมอรอมึงพร้อมแน่ๆเลยว่ะ สุภาพบุรุษมาก”
“สุภาพบุรุษก็แย่...” อยากให้แพนกล้องไปกล้องสองที่มาไล่งับปากกูทุกๆสองวิ ไม่จูบก็มานั่งใกล้ๆเอามือมาจับนู่นจับนี่ ตอนนอนก็แอบมาเบียด ชอบทำตัวเป็นเสี่ยลามกไล่ดมคอชาวบ้าน
พี่หมอเป็นมนุษย์สองกล้องครับ กล้องแรกคือตัวตนเวลาอยู่แบบสาธารณะอย่างมากก็แค่อ้อนๆครับ เอาคางวาง กอดคอแบบที่ทำปกติ แต่จะไม่ค่อยถึงตัวมาก ยิ่งเวลาอยู่กับเพื่อน พี่หมอจะแทบไม่แตะตัวผมเลย ตัดมากล้องสองคือตอนอยู่ด้วยกันสองคนนี่จะเป็นบทเสี่ยหื่นกาม ทำตัวเป็นเสี่ยขาดความอบอุ่น แตะนิดแตะหน่อยพี่แกเอาหมด พอด่าให้หน่อยก็มาทำน้อยใจนั่งหน้าเศร้าอยู่ขอบเตียง
“เป็นกูนะมึง กูจะจับมัดหัวมัดหางปล้ำไปแล้ว”
“มัดหางเหี้ยไร กูคนนะไม่ใช่แมวเปอร์เซีย”
“กูอาจจะหมายถึงเหี้ยก็ได้ป่ะ”
“เหี้ยไม่มีหูเติ้ล อย่าพูดเยอะ เดี๋ยวคนรู้ว่ามึงโง่”
“บ๊ะ! พีเพื่อนรัก ดีมากที่เตือนกู คนจะได้ไม่เข้าใจว่ากูโง่” เหม็นกลิ่นสาปคนโง่จริงๆ อยากจะเตะตกคลอง
“เออมึงได้เสื้อค่ายวาดกราฟกันยังวะ เห็นแก้วใสบอกในไลน์กลุ่มอยู่ว่าให้ไปเอาเสื้อ” ไอ้ปันเงยหน้าจากมือถือขึ้นมาอยู่ในบทสนทนาบ้างแล้วครับ
“กูไม่ค่อยชอบลายเสื้อปีนี้เลยว่ะ” ไอ้พีบ่นครับ เพราะลายเสื้อปีนี้มีสะกดคำว่าengineerผิดมีแต่คนหงุดหงิดกัน ผมกำลังจะเสริมเห็นด้วย แต่ปรากฏไอ้ปันรีบพูดแทรกขึ้นมาเสียงดังเสียก่อน
“มึงไม่ชอบเสื้อหรอวะพี!!”
….เอาแล้วครับเพื่อนปัน ไอ้ที่ก้มหน้านี่มึงคงไม่ใช่คุยไลน์อย่างเดียวแน่ๆ มึงเปิดเพจมุกโง่ๆปกเป็นรูปแมวน้ำสีชมพูไว้ใช่ไหมแบบนี้
“อะ เออๆ กูไม่ชอบเสื้อ”
“แต่ชอบสิ้งโต”
เหน่อสุพรรณเพื่อเสียง...
กริบทั้งโต๊ะ กริบแบบที่หมานอนอยู่ข้างๆยังถอนหายใจแล้วไปนอนที่อื่น เพื่อมุกมึงลงทุนพูดเหน่อเลยหรอวะเพื่อนปัน ทุ่มทุนขนาดนี้แล้วยังไม่ขำเลยอ่ะ ทำไงดีวะ
“อะไรวะ ไม่ตลกหรอ”
“อีกนิดนึงนะปันนะ อีกนิดนึง” ไอ้เติ้ลได้แต่ตบบ่าไอ้ปันอย่างเวทนา
“เสื้อกับสิ้งโตเลยนะ”
“จ้ะๆ เสื้อกับสิ้งโต เอาใหม่เนาะ มุกต่อไปเอาแบบสัตว์อะไรเอ่ยเหยียดอาหารอีสาน”
“อะไรวะ?”
“ยี๊ลาบ!! ”
“นั่นยีราฟ!!”
“พ่าม!!”
ให้มันได้แบบนี้ ตลกมืออาชีพที่แท้จริง ไอ้พีกับไอ้เติ้ลขำมุกตัวเองตบโต๊ะป้าปๆ ขณะที่ไอ้ปันยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนไม่ขำมุกเสื้อสิ้งโตของมัน ผมได้แต่ไหลตัวไปตามกับโต๊ะ คิดแต่เรื่องที่ไอ้พี่หมอมันสุภาพบุรุษวนอยู่ในหัว บางครั้งมันเกินเลยไปขนาดที่ควรจะเสียตัวไปได้แล้วพี่หมอก็ยังหยุดให้ก่อนจะเล่นมุกอะไรไปเนียนๆแล้วจบที่หนีไปเข้าห้องน้ำ
พี่มันก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย...
“แล้วตกลงค่ายรับน้องภาคเรามันมีวันไหนวะ กูยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าเลยนะเนี่ย” เนื่องจากวิศวะมหาลัยเรามีหลายภาคครับ ภาคเครื่องกล ภาคโลจิสติกส์ ภาคอุตสาหการ ภาคคอม ภาคโยธา ภาคชีวะการแพทย์ ภาคเคมี ภาคไฟฟ้า แต่ละภาคก็จะจัดรับน้องของตัวเอง รับน้องใหญ่ของภาคที่จัดร่วมกันก็คือกิจกรรมไอ้กีฬาสีสลัมมูนที่ผ่านไปแล้วนั่นแหล่ะครับ รับน้องภาคส่วนใหญ่ก็จะจัดที่ทะเล ไม่มีว้ากโหดร้ายอะไรทั้งนั้นครับมหาลัยผมพอว้ากจบไปตอนนั้นก็เข้าสู่รูปแบบพี่น้องเมาหัวราน้ำที่แท้จริง ไม่เมาไม่เลิก
“อาทิตย์หน้ามั้งรู้สึก ที่ไหนวะ”
“นั่นระยอง!!”
“กูยังไม่ได้ชง!!”
“แฮ่!!”
เห้อ เบื่อจะสนใจ นั่งชิวจนกาแฟปั่นในแก้วไอ้พีหมดก็แยกย้ายกันขึ้นหอเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นบอลครับตามภาษาเด็กหอในที่ไม่มีอะไรทำ อ่านหนังสือนี่ลืมไปได้เลยแค่เรียนปกติในห้องก็เครียดจะตายแล้ว ไว้ใกล้สอบซักสามอาทิตย์ตอนนั้นนั่นแหล่ะครับ นรกที่แท้จริง เตะกันจนมืดค่ำก็เปลี่ยนสถานีไปเป็นตลาดนัดเล็กๆให้มหาลัยใต้อาคารพลาซ่า เปรียบง่ายๆก็เป็นตึกขายของกินนั่นแหล่ะครับ เล่นบอลกันให้สุดแล้วมาหยุดที่ไก่ย่าง ช่วงที่กำลังเดินมองขนมก็แอบเห็นหลังชุดบอลคุ้นๆครับสีส้มสะท้อนแสงใส่แล้วคิดว่าเป็นกรวยจราจร สีแบบไม่น่าจะขายออกได้แท้ๆแต่ก็ยังไม่โดนใจนายแพทย์ให้ซื้อมาใส่ได้ ตัวใหญ่เป็นหมี หัวโด่มาคนเดียวท่ามกลางคนต่อคิว โอกาสมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็รีบวิ่งไปเอาเข่าเจาะยางทันที
ชะแว้บบบบบ!!
เข่าพิฆาตเข้าให้!!
“เชี่ย!! ไอ้อู้!! ” หว่ายๆๆ ตกใจหน้าเป็นหมีตื่นผึ้งเลยยย
“กินไรอ่ะ” พี่มันไม่ตอบแต่ยัดขนมโตเกียวเข้าปากผม ดีครับของฟรี ใส้ครีมซะด้วย
“เลิกเล่นกี่โมง กูไปหาที่สนามไม่เห็นแล้ว”
“ซักพักแล้ว ไปวิ่งต่อมาด้วย เอาอีก” ผมอ้าปากรออีกชิ้น พี่หมอมันก็คุ้ยถุงกระดาษหยิบมาป้อนไม่ลืมเลยเอามือหยิกแก้มผมไปด้วย แอบเช็ดมือป่ะเนี่ย พี่หมอมันยกถุงขนมขึ้นมาดูก่อนจะหันไปสั่งเพิ่มอีกสงสัยจะไม่พอกิน
“เดินกลับหอกัน” ผมพยักหน้า ไม่ลืมไลน์บอกเดอะแก็งที่ตอนนี้กระจายตัวกันอยู่ตามร้านไก่ร้านยำมาม่าว่าจะแยกกลับ ก็ได้รับการด่ามาหลายบรรทัดแต่ไม่สนใจครับ ช่วงนี้อากาศกำลังดีเลยครับ
หมายถึงสุกกำลังดี พระอาทิตย์ร่วงฟ้าไปนานแล้วแต่ไอร้อนยังคงกระทบให้รักแร้เปียกเป็นดวง ลมพัดหน้าเย็นๆ แต่พอเหงื่อแห้งชักจะคันหน้าหน่อยๆ พี่หมอนี่เหงื่อเยอะจนเสื้อเปียกแนบไปกับตัวเห็นสัดส่วนกล้ามและลอนหน้าท้องชัดเจน ชัดจนหมันไส้!! อย่าให้มีบ้างนะโว้ย!!
“พี่หมอเอาอีก”
“ให้เอาได้หรอ”
“อย่าจังไร เอาขนมมา” พี่มันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วก็ป้อนผมอยู่ดี บอกแล้วครับไอ้พี่หมอเนี่ยมันหาโอกาสหื่นได้ทุกเวลา ถัดจากขนมโตเกียวก็เป็นวุ้นสีแดงครับ พี่มันก็ขยันซื้อของหวานเหลือเกิน กินมาจนถึงห้อง ก็รูทีนเดิมๆ เอาของวางที่โต๊ะเตรียมตัวอาบน้ำครับ
“ผมอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวอ่ะ”
“อื้อ” พี่หมอพูดจบก็ถอดเสื้อปาไปแถวๆเตียง ปกติครับ พี่หมอชอบถอดเสื้อเดินไปมาอยู่แล้ว โชว์ซิกส์แพคที่นับวันจะยิ่งชัดขึ้น ย้อนกลับมาดูพุงตัวเองนี่ได้แต่ตีแปะๆให้เกิดรอยแดง ยังดีที่ไอ้ปันพุงยังใหญ่กว่าผมเลยไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองอ้วนเท่าไหร่ ผมถอดเสื้อบอลออกแล้วปาไปที่เดียวกับพี่มัน ผมกับพี่หมอซักผ้าพร้อมกันครับ เพราะเสื้อคนละไซส์อยู่แล้วเลยแยกเสื้อผ้าง่าย
“ทำไมหลังแดงอู้ ถอดเสื้อเล่นบอลหรอ”
“อื้อ ไอ้เติ้ลแม่งตัดขา แดงมากเลยหรอ” คิดแล้วแค้นครับ ไอ้เติ้ลนี่แม่งเตะบอลแต่เล็งขาชาวบ้าน เน้นเจ็บตัวไม่เน้นชนะที่แท้จริง
“มานั่งนี่ดิ๊”
“ไม่ไป” ดูหน้าแล้วลามกชอบกล ไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้ พี่หมอทำหน้าเซ็งทันทีที่ผมรู้ทันมัน แต่พี่มันก็ยังคงตีตักตัวเองป้าปๆ ทำหน้าทำตางอแงขัดกับซิกส์แพคเท่ๆของพี่มันเหลือเกิน
“มาหน่อยยยยยย”
“ไปเอา ผมจะอาบน้ำ”
“มานั่งหน่อยดิ แป๊ปเดียวเอง ไม่ทำอะไรหรอกสัญญา” เชื่อตายห่า เคยไม่ทำอะไรด้วยหรอเดี๋ยวก็เนียนงับมาไม่หยุดอีกนั่นแหล่ะ ยังครับ ยังไม่หยุดส่งสายตาอ้อนมาอีก ตัวใหญ่เป็นหมีจริตเป็นลูกหมา
“ไม่นั่งตัก”
“เห้ย จะแล้วนั่งตรงไหน” ทำเป็นยกมือขึ้นปิดหัวนมอย่างเหนียมงาย โคตรจะลามกเลยเห็นไหมครับ
“พี่แม่งลามกชิบหาย พอเลย”
“อู้...”
(ต่อด้านล่าง)