ตอนที่ 3.1
“นั่นสินะ ก็พีไม่ได้รักพี่สักนิดเป็นพี่เองที่บังคับพีมาตลอด พี่ขอโทษนะแต่พี่แค่อยากอยู่กับพีเท่านั้นเอง พี่ขอได้ไหมสามวันที่เหลือ พีช่วยแกล้งว่ารักพี่ได้ ช่วยทำให้พี่มีความสุขสักนิดก็ยังดี” คำขอที่ออกมาจากปากคนตัวโตทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก แกล้งรักเหรอ
ให้ผมแกล้งรักเนี่ยนะ ผมจะทำได้ยังไง ในเมื่อ ผมรักพี่ตาร์ไปแล้วจริงๆ
เรื่องมันตลกดีนะครับไอ้พี่ตาร์สารภาพรักกับผมในวันที่ตัวเองต้องหมั้นเนี่ยนะ
จะพูดเพื่ออะไร จะพูดเพื่อให้ผมเจ็บเหรอ ไอ้คนเห็นตัวเอ้ย!! ทั้งๆที่ผมอยากบอกว่ารัก
แต่ก้ทำไม่ได้ จะให้ผมพูดทำไมในเมื่อ มีแค่ความเจ็บปวด
“พีครับ ตกลงนะ” คนตัวโตถามย้ำ
“ผมมีทางเลือกอื่นไหม”
“ไม่ครับ พี่ขอร้องล่ะอย่าปฏิเสธเลยนะ”
คำอ้อนวอนที่มาพร้อมแรงกอดรัด สัมผัสอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเศร้า นั้นทำให้ผมต้องกลืนคำปฏิเสธทันที
“ได้ครับ แค่สามวันเท่านั้นนะ”
“ขอบคุณนะขอบคุณมากจริงๆ”
………………………………………………………………….
“พีครับ ทานข้าวได้แล้ว” เสียงคนเรียกจากห้องครัวทำให้ผมต้องรีบเดินไปหาทันที
“วันนี้มีอะไรกินบ้างอ่ะกีตาร์” ครับ กีตาร์ให้ผมเรียกเขาแบบนี้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
“แกงจืด ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็ปลาราดพริก พีจะเอาอะไรอีกไหมเดี๋ยวพี่ทำให้”
“ไม่เอาหรอก แค่นี้ก็เยอะแล้ว” ผมยิ้มให้อีกคนก่อนจะนั่งลง
“ทานเยอะๆนะครับ”
“ต้องเยอะสิ กีตาร์ทำกับข้าวอร่อยจะตาย”
ผมยอก่อนจะลงมือตักแกงจืดเข้าปาก อร่อยที่ซู้ดดดดดดดดด
ผมอยู่กับกีตาร์ได้สามวันแล้วครับเป็นสามวันที่ผมได้เห็นกีตาร์ในมุมมองใหม่
มุมมองที่ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นใครจะไปรู้ว่าเพลย์บอลตัวพ่ออย่างกีตาร์ชอบ เคโรโระ จนเข้าขั้นบ้า
ทำกับข้าวเก่งจนผู้หญิงบางคนอาย ที่สำคัญติงต๊องมากๆๆ
ฟอด
“เฮ้ยทำไรอ่ะ” ผมโวยวายเพราะจู่ๆก็โดนขโมยหอมแก้ม
“ก็พีน่ารัก มันอดใจไม่อยู่” คนฉวยโอกาสบอก เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว มิน่าล่ะ สาวๆถึงได้ติดเยอะ
“คิดอะไรอยู่ครับ คิ้วขมวดเชียว”
“เปล่าหรอกกินดิ ถ้าหมดช่วยไม่ได้นะ”
“ฮ่าๆๆ ครับๆ”
เราสองคนกินไปแกล้งกันไป อย่างสนุก เคยเป็นไหมครับ บางครั้งเราก็อยากลืมโลก
อยากลืมความจริงอยากลืมว่าโลกนี้ยังมีใครอีกหลายคน อยากให้โลกที่เราอยู่มีแค่เราสองคนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่อยากให้อะไรต้องพรากเราจากกัน
“คืนนี้พี่ขอนอนห้องพีได้ไหม” คนตัวโตถาม
“ถ้าจะนอนก็นอนเถอะ เพราะถึงพีปฏิเสธพี่ก็นอนอยู่ดีใช่ไหมครับ”
“แหม รู้ใจจัง แบบนี้รักตายเลย ”
คนตัวโตบอกก่อนจะแนบริมฝีปากลงมา ผมรับสัมผัสนั้นไว้ด้วยความเต็มใจเวลาของเราสองคนเหลือไม่มากแล้ว
อีกไม่กี่ชั่วโมงเราสองคนต้องกลับสู่โลกแห่งความจริงโลกที่เรา ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้
จูบอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความเศร้าของเราสองคน มันอบอุ่นอ่อนหวานแต่ก็ทรมานซะจนไม่อยากหายใจ
กีตาร์ค่อยๆถอนจูบอย่างช้าๆแต่ก็ยังกอดผมไว้แน่น
“ขอบคุณนะพี สามวันที่ผ่านมาพี่มีความสุขมาก ขอบคุณที่อุส่าห์ฝืนใจนะครับ”
ผมกอดตอบอีกคนแน่นอยากบอกเหลือเกินว่าผมไม่เคยฝืนใจเลยสักนิด ผมรักกีตาร์ รักมาก รักจนสุดหัวใจ
…………………………………………………………………………
ผมมองเด็กผู้ชายในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนในกระจกอย่างเศร้าๆ
เมื่อวานนี้ผมยังอยู่ในอ้อมกอดของกีตาร์ แต่วันนี้กำลังจะไปงานหมั้นของกีตาร์กับผู้หญิงคนนั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันครับ ผมควรจะทำยังไงดี
ก๊อกๆๆ
“พี เบสมารอแล้วนะลูกไปได้แล้วนะ”
“ครับแม่”
ผมตอบก่อนจะลงไปข้างล่างที่ไอ้เบสนั่งรออยู่
“ไงมึง ไหวแน่นะ” เบสถามผม มันรู้ทุกเรื่องนั่นแหล่ะครับถึงผมจะไม่เคยบอกผมว่าไอ้เบสมันน่าจะดูออก
“ไหวสิ กูต้องไปแสดงความยินดีที่เพื่อนรักกูจะมีหลานซะที”
“ตามใจมึงแล้วกัน” ไอ้เบสบอกก่อนจะประจำที่ตำแหน่งคนขับ
งานหมั้นของกีตาร์เป็นงานที่จัดเรียบง่ายเชิญเฉพาะแขกที่สนิทเท่านั้น
เพราะนายแม่ของกีตาร์ไม่อยากให้มันเอิกเกริกอาจเพราะกีตาร์ยังเรียนอยู่ก็ได้มั้งครับ
“อ้าว เบสกับพี มาแล้วเหรอลูก มาๆ ใกล้เวลาแล้วเร็วๆ”
นายแม่ของไอ้เบสบอก ก่อนจะพาพวกผมเข้าไปนั่งในบ้าน
ผมมองกีตาร์ในสูทสีขาวที่วันนี้ดูดีกว่าทุกวันที่นั่งคู่กับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้น
ดูแล้วเหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยนะครับ
“กูขอตัวเข้าห้องน้ำนะเบส”
ผมบอกไอ้เบส ทั้งๆที่เตรียมใจมาแล้วแต่พอเอาเข้าจริงผมก็ทนไม่ได้ที่เห็นกีตาร์สวมแหวนหมั้นให้พี่ฝ้าย
ทำไมผมถึงอ่อนแออย่างนี้
“ฮัลโหลเบส กูขอตัวกลับเลยนะ ปวดหัวว่ะ”
ผมโทรเข้าไปบอกไอ้เบส ก่อนจะเดินออกมาทันที หัวใจผมอ่อนล้าจนทนไม่ไหว
ผมไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น ผมจะทำยังไงดี ผมอยากหนีไปให้ไกลเหลือเกิน
ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วที่นี่มันมีความทรงจำของผมกับเขามากเกินไป
สั้นเนาะ
เอาไปเท่านี้ก่อนนะเจ้าคะ แล้ว 24 จะมาลงให้ใหม่
ขอไปทำธุระ ก่อนน้อ ช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องฝึกงาน
อาจจะช้าหน่อยนะคะ