IT is เต็มสิบ.17
เต็มสิบนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวหน้าบ้านของธีรพล ลักษณะโดยรวมคือหมดแรง ลักษณะแยกย่อยเฉพาะคือ “งอน”
“ดื่มน้ำมั้ยครับ ดับกระหาย คลายร้อนไง ทำงานมาทั้งวันแล้ว”
“ไม่ต้องมายุ่งกับผมเลย ผมไม่กิน”
“กินข้าวมั้ย หิวข้าวหรือเปล่า กินข้าวได้นะ”
“ไม่ คุณไม่ต้องมาพูดดีเลย คุณใช้ผมขัดพื้น ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยจนหลังจะหักมือจะหักตายอยู่แล้ว”
เต็มสิบยังคงบ่นไม่เลิกและยังซุกหน้าอยู่ที่แขน ไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกับธีรพลเลย
“ถ้าอย่างนั้น กินขนมมั้ยล่ะ”
“ไม่เอา คุณไม่ต้องมาหลอกทำดีกับผมเลยนะ คุณแม่งแกล้งผมชัด ๆ เรียกผมมา หลอกให้ผมดีใจ ที่ไหนได้เรียกมาใช้งาน หลอกลวงกันชัด ๆ”
ธีรพลไม่โกรธที่โดนต่อว่า แต่หัวเราะออกมาด้วยความขำ และเต็มสิบที่ซุกหน้าอยู่ที่แขนก็หันมามองคนที่ยังหัวเราะและเห็นเป็นเรื่องสนุก
“คุณหัวเราะทำไม คุณง้อผมเลยนะ”
นี่คือข้อเรียกร้องที่เต็มสิบเสนอให้ธีรพลทำและธีรพลก็เลิกคิ้วขึ้นสูง และเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณจะให้ผมง้อยังไง”
ก็ไม่ยังไงหรอก ทำอะไรที่ง่าย ๆ ที่คุณพอจะทำได้ไง
“ทำท่าน่ารัก ๆ ให้ดูหน่อยสิ ทำมือม้วน ๆ แนบแก้มแบบนี้ แล้วก็ร้องเมี้ยวววว ด้วย”
การทำแบบนั้นมันคือเรื่องไร้สาระที่สุดและเต็มสิบไม่คิดว่าคนอย่างที่ธีรพลจะยอมทำ ถ้าไม่ด่ากลับมาแรง ๆ ก็คงลุกขึ้นเดินหนีแน่ ๆ แต่สิ่งที่เต็มสิบเห็นคือธีรพลพยักหน้าและคิดภาพตามที่เต็มสิบพูด
“เต็มสิบหายงอนนะครับ เมี้ยววววว”
“..................”
“..................”
“..................”
ไม่ใช่แค่ร้องว่าเมี้ยว แต่จัดเต็มด้วยคำพูดประกอบมาให้ด้วย และเต็มสิบก็ซุกหน้ากลับลงไปที่แขนของตัวเองเหมือนเดิม บ่นพึมพำด้วยความหนักใจ ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องพยายามหนีจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“ทำไมชอบหลอกให้ดีใจอยู่เรื่อย ผมเขินนะ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
อ้าว
อยากให้ทำก็ทำให้แล้วนี่ไง แล้วยังมีอะไรไม่พอใจอีก ทำไมถึงไปซุกหน้าอยู่แบบนั้นแล้วทำไมต้องต่อว่ากันด้วย ตกลงแบบที่ทำไปนี่มันใช้ได้หรือไม่ได้ หรือยังไง
“สรุปว่าผมง้อสำเร็จมั้ย ให้ทำท่าอะไรพวกนี้ผมทำบ่อย เวลาไปข้างนอก เวลาขึ้นเวทีมันก็มีแบบนี้ตลอด คุณเป็นอะไรของคุณ พูดมาได้ว่าเขิน บ้าหรือไง ก็คุณเป็นคนบอกให้ผมทำเอง ผมก็ทำให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก”
เต็มสิบไม่ได้คิดจะเอาอะไรทั้งนั้น เพราะภาพที่เห็นมันทำให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าแย่เพราะมันมีผลกับจิตใจอย่างรุนแรง
“คนอื่น ๆ เห็นคุณทำแบบนี้กันหมดแล้วเหรอ”
ใช่สิ
บนเวที บางครั้งก็มีสารพัดเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ไม่คาดฝันให้แก้ปัญหาอยู่เสมอ สิ่งที่เต็มสิบให้ทำก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร คนทั่วไปที่เห็นต่างก็ชื่นชอบกันทั้งนั้น ธีรพลก็เลยไม่รู้สึกว่าแปลกที่จะให้ความบันเทิงเพื่อแลกกับการได้โปรโมทบริษัท เพราะมันคือหน้าที่และเป็นภาระงานที่ธีรพลต้องทำเป็นประจำ
“ใคร ๆ เขาก็เห็นกันจนเบื่อแล้ว”
เต็มสิบถึงกับถอนหายใจยาว และรู้สึกเหมือนว่าอาการ”งอน” กำลังเพิ่มทวีคูณสูงขึ้นไปอีกหลายเท่า
“แต่ผมเพิ่งได้เห็นเนี่ยนะ”
ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วย ธีรพลไม่เข้าใจว่าเต็มสิบเป็นอะไรทำไมถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น
“แล้วตัวเปียกขนาดนี้ไม่คิดจะอาบน้ำเหรอ ไม่กลัวจะไม่สบายหรือยังไง”
ธีรพลเอ่ยถามคนที่นอนนิ่ง ๆ หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะทำอะไรได้อีกเพราะถูกใช้งานอย่างหนัก
“เป็นห่วงมั้ย”
ก็แค่ถาม แต่ไม่ได้คาดหวัง และธีรพลก็มองหน้าของเต็มสิบนิ่ง ๆ และตอบคำถามที่เต็มสิบถาม
“เป็นห่วงสิ”
ทำไมถึงได้ตอบแบบนี้ ตอบเพื่อหลอกให้ดีใจเฉย ๆ ใช่มั้ย
ดีใจที่ได้ยิน แต่ก็ไม่รู้ว่าธีรพลจะพูดอะไรอีกเพื่อทำให้เสียใจ เต็มสิบซุกหน้าลงที่แขนอีกครั้ง และคราวนี้ธีรพลเลยแตะมือเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ลูบไล้เล่นแผ่วเบาและเต็มสิบที่กำลังนอนหลับตาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของธีรพลที่กำลังลูบผม
“พูดจริง ๆ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”
เต็มสิบไม่รู้ว่าธีรพลพูดแบบนี้เพราะอะไร แต่ถึงจะมีอะไรแอบแฝงเต็มสิบก็ไม่คิดจะตั้งคำถามยอมทำตามง่าย ๆ ไม่คิดอะไรให้ยุ่งยาก ไม่งอแงไม่งี่เง่า ไม่ทำให้ธีรพลต้องง้อนาน รีบลุกขึ้นทันทีและรับผ้าขนหนูที่ธีรพลส่งให้ ยืนขึ้นและเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ กลายเป็นเด็กว่าง่ายแต่โดยดีและธีรพลก็แค่มองตาม
ไม่อยากคิดอะไรมาก ไม่ได้ต้องการให้ชีวิตซับซ้อนไปมากกว่านี้
เจ็บมาเยอะ เสียใจมาไม่รู้กี่ครั้ง ถ้าจะเปิดโอกาสให้เต็มสิบเข้ามาสักคนจะเป็นไรไป ถึงจะพยายามหนีเท่าไหร่ เต็มสิบก็ยังจะเข้าหาอยู่ดี
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลบเลี่ยง ก็แค่เผชิญหน้ากันตรง ๆ
ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ ค่อยถอยมาตั้งหลักทีหลังก็ยังทัน กับเรื่องความรู้สึกธีรพลไม่คิดว่าจะเจ็บปวดใจไปมากกว่าที่เคยรู้สึกอีกแล้ว และครั้งนี้ก็ลองให้โอกาสตัวเองดูอีกสักครั้ง ถ้าไม่กล้า ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าดีหรือไม่ดี
+++
มืดแล้ว และธีรพลก็มองไปที่คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา เต็มสิบไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแบกคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมาด้วยหนึ่งเครื่อง และวุ่นวายอยู่กับการทำสิ่งที่ธีรพลไม่เข้าใจ
เราต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเอง ทำสิ่งที่ต้องทำโดยไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกันและกัน คอมพิวเตอร์ยังเปิดค้างเอาไว้ และเต็มสิบก็นอนเหยียดยาวกอดหมอนอิงหลับไปตั้งแต่บ่าย
“เต็ม เอากุญแจมอเตอร์ไซค์มาให้ยืมหน่อย”
ธีรพลแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่นอนหลับเพราะไม่ต้องการให้เต็มสิบตกใจตื่นและเต็มสิบที่นอนอยู่ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นและลืมตาขึ้นมองหน้าของคนที่มาปลุก
“อือออออ ไปไหนอ่ะ”
ยกแขนขึ้นและบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพื่อคลายกล้ามเนื้อและธีรพลก็แบมือขอกุญแจรถมอเตอร์ไซค์จากเต็มสิบ
“จะไปหน้าปากซอย หิวแล้ว”
เต็มสิบไม่ได้ยื่นกุญแจรถให้ แต่ลุกขึ้นนั่งและเสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่
“งั้นเดินไป”
ไม่ให้ก็น่าจะบอกกันดี ๆ ไม่น่าจะพูดจากวน ๆ ด้วยการบอกให้เดินไป
“รู้จักคำว่าโมโหหิวมั้ย”
ธีรพลเริ่มข่มขู่เต็มสิบแล้ว และเต็มสิบก็อมยิ้ม เวลาที่ได้เห็นสีหน้าแบบอื่น ๆ ของธีรพลบ้าง
“รู้สิ กำลังจะโดนแดกหัวอยู่นี่ไง จะไม่รู้ได้ยังไง”
เออ รู้ก็ดี ถ้ารู้แล้วก็เอากุญแจรถมาเร็ว ๆ
“อย่าลีลา”
โดนข่มขู่รอบสองและเต็มสิบก็ตีมือของธีรพลที่แบมือขอกุญแจรถเบา ๆ
“ไม่”
ธีรพลไม่ได้ง้อ แต่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกจากบ้าน แต่เมื่อหันไปมองก็เห็นเต็มสิบเดินตามออกมาด้วย
“อะไร”
ก็ไม่อะไรหรอก ไม่มีอะไรเลย
“เดี๋ยวเดินไปเป็น........”
ธีรพลไม่เข้าใจว่าเต็มสิบจะลากเสียงยาว ๆ และทำสีหน้าครุ่นคิดไปทำไม
“เป็นอะไร”
ที่ถามไม่ได้ถามด้วยความสงสัย แต่ถามไปแบบไม่มีเหตุผลและทั้งธีรพลและเต็มสิบก็เดินออกจากบ้านมาพร้อมกัน
“พูดได้เหรอ”
“เป็นอะไร ทำไมถึงจะพูดไม่ได้”
ก็ไม่ทำไมหรอก
“จะบอกว่าเดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อนก็พูดไม่ได้ เพราะไม่ได้อยากเดินไปเป็นเพื่อน อยากเดินไปเป็นอย่างอื่นมากกว่า”
อ่อ
แบบนี้คงเป็นมุกหนึ่งที่ใช้ในการจีบ
“เดินไปเป็นแฟนเลยมั้ย”
ธีรพลก็แค่ถามออกไปตรง ๆ และเต็มสิบก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ ที่คนที่เดินด้วยกันเป็นคนตรงไปตรงมามากกว่าที่คิด
“แล้วยอมให้เป็นเลยมั้ย”
ธีรพลไม่ตอบ แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน และเดินตรงไปเรื่อย ๆ โดยมีเต็มสิบเดินอยู่ข้าง ๆ
“ขัดพื้นไม่พอใช่มั้ย อยากออกมาเดินไกล ๆ อีก อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน”
ที่ออกมาเดินด้วยกันตอนมืดแบบนี้และไม่ยอมให้ธีรพลออกมาคนเดียวเพราะมันมีเหตุผล
“ก็ถ้าขี่มอเตอร์ไซด์ออกมา มันทำแบบนี้ไม่ได้ไง”
ไม่ใช่แค่พูด แต่เต็มสิบคว้ามือธีรพลมาจับเอาไว้และธีรพลก็หันไปมองที่มือของตัวเองที่ถูกเต็มสิบจับ
“ทำอะไร”
“ก็เห็นอยู่แล้วว่าจูงมืออยู่ ยังมาถามอีก”
อ่อ
สรุปคือว่าไม่ให้ถาม
ธีรพลไม่ได้ดึงมือหนี แต่ยอมให้เต็มสิบทำอย่างที่อยากจะทำและเต็มสิบก็หันไปมองธีรพลที่ไม่ได้ต่อว่าหรือพูดจาแปลก ๆ เหมือนอย่างที่คิดเอาไว้
“ไม่ด่าหน่อยเหรอ”
“ด่าทำไม”
“ก็เนี่ยผมจับมือคุณอยู่”
“ด่าทำไม ด่าไปก็จะจับอยู่ดี”
ก็จริง คุณธีรพลนี่เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิดอีกนะ เต็มสิบถึงกับยิ้มกว้างและหัวเราะออกมาเสียงเบา
“งั้นถ้าจูบหรือมากกว่านี้ก็ได้สิ เพราะถึงห้ามผมก็จะทำอยู่ดี”
ได้คืบจะเอาศอก และเต็มสิบก็เริ่มจะหาเหตุผลในการเอาเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เยอะแระ”
โดนต่อว่าและธีรพลก็เริ่มดึงมือออก กลายเป็นเต็มสิบที่ต้องยื้อเอาไว้ไม่ปล่อยและทำเสียงอ่อยเพราะกำลังทำให้ธีรพลโมโห
“โอเคครับโอเค แค่จับมือ ผมจะไม่พูดมาก ไม่กวนประสาทคุณแล้ว”
ธีรพลก็แค่เหลือบมองเต็มสิบด้วยหางตาและพูดจาประชดประชันเหมือนที่เคยทำอยู่ทุกวัน
“รู้ตัวเหมือนกันเหรอ ว่ากวนตีน”
“ด่าผมไปเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็เป็นแฟนผมแล้ว ด่าแค่นี้ผมทนได้ จะด่าอีกก็ได้นะ ย้อมมมมมมมมมมม”
TBC