Special -1 ติดเป็นพิเศษ
สัปดาห์แห่งการสอบมิดเทอมเพิ่งจะผ่านไป
แต่หน้าที่ของการเป็นนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ยังไม่สิ้นสุด กำหนดการที่ต้องส่งงานที่กองเป็นตั้งๆในห้องเขาคือหลังจากสอบมิดเทอมเสร็จ
อาจารย์ไม่เคยคิดปรานีนักศึกษามหาวิทยาลัยตัวเล็กๆตาดำๆเลยแม้แต่น้อย
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ วันเวลา ณ ตอนนี้ คือกลางเดือนมิถุนายน
และสิ่งที่ตามมากับเดือนมิถุนายนก็คือหน้าฝน
หน้าฝนก็ยังเป็นหน้าฝนเหมือนอย่างทุกที ทั้งเปียกแฉะ อับชื้น จะออกเดินทางไปไหนก็ลำบาก
โชคดีที่ครั้งนี้เขาค่อนข้างเตรียมพร้อม ทั้งของสดและอาการสำเร็จรูปชนิดต่างๆอัดแน่นเต็มห้องเล็กๆ
ในความโชคดีก็ยังมีความโชคร้ายตามมาเสมอ หลังจากที่เมื่อคืนเช็คพยากรณ์อากาศไว้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีฝนตก ถึงได้ตื่นเช้ามาหอบเสื้อกองโตลงมาซักใต้หอ กะไว้ว่าถ้าซักเสร็จเมื่อไหร่คงทันแดดตอนบ่ายพอดี
ใครจะไปคิดกันว่าพยากรณ์อากาศจะหักหลังกันได้ลงคอ
ฝนเม็ดใหญ่พากันกระหน่ำเทลงมาหลังจากที่เทเสื้อผ้ามีสีลงไปในเครื่องได้สักพัก
ต่อไปนี้คงเชื่ออะไรใครได้ยากแล้ว แม้แต่พยากรณ์อากาศก็เชื่อไม่ได้
บ่นไปก็เท่านั้น ฝนลงห่าใหญ่แบบนี้คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆแน่ คิดแล้วก็ปลงจึงเดินไปลากเก้าอี้พลาสติกสีฟ้ามานั่ง แล้วเปิดหนังสือที่หยิบติดมือออกอ่าน
อ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องซักผ้า แต่กลับมีเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นที่นองไปด้วยน้ำดังมาจากทางประตูเข้าหอแทน
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นพวกคนที่อยู่ในหอกลับมา แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับต้องลุกพรวดแล้วเดินออกไปเปิดประตู แล้วสะกิดหลังคนที่เพิ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามาเบาๆ
“มีน ทำไมมาอยู่นี่อ่ะ”
น้องที่กำลังจัดเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางหันกลับมาพร้อมสีหน้าตกใจนิดหน่อยแล้วจึงเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มๆที่เห็นทุกครั้งที่เจอหน้าแทน
“พี่ข้าว ดีจังที่เจอ กำลังคิดเลยว่าจะเรียกยังไงดี”
“หือ เรียกทำไมหรอ หรือนี่มาชวนไปข้างนอก?”
“ใช่ครับ ก็เห็นพยากรณ์อากาศว่าวันนี้จะไม่มีฝนตก เลยกะจะชวนพี่ข้าวไปร้านขนมสักหน่อย แต่ฝนมัน…”
จากหน้ายิ้มๆตอนแรกกลายมาเป็นยิ้มบางๆกับหน้าหงอยๆแทนที่ เห็นแล้วรู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกหมาตัวใหญ่อยู่ก็ไม่ปาน
“แล้วนี่มายังไง เอารถมารึเปล่า”
“อ้ะ รถ…”
ก่อนที่น้องจะได้ตอบก็ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าดังขึ้นแจ้งเตือนซะก่อน เลยหันไปเปิดฝาแล้วขนผ้าที่เปียกหมาดๆออกมาใส่กลับเข้าตะกร้ารวมกับพวกชุดนักศึกษา
“พี่ข้าว เดี๋ยวผมถือให้”
กำลังจะหันไปเอาคำตอบก็เห็นน้องมายืนอยู่ข้างๆ แถมแย่งตะกร้าเสื้อผ้าไปถือเองอีกต่างหาก
ก็ดีอยู่หรอกที่มีคนชวนขนตะกร้าผ้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่ชั้นสาม
แต่เจ้าตัวที่ขนนี่ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่รึเปล่า
จากประสบการณ์ที่คบกันมาแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถสรุปได้แล้วว่าน้องเป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่ปกปิดความร้ายกาจเอาไว้ใต้ใบหน้ายิ้มๆและท่าทางเชื่องๆ
ทั้งเรื่องที่น้องไปเล่นเล่ห์กับคนอื่นหรือตอนที่มาใช้กับเขา เหตุการณ์ต่างๆระหว่างที่คบกันมาทำให้สรุปได้ง่ายๆเลย
เคยมีครั้งหนึ่งที่น้องบังเอิญมาเจอเขานั่งคุยกับเพื่อนร่วมคณะใต้ตึกเรียนรวม พอน้องเขามาทักเขากับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ตั้งใจจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ ถึงเพื่อนเขาเหมือนจะรู้จักอยู่แล้วก็เถอะ
แต่เจ้าตัวสูงที่มาทีหลังกลับพูดจาแสดงความเป็นเจ้าของแบบอ้อมๆแต่สามารถเดาได้ถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่ฟังครั้งแรก แล้วจากนั้นจึงจบด้วยการยกมือข้างขวาขึ้นมาทำรูปโทรศัพท์พลางว่า
‘เรียนเสร็จแล้วโทรมานะครับ เดี๋ยวมีนมารับ’
ทิ้งระเบิดให้กันเรียบร้อยก็เดินผิวปากอารมณ์ขึ้นอาคารไป
ไม่ได้รู้เลยว่าวันนั้นทั้งวันเพื่อนเขาคนนั้นจะซักเขาจนสะอาดขนาดไหน
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ตอนลงมาขนได้ ตอนขึ้นก็ขนได้เหมือนกัน ว่าแต่ตกลงมายังไง”
พยายามจะเบี่ยงประเด็นออกเพื่อไล่อีกฝ่ายกลับหอตัวเอง
ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจอะไรน้องหรอกนะ
ก็แค่เขินเท่านั้นเอง
ถึงจะผ่านการมีแฟนหรือคนคุยมาพอสมควร แต่ก็ไม่มีใครได้เข้ามารุกล้ำภายในพื้นที่ส่วนตัวของเขาเลยแม้แต่คนเดียว
แล้วตอนนี้ ณ ขณะนี้ น้องกำลังจะทำทีเหมือนช่วยขนผ้าขึ้นไปให้บนห้อง
บนห้องเขาเชียวนะ!
“ผมกำลังจะบอกพอดีเลย..”
อย่ายิ้มกว้างแบบนั้นได้ไหม เห็นแบบนี้ทีไร
“พอดีผมเพิ่งกลับจากบ้านมา เลยให้พ่อมาส่งที่นี่เลยน่ะครับ”
นั่นปะไร
คนเราก็ต้องมีครั้งแรกในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว
ตอนเด็กพอได้ทำอะไรครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจไปต่างๆ นานา
แต่พอโตขึ้นความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรเป็นครั้งแรกก็ดูจะลดลงมาหน่อย
อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้โอเวอร์เหมือนสมัยเด็กๆ
แต่ตอนนี้เขายอมรับเลยว่าครั้งนี้ความรู้สึกนั้นได้กลับมาอีกครั้ง
ตอนที่เขามายินอยู่หน้าบานประตาสีขาว มีเลขกำกับเหนือประตูเป็นเลข 305
ห้องพี่ข้าว
“รกหน่อยนะ พอดีมีงานต้องส่ง ยังไม่ได้จัดห้องเลยตั้งแต่สอบเสร็จ”
อยากจะบอกพี่ข้าวเหมือนกันว่าห้องตัวเองแม้จะไม่มีสอบหรือมีงานก็ทำก็รกเป็นปกติอยู่แล้ว แถมดูเหมือนยังกว่าห้องนี้ซะด้วยซ้ำ
คิดแล้วก็อยากกลับไปทำความสะอาดห้องขึ้นมา
เผื่อวันไหนที่หลอกล่อ เอ้ย ชวนพี่ข้าวเข้าห้องได้จะได้ไม่อาย
หึ
“แล้วตะกร้าให้วางไว้ไหนครับ?”
ถามพลางชูตะกร้าใส่เสือผ้าให้ขึ้นสูงอีกนิด ขณะที่จ้องคนเจ้าของห้องที่ดูประหม่าไม่กล้าสบตา แถมเหมือนจะทำตัวไม่รถูกจนยืนพันมือพันแขนตัวเองอยู่กลางห้อง
ความน่ารักของวันนี้
“เอ้อ ใช่ๆ เอาไว้แถวๆกน้าห้องน้ำก็ได้ เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วค่อยตาก”
เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่ามีเขาที่ขนตะกร้าผ้าอยู่ เลยหันมาตอบพร้อมหน้าตื่นๆและชี้นิ้วไปทางอีกฟากของห้องที่มีประตูปิดอยู่
พอนำไปวางเสร็จหันกลับมาพี่ข้าวก็นั่งพื้นเปิดโน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อย เห็นแบบนั้นเลยเดินเข้าไปตั้งใจจะถือวิสาสะนั่งข้างๆ แต่ก็เปลี่ยนใจถามออกไปซะหน่อย
“แต่ดูเหมือนฝนจะตกหนักอยู่นะครับ พี่คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆหรอก”
“อืม นั่นสิ ตกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”
“แล้วผมก็คงไม่ได้กลับหอง่ายๆเหมือนกัน”
คนตรงหน้าชะงักไปทันที่หลังฟังเขาพูดจบประโยค พอพี่ข้าวหันหน้ามาจ้องแล้วหรี่ตาลงก็ยิ้มกว้างๆกับตาหยีๆส่งกลับไปให้
ใครบอกว่าผู้ชายตัวโตจะอ้อนไม่เป็น
นี่หัดมาจากพ่อล้วนๆเลย
จ้องได้สักพัก พี่ข้าวก็ถอนหายใจเหมือนจะยอมแพ้แล้วลุกขึ้นไปนั่งหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะกลับมาหาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นมาตรงหน้าพลางชี้ไปที่หัว แล้วว่าต่อ
“ห้องพี่ไม่มีอะไรทำหรอกนะ แล้วพี่ต้องทำงานด้วย”
“ไมเป็นไรครับ แต่หลังจากนั้นพี่ว่างใช่ไหมล่ะ”
“ครับๆ รอได้ก็รอไปเลย”
พอทำหน้ายุ่งๆขัดกับแก้มระเรื่อจนพอใจก็หันกลับไปนั่งจดจ่อกับหน้าโน้ตบุ๊คต่อ
ใครว่าต้องรอกัน เขาก็มีอะไรให้ต้องทำเหมือนกันนั่นแหละ
นั่งมองหน้าพี่ข้าวไง
งานถนัดเขาเลย
“เฮ้อ เสร็จสักที”
นั่งเงียบๆอ่านการ์ตูนที่เอามาจากที่บ้านไปได้เกือบสองชั่วโมง คนที่นั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอถึงได้ถอนหายใจแล้วยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาสักที
พอหันออกไปมองนอกหน้าต่างก็ยังเห็นเม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้หนักเท่าตอนแรก แต่ก็ยังออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่ดี
หันกลับมาก็พอดีกับที่พี่ข้าวหันมามองหน้าพอดี
“ฝนยังตกอยู่เลย มีนหิวรึยัง ฝนตกแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกไม่ได้ด้วย ร่มพี่ก็เพิ่งพังไป ทำไงดี”
เหมือนเจ้าตัวจะกังวลเรื่องปากท้องของเขาจนลืมนึกไปว่าในห้องก็พอมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่บ้างจากที่เขาสังเกตเห็นบนโต๊ะข้างเคาท์เตอร์เล็กๆ
พี่ข้าวชอบลืมอะไรแบบนี้ประจำ
เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่พวกเขาไปอ่านหนังสือกันที่ร้านขนมร้านประจำ พอกลับออกมาจากห้างได้สักพักพี่เขาก็โพล่งขึ้นมาพร้อมใบหน้าตกใจว่า ลืมชีทเรียนไว้บนโต๊ะที่ร้าน
ตอนนั้นก็รู้สึกงงนิดๆเหมือนกันเพราะชีทกับหนังสือเรียนทุกเล่มพี่ข้าวเอามาฝากไว้ในกระเป๋าเป้เขาเรียบร้อยแล้ว คิดทบทวนจนมั่นใจว่าไม่ได้ลืมชีทเรียนอีกฝ่ายไว้ที่ร้านแน่ๆเลยบอกออกไปว่า
‘ผมเก็บของพี่มาหมดแล้วนะ มีชีทห้าชุด กับหนังสือสามเล่ม พี่เอามาเท่าไหร่อ่ะ’
หลังจากนั้นสิ่งที่ได้กลับมาคือสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายแล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย แล้วยกมือขอโทษขอโพย
‘แหะ ลืมอ่ะว่าฝากไว้ที่มีนแล้ว’
สีหน้าตอนพูดแล้วยิ้มแหะๆก็มันเขี้ยวดีอยู่หรอก แต่เรื่องขี้ลืมนี่ดูท่าจะหนักเอาการ
พอคิดถึงตรงนี้ก็เตือนออกไปเหมือนรอบนั้น
“พี่ข้าวไม่มีพวกมาม่าหรือไข่ไก่หรอ”
“โอ๊ะ จริงด้วย! ลืมไปเลย”
และก็ได้เห็นสีหน้าเดิมเหมือนตอนนั้นด้วย
พอจะพูดดุสักหน่อยก็ไม่ทันอีกฝ่าย ที่รีบลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดไปที่โซนห้องครัว
น่ารักอีกแล้ว
หายไปสักพักอีกคนก็กลับมาพร้อมกับหม้อที่ต้มมาม่าจนสุก มีพรอพเป็นไข่ที่ไม่สุกมากสองลูกกับพวกไส้กรอกที่ทอดจนสุก
“ต้มใส่ในนี้มันสะดวกดี เดี๋ยวพี่ไปเอาถ้วยให้นะ”
ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็รีบหันหันเดินไปหยิบถ้วยกับช้อนส้อมออกมาสองชุด
ไม่รู้ว่ากลัวเขาหิวหรือตัวเองหิวแล้วกันแน่
พอเขากลับมานั่งลงตรงข้ามกันเรียบร้อย ก็รีบฉวยเอาถ้วยของอีกฝ่ายมาตักเส้นใส่ให้ทันที โทษฐานปล่อยให้นั่งรออยู่อย่างเดียว
ถึงจะเป็นแต่ก็เป็นแฟนเหมือนกันนะครับ
ตักแบ่งกันเสร็จสรรพก็นั่งกินไปคุยไปจนกระทั่งหมดหม้อ จนเขาล้างอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จสิ้น ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที หันไปมองนาฬิกาที่ติดบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆแล้ว
หันไปมองอีกทางก็เห็นเจ้าของห้องนั่งพิงหมอนใบโตนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พร้อมทั้งกางหนังสือการ์ตูนเขาออกอ่านอย่างสนใจ
“พี่ข้าวอ่านรู้เรื่องหรอ อันนี้มันเล่มห้านะ”
พอนั่งลงบนเตียงอีกฝั่งแล้ว อีกคนยังไม่ยอมหันมา เลยเปิดปากทักเรื่องที่พี่ข้าวกำลังให้ความสนใจอยู่ คนตัวเล็กถึงได้เงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมถาม
“หรอๆ แล้วมีเล่มแรกไหม สนุกดีอ่ะ อยากอ่าน”
พูดออกมาด้วยความสนใจยังไม่พอ หันกลับไปพลิกหนังสือที่อยู่ในมือสองสามที จนต้องเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาวางไว้ข้างๆเตียงแล้วขึ้นไปนั่งพิงหมอนใบเดียวกับเจ้าของเตียง
“จริงๆเรื่องนี้มันมีหลายเล่มแต่ผมเอามาแค่ห้าเล่มเพราะพวกไอ้กานมันอยากอ่าน”
พูดไปก็นั่งค้นหาหนังสือให้อีกคนไปพลาง พอเจอแล้วก็ยื่นให้เจ้าตัวที่จ้องมาด้วยตาชี้ๆน่ารักๆ เห็นแล้วอยากจะจับฟัดให้จมเขี้ยว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลยได้แต่ยื่นหนังสือให้ พลางลูบหัวพี่เขาไปมา
“มันจบรึยังอ่ะ พี่ไม่เคยอ่านพวกนี้ด้วยสิ”
นั่งพลิกแผ่นกระดาษของเล่มหนึ่งไปสักพักก็หันมาถามทั้งที่ตายังไม่ละจากตัวหนังสือ แถมไม่ได้รับรู้ด้วยว่าตอนนี้มือผมทั้งสองข้างวนๆเวียนๆเล่นผมบนหัวกลมๆของพี่เขามาได้สักพักแล้ว
“จบตั้งแต่ผมอยู่ม.ห้าแล้ว เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขาวิทย์กีฬาเลยน้า”
ตอบออกไปแถมลากเสียงเพิ่มความอ้อนไปอีกระดับ ให้คนที่นั่งอ่านเงยหน้าขึ้นมาสบตากันจนได้
“ทำไมอ่ะ ไม่ใช่ว่าเข้าเพราะชอบเล่นบาสหรอ”
“จริงๆตอนแรกมีนก็ลังเลคณะนี้อยู่แล้วน้า แต่พออ่านเรื่องนี้จบแล้วมันรู้สึกว่าพระเอกโคตรเท่เลย ก็เลยตัดสินใจได้ตอนนั้นเลย”
พูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคนตรงหน้าทำหน้าเอือมๆแต่ก็อมยิ้มซะน่ารัก เหมือนจะไม่รู้ตัวเองว่าเวลาคิดอะไรแล้วมันออกมาทางสีหน้าขนาดนี้
พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วกลับไปตั้งท่าอ่านการ์ตูนต่อ และดูท่าว่าติดลมลากยาวไปจนถึงมื้อเย็นเลยก็เป็นได้
เห็นแบบนั้นเลยหันไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนไร้ประโยชน์ขึ้นมา กดเข้าอินสตราแกรมแล้วกดถ่ายรูปผ้าห่มที่ติดมือที่พลิกหน้าหนังสือการ์ตูนมาด้วยนิดหน่อย ปรับสีอะไรเสร็จก็กดแชร์ออกไป พร้อมด้วยแคปชั่น
‘Bedtime , Good time’
โรแมนติกซะไม่มี
นั่งไถหน้าจอดูรูปที่พวกเพื่อนๆโพสต์พร้อมกับเล่นผมของพี่ข้าวไปได้สักพัก ก็มีแจ้งเตือนจากไอ้พวกตัวป่วนที่เข้ามาคอมเม้นป่วนในรูปที่เพิ่งโพสต์ลง
จริงๆก็มีหลายๆคนที่เข้ามาเม้นบ้างไลค์บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเห็นเป็นไอ้พวกนี้นี่ต้องรีบกดเข้าไปดูให้ไว
ชอบมาแซวพี่ข้าวอยู่เรื่อย
Kaarn.07 อู้ววววววว @Rammit @finalphitthipat
Rammit อยากจะแหมไปใหถึงดาวอังคาร อย่าคิดว่าไม่รู้ว่าไม่ใช่ผ้าห่มห้องมึง
finalphitthipat ไปตอแหลยังไงให้ได้เข้าห้องครับคุณมะระ /ยื่นไมค์
Manat.k เสือก @Kaarn.07 รู้ดี ไหนเห่าโฮ่งๆซิ @Rammit มะระโพ่ง กูชื่อมนัสนันท์ ไอ้ฟาย @finalphitthipat
หลังจากสู้รบกับไอ้พวกกวนส้นติงเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาดูพี่ข้าวอ่านหนังสือต่อ
แต่สิ่งที่ได้คือคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านการ์ตูนจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างตอนนั้นดูเหมือนจะเหนื่อยจากการทำงานหรือเพราะบรรยากาศภายนอกชวนให้ง่วงนอนก็ไม่รู้ ถึงได้เอียงคอซบลงกับอก โดยที่มือยังเปิดหนังสือคาไว้
เห็นแล้วก็เอ็นดู เลยจับๆบีบๆแก้มขาวไปสักพัก แล้วจัดท่าให้อีกคนมาซบให้สบายขึ้น ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง แล้วโน้มตัวกอดอีกฝ่ายไว้บ้าง
ว้า ร่มที่อยู่ในกระเป๋าเป็นหมันแล้วซี
เห็นมีบางคนบอกว่าอยากอ่านตอนพิเศษเราก็เลยจัดให้ และอาจจะได้อีกสัก2-3ตอนพิเศษไม่แน่ใจ
เพราะเป็นเรื่องแรกที่ลงก็เลยมีความในการเขียนด้วย
และเร็วๆนี้อาจจะมีการเปิดเรื่องใหม่ด้วยค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ : )