CHAPTER 28-1: คนเป็นแม่CHAPTER 28-2: ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 28-1: คนเป็นแม่ "ฉันว่าแกน่าจะหาผู้ชายใหม่ได้แล้วนะนินา ฉันเห็นแกหมั้นกับพี่สนมาปีกว่าแล้วไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้าไปถึงไหนเลย มีอะไรหรือเปล่าวะ"
นินาถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเศร้า "ก็คิดอยู่เหมือนกันแหละแก แต่ผู้ชายสมัยนี้ก็หาดียากว่ะ มีแต่ผู้ชายง้องๆ แง้งๆ ฉันไม่ชอบ เผลอๆ จะมาเอาเปรียบฉันอีก ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากได้คนขยันๆ อย่างพี่สนนี่แหละ"
"ถ้างั้นแกก็หาที่มันหล่อๆ รวยๆ เอาพวกที่มันมีธุรกิจเป็นของตัวเองสิ"
"แหมแก พูดยังกะมันหาง่ายขนาดนั้น เอาง่ายๆ ในห้องเรามีสักคนไหม ไอ้คนที่มันมีธุรกิจก็เป็นของพ่อของแม่มันทั้งนั้นแหละ ลูกมันก็แค่มาเรียน ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เห็นดีแต่ขับรถจีบสาวไปวันๆ ไม่เอาหรอก ไม่ชอบแบบนี้ จริงๆ ก็มีมาจีบฉันหลายคนแล้วล่ะ แต่ฉันไม่เอาเองแหละ" ถ้าเห็นสีหน้าของนินาแล้วก็คงจะรู้ได้ว่าเธอไม่ชอบอย่างที่พูดจริงๆ
"เออ งั้นก็เรื่องของแกละกัน หายากก็ไม่ต้องหา ก็คงจะเหลือแต่พี่สนของแกนั่นแหละ แต่ฉันพูดตามตรงนะเว้ย ฉันไม่เห็นว่าพี่เขาจะสนใจแกเลยว่ะ แสดงว่าไอ้ที่ทำๆ ไปก็ไม่ได้ผลล่ะสิ"
นินาถอนหายใจอีกครั้ง นั่งเงียบและครุ่นคิด "บางทีฉันก็อยากยอมแพ้ว่ะอีบิว แต่แกคิดดูดิ หมั้นกับเขาแล้วนะเว้ย ถ้าเกิดถอนหมั้นกันขึ้นมาฉันก็เสียหน้าแย่เลย พวกเพื่อนๆ มันคงสมน้ำหน้ากันใหญ่ คนแถวบ้านฉันอีกล่ะ ยิ่งพ่อแม่นี่ไม่ต้องพูดถึง คงด่าฉันหูชาไปสามเดือน ไหนจะต้องคืนเงินสินสอดทองหมั้นอีก พ่อกับแม่ก็เอาเงินไปหมุนใช้หมดแล้วด้วย"
"งั้นแกก็ทำให้พี่เขาถอนหมั้นแกดิ จะไปยากอะไร แกจะได้ไม่ต้องคืนเงินหมั้นไง"
นินาถอนหายใจ "อันนี้แหละที่ฉันแปลกใจ พี่สนเขาบอกว่าไม่ได้รักฉัน ก็ไม่เห็นว่าจะถอนหมั้นซะที เห็นแต่ขู่ไปขู่มาอยู่นั่นแหละ"
"มีอย่างงี้ด้วยเหรอวะ แปลกดีว่ะ ว่าแต่แกอยากให้พี่เขาถอนหมั้นแกจริงๆ เหรอ" บิวหรือบิวตี้เอียงคอสงสัย
"ก็ไม่หรอก ยกเว้นว่ามันสุดๆ จริงๆ นั่นแหละ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็อยากลองอีกสักตั้งว่ะ ผู้ชายอย่างพี่สนหายาก แล้วเขาก็กำลังจะมีธุรกิจร้านอาหารด้วย ฉันอยากทำน่ะแก อยากทำมากเลย เงินก็ไม่ต้องลงทุนสักบาท"
"ถ้างั้นแกก็ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่ พี่เขาก็ยังไม่ถอนหมั้นแกซะหน่อย ก็แสดงว่าเขาจะแต่งงานกับแกนั่นแหละ เดี๋ยวแกก็จะได้เป็นเมียเจ้าของร้านอาหารเอง"
"ก็เขาไม่รักฉันน่ะสิ" นินาทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ "พูดเรื่องนี้แล้วก็เครียดว่ะแก ตั้งแต่ที่ฉันเอายานั่นให้พี่สนกิน พี่สนก็ไม่เคยมีอะไรกับฉันอีกเลย อ่อยก็แล้ว ให้ท่าก็แล้ว แต่พี่สนก็คอยอยู่ห่างๆ ฉันตลอดเวลาเลย"
"หา! มีด้วยเหรอวะผู้ชายแบบนี้ ไม่เคยเห็น ลองเป็นผู้ชายคนอื่นดิ ขนาดไม่อ่อยมันยังเอาจนได้เลย ฉันว่าแกต้องระวังพี่เขาจะเป็นเกย์นะแก ผิดวิสัยผู้ชายว่ะแบบนี้ ฉันจำได้ว่าเคยบอกแกเรื่องนี้ไปแล้วนะ"
"อีนี่ปากเสีย" นินาหันไปว่าเพื่อนพร้อมกับมอบค้อนให้หนึ่งทุบ "ถ้าพี่สนเป็นเกย์ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้แมนแล้วล่ะ ฉันก็ไม่เห็นว่าพี่เขาจะชอบผู้ชายคนไหนเลยซักกะคน" นินาสะบัดเสียง
"ก็ไม่แน่นะ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน กินกันเองเยอะแยะไป เขาอาจจะมีคนที่แอบชอบอยู่แต่เขาไม่บอกแกก็ได้ ใครจะไปรู้"
พูดถึงตรงนี้ นินาก็นึกถึงที่สนเคยบอกเธอว่าสนมีคนที่รักอยู่แล้ว แต่นินาก็ไม่เคยรู้เลยว่าคนที่สนรักคือใคร สนแค่พูดหลอกเล่นหรือเปล่า นินาชักอยากจะรู้แล้วสิว่าคนๆ นั้นเป็นใคร
"พอแล้วๆ แกอย่าพูดให้ฉันเขวเลย กลับมาที่เรื่องแผนใหม่ของฉันก่อนดีกว่า"
บิวตี้ได้ยินก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น "แกจะทำอะไรเหรอ หรือว่าแกจะหลอกให้พี่เขากินยานั่นอีก"
นินาขึงตาใส่เพื่อน "แกนี่ ระวังหน่อยสิวะเดี๋ยวคนมาได้ยิน"
บิวตี้หัวเราะแหะๆ "ขอโทษที ตื่นเต้นไปหน่อย"
นินามองซ้ายขวา พอมั่นใจว่าไม่มีใครเดินผ่านมาแถวๆ ที่เธอนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ก็พูดต่อ
"ฉันก็ไม่แน่ใจว่าต้องใช้ยานั่นอีกหรือเปล่านะ แต่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพยายาม แล้วถ้าครั้งนี้ไม่ได้ผล ฉันก็จะเลิกแล้ว หาคนใหม่ดีกว่า"
"แสดงว่าแผนนี้ต้องเด็ดเลยใช่ไหมแก"
นินายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "แน่นอน คราวนี้ฉันยอมทุ่มสุดตัวว่ะแก"
"ตื่นเต้นว่ะ อยากรู้ แกบอกฉันได้ไหมว่าแกจะทำอะไร" บิวตี้ทำท่าทางกระดี๊กระด๊า
นินาโน้มตัวไปกระซิบกระซาบแผนใหม่ให้เพื่อนฟังเพราะไม่อยากให้ใครบังเอิญผ่านมาได้ยิน คนฟังฟังจบแล้วกลับมีสีหน้าตกใจและกังวลเสียมากกว่า
"เฮ้ย แกคิดดีแล้วเหรอวะ เกิดมันไม่เป็นอย่างที่แกคิด แกเสียคนเลยนะเว้ย"
"ฉันถึงบอกไงว่าฉันยอมทุ่มสุดตัว เป็นไงก็เป็นกัน คนอย่างนินาน่ะ ไม่ยอมเสียหน้าใครง่ายๆ หรอก ไปเหอะ ไปเรียนกันดีกว่า อ้อ แกอย่าไปเล่าให้ใครฟังละกันนะอีบิว" นินาหันมากำชับเพื่อนรักก่อนจะพากันลุกเดินออกไป
"เออๆ ก็ไม่บอกใครหรอก เรื่องแบบนี้บอกใครได้ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันก็ซวยไปด้วย"
น่าเสียดายที่นินามีข้อดีหลายอย่างในตัว แต่เธอกลับใช้วิธีที่ผิดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เธอต้องการ สาเหตุหนึ่งที่สนไม่ไปขายเสื้อผ้ากับเธออีกเลยก็เป็นเพราะว่านินาชอบสอนเทคนิคโกงลูกค้าให้สนอยู่บ่อยๆ ทำให้สนอึดอัดใจอย่างมาก พอสบโอกาสที่เกิดเรื่องคราวนั้น สนจึงตัดสินใจไม่ไปอีกเลย
จะว่าไปก็จะโทษนินาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เธอเกิดและโตมาในครอบครัวที่สอนให้ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำยังไงก็ได้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการโดยไม่สนใจวิธีการ เธอเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากพ่อแม่ของเธอมาตลอด ก็คงยากที่จะเปลี่ยนแล้วล่ะ
สนเดินทางกลับบ้านด้วยเครื่องบินในเย็นวันศุกร์วันหนึ่งเพื่อไปจัดการธุระเรื่องร้านอาหารที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างและดาวน์รถยนต์ไว้สำหรับใช้ตอนที่สนกลับมาอยู่ที่บ้าน บังเอิญต้นติดธุระงานเลี้ยงอำลาของชมรมพอดีจึงไม่ได้มาด้วย ได้แต่บนอุบด้วยความเสียดาย
การลงทุนคราวนี้ สนและพ่อกับแม่ตั้งใจจะให้เป็นธุรกิจของครอบครัว อีกทั้งยังจะช่วยสร้างหลักปักฐานให้กับอนาคตของสนต่อไปด้วย สนจึงต้องตั้งใจกับการลงทุนครั้งนี้ให้มากๆ เพราะนี่เป็นเงินของพ่อกับแม่ที่เก็บมาทั้งชีวิตเพื่อสนคนเดียว แม้สนจะมีเงินเก็บของตัวเองบ้างแต่ก็ไม่มากมายนัก แค่พอเอามาช่วยทำร้านและผ่อนรถได้บ้างบางส่วน แต่เงินลงทุนหลักๆ ก็เป็นของพ่อกับแม่นั่นเอง
สนถือโอกาสนี้นัดคุยกับแม่ของต้นด้วย สนขอให้แม่ของต้นเลือกวันและเวลาที่พ่อของต้นกับติวไม่อยู่บ้านเพื่อจะคุยกันได้สะดวก ความจริงพ่อของต้นกับติวไม่มีธุระจะไปไหนเลยทั้งเสาร์และอาทิตย์ แม่ของต้นจึงต้องวางแผนไหว้วานให้พ่อของต้นกับติวไปไปส่งขนมและของกินไปให้ต้นและเพื่อนๆ ที่เชียงใหม่ ตอนแรกติวบอกว่าให้ฝากสนไป แต่แม่ของต้นก็ให้เหตุผลว่ามีของหลายอย่าง สนคงเอาขึ้นเครื่องไม่ไหว พ่อของต้นกับติวจึงต้องไปส่งพัสดุไปรษณีย์อย่างงงๆ ก็ยังดีที่ยอมไป สนจึงต้องรีบใช้โอกาสทองนี้โดยไม่ลังเล
สนถือของที่ตั้งใจซื้อมาฝากครอบครัวของต้นหลายอย่างมาฝากที่บ้านต้นด้วย ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน สนไม่เคยลืมซื้อของติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ กลับมาคราวนี้ บ้านของต้นดูเก่าลงไปพอสมควร ได้ยินมาว่าพ่อของต้นจะเอาเงินที่ขายที่ดินได้มาปรับปรุงใหม่อยู่เหมือนกัน
หลังจากที่สนได้ทักทายและมอบของฝากให้แม่ของต้นแล้ว การสนทนาครั้งสำคัญของสนกับแม่ของต้นก็เริ่มขึ้น สนบอกต้นไว้แล้วว่าจะลองคุยเรื่องนี้กับแม่ของต้นดู เผื่อว่าแม่ของต้นจะยอมรับฟังและเข้าใจบ้าง
"เราอาจจะต้องรีบคุยกันหน่อยนะสน สักชั่วโมงนึงพอได้ไหมลูก เดี๋ยวพ่อแอ๊ดกับเจ้าติวจะกลับมาแล้ว"
สนพยักหน้าและยิ้มให้กับแม่ของต้น รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกัน
"อ้อ ก่อนจะคุยธุระของสน แม่ถามสนเรื่องคู่หมั้นหน่อยได้ไหมลูก แม่พลอยบอกแล้วล่ะแต่แม่ก็ลืมทุกที เขาชื่อนินาใช่ไหมลูก แม่ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย คอยดูในเฟสของสนก็ไม่เคยเห็นอัปรูปคู่หมั้นให้ดู"
สนทำหน้าแหย พูดถึงนินาทีไรก็ผะอืดผะอมทุกที สนก็ไม่ได้รู้สึกดีหรอกที่ต้องรู้สึกกับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นแบบนี้
"เขาชื่อนินาครับแม่เยา แต่...พอดีผมไม่มีรูปเขาในมือถือน่ะครับ ก็เลยไม่มีให้แม่เยาดู"
แม่ของต้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย "จริงเหรอสน นี่สนไม่มีแม้กระทั่งรูปของแฟนตัวเองในมือถือเลยเหรอ แปลกจัง น่าเสียดาย แม่อยากเห็นหน้าเขาจังเลย อยากรู้ว่าสวยเหมาะสมกับสนไหม"
ก็คงไม่ผิดที่แม่ของต้นจะคิดว่ามันแปลก เพราะมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ "ก็...สวยมั้งครับ" สนแบ่งรับแบ่งสู้
"ยังไงกันลูก แม่ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เลย เห็นหมั้นกันมาเป็นปีๆ แล้วแม่ก็ไม่ค่อยเห็นสนพูดถึงคู่หมั้นเท่าไหร่ ตกลงสนรักน้องเขาหรือเปล่าลูก"
สนทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ตั้งใจมาคุยกับแม่ของต้นเรื่องนี้เลย ไม่ได้อยู่ในความคิดด้วยซ้ำ
"เอ่อ..."
"บอกแม่มาตามตรงได้หรือเปล่าล่ะสน สนไม่ได้รักน้องเขาเหรอลูก ถ้าให้แม่เดา...แม่คิดว่าสนไม่ได้รักเขาหรอก สนน่ะเป็นคนที่รักใครแล้วก็ไม่เคยคิดจะปิดบังหรอกแม่รู้ นี่รูปในมือถือก็ไม่มี ในเฟสก็ไม่เคยอัปรูปแฟนตัวเองลง เห็นมีแต่ถ่ายรูปกับต้น มันผิดวิสัยของคนรักกันน่ะลูก"
ถ้าแม่ของต้นเดาได้ถูกขนาดนี้ สนก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวแล้วล่ะ
"ก็...อย่างที่แม่เยาพูดนั่นแหละครับ ผม...ไม่ได้รักนินา ผมแค่...รับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำพลาดไป ผมเคยพยายามรักเขา แต่ผมก็รักเขาไม่ได้ครับแม่เยา"
"แล้วสนรักใครล่ะลูก แม่ว่า...หล่อๆ อย่างสนน่าจะมีคนมาชอบเยอะนะ ถ้าสนไม่รักน้องเขา สนก็น่าจะมีคนที่สนรักอยู่แล้ว ใช่ไหมลูก"
ไม่รู้ว่าสนแสดงสีหน้าตกใจออกไปหรือเปล่า แต่แม่ของต้นก็มองสนอย่างสงสัย สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ความคิดในหัวตีกันไปหมดว่ามันถึงเวลาแล้วหรือยังที่สนจะบอกความจริงกับแม่ของต้น วันนี้สนตั้งใจมาพูดกับแม่ของต้นเรื่องที่ต้นเป็นเกย์ สนอยากให้แม่ของต้นเข้าใจลูกชายของตัวเองเท่านั้นเอง ไม่ได้วางแผนคิดเผื่อเรื่องนี้ไว้เลย แต่เมื่อแม่ของต้นเปิดทางมาอย่างนี้ มันก็น่าสนใจไม่น้อย
"เอ่อ..."
"บอกมาตรงๆ เถอะสน สนไม่ไว้ใจแม่เหรอ แม่เห็นสนกับต้นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก สนเองก็ไม่ต่างจากลูกชายอีกคนหนึ่งของครอบครัวเรานะลูก มีอะไรก็บอกแม่ได้ เผื่อแม่กับพ่อแอ๊ดจะพอช่วยคุยกับพ่อแต้วแม่พลอยให้ได้"
สนครุ่นคิดและชั่งใจอยู่สักพัก บางทีมันก็อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่แม่ของต้นควรจะรู้มากกว่าเรื่องที่ต้นเป็นเกย์ หลังจากที่ต้นบอกแม่เรื่องนั้นไปแล้ว หลังๆ แม่ของต้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ราวกับว่าต้นไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ฟังเลย พอพ่อของต้นถามเรื่องที่ต้นไม่มีแฟน แม่ของต้นก็ได้แต่บอกไปว่าให้ต้นตั้งใจเรียนหนังสือไปก่อน จบแล้วค่อยหาแฟนก็ยังทัน ทำให้หลังๆ พ่อของต้นเลิกถามเรื่องนี้ไป แต่ก็นั่นแหละ พอเวลาผ่านไปอีกหน่อย พ่อของต้นก็คงต้องกลับมาถามอีกจนได้
"ครับแม่เยา ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วครับ"
"ว่าแล้วไหมล่ะ แม่ก็สงสัยอยู่ เคยคุยกับแม่พลอยเหมือนกัน แต่แม่พลอยเขาบอกว่าสนไม่ได้รักใคร อ้อ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครล่ะลูก เรียนที่เดียวกันหรือเปล่า มีรูปมาให้แม่ดูไหม แม่อยากเห็น"
การพูดโกหกก็ว่ายากแล้ว แต่การพูดความจริงในบางเรื่องกลับยากยิ่งกว่า สนมองหน้าแม่ของต้นแล้วก็นึกหวั่นใจ แต่ไหนๆ สนก็กล้าเปิดเรื่องและมาคุยกัยแม่ของต้นด้วยตัวเองถึงที่แล้ว สนก็จะลองหยั่งเชิงดู ถ้าเห็นว่าจะไม่เป็นผลดีค่อยหยุดก็ยังทัน
"คนที่ผมรัก...ไม่ใช่ผู้หญิงครับแม่เยา"
แม่ของต้นทำหน้าเหรอหรา แล้วก็หัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ "อะไรกันสน นี่สนอำอะไรแม่เล่นหรือเปล่าลูก ถ้าแฟนสนไม่ใช่ผู้หญิงแล้วแฟนสนจะเป็นอะไรล่ะลูก อย่าบอกแม่นะว่าแฟนสนเป็นผู้ชาย แม่ไม่เชื่อหรอก สมัยเรียนที่นี่ ใครๆ ก็รู้ว่าสนน่ะจีบสาวเยอะแยะไปหมดเลย มีแฟนสาวๆ สวยๆ ตั้งหลายคน"
นั่นยิ่งทำให้สนหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ แสดงให้เห็นว่าแม่ของต้นก็ยังมองเรื่องความรักของชายกับชายเป็นเรื่องผิดปกติที่ยอมรับไม่ได้เหมือนเดิม
"แฟนผม...เป็นผู้ชายจริงๆ ครับแม่เยา" สนทำสีหน้าจริงจังกึ่งๆ อ้อนวอน
แม่ของต้นหยุดหัวเราะ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจากยิ้มเป็นเคร่งขรึมและดูเครียดในที่สุด ถ้าสนย้ำชัดเจนแบบนี้ สนก็ไม่นาจะล้อเธอเล่นแล้วล่ะ
"จริงเหรอสน"
"จริงครับแม่เยา สนหลงรักผู้ชายคนหนึ่งอยู่ครับแม่เยา"
"สน...สนอย่าบอกแม่นะว่า...สนกับต้น...ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ได้นะสน พวกเราสองครอบครัวจะทำยังไงล่ะลูก มีลูกชาย...ก็เป็นแบบนี้กันหมดเลย จะให้พ่อกับแม่ทำใจยังไงล่ะลูก ไหนจะคนแถวนี้อีก เขาจะมองเรายังไง"
แม่ของต้นทำท่าจะร้องไห้ สนก็ชักใจคอไม่ค่อยดีเสียแล้ว แต่สนก็อยากลองพูดอีกสักหน่อย
"แม่เยา...ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะครับ แต่ผม...ผมรักผู้ชายคนนั้นจริงๆ ครับแม่เยา ผมรักเขามาก เราสองคน...รักแล้วก็ดูแลกันมาตลอด ผมถึงไม่มีความสุขเลยที่จะต้องแต่งงาน ผมถึงไม่เคยมีรูปของคู่หมั้นเก็บไว้ ไม่เคยอัปรูปของผมกับเขาขึ้นที่ไหน ไม่เคยมีเขาอยู่ในความคิดเลยครับแม่เยา"
"สน...นี่สนกำลังจะบอกแม่ว่า...สนกับต้น..."
คำพูดที่ว่า "รักแล้วก็ดูแลกันมาตลอด" ทำให้แม่ของต้นสงสัยว่าสนกำลังหมายถึงต้น เพราะเธอก็เห็นแค่สนกับต้นเท่านั้นที่รักและดูแลกันมาตลอดในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นกับสนได้มาเจอกันสมัยต้นเรียนชั้นปอห้า
สนสูดหายใจยาว รวบรวมพลังใจและความกล้าทั้งหมดเท่าที่มีอยู่อีกครั้ง ผู้หญิงตรงหน้าคือผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่สนให้ความเคารพรักพอๆ กับแม่ของเขาเอง แม่เยาช่วยเลี้ยงดูสั่งสอนและรักสนเหมือนลูก สนก็ได้แต่หวังว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ใจร้ายกับสน เธอน่าจะเข้าใจได้ในที่สุดถ้าสนมีความจริงใจมากพอ
"ครับแม่เยา คนที่ผมรัก...ก็คือคนที่ผมถ่ายรูปอัปขึ้นเฟสบุ๊คด้วยกันบ่อยๆ นั่นแหละครับ"
แม่ของต้นถึงกับต้องเอามือปิดปากเพราะกลัวตัวเองจะกรีดร้องด้วยความตกใจออกมา สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าตกใจสุดขีด จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ สนยิ่งใจคอไม่ดีเข้าไปใหญ่ สนกลัวอย่างเดียวว่าสิ่งที่สนพูดจะทำให้ต้นเดือดร้อนและมีปัญหากับครอบครัวมากขึ้นไปอีก
"สน...สนพูดเล่นใช่ไหมลูก! ไม่จริงใช่ไหมสน!"
สนค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แล้วก็คุกเข่าลงตรงหน้าของแม่ของต้น เห็นแม่ของต้นร้องไห้แล้วสนก็อดที่จะร้องไห้ตามไม่ได้
"แม่เยา...ผมรักต้นครับ รักมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เรายังเรียนมัธยมด้วยกัน แม่เยาก็คงรู้ว่าผมกับต้น...สนิทกันมากแค่ไหน ห่วงใยกันมากแค่ไหน เราผูกพันกันมาก ไม่เคยจากกันไปไหนเลย ดูแลกันมาตลอด จนไม่รู้ว่า...ความรักอย่างเพื่อนกลายมาเป็นความรักอย่างคนรักกันตั้งแต่ตอนไหน เราสองคนรักกันมากครับแม่เยา ผมขอโทษ...ที่ทำให้แม่เยาผิดหวัง แต่ผมก็หวังว่า...แม่เยาจะเข้าใจเราสองคนนะครับ ผมยังจำได้เลย...แม่เยาเคยบอกผมกับต้นว่า แม่เยาโชคดีที่ผมกับต้นได้เจอกัน แม่เยามีความสุขที่เห็นผมกับต้นดูแลกัน รักกัน เติบโตมาด้วยกัน เหมือนมีลูกชายสองคนที่น่ารัก ถ้าผมกับต้นรักกันแบบนี้ แม่เยา...ยังจะรักผมกับต้นเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ เราสองคน...ยังเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่เยาอยู่หรือเปล่า หรือว่า...แม่เยาจะไม่รักเราสองคนแบบนี้อีกแล้ว"
สนร้องไห้อย่างสะเทือนใจ เงยหน้ามองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่คนที่สองด้วยแววตาอ้อนวอน แม่ของต้นเองก็พูดไม่ออก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่รักต้นกับสนเพราะคงไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูกของตัวเอง แต่ทำไมเธอถึงยังดื้อรั้นไม่ยอมรับเรื่องนี้มาเป็นปีสองปี ในฐานะของคนที่เป็นแม่ เธอก็ไม่มีความสุขหรอกกับการที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกของตัวเองเป็น ตั้งแต่วันนั้น ต้นดูมีระยะห่างกับคนในครอบครัวไปมาก แม้จะไม่พูดคุยกันเรื่องนั้นเวลาอยู่ด้วยกัน แต่เธอก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าต้นต้องการให้เธอยอมรับในสิ่งที่ต้นเป็น แต่คนที่เป็นแม่อย่างเธอกลับให้ไม่ได้ แล้วเธอจะไปคาดหวังให้ใครที่ไหนเข้าใจลูกของเธอล่ะ แม่แท้ๆ ยังไม่เข้าใจลูกของตัวเองเลย ทำไมเธอถึงได้ทำร้ายจิตใจลูกของตัวเองอย่างอำมหิตเช่นนี้ ถ้าสนไม่มาขอร้องอ้อนวอน เธอก็คงไม่ได้รู้เลยว่าเธอทำสิ่งที่เลือดเย็นกับลูกชายมากแค่ไหน
"ผมกับต้น...ผิดหรือเปล่าครับแม่เยา เราสองคนเป็นคนไม่ดีหรือเปล่าที่รักกันแบบนี้ ความรักของเราสองคนผิดมากเหรอครับแม่เยาถึงไม่มีใครยอมรับ ถ้าครอบครัวของผมกับต้นไม่ยอมรับเราสองคนที่เป็นแบบนี้ จะให้ผมกับต้นทำยังไงครับแม่เยา ผมกับต้นก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ต่อให้ใครคนอื่นยอมรับเราได้ แต่ผมกับต้นก็อยากให้พ่อแม่แท้ๆ ของเราสองคนยอมรับเรามากกว่าใครทั้งหมด แม่เยาครับ ต่อให้จับผมกับต้นแยกกัน บังคับให้แต่งงานกับคนอื่น หรือจะเฆี่ยนตีให้ตาย ผมกับต้นก็จะยังรักกันอยู่เหมือนเดิม เห็นใจผมกับต้นเถอะนะครับแม่เยา เราสองคนรักกัน รักใครไม่ได้อีกแล้ว"
"สน..."
แม่ของต้นมองหน้าสนแล้วก็สะท้อนใจ สนคงต้องรักต้นมากถึงได้ยอมคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนเธอแบบนี้ แล้วคนที่เป็นแม่คนอย่างเธอจะใจร้ายใจดำกับเด็กตาดำๆ สองคนที่เธอเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยได้เชียวหรือ คนหนึ่งก็ลูกในใส้ จะดีจะชั่วยังไงก็เป็นลูก อีกคนก็เป็นคนที่เธอรักเหมือนลูกชายแท้ๆ คนหนึ่ง สนเป็นคนเดียวที่ครอบครัวของเธอไว้วางใจมาก ถ้าต้นไปไหนแล้วมีสนคอยดูแลเธอก็จะไม่เคยห่วงเลย ถ้าหากต้นเป็นอย่างนั้นจริงและเปลี่ยนไม่ได้ ผู้ชายคนเดียวที่เธอจะมั่นใจได้ว่าจะดูแลต้นได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นสน อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ต้นไปรักคนอื่นที่เธอไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
"นะครับแม่เยา ให้ผมกับต้นรักกันเถอะนะครับ ผมสัญญา...เราสองคนจะเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ จะไม่ทำให้พ่อกับแม่เดือดร้อนลำบากใจ จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้พ่อกับแม่ทั้งสองครอบครัวภูมิใจกับเราสองคน ผมเอง...ก็จะขอสัญญาว่าผมจะดูแลต้นให้ดีที่สุด ผมจะรักเขาให้มากที่สุดเท่าที่คนๆ นึงจะรักได้ แม่เยาเชื่อใจเราสองคนหรือเปล่าครับ"
ถึงตอนนี้ แม่ของต้นก็คงจะใจร้ายใจดำไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่อาจจะเรียกตัวเองว่าเป็นแม่ที่รักลูกได้อีกต่อไป
"แม่เชื่อใจต้นกับสนนะลูก ไม่ว่ายังไง แม่ก็รักต้นกับสนเหมือนเดิม แม่ขอโทษนะสน...ที่แม่...คิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่เคยถามต้นกับสนเลยว่ามีความสุขหรือเปล่าที่ต้องบังคับฝืนใจทำในสิ่งที่พ่อกับแม่เห็นว่าดี แม่ขอโทษนะลูก ต่อไป...แม่จะไม่ทำอย่างนี้อีก แม่เชื่อใจสนนะลูก แม่เห็นต้นกับสนมาตั้งแต่เด็กๆ แม่รู้ว่าเราสองคนรักกันมาก ดูแลกันเป็นอย่างดีมาตลอด ถ้าต้นคิดจะรักใครสักคน ถ้าพ่อกับแม่จะต้องฝากต้นไว้กับใคร แม่ก็เชื่อใจสนคนเดียวนี่แหละลูก"
"ขอบคุณครับแม่เยา ขอบคุณที่เข้าใจเราสองคนนะครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของแม่เยาเลย" สนก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ต้นด้วยความซาบซึ้งใจ ถ้าต้นได้มารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้นคงดีใจมากทีเดียว
"เราทำให้นายได้แล้วนะต้น เราทำได้แล้ว อย่างน้อย...แม่ของนายก็เข้าใจเราสองคนแล้วนะต้น" สนคิดในใจ
แม่ของต้นลูบศีรษะของสนเบาๆ อย่างเอ็นดู "ลุกขึ้นเถอะสน ลุกขึ้นเถอะนะลูก"
สนค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วก็กอดแม่ของต้นไว้
"แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษ"
"ไม่เป็นไรครับแม่เยา ขอแค่แม่เยาเข้าใจผมกับต้น แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ต้นเขาต้องดีใจมากแน่ๆ เลยครับแม่เยาที่แม่เยายอมรับสิ่งที่ต้นเป็นได้แล้ว"
แม่ของต้นลูบหลังสนเบาๆ นึกถึงลูกในใส้ของเธอแล้วก็ดีใจ ต้นโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอสน เธอเคยพูดอย่างนี้กับต้นและสนตอนที่สองคนเป็นเด็ก จนถึงวันนี้ สนก็พิสูจน์ให้เธอได้เห็นแล้วว่าต้นโชคดีมากแค่ไหนที่ได้เจอคนดีๆ อย่างสน เธอไม่ได้ดูคนผิดอย่างแน่นอน
สนกลับมานั่งที่ ต่างคนต่างก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์และการร่ำไห้เพื่อที่จะคุยกันได้อย่างเป็นปกติ
"สน...แล้วต่อไปสนจะทำยังไงล่ะลูก แม่หมายถึง...เรื่องของสนกับคู่หมั้นน่ะลูก"
สนครุ่นคิด ปัญหาตอนนี้คงอยู่ที่พ่อของสนเป็นหลัก ส่วนแม่ สนเชื่อว่าแม่จะเข้าใจสนในที่สุด ขอแค่ให้สนได้คุยกับแม่เรื่องนี้เท่านั้น ติดที่ว่าสนรับปากพ่อไว้จึงยังไม่ได้คุยกับแม่ของตัวเองเลย
"ผมจะคุยกับพ่อกับแม่เรื่องขอถอนหมั้นกับนินาครับ แต่ว่า...ผมคุยกับพ่อเรื่องนี้แล้ว พ่อ...พ่อผมเขารับไม่ได้ครับแม่เยา เขาอยากให้ผมแต่งงานกับนินาหรือผู้หญิงสักคน มีลูกหลานสืบสกุลให้เขา เขาไม่อยากให้ผมรักต้นแบบนี้ครับแม่เยา"
"จริงเหรอสน" แม่ของต้นถามด้วยสีหน้าตกใจ รู้สึกเห็นใจและสงสารสนขึ้นมาจับจิตจับใจ อุปสรรคที่หนักหนาที่สุดก็คงจะเป็นพ่อของต้นกับสนสองคนนี่เอง
สนพยักหน้า สีหน้าดูยุ่งยากใจอย่างเห็นได้ชัด
"แม่เองก็ยังไม่กล้าบอกพ่อของต้นเลย พ่อของต้นก็คงคิดไม่ต่างจากพ่อของสนหรอกลูก แค่จะบอกว่าต้นเป็นเกย์ เขาก็รับไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้ารู้ว่าต้นกับสนรักกัน...แม่ก็ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตแค่ไหน"
ต่างคนต่างมีสีหน้าหนักใจ แต่สำหรับสนแล้ว การที่แม่ของต้นยอมรับได้ก็ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่น่าจะช่วยให้เรื่องอื่นๆ ง่ายขึ้นในอนาคต
"เดี๋ยวเราค่อยๆ คิดกันไปก็ได้ครับแม่เยา กว่าผมจะได้แต่งงานกับนินาก็อีกเป็นปีเพราะต้องรอให้นินาเรียนจบก่อน เรายังพอมีเวลาคิดหาหนทางครับ"
แม่ของต้นพยักหน้าเข้าใจ ก็จริงอย่างที่สนว่า สนยังพอมีเวลาอยู่ อย่างน้อยก็อีกหนึ่งปี กว่าจะถึงวันนั้นก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้
"แม่เยาครับ ผมขอแม่เยาอีกเรื่องหนึ่งนะครับ"
"อะไรเหรอลูก" แม่ของต้นมองอย่างหวั่นใจ ไม่รู้ว่าสนจะมีเรื่องให้ต้องตกใจมากไปกว่านี้อีกหรือเปล่า เธอกลัวจะรับไม่ไหวเสียก่อน
"แม่เยาอย่าเพิ่งบอกต้นนะครับว่าผมมาคุยกับแม่เยาเรื่องนี้ ต้นเขารักผมก่อน ส่วนผม...เพิ่งมารู้ตัวทีหลัง ผมยังไม่ได้บอกต้นเลยครับแม่เยาว่าผมรักเขา แต่ผมจะบอกเขาเองครับแม่เยา ผมจะบอกต้นแน่นอนครับ"
"อ๋อ..." แม่ของต้นยิ้มและหัวเราะเบาๆ "เรื่องนั้น...แม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสนละกันนะลูก แม่คงบอกแทนสนไม่ได้อยู่แล้วล่ะ"
สนยิ้มดีใจ "ขอบคุณครับแม่เยา"
เมื่อสนรักต้น สนก็ต้องเป็นคนบอกรักต้นด้วยตัวเองอยู่แล้วล่ะ คงให้คนอื่นบอกแทนไม่ได้ สนก็ได้แต่หวังว่าปาฏิหาริย์ครั้งที่สามจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้เสียที วันนั้นจะเป็นวันที่สนได้บอกรักต้น วันที่การรอคอยสิ้นสุดลง ต้นกับสนคงมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
TBCขอยกเครดิตตอนนี้ให้กับคุณ Freja อีกครั้งในฐานะคนที่เป็นแม่ ตอนนั้นกำลังคิดอยู่ว่าสนควรจะพูดอะไรดีแม่ของต้นถึงจะฟัง ก็ได้ไอเดียจากคุณ Freja นี่แหละครับ ขอบคุณนะครับ