รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.15 เขมรู้สึกผิด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.15 เขมรู้สึกผิด  (อ่าน 386 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2024 18:58:01 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
สารบัญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 21:08:40 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
               ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน วิชาชีพและเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องสมมุติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โดยมิได้มีเจตนาชี้นำ หรือ ส่งเสริมการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้แต่งไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้งให้กับหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ หากเกิดข้อผิดพลาดประการใด ผู้แต่งขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

คำนำ


            เขมชาติ เขาเป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก เขมเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน มีพี่น้องสามคน พี่ชายคนโตเป็นปลัดอำเภอเขาย้ายไปประจำการที่อำเภอหนึ่งทางภาคเหนือ เนื่องจากเขาได้แต่งงานกับสูกสาวของผู้มีอิทธิพลทางเหนือ มีลูกชายหนึ่งคนชื่อและพี่ชายคนที่สอง ที่ห่างจากเขมแค่สองปี พี่ชายคนนี้รับใช้ชาติเป็นทหารอยู่ที่ชายแดนทางใต้ เขาเป็นหัวหน้าหน่วยอยู่ตอนนี้
              เขมชาติ มีความตั้งใจอยากจะเป็นครูเหมือนกับแม่ของเขา แม่ของเขมเป็นครูสอนวิชาคหกรรม แม่ของเขาทำอาหารเก่งมาก ส่วนพ่อของเขาเคยเป็นนักการทูตประจำประเทศต่างๆ ทำให้เขมได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศที่พ่อของเขาประจำการหลายประเทศเพื่อเป็นการศึกษาหาความรู้ระยะสั้นๆ
               เขมเรียนจบมากเกือบปีเขาได้ตัดสินใจไปสอบบรรจุจนได้เป็นครูสายอาชีพเต็มตัวและเขายังได้ไปเป็นครูที่ต่างจังหวัด ที่ห่างไกลจากกรูงเทพ เขมชาติมีแฟนที่คบกันมาเกือบสี่ปีครึ่ง ณัฐกานต์ เขมคบกับณัฐกานต์ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ณัฐกานต์เป็นคนขี้หึงและไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนของเขมได้เลยสักคน ตอนนี้เขมได้มาเป็นครูไกล ณัฐกาต์ผู้ชื่นชอบการเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนที่ทำงานธนาคารด้วยกันและเพื่อนเก่าของเขา ทำให้ณัฐกานต์เกิดอาการไม่พอใจที่ทำไมเขมไม่เลือกโรงเรียนใหญ่ๆโตๆ เพื่อว่าจะได้ก้าวหน้ามากกว่าโรงเรียนเล็กๆที่เขาเลือกมา แต่ว่านี้คือจุดเริ่มต้นของคำว่า ครูกับนักเรียนและเขาจะทำยังไง กับกฎ ครูไม่ควรมีความรักกับลูกศิษย์ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่เพราะก่อนหน้าเขาจะเข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก็มีครูคนเก่าที่ได้มาประจำการที่นี้และได้พบรักกับนักเรียนชั้นมัธยมต้น ทางบ้านน้องเขาไม่เห็นด้วย สุดท้าย เขาทั้งคู่ก็หายไป อย่างไร้ร่องลอย เขมชาติจะช่วยแก้ไขสิ่งผิดที่เขาทั้งคู่ทำไว้ได้หรือไม่ 

                 ฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ เป็นเรื่องที่นำมาเขียนใหม่ ฝากเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 21:09:01 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
EP.1 วันแรกของเขมชาติ


                    Part's ครูเขมชาติ ผมชื่อเขมชาติหรือเรียกสั้นๆ ว่าเขมครับ ผมจบคุรุศาสตรบัณฑิต เอกภาษาอังกฤษ ผมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากการสอบเอ็นทรานส์ติด ผมจบมาได้ปีกว่าแล้ว ผมอายุ 23 ปีบริบูรณ์ ผมเป็นลูกชายคนเล็ก พ่อผมเป็นอดีตนักการทูตเพราะว่าพ่อผมเสียไปแล้ว ส่วนผมพอเรียนจบก็ดูแลแม่เพราะว่าแม่อยู่บ้านคนเดียว ผมมีพี่ชายสองคน คนโตเป็นปลัดอำเภอ ตอนนีไปประจำอยู่ที่เชียงใหม่ พ่อผมพึ่งจะเสียไปได้สามปีครึ่ง ผมเลยไม่ได้ยังไม่ได้เข้าสอบบรรจุครูทันที ผมเข้าไปเป็นครูติวเตอร์ที่ศูนย์ติวเตอร์แห่งหนึ่ง เพื่อนๆ ผมก็ไปเป็นติวเตอร์ที่นั่น เพราะว่าเงินก็ดีและไม่ต้องมานั่งทำเอกสารและเจ้าของติวเตอร์ก็เป็นอาจารย์ของพวกผมเองด้วย



              และด้วยคำร่ำลือมาจากรุ่นพี่หลายๆ คนของพวกผมที่ได้บรรจุเป็นครู โดยเฉพาะภาครัฐ เขาบอกว่าไม่ได้สอนเหนื่อยอย่างเดียวนะ งานเอกสารก็เยอะ ประเมินนั้นประเมินนี้เยอะแยะไปหมด แต่ทว่าความฝันของผมก็คือการได้รับราชการและเป็นครูเต็มตัว ผมก็เลยตัดสินใจไปสอบ กพ และว่าผมได้รับจดหมายให้มาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนกินนอนและไปกลับเท่าที่ผมทราบคร่าวๆ และค่อนข้างไกลจากกรุงเทพฯไปหน่อย ขับรถเกือบสี่ชั่วโมงได้


              “เมื่อไหร่ะถึงซะทีละเขม นั่งเมื่อยแล้วเนี๊ยะ!” ณัฐกานต์ คนนี้คือแฟนของผม ณัฐกานต์ต์จบบัญชีและเขาก็เข้าทำงานที่ธนาคารทันทีที่เรียนจบ ก็เพราะว่าครอบครัวเขาเป็นนักธุรกิจ ประเภทรีสอร์ตทำให้มีเงินเข้าหมุนเวียนเยอะ เขาก็เลยได้สิทธิ์ตรงนี้ไปด้วยตั้งแต่ฝึกงานแล้ว

                   “ใกล้แล้วครับกานต์ ถ้ากานต์ง่วงหลับก่อนไหมครับ เพื่อว่าจะดีขึ้น” ผมหันไปแตะต้นแขนเขาเพราะว่าเขาดูหงุดหงิดนะตอนนี้ อันที่จริงก็ปกตินะ ณัฐกานต์จะหงุดหงิดง่ายมากและนี้ดันอดนอนเมื่อคืนเพราะว่าไปเที่ยวกับเพื่อนกลับมาตีสองกว่าๆ ทั้งที่ผมบอกว่าผมจะชวนมาโรงเรียนใหม่ที่ผมจะได้มาบรรจุเป็นครู


                    “ใครจะไปนอนลง มันนอนสบายที่ไหนละเขมในรถนะ” ณัฐกานต์หันมาหัวเสียใส่ผม ผมหันไปมอง

                    “อันที่จริงกานต์ไม่ต้องมาส่งเขมก็ได้นิ ถ้า...กานต์เหนื่อยและง่วงมาก” ผมพูดและหันไปมองทางอื่นแทน ผมนะพยายามจะไม่ชวนณัฐกานต์ทะเลาะ แต่ก็ไม่วายต้องทะเลาะกันบ่อยๆ จนบางทีผมรู้สึกว่าเหมือนเราจะไปกันไม่รอดแต่ผมก็พยายามยื้อ เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครมองว่าความรักแบบผมนะเป็นความรักที่ไม่มีวันยั่งยืนเหมือนคู่รักหนุ่มสาว ไม่มีอนาคตและเปลี่ยนคู่บ่อย

                      “นี้จะมาชวนทะเลาะเพราะว่ากานต์ไปเที่ยวกับเพื่อนและกลับมาตีสอง อย่างนั้นเหรอเขม” ณัฐกานต์พูดขึ้น เขาหันมามองหน้าผม ผมก็หันไปมองหน้าณัฐกานต์

                     “กานต์เป็นคนชวนเขมทะเลาะด้วยเองนะ และไม่ใช่เขมเองที่อยากทะเลาะกับกานต์” ผมพูด

                     “และเขมก็บอกกานต์ว่าจะกลับดึก กานต์ก็ไม่ฟังเขมและมาหงุดหงิดใส่เขมแบบนี้ มันถูกเหรอกานต์” ผมณัฐกานต์

                       “ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนและที่ไปเพราะว่ากานต์เครียด…. ดันมีหัวหน้าก็คอยจับผิด มีแฟนก็มานั่งห้ามนั้นห้ามนี้ น่าเบื่อนะเขม” ณัฐกานต์พูดอย่างหัวเสีย ผมก็พ่นลมหายใจยาวๆ ไป เหตุที่กานต์บอกว่าเครียดผมน่ะเข้าใจแต่นี้เล่นไปทุกอาทิตย์แบบนี้

                      “ก็เวลากานต์ไปกินเหล้านะ มันหมดไปกี่บาท ไหนเราจะสร้างครอบครัวกันไงครับ “ผมพูดหันบอกณัฐกานต์และหันมามองถนนหนทางต่อ


                      “ยิ่งพ่อแม่ของกานต์ พวกท่านก็พูดอยู่ว่าความรักของเรามันไม่มีวันไปได้ไกลและมันดูไม่มีอานาคต ดังนั้นเราควรจะทำมันให้ทุกคนเห็นซิกานต์ “ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ ที่นั่งกอดอก


                        “เราต้องช่วยกันเก็บหอมรอมริบ นี้เขมก็อยากมีความมั่นคง เขมเลยเลือกที่จะมาเป็นครูเต็มตัวเพราะมันทำให้เขมดูมีอนาคตที่แน่นอน” ผมบอกณัฐกานต์ ดูท่าเขาจะไม่ได้อยากจะฟังผมเท่าไหร่

                       “อนาคตจะไปไกลได้ยังไง ทำไมถึงเลือกมาเป็นครูซะไกลขนาดนี้ กันดาร ทำไมไม่เป็นครูที่กรุงเทพละ” ณัฐกานต์ถามผม เขาคิดแค่ว่าถ้าได้อยู่ในที่เจริญเท่านั้นชีวิตถึงจะดี

                      “และถ้าเขมได้บรรจุที่นี้ กานต์ไม่ย้ายมาอยู่ด้วยหรอกนะ ไกลและห่างเพื่อนกานต์แบบนี้ ไม่เอาด้วยหรอก” ณัฐกานต์พูด ผมก็เหลือบมองแผนที่บนกูเกิล ที่บอกผมว่าใกล้จะถึงแล้วและเมื่อผมขับไปได้สักพัก็เห็นป้ายชื่อโรงเรียน

                     “ถึงแล้วกานต์” ผมบอกคนที่นั่งกอดอกหน้างอ ณัฐกานต์ก็พยักหน้าแบบขอไปที ผมเลี้ยวรถเข้าไปทันที ก่อนจะผ่าน รปภ ของโรงเรียน

                     “สวัสดีครับ ผมเป็นครูคนใหม่ครับ” ผมบอกคนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน เขาก็พยักหน้าและออกมาเปิดประตูให้รถผมแล่นเข้าไปได้

                    “รบกวนเซนต์ชื่อในสมุดด้วยครับ” ลุงคนที่นั่งอยู่ที่ป้อมดูแลการเข้าออกที่ตรงประตูโรงเรียน บอกผมและยื่นสมุดมาให้ผมเซนต์ชื่อในรถ ผมก็ส่งกลับคืนให้เขา "มาเป็นครูที่นี้เหรอครับคุณ" ลุงเขาถามผม "ใช่ครับ ผมมาเป็นครูที่นี้ครับ ครูสอนภาษาอังกฤษครับ" ผมพูด เขาเงยหน้ามองหน้าผมก่อนจะมองคนที่นั่งทำหน้างอในรถของผม "มาแทนครูมิ้งแน่ๆ เลย งั้นก็โชคดีนะครับครู" ลุงเขาพูด

                    “ขอบคุณนะครับ” ผมพูด และขับรถเข้าไปด้านในทันที
                    “จะไปขอบคุณเขาทำไม ก็มันหน้าที่เขาเขม” ณัฐกานต์ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของการดูถูกคนของณัฐกานต์ ผมหันไปมองและส่ายหัวเพราะไม่อยากชวนเขาทะเลาะกันมากไปกว่านี้ ผมนำรถเข้าไปจอดในที่จอดรถที่ร่มๆ หน่อยรถจะได้ไม่ร้อน รถคันนี้เป็นรถของพ่อผมที่ผมรักมาก ไม่อยากซื้อใหม่ แม้ว่าณัฐกานต์จะคะยั้นคะยอผมให้ผมซื้อก็ตาม แต่ผมคิดว่าผมอยากจะเก็บเงินสักหน่อย ผมอยากซื้อบ้านสักหลังอยู่ใกล้ๆ แม่ผมด้วยยิ่งดี

                  “นี้เหรอโรงเรียน มีแค่ตึกเดียวและเออ เหมือนจะเป็นโรงอาหาร นักเรียนกี่ร้อยคนเนี๊ยะ” ณัฐกานต์ก้าวเท้าลงมาได้ก็บ่นถึงสภาพโรงเรียนทันที

                  “ที่นี้มีนักเรียนทั้งหมด 630 คนและเป็นเด็กกินนอนที่นี้ก็ประมาณ 350 คน เขามีตึกเดียวก็จริงแต่เขามีบ้านพักให้เด็กๆ อยู่ด้านหลังโน้นนะกานต์” ผมบอกณัฐกานต์ เขาก็พยักหน้าแต่ผมดูก็รู้ว่ามันไม่พอสำหรับณัฐกานต์ เขาเชื่อว่าโรงเรียนใหญ่ๆ และมีนีกเรียนเยอะๆ นั้นจะบ่งบอกว่าผมจะได้ตำแหน่งดีดี และเงินที่ดีตามมาด้วย

                 “แล้วนี่จะไปไหนต่อล่ะ” ณัฐกานต์ถามผม
                “จะขึ้นไปห้องธุรการก่อนครับ “ผมบอกณัฐกานต์
                “ถ้าอย่างนั้นรอข้างล่างนี้นะเขม ไม่อยากขึ้นไปนั่ง มันอึดอัดที่จะเห็นชะนีมอง...เหมือนเป็นตัวประหลาด” ณัฐกานต์พูดพร้อมกับหันหลังออก ผมก็ทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมา ผมพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ ณํฐกานต์เป็นคนไม่ชอบอดทนความลำบาก ผมรีบเดินหันหลังไปขึ้นตึกที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปขอจัดปกเสื้อซะหน่อย ดูดีหรือยังก็ไม่รู้ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแบบเต็มและเดินหน้าขึ้นไปทันทีแต่ทวะผมกลับได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเหมือนจะลงมาทางผม

                “ตึงๆ” เสียงน้ำหนักเท้าบอกได้ว่าคงจะเป็นเด็กโตแน่ๆ เพราะนี้มันโรงเรียนมัธยมแล้วนะ จังหวะนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ผมเดินขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้วและผมก็ต้องผงะเพราะว่ามีเด็กผู้ชายวิ่งส่วนลงมา ตรงช่องทางเดินเดียวกันกับผมพอดี ผมถึงกับทำท่าจะหงายหลัง
                 “หมับ” มันช่างเหมือนในหนังหรือซีรี่ย์เกาหลีไม่มีผิดเพี้ยนพระเอกคว้ามือนางเอกไว้ได้ก่อนที่จะหงายหลังตกบันได มันเป็นภาพสโลโมชั่นมากและมันทำให้สายตาผมจับภาพใบหน้าหนุ่มคนนั้นได้หมด ติ้วที่ดูรกแต่มีเสน่ห์และนัยต์ตาคู่นั้น มีสีฟ้าไม่น่าจะใช้คนไทยแน่นอน สีผมที่ไม่ดำและไม่แดง เหมือนคนโกรกสีผมที่มีประกายแดงเวลาออกแดด จมูกที่โด่งบอกได้ว่านี้ไม่ใช่มาตรฐานชายไทยแน่นอน รูปร่างสูงและดูก็รู้ว่าเป็นนักกีฬาด้วยแน่ๆ แต่ทำไมผมถึงได้พิจารณาเขาได้ละเอียดได้เยอะแบบนี้ เหมือนวิดีโอที่กดค้างเอาไว้
 
                  “เปี๊ยะ” เสียงดีดนิ้วเรียกสติผม ผมกรีบยืนทรงตัวให้ได้ทันที

                 “เกือบแล้ว เกือบได้ทำศัลยกรรมแล้วไหมล่ะ ถ้าตกไป ถึงจะแค่ห้าหกขึ้นก็ตาม” เด็กคนนั้นพูดแซวผม ผมมองที่มือของเขาที่จับคว้าแขนของผมเอาไว้ เขาก็ปล่อยและยิ้มให้ผม พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ชายเสื้อที่หลุดห้อยออกมา ขณะที่ผมก้มลงมอง
                 “หึ” มีเลิกคิ้วมองผม
 
                 “แธวกิ้ว โซ มัธ” ผมพูดบอกขอบคุณเขาเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าหน้าเขามันบอกได้ว่าไม่ใช่คนไทยแน่นอน.

                “พูดไทยก็ได้มั้งครับ ที่นี้ประเทศไทย” เพล้ง! หน้าผมครับ

               “ขอบคุณครับ” ผมเลยต้องกลับมาพูดภาษาไทยกับหนุ่มตรงหน้า หน้าตาที่ออกไปทางชาวต่างชาติมากกว่า น่าจะเกินคำว่าลูกครึ่งเพราะว่าฝรั่งจ้าขนาดนี้ เขาหยักคิ้วให้ผมสองทีติด ผมยิ้มๆ ให้เขาและนึกในใจ นี้ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ครูเลยเจอดีแล้วไงไอ้เขมเอ๊ย!
                 “ไอ้คริสสสส ทำไมมึงไม่รอกูวะ มึงจะรีบไปตามควายที่ไหน” เสียงที่ดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง ผมก็เงบหน้ามองคนที่มายืนอยู่ชั้นบน

                “ก็มึงช้านี้หว่า ลงมาดิจะได้ไป...ฉี่” เด็กคนนี้นพูดและหันมาเน้นคำนั้นตรงหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มให้ผมแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเท่มากก็เถอะแต่ทำไมสายตาผมมันลดลงมามองตรงเป้าหว่า หรือว่าเพราะผมจินตนาการต่ำไป เงยหน้าขึ้นมามองหน้าตากวนๆ นั้น แต่จังหวะนั้นก็มีเสียงที่ทำให้การจินตนาการของผมหยุดชะงัก

              “นายคริส!” เอาฉายเสื้อใส่ในกางเกงเดี๋ยวนี้นะ อยู่ในเขตโรงเรียนและนี้มันเป็นเวลาเรียน! “

               “ซวยแล้วววมึง วิ่งดิว่ะ แม่มึงมา” เสียงครูตะโกนลงมา ผมหันไปมองตาม ดูซิวิ่งซะ ผมก็หันกลับไปมองครูที่ยืนอยู่ที่ชั้นบน ครูเขาก็ตกใจที่เห็นผมเช่นกัน

               “อุ้ย!” ครูสาวตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ผมก็ส่งยิ้มให้

               “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” คุณครูรีบถามผม ผมหันไปมองสองคนนั้นที่วิ่งหายไป และหันกลับมาตอบครูที่ยืนอยู่ด้านบน

                  “ผมมารายงานตัวที่จะเป็นครูบรรจุที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกครูที่ยืนอยู่ด้านบนและก้าวเดินเพื่อขึ้น

                  “อ้อ ครูเขมชาติใช่ไหมคะ เชิญค่ะ ท่านผู้อำนวยการรออยู่แล้วค่ะ มาเร็วนะชับรถจากกรุงเทพเลย” ผมพยักหน้า ครูคนนี้ซิน่ะที่คอยประสานงานและต่อกับผมตลอด

                  “ดิฉันชื่อครูสมพิศค่ะ เป็นครูที่นี้และเป็นเลขาท่านผู้อำนวยการด้วยค่ะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ

                  “เดินทางมาคนเดียวเหรอคะ เก่งจังค่ะ” ครูสมพิศพูด
                  “ผมมากับ..เพื่อนครับ “ผมบอกครูสมพิศ
                  “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญครูเขมด้านในห้องผู้อำนวยการเลยค่ะเพราะว่าท่านจะรีบไปประชุมต่อค่ะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้าและเดินไปตามที่ครูสมพิศผายมือบอกผม หน้าห้องผู้อำนวยการ ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วย ท่านดูไม่แก่จนเกินไป วัยกลางคนอายุก็ราวๆ50 ปีเห็นจะได้ ผมยกมือไหว้ท่าน

                 “เชิญครับ “ท่านพูดให้ผมอ่านปากและผายมือให้ผมนั่งลงตรงข้ามกับท่าน ผมก็นั่งลงและไม่นานท่านก็กดวางสายที่ท่านคุยอยู่ทันที

                  “ผมมารายตัวที่จะเป็นครูที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกผู้อำนวยการ ท่านก็หยิบแฟ้มหนึ่งข้างๆ ท่านออกมาเปิดและมองผมพร้อมกับมองลงไปเอกสาร น่าจะรูปที่ติดแปะไว้
                 “แม้โชคดีจัง ตัวจริงดูดีกว่ารูปแต่ก็ยังหล่ออยู่ดีนั่นแหละครับ “ผู้อำนวยการพูด ผมก็ยิ้มๆ ให้ท่าน
                  “คุณเชมชาติใช่ไหมครับ จบจากคณะครุศาสตรบัณฑิตมาถูกต้องไหมครับ” ผมพยักหน้า
                 “ครับ” ผมตอบแค่นั้น
                “ประสบการณ์ เป็นครูที่ศูนย์ติวเตอร์ไม่เคยเป็นครูในโรงเรียนมาก่อน ถูกต้องไหมครับ” ท่านถามผมก็พยักหน้าเบาๆ ว่าใช่

                  “ลูกหลานผมก็เรียนติวเตอร์กันหมด นี้คือสาเหตุที่ผมเลือกรับครูเข้ามา คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไรครับ” ผู้อำนวยการถามผม ผมก็ส่ายหัวทันทีว่าไม่รู้

                  “เพราะว่าครูติวเตอร์นี้เอ็นเตอร์เทรนเก่งนะ เด็กตั้งใจเรียนน่าดู เลยลองเอาครูติวเตอร์มาเป็นครูโรงเรียนบ้างท่าจะดี” ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ยิ้มๆ แก้เขิน

                 “เด็กๆ ที่นี้อ่อนภาษาอังกฤษกันมีเก่งไม่กี่คน ผมหวังว่าครูจะทำให้นักเรียนของเราเก่งภาษาอังกฤษกันขึ้นนะครับ เพราะว่า AEC เข้ามาภาษาอังกฤษก็จะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นนะครับ “ผู้อำนวยการพูด ผมก็ได้แค่ยิ้ม

                “ครูแต่งงานหรือยังครับ” ผู้อำนวยการถามผม

               “เออ..ยังครับ” ผมตอบ

               “มีแพลนไหมครับ” ผู้อำนวยการถามผม ผมก็ทำหน้างง

               “คือเออ... ผมว่ายังครับ” ผมพูดและทำท่าคิด ผมว่าณัฐกานต์คงไม่คิดเรื่องนั้นตอนนี้แน่นอนเขายังรักสนุกอยู่เลยและทางครอบครัวเขาก็คงไม่ได้คิดให้ผมแต่งกันแน่ๆ
                “ที่ผมถามคือว่า ถ้าแพลนแต่งก็อาจจะอยู่ไม่นานก็ย้ายตามกันไป อยากได้ครูที่อยู่กับเรานานๆ สักหน่อย อย่างน้อยห้าปีนะ “ผู้อำนวยการพูด
                “คือจะ.... ให้ผมโสดจนถึงห้าปีเลยเหรอครับ” ผมถามท่านผู้อำนวยการ ท่านเงยหน้ามองผม
                “ผมล้อเล่นนะครับแต่อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ หน่อย อย่าเพิ่งรีบย้ายไปไหนเลย นะครูนะ” ผู้อำนวยการตอบผมแอบขำผมด้วย
                “แต่ผมอยากเป็นครู ผมว่าถ้าให้ผมอยู่สิบปีก็ได้ครับ เพราะว่าผมรักในอาชีพครูและผมไม่คิดจะทิ้งนักเรียนผมไปไหนแน่นอน” ผมบอกผู้อำนวยการ ท่านก็พยักหน้า

                “ครูเข้ามาตอนนี้ก็คือมาแทนครูมิ้งนะครับ อันนี้ไม่ได้แต่งงานกับใครหรอกแต่หายไปกับนักเรียนซะงั้น มาอยู่เป็นครูได้สามเดือน พานักเรียนผมไปด้วยไปสอนกันที่ไหนก็ไม่รู้ ไปแล้วไปเลย “ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ทำสีหน้าตกใจ แต่ท่านนะพูดไปขำไป
               “เออ ถ้าอย่างนั้นผมคงจะให้ครูสมพิศจัดการทุกอย่างให้ก่อนนะครับ ผมต้องรีบไปประชุมที่เขตนะครับ วันนี้ครูก็พักผ่อน จัดบ้านก่อนแล้วกันนะครับ วันจันทร์ก็เข้าสอนตามปกติได้เลย ครูสมพิศจะแจงเรื่องตารางการสอนให้นะครับ ครูเขม “ผู้อำนวยการพูด "ครูสมพิศ เธอรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ มีอะไรก็บอกครูสมพิศเธอได้เลยนะครับครูเขม"ผู้อำนวยการบอกผม ผมพยักหน้า
               “อีกเรื่องหนึ่งคือ ทางโรงเรียนนี้ จะมีนักเรียนกินนอนกับเราดังนั้นเราจะมีการสอนพิเศษให้เด็กๆ หลังจากทานอาหารเย็นแต่ก็มีเด็กที่ไม่ได้กินนอนเข้าเรียนด้วย แต่ก็ไม่เยอะมากเพราะว่าพ่อแม่พากันไปหาที่เรียนพิเศษแพงๆ ดีกว่าเขาว่างั้น” ผู้อำนวยการพูดผมก็พยักหน้า
                “แต่ครูก็คงสักอาทิตย์แล้วกันนะครับ รอให้อะไรๆ เข้าที่เข้าทางก่อนแล้วกันครับ แล้วค่อยสอนพิเศษเด็กนะครับ” ผู้อำนวยกันหันมาบอกผมก่อนจะหันไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตประจำโรงเรียนมาสวมใส่

                “มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะครับ พรุ่งนี้จะมีเรียนพิเศษดังนั้นห้องอาหารจะเปิดทั้งวันครับครู ที่นี้มีแม่ค้าและแม่ครัวทำอาหารให้ทานตลอดไม่ต้องกลัวผอมครับครู” ผู้อำนวยการพูด ผมก็ยิ้มให้ท่าน ผมว่าดูท่านจะกันเองดีจนผมรู้สึกดูขึ้นจากที่เกร็งๆ ในตอนแรกว่าจะสัมภาษณ์ยังไง
                “ครับท่าน ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านและเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ ผมเดินกลับไปยังห้องธุรการทันที ผมเห็นครูที่พาผมไปหาท่าน ครูสมพิศนั้นเอง
                “คุยกับผู้อำนวยการเสร็จแล้วเหรอค่ะ “ครูสมพิศถามผม
                “ครับผม” ผมตอบ
                “อันนี้แฟ้มเอกสารประกอบการสอนนะคะ และบัตรประจำตัวของครูค่ะ “ครูสมพิศยื่นแฟ้มใสๆ ให้ผม ผมก็รับมาถือไว้
                “และนี้นะคะ กุญแจบ้านพักครูของครูเขมอยู่หลังที่สามนะคะ หลังเดียวกับครูมิ้งเลยค่ะ โชคดีนะคะ “ครูสมพิศบอกผม ขณะที่ส่งกุญแจบ้านพักให้ผม ผมก็หันไปมองว่ามันหมายความว่ายังไงโชคดีนะคะ
                “คือ บ้านหลังนี้ ครูที่ย้ายมาอยู่ไม่นานสักคน ล่าสุดครูมิ้งก็แค่สามเดือนค่ะ “ผมพยักหน้า ผมคงต้องไปตามหาว่าใครคือครูมิ้งและเขาหายไปกับนักเรียนที่นี้ เหมือนที่ผู้อำนวยการพูดจริงหรือไม่
                “และหายไปกับนักเรียน” ครูสมพิศพูดขึ้นแต่ก็ทำหน้าตกใจซะเองพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันซ้ายและขวา ผมก็ว่าไม่น่าจะมีใครแล้วนอกจากผมกับครู
                “แถมยังมีคนบอกครูมิ้ง พานักเรียนที่นี้ไปนอนที่บ้านนั้นด้วยค่ะ ทั้งที่เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย” ครูสมพิศขึ้น

                “อุ้ย! ครูพูดเยอะไปขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ ถ้ายังไงดิฉันมีสอนขอตัวก่อนนะคะ”

              “ครับครู ผมก็ขอตัวเช่นกันครับ ขอบคุณครูสมพิศมากนะครับ “ผมพูดแต่สายตาผมก็ยังมองครูสมพิศตามไป มันทำให้ผมคิดแต่ผมก็ต้องเลือกที่จะก้าวขาเดินออกไป นี้ผมมาเป็นครูต่อเพราะว่ามีครูที่หายไป พร้อมกับลูกศิษย์อย่างนั้นรึ แถมครูสมพิศยังอบกอีกว่าบ้านที่ผมจะเข้าพักส่วนใหญ่ครูที่มาจะอยู่ไม่นานอีก เหมือนเป็นลางเลย ผมเดินลงมาก็เห็นณัฐกานต์ที่กำลังแชทคุยกับใครสักคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว
               “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา และมันก็ทำให้ณัฐกานต์ตกใจจนทำมือถือหล่นลงไปที่พื้น ณัฐกานต์เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่บอกได้ว่าไม่สบอารมณ์ที่ผมทำแบบนั้น เรียกชื่อของเขาแบบนั้นจนทำให้เขาตกใจ

                “เขมขอโทษ ก็เขมเห็นกำลังคุยดูมีความสุขน่าดูนิครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
                “แล้วจะตะโกนเสียงดังใส่ทำไมล่ะเขม เรียกธรรมดาก็ได้นิ! “ณัฐกานต์หันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจผม ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บมือถือที่ตกลงพื้นขึ้นมาด้ว ผมก็รีบหยิบมาเพื่อจะเช็ดให้แต่ณัฐกานต์สะบัดมือผมออก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธผมมากขนาดนี้นะและยังรีบคว้าโทรศัพท์คืนไปทันที ทั้งที่ผมทำท่าจะเช็ดให้เขา

                “ร้อนอ่ะ ขอไปล้างมือก่อนนะ มือเหนียวไปหมดแล้ว” ณัฐกานต์พูดและเดินนำหน้าผมไปทันที ผมก็เดินตามไป มีอ่างที่เป็นรางน้ำถอดยาวและมีเด็กๆ มาเปิดล้างมือกัน ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนคาบเรียนวิชาตอนนี้

               “แกดูซิ ครูใหม่หรือเปล่าอ่ะ หล่อจังเลยอ่ะ ชอให้สอนห้องเรานะ อยากได้แบบนี้” นักเรียนหญิงสองสามคนกระซิบและหันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป

               “อะแฮ้ม...ตั้งใจเรียนก่อนจะดีกว่าไหม แล้วค่อยตั้งตาหาผัวดีกว่าไหมครับ นักเรียน!” ณัฐกานต์พูด ทำเอาสาวๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมและคนที่ก้มหน้าก้มตาล้างมือนั้นคือณัฐกานต์

                “เมียหรือเปล่าวะ” นักเรียนต่างพากันกระซิบและรีบเดินออกไปทันที
                “ณัฐกานต์ ทำไมพูดจาแบบนั้นละ เขาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผมถามณัฐกานต์ และณัฐกานต์ก็หันมามองผม
                “เด็กแก่แดดไง หรือว่าอยากเปลี่ยน...รสนิยมละ” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม

                “นี้เราคบกันมาสี่ปีครึ่งแล้วนะกานต์ กานต์ยังไม่รู้นิสัยของเขมอีกเหรอ” ผมพูดกับกานต์
                “แล้วไง ดูซิ ดูเด็กพวกนี้ซิ อ่อยเขมน่าดู ระวังนะ เขมอาจจะตะบะแตกเพราะเด็กพวกนี้ก็ได้น่ะ” ณัฐกาต์หันมาพูดกับผม น้ำเสียงบ่งบอกได้ว่าเขากำลังประชดผมอยู่ นี้คืออาการหึงของเขา

               “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา ผมพยายามระงับตัวเองไม่ให้โกรธ
              “ไปห้องพักเถอะและนั่งพักสักครู่ค่อยขับรถกลับนะ หรือจะค้างด้วยกันก็ได้นะ “ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์มองหน้าผม ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

               “เดี๋ยวเขมเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมบอกณัฐกานต์

               “งั้นกานต์ไปรอที่รถนะเขม ร้อนเหงื่อออกทั้งตัวแล้วเนี๊ยะ! “ณัฐกานต์พูดพร้อมกับบ่นผมไปด้วย ผมพยักหน้า ณัฐการต์เขามีกุญแจรถคงเข้าไปสตาร์ทรถรอผมได้ ผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำชายทันที ห้องน้ำก็ดูสะอาดดี ผมจัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อยและออกมาล้างมือที่ตรงอ่างล้างมือที่เรียงกันอยู่
                 “เฮ้ย” ผมนี้ตกใจเพราะว่าตอนก่อนที่ผมจะก้มลงล้างมือที่อ่างผมไม่เห็นใครแต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็มีหนุ่มในตาสีฟ้านั้นมายืนกอดอกอยู่ด้านหลังผม ผมหันไปมองเขาก็ยิ้มที่มุมปาก

                 “แฟนเหรอ ดุดีเนอะ พันธุ์อะไรอะจะได้หามาไว้บ้าง” เด็กคนนั้นพูด ผมก็ไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากไปกว่านี้ ผมก็ทำท่าจะเดินออก
                 “จะมาเป็นครูที่นี้ คิดดีแล้วเหรอ” เด็กคนนั้นพูด ผมหันมามองหน้าเขา

                 “ฉันเรียนจบด้านนี้มาเพื่อจะมาเป็นครู คงไม่ต้องไปนั่งคิดให้มันมากหรอกก่อนที่จะไปทำหน้าที่ครูที่ไหนๆ” ผมพูด

                 “เพราะว่าทุกที่ต้องการครู ว่าแต่นาย อยู่ชั้นไหนละ” ผมหันมาถามเด็กที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่ เขาสูงเท่าๆ กับผมเลย ดูท่าจะสูงขึ้นไปอีกนะนายคนนี้
                “จะเอาชื่อไปตัดคะแนนความประพฤติเหรอครับครู “ เด็กคนนั้นถามผม
                 “ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาแต่หักคะแนนเด็กเล่นไปวันๆ มันต้องมีเหตุผลที่สมควร “ผมหันมากอดอกมอง
                “อยากรู้ว่าอยู่ชั้นไหน หาเอาดิครับ คุณครูเขมชาติ “เด็กคนนั้นพูดและเอ่ยชื่อผม ผมก็ทำหน้าฉงนแปลกใจว่าทำไมเด็กนั้นรู้ชื่อผมได้ ผมเหลือบมองอ้อ ในแฟ้มเอกสารที่ครูสมพิศมอบให้ผมเป็นตารางการสอนและบัตรประจำตัวครู มันมีชื่ออยู่ เด็กคนนั้นก็หันหลังจะเดินเข้าห้องน้ำแต่เขากลับหันมาหาผมอีก

                 “หรือจะตามมาคุยกับผมในห้องน้ำก็ได้นะครับ ผมจะได้ไม่ล๊อกประตู” หันมาเชิญผมไปคุยกับเขาในห้องน้ำนี้นะ และยังผงกศีรษะเพื่อเชื้อเชิญผมด้วย
                 “ไม่ละ ฉันรีบ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมจะหน้าแดงทำไมวะ แค่เด็กมันเชื้อเชิญ ผมรีบเดินผ่านสายตาเด็กผู้หญิงโต๊ะหนึ่ง ผมจำได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ณัฐกานต์ได้พูดจาต่อว่าไป ผมส่งยิ้มให้เป็นการขอโทษแทน

                 “แกจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ เสียดายตายเลยแก” เด็กๆ พูดกับถึงครูที่ครูผู้อำนวยการบอกผม แสดงว่าคงเป็นที่ทอล์คออฟเดอะทาวน์ประจำของในโรงเรียนแน่ๆ เลย และถ้าทุกคนรู้ว่าผมก็ชอบผู้ชายนี้คงได้จับจ้องมองว่าผมจะทำเหมือนครูมิ้งอีกคนไหมแน่ๆ แต่เอาวะ ผมเลือกมาเป็นครูที่นี้แล้วต้องทำให้ดีที่สุด

               TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 07:14:14 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
                  EP.2 คู่ปรับณัฐกานต์ใช่ไหม

                   Part’ s เขมชาติ ผมเดินกลับยังที่รถที่ผมจอดไว้ เครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ทไว้เรียบร้อยแล้วโดยณัฐกานต์ ทันทีที่ผมเปิดประตูก็ได้ยินเสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหว ผมก็ต้องรีบเอื่อมมือเข้าไปกดปิดทันที คนที่นั่งโยกหัวถึงกับเงยหน้ามองผม เพราะว่าผมกำลังขัดจังหวะในการฟังเพลงมันๆ ของเขา

       “ปิดทำไมเนี๊ยะ! คนกำลังฟังเพลงเขม” ณัฐกานต์เงยขึ้นถามผมอย่างอารมณ์เสีย

       “ก็มันดังมากไปนะครับกานต์และที่นี้มันก็สถานศึกษาเกรงใจคนอื่นบ้างซิกานต์” ผมบอกณํฐกานต์ เขาชักสีหน้าไม่พอใจผมขึ้นมาทันที

                 ผมเดินเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับผมขับรถไปยังบ้านพักของครูซึ่งอยู่คนละโซนกับบ้านพักของนักเรียนแต่ก็ไม่ไกลกันมากขณะที่ผมกำลังขับรถไปทำไมในหัวผมถึงมีใบหน้าหมอนั้นนะหน้าที่กวนๆ ใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยแบบนั้นสีตาออกฟ้ามันดูสวยสะดุดตาผมจนถึงตอนนี้...

        “บ้านหลังที่เท่าไหร่เนี๊ยะเขม” ประโยคคำถามที่ทำให้ผมต้องหยุดความคิดนั้นและหันมาตอบณัฐกานต์คนที่นั่งข้างๆ ผมในฐานะแฟน

        “หลังที่3 ไงครับ” ผมบอกณัฐกานต์

        “นี้เขมขับเลยมาหลังที่หกแล้วนะ” ณัฐกานต์บอกผม

        “เอี้ยด!” ผมเหยียบเบรกทันทีและค่อยๆ เลื่อนกระจกลง ผมก็มองไปมีบ้านพักที่มีข้าวของมากมายอยู่ในบ้าน มีรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ จอดอยู่และมีหมายเลขบ้านที่ตรงหน้าบ้านว่าหลังที่หกผมหันมามองหน้าคนที่หน้างอหนักเข้าไปอีกนั่งกอดอกมองผม

        “ใจลอยไปไหนเนี๊ยะเขม!” ได้ผลมันทำให้คนข้างๆ ผมหัวเสียขึ้นมาทันที

        “ทำไม? หรือว่าสาวๆ ที่โรงเรียนใส่ยาเสน่ห์ให้หรือไงเขม” ณัฐกานต์พูด พร้อมเบ้ปากผมส่ายหัวและค่อยถอยหลังเพื่อนหาที่กลับรถผมขับรถย้อนกลับมายังบ้านพักหมายเลขที่3เป็นบ้านน๊อกดาวน์หลังคาเพิงหมาแหงนยกพื้นขึ้นสูงและมีที่จอดรถด้านข้างผมว่ามันน่าอยู่มากผมก้าวเท้าออกมามองไปรอบๆ บรรยากาศร่มรื่น เห็นแต่ต้นไม้ไม่มีตึกสูงเหมือนในกรุงเทพฯ

         “บ้านอะไรหลังเล็กเนิดเดียวดูซิ และรอบๆ นี้ซิไม่มีอะไรเลย “ณัฐกานต์พูด

        “ก็ไม่เล็กนะณัฐกานต์ อยู่สองคนก็ยังได้เลยนะครับ” ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์คนที่ยืนเบ้ปาก ทำเอาผมนี่หุบยิ้มแทบไม่ทัน นั้นคือคำตอบว่าเขาไม่ต้องการ

         “นี้คือบ้านในฝันของเขมเลยนะเขม  อยากมีบ้านแบบนี้และอยากมีไร่นาสวนผสมเพิ่มด้วยซ้ำผมหันไปพูดกับณัฐกานต์แต่ว่าณัฐกานต์กลับเบินหน้าหนีทันที

          “ไม่เอาอ่ะยังไงถึงตอนนั้นเขมต้องย้ายกลับเข้าไปเป็นครูที่กรุงเทพและหางานที่กรุงเทพทำซื้อบ้านที่กรุงเทพกานต์ไม่อยู่ในที่แบบนี้เด็ดขาดให้ตายยังไงก็ไม่อยู่ เข้าใจไหมเขม” ณัฐกานต์หันมากอดอกและพูดกับผมผมก็ต้องพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา ผมหนักใจ

           “แต่..เขมอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดและเขมก็มีที่ของแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดเขมเคยคิดว่าจะไปปลูกบ้านที่นั่นด้วยกัน “ผมพูดกับณัฐกานต์

          “ก็เลือกเอาถ้าอยากไปอยู่บ้านนั้นก็หาคนอื่นได้เลยกานต์ไม่ไป” ณัฐกานต์ยื่นคำขาดกับผม

          “ขึ้นบ้านได้หรือยังร้อนจะตายอยู่แล้วมีแอร์หรือเปล่าก็ไม่รู้ อันที่จริงเป็นติวเตอร์ก็พออยู่ได้ จะท่อสังขารมาทำไมที่นี้ก็ไม่รู้ไกลก็ไกล บร้าๆๆๆ” ณัฐกานต์บ่นผมทันที เดินบ่นไปจนถึงบนบ้านเลย


               ผมเองก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับณัฐกานต์ไปมากไปกว่านี้ผมได้แต่คิดว่าทำไมช่วงนี้ผมกับเขาทะเลาะกันบ่อยหนักนะผมหยิบพวกกระเป๋าเสื้อผ้าจากท้ายรถผมไม่ได้ขนอะไรมาเลยเพราะว่าวันหยุดณัฐกานต์จะมารับผมกลับและผมต้องการจะรู้ว่าผมต้องการอะไรเพิ่มบ้าง

         “แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น ไม่ซิไม่เย็นเอาซะเลยจะดีกว่ามีแอร์ก็เหมือนไม่มีแอร์ “ผมเดินขึ้นมาเสียงบ่นของณัฐกานต์

         “นี้ห้องครัวเหรอ มีเตาแก๊สเก่าๆ ดูตู้เย็นซิ...สภาพแบบนี้เอาไปร้านขายของเก่าเขายังไม่รับเลยนะเขม” ณัฐกานต์เดินไปรอบๆ ในตัวบ้านพักผมพร้อมตินั้นตินี้ไปทั่วเลย

         “ร้อนแบบนี้จะอยู่ยังไงละเขม” ณัฐกานต์หันมาถามผม

        “มีพัดลมน่ะครับกานต์ เปิดพัดลมก็ได้น่ะแต่จะว่าไป เขมว่าไม่ร้อนเลยนะ กำลังดี “ผมพูดปลอบใจณัฐกานต์ ก่อนจะวางกระเป๋าลง

        “ไม่ร้อนแต่ก็ไม่เย็นพอสำหรับกานต์” ณัฐกานต์พูดผมก็ยืนมองณัฐกานต์ที่ยืนกอดอก ดูท่าอะไรก็ไม่ถูกใจเขาไปซะทุกอย่าง

         “ไม่ค้างด้วยหรอกนะ บ้านแบบนี้ กานต์จะกลับกรุงเทพเลย” ณัฐกานต์พูด ผมมองหน้าเขา ผมก็คงคัดค้านเขาไม่ได้ ผมทำได้แค่พยักหน้าตามใจเขาแล้วกัน

         “หมับ” ผมเข้าไปกอดณัฐกานต์ เขาก็มองหน้าผม ผมก็ค่อยๆ ใช้มือผมประคองใบหน้าณัฐกานต์อย่างถนอม

         “เขมไม่รู้ว่ากานต์เป็นอะไรทำไมช่วงนี้เราดูทะเลาะกันบ่อยจัง หงุดหงิดอะไรเขมอ่ะ เขมก็พยายามทำเพื่ออนาคตเราแล้วน่ะกานต์” ผมถามณัฐกานต์ เขาก็หันหน้าหนีผม ผมก็ใช้นิ้วเรียวๆ

                 ของผมแตะที่ริมฝีปากเรียวสวยนั้นเบาๆ แต่ณัฐกานต์ยังคงหันหน้าหนีผมอีกผมก็เลยผลักให้เขาหันมาหาผมและผมก็บดขยี่ริมฝีปากนั้นณัฐกานต์และณัฐกานต์เปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอผมและตอบสนองผมด้วยกันจูบผมกลับมือณัฐกานต์ก็ปลอดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมไปด้วยรวมไปถึงปลดเข็มขัดของผมและตะขอกางเกงสแล็คของผม รูดซิปกางเกงผมลงเช่นกันผมก็รีบดันณัฐกานต์เข้าห้องนอนมีเตียงแต่ยังไม่มีผ้าปูที่นอนแต่ทว่าที่นอนน่ะดูใหม่แกะกล่องเลยทีเดียว
 
          “เอาน่าที่นอนใหม่ ฉลองกันหน่อยนะครับ” ผมบอกคนที่หันไปมองด้วยสีหน้ากังวลแต่นาทีนี้อะไรก็คงหยุดผมสองคนไม่อยู่

          “แม้ทำเป็นหน้าบึ้งตึงอยากให้จัดให้ก็น่าจะบอกกันดีดี..อืมม” ผมพูดและไซ้ซอกคอณัฐกานต์ณัฐกานต์ก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าตัวเองอย่างรีบร้อนและผมก็ช่วยถอดกางเกงเข้ารูปและโยนมันออกไปไม่นานร่างกายของผมสองคนก็ไม่มีอะไรมาปิดบังผมสองคนก็กระโจนขึ้นไปบนเตียงและถาโถมใส่กันเห็นว่าเขมชาติดูนิ่งๆ แต่เรื่องบนเตียงผมไม่เป็นรองใคร

         “อ๊าห์” เสียงของผมและณัฐกานต์

        “อืมมม..เขม..ซี้ด “

        “อ๊าห์” และเสียงที่ลากยาวบ่งบอกว่าสำเร็จถึงสวรรดิ์ชั้นเจ็ดไปพร้อมๆ กันผมถึงกับหอบเหนื่อย มองคนที่นอนราบบนที่นอน ดูท่าจะดีขึ้นแล้วมั้ง

          “จ๊วบ” ผมจูบณัฐกานต์

          “เขมรู่ไหมว่าสิ่งที่ทำให้ณัฐกานต์ไม่อยากเลิกกับเขมก็เพราะ...” ณัฐกานต์ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้น

          “เรื่องบนเตียงไง “ณัฐกานต์พูดและผมก็ลุกขึ้นผมสองคนเหงื่อท้วมตัวกันทั้งคู่

          “ไปอาบน้ำก่อนไหมและตกลงจะกลับเลยเหรอกานต์” ผมพูดและหันไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าออกมาผมเอามาหลายผืนกะว่าเผื่อณัฐกานต์จะค้างกับผมด้วย

         “ไม่ละ เออ ...คืนนี้วันเกิดอีแม็กซี่มันอ่ะ

          “ณัฐกานต์พูดเสียงอ่อยๆ ผมหันมามองหน้าเขา ที่แท้เหตุผลหลักๆ คือจะกลับไปปาร์ตี้นี้เองเลยทำให้ทุกอย่างมันดูขัดหูขัดตาจนไม่อยากอยู่

          “ก็วันเกิด ยังไงมันก็เพื่อนซี่ของกานต์นะเขม” ณัฐกานต์พูดและลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ผมเอาออกมาวางไว้พันตัว

          “จะดื่มกันหนักอีกไหมเพราะว่าเมื่อคืนกานต์ก็ดื่มเยอะแล้วนะ” ผมพูดเพราะว่าผมเป็นห่วงเขา กลัวเขาเมาแล้วยังขับรถกลับอีก

          “เขมไม่อยากให้กานต์ขับรถในขณะที่เมาแล้วขับเขมเป็นห่วง” ผมหันมาบอกณัฐกานต์

          "ให้เพื่อนไปส่งไงเขม เพื่อนกานต์มันไม่กล้าดื่มเยอะหรอกถ้ารู้ว่าต้องขับรถนะแต่กานต์ขอนะเพราะเพื่อนรักวันเกิดทั้งที่ และพรุ่งนี้วันหยุดด้วย นะเขม “ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผมเพื่อออดอ้อน

          “นะเขมนะ อย่างอนซิ “ณัฐกานต์อ้อนผม  ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นเพราะยังไงคนอย่างนัฐกานต์ก็หามยากอยู่แล้ว

           “อย่าหนักมากนะเพราะถ้าหนักมากวันจันทร์ได้ไปทำงานสายหรืออาจจะไม่ได้ไปเลยและเขมไม่อยู่คงไม่มีคนช่วยปลุกให้กานต์ตื่น “ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์กอดผมไว้

           “โทรปลุกซิ” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเราอาบน้ำพร้อมกันและกานต์จะกลับเลยนะเดี๋ยวถึงเย็นมาก” ณัฐกานต์พูด ณัฐกานต์เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนผมก็หันไปหยิบกระเป๋าที่ใส่พวกของใช้ในห้องน้ำออกมา

           “อี้!!!!”เสียงณัฐกานต์ร้องพร้อมกับวิ่งออกมาและทำหน้าตาเหมือนเจอของขยะแขยงยังไงก็ไม่รู้ ผมหันไปมองเขา

          “มีอะไรเหรอกานต์”ผมถามเขาทันที หรือว่าเจองู ผมคิดในใจ

           “ดูห้องน้ำซิ อาบไม่ลงอ่ะ “ผมก็ลุกขึ้นมองหน้าณัฐกานต์ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำสิ่งที่ผมเห็นคือฝักบัวเหมือนห้องน้ำปกติทั่วไปแต่มันอาจจะดูไม่ดีเท่ากับคอนโดมิเนียมของผมก็ห้องน้ำแบบบ้านๆ แต่ผมคิดว่ามันโอเคนะ ปูพื้นกระเบื้อง

           “นี่ก็ห้องน้ำปกติ มีฝักบัวอาบน้ำปกติ นิกานต์ “ผมหันไปถามณัฐกานต์ที่ยืนขนลุกซู่

           “ทำไมไม่มีตู้อาบน้ำ อะไรพวกนี้ ดูพื้นซิ ขยะแขยงเท้า” ณัฐกานต์พูดและยืนเขย่งเท้าไม่กล้ายืนแบบเต็มเท้า

            “ไม่อาบอ่ะ เอากระดาษเปียกมาเช็ดเอา อาบไม่ไหวอ่ะน้ำอุ่นก็ไม่มีและน้ำนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีกลิ่นคลอรีนเลย” ณัฐกานต์พูด

           “ก็คงเป็นน้ำ อบตนะ น่าจะมาจากแท่งเก็บน้ำที่เพราะว่าที่นี้การประปาอาจจะยังเข้าไม่ถึงแต่เขาก็ใช้กันได้นะกานต์” ผมพูดและลองเปิดน้ำดู มันก็ใใสสะอาดดีนะแต่ถ้าจะเอาไปต้มนี้คงต้องไปซื้อน้ำแบบถังมาแทน

            “ไม่เอาอ่ะ “ณัฐกานต์พูดและเดินออกไปหยิบห่อกระดาษทิชชูเปียกมาและเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เลอะเทอะจากการร่วมรักของผมสองคนและณัฐกานต์ก็ออกไปเหลือไว้แค่ผมที่เปิดอาบน้ำชำระร่างกายปกติเพราะว่าผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วผมออกมาก็เห็นณัฐกานต์แต่งตัวพร้อมแล้ว ฉีดน้ำหอมซะหึงไปหมดทั้งห้องผมเลยผมคิดในใจนี้ฉีดหรืออาบกันแน่เนี๊ยะ

            “ตกลงจะให้มารับวันศุกร์หรือวันเสาร์กันแน่เพราะถ้ามา ก็คือมาแล้วกลับเลยนะ ไม่ค้างเด็ดขาด” ณัฐกานต์พูด

            “วันศุกร์ตอนเย็นก็ได้ครับ เราจะได้ไปทานอาหารที่บ้านกันกานต์ไม่ได้ไปที่บ้านเขมนานแล้วนะ แม่บ่นถึงแล้วน่ะ” ผมพูด ปกติผมก็พักอยู่ที่คอนโดกับณัฐกานต์เขาแต่ก็พยายามไปหาแม่บ่อยๆ

            “ก็ไปครั้งล่าสุด เกือบจะได้ตบปากชะนีพี่สะใภ้ของเขมไงจำได้ไหมล่ะ ถ้าไปรอบนี้คงได้ตบจริงบ้างแหละ “ณัฐกานต์พูดผมก็เกาหัวแกร๊กๆ เลยและหันไปแต่งตัวแบบสบายๆ สวมกางเกงวอมที่ไม่หนาและเสื้อยืดเข้ารูป

             “แล้วอาทิตย์นี้มีอะไรพิเศษไหมล่ะ” ณัฐกานต์คงเห็นสีหน้าผมที่รู้สึกไม่ดีเลยถามผมเสียงอ่อนลง

             “จะไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตให้พ่อเขมนะพี่ต้นคงจะมาแต่พี่ปิ่นจะมาหรือเปล่าเขมไม่รู้” ผมบอกณัฐกานต์ คู่นี้เขาไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ส่วนผมน่ะพี่ปิ่น เขาตั้งท่ารังเกียจผมทันทีที่รู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ว่าถึงยังไงเธอก็เป็นแม่ของหลานชายผม

            “เอาไว้คุยกันอีกทีนะ เพราะว่า ถ้ายายพี่สะใภ้ของเขมมากานต์ก็ไม่ไปเพราะว่าไม่อยากตบชะนีนั้นต่อหน้าแม่เขมเหมือนกันเห็นกานต์แบบนี้ก็รู้นะว่าควรหรือไม่ควรทำ” ณัฐกานต์หันมามองหน้าผม

             “แต่...กานต์ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังคำจิกกัดจากชะนีสถุนนั้นไม่น่าเชื่อว่าพี่ต้นเอาชะนีแบบทำเมียและแม่ของลูกได้ยังไง พี่ต้นกับชะนีนั้นน่ะ ต่างกันริบรับ ราวฟ้ากับเหว!“ณัฐกานต์พูด

             “ปากก็ขยะแขยงเกย์ ตุ๊ด เขมทนได้ยังไงว่าเขมและกานต์เสียๆ หายๆ แบบนั้นเหมือน.พวกโรคจิต” ณัฐกานต์พูด

             “เอาละ กานต์กลับแล้วน่ะ อยู่ดีดีละจะเอาอะไรเพิ่มก็บอกนะ โทรไปบอกล่วงหน้าล่ะ “ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผมเขาโอบรอบคอผมไว้ผมก็จูบณัฐกานต์

             “กานต์ก็รักเขมนะ แต่กานต์ก็อายเพื่อนอ่ะดูซิมาเป็นครูบ้านๆ ถ้ารักกานต์รีบหาโรงเรียนใหม่ที่ใหญ่และดีกว่านี้นะเขมกานต์ขอร้อง” ณัฐกานต์หันมาบอกผม

             “อืมม” ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละณัฐกานต์หยิบกระเป๋าหลุยส์ใบนี้เขาซื้อมาเมื่อเดือนที่แล้วราคาก็เกือบแสนได้ถึงแม้จะเป็นเงินเดือนของเขาก็ตามแต่มันก็น่าเสียดายแต่ผมก็พูดอะไรไม่ได้อยู่แล้วผมสองคนเดินลงมาที่รถผมจอดไว้

             “คราวหน้าเขมก็เอารถมาใช้เลยแล้วกันเพราะว่ารถใหม่ป้ายแดงของกานต์จะได้วันเสาร์นี้แล้ว “ณัฐกานต์พูดบอกผม ผมพยักหน้าอีนนี้ก็อีกแต่รถนี้แม่ของณัฐกานต์ซื้อให้เพราะว่าลูกได้งานธนาคารเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครอบครัวทั้งที่ครอบครัวณัฐกานต์เขามีรีสอร์ตผมลืมบอกไปว่าณัฐกานต์เป็นหนุ่มใต้ มีพี่สาวทั้งหมด

                 ณัฐกานต์เขาเป็นลูกชายคนเล็กคนเดียวทางบ้านนะสีผิวคล้ำกันหมดแต่ณัฐกานต์เป็นคนผิวขาวอยู่คนเดียวที่จริงก็ไม่ได้ขาวมากนะแต่ก็ขาวที่สุดในบรรดาพี่ๆ ทั้งหมดห้าคนณัฐกานต์ค่อนข้างดูแลตัวเองอย่างหนัก กินและฉีดพวกกรูต้าไธโอนและไหนจะฉีดวิตามินซีเข้ากระแสเลือดเพราะอยากให้ผิวขาวใสครอสหน้าใส่ตัวไหนออกมาเขามีหมดแถมบางทีก็ไปฉีดฟิลเลอร์และนี้เพิ่งจะไปร้อยเข็มมาอีกผมไม่เข้าใจว่าเขายังไม่สามสิบเลยนะ ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่กันเท่านั้นเอง

             “ขับรถดีดีนะกานต์ อันที่จริงน่าจะพักก่อนหรือไม่ก็นอนสักชั่วโมงไหม “ผมถามณัฐกานต์เขาก็ส่ายหัวว่าไม่ ณัฐกานต์กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ผมก็เดินออกมายืนมองณัฐกานต์ด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ว่าเขาจะนั่งมาแต่ผมขับมาตลอดทางก็ตามแต่ก็ไม่ได้นอนคือนั่งบ่นผมมาตลอดทางเหนื่อยว่างั้น

            “ปึก!” เสียงเหมือนมีบางสิ่งกระเด็นมาและดังมากผมหันหลังกลับไปมองณัฐกานต์และวิ่งเข้าไปดูณัฐกานต์ที่ยืนค้างด้วยอาการตกใจอย่างมากที่สุดสิ่งที่ผมเห็นมันคือลูกฟุตบอลแต่ว่ามันมาจากไหนกันเพราะสนามฟุตบอลมันก็ค่อนข้างไกลอยู่นะณัฐกานต์นิ่งเงียบยังไม่พูดอะไรคงช๊อกที่ลูกฟุตบอลนั้นได้เฉียดผ่านใบหน้าของเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดไม่อย่างนั้นก็คงโดนเข้าที่จมูกคมสันนั้นแน่ๆ และเขมก็คงงานเข้าต้องพาไปทำใหม่จากที่พึ่งไปทำมารอบที่สาม เงินเก็บก็หายไปกับทำจมูกอีกแน่ๆ ทั้งที่ผมตั้งใจจะแต่งงานกันสักปีหน้า

               “กานต์” ผมจับไหล่เขา ณัฐกานต์กลืนน้ำลายลงคอ

              “เห็นไหมว่ามันผ่านจมูกกานต์ไปนิดเดียวนี้ถ้ามันโดนขึ้นมากานต์ต้องไปทำจมูกใหม่!” ณัฐกานต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดๆ เขาหวงจมูกของเขามาก

              “ไม่เอานะ มันไม่โดน ยังดีอยู่ “ผมพูดปลอบโยน

             “อะแฮ้ม....” เสียงคนกระแอมดังมาใกล้ๆ ผมหันไปมองคนนั้นก็คือนายตัวแสบตาสีฟ้าอีกแล้ว ที่วิ่งมาหยุดมองผมสองคนตอนนี้คนนั้นเปลี่ยนเป็นส วมชุดนักกีฬาคงเป็นนักกีฬาของโรงเรียนซินะแต่นี้มันก็พึ่งจะบ่ายสามโมงเองแต่ผมคิดว่าวันศุกร์โรงเรียนน่าจะเลิกเร็ว

                “ขอผมเข้าไปเก็บลูกฟุตบอลได้ไหมครับ ผมรับรองจะรีบไปและปล่อยให้คุณสองคนพลอดรักกันต่อ” นายคนนั้นพูด

               “และสาบานได้จะไม่ถายคลิปไปโพสต์ในเว็บว่าแอบมีเซ็กซ์กันที่บ้านพักครูแน่ๆ” ผมก็หันไปมองและณัฐกานต์หันขวับไปมองด้วยความโกรธเพราะว่าจมูกนี้เขาหวงมากห้ามแตะต้องแต่ผมนี่ยืนเอามือเท้าซะเอวเพราะว่าเด็กนี้ช่างแก่แดดเหลือเกิน

               “นิ! ไอ้เด็กบ้า!แกเตะฟุตบอลมาไกลจากไหนแม่งก็ไม่รู้แต่ที่ฉันรู้นะมันก็เกือบจะโดนเข้าที่หน้าฉัน คำขอโทษน่ะมีบ้างไหม” ณัฐกานต์พูดและเขาก็พยายามสะบัดแขนผมที่จับต้นแขนเขาไว้ให้หลุด

               “แกรู้ไหมว่าจมูกฉันทำมาทำมาเท่าไหร่อายุขนาดนี้ไม่มีปัญญามาทำให้ฉันไหมหรอก “ณัฐกานต์พูดเด็กหนุ่มก็ยืนทำเป็นหูทวนลมและยังผิวปากอีกต่างหาก

               “จะบอกว่าถ้าโดนลูกบอลเข้าไปดั้งแหนบเลยว่างั้นเกิดมาไม่มีดั้ง น่าเห็นใจน่ะ “เด็กคนนั้นพูด

              “มีแต่มันไม่สูง” ณัฐกานต์พูด

              “เหมือนผมใช่ไหมครับคุณ” เด็กคนนั้นโชว์จมูกโด่งๆ ของเขา ผมคิดในใจก็แน่ล่ะ นายมันลูกครึ่งละมั้ง

              “แต่อันนี้นะมันแหลมไปนะ ยังกะแม่มด ไปทำใหม่เถอะ “ดูปากนายนั้นผมหันไปกอดอกมองนี้จะเติมเชื้อให้ณัฐกานต์ทำไม

              “ไอ้...” ผมก็รีบห้ามณัฐกานต์โดยการรวบเอวเข้าไว้ณัฐกานต์ห้ามเขาเอาไว้ก่อน ตอนนี้ณัฐกานต์หันไปชี้หน้าและจะเข้าไปใส่นายคนนั้นและนายนั้นก็หาได้เกรงกลัวอะไรไหม

              “เข้าไปเอาลูกบอลนายซะ “ผมบอกเชิงออกคำสั่งบอกเด็กหนุ่มคนนั้นเขาก็มองหน้าผมและเดินผ่านณัฐกานต์ไปผมก็กอดรัดตัวณัฐกานต์เอาไว้เพราะผมรู้ดีว่าณัฐกานต์ค่อนข้างไวอาจจะได้มีเรื่องกันแน่ๆ

               “กานต์…อย่า!” ผมกัดฟันร้องห้าม

               “มีมารยาทไหม มึงไม่คิดจะขอโทษสักคำหรือไง ไอ้เด็กนรก...ไอ้..ไอ้..” ณํฐกานต์ยังไม่ยอมหยุด

              “กานต์!” ผมก็ขึ้นเสียง

               “มีนะมายาทนะ ตอนแรกก็ว่าจะพูดแต่พอเห็นแบบนี้ไม่เอาดีกว่า มันมีค่ามากเกินไปที่จะพูดกับหมาบ้าแบบ...คุณ” เด็กนั้นลอยหน้าลอยตาพูด

               “ไอ้เชี้ย) )) ” ณัฐกานต์ผมก็ยิ่งกอดรัดเขาห้ามเขาและเด็กคนนั้กน็หันมาหยักไหลและเดินไปอย่างไม่ไยดีกับสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ณัฐกานต์โหโมจนสั่นเลยก็ว่าได้

                 “เป็นไง นักเรียนกับโรงเรียนบ้านนอกมันก็พอกันเลย ถ้าเขมไม่ย้ายภายในปีนี้เราเลิกกัน” ณัฐกานต์พูดและเข้าไปในรถอย่าไวและถอยรถแบบไม่สนใจว่าจะชนอะไรด้วยซ้ำแต่โชคดีที่ไม่มีอะไรไปวางไว้ผมยืนมองจนณัฐกานต์ขับออกไปแบบฝุ่นตลบอบอวลไปหมด ผมนั่งจัดห้องและจัดที่สำหรับห้องครัวผมว่าจะเอาไมโครเวฟมาด้วยอาทิตย์หน้าและคงหม้อหุงข้าวตู้เย็นทีนี้มีแล้วแม้จะไม่ใหม่ก็ตามขัดล้างซะหน่อยก็สะอาดดีหม้อกระทะก็มีและดูแล้วน่าจะเพิ่งเปลี่ยนใหม่ไม่นานและไม่ค่อยได้ใช้ซะด้วยซ้ำ จานชามก็มีแต่ถึงยังไงผมก็ต้องพึ่งอาหารที่ห้องอาหารไปก่อน

               TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 21:09:30 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
EP.2.1 ปมในใจของคริสโตเฟอร์

                  Part’ s เขมชาติ ผมก็เห็นว่ามีร้านค้าถัดไปหน่อยและมีร้านขายอาหารตามสั่งอีก ออกไปหน่อยก็มีวินรถมอเตอร์ไซด์ก็น่าจะพอออกไปได้ผมไม่รุ้ว่าผมใช้เวลาในการจัดช้าวของและทำความสะอาดกี่ชั่วโมงแต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวแล้วด้วยผมหันไปมองเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้วนิ ไปหาอะไรทานดีกว่า ผมก็ลุกขึ้น จะว่าไปณัฐกานต์ไม่ส่งข้อความหาผมเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเขาถึงไหนแล้วลองโทรหาดีกว่าแต่ทว่าสายไม่ว่าง คงเม้ากับเพื่อนแน่ๆ

           “กานต์ อย่าคุยโทรศัพท์ขณะขับรถซิครับ” ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์

            “คุยธุระกับแม่อยู่อย่าทำตัวเป็นคนร่างทรงได้ไหมที่รู้ไปหมด น่าเบื่อเขม” นไงคนอุตส่าห์เป็นห่วงผมเลยเอาโทรศัพท์เก็บเขาไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มทันทีและเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของผมผมเดินออกมา ผมล๊อกประตูบ้านผมเดินออกไปเพื่อจะไปห้องอาหาร

            “ปื้นๆ” เสียงแตรรถมอเตอร์ไซด์ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองว่าใครกันและผมก็เห็นว่าเป็นผู้ชายวัยไม่น่าจะแก่ไปกว่าผมเท่าไหร่และรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ

             “สวัสดีครับ นี้ใช่ครูมาใหม่หรือเปล่าครับ” เขาจอดรถมอเตอร์ไซค์พร้อมกับหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าตอบว่าใช่

             “ผมชื่อโจ้ครับ ผมเป็นครูช่างที่นี้ครับสารพัดช่างครับ ไม่ว่า ไฟฟ้าประปาน้ำไม่ไหล ไฟดับ แอร์เสียบ้านพัง ประตูหน้าต่างผมผ่านมาหมด “บรรยายสรรพคุณให้ผมฟัง ผมก็ยกมือขึ้นลูบผมแบบงง

             “ยินดีที่รู้จักครับคุณ...” ครูโจ้พูด

             “เขมครับ ผมเขมชาติครับ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษครับ” ผมแนะนำตัวกับครูโจ้

             “โอ้ว! มายก๊อซ!” ภาษาอังกฤษมาชัดมาก

             “ฮาวฮาร์ยู” ครูโจ้ถามผมและยืนมือมาขอเช็คแฮนด์ผมก็มองและก็เช็คแฮนด์กลับ

            “พูดไทยก็ได้ครับผม ผมสบายดีครับ “ผมตอบครูโจ้

             “ว่าแต่ครูจะไปไหนเหรอครับ” ครูโจ้ถามผม

              “ผมว่าจะไปทานข้าวครับที่ห้องอาหารครับ “ผมบอกครูโจ้

             “งั้นกระโดดขึ้นมาเลยครับ ผมจะไปหา เมีย เอ๊ย! ภรรยาครับภรรยาผมเป็นแม่ค้าขายข้าวที่โรงเรียนครับไปครับผมพาไปส่งให้ถึงหน้าร้านเมียผมเลยครับ “ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มและครูโจ้ยังตีเบาะให้ผมขึ้นไปนั่งอีก

            “จะได้ถือโอกาสสั่งข้าวร้านเมียผมเลย อิๆ” นั้นไงแผนสูงมาก ผมก็ขึ้นไปนั่งรถมันเก่าและเล็กเบาะก็เล็ก

             “กอดได้เลยนะครับครู ผมไม่ถือเมียผมก็ไม่ถือถ้าเป็นผู้ชายแต่ถ้าผู้หญิงมันถือครับ” ครูโจ้หันมาคุยกับผม ผมก็ชี้นิ้วประมาณว่าให้ครูโจ้น่ะมองทางเถอะครับ เดี๋ยวจะได้พากันลงไปในพงหญ้าด้วยกันจนได้ พี่แกเล่นหันมาคุยกับผมตลอดแบบนี่้

             “ที่ถือน่ะ มีดมารอเลยครับ เมียผมสายโหด ในโหมดเมียสวย ” ครูโจ้พูดผมก็แอบขำครูโจ้จะว่าไปครูโจ้นี้เป็นคนตลกน่าดู

             “ว่าแต่ครูมาจากไหนครับ” ครูโจ้เอ่ยถามผม

              “กรุงเทพครับ” ผมบอกครูโจ้

             “ไกลนะครับ แล้วทำไมไม่เอารถมาครับ เพราะว่าแต่ละที่ที่นี้ก็ไกลเอาเรื่องเหมือนกัน น่าจะเอารถมาไว้ใช้สะดวกกว่านะครับครูเขม” ครูโจ้พูด

             “ผมให้แฟนเอากลับไปนะครับเพราะว่าแฟนผมเขาไม่มีรถใช้นะครับและรถคันใหม่เขาจะได้อาทิตย์หน้านี้ครับนั่นแหละครับผมถึงจะเอารถของผมมาครับ” ผมบอกครูโจ้

             “รักแฟน เหมือนผมครับ รักแฟน มีอะไรให้แฟนก่อนเราทีมเดียวกัน วี้ดวิว” ครูโจ้พูด

             “แฟนครูโจ้เป็น...” ผมถามครูโจ้ก่อนเพราะว่าไม่แน่ใจจะใช้ทีมเดียวกับผมไหม

            “เป็นแม่ครัวครับ” ครูโจ้พูด

            “ผมหมายถึง เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” ผมถาม

            “อ้าว! ถามผมอย่างนี้ ผู้หญิงซิครับ ผมไม่เค้ย ไม่เคยเอาผู้ชายครับ กลัวฟ้าผ่า” ผมก็กลืนน้ำลายลงคอแม้แล้วบอกว่าทีมเดียวกันผมเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มกลบเกลื่อนแทน ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าโรงอาหารไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปแต่ดูแล้วนักเรียนใช้บริการเยอะอยู่นะ

             “นักเรียนเยอะหน่อยนะครับเพราะส่วนใหญ่จะกลับบ้านกันพรุ่งนี้ไม่ค่อยกลับวันศุกร์กันหรอกติดเพื่อนแต่ไม่ติดบ้าน ไม่ต้องถามถึงครูเลย วิ่งหนีครูซะด้วยซ้ำ” ครูโจ้พูดและผมก็พยักหน้า

             “ขอบคุณนะครับครูโจ้ “ผมพูดกับครูโจ้

            “นั้นครับเมียผมคนสวยๆ ท้องโตๆ นั้นนะครับอุดหนุนได้ครับ ผมไม่หึงครับ จะผูกปินโตด้วยก็ยินดีครับครู” ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มให้คืนนี้ไม่น่าจะใช้คำแนะนำให้ไปอุดหนุนน่าจะเป็นการบอกว่าควรจะอุดหนุนดีกว่า

           “ครับ” ครูโจ้พยักหน้ากับผม

           “ครับครู งั้นผมไปอุดหนุนเลยแล้วกันนะครับ เฮอะๆ” ผมพูด

           “ท้องโตขนาดนี้ไม่ต้องหึงผมหรอกครับ ผมมีสติพอ” ผมตอบครูโจ้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน แต่ละคนก็นั่งทานอาหารและคุยกันเป็นกลุ่มๆ เลยผมเห็นมีแต่นักเรียนทั้งนันไม่ค่อยมีครูเท่าไหร่ผมก็เดินไปร้านแฟนครูโจ้ก่อนผมเห็นว่ามีพวก บะหมี่เกี๊ยวน้ำวันนี้อันที่จริงก็ไม่ค่อยชอบแต่หันไปเห็นครูโจ้ที่ทำมือให้เข้าไปเลยก็เอาวะบะหมี่ก็บะหมี่วะวันนี้ พอผมเดินไปหยุดที่ตรงหน้าร้านครูโจ้หันมาชูนิ้วโป้งให้ผมด้วย ผมก็ชูนิ้วโป้งกลับไปอีก ถ้าครูแกอาสามาส่งทุกวันแกคงพาผมมาจดที่ร้านแฟนแกทุกวันเหมือนกันและนั้นก็แปลว่าผมจะต้องกินบะหมี่ทุกวันซิน่ะ

           “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” แม่ค้าที่เป็นแฟนครูโจ้หันมาถามผม

           “สวัสดีครับ” ผมทักทายเธอกลับ

           “เป็นครูใหม่ที่นี้เหรอคะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยค่ะ” เธอถามผม

           “ใช่ครับ ผมพึ่งจะมาวันนี้วันแรกแต่สอนจริงวันจันทร์ครับ “ผมบอกเธอ

           “เจอครูโจ้หรือยังคะ” เธอถามผม

          “เจอแล้วครับ ผมติดรถมอเตอร์ไซค์ครูเขาออกมาด้วยน่ะครับ” ผมบอกเธอ เธอยิ้มให้ผม ผมอยากบอกว่าแฟนเขาน่ะมาส่งเพื่อให้มากินบะหมี่นี่แหละ

           “เฮอะๆ” ผมหัวเราะ

           “หัวเราะแปลกๆ” แฟนครูโจ้

            “รับอะไรดีคะครู” แฟนครูโจ้ถามผม ผมหันไปมองเมนู

            “บะหมี่เกี๊ยวน้ำครับ ไม่ใส่กระเทียมเจียวนะครับ พริกไทยไม่เอาครับและไม่ใส่ผงชูรสด้วยครับ” ผมพูดแบบเกรงใจ

            “ร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสอยู่แล้วค่ะครู” แฟนครูโจ้บอกผม

            “ดีเลยครับ “ผมตอบและแฟนครูโจ้ก็หันไปจัดการบะหมี่ที่ผมสั่งให้ผมหันไปเห็นมีกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาด้วยกันผมจำได้ดีนายคนนั้นตาสีฟ้าที่เดินมากับผู้หญิงคนหนึ้งหน้าตาน่ารักชุดนี้น่าจะมัธยมปลายแล้วและมีเด็กหนุ่มหน้าตามาตรฐานชายไทยหล่อเข้มเดินมากับหนุ่มหน้าตาตี๋ๆ หน่อย พวกเขากำลังจะเดินผ่านผมไปเพราะว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นผม

             “พี่หวานจะทานอะไรดีครับ “เรียกพี่แบบนี้แสดงว่าผู้หญิงน่ะรุ่นพี่นายนั้นอีก

             “แล้วคริสว่าวันนี้เรากินอะไรกันดี พี่ตามใจคริสน่ะ” ผมบังเอิญได้ยินรุ่นพี่นี้เอง นายนี้ร้ายจริงๆ

             “พี่คริสส!!!” เสียงที่ทำให้ทุกคนหันไปมองเด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักเรียนคอซองนั้นคือมัธยมต้นทื่ยืนกำมัดมองมาที่นายคนนั้นนายนี้ชื่อคริสเหรอ ผมหันไปมองตัวต้นเหตุดูท่าจะสับรางไม่เว้นแต่ละวันละซิท่า

             “ฉิบหายแล้วอีแก้มนี้หว่า” เพื่อนของนายที่ชื่อคริสพูดขึ้น

             “เขาเป็นแฟนคริสเหรอ” เด็กผู้หญิงคนนั้นถามขึ้นผมหันไปมองและจังหวะนี้เขาก็เห็นผมเข้าผมก็ส่งยิ้มที่มุมปากให้ว่าเป็นไงละ หล่อซะจนงานเข้าเลย

             “พี่คริส พี่ทำแบบนี้ได้ยังไงและอีพี่หวานมึงมายุ่งกะแฟนกูทำไม” ผมก็มองและทำปากอู้วว แฟนเลยเหรอ

             “แก้ม พี่ไม่ใช่แฟนเรานะ”

             “พี่เป็นแฟนแก้มบอกว่าแฟน ก็คือแฟนและอีพี่หวานไปเลยนะถ้าไม่อยากหน้าเสียโฉม”

             “อะไรกันนะคริส” เด็กผู้หญิงอีกคนที่ยืนเกาะแขนนายนั้นที่ชื่อคริสอยู่และสองสาวก็ประสานสายตากัน

             “ครูคะได้แล้วค่ะบะหมี่เกี๊ยวน้ำเจี๊ยบว่าครูไปหาที่นั่งก่อนดีกว่าไหมคะเพราะดูท่าแล้วคงจะจบยากรักในวัยเรียนก็แบบนี้แหละค่ะ เจี๊ยบผ่านมาเยอะแบบนี้ ไม่งั้นไม่ได้ครูโจ้มาหรอกค่ะ คิกๆ “แฟนครูโจ้ผมก็ยิ้มให้และรับชามบะหมี่ไป เพื่อไปหาที่นั่งมีหน้าละถึงได้เป็นแฟนคุณโจ้ตลกเหมือนกันเลย

                   ผมก็หันไปมองนายนั้นที่กำลังแยกสองสาวที่กำลังจะตบกันผมส่ายหัวเลยดูท่านายนี้จะฮ๊อทมากในหมูสาวของโรงเรียนนี้และคงเป็นแบบนี้ทุกวันแน่ๆ คนหล่อและลูกครึ่งใครๆ ก็อยากได้เป็นแฟน เอ๊ะ!แล้วผมจะไปคิดทำไมว่าใครก็อยากได้เป็นแฟน ไม่ซิ ผมไม่ใช่แบบนี้



                    ผมสะบัดสิ่งที่อยู่ในหัวผมออกไม่น่ะเขมเราเป็นฝ่ายรุกจะไม่ยอมเป็นรับและยังไงผมก็รักณัฐกานต์อยากให้คนที่เป็นคู่ชีวิตผมคือณัฐกานต์เพราะว่าเราผ่านอะไรๆ มาด้วยกันเยอะอยู่นะ จะผ่านไปอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไปถึงตอนนั้นณัฐกานต์อาจจะเปลี่ยนอะไรได้เพราะว่าผมเสียดายเวลาที่คบกันมาก็ห้าปีกว่าแล้วนะผมไม่อยากให้ใครที่ดูถูกความรักแบบของผมและณัฐกานต์ที่ว่ามันไม่มีอยู่จริงและรักประเภทนี้ก็มักจะเปลี่ยนคู่บ่อยดังนั้นผมจึงพยายามให้ณัฐกานต์คือรักสุดท้ายของผม



                      Part’ s คริสโตเฟอร์ ผมชื่อ คริสโตเฟรอ์ เบน ริซโซ ผมเป็นลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย แต่เอาจริงๆ ครอบครัวของพ่อผมเป็นคนอิตาเลี่ยนที่ย้ายมาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยปู่ของผมที่ออสเตรเลีย ผมต้องเรียกว่าปู่ผมว่านอนโน่และย่าของผมก็ต้องเรียกว่านอนน่า ไม่ใช่แกรนด์ปาหรือแกรนด์มา แม่ผมเป็นคนไทย ผมเกิดที่ประเทศไทยก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลียแม่ผมตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงานแต่พ่อผมก็อยู่กับแม่ผมจนคลอดแต่ว่าวีซ่ามันยากมากในตอนนั้น แม่เลยรอวีซ่านานมากจนผมโต ตอนนั้นผมอายุได้เกือบห้าขวบ ถึงได้พาผมไปอยู่ออสเตรเลียด้วยกัน



                     กว่าผมจะปรับตัวได้เรียกว่าผ่านมาหลายเวทีเลย ยิ่งเข้าไปเรียนโรงเรียนด้วย คือผมเจอเด็กบลูลี่ผมด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อนนักเรียนที่บลูลี่ยังมีผู้ปกครองบางคน ย้ำว่าบางคนที่เหยียดเชื้อชาติ ผมเองก็เป็นคนสู้คนเลยได้เรื่องกันบ่อย และแม่ผมเองก็มีปัญหากับแม่ของพ่ออีกนั้นคือนอนน่า



                     สุดท้ายแม่ก็พาผมกลับมาอยู่ไทยเพราะทนปัญหารุมเร้าไม่ไหวและนั้นก็ทำให้ผมมาอยู่ยาว แม่ย้ายจากบ้านยายที่ต่างจังหวัดมาอยู่ภูเก็ตแทนเพื่อนทำธุรกิจและผมเองก็ไม่ได้เจอพ่อผมอีกเลย ไม่รู้ว่าพ่อผมเขาไม่มาหรือว่าเขาตั้งใจกันแน่ มันทำให้ผมเกลียดการพูดภาษาอังกฤษไปทันที ผมแทบจะไม่อยากเขาเรียนวิชานี้เลย โดดตลอด



                      ผมหันมามองแก้ม เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่สอง ส่วนผมน่ะอยู่มัธยมปลายชั้นปีที่ 4 ตามจริงผมต้องอยู่ มัธยมปีที่ 5 แล้วแต่ว่าผมโดนพักการเรียนเพราะว่าผมไปมีเรื่องกับไอ้พี่กาย พ่อเป็นนักการเมืองที่นี้ ส่วนผมนี้ก็ย้ายมาจากภูเก็ตตั้งแต่ม.2 ผมก็ไปมีเรื่องกับลูกผู้มีอิทธิพลจนแม่ผมต้องพาหลบมาเรียนที่นี้ เขาจะเอาผมถึงตายแม่บอกผมมาแบบนั้น แต่มาที่นี้ก็มีเรื่องอีก ทั้งที่ไม่อยากมีเลยแต่ไม่รู้ทำไมและส่วนใหญ่เป็นเรื่องผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้เธอชื่อเชอรี่ เธอเป็นสาวสวยรุ่นน้องผมหนึ่งปีและเป็นสาวที่พี่กายเล็งเอาไว้ เธอสวยและรวยเพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจ แต่ตอนนี้เธอถูกส่งไปเรียนที่อื่นแล้ว พ่อแม่เธอไม่ค่อยชอบผม ส่วนแก้มนี้ แม่เธอก็ยิ่งไม่ชอบผมเอาซะเลย เกลียดเลยดีกว่า ด่าว่าผมเสียๆ หายๆ แต่แก้มมันก็ยังไม่ยอม มาตามติดผมอีก



                     “แก้ม กลับบ้านไปได้แล้ว” ผมหันมาบอกเธอ เรียนพิเศษก็ไม่เอา แต่ชอบมานั่งอยู่กับพวกผมจนเย็น แม่แก้มทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล เดี๋ยวเลิกงานมาก็มาตามแก้มเพราะว่าป่านนี้นางยังไม่กลับบ้านและก็มาด่าผมอีกถ้าเห็นแก้มมันนั่งอยู่กับผมแบบนี้ นี้ผมพากันออกมานั่งด้านนอกโรงอาหารด้วยกัน

                     “แก้ม มึงมานั่งกับไอ้คริสมันแบบนี้ มึงไม่กลัวแม่มึงมาตามและมาด่าไอ้คริสอีกหรือไง” ไอ้โป้งเพื่อนรักจองผม ผมเป็นเพื่อนกับไอ้โป้งตั้งแต่ผมย้ายมาเรียนที่นี้ เรียกได้ว่าสนิทกันมาก เพื่อนตายเลยก็ว่าได้ แต่ว่าโป้งมันเรียนชั้นมัธยมปีที่ห้าแล้ว ส่วนผมน่ะโดนพักการเรียนเลยต้องซ้ำอยู่ม. 4 อีกปี ปีนี้แม่ขอให้ผมตั้งใจเรียนอย่ามีเรื่องกับใคร

                    “แม่ยังไม่เลิกหรอก เห็นบอกว่าจะอยู่เวรให้เพื่อน “แก้มพูด

                    “พี่คริส แก้มอยากนั่งรถบิกไบท์ของพี่อ่ะ แก้มยังไม่เคยได้นั่งเลยน่ะ” แก้มออดอ้อนผมอยากจะนั่ง แต่ว่าแม่ผมเอากลับไปแล้วเพราะว่าล่าสุดผมมีเรื่องก็เพราะบิกไบท์ผมนี่แหละ

                     “ขามึงก็สั้น มึงจะตะเกียกตะกายขึ้นไปได้ยังไงวะแก้ม” ปันปัน เป็นเพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามาเรียนตอนที่ผมถูกพักการเรียน เลยสนิทกับโป้งและก็มาสนิทกับพวกผมตอนไปเที่ยวกัน ถึงพักการเรียนแต่พวกผมก็นัดเจอกันบ่อย

                     “ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ มันจะไปเที่ยวผับกันคืนนี้ว่ะ ไปไหมวะ” ปันปันถามพวกผม ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันสิบเจ็ดย่างสิบแปดแล้ว อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง ส่วนผมน่ะสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

                     “วันนี้มันใจกล้าไปเข้าผับเหรอว่ะ มันไม่กลัวตำรวจเขาไปตรวจที่หรือไง วันนี้นักท่องราตรีก็ไปเที่ยวกันแล้วด้วย ศุกร์ เสาร์ ใครก็รู้เปล่าว่ะ ไอ้สองคนนี้มันหาเรื่องชัดๆ “ไอ้โป้งพูด

                     “คริส พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับกูไหมวะ เมียกูชวนไปเที่ยวว่ะ” โป้งถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน เมียมันรุ่นพี่มันสามปี เรียนวิทยาลัยครูไม่ไกลจากที่นี้ เธอสวยน่ารักพี่เขาชื่อพี่แป้ง

                     “ไม่เอาอ่ะ มึงไปเถอะ กูว่าจะกลับไปหาแม่ที่บ้านว่ะ” ผมบอกโป้ง ผมยังไม่ได้กลับไปหาแม่เลยตั้งแต่เปิดเทอมมาได้หนึ่งเดือน

                    “พี่คริสไม่อยู่หอเหรอ แก้มว่าจะมาหาซะหน่อย” แก้มพูด

                   “มึงนี้ก็ขยันจะหางานให้ไอ้คริสมันจริงๆ หอน่ะเขาให้นักเรียนชาย ไม่ใช่ให้ผู้หญิงอย่างมึงมาหาโว้ยย!!” ปันปันพูด

                  “ก็แก้มกับพี่คริสเป็น….” แก้มพูด

                 “เป็นอะไรอีแก้ม!!!” นั้นไงแม่ของแก้มเดินปรี่มาทันที

                  “แม่!!” แก้มร้องเรียกแม่ของเธอ เป็นไงละ งานเข้าแน่ๆ เลยพวกผม พวกผมก็พากันลุกขั้นทันที

                  “ปานนี้มึงยังไม่กลับบ้านอีก กูเลิกงานเย็น แทนที่มึงจะไปทำกับข้าวแต่ดันมานั่งเอาใจไอ้ฝรั่งขี้นกนี้ เพื่ออะไรของมึงแก้ม!!” แม่ของแก้มมาถึงก็ยืนชี้หน้าด่าแก้ม ก่อนจะหันมาทางพวกผม เอาแล้วไง ส่งสัยผมจะเป็นคนต่อไปที่จะโดนด่า

                 “กลับห้องเถอะวะคริส” ไอ้โป้งมันกระซิบบอกผม ผมก็ทำท่าจะหันหลังเดินออก

                  “พี่คริส!!” แก้มรีบดึงแขนผมเอาไว้ ผมหันมามองเธอ

                 “กลับบ้าน แม่มาตามแล้วแก้ม อย่าให้แม่แก้มมาด่าพี่เลย “ผมบอกเธอ

                 “กลับบ้านแก้ม!!” แม่เธอบอกแก้มพร้อมกับกระชากแขนแก้ม เขาหันมามองหน้าผม

                 “เลิกยุ่งกับลูกสาวกูได้แล้วน่ะ ไอ้ฝรั่งขี้นก “แม่ของแก้มพูด ผมหันมามองหน้าเขา

                 “คุณน้าครับ ลูกสาวคุณน้านั่นแหละที่มายุ่งกับไอ้คริสมันไม่ใช่ไอ้คริสไปยุ่งด้วย ผมว่าคุณน้าไปถามลูกสาวดูเองดีกว่าครับ” ปัน ปัน มันทนไม่ได้มันรีบแก้ตัวแทนผมทันที

                 “มึงกล้าเถียงกูอย่างนั้นเหรอ อย่าให้กูไปฟ้องผู้อำนวยการน่ะ มึงคงได้พักการเรียนอีกรอบแน่ๆ “แม่ของแก้มพูด

                  “แม่พอแล้ว “แก้มรีบดันแม่ของเธอออก เธอหันมามองหน้าผม ผมหันมามองเพื่อนรักของผม ผมเองก็มีความรู้สึกน่ะ ฝรั่งขี้นก มันฟังแล้วเจ็บน่ะ ไม่ใช่ไม่เจ็บ นี้ผมทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ

                  “อย่าไปคิดมากเลย แม่แก้มปากเขาก็เป็นแบบนี้” ไอ้โป้งมันพูด

                 “ไม่อยากกลับห้องเลยอ่ะ ไปเดินเล่นกันไหม เดินอ้อมไปทางบ้านพักครูกัน” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม มันสองคนพยักหน้า

                “มึงไปดูอะไรว่ะ มีแต่บ้านพักครู “ไอ้โป้งมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน

               “เออก็ได้” ไอ้โป้งพูด

               “ขอกูไปซื้อขนมก่อนได้ไหมอ่ะ เดินกินไปด้วยฟินมาก” ไอ้ปันปันพูด ผมกับไอ้โป้งหันไปมองหน้าไอ้ปันปัน

                 “เดินดูดาวกินขนมไปด้วยไง “ไอ้ปันปันพูด ผมสองเลยบอกให้มันรีบไปจะได้รีบเดินกลับหอ หอนักเรียนชายเดินไปทางบ้านพักครูได้แต่ว่าจะอ้อมหน้อย ผมหยิบมือถือผมขึ้นมา


                 // ฮัลโหลคริส ว่าไง// แม่รับสายผม ฟังจากน้ำเสียงแม่กำลังยุ่งอยู่

                 // แม่คริสกลับบ้านน่ะแม่พรุ่งนี้// ผมบอกแม่ผม

                 // นั่งรถตู้ไปที่ดอนเมืองและก็นั่งเครื่องบินมาแล้วกันน่ะ แม่จะจองตั๋วให้คืนนี้เลย// แม่บอกผม

                // ได้ครับแม่แค่ขากลับผมขับบิ๊กไบท์มานะแม่// ผมบอกแม่ผม

                // จะเขาไปขับอีกเหรอแต่รอบนี้ห้ามทำเรื่องแล้วน่ะคริส!!แต่ถ้ารอบนี้มีเรื่องแม่จะประกาศขายเลยนะ// แม่บอกผม

                // ครับแม่ คริสสัญญา//ผมบอกแม่ผม ผมมีเรื่องล่าสุดก็เพราะเอารถไปแข่งนี้แหละแต่ว่าไอ้พี่กายมันเล่นสกปรกกับผมและมันก็โดนพ่อมันจับเพราะว่ามีคนโทรแจ้งแต่ไม่ใช่ผม เพราะว่าผมกับไอ้โป้งก็โดนแต่ผมรับคนเดียว ไอ้โป้งมันรอดแต่มันก็รู้สึกผิดที่ผมไม่อยากให้มันซวยไปกับผมด้วย

              // มาก็ดี แม่จะได้ ต่อพาสสปอร์ตออสเตรเลียให้เรา มันหมออายุแล้วคริส//

              // ต่อทำไมอ่ะ ผมไม่ได้ใช้แล้วมั้ง คงไม่มีวันนั้นที่จะได้ใช้หรอกแม่// ผมบอกแม่ผม

              // ก็เพื่ออยากไปเรียนที่นั่น//

              // ผมจะไปไม่ไปที่นั่น ไม่มีวันแม่// ผมบอกแม่ผม

              // แต่ก็ต่อไว้แล้วกันเพื่อเอาไว้ จะไปไม่ไปค่อยว่ากันอีกเรื่อง// แม่ของผมพูด

                   (มัม จะกินนม)น้องชายที่เกิดกับสามีใหม่ของแม่ผม สามีใหม่ของแม่ผมเป็นคนอังกฤษ ชื่อฟิลิปส์ เขามาทำธุรกิจที่ไทยและได้เจอแม่ของผม ตอนนี้ก็ได้ร่วมลงทุนเปิดธุรกิจสปาร์ด้วยกันและมีลูกเล็กอายุห้าขวบห่างจากผมสิบสองปี

                   (รอแป๊ปหนึ่ง เบนเด้น)

              // แค่นี้ก่อนน่ะคริส แม่จะรีบส่งตั๋วเครื่องบินไปให้น่ะ// แม่บอกผมและรีบวางสายไปดูแลน้องชายคนเล็กของผม อยู่บ้านก็ทะเลาะกับผมประจำคงเพราะว่าคนล่ะพ่อกันด้วย ผมหันมามองไอ้ปันปันมันหอบขนมมาถุงใหญ่เลย  จะมีร้านขายขนมจุกจิกที่นี้้ด้วย ผมกับไอ้โป้งไม่เคยเข้าไปซื้อหรอกมีแต่ไอ้ป้นปั้นนี่แหละ มันชอบกินเหมือนเด็ก

                “มึงซื้อมาทำไมวะ นมอะไรของมึงน่ะ คิกขุ ฉิบหายเลยมึงเนี๊ยะ!” ไอ้โป้งมันบ่นไอ้ปันปัน

                "มึงกินด้วยไหมล่ะ ทำเป็นพูดดี  กูเห็นมึงกินหมด" ไอ้ปัน ปันมันพูด

                “พี่โก้บอกว่าจะมาเทรนทีมบาสให้พวกเราเดือนหน้านี่ว่ะคริส เขาจะเปิดการแข่งขันระดับภาคแล้ว มึงพร้อมยัง “ไอ้โป้งบอกผม พี่โก้เป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลของพวกผม พี่โก้เป็นรุ่นพี่และเรียนจบวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬา พี่เขาเป็นนักกีฬบาสเก็ตบอลให้โรงเรียนทุกปีจนปีที่พี่เขาจบ พี่โก้จบแล้วก็อาสามาเป็นโค้ชให้พวกผม พี่เขาจะมาเทรนให้ พี่เขาเปิดฟิตเนสและเป็นเทรนเนอร์ด้วยและยังขายอุปกรณ์การกีฬาอีกด้วย



                      ระหว่างที่พวกผมเดินไปหอพักนักเรียนชาย ผมหันไปเป็นบ้านพักครูหลังที่สาม บ้านนี้เคยเป็นบ้านของครูมิ้งที่พึ่งมาสอนไม่นานและก็ได้อันตทานหายไปกับนักเรียนชั้นม.2 พึ่งจะหายไปเมื่อเทอมที่แล้วนี่เอง น้องคนนี้ชื่อแชมป์ เคยเขียนจดหมายมาหาผม ว่าชอบผมด้วยแต่ผมด่ากระเจิงไปเลย และที่สำคัญ ผมมีแต่ข่าวกับนักเรียนหญิงทั้งนั้น ไม่เคยชอบผู้ชาย จนวันนี้ วันนี้ ผมจับแขนครูคนใหม่คนนั้นเพราะว่าผมชนเขาเกือบตกบันได ทำไมผมรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อน แต่ก็เก็กหน้าทำกวนไปอย่างนั้น และวันนี้ผมยังตั้งใจเต๊ะฟุตบอลยิงยางมาไกลมาก ไปลงที่บ้านหลังนั้น พอผมมาเก็บลูกฟุตบอลก็ได้มีปากเสียงกับแฟนครูคนนั้น ก็มันดันแจ็คพ๊อตเกือบไปโดนหน้าและจมูกที่ดูก็รู้ว่าทำมา มันไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย แต่ว่าใบหน้าของครูคนนั้น มันยังติดต่อผมอยู่เลย ครูเขมชาติ



                  TBC.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 21:10:24 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.3  อุปสรรคแรกของครูเขม      

               Part’ s เขมชาติ วันนี้เป็นวันแรกของการทำหน้าที่ครู เป็นครูเต็มตัวแล้วครับผม ผมสวมชุดเครื่องแบบเสื้อเชิ้ตตารางสีเหลืองไข่ไก่อ่อนๆ สลับขาว และกางเกงสแล็ครองเท้าหนังหัวตัดสีน้ำตาล สวมเนกไทลายจุดสีน้ำตาล จัดแต่งทรงผมให้ดูเรียบร้อยและไม่ลืมที่จะฉีดน้ำหอมที่ณัฐกานต์ซื้อให้ผมเช่นกัน ทั้งหมดนี้ณัฐกานต์เป็นคนออกแบบให้ผม นาฬิกาข้อมือที่พี่ชายคนโตของผมซื้อให้ในวันรับปริญญา แม้ว่าพี่เกศรินจะโกรธพี่ต้นเพราะว่ามันค่อนข้างแพง แต่ผมว่าเขาไม่ได้โกรธที่ราคาหรอกเขาแค่ไม่อยากให้พี่ต้นซื้ออะไรผมเลยจะดีกว่า ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผมไปทำอะไรให้พี่ปิ่นหรือเกศรินทร์โกรธ

      ผมเหลือบมองเวลานี้เพิ่งจะเป็นเวลา 7 โมงเช้าเอง ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตั้งใจจะไปโรงอาหารเพื่อหาข้าวเช้าทานก่อน ผมเดินก้าวเท้าลงจากบันไดบ้าน ดีที่ออกแต่เช้าเพราะว่าอากาศเมืองไทยรอดมากขนาดนี้เดินไม่ต้องถึงกิโลก็เหงื่อแตกผลักๆ แล้วครับ ยิ่งสวมเสื้อเชิร์ตด้วยแล้ว

   “ปี้นๆ” เสียงแตรรถดังมาจอดที่หน้าบ้านของผม ผมหันไปมองหลังจากที่ใส่กุญแจล๊อกประตูหน้าบ้าน ผมก็พบว่าเป็นครูโจ้นั้นเองครับ

   “สวัสดีครับครูโจ้” ผมทักทายครูโจ้

   “สวัสดีครับครูเขม นี้โจ้กะว่าครูต้องออกเวลานี้แน่ๆ นอน ผมเดาเก่งไหมครับ” ครูโจ้พูด ผมเดินลงมายืนด้านล่าง และพยักหน้า

   “เก่งครับ น่าจะให้ไปเดาว่างวดหน้านี้ว่าจะออกเลขอะไรด้วยดีไหมครับคุณโจ้” ผมแซว

   “ไม่จริงหรอกครับ ...ผมนะขับผ่านมาสามรอบแล้วแหละครับครูเขม “ครูโจ้พูด ผมก็ส่ายหัวอันหลังนี้แหละ

   “ไปครับผมไปส่ง ...ที่เดิมนะครับ” ครูโจ้พูด ผมก็เลิกคิ้วมองว่าที่เดิมนะที่ไหน

   “ทานอาหารก่อนนะครับ ด้วยความเป็นห่วง เช้านี้เมียผมขายโจ๊กครับ “ผมก็พยักหน้า เป็นห่วงกลัวผมไม่ได้ทานอะไรก่อน อืม... เมียขายโจ๊กตอนเช้า นี่เขากะไม่ให้ผมไปซื้อร้านอื่นเลยใช่ไหมเนี๊ยะ ผมหันมายิ้มให้ครูโจ้

   “ยิ้มแบบนี้จะขอบคุณผมใช่ไหมครับ ไม่เป็นไรครับ ลูกค้าวีไอพีของผม ผมบริการเต็มที่ครับ” ครูโจ้บอกผม

   “แต่ผมขอขึ้นไปห้องธุรการก่อนนะครับและจะรีบลงไปซื้อโจ๊กเลยครับ” ผมพูดและยิ้มๆ

   “ดีครับครู โจ๊กเมียผมอร่อยสุดในย้านนี้แล้วครับ ไปครับ “ครูโจ้พูดแต่ยังไม่ออกตัว

   “กอดแน่นๆ นะครับรถแรงมาก” ครูโจ้พูด ผมก็พยักหน้า

   “บรื้นๆๆ ...” ทำเอาผมนี้แถมหงายหลังเลยครับ

   “ผมไปแก้เครื่องใหม่ให้แล้วครับ สำหรับครูเลยนะครับ เมื่อวานมันช้าไปหน่อยเครื่องไม่แรง แต่วันนี้แรงดีไหมครับ ครูเขม”

   “ครับครูโจ้ “ผมตอบครูโจ้ ผมนี้ก็เป็นห่วงทรงผมของผมนี้แหละครับ อุตส่าห์หวีมาอย่างดี ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าตึกที่ผมมาเจอวันก่อน

   “ขอบคุณนะครับครูโจ้” ผมเอ่ยปากขอบคุณครูโจ้และก้าวเท้าลงจากรถมอเตอร์ไซด์

   “อย่าลืมนะครับ อาหารเช้าสำคัญมาก โจ๊กครับโจ๊ก” ครูโจ้ตอกย้ำกับผมก่อนจะชับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป ผมก็ยืนโบกมือให้และรีบเดินขึ้นไปที่ห้องธุรการที่ผมเจอครูสมพิศเมื่อวานทันที

   “สวัสดีค่ะครูเขม มาแต่เช้าเลยนะคะ อันที่จริงมมาสัก 7โมงครึ่งก็ได้ค่ะ” ครูสมพิศที่เดินตามผมหลังผมขึ้นมา ผมเองก็ไม่ทันได้สังเกต

   “สวัสดีครับครูสมพิศ “ผมยกมือไหว้

   “ผมว่าจะเอาแฟ้มไปเก็บที่โต๊ะก่อนนะครับและจะลงไปทานอาหารครับ” ผมตอบครูสมพิศและมองไปรอบๆ ว่า โต๊ะไหนของผมละครับ

   “อุ้ยตาย! พี่นี่ลืมบอกครูเขมไปว่านั่งโต๊ะไหน ก็คงต้องโต๊ะครูมิ้งแหละและพวกหนังสือการเรียนการสอนก็อยู่ที่โต๊ะนั้นหมดค่ะ พี่จัดตารางตามเดิมของครูมิ้งเลยนะคะ แต่ถ้าครูจะให้ปรับเปลี่ยนห้องที่จะสอนยังไง รอคุยกับครูสมชายและครูลิมาค่ะ เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ “ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า

   “นั้นค่ะครูโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าต่างเลยค่ะ” ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า

   “ก่อนอื่นลงชื่อด้วยนะคะที่สมุดและลงเวลาที่เข้าค่ะ และเวลาออกก็มาลงอีกทีนะคะ” ครูสมพิศชี้ไปที่สุดเล็มหนึ่ง ผมก็พยักหน้าและเดินไปเปิดเขียนวันที่และลงชื่อตามตารางที่เขาตีไว้แล้ว ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย

   “ครูมิ้งเขาเป็นคนที่ระเบียบเรียบร้อยค่ะ นี้พวกพี่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยนะคะ หลังจากที่ครูหายไป “ครูสมพิศพูด

   “ตายแล้วพี่ลืมค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเอกสารที่ห้องท่านผู้อำนวยการก่อนนะคะ ต้องส่งแฟล็กซ์แต่เช้า” พี่สมพิศพูดและรีบเดินออกไปทันที

   “ตืดดดด” ผมกดสายหาณัฐกานต์ก่อน เพื่อจะได้แน่ใจว่าเขาตื่นไปทำงานทันเวลา แต่ทว่ายังคงรอสายจนตัดไปอีกแล้ว นี้ผมกดโทรหาเขาเกือบสิบสายได้แล้วมั้ง

   //กานต์ ตื่นหรือยังครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะครับ// ผมส่งข้อความกลับไปแต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด ว่าณัฐกานต์ตื่นแล้วหรือยังนอนขี้เซาอยู่นะ

   “จริงซิคะพี่ถาวร แม้รู้อย่างนี้ลินดาไปด้วยก็ดีนะคะ แต่แม่ซิชวนลินด้าไปบ้านป้าอีกแล้ว จะปฏิเสธก็ไม่ได้ “เสียงผู้หญิงคุยกันเดินเข้ามาในห้องธุรการและห้องพักครู หญิงสาวร่างเล็กบางทั้งคู่ อีกคนมวยผมเหมือนโดนัทและอีกคนก็ปล่อยผมสลวยสวยยาวจนถึงกลางหลัง

   “พี่ถาวรลงไปทานอาหารเลยไหมคะ” เขาสองคนก็ชวนคุยกันไปมา จนกระทั่งคนที่ปล่อยผมยาวก็เงยหน้าขึ้นมาเจอผมนั่งอยู่ผมก็ยิ้มให้ทันที

   “อุ้ย! ไม่ทราบว่ามีคนอยู่ในห้องนะคะ ขอโทษทีนะคะ คุยกันเสียงดังเลย”

   “ไม่เป็นไรครับ สวัสดีตอนเช้าครับผม “ผมทักทายสองสาว คนที่ปล่อยผมส่งยิ้มหวานมาให้ผม

   “ครูมาใหม่ใช่ไหมคะ” เธอถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมลุกขึ้นมาเพื่อทักทายเธอสองคนอย่างเป็นทางการ

   “ดิฉันชื่อถาวรค่ะ ยินดีที่รู้จักค่ะ” ครูคนที่มวยผมเป็นโดนัทเอ่ยทักทายผมและแนะนำตัวกับผม

   “ผมเขมชาติครับ ผมมาเป็นครูวันนี้วันแรกครับ ฝากตัวด้วยนะครับ” ผมพูดแนะนำตัวบ้างและอีกคนที่หันไปมองครูถาวรก็หันมายิ้มให้ผมอีกที

   “ดิฉันลินดาค่ะ ยินดีที่รู้จักนะคะครูเขมชาติ” ครูอีกคน หน้าตาสะสวยมากเธอชื่อลินดา

   “เรียกผมว่าเขมก็ได้ครับ สั้นๆ “ผมพูด

   “มาแต่เช้าเลยนะคะ ว่าแต่ทานอาหารเช้ามาหรือยังคะ ถ้ายังไปทานพร้อมกันเลยไหมคะ “ครูลินดาถามผม ผมก็ส่ายหัวและครูลินดาก็เอ่นปากชวนผมไปทานอาหารด้วยกันเลย

   “ไปซิคะ พวกเรากำลังจะลงไปอยู่พอดีเลยค่ะ” ครูถาวรเอ่ยถามผมอีกคน ผมพยักหน้าตอบรับและก่อนที่ลุกขึ้นผมก็เหลือบมองมือถือแต่ยังไม่การตอบรับใดๆ กลับมาจากณัฐกานต์ ถ้าอย่างนั้นผมว่าไปทานอาหารก่อนดีกว่า ผมก็ไม่อยากพกไปด้วยเลยเก็บมือถือใส่ลิ้นชักเอาไว้

   “มาสอนภาษาอังกฤษแทนครูมิ้งเหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมก็พยักหน้า อันที่จริงก็ไม่รู้เรื่องอะไรของครูมิ้งเลยก็ว่าได้ แต่ครูสมพิศบอกผมว่าให้ผมมาแทนก็คือแทน ผมคิดในใจและส่งยิ้มให้ครูสาวๆ แทน

   “น่าเสียดายครูมิ้งมากๆ นะคะ ครูมิ้งนะนักเรียนทุกคนบอกครูสอนเก่งและครูเขาน่าจะไปเรียนครอสสั้นๆ ภาษาอังกฤษต่างประเทศมาด้วยเพราะสำเนียงเป๊ะมากค่ะ “ครูลินดาพูด ครูถาวรก็พยักหน้ารับอีกคน

   “แล้วครูสองคนสอนวิชาอะไรกันเหรอครับ” ผมหันไปถามครูลินดาและครูถาวร

   “ลินดาสอนนาฏศิลป์ค่ะ ส่วนครูถาวรสอนคณิตศาสตร์ค่ะ” ผมพยักหน้า

   “เก่งทั้งคู่เลยนะครับ” ผมกล่าวชม และผมสามคนก็เดินลงมาถึงห้องอาหาร มีนักเรียนมานั่งทานกันแต่เช้า ผมดูดูแล้วโรงเรียนนี้ มีนักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย

   “สวัสดีค่ะครู” นักเรียนกล่าวทักทายผมสามคน ผมก็ยกมือรับไหว้กัน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เลือกมาทำหน้าที่เป็นครูสอนในวันนี้ ตอนเป็นติวเตอร์ผมยอมรับว่าไม่ได้มีเด็กยกมือไหว้ผมแบบนี้หรอก เขาอาจจะคิดว่าผมเหมือนเป็นพี่ที่เข้ามาสอนน้องๆ มากวก่า

           “สวัสดีครับครู “และคนอื่นที่เดินผ่านพวกผมสามคน ผมน่ะยังใหม่ ส่วนครูลินดากับครูถาวรน่าจะชินแล้ว

           “ครูเขมจะทานอะไรดีคะ” ครูลินดาสะกิดถามผม ผมหันมามอง

            “ผมขอเดินดูก่อนดีกว่าครับ ผมว่าจะทานข้าวร้านแฟนครูโจ้นะครับ” ผมบอกครูลินดา

           “ได้ค่ะ แต่วันนี้ลินดาคงไปดูอย่างอื่นทานค่ะ “ครูลินดาพูด

           “เพราะว่านี้ก็ทานโจ๊กร้านแฟนครูโจ้มาทั้งอาทิตย์แล้วค่ะ” ผมหันมามองสองสาว โดนเหมือนกันเหรอเธอสองคนก็พยักหน้าว่าใช่

              “ครูโจ้แกก็เชียร์เหลือเกิน แต่จะให้ไปทานตลอดก็เบื่อเหมือนกันนะคะ” ครูลินดากระซิบกระซาบกับผม ผมก็หลุดขำ ผมอาจจะเป็นเหมือนครูลินดาบ้างแหละ

            “ถ้าอย่างนั้นไปเจอกันที่โต๊ะตรงโน้นนะคะ” ครูถาวกระซิบบอกผมและครูสาวสองคนก็เดินออกไป ผมเดินตรงไปที่ร้านของแฟนครูโจ้ทันที

             “สวัสดีค่ะ ครูเขม” แฟนครูโจ้ทักทายผม

             “ผมว่าจะสั่งโจ๊กนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ แต่ดูท่าผมจะอดเพราะแฟนครูโจ้เก็บของลงหมดแล้ว

              “ครูเขมขอโทษจริงๆ ค่ะ เจี๊ยบเก็บไปหมดแล้วค่ะเพราะว่าเจี๊ยบต้องไปหาหมอค่ะ วันนี้หมอนัดค่ะ” แฟนครูโจ้พูด

            “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ เขาก็ส่งยิ้มแบบเกรงใจมาให้ผม ผมเหลือบไปมองเห็นข้าวราดแกงและเห็นว่ามีไข่ลูกเขย ผมชอบทานมากแม่ผมทำให้ผมทานบ่อยมาก ผมก็เลยเดินเลียบๆ เคียงๆ ไปและชะเง้อมองว่าทานอะไรดีนะ อีกย่างผัดผักรวมแล้วกัน

              “ป้าครับ ผมขอ ไข่ลูกเขยครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้แม่ค้าที่ยืนตักอาหารให้เด็กอยู่ เขาก็หันมามองผมและยิ้มให้ผม

             “ป้า! ผมขอไข่ลูกเขยครับ” มีคนพูดเกือบจะเหมือนผมแต่ต่างกันตรงที่ตอนเรียกป้าเขาไม่มีหางเสียงแบบผมนี้ซิ และเสียงมันก็ดังมาจากด้านข้างของผมซะด้วยซิ ผมก็เลยหันกลับไปมองและก็ต้องผงะเป็นฝ่ายถอยออกไปเองเพราะใบหน้าที่ดูกวนๆ และนัยต์ตาสีฟ้านั้น มันเกือบวางพาดเอาไว้บนไหล่ผมเลยก็ว่าได้ ตัวสูงเท่ากับผมเลยนะนายคนนี้น่ะ

              “รอก่อนเลยตักให้ครูเขาก่อน “ป้าคนขายข้าวหันไปบอกนายนั้น ผมก็หันไปหยักคิ้วให้

              “เอาอะไรเพิ่มไหมคะครู” ป้าหันมาถามผม

             “ผมขอเป็น “ผมก็ทำท่าคิด

            “จะได้ทานวันนี้ไหมเนี๊ยะ” คนที่ยืนใกล้ผมจนไหล่ติดกับผมพูดขึ้นเบาๆ ผมหันไปมอง นี้เรียกว่าเร่งผมใช่ไหมเนี๊ยะ

             “ผมขอเป็นผัดผักรวมครับป้า ผมขอเน้นผักนะครับ” ผมบอกป้าคนขายอาหาร เขาก็เดินไปตักให้ผมทันที

            “ทำไมต้องทานผักด้วยวะ เหม็นเขียว” ผมได้ยินเสียงคนข้างๆ ผมบ่น ผมก็หันไปมอง คนที่ยืนบ่นอยู่ข้างๆ ผม ประมาณว่ามันกงการอะไรของเขาถ้าผมจะกินผัก

           “ป้า ผมเอา ผัดผักด้วยนะป้า แต่ผักไม่ต้องเยอะนะป้าเน้น...หมูป้า” นายนั้นสั่งผัดผักเหมือนผม ทำให้ผมหันไปมองเพราะว่า เพิ่งจะบ่นอยู่เมื่อตะกี้เลยว่าเหม็นเขียวแล้วจะมาสั่งตามผมทำไม

           “อ้าว! มองผมซะขนาดนี้ มองแล้วมันจะทำให้ครูเจริญอาหารขึ้นเหรอครับ” ดูทำท่าพูดเข้าซิ

           “ครูเขมค่ะ “ผมหันไปตามเสียงเรียกของครูลินดา และชี้ว่านั่งโต๊ะไหน

            “ร้ายไม่เบานะ มาถึงก็หยอดครูสาวสวยประจำโรงเรียนเลย ไม่กลัวเมียมาแหกอกครูลินดาเหรอ เมียดุยังกลับหมาขนาดนั้น” ผมหันมามองแต่คิดอีกไม่ดีกว่าและจังหวะที่ป้าส่งจานข้าวมาให้ผมพอดีเลย ผมก็จ่านเงินค่าอาหารให้ป้าและเดินออกมาทันทื

               “ครูครับ” เสียงนายนั้นเรียกผม ผมก็หันมามองว่าทำไมอีก

               “ครูหยิบจานผมไปทำไมครับ ของผมนะผักน้อยๆ นี้ครับของครูผักเยอะๆ” นายนั้นพูด ผมก็เหลือบมองจานของผมและจานของนายคนนั้น ผมหยิบผิดจานแต่ว่า เอาคืนดีกว่าเมื่อกี้ว่าแฟนผมดุเหมือนหมา ถึงจะคล้ายๆ ก็เถอะ

             “นายทานจานนั้นไปนั่นแหละ กินผักเยอะๆ บ้าง ครูจะทานจานนี้ จะได้เน้นโปรตีน” ผมหันหลังเดินออกทันที

           “อะไรว่ะ แล้วผักเยอะขนาดนี้ แทบไม่มีเนื้อเลยเนี๊ยะ” นายนั้นบ่นผมทันที ผมก็รีบเดินตรงไปที่โต๊ะที่ครูลินดาและครูถาวรนั่งอยู่ ทั้งคู่กำลังคุยกันตามประสาสาวๆ ผมนั่งลงตรงข้ามทั้งคู่

             “ทานอะไรคะครู อุ้ย! ไข่ลูกเขย” ครูถาวรพูดเหมือนแซวผม

             “ครับผม แม่ผมทำให้ผมทานบ่อยครับและผมก็ชอบครับ” ผมพูด

                       ผมนั่งทานและคุยกันไปด้วยผมถึงได้ทราบว่าครูลินดาเป็นใต้และดูยังไงก็ไม่ค่อยเหมือนเฉพาะเรื่องสีผิวที่ขาวแต่หน้าตาคมคายและครูถาวรเป็นคนกรุงเทพเหมือนผมเช่นกันครูถาวรสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพและที่เดียวกับครูลินดาแต่คนละสาขาวิชากัน ทั้งคู่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนเตรียมอุดม

               “เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีค่ะครูเขม เราต้องไปยืนคุมนักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันแล้วค่ะ” ครูลินดาบอกผม

             “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปทำธุระส่วนตัวก่อนครับเพราะว่าหลังทำพิธีหน้าเสาธงผมต้องเข้าสอนเลยครับ ผมมีคาบแรกครับ” ผมบอกครูลินดา ผมลุกขึ้นและเอาจานไปเก็บยังจุดที่เขาเตรียมภาชนะไว้ใส่ และเดินขึ้นห้องพักครูก่อน ผมว่าจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันหลังอาหารซะก่อน

             “อ้าวครูเขม ไปไหนมาคะ” ครูสมพิศเดินออกมาจากห้องพักครู

             “ผมไปทานข้าวกับครูลินดาและครูถาวรมาครับ” ผมบอกครูสมพิศ

              “แม้มาถึงได้ควงครูสาวสวยประจำโรงเรียนนี้เลยนะคะครูเขม” ครูสมพิศแซวผม ผมก็ยิ้มๆ

              “เออ ขอโทษครับครูสมพิศครับ ไม่ทราบว่าชั้นนี้มีห้องน้ำครูไหมครับ” ผมถามครูสมพิศ ครูสมพิศก็ชะเง้อมองไปทางขึ้นบันได

                “นั้นห้องน้ำครูผู้ชายค่ะ “ครูสมพิศชี้นิ้วเชิงบอกผม ผมพยักหน้าก่อนขอตัวเข้าไปในห้องพัก เพื่อไปหยิบของใช้ส่วนตัวว่าจะไปห้องน้ำ ผมเดินไปก็เปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่เห็นคือ เด็กนักเรียนชายสามคนกำลังบี้บุหรี่ทิ้งและหันมามองผม

              “พวกเธอมาทำอะไรในห้องน้ำครู” ผมถามเขาสามคน

              “ก็มาเข้าห้องน้ำ ทำไมอะ “คนที่ยืนทำหน้าตากวนๆ ถามผม ท่ายืนที่ดูไม่สำรวมหรือให้เกียรติผมที่เป็นครูอาจารย์สักนิด

                “ไปเถอะวะกาย” เด็กผู้ชายอีกคนที่ดูล่ำๆ น่าจะเป็นนักกีฬาแต่ผมเดาว่านักมวยแน่ๆ
 
               “ครูใหม่ละซิ อยากให้ผมสามคนต้อนรับครูใหม่หรือไง” คนที่ชื่อกายพูด ผมก็มองหน้าทั้งสามคน และคนที่เป็นหัวโจกทำท่าจะเดินเข้าหาผมแบบไม่เกรงกลัวว่าผมนะเป็นครู

               “พวกเธอทำอะไรนะ! “เสียงคนที่ดูมีอำนาจ ดังมาจากด้านหลังของผม

               “เปล่าครับ “คนที่ชื่อกายพูด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาทำท่ากางใส่ผมอยู่ด้วยซ้ำ แต่นี้ท่าทีเปลี่ยนไปกระทันหัน

                “ทำไมไม่ไปเตรียมตัวเข้าแถว” อาจารย์เขาถามทั้งสามคน

               “และนี้พวกเธอเข้ามาทำอะไรในห้องน้ำครู ครูบอกพวกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาใช้ห้องน้ำครู ไปใช้ห้องน้ำพวกเธอนั้น “ครูคนนั้นพูด

                “ผมทราบครับครูแต่ว่าผมแค่มาล้างมือกันนะครับครูและจะไปเข้าแถวแล้ว ใช่ไหมครับ ครูคนใหม่” นายนั้นโกหกและยังมีหน้าหันมาถามผมอีกน่ะ

               “คุณเป็นครูคนใหม่ใช่ไหมครับ” ครูคนนั้นหันมาถามผม

             “ใช่ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมหันไปพูดแนะนำตัว

            “ไปได้แล้วพวกเธอสามคน และอย่าให้ครูเห็นอีกนะ แม้จะแค่ล้างมือก็ไม่ได้เพราะนี้มันห้องน้ำสำหรับครูใช้เท่านั้น พวกเธอต้องไปใช้ห้องน้ำของนักเรียน เข้าใจไหม กาย อั๋น และเอก “ครูคนนั้นดุพวกสามคนนั้นหันมามองผม และพวกก็เดินออกไป

             “ผมชื่อครูอครชัยครับ ผมเป็นครูอยู่ฝ่ายปกครองนี้ครับ ครูเขมชาติ “ครูอครชัยบอกผม ผมก็ยกมือไหว้

            “สามคนนี้ ตัวแสบของโรงเรียนเลย ระวังไว้หน่อยนะครับครู นายกายนี้พ่อเป็นนายทหาร เกเรที่สุด ไม่มีที่ไหนอยากรับไปเข้าเรียน เลยต้องอยู่ที่นี้ จะไล่ออกก็ไม่ได้ “ครูอครชัยพูด ผมพยักหน้า

              “สงสัยสามคนนั้นสูบบุหรีที่ในห้องน้ำครูอีกแล้ว เดี๋ยวผมตามแม่บ้านมาทำความสะอาดดีกว่าครับครู” ครูอครชัยบอกผม

               “ผมแค่เออ ล้างมือครับ “ผมบอกครูและเดินเข้าห้องน้ำ กลิ่นบุหรีนี้แรงมาก แต่ผมก็ต้องกลั้นหายใจ เพราะว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เอาซะเลย ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบออก ผมเห็นว่าน่าจะได้เวลานักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันแล้วผมเลยเดินลมาชั้นล่าง และเห็นครูหลายๆ คนยืนอยู่

               “นี่ไงคะผอ. ครูเขมชาติ” ครูสมพิศ ชี้ให้ท่าน ผู้อำนวยการดูและท่านก็ควักมือเรียกผมเข้าไป

              “เดี๋ยวหลังจากเคารพธงชาติเสร็จผมจะกล่าวแนะนำครูใหม่นั้นคือครูเขมชาติกับนักเรียนของเรานะครับครู” ผู้อำนวยการกระซิบบอกผม ผมก็พยักหน้า

               “ครูเขมชาติ นี้คือคุณครูคนใหม่ของโรงเรียนเรานะคะ” ครูสมพิศ แนะนำผมกับคุณครูทุกท่านที่โรงเรียน

              “สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ผมกล่าวกับครูทุกคน ผมดูแล้วน่าจะเป็นผม ครูลินดาและครูถาวรที่เด็กที่สุด แต่ละท่านนี้ก็น่าเข้าหลักสี่กันแล้วมั้งครับ อ้อมีครูโจ้อีกคนที่น่าจะแก่กว่าผม ปีสองปี

           “เดี๋ยวเราไปยืนตรวจแถวนักเรียนกันค่ะครู” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามครูท่านอื่นๆ ออกไป

             “ก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ แค่ยืนให้เด็กเข้าแถวอย่างเรียบร้อยค่ะ พอร้อนๆ หน่อยก็เขาที่ร่มต้นไม้อะไรอย่างนี้นะคะ
             “ครูสมพิศบอกผม ผมหันไปยิ้มให้ครูลินดา และพวกผมก็แยกย้ายกันเดินออกไป ผมเดินไปรอบๆ ที่นี้เขาแยกเข้าแถวกันระหว่างชายหญิง จะแบ่งเป็นชั้นๆ ชั้นหนึ่งก็ ผมเห็นครูผู้ชายก็มักจะยืนที่แถวนักเรียนชาย

             “ครูเขม” ครูโจ้โบกมือเรียกผม ผมก็ไปยืนกับครูโจ้ทันทีจะได้ไม่วังเวงหากยืนอยู่ในที่โล่งๆ คนเดียว

              “อ้าวแล้วครูโจ้ไม่ไปกับแฟนเหรอครับเห็นว่าหมอนัด” ผมถามครูโจ้

               “อ้อ! ผมให้ พี่ชายเขาพาไปนะครับ “ครูโจ้พูด ผมพยักหน้า และหันไปยิ้มให้ครูอีกคนที่ท่าทางกระตุ้งกระติ้งหน่อยจะว่าเรียบร้อยมากก็ว่าได้หรือว่าจะมองว่าไม่แมนก็ได้ ผมเลยไม่กล้าตัดสินดีกว่า

             “สวัสดีครับ ผมครูสมชายครับ ยินดีที่รู้จักนะครับ ผมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้เหมือนกัน” ผมพยักหน้าและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ ระหว่างที่กำลังพิธีร้องเพลงชาติ ผมเหลือบไปเห็นนายคนนั้นหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น แต่ว่าวันนี้มันดูไม่เหมือนวันที่ผมเจอเขาที่ตรงบันไดนั้น ตาคู่นั้นมันเป็นสีฟ้า แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่ใช่สีฟ้าหรือว่าวันก่อนเขาใส่คอนแทคเลนส์ทำให้ตาเป็นสีฟ้ากันแน่ ผมยืนมองนายนั้นนานไปหน่อย จนนายนั้นหันมาเห็นผมเข้าและก็หยักคิ้วให้ผมด้วย ผมก็ทำนิ้วจุปากเพราะเวลานี้ควรจะสำรวม ไม่นานเวลาพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อย

              “นักเรียนทำความเคารพ” พอท่านผู้อำนวยการขึ้นไปยืนก็มีนักเรียนคนหนึ่งที่ทำหน้าที่นำสวดมนต์และร้องเพลงชาติลุกขึ้นและบอกให้นักเรียนทุกคนทำความเคารพ

              “สวัสดีครับ นักเรียนที่น่ารักทุกคน นั่งลงได้ วันนี้ครูมีเรื่องมาพูดไม่นานเพราะว่าดูท่าทางจะร้อนกันแล้ว” ผู้อำนวยการบอกให้นักเรียนทั้งหมดนั่งลง พอนักเรียนนั่งคุณครูก็ยังคงยื่นอยู่

              “วันนี้ก็เป็นการเปิดภาคเรียนมาได้หนึ่งเดือนแล้วน่ะเทอมนี้เป็นเทอม 2 ดังนั้นนั้นใครที่ติดศูนย์ ติดรอแก้ไขให้เรียบร้อยซะนะ เวลาปิดภาคเรียนใหญ่ได้ไม่ต้องกลับมาแก้อีกและจะได้ไปเที่ยวกันได้สนุกสนาน “ผู้อำนวยการพูด

                 “ส่วนคนที่จะจบก็จะได้จบพร้อมเพื่อนไม่ใช่มานั่งแก้ศูนย์แก้รอกันและแทนที่จะได้ไปเรียนต่อก็ต้องรอไปอีก “ผู้อำนวยการพูด

                 “และวันนี้ครูจะมาแนะนำคุณครูคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่สอนหนังสือพวกเรา เป็นครูหนุ่มไฟแรง รูปหล่อ” ท่านผอพูดชมผม ชมกันขนาดนี้ผมแทบจะก้าวเท้าขึ้นไปไม่ถูกเลย

                “เชิญครับครูเขมชาติ” พอท่านผู้อำนวยการเชิญผมขึ้นไปบนเวทีนั้น ผมหันมามองนักเรียนที่หันมามองผมกันหมด

                “หล่อด้วยอะแก” ผมได้ยินเสียงนักเรียนสาวๆ แซวผมกันใหญ่เลย และผมก็เห็นนายตาสีฟ้านั้นมองผม ตั้งแต่ผมกำลังเดินไปจนขึ้นเวที

                “แนะนำตัวหน่อยครับครูเขมชาติ” ท่านผู้อำนวยการบอกผมและส่งไมโครโฟนมาให้ผม

               “สวัสดีครับท่านผู้อำนวนการ คุณครูทุกท่าน และนักเรียนทุกคน กระผม นายเชมชาติ จะมาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี้ครับ ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาเป็นผู้ประสาทวิชาความรู้ให้แก่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนนี้และผมจะตั้งใจมอบความรู้ที่ผมได้เรียนมาแก่นักเรียนทุกคนอย่างเต็มความสามารถครับ” ผมพูดและเสียงปรบมือดังขึ้น ผมกวาดสายตามองไปรอบจนไปสะดุดที่สายตานายคนนั้น หนุ่มลูกครึ่ง ผมเห็นสายตาหนุ่มคนนั้นและสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไป เขามองหันไปทางอื่นแทน

              “ขอบคุณนะครับครู ขอให้สมดังที่ครูตั้งใจที่จะมอบความรู้ต่างๆ ให้แก่นักเรียนที่นี้ และครูขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนกับครูเขมชาติกันนะครับ รักและเคารพคุณครู เหมือนเช่นคุณครูท่านอื่นๆ วันนี้ก็คงพอแค่นี้ เชิญแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน” ท่านผู้อำนวยการพูด และนักเรียนก็พากันลุกขึ้นพร้อมเดินแยกย้ายพากันเข้าห้องเรียนกัน ผมก็ดันไม่ได้สังเกตว่านายคนนั้นเรียนห้องไหนซะด้วยซิและปีไหนด้วยก็ไม่รู้เพราะมัวแต่คุยกับครูโจ้ตอนนั้น

              “ครูเขมคะ” ผมหันไปยังเสียงที่เรียกชื่อผม

              “สวัสดีครับ “ผมทักทายคุณครูผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เดินมาทักผม

              “ดิฉันชื่อครูลิมาค่ะ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ ดีใจนะคะที่ได้ครูคนใหม่ไฟแรงมาช่วยเรา ถ้ามีเวลายังไงเราน่าจะนัดประชุมกันนะคะ เราจะมีการแข่งขันภาษาอังกฤษกันนะคะเพื่อคัดคนที่จะเป็นตัวแทนไปแข่งขันในรถดับภาคค่ะ “ครูลิมาบอกผม ผมพยักหน้าดีเลย

               “ตอนนี้ลิมาต้องชึ้นสอนก่อน แล้วครูละคะ ชึ้นสอนเลยไหมคะคาบนี้” ครูลิมาถามผม

              “ใช่ครับผมจะขึ้นสอน นักเรียนชั้นม.4ครับ ห้อง4/1 ครับ” ผมบอกครูลิมา แต่ดูครูลิมาจะทำหน้าตกใจ

              “4/1 เป็นเด็กเรียนเก่งกันทั้งหมดสบายครูไปนะคะ แต่จะมีหนึ่งคนที่ไม่เข้าเรียนเลย อย่าไปอะไรมากเพราะบังคับยังไงก็ไม่เข้าค่ะ เทอมที่แล้วติดศูนย์ของลิมายังไม่แก้เลยค่ะ เห็นท่านผู้อำนวยการจะเรียกผู้ปกครองมาคุยอยู่ค่ะ “ครูลิมาบอกผม ผมก็ยิ้ม นี้ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนักเรียนเลยก็เหมือนจะเจอปัญหาซะแล้ว

               TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2024 21:11:29 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.3.1 (ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์)ข้อแลกเปลี่ยน

                     Part’ s เขมชาติ ส่วนผมก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องพักครูทันที ผมต้องเข้าไปหยิบหนังสือที่จะใช้สอนนักเรียนชั้นมัธยมปีที่4 ผมเองก็คุ้นเคยกับการติวเตอร์มาแล้วแต่ว่ามันค่อนข้างแตกต่างจากในชั้นเรียนบ้างก็เพราะว่าติวเตอร์จะเน้นทำข้อสอบและสนุกสนานกันเหมือนเพื่อนกัน แต่ว่าการเป็นครู ผมต้องสอนและพัฒนาตัวนักเรียน และการสอนต้องสอนให้ให้นักเรียนเข้าใจอย่างแท้จริงผ่านกิจกรรม การพิสูจน์ การทดลอง เพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาได้เอง ซึ่งมันแตกต่างกับตอนที่ผมทำหน้าที่ติวเตอร์ การสอนที่มีเวลามันจำกัด ดังนั้นผมต้องสอนแบบ สูตรลัด ตัดช้อยส์ เทคนิคการเดาต่างๆ และจุดประสงค์หลักของนักเรียนที่มาเรียนติวเตอร์คือต้องการทำข้อสอบได้เท่านั้นจริงๆ ทำเอาผมยืนสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เอาวะเขมนายต้องทำได้ แต่ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องของนักเรียนผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ณัฐกานต์ยังไม่ตอบข้อความของผมเลย ผมก็ไม่อยากถือไปด้วยเลย



   
อ้างถึง
ณัฐกานต์ = เขมจะขึ้นห้องสอนเด็กแล้วนะ ตอนเที่ยงเขมโทรหานะครับ เป็นห่วงนะครับ รักครับ



   ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์และโยนมือถือใส่ในลิ้นชักก่อนจะหยิบหนังภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นมา ผมคงต้องถามนักเรียนเอาว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีครูสอนถึงไหนบ้างแล้วและผมจะได้ปะติดปะต่อถูก ผมเดินขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของตัวอาคาร แม้จะมีตึกเดียวแต่ก็ดูเหมือนสองตึกมากกว่าและมีทางเชื่อมกันระหว่างตึกด้วย มีจำนวนห้องเรียนมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นเฉพาะห้องเรียนทั้งหมด มีห้องทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยเช่นกัน



            ผมเดินไปจนถึงห้องนักเรียนชั้นปีที่ 4/1 ก่อนเข้าก็สูดลมหายใจเข้าปอดอีกที คิดในใจสู้โว้ย และผมก็ก้าวเท้าเข้าห้องไปในห้องเรียนที่มีนักเรียนนักกันเป็นคู่ ทั้งหมดสี่แถวแต่ล่ะแถวก็แยกออกเป็นสี่คู่บ้างสามคู่บ้าง ทุกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกันหมด

   “ครูคนใหม่แก!!” นักเรียนหญิงพากันตื่นเต้นที่เป็นผมเองที่เข้ามาทำหน้าที่สอนพวกเขาวันนี้



   “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องรีบบอกนักเรียนในห้องทั้งหมดทำความรพผมทันที



   “สวัสดีตอนเช้าค่ะ/ครับ คุณครู “นักเรียนในห้องทักทายผมเป็นภาษาอังกฤษ



   “สวัสดีตอนเช้าครับทุกคน. วันนี้เป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีกันไหมครับ? . ผมถามนักเรียนในห้อง นี้เป็นการเจอกันครั้งแรก



   “สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ, คณละสบายดีไหม?”



   “ผมสบายดีครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบ



   “โห้! สำเนียงเป๊ะมากอะแก “นักเรียนหญิงที่อยู่แถวหน้าหันไปกระซิบกับเพื่อน



   “ได้โปรดนั่งลงก่อนครับ” ผมบอกนักเรียนทุกคน และนักเรียนทุกคนก็นั่งลง

   “ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณครู” นักเรียนทุกคนพูด

   “ผมชื่อเขมชาติ. ผมมีความยินดีที่ได้มาทำหน้าที่ครูผู้สอนพวกเราทุกคนวันนี้นะครับ” ผมพูดทุกพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ทุกโต๊ะมีคนนั่งหมด แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่ว่างอยู่แถมมีตัวเดียวโดดเดี่ยวซะด้วย



   “เอาละ ครูจะขอเช็กชื่อพวกเธอก่อนนะ แล้วก่อนที่ครูจะเริ่มสอนเราตามบทเรียน ครูจะให้เราตั้งคำถาม ถามครูได้คนละคำถาม แต่เป็นภาษาอังกฤษ” ผมบอกทุกคน ทุกคนหันไปยิ้มๆ กันโดยเฉพาะ นักเรียนหญิง ผมก็หยิบแฟ้มรายชื่อนักเรียนในห้องเรียนที่ครูสมพิศให้ผมมาออกมาเปิดและขานชื่อแต่ละคน ส่วนใหญ่ก็ตอบว่ามากันหมดจนมาถึงชื่อหนึ่ง



   “คริสโตเฟอร์” ผมเรียกชื่อนี้โดยยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่มันได้ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด



   “คริสโตเฟอร์!”



   “คริสโตเฟอร์เขาไปไหนครับ?



   “เขาไม่อยู่ค่ะครู” มีคนตอบผมและมองไปที่โต๊ะนักเรียนด้านหลังสุดติดกับหน้าต่าง



   “เออ.. ใช่คนที่เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าครับ” ผมถามนักเรียนในห้อง



   “ใช่ค่ะ” “ใช่ครับ” ทุกคนตอบพร้อมกันหมด



      “แล้วเขาไปไหนครับ ครูว่าครูเห็นเขานะ เขาเข้าแถวตอนเช้าอยู่เลย” ผมพูดขึ้นและมองไปรอบและชะเง้อมองไปด่านนอกห้องเพื่อว่าเขากำลังเดินขึ้นมา อาจจะไปห้องน้ำ



   “ครูเขมชาติคะ พี่เขาไม่มาหรอกค่ะ พี่เขาไม่เคยเข้าเรียนวิชานี้เลยค่ะ วิชาอื่นก็เข้านะคะแต่วิชานี้พี่เขาไม่ยอมเข้าค่ะ” ผู้หญิงที่นั่งด้านหน้าสุดตอบผม วิชานี้ ใช่เด็กคนเดียวกันกับที่ครูลิมาบอกผมหรือเปล่า นายลูกครึ่งนั้นน่ะเหรอและทุกคนเรียกเขาว่าพี่กันหมดแสดงว่าแก่กว่าซิน่ะ



   “เนอะพวกเรา” ทุกคนในห้องหันมาพยักหน้ากัน



   “ใช่” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันทำให้ผมตกใจและมันก็ตรงกับที่ครูลิมาพูดด้วย



   “มีใครเห็นเขาบ้าง บอกครูทีซิครับ” ผมถามนักเรียนในห้อง มีแต่คนส่ายหัวว่าไม่เห็นแต่ก็มีหนึ่งคนที่ยกมือขึ้น



   “ผมเห็นครับ ตอนที่ผมเดินที่รถมอเตอร์ไซด์ที่ผมจอดไว้ ผมเห็นเขานั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ศาลากลางน้ำครับ” นักเรียนชายคนหนึ่งลุกขึ้นตอบผม ผมก็ว่างแฟ้มลง คิดในใจนี้มันใช่เวลาไปนั่งเล่นกีตาร์ไหม ผมไม่แน่ใจว่าใช่นายไหมนะ นายตาสีฟ้า แต่เท่าที่ผมเห็นมีแค่นายนั้นคนเดียวน่ะที่เป็นลูกครึ่ง



   “เอาละเดี๋ยวครูมา พวกเธอเตรียมคำถามไว้ถามครู ขอเป็นภาษาอังกฤษนะ ถูกผิดไม่ว่ากันนะครับ “ผมพูดและทำท่าจะเดินออกจากห้อง



   “ครูจะไปตามพี่เขาเหรอคะ อย่าไปเลยค่ะ พี่เขาไม่มาหรอกค่ะ ครูลิมาก็เคยทำมาแล้วค่ะ” เด็กนักเรียนหญิงที่นั่งด้านหน้าสุด ร้องทักผม ผมหันไปมองว่าทำไม



   “ใช่ค่ะครูอย่าไปเลยค่ะ พี่คริสโตเฟอร์ เคยต่อยครูสมชายมาแล้วนะคะ ครูสอนภาษาอังกฤษนะคะ เขาเลยไม่ยอมมาสอนห้องที่นายคริสเรียนเด็ดขาด” นักเรียนอีกคนพูด ผมคิดว่าคนเดียวกันแล้วแหละ เพราะเขาเรียกว่านายคริส



   “งั้นเดี๋ยวครูมา” ผมพูดแค่นั้นและเดินลงไปชั้นล่าง ผมรู้ว่าศาลากลางน้ำอยู่ตรงไหน จะเลยที่จอดรถไปหน่อย มีบ่อน้ำและมีศาลาที่ตั้งอยู่ไปทางกลางน้ำ ผมเดินจั้มอ้าวลงไปอย่างไม่ได้สนใจใครจนกระทั่งผมไปหยุดที่ทางเดินเข้าไปศาลากลางน้ำ



   ทันทีที่ผมเดินมาถึงศาลากลางน้ำที่ทุกคนพูดถึง ผมก็เห็นมีนักเรียนนั่งอยู่ มือดีดกีตาร์อยู่ ดูจากรูปร่างใช่แน่นอนนายคริสโตเฟอร์ ผมรีบเดินเข้าไปหาเขา เขายังคงนั่งเล่นกีตาร์หันหลังให้ผม เพลงที่เขาเล่นน่ะเป็นเพลงที่ผมชอบซะด้วย All of me แต่ นี้มันไม่ใช่เวลามาเล่นกีตาร์ เขาควรจะอยู่ในห้องเรียนกับผม



   “คริสโตเฟอร์ “ผมเรียกชื่อเขา คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผมด้วยอาการตกใจ



   “คุณ เอ๊ย! ครู” คริสโตเฟอร์



   “นายเล่นกีตาร์และร้องเพลงได้เพราะมากนะและครูเองก็ชอบเพลงนี้มาก แต่จะให้ดีควรจะไปเข้าห้องเรียนหรือถ้าอยากร้องมาก ไปร้องให้เพื่อนฟังดีกว่าไหม” ผมถามนายคริสโตเฟอร์ นายนั้นก็วางกีตาร์ลงและหันมามองผม เหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็ไม่เขาได้หยิบกีตาร์และลุกขึ้นเดินแทรกผมไปทันที ผมก็เดินจามเขา



   “นายคริสโตเฟอร์ หยุดนะ! “ผมเรียกชื่อเขาและบอกให้เขาหยุดเพราะผมเห็นว่าเขาไม่ได้เดินไปเพื่อไปขึ้นตึกแต่เหมือนจะเดินไปทางบ้านพักนักเรียนมากกว่า



   “นายคริสโตเฟอร์!!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดังมาก



   “ไม่ต้องเสียเวลามาตามผมหรอกครับครู ผมไม่เคยขึ้นเรียนวิชานี้ ใครก็รู้ ไม่ลองถามเพื่อนๆ ในห้องผมดูละครับคุณครู เขมชาติ” คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม และเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวานที่เขาเรียกชื่อผม



   “ทำไมนี่มันวิชาตามแผนบังคับการเรียนของนายนะ นายต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษและนายต้องเข้าเรียนกับครู ตอนนี้! “ผมพูดเขายังคงมองหน้าผม



   “เพื่อนๆ รอนายอยู่ไป อย่าให้เพื่อนเสียเวลารอนายคนเดียว ขึ้นห้องเรียนกับครู” ผมพูดและเดินไปจับข้อมือของนายคริสโตเฟอร์และพยายามจูงให้เขาตามผมไป



   “ผมไม่ขึ้น และผมจะไม่มีวันขึ้น ปล่อยผมนะครู” เขาพยายามสะบัดมือผมให้หลุด



   “ทำไม! นายมีเหตุผลไหม ถ้ามันคือเหตุผลที่สมควร ครูก็จะไม่บังคับนาย” ผมถามนายคริสโตเฟอร์ ขณะที่เขากำลังจะหันและเดินหนีผม



   “ผมมีเหตุผลของผม “นายคริสโตเฟอร์พูดแต่ผมยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเขา



   “นายต้องขึ้นห้องเรียนกับครูตอนนี้และเดี๋ยวนี้ “ผมพูด นายคริสโตเฟอร์ มองมือผมและสะบัดมือผมอย่างแรงและผมก็เสียหลักกระเด็นออกไป นายคริสโตเฟอร์หันมามองผมด้วยความตกใจ



   “อะไรกันนะ” เสียงครูผู้หญิงร้องทักดังมาและครูคนนั้นก็รีบเดินเข้ามา ผมก็รีบลุกขึ้นสะบัดเศษหญ้าออก



   “นายคริสโตเฟอร์ นี้นายมีเรื่องกับครูอาจารย์อีกแล้วเหรอ และนี้นายผลักครูเลยเหรอ ครูว่าเธอควรจะไปหาผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้” ครูผู้หญิงที่เดินมาหาผม ผมคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ



   “ครูครับผมไม่เป็นไรครับและนายคริสเขา...ก็ไม่ได้ผลักผมครับ.... ผม..แค่ ลื้นล้มไปเองครับ และมันจังหวะที่นายคริสกำลังเดินกลับไปห้องพักเขา เขาปวดท้องนะครับ” ผมพูด นายคริสโตเฟอร์มองหน้าผม และครูผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผมสลับกับนายคริสโตเฟอร์เช่นกัน



   “จริงเหรอนายคริส” ครูที่เดินเข้ามาหันไปถามคริสโตเฟอร์



   “เออ...ผม..” นานคริสโตเฟอร์ทำท่าอึกอักแต่ผมขยิบตา



   “ครับครู” นายคริสโตเฟอร์พูดแบบไม่เต็มคำ



   “นายไปพักเถอะและอย่าลืมทานยาละ พรุ่งนี้ค่อยมาเรียนนะ” ผมพูดและนายคริสโตเฟอร์ก็คว้ากีตาร์และเดินออกไปอย่างเร็ว ผมหันมาเจอครูท่านนั้นที่ยืนมองผม



   “ครูช่วยเด็ก” ครูผู้หญิงนั้นหันมาพูดกับผม



   “ครูครับ ผมว่าถ้าให้เขาไปหาผู้อำนวยการมันจะยิ่งแย่ เราควรที่จะรู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไรครับ และแก้ไข ไม่ใช่ผลักเขาออกนะครับ เพราะว่ามันอาจจะทำให้เราเสียนักเรียนไปหนึ่งคนนะครับครู” ผมพูด ครูผู้หญิงตรงหน้าผมก็มองมาที่ผมและถอนหายใจออกมา



   “ผมขอโทษครับครู” ผมก็กล่าวขอโทษทันทีเพราะยังไงผมก็เพิ่งจะมาใหม่



   “แล้วนี่ครูเป็นอะไรไหมคะ” ครูผู้หญิงถามผม



   “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับครู ผมขอโทษนะครับ ที่ผม…”



   “ค่ะ ดิฉันเห็นแก่ว่าคุณเป็นครูใหม่ ว่าแต่คุณชื่อครูเขมชาติใช่ไหมคะ”



   “ครับผม”



   “ดิฉันครูสิรินาฏค่ะ เป็นครูแนะแนวที่นี้ค่ะ”



   “ยินดีที่รู้จักนะครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ นักเรียนในห้องรอผมอยู่นะครับ” ผมพูดและขอตัวเดินออกทันที



        ผมพ่นลมหายใจออกมา ผมเห็นสายตาที่เขามองผมตอนที่ผมล้มลงไปแล้วผมรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกผิด ถ้าเขารู้สึกผิดนั้นก็แปลว่า เขาไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ใช่เด็กเกเรจนยากจะเยียวยาแต่เขาต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ผมควรจะเข้าไปแก้ไข ผมปล่อยเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยไม่มีเขาตามกลับขึ้นไป นักเรียนทุกคนก็มองผมและหันไปกระซิบกระซาบกัน ผมก็ปรับสีหน้าให้กลับมาสู่ปกติ



   “เห็นไหมแกฉันบอกแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ขึ้นมาหรอก” นักเรียนหญิงที่ร้องห้ามผมไม่ให้ลงไปคามคริสโตเฟอร์หันไปกระซิบกับเพื่อนๆ ของเธอ



   “เอาละ เรามาเริ่มเรียนกันได้เลยครับ ส่วนคำถามเอาไว้คาบหน้านะครับเพราะว่ามันเกินเวลาไปเยอะ ครูขอโทษนะครับทุกคน” ผมพูดและเปิดหนังสือทำการสอน ในหัวผมนี้คิดฟุ้งซ่านไปหมดเลยวันนี้



              Part’ s คริสโตเฟอร์ ผมรู้สึกผิดหวังที่ครูคนใหม่คนนั้นเป็นครูสอยวิชาทีผมไม่ยอากเรียน ผมติดศูนย์วิชานี้ทุกตัวเลย ทั้งที่ผมน่ะ เก่งกว่าคนอื่นๆ แต่ว่าผมไม่เคยเข้าเรียนมันเลย วิชาภาษาอังกฤษ ผมไม่อยากรับรู้มัน ผมไม่อยากพูดหรือฟัง แต่ว่ามันก็ทำไม่ได้ ผมเคยใช้มันมาก่อน ตอนนั้นมันมีความสุขมากที่ได้คุยกับคนนั้นเป็นภาษาอังกฤณแต่ว่า ตอนนี้เขาไม่คิดที่จะมาหาผมเลยสักครั้ง เขาหายไป ไม่มีจดหมายหรืออะไรเลย ผมนั่งอยู่ที่ตรงโต๊ะที่พวกผมนั่งกันประจำ ผมก้มลง ผมมองมือตัวเองที่ทำให้ครูคนนั้นล้มลงไปแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรก็ตาม



   “อ้าวไอ้คริส มึงเลิกเร็วเหรอวะวันนี้ มึงเลยมานั่งรอพวกกู” ไอ้โป้งเพื่อนรักของผม เดินเข้ามา



   “กูไม่ได้ขึ้นเรียนวะโป้ง” ผมบอกไอ้โป้ง



   “อะไรอีกวะ ทำไมมึงไม่ขึ้นเรียนวะ เดี๋ยวก็โดนเรียกผู้ปกครองหรอกมึง” ไอ้อาร์ท พูดขึ้นและไอ้โจก็พยักหน้าเห็นด้วย ไอ้คู่นี้มาเป็นเพื่อนตอนที่เรียนมัธยมปลายและเป็นตัวแทนบาสเก็ตบอลทีมพวกผม



   “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะมึง” ไอ้ปันปันอีกคน



   “กูไม่ได้เข้าเรียนภาษาอังกฤษและครูเขาลงมาตามกู แต่กูไม่ยอมขึ้น เลยมีการยื้อกันจนครูเขา...ล้มลง เหมือนกูผลักเขา” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด



   “และครูสิรินาฏก็มาเห็นตอนแรกเขาจะให้กูไปหาผู้อำนวยการให้ได้วะ แต่ครูเขาโกหกว่ากูไม่ได้ผลัก” ผมพูดอย่างคนรู้สึกผิด



   “เออ น่า มันไม่ใช่ครั้งแรกของมึงนี่หว่าเพราะว่า มึงก็เกือบจะต่อยครูสมชายไปแล้ว” ไอ้โจมันพูด



   “ก็น่าถูกต่อยหรอกนะ ดูมันว่าไอ้คริสดิ เป็นกู กูก็ต่อยวะ เสือกเรียกไอ้คริสว่าฝรั่งขี้นก “ปันปันพูด ใช่ผมนะโมโหเขามากพยายามจะอดกลั้นแล้วแต่ก็ทนไม่ไหวต่อยเขาไปหนึ่งที



   “เอานะ ดูแล้วมึงไม่ตั้งใจก็รอไปขอโทษเขาแล้วกันวะ” ไอ้โป้งพูด



   “หาอะไรทานกันดีกว่าวะ” ไอ้โป้งบอกทุกคน ผมก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปจะไปดูว่าจะทานอะไรดี เมื่อเช้าเดินไปสั่งอาหารให้เหมือนเขาแต่ดันได้จานที่มีผักเยอะแยะ พูดแล้วยังเหม็นเขียวในปากอยู่เลย ผมไม่ค่อยชอบทานผักแต่ก็ต้องทานเกือบหมด



   “กูไปสั่งก๋วยเตี๋ยวนะ มึงเอาไหมวะคริส” ไอ้ปันปันมันถามผม ผมเหลือบไปเห็นครูคนใหม่คนนั้นเดินไปสั่งร้านข้าวพอดี



   “ไม่เอาวะ กูไปซื้อข้าวนะ “ผมพูดและรีบแทรกนักเรียนที่ทยอยเดินลงมาทานข้าวและผมก็แทรกเดินไปจนถึงครูเขมชาติ ผมรู้จักชื่อเพราะว่าวันนั้นผมสังเกตจากแฟ้มที่ครูถือผมเห็นจากบัตรประจำตัวของครู ผมไปยืนใกล้ชิดแต่เขายังไม่รู้สึกว่าเป็นผม จนกระทั่งไหล่ผมชนเข้ากับเขา



   “ครู” ผมเรียกเขา เขาก็หันมามองผม สายตาเขาเหมือนผิดหวังและหันกลับ



   “ครู ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจผลักครู” ผมพูดโดยไม่กล้าสบตาครูคนนั้น



   “ครูรู้ว่านายไม่ตั้งใจ แต่ครูยังไม่รับคำขอโทษนะ” ผมก็ตกใจ จนต้องหันไปมองหน้าครู



   “ถ้านายจะให้ครูรับคำขอโทษของนาย นายก็ต้องเข้าเรียนกับครูพรุ่งนี้ ครูมีสอนภาษาอังกฤษ คาบบ่ายที่ห้องเรา “ครูเขมชาติหันมามองผม สายตาที่ดูจริงจัง จนผมนี้ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ



   “แต่ว่า...”



   “ลองเข้าเรียนก่อน ถ้าไม่ชอบ ครูจะไม่ตอแยเราอีกและอันที่จริง ถ้าเรามีปัญหาอะไร คุยกับครูได้นะ ครูพร้อมรับฟัง” ครูเขมชาติพูดกับผม ผมก็มองครูเขมชาติ สายตาของเขามันทำให้ผมหยุดทุกสิ่งในหัว ผมรู้สึกเหมือนเรายืนอยู่ตรงนี้กันแค่สองคน



   “คริส” ผมสะดุ้งได้สติ จนมีคนมาเรียกผม ไอ้ปันปันนั้นเอง



   “ครูเขมคะ เสร็จหรือยังคะ เราไปนั่งโต๊ะตัวยาวดีกว่าค่ะเพราะว่าครูอีกสองสามคนจะลงมาทานด้วยกันคะ” ครูลินดาเดินมาจับแขนครูเขมชาติและครูเขมก็หันมามองผมก่อนจะเดินตามครูลินดาออกไป



   “มึงเสร็จหรือยังจะได้ไปนั่งกินได้แล้วไอ้นี่นิ ทำเป็นหึงครูลินดา “ไอ้ปันปันมันพูด ผมหันมามองมันและเดินออกทันที ผมยังไม่ได้สั่งอาหารร้านนั้นเลย ผมคงเลือกทานอย่างที่ผมชอบดีกว่า ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระแทน แต่ระหว่างที่ผมยืนรอ ผมก็มองครูเขมชาติที่นั่งคุยกับครูลินดาอย่างกับคู่รัก หรือว่าครูเขมชาติเขาอยากเปลี่ยนหรือจริงๆ เขาไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ น่ะ แล้วผมจะไปคิดมากทำไมวะ แต่ที่ควรจะคิดมากนะตอนนี้คือ ผมควรจะเข้าเรียนภาษาอังกฤษดีไหมวะพรุ่งนี้



   TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.4 เดทแรก

                        Part’ s ครูเขมชาติ หลังจากเลิกสอนผมก็เดินกลับไปที่บ้านพักเพราะว่าครูโจ้พาแฟนไปซื้อของเตรียมขายพรุ่งนี้ แต่บ้านพักก็ไม่ได้ห่างไกลจากโรงเรียนมาก และผมต้องเดินผ่านสนามบาสเกตบอล ผมเหลือบไปเห็นนายคริสโตเฟอร์ที่กำลังเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ ผมเดาไม่ผิดตั้งแต่แรกว่านายนี้ต้องเป็นนักกีฬาแน่ๆแต่ไม่คิดว่าจะชอบเล่นบาสเก็ตบอล ผมแอบยืนดูเขาอยู่พักหนึ่ง ดูเขามีความสุขมากและเพื่อนๆ พวกนี้ไม่ใช้เด็กที่เรียนในห้องเรียนเดียวกับเขาเลยและก่อนที่เขาจะหันมาเห็นว่าผมแอบดูเขาผมก็ต้องรีบหันหลังเดินออกไปทันที เขินครับคุณครูหล่ออย่างผมแอบส่องนักเรียน ผมรีบเดินกลับบ้านพักครูเพื่อไปอาบน้ำและผมจะได้ออกมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร อุปกรณ์ในบ้านผมยังไม่พร้อมให้ผมใช้ทำอาหาร

      “RRRR” มือถือผมดังขึ้น ผมก็กดรับสายทันที เพราะว่าณัฐกานต์โทรหาผม ผมพยายามโทรหาและส่งข้อความแต่ณัฐกานต์ก็ไม่ตอบจนตอนนี้

      //กานต์ เป็นอะไรนะ วันนี้ไม่รับสายเขมเลย// ผมถามณัฐกานต์

      //เป็นวันซวยไง //ณัฐกานต์พูดกรอกสายมาด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเขาหัวเสียอย่างมาก

      //เกิดอะไรขึ้นอีกละกานต์// ผมถามณัฐกานต์

      //ไม่อยากพูด เบื่อ เบื่อมาก อยากเปลี่ยนสาขา // ณัฐกานต์พูดว่าไม่อยากทำสาขาที่เขาทำอยู่

      //เมื่อเช้าไปสายหรือไง เขมก็บอกแล้วนะว่า...//

      //โอ้ยย! เขมจะบ่นอะไรหนักหนา นี้ก็โดนเจ้านายบ่นมาพอแล้ว แถววันนี้เครื่องนับตังดันลวน นับตังพวกผู้รากมากดีรวยนะ แต่แค่เงินหายไปพันเดียวทำเป็นโวยวายยังกับหายไปสักร้อยล้าน// ณัฐกานต์เริ่มพลานและหัวเสียใจผมอีกแล้ว

               //เขมไม่ได้บ่นเขมแค่//

               //ถ้าจะบ่นแค่นี้ได้ปะ กานต์ง่วงด้วยจะนอนก่อน ถ้าอารมณ์ดีจะโทรหานะ ...ตรูดดด!!!!// ณัฐกานต์พูดและกดตัดสายผมทันที ผมก็มองมือถือ ผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำให้ตัวเองเย็นลงเช่นกัน ไม่นานผมก็ออกมาจากห้องน้ำและตรงไปหยิบมือถือ

               //กานต์ เขมไม่ได้บ่นนะครับ เขมแค่เป็นห่วง ถ้ากานต์คิดว่าสาขานั้นไม่ดีลองไปสมัครสาขาอื่นไหมครับ //ผมส่งข้อความไปหากานต์ ผมหวังว่าถ้าเขาตื่นมาจะอ่าน ผมเหลือบมองเวลาก็เหลือเวลานี้เพิ่งจะห้าโมงกว่าๆ ผมกะว่าสักหกโมงค่อยออกไป

                  ผมหยิบเอาหนังสือที่ใช้สอนเด็กแต่เป็นของครูมิ้งที่หายไปออกมาเปิดดู ผมเห็นเขามาร์คเอาไว้ จากที่ดูแล้วเขาสอนเก่งมากและสอนเน้นๆ ให้นักเรียนได้อ่านและเรียนรู้เข้าใจง่าย เห็นแบบนี้ผมนี้เสียดายแทนนักเรียนที่นี้เลย ผมนั่งเปิดไปอ่านไปจนเวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปหาอะไรทานที่ห้องอาหาร เพราะว่าห้องอาหารจะปิดตอนสองทุ่มพอดี ผมก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อจะเดินออกไป ระหว่างทางที่ผมเดินผมก็เห็นว่ามีไฟสว่างตลอดทางดูแล้วก็ไม่น่ากลัวถ้าจะเดินกลับ ถึงผมจะเอารถมาก็กะว่าจะใช้แบบจำเป็นจริงๆ

            ผมเดินจนใกล้จะถึงห้องอาหารและผมก็ต้องเดินผ่านโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้างห้องอาหาร ผมเห็นนายคริสโตเฟอร์และเพื่อนๆ นั่งอยู่ มีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์จอดอยู่สองคัน เขากำลังคุยกับเพื่อนๆ ผมว่าจะคุยกับเขาอีกแต่คงไม่ดีกว่า ตอนกลางวันผมก็ได้คุยกับเขาแค่นิดเดียว ผมอยากรู้ปัญหาของเขาจริงๆ เพื่อจะได้ช่วยเขาได้ แต่คิดอีกทีรอให้เขาเข้าคลาสเรียนกับผมก่อนจะดีกว่า เพื่อว่าเขาอาจจะอยากเปิดใจกับผมได้มากขึ้นหลังจากนั้น

               “ปื้นๆ” เสียงแตรดังมาจากด้านหลังผม ผมคิดว่าครูโจ้แน่ๆ ผมกำลังจะถึงอยู่แล้ว ผมหันไปก็มีรถคันใหญ่แซงขึ้นมาและจอดข้างๆ กับผม รถคันนั้นเป็นรถบิ๊กไบท์ ประเภท sport bike คนขับรถสวมหมวกกันน๊อคแบบคลุมทั้งหัวและเขาก็เอาขาตั้งลงก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ พร้อมกับถอดหมวกกันน็อคนั้นออกไป ผมถึงได้เห็นใบหน้าคนขับรถคันนี้ได้ชัดเจน นั้นคือนายคริสโตเฟอร์

               “ครูจะไปทานข้าวหรือเปล่า” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่

               “ไปทานข้างนอกกันครู” นายคริสโตเฟอร์พูดเหมือนจะชวนผมหรือออกคำสั่งผมก็ไม่รู้

               “ไม่เอาอะ ครูว่า” ผมรีบปฏิเสธทันทีเพราะว่ารถมันคันใหญ่ไป ผมเองไม่ได้ชื่นชอบรถแบบนี้อยู่แล้วด้วย

               “เอานะ ไปทานข้างนอกกัน ถือว่าผมพาไปเลี้ยงที่ครูช่วยผมวันนี้ไม่ให้โดนส่งตัวไปห้องผู้อำนวยการ” นายคริสโตเฟอร์พูด

               “ไม่ล่ะ...นายไปเถอะ” ผมพูดปฏิเสธเพราะว่าผมไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้

               “ทำไมอ่ะครู กลัวรถผมเหรอครับ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าและจะเดินออก แต่นายคริสโตเฟอร์จับแขนผมไว้

               “ครู! สาวๆ โรงเรียนนี้อยากนั่งรถผมกันทุกคนนะ “นายคริสโตเฟอร์พูดผมก็มองหน้ามา

               “ก็พาพวกเขาไปแทนซิ และปล่อยครูไปทานข้าว” ผมพูดและบอกให้นายนั้นปล่อยแขนผม

               “พี่คริสสสส!!!” เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เด็กผู้หญิงที่ประกาศว่าเป็นแฟนนายคริสวันก่อน

               “แฟนนายนั้น “ผมพูดและชี้ไปที่ผู้หญิงที่กำลังแหวกผู้คนวิ่งตรงมาทางนี้ ผมเองก็จะเดินออกอีกแต่นายคริสดึงแขนผมไว้

               “ไม่ใช่! เขาไม่ใช่แฟนผม เร็วครูขึ้นรถ! “นายคริสดึงแขนผม ผมก็มองและนายนั้นก็ส่งหมวกกันน๊อคให้ผม ไม่ส่งเปล่ามันสวมใส่ให้ผมทันที

               “พี่คริสจะไปไหน รอแก้มเดี๋ยวนี้) )) )) ”

               “ขึ้นรถซิครับครู “นายคริสพูดเสียงดังและจับแขนผมกะตุ๊ก มันก็อัตโนมัติ ผมขึ้นไปนั่งคร่อมรถบิ๊กไบค์คันนั้น นายคริสโตเฟอร์สวมหมวกกันน๊อคอย่างชำนาญและออกตัวทันที เล่นเอาผมแทบหงายหลังและนั้นก็ทำให้ผมกอดเขาอย่างเต็มมือ จะว่าไปนี้หุ่นเด็กมัธยมเหรอ ทำไมเต็มไม้เต็มมือแบบนี้นะ เอ๊ะนี้ผมคิดอะไรกับเขา ไม่ได้นะนี่มันลูกศิษย์ผม ผมกอดเขามาตลอดทางจน

               “ครูครับ ถึงแล้วครับ เลิกกอดผมก่อนได้ไหมครับ เราจะได้ลงไปทานข้าวกัน” ผมมัวแต่เอาหน้าซุกหลังนายคริสโตเฟอร์ไม่ได้มองทางเลย ก็เพราะว่านายนี้ขับแบบแซงซ้ายแซงขวา และรถบิ๊กไบท์มันก็เอียงไปเอียงมายังไงก็ไม่รู้สำหรับผม ผมค่อยๆ ผงกหัวมองจริงด้วยเขาจอดรถแล้วและผมถึงได้ก้าวเท้าลงมายืนที่พื้น ขณะที่ผมกำลังจะปลดหมวกกันน็อคออก ก็มีมือมาช่วยผมปลด พอหมวกกันน๊อคถูกถอดออกไปผมก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์ยืนส่งยิ้มให้ผม และผมก็มองไปรอบๆ ตรงนี้น่าจะเป็นเหมือนตลาดที่มีอาหารขายและใกล้กับที่ว่าการอำเภอด้วย

               “ที่นี้มีของกินเยอะกว่าที่โรงเรียนและหลากหลายกว่า” นายคริสโตเฟอร์พูด เขาก็ล๊อกหมวกกันน๊อคไว้ที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา จะว่าไปนายนี้เวลาสวมชุดนอกที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนนี้ดูเท่เหมือนกันนะ และเพราะว่าหน้าตาเขาไปทางฝรั่งด้วย และหุ่นที่สูง ไม่ได้ผอมก็หุ้นนักกีฬา

               “ทำไมอะ ผมหล่อเหรอ” ผมมองเพลินไปหน่อย ก็เลยต้องรีบเดินหนีแต่เขาดึงแขนผมไว้ ผมหันมามองว่าทำไม เขาก็พยักหน้า ผมหันไปก็เจอเลย รถเข็นปลาหมึกกำลังจะชนผม

               “เกือบเหมารถปลาหมึกเขาแล้วไหมล่ะ” นายคริสโตเฟอร์กระซิบกับผม และพาผมเดินอ้อมไป ผมเดินไปหาดูว่าจะทานอะไรดี

               “ทานอะไรดีอ่ะครู “คริสโตเฟอร์กระซิบถามผม

               “คริสโตเฟอร์จะกินอะไรละ” ผมถามเขากลับ เขาก็เลิกคิ้วมองหน้าผม

               “เรียกผมว่าคริสก็พอครับ แต่จะว่าไป ผมไม่อยากเรียกครูถ้าออกมาแบบนี้ “นายคริสพูด

               “ก็เรียกพี่แล้วกัน พี่เขม” ผมพูด เขาก็ยิ้มๆ ให้ผม

               “ราดหน้าไหมอ่ะพี่เขม ราดหน้าเจ้านี้อร่อยดี หมูหมักด้วย” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้า ผมเดินไปหาที่นั่งก่อน

               “ผมไปสั่งให้พี่เขม พี่กินเส้นอะไร ผมว่าจะเอาเส้นหมี่กรอบ พี่ละ” นายคริสโตเฟอร์บอกผมและถามผมด้วย

               “พี่เอาเส้นใหญ่ดีกว่า “ผมบอกนายคริส เขาก็พยักหน้าและเขาก็เดินหายไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับ เครื่องดื่ม มีน้ำเปล่าและน้ำอัดลม

               “ผมไม่รู้ว่าพี่จะเอาน้ำอะไรเลยซื้อมาทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมเลย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าและรินน้ำเปล่าแทน

               “เอาละ ไหนๆ พี่ก็มาทานกับเราแล้ว ให้พี่ตั้งคำถามได้ไหม พี่อยากรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับนาย” ผมถามคริส เขาก็มองหน้าผม

               “พี่อยากรู้จริง ๆ เพราะว่าพี่ต้องรับผิดชอบการเรียนนายไปจนจบเทอมนะ “ผมพูด นายคริสก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้า

               “ถ้าอันไหนตอบพี่ได้ก็ตอบอันไหนตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ผมบอกเขา คริสก็พยักหน้าอีก

               “นายเป็นลูกครึ่งใช่ไหม” ผมถามคริส

               “ใช่ผมเป็นลูกครึ่ง แม่ผมเป็นคนไทยและพ่อผมเป็นคนออสเตรเลีย” นายคริสโตเฟอร์บอกผม สีหน้าเขากังวลที่จะเอ่ยว่าพ่อของเขาเป็นคนออสเตรเลีย

               “แต่ผมได้พ่อมากกว่าแม่ ผมเลยดูแล้วไม่มีเค้าว่าเป็นคนไทยสักเท่าไหร่ถ้าไม่ได้ฟังผมพูดไทย” นายคริสเงยหน้าขึ้นบอกผม

               “ดูนายไม่ค่อยมีความสุขที่ตัวเอง...”

               “เป็นลูกครึ่ง ผมตอบว่าใช่พี่เขม ก็ทุกคนมองผมแปลก และบางคนก็เรียกผมไอ้ลูกผสม ไอ้เลือดผลสอะไรบ้างอ่ะ มันฟังแล้วผมโคตรจะโมโหเลยพี่เขม” นายคริสพูด ผมหันไปมองคนที่เอาอาหารมาเสิร์ฟผมเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก และเขาก็ส่งยิ้มให้คริสก่อนเลย

               “ขอบคุณครับ” คริสโตเฟอร์พูด ทำเอาคนที่มาเสิร์ฟทำหน้าตกใจ

               “หว่านึกว่าฝรั่ง” น้องเขาพูดเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป ผมก็รับเอาจานของผมมาปรุงรส

               “ตอนนี้นายอยู่กับพ่อและแม่หรือว่าอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง” ผมถามคริส

               “ผมอยู่กับแม่ แม่ผมมีสปาร์อยู่ที่ภูเก็ต แม่ผมแต่งงานใหม่กับคนเยอรมัน “นายคริสพูด

   “ผมไปอยู่กับพ่อผมนะที่ออสเตรเลียตั้งแต่ตอนที่ผมอายุได้เกือบห้าขวบ ผมนะเกิดที่ไทยและอยู่บ้านแม่ที่อุดรธานี จนกระทั้งพ่อมารับผมกับแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลียด้วยกันและผมก็เรียนที่นั้นจนอายุได้ 9ขวบสิบขวบนี่แหละ “คริสเล่าให้ผมฟัง

   “ดังนั้นภาษาอังกฤษนายน่าจะได้และดีกว่าคนอื่นๆ ผมพูด

               “ผมยอมรับแต่...”

   “ทำไมนายไม่ขึ้นเรียนภาษาอังกฤษ” ผมเหล่ตามองเขา ดูสีหน้าเขากังวลที่จะตอบผม

   “ก็ผม ..เออ..ผม..”

               “หึ!” ผมเลิกคิ้วมองเขา ผมวางช้อนลง

               “มันทำให้ผมคิดถึงพ่อ พ่อหายไปไม่ติดต่อผมตั้งแต่ผมกลับมาจากออสเตรเลียกับแม่ และนั้นก็เริ่มทำให้ผมเกลียดภาษาอังกฤษ” นายคริสโตเฟอร์พูด แววตาของเขาดูเสียใจมาก

               “นายขาดการติดต่อกับพ่อนายอย่างนั้นหรือคริส”

   “พ่อบอกว่าจะบินมาหาผมและรับผมกลับ...แต่เขาไม่มาและแม่ก็พาผมย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ต แม่ต้องไปหางานทำ เพราะว่าพ่อไม่ติดต่อมาและไม่ส่งเงินมาช่วยแม่

               “แม่ต้องไปทำงานดูแลรีสอร์ตให้เพื่อนของแม่ จนแม่พบรักกับ ฟิลิปส์ เขาเป็นคนเยอรมันที่เกษียณอายุแล้วนะครับพี่เขม” นายคริสเล่าต่อ ผมก็พยักหน้า

               “พี่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่สมควรที่เธอจะบอกว่าเธอเกลียดภาษาอังกฤษเลยนะ” ผมพูด

               “มันทำให้ทุกครั้งที่ผมได้ยินมันผมคิดถึงพ่อผมทั้งๆ ที่เขาทิ้งผม ไม่เหลียวแลผมด้วยซ้ำว่าผมอยู่ยังไง เขาไม่เคยติดต่อหาผมเลย แม้กระทั่งทุกวันนี้” นายคริสโตเฟอร์พูด

               “เขาอาจจะมีเหตุผล”

               “เหตุผลอะไรที่สำคัญไปกว่าลูกอีกเหรอพี่เขม” นายคริสโตเฟอร์พูด และรวบช้อนไว้ด้วยกัน

               “ครู เอ๊ย! พี่ว่าเราควรกลับเข้าโรงเรียนเถอะนี้มันจะสองทุ่มแล้วนะ” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง

   “พี่เขม ผมถามพี่อย่างซิ “นายคริสถามผม

   “ว่ามาซิ”

   “ตกลงพี่เป็นเกย์หรือเปล่า หรือว่าพี่เป็นไบอ่ะ ที่เอาได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองหน้านายคริสตรงไปไหมและนี้ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นโหมดกวนๆใส่ผม เร็วจริงๆ

   “พี่เป็นรับหรือรุกอ่ะ” นายคริสยังคงถามผม

   “นายยังไม่สมควรคุยเรื่องพวกนี้ ไปกลับเข้าโรงเรียน”

   “อะไรกัน ผมนะคุยได้แล้วเพราะว่าผมก็มีอะไรกับผู้หญิงมาบ้างแล้วนะ เหลือแต่” ผมไปมองว่าเหลือแต่อะไร

   “ผู้ชาย” คริสพูด ผมก้มลงมองตัวผมเองใช่ครับผมเป็นผู้ชาย ผมยิ้มให้คนตรงหน้า คนตรงหน้าก็ยิ้มตอบด้วย ยิ้มแบบมีเลศนัยด้วยอย่าบอกน่ะว่าจะเล่นผมน่ะ

   “นายนี้มันทะลึ่งจริงๆ ไปกลับได้แล้ว” ผมบอกเขาขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น

               “พี่คริส!!! “เสียงเด็กผู้หญิงเดินมาที่โต๊ะผม เขามองหน้าคริสโตเฟอร์และมองหน้าผม

   “พี่ปล่อยให้แก้มวิ่งตาม พี่หนีมากินข้าวได้ไงอ่ะ “

   “อ้าว! แก้มพี่ไม่ได้บอกนิว่าจะให้เธอวิ่งตามและพี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะพาเธอมากินข้าว” คริสพูดแก้มหันมามองหน้าผม

   “แล้วนี่ใครอะ” แก้มชี้มาที่ผม

   “ครูที่โรงเรียนไง พี่กับครูจะกลับแล้วกินเสร็จแล้ว” คริสโตเฟอร์ตอบเธอ

               “ครูค่ะ หนูขอแฟนคืน” เด็กผู้หญิงที่คริสเรียกว่าแก้มบอกผม ผมก็มองคริส

   “ก็ได้ เดี๋ยวครูนั่งมอเตอร์ไซค์วินกลับ” ผมพูด

   “ไม่ได้ พี่กลับกับผมและแก้มเธอนะกลับบ้าน เดี๋ยวแม่เธอก็มา” คริสพูดและหยุดชะงัก ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์จอดดับเครื่อง ผู้หญิงที่ไม่น่าจะเกิน 40 หรือ 40 ประมาณนั้นรีบเดินลงมาเปิดหมวกกันน๊อคแค่ด้านหน้าขึ้น

               “นางแก้ม! นี่ฉันเห็นแกวิ่งอยู่ กูเรียกก็ไม่หัน นี้มึงทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”

               “ก็มาหาอะไรกินนะแม่”

               “แล้วมาหากับใคร อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้คนนี้นะ “

               “ก็ใช่ไง พี่คริสของแก้ม”

   “นังแก้ม!” ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงแขนแก้ม เรียกว่ากระฉากดีกว่า ส่วนนายคริสก็ขยิบตาให้ผม ให้พากันเดินออก

   “พี่คริส อยู่กับแก้มก่อน แม่แก้มจะให้พี่คริสไปส่ง” แก้มที่พยายามจะเข้ามาถึงแขนคริสโตเฟอร์แต่แม่ของเธอดึงแขนแบบกระฉากเธอกลับ

               “กูนี้สอนมึ และกูก็ส่งมึงไปเรียน หวังจะให้มึงฉลาดหาผัว ไม่ใช่โง่ไปหาไอ้เด็กฝรังขี้นกนี้” ผมถึงกับหันมามองเขาเรียกนายคริสว่าฝรั่งขี้นก ผมเห็นนายคริสหันไปมองเหมือนกันและเขาก็กำลังกำหมัด ผมก็ส่ายหัวอย่านะคริส พอเขาเห็นผม เขาก็คลายหมัดนั้น

               “ทำไม! มองหน้า! มึงมันแค่ฝรั่งขี้นก ที่ไม่มีที่ไป และก็อยู่แค่นี้ที่ประเทศไทย อาศัยประเทศไทย “

   “แม่ ไปว่าพี่คริสทำไมอีก “

   “กูจะว่า ก็มันเสือกมายุ่งกับมึงนิ”แม่ของแก้มพูด

   “ป้าครับ ผมไม่ได้ยุ่งอะไรกับลูกสาวป้านะครับ” คริสโตเฟอร์พูด

               “ใครป้ามึ กูไม่ใช่พี่สาวแม่มึงสักหน่อย ไม่ต้องมาเรียกกูว่าป้า”แม่ของแก้มพูด

               “ก็ดูป้าแก่กว่าแม่ผมอีก” คริสโตเฟอร์พูด ผมกับแม่ของแก้มสะบัดหน้าไปมองหน้าคริสโตเฟอร์แต่ผมน่ะ มองแบบว่านายนี้มันเติมไฟให้เขาโมโหและด่านายต่อแท้ๆเลย



               “ไอ้ ไอ้ …”แม่ของแก้มชี้หน้าคริสโตเฟอร์ทันทีกำลังจะอ้าปากด่าต่อ

               “ขอโทษนะครับ  ผมว่าเราคุยกันดีดี จะดีกว่าไหมครับ” ผมเลยออกตัวเพื่อไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้เพราะว่ามีคนมองมาที่โต๊ะพวกผมกันหมดแล้ว

               “แล้วนี่คุณเป็นใคร” แม่ของแก้มหันมาถามผม

               “ผมเป็นครูครับ ผมเป็นครูมาใหม่ นายคริสเลยชวนผมมาทานอาหารด้วยกัน และแก้มก็แค่เดินมาทักทายนายคริสนะครับ” ผมบอกแม่ของแก้ม

               “ก็ดีคะ คุณครูช่วยอบรมนักเรียนคนนี้ของครูหน่อยนะคะว่าให้ตั่งใจเรียนไม่ใช่มาจอแจกับลูกสาวฉัน และพยายามอยู่ห่างแก้มมันด้วย ฉันไม่อยากได้ลูกเขยที่เป็นฝรั่งขี้นกแบบนี้”

   “เอ๊ะป้านี้!” นายคริส

   “อย่าคริส!” ผมหันไปห้ามปรามและหันมายิ้มให้แม่ของแก้ม

   “ไปกลับบ้าน จะมีผัวนะกูไม่ว่าหาดีดีกว่านี้ “และแม่ของแก้มก็ลากแขนแก้มไป พร้อมกับบ่นและด่าทอคริสต่างๆ นานา ทำเอาคนที่นั่งมองกันใหญ่ เพราะไม่ได้ด่าเบาๆ ด่าซะดังลั่นไปทั่วเลย ผมหันมามองนายคริสที่เดินจ้ำอ้าวออกไป ผมก็รีบเดินตามเขา จนใกล้จะถึงและผมก็คว้าแขนเขาไหว้

   “ครูเห็นไหม ว่าเขาเรียกผมว่าอะไร! ไอ้ฝรั่งขี้นก หาว่าผมมาเกาะแผ่นดินนี้อยู่ ทั้งที่แม่ผมเป็นคนไทย” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวดแทนแต่ผมก็คงทำอะไรไมได้มากไปกว่านี้

   “แต่พ่อผมไม่ใช่แค่นั้น” คริสโตเฟอร์พูดเสียงอ่อยๆ

   “ครูเข้าใจเธอนะ แต่ว่าเราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้คริส” ผมพูด

   “ก็นั้นไงผมถึงเกลียดสิ่งที่ผมเป็น”

   “I really hate myself so that’s why I don’ t want to go to study English as well. I don’ t want it!!!” นายคริสพูดภาษาอังกฤษกับผมทั้งที่เขาบอกว่าเขาเกลียดมัน ผมก็ได้แต่ยืนมองเขา

   “You should to proud of yourself and proud of everything your mum and dad gave to you! “ผมพูดเขาก็มองหน้าผม นั้นแปลว่าเขาเข้าใจที่ผมพูด

           “You reckon? “เขาถามผมกลับว่าผมคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ

   “I’ m look like idiot for them. Did you see that?” นายคริสพูดบอกผมด้วยอารมณ์โกรธและถามผมกลับ เขากันไปพ่นลมหายใจจากออกมาทางปาก

   “No, you not” ผมบอกเขา คริสพยายามสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง

           “Yes, I am!!” คริสขึ้นเสียงใส่ผม

   “Just calm down Christ” ผมพูดและทำมือให้เขาเย็นลง.

   “ฟู่!!!” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ จากคริสโตเฟอร์ เขาคงพยายามเย็นอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าเขาคือวัยรุ่น มันอาจจะควบคุมยากสักหน่อย

   “We should back to school right now “ผมบอกเขา เขาก็นิ่งๆ ไปและพยักหน้า และหันไปไขกุญแจหยิบหมวกกันน๊อคส่งมาให้ผมสวมและเขาก็สวมมัน ผมขึ้นไปซ้อนท้ายและนายคริสก็ออกรถทันที แอบกลัวเหมือนกันว่าจะขับแบบขาดสติ แต่ไม่เขาก็ขับได้ปกติ จนมาถึงบ้านพักของผมและเขาก็จอดรถ ผมก้าวเท้าลงจากรถแต่ยังมองคนที่

           “ผมขอโทษครับครู” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ส่งหมวกกันน๊อคคืนเขาไปและมองหน้าคริสโตเฟอร์ผ่านแสงไฟที่ผมเปิดไว้ที่หน้าบ้านพัก

   “ครูรู้ว่าเธอเสียใจ แต่บางอย่างก็ต้องเลือกที่จะปล่อยผ่านไป” ผมบอกเขา

   “เหมือนกับครู ครูก็เสียใจเพราะว่าครู..เป็นแบบที่สังคมยังไม่ยอมรับ นั้นคือครูชอบผู้ชายและบ่อยครั้งที่ถูกคนที่ไม่ได้เห็นด้วยเขาเห็นต่างกับสิ่งที่ครูเป็น เขายังไม่เปิดใจยอมรับและต่อว่าครู รังเกียจครูต่างๆนานา “ผมบอกคริส เขาก็มองหน้าผม

   “ครูอยากให้เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียน และครูเชื่อว่าพ่อเธอไม่ได้ทิ้งเธอไปแต่เขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง และถ้านายอยากรู้นายก็ตามหาเขาได้นะ ครูจะช่วย” ผมพูดกับคริส

           “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาทิ้งผมแค่นั้นแต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้วเพราะว่ามันนานเกินไปแล้วครับครู “คริสโตเฟอร์บอกผม และก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขาก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถ

           “ครูอยากเห็นเธอในห้องเรียนกับครูนะคริส ครูขอ” ผมบอกเขา ดูคริสทำสีหน้าลำบากใจอย่างมาก

           “ผมจะพยายาม” นายคริสพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

           “ไม่ซิ! เธอต้องทำ ไม่ใช่พยายามคริส อย่าทำให้ครูผิดหวัง แต่ครูก็ดีใจนะที่ได้คุยกับเธอหลายเรื่อง ครูอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ “ผมพูดนายคริสหันมามองหน้าผม

           “ดังนั้นเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับครู แต่ถ้าเธอไม่เข้า เธอก็ไม่ต้องมาหาครูอีก นั้นแปลว่าเราจะไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก นายเข้าใจไหมคริส” ผมพูดและหันหลังออกทันที ผมเดินกลับเข้าบ้านพักทันทีและปิดประตูลง ผมยืนอยู่สักพักจนเสียงรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทและออกไป ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงได้ เจ็บปวดแทนเขาที่เห็นเขาเกลียดตัวเองแบบนี้ ผมหวังว่าจะเจอเข้าในห้องเรียนกับผมนะคริสโตเฟอร์



TBC….






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.5 จุดเริ่มต้น

                Part'st  ครูเขมชาติ ตั้งแต่เช้ามานี้ผมยังไม่เจอนายคริสโตเฟอร์เลย ผมเริ่มใจคอไม่ดี ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับผม อย่างน้อยมันก็คือวิชาภาคบังคับที่เขาจำเป็นต้องเรียนและถ้าเขาไม่เรียนเขาก็จะต้องติดศูนย์หรือไม่ก็ติดรอ ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดงหงิดได้ถึงเพียงนี้นะ

      “Rrrrrr “ผมสะดุ้ง เมื่อเสียงมือถือของผมดังขึ้น ผมเหลือบไปมองณัฐากานต์นั้นเอง มันทำให้ความคิดของผมผุดเข้ามาในหัวผมทันที ผมจะไปนึกถึงนายคริสทำไม เพราะว่าผมมีแฟนแล้ว เขมชาติ ถึงแม้จะคุยกันทะเลาะกันบ่อย แต่ความรักของผมและณัฐกานต์ก็ดำเนินมาจนเกือบห้าปีแล้วนะ

      //เขม //ณัฐกานต์เรียกชื่อผมผ่านมือถือ

      //ว่าไงครับกานต์// ผมฟังน้ำเสียงของเขาวันนี้น่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

      //ทำไมไม่โทรหากานต์ //ณัฐกานต์ถามผม

      //เขมไม่อยากทำให้กานต์โกรธนิ เลยคิดว่ารอให้กานต์โทรหาดีกว่านั้นแปลว่ากานต์พร้อมจะคุยกับเขมโดยที่ไม่ต้องมาหงุดหงิดใส่เขมยังไงละครับ //ผมบอกณัฐกานต์

      //เขม กานต์ขอโทษนะ ก็ช่วงนี้โดนหัวหน้าด่าบ่อยอ่ะ //ณัฐกานต์ทำเสียงออดอ่อนใส่ผม

      //เออเขม.... กานต์ไปเจอคอนโดโครงการใหม่ใกล้กับรัชดา// ณัฐกานต์บอกผม

      //แล้วยังไงครับกานต์// ผมถามกานต์กลับ

      //คือว่ามันสวยและใกล้กับย่านธุรกิจด้วย เราซื้อคอนโดใหม่กันไหมเขม// ผมถึงกับกุมขมับเลย อันเก่านี้ก็เพิ่งจะผ่อนหมด นี้จะให้ผ่อนคอนโดใหม่อีก ทั้งที่ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะเข้าอยู่กันได้ไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ

      //กานต์แล้วคอนโดเก่าเราละ เราเพิ่งจะผ่อนหมดนะ และมันก็ยังไม่ได้เก่าเลยน่ะกานต์ มันยังดีอยู่และก็ใกล้แหล่งชอบปิ้งอยู่นะ แม้จะไกลจากรัชดดที่กานต์ชอบเที่ยวก็เถอะ// ผมพูด

      //ที่นี้นะเหรอ ใกล้ตลาดสด เดินผ่านก็เหม็นพวกของคาว กลิ่นปลา และมีอะไรเซเว่นอีเลฟเว่น จะเรียกแท็กซี่ก็ต้องเดินออกไปห้าร้อยเมตร มันสะดวกไหมเขม// นั้นไงณัฐกานต์คนเดิม

      //ไม่รู้ละ กานต์อยากอยู่คอนโดใหม่ ไม่ใช่ซอมซ่อแบบนี้! //ณัฐกานต์พูด

      //กานต์ มันยังไม่เก่าเลยนะ และนี้ก็โครงการใหม่นะตอนที่เราซื้อนะ และกานต์ก็คะยั้นคะยอให้เขมซื้อมัน ทั้งที่เราทั้งคู่ยังเรียนไม่จบเขมก็เลยต้องไปทำงานร้านกาแฟเพื่อเอาเงินมาผ่อนคอนโดนี้นะกานต์ เพราะว่าที่จริงเขม อยากได้บ้านมากกว่าด้วยซ้ำ //ผมพูดตัดพอณัฐกานต์ ผมยืนเอามือเท้าซะเอว

      //บ้านเหรอ อีกกี่สิบปีจะได้อ่ะเขม และบ้านที่เขม อยากได้ส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัด กานต์อยากอยู่ในกรุงเทพในตัวเมือง //ณัฐกานต์พูด

      //และตอนนั้นเขมบอกว่าจะเข้าไปอยู่บ้านกับแม่ของเขมอ่ะ กาต์ไม่อยากไปอยู่บ้านกับแม่กับเขมนิ มันไม่ส่วนตัวอ่ะ // ณัฐกานต์พูด

      //และที่กานต์ให้เขมซื้อคอนโดนี้ก็เพราะตอนนั้นคิดแค่แค่นั้น แถมห้องที่เราซื้อก็เป็นห้องมือสองไม่ใช่ห้องใหม่สักหน่อย เพราะเราซื้อต่อเขามาอีกทีไม่ใช่เหรอเขม //ณัฐกานต์ถามผม

      //ทำไมอะ เขมไม่เป็นห่วงกานต์บ้างเลยเหรอที่อยู่คนเดียว ที่นี้ก็น่ากลัวนะเวลาเดินทางกลับกลางคืนนะ ยิ่งตีสองยิ่งน่ากลัว// ณัฐกานต์พูด

      //ใช่ซิ เขมนะไม่เคยหวงกานต์เลยสักนิด จะเป็นยังไงก็ช่าง ไหนบอกว่า..//

      //เอาละกานต์ .... ให้เขมคิดดูก่อนนะกานต์// ผมพูดตัดบททันที ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้อีก

      //ฟู่!!// ผมพ่นลมหายออกมาทันที

      //วันเสาร์เราไปดูด้วยกันนะ กานต์จะได้โทรนัดเจ้าของโครงการ และเขาน่ารักมากเลยนะ// อันนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วไปรู้จักเจ้าของโครงการด้วยเหรือ

      //รู้จักเขาดีเหรอกานต์//

      //พอดีเขามาทำธุรกรรมที่ธนาคารนะเขม ก็เลยคุยกัน อย่าหึงซิ ไม่มีอะไรแค่ลูกค้า// ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า

      //แค่นี้ก่อนนะหัวหน้าแม่งมาแหละ ตายยากฉิบหาย //ณัฐกานต์พูดก่อนจะรีบตัดสายผมทันที ผมก็ต้องพ่นลมออกมายาวๆ

      //ติ้ง// และณัฐกานต์ก็ส่งลิงค์คอนโดที่เขาชอบมาในมือถือสมาร์ทโฟนรุ่นไม่ได้ใหม่แบบปัจจุบันซะทีเดียว

      “ครูเขมค่ะ” ผมหันไปมองต้นเสียง นั้นคือครูลินดาเหมือนเดิม ครูลินดาเดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ มาให้ผม และถือกล่องอาหารมาด้วยหลายกล่อง

      “ไปทานอาหารกันคะ นี้อาหารใต้ค่ะ วันนี้ลินดาเอาให้ทานค่ะ” ครูลินดาถามผม

      “ไปด้วยกันนะคะ เพราะว่าครูเขมบอกว่าชอบอาหารใต้ไม่ใช่เหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมพยักหน้าก็แฟนผมณัฐกานต์เป็นคนใต้นี่ครับ ผมเก็บทุกอย่างใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานและเดินลงไปพร้อมกับครูลินดา

      “วันนี้ลินดามีขนมลาด้วยนะคะครูเขม พอดีว่าคุณป้าเขามาหาแม่ของลินดาจากใต้คะ เลยเอามาฝากค่ะครูเขม” ครูลินดาพูด ผมก็ก้มมองในถุง

      “น่าทานดีนะครับครูลินดา” ผมพูด ขณะที่กำลังเดินผ่านนักเรียน

      “แกครูเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าอ่ะ อกหักเลยพวกเรา” นักเรียนต่างพากันซุบซิบกัน ว่าผมกับครูลินดาเป็นแฟนกันไหม ผมก็คิดว่าคงใกล้ชิดครูลินดาเกินไป ค่อยๆ หางออกนิดหน่อย และผมสองคนก็เดินคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปจนเดินไปหาโต๊ะนั่งทาน มีครูนั่งอยู่แล้ว ครูถาวรที่ส่งยิ้มมาให้ผมก่อน

      “แม้มาพร้อมกันเลยนะคะครูเขมครูลินดา” ครูสมพิศแซวผมกับครูลินดาและครูลินดาที่ยิ้มเอียงอายเป็นคำตอบ ผมก็ยิ้มๆ ให้ ผมเองไม่ได้อะไรแต่ผมกลัวว่าถ้าเกิดการเข้าใจผิดกันไปแบบนี้ จนณัฐกานต์มาได้ยินเข้าผมจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่ใครครูลินดาจะซวยไปกับผมด้วยนะซิ เพราะว่าณัฐกานต์ไม่ธรรมดา บรรดาเพื่อนๆ ผมยังกลัวกันเลย ไม่ค่อยกล้ายุ่งกับผมกันถ้าณัฐกานต์อยู่ด้วย

      “ครูลินดาผมไปซื้อน้ำก่อนนะครับ ครูจะเอาน้ำอะไรดีครับ” ผมถามครูลินดา

      “น้ำเปล่าดีกว่าค่ะ ครูเขม “ครูลินดาตอบผม

      “และครูท่านอื่นละครับ” ผมถามเช่นกัน

      “ไม่ละคะชอบคุณคะครูเขม ดูแลครูลินดาเถอะค่ะ “ครูวงเดือนเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย ก็ยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าและผมคิดว่าควรจะคุยกับครูลินดาแบบสองต่อสองเรื่องของผมและเขา ผมเดินผ่านนักเรียนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องของผมกับครูลินดา

      “รับน้ำอะไรดีคะครู” คนขายน้ำประจำโรงเรียนเอ่ยถามผม

      “ขอน้ำเปล่าให้ผมสองขวดครับ” ผมตอบไป

      “มึงเห็นไอ้คริสไหมวะ มันไปไหนวะ” เพราะชื่อคริสนี้แหละทำให้ผมหันไปตามเสียงนั้น คนนั้นผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนของคริสแต่ชื่ออะไรผมไม่รู้

      “มันหายไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ววะ แต่ไม่แปลกหรอกเพราะว่าชั่วโมงภาษาอังกฤษของมันตอนบ่ายนี้และมันก็คงหาเรื่องชิ่งโดดไปเลย เหมือนทุกทีนั้นแหละ” ผมได้ยินที่เขาคุยกันระหว่างรอซื้อน้ำ ผมนี้ต้องระงับความโกรธของผมเอง นี้ตกลงนายไม่เขาวิชาฉันใช่ไหม ผมบ่นกับตัวเองในใจ แต่ก็อย่างว่าและจะเอาอะไรกับเด็กเลี้ยงแกะอย่างนาย ผมเดินกลับมาที่โต๊ะที่นั่งกับครูหลายๆ คน ผมเห็นว่าครูลินดาได้จัดจานอาหารไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว

      “แม้ดูแลดีขนาดนี้ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นะคะน้องลินดา” พี่สมพิศยังคงแซวผมสองคน ผมนั่งลงทานและมีคุยกันไปบ้างเขาก็ถามถึงครอบครัวของผมมีใครอะไรยังไงคุยกันไปจน

      “ตายแล้ว พี่ต้องรีบไปก่อนนะ ผู้อำนวยการให้พี่ไปประชุมอำเภอกับท่านด้วยนะคะ” พี่สมพิศพูด

      “พี่ก็ต้องรีบขึ้นไปเพราะว่ามีนัดติวเด็กที่จะไปสอบเอ็นทรานจ๊ะ “ครูถาวรและก็เหลือแค่ผมกับครูลินดาสองคน ผมก็มองครูลินดา เขาก็ยิ้มให้ผม

      “ไม่อร่อยเหรอคะครูเขม” ครูลินดาถามผม

      “คือเออ ครูลินดาครับผม” ผมก็กำลังจะบอกครูลินดา

      “ครูลินดาค่ะ” มีนักเรียนหญิงเดินเข้ามาสองสามคนผมก็ไม่ได้บอกอยู่ดี

      “ว่าไงจ๊ะเปรี้ยว”

      “ครูลินดาคะ วันนี้มีซ้อมรำไหมคะ “เด็กผู้หญิงคนนั้นถามครูลินดา

      “มีค่ะ เพราะว่าใกล้วันงานเต็มทีแล้ว “ครูลินดาพูดกับเด็กๆ

      “งานอะไรเหรอครับครู” ผมก็เลยขัดจังหวะถามครูลินดา

      “งานวันแข่งขันบาสเกตบอลประเพณีค่ะ โรงเรียนเรานี้เป็นแชมป์มาทุกสมัยนะคะ ปีนี้ท่านผู้อำนวยการอยากให้เรามีรำไทยโชว์ก่อนด้วยค่ะครูเขม” ครูลินดาพูดและครูลินดาก็หันไปคุยงานกับเด็กๆ ผมก็นั่งทานอาหารและมองไปด้วย จะหาโอกาสคุยยังไงนะ

      “อุ้ย! ครูเขมคะ จะได้เวลานักเรียนเข้าแถวแล้วค่ะและขึ้นสอนตอนบ่ายค่ะ ครูมีวิชาสอนไหมคะ” ครูลินดาถามผม ผมทานเสร็จพอดีเลย

      “มีครับ ผมคาบแรกของตอนบ่ายเลยครับ” ผมตอบครูลินดา

      “ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นห้องเตรียมตัวก่อนดีกว่าไหมคะ” ครูลินดาพูดและผมก็พยักหน้า ครูลินดาเก็บภาชนะทั้งหมดใส่กระเป๋าและลุกขึ้นพร้อมกับผม ผมก็จะช่วยแต่ครูลินดาร้องห้ามผมไว้ และเด็กๆ ก็พากันเดินตามครูลินดาขึ้นไปเช่นกัน ผมก็มีโอกาสได้คุยอีกแล้ว ผมเข้าไปในห้องและเตรียมตัวเพื่อทำการสอน แปรงฟันให้เรียบร้อย ผมก็มองตัวเองในกระจก

      “จะเอาอะไรกับเด็กอย่างนายได้ละ นายคริสโตเฟอร์ “ผมพึมพำอยู่ที่หน้ากระจก และผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นว่านักเรียนเตรียมตัวเดินเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว และผมก็หยิบหนังสือเตรียมขึ้นไปสอนห้องม.4/1 ผมเดินขึ้นไปยังห้องเรียนทำไมผมรู้สึก ผิดหวังแบบนี้นะ นายคริส นะนายคริส ผมเดินเข้าไปในห้องเรียน

      “สวัสดีตอนบ่ายครับนักเรียน “ผมทักทายนักเรียนในห้อง ผมมองไปที่โต๊ะที่วางเปล่า นั้นคงเป็นที่นั่งของนายคริสโตเฟอร์ซะนะ

      “เอาละทุกคนนั่งลงได้ครับ “ผมบอกทุกคนให้นั่งลงและผมก็เงยหน้ามองนักเรียนแต่ละคนและผมก็เช็กชื่อนักเรียนทุกคน ยกเว้นคริสโตเฟอร์ เขาก็คงไม่เข้าเรียนและผมก็ต้องทำเครื่องหมายว่าเขาขาดเรียนตามคุณครูท่านอื่นๆ เช่นกันซิน่ะ

      “เอาละวันนี้เราจะเริ่มเรียนเลยนะครับ” ผมกำลังจะพูดก่อนจะเดินไปที่ตรงกระดานดำเพื่อจะได้ขึ้นหัวข้อเรื่องที่ผมต้องการจะสอนวันนี้

      “ขออนุญาติครับ! “เสียงมีคนขออนุญาตผม ผมหันไปมองก็ต้องวางช๊อกลง เพราะว่าคนนั้นก็คือนายคริสโตเฟอร์นั้นเอง

      “ผมขอเข้าไปจะได้ไหมครับ” เขาพูดขออนุญาตเข้าห้องเรียน ผมมองเขาด้วยสายตาที่ตกใจและดีใจไปด้วยกัน ที่ผมเจอเขา คนที่ผมต้องการจะเจอในคาบเรียนของผม

      “เฮ้ยย พี่เขาเข้าเรียนวะ” คนในห้องพากันซุบซิบกันใหญ๋เลยแต่ผมไม่ได้นใจ ผมยิ้มให้เขา

      “แน่นอน, เข้ามาซิ” ผมตอบนายคริสไปและนายคริสก็เดินเข้ามาแต่

      “เราชื่ออะไร?” ผมถามคนที่เดินเข้ามาในห้องและเขาก็หยุดก่อนจะหันมามองหน้าผม

      “ผมชื่อคริสโตเฟอร์ครับ “เขาตอบผม

      “ยินดีตอนรับสู่ห้องเรียน, คริสโตเฟอร์.” ผมพูดเขาก็ส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ผม

      “คริส, ครูอยากให้เธอแนะนำตัวเธอให้เพื่อนๆ ในห้องเรียนได้รู้จักจะได้ไหม .” ผมบอกนายคริสและชี้ให้เขาเข้ามายืนข้างๆ ผม ตรงหน้าห้องเรียน เขาก็หันมามองหน้าผม ผมรู้ว่าเขาไม่มั่นใจที่ยืนตรงหน้าเพื่อนๆ ของเขา แต่ผมพยักหน้าให้เขาว่าเขาต้องทำได้ และเขาก็หยุดยืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากผม

      “เอาละเพื่อน ๆ วันนี้เรามีเพื่อนเรียนด้วย อาจจะไม่ใหม่สำหรับวิชาอื่นแต่ดูแล้วใหม่สำหรับครูแน่นอน และครูคิดว่านักเรียนทุกคนยังไม่รู้จักนายคริสกันเท่าไหร่จริงไหม” ผมพูดและถามทุกคน มีแต่คนเงียบ

      “แต่ผมเรียนมาหนึ่งเทอมแล้วนะครับครู” นายคริสหันมาพูดกับผม

      “เอาละใครรู้จักชื่อกลางของนายคริสบ้าง” ผมถามทุกคน แต่ไม่มีใครยกมือขึ้นมาเลย ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ ผมหันมาเหล่ตามองนายคริสโตเฟอร์

      “นายมีชื่อกลางใช่ไหม” ผมถามนายคริสโตเฟอร์

      “มีครับ” เขาตอบผม

      “เห็นไหมเพื่อนเขายังไม่รู้เลยว่าชื่อกลางของเราชื่ออะไร” ผมพูด

      “ชื่อกลางของคุณชื่ออะไร, คริส? “ผมหันไปถามคริส เขาก็มองหน้าผมและ

      “เบนครับ” นายคริสโตเฟอร์ตอบผม

      “แต่เวลาเขียนเขาจะเขียนย่อว่า Christopher Ben Rizzo “ผมหันไปเขียนไว้บนกระดานดำ ให้เพื่อนๆ นักเรียนดู

      “ชื่อกลางนี้อาจจะมีจากใครคนหนึ่งในครอบครัว ถูกต้องไหมคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองหน้าผม

      “ชื่อกลางเป็นชื่อของปู่ผมครับ Benito แต่เรียกสั้นว่า เบนครับ “คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้า นั้นแปลว่าเขายังมีความทรงจำกับครอบครัวเขาอยู่

      “ครูอยากให้เธอเล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเธอ เอาเท่าที่เธอจำได้ ให้เพื่อนๆ ฟัง ว่าเธอเคยเรียนที่ไหน ทำกิจกรรมอะไรบ้าง คริส” ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม ผมพยักหน้า ผมเชื่อว่าเขาต้องทำได้แน่นอน และนายคริสก็เริ่ม ผมก็หยิบเครื่องบันทึกมากดบันทึกเสียงเขาไว้

      “Hi everyone, My name is Christopher Ben Rizzi. I’ m 16 years old. I’ m a mix- race person. My mum is Thai and my dad is an Australian…….” และก็บร้าๆ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากจนเพื่อนๆ ฟังกันเพลินเลย เขาบอกวาเขานั้นเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนออสเตรเลีย และแต่อันที่จริงครอบครัวทางพ่อของเขาเป็นคนอิตาลีและได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ออสเตรเลียนานมากแล้วตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าของเขายังเด็กๆ

      “ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ แกว่าพี่เขาพูดอังกฤษได้เก่งมาก นี้ขนาดไม่ได้เข้าเรียนนะแก” เด็กผู้หญิงที่อยู่แถวหน้าสุด

      “คุณอยู่ที่ออสเตรเลียนานแค่ไหน คริส? “

      “ผมอยู่ที่ออสเตรเลียตั้งแต่ผมอายุสี่ขวบครับ”

      “มีใครเคยไปประเทศออสเตรเลียบ้างไหมครับ? ผมหันไปถามนักเรียนทุกคน และทุกคนก็ส่ายหัวกันหมดว่าไม่เคย

      “ครูอยากให้เธอฟังเรื่องราวที่นายคริสจะเล่านะ เพราะว่าประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่นักเรียนไทยหลายคนไปศึกษาที่นั่นเยอะนะ เพื่อจะเป็นช่องทางการตัดสินใจหากต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ” ผมบอกนักเรียนในห้อง

      “เธออาศัยอยู่ที่เมืองอะไรคริส? “

      “ผมอาศัยอยู่ที่เมลเบิร์นครับ” .

      “นอกจากเมลเบิร์นแล้วมีเมืองไหนอีกไหมที่นายเดินทางไป?”

      “ผมเคยอยู่กับยายผมครับที่เพิร์ทครับแต่ผมย้ายมาอยู่ที่เมลเบิร์นเพราะว่าพ่อผมได้งานที่นั้นครับ.คริสตอบแสดงว่าเขาก็ยังจำพ่อของเขาได้

      “ผมไปศูนย์เด็กเล็กช่วงที่แม่กับพ่อของผมทำงานครับ” คริสโตเฟอร์พูด .

      “Daycare ก็คือสถานที่รับดูแลเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบ สำหรับครอบครัวที่ไม่สามารถที่จะดูแลน้องได้ เพราะว่าต้องทำงาน ไปเช้าเย็นกลับ และอาชีพเดย์แคร์นี้ มีคนไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่นั่นกันค่อนข้างเยอะนะ และรายได้ดี เพื่อใครสนใจแต่ต้องรักเด็กกันหน่อยนะ “ผมอธิบายให้นักเรียนในห้องฟัง

      “ต่อเลยครับคริส” ผมหันไปบอกคริส.

      “และผมก็ไปเข้าโรงเรียนก่อนวัยเรียนและไปเรียนชั้นประถมที่นั้นก่อนจะจะย้ายมาอยู่ที่ไทยครับ .” คริสพูด ผมพยักหน้า

      “Preschool คือโรงเรียนก่อนวัยเรียนจะเริ่มรับตั้งแต่อายุสี่ขวบถึงหกขวบและหลังจากหกขวบนต้องไปเข้าเรียนชั้นประถม” ผมพูด

      “kindergarten ก็คือชั้นอนุบาลก่อนเข้าเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง “ผมก็จะอธิบายในบางคำศัพท์ให้เพื่อนในห้องได้เข้าใจตามไปด้วย

      “คุณมีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกันกับพ่อของคุณบ้างไหมคริส? “ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้ากับ

      “My dad likes to go to the beach and my dad really good to do surfing. My dad taugh me to do surfing when I was 4 years old. I love it. I always go with him every weekend...บร้า....” และเขา ก็เล่าว่าพ่อเขาชอบไปทะเลเพื่อ ไปเล่นเสิร์ฟบอร์ด และเขาก็จะไปกับพ่อเขาทุกวันหยุด และชอบไปตกปลา พาไปเล่นสกีตอนหน้าหนาว พ่อเขาจะพาไปที่หิมะตก แต่จะว่าไปเขาก็จำภาพดีดีของเขาและพ่อของเขาได้ดี ผมให้เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษและถ้าคำไหนที่เพื่อนไม่เข้าใจผมก็จะแปลและอธิบายให้เขาฟัง พอนายคริสพูดจบ นั้นแปลว่า เขาไม่เคยลืมพ่อของเขา

      “แปะๆ” ทุกคนในห้องปรบมือกันหมด

      “ขอบคุณมากนะคริส ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ดีดีให้กับเพื่อนๆ เธอไปนั่งได้แล้วคริส “ผมบอกนายคริสก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเขาได้

      “ครูเขมค่ะ หนูอยากพูดเก่งได้เหมือนพี่คริสจังเลยค่ะ”

      “ถ้าอยากพูดเก่งเราต้องฝึกฝนและขยันพูด ดังนั้น พอเวลาเข้าเรียนในคลาสกับครู เราจะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษกัน ครูเองก็ไปที่ออสเตรเลียเพื่อไปเรียนคลาสระยะสั้นๆ ครูไปเรียนที่TAFE” ผมพูดและหันไปเขียนบนกระดานดำ

      “เพราะว่าพ่อของครูเป็นนักการทูตประจำที่ออสเตรเลีย ครูไปเยี่ยมพ่อทุกช่วงปิดภาคเรียน “ผมบอกนักเรียน

      “แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรียนในบทเรียน ครูมีคำหนึ่งอยากบอกทุกคน แต่ครูถามเราก่อนนะว่า ถ้าเราพูดถึงลูกครึ่งเราจะนึกถึงคำไหน” ผมถามเด็ๆ ในห้องเรียนของผม

      “ยกเว้นนายคริส ให้เพื่อนตอบ” ผมหันไปชี้นายคริสโจเฟอร์ ผมว่าเขาน่าจะรู้เพราะว่าเขาได้ใช้คำนี้อย่างถูกต้องตอนแนะนำตัว

      “มัด บลัด ครับผม”

      “Mud- blood คำนี้ใช่ไหมที่เธอบอกครู อนุพงษ์” ผมเขียนบทกระดานดำ

      “สงสัยนายจะแฟนคลับแฮร์รี่พอร์ตเตอร์” ผมพูดและเพื่อนๆ ในห้องพากันหัวเราะ

      “ไม่ได้ครับ ผิดและไม่มีฝรังคนไหนเข้าใจ “

      “ฮาร์ฟบลัดละคะครู”

      “Half-Blood “ผมเขียนบนกระดานดำอีกเช่นกัน

      “คำนี้ไม่สุภาพนะ ไม่ควรใช้จะดีที่สุดครับนักเรียน”

      “Half-human “มีตะโกนมากผมก็เขียนให้ดูบนกระดานดำ

      “คำนี้อาจจะโดนต่อยกลับมาได้ ใช้ไม่ได้นะครับนักเรียน และมันไม่มีครับ ครึ่งมนุษย์ ไม่มีใครหรือฝรั่งเข้าใจแน่ๆ”

      “คำที่ควรใช้ได้คือ mix- race ตามที่นายคริสโตเฟอร์ใช้ในการแนะนำตัว หรือจะบอกว่า เป็นครึ่งไทย ครึ้งออสเตรเลีย อะไรแบบนี้ บร้าๆ “ผมก็สอนไป

      “เอาละ คราวนี้พวกเธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าควรเรียกเพื่อนที่เป็นลูกครึ่งให้ถูกต้องยังไง เอาละเรามาเข้าบทเรียนกันได้แล้วนะ ทุกคนเปิดหนังสือ” ผมพูด

      “โห่ครู อยากเรียนนอกบทเรียนเยอะๆ อ่ะ ครู”

      “เอาไว้คราวหน้า ครูจะหานอกบทเรียนมาสอนพวกเธอกันนะ ตอนนี้กลับมาเรียนตามหนังสือก่อนและวันนี้ครูจะไม่ให้การบ้านเธอนะ แต่วันศุกร์ครูจะให้” ผมหันไปบอกทุกคน

      “เย้ๆ ดีจังเลยครู เพราะว่าวันนี้ก็โดนคณิตศาสตร์ไปแล้วค่ะ เยอะเลยครู “ผมหันไปยิ้มให้นักเรียนและผมก็สอนตามตำรา ผมหันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์ดูเขาตั้งใจเรียนอยู่นะ ผมแอบดีใจ ทำไมผมถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ ผมสอนไปจนจบคาบภาษาอังกฤษ และก็ปล่อยให้นักเรียนไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเรียนวิชาอื่นต่อ

      “หมับ” ผมก็ต้องสะดุ้งเพราะว่านายคริสที่ยืนที่มุมตึกจับแขนผมไว้ ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่าน

      “ขอบคุณนะครับ ครูเขม” เขาขอบคุณผม ผมก็ยิ้มให้เขา

      “วันนี้ครูอัดเสียงเราตอนที่แนะนำตัว ครูว่าจะเอาไปให้ครูลิมาดูและอาจจะเอาตัวนี้มาแก้ศูนย์ของเธอที่ติดไว้เทอมที่แล้ว คริส” ผมบอกคริสโตเฟรอ์

      “ขอบคุณครับครู “เขาบอกผมอีกครั้ง

      “วันนี้ครูไปทานข้าวกับผมอีกได้ไหม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้า

      “ผมไปรับครูที่บ้านพักนะครับเย็นนี้” นายคริสบอกผม ผมก็พยักหน้าและเขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินลงไป ผมก็กำลังจะเดินหันไป เข้าห้องอื่นก่อน ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องเรียนชั้นม.2/4 ผมเห็นมีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ และคนที่หันมาก็คือเด็กผู้หญิงที่ชื่อแก้ม เขาหันมามองผมและชักสีหน้า

      “ครูเขามาสอนห้องเราแก เข้าเรียนกันดีกว่า” เด็กผู้หญิงคนอื่นพูดและพากันเดินเข้าห้องเรียน ส่วนแก้มก็ค่อยๆ เดินเยื้องย่างเข้าไปในห้องเรียน ผมก็เข้าไปทักทายนักเรียนตามปกติและระหว่างที่ผมขานชื่อนักเรียน ก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เดินมาขออนุญาตผมเข้าห้องเรียน เสื้อผ้าที่ดูเก่าๆ รองเท้าที่ดูขาดจนเป็นรู ที่ผมสังเกตเพราะว่าเขาเดินมาขออนุญาตเข้าห้องเรียนที่หน้าชั้นกับผม ผมพยักหน้าและผ่านมือให้เขาไปนั่ง และผมก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ อนุชิต และผมทำการสอนตามตำรามีเอามาเสริมบ้างและก็ให้งานกลุ่มทำ แต่ละคนจับกลุ่มกันยกเว้นอนุชิต ที่ได้แต่นั่งมองเพื่อนจัดกลุ่มกัน

      “ทำไมเธอไม่ไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนละอนุชิต” ผมลุกขึ้นไปถาม

      “คือ...ผม..เออ ..ไม่มีกลุ่มครับ” อนุชิตตอบผม

      “ทุกคนมีใครที่สมาชิกในกลุ่มยังไม่ครบบ้าง เพราะเท่าที่ครูดูจากจำนวนมันจะหารลงตัวกันนะ” ผมถามทุกคน

      “มีกลุ่มหนึ่งยกมือแบบไม่ค่อยเต็มใจหนัก”

      “ทำไมไม่เรียกเพื่อนไปละครับ”

      “ก็ได้ค่ะครู” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ค่อยอยากได้ ทำให้ผมมองหน้าเด็กคนนี้

      “ทำไมเธอไม่อยากได้เพื่อน บอกเหตุผลครูหน่อย ถ้าเหตุผลที่สมควรครูจะให้เขาทำงานคนเดียวและได้คะแนนเต็มๆ ส่วนพวกเธอคะแนนกลุ่มต้องหารกัน” ผมถามทุกคน แต่ละคนเงียบ

      “เขาไม่ค่อยซักเสื้อผ้ามันเหม็นอ่ะครู”

      “แค่นี้เหรอ” ผมถามเขากลับ

      “ระหว่างสกปรกภายนอกกับใจที่สกปรก เธอเลือกอันไหน” ผมถามทุกคนกลับ

      “ตอบครูซิ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง ผมเดินไปหาอนุชิต

      “อนุชิตลุกขึ้นยืนครับ” ผมบอกอนุชิต ผมประชิดติดตัวเขา ทุกคนมองมาที่ผม ผมก็โน้มตัวลงเพื่อดมดู มันไม่ได้เหม็นแบบคนไม่อาบน้ำหรอก

      “ใช่เขาอาจจะไม่ได้หอมเหมือนพวกเธอทุกคน ที่มีผงซักฟอกดีดี มีน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือแม้กระทั้งน้ำหอมที่เธอใส่มาโรงเรียนทุกวัน” ผมพูด

      “แต่มันไม่ใช่ตัวชีวัดว่าเขาเป็นคนไม่ดีจริงไหม” ผมถามทุกคน ผมเดินไปที่ไวท์บอร์ดก่อนจะเขียนคำหนึ่งบทกระดาน

      “The basis of all good human behaviour is kindness”

      “พื้นฐานของความประพฤติที่ดีของมนุษย์คือความเมตตา” ผมพูด หลวงลุงผมเคยสอนเอาไว้

      “เมตตาคนที่เขามีไม่เหมือนเรา ไม่ใช่ใช้สิ่งที่เรามีมากกว่าเขามาตัดสินว่าเขาไม่ดี” ผมพูด

      “คุณโชคดีกว่าเขาใช่แต่เขาก็ควรจะได้รับสิ่งทีดีจากคำว่าเพื่อนมนุษย์ ความเท่าเทียมและความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อนๆ “ผมพูด ผมมองทุกคน

      “อนุชิตมาอยู่กลุ่มเราก็ได้ เราครบแล้วแต่พวกเราเต็มใจที่จะหารคะแนน” อีกคนที่เรียกเขาเข้าไปอย่างเต็มใจ ผมพยักหน้าให้เขาไปหากลุ่มที่พร้อมจะรับเขาจะดีกว่า ส่วนอีกกลุ่มนั้นก็กลุ่มที่มีแก้มอยู่ด้วย และผมก็เดินดูทุกคนทำงานกลุ่มจนหมดคาบเรียน กลุ่มที่ได้อนุชิตเข้าไปเขาทำงานกลุ่มได้ดี ดีที่สุดด้วยซ้ำ

      TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2024 21:44:14 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.6 ใครติดใจกันแน่

          Part’ s ครูเขมชาติ หลังจากหมดชั่วโมงสอนของผม ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผมหันไปยิ้มให้เขา นี้คือการเริ่มต้นที่ดีของการเป็นครูของผมเช่นกัน เขายิ้มอ่อนๆ ให้ผมเช่นกัน ผมพยักหน้าก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องเพราะว่า ผมก็ต้องเข้าห้องประชุมต่อทันที วันนี้ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนจะแนะนำตัวผมกับครูอาจารย์ท่านอื่นๆ อย่างเป็นทางการ ผมเดินไปยังห้องประชุม ผมเปิดประตูเข้าไป ผู้อำนวยการนั่งอยู่ในห้องแล้ว ครูท่านอื่นที่น่าจะพึ่งเข้ามาเช่นกัน

   “ขออนุญาตครับ” ผมพูดกับผู้อำนวยการ ท่านพยักหน้ากับผม ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ กับครูสมชายและครูลิมา

   “สวัสดีอย่างเป็นทางการนะครับ “ผู้อำนวยการพูดก่อนจะหันมามองผม

   “วันนี้ผมขอแนะนำครูเขมชาติ ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับคุณครูทุกท่านอย่างเป็นทางการนะครับ” ผู้อำนวยการพูด ผมลุกขึ้นพร้อมกับแสดงความเคารพครูอวุโสทุกท่าน ก่อนจะนั่งลงฟังผู้อำนวยการพูด

   โรงเรียนที่ผมมาทำการสอนนี้มีนักเรียน 630 คน ห้องเรียนทั้งหมด 22 ห้องเรียน มีครูบรรจุ 20 คนและครูอัตราจ้าง 6 คน ผมเป็นครูอัตราจ้างหนึ่งในหกคนนั้น ที่นี้มีครูสอนภาษาอังกฤษแค่ 3 คน นั้นคือครูสมชาย ที่ดูธรรมะธรรมโมมาก และครูลิมา เป็นครูที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษแต่ครูลิมาค่อนข้างที่มั่นใจตัวเองเกินไปหน่อยเลยจะไม่ค่อยรับฟัง ความคิดเห็นของคนอื่นเท่าไหร่เวลานักเรียนเสนอแนะผมแอบได้ยินนักเรียนในห้องที่ผมเข้าไปสอนคุยกันนะครับและเดือนหน้าผมคงต้องสอนยาวทั้งอาทิตย์และเมื่อประชุมเสร็จทุกคนก็แยกย้าย บางคนก็ทิ้งให้นักเรียนทำงานในห้องเรียนก็ต้องรีบกลับไปดูก่อนจะปล่อยให้เข้าแถวกลับบ้าน ผมก็เดินออกมาจากห้องประชุม

   “ครูเขมครับ” ผมหันมามองครูที่เรียกชื่อผมไว้

“ผมยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะครับ มีอะไรปรึกษาผมได้นะครับครูเขม” ครูสมชายพูด

“เราคงต้องนัดคุยกันเรื่องงานวิชาการแข่งขันภาษาอังกฤษด้วยกันนะคะ “ครูลิมาบอกผมสองคน

“ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าดีไหมครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปดูนักเรียนที่ห้องก่อนนะครับ “ครูสมชายเป็นฝ่ายรีบออกตัวทันที ครูลิมาหันมามองหน้าผม เหมือนเธอจะอยากคัดค้านแต่ครูสมชายเขาเดินออกไปซะก่อน ผมหันมามองครูลิมาก่อนจะยิ้มให้เธอ

   “เออ ครูเขมคะ พรุ่งนี้ลิมามีห้อง ม.3/1 ค่ะ ห้องนี้ครูมิ้งเขาสอนเอาไว้ค่ะ ถ้ายังไงครูรับช่วงเลยได้ไหมคะ ตอนนี้คาบสอนของลิมาแน่นมากเลยค่ะ “ครูลิมาหันมาถามผม

   “ได้ครับแต่รบกวนครูลิมาแจ้งผมด้วยว่าครูลิมาสอนถึงไหนอะไรแบบนี้น่ะครับ ผมจะได้ปะติดปะต่อได้ถูกนะครับ” ผมบอกครูลิมา

   “ขอบคุณนะคะครูเขม เออ ห้องนี้มีคาบเรียนพรุ่งนี้นะคะตอนบ่ายครูมีคาบสอนไหมคะครู” ครูลิมาถามผม

   “มีตอนเช้าครับครูลิมา”

   “คงไม่เยอะเกินไปนะคะ 4 คาบเลย” ครูลิมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจผมมาก

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับว่าช่วงนี้ครูไม่พอ เห็นผู้อำนวยการบอกว่ากำลังมองหาครูอัตราจ้างมาบรรจุเพิ่มนี้ครับ ไม่น่านทุกอย่างก็จะดีขึ้น” ผมพูดปลอบใจครูลิมา ครูลิมายิ้มและทำท่าจะเดินออกไปผม

   “ครูเขมคะ ครูสอนห้องคริสโตเฟอร์ใช่ไหมคะ เห็นมีนักเรียนบอกว่า เขาเข้าห้องเรียนกับครูวันนี้ ครูทำได้ยังไงคะ” ครูลิมาหันขวับมาถามผม ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวเล็กๆ

   “ผมได้อัดเสียงเขาไว้ด้วยนะครับ ผมให้เขาแนะนำตัวและพูดเรื่องราวของเขาเป็นภาษาอังกฤษและเขาก็ทำได้ดีทีเดียวครับครู ผมว่าจะให้ครูลิมาดูเพื่อจะช่วยเขาได้ที่เขาติดศูนย์กับครูลิมา” ผมพูด

   “ได้ค่ะแต่เรื่องเวลาเรียนไม่พอนะคะ ถ้ายังไงให้เขาเรียนพิเศษกับครูซิคะ วันจะชั่วโมงก็พอค่ะ ลิมาน่ะอยากช่วยเด็กค่ะ “ครูลิมาแนะนำ ผมพยักหน้าว่าดีเลย

   “ขอบคุณนะครับ ผมจะบอกเขาให้เย็นนี้” ผมบอกครูลิมา

   “เขาโชคดีนะคะที่มีครูที่เอาใจใส่เขา ลิมาคิดว่าครูผู้ชายด้วยกันอาจจะเข้าใจเขาได้มากกว่าลิมาค่ะ เพราะลิมาก็พย้าม พยามแล้ว ไม่ได้ผล ชื่นชมครูนะคะ ครูเก่งมากค่ะ “ครูลิมาพูดและเดินหันหลังออกไป ผมก็เดินกลับห้องพักครู เพราะว่าผมหมดคาบสอนแล้ววันนี้ ผมนั่งตรวจการบ้านเพราะว่าพรุ่งนี้ผมมีสอน4 คาบจากเดิม 3 คาบ ก็เพิ่มมาอีกหนึ่งคาบ และพรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพ ก็ผมบอกณัฐกานต์เอาไว้ว่าจะไปดูคอนโดใหม่กัน

   “ตึง!” เสียงมือถือผมดังขึ้นมีข้อความเข้ามา ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นณัฐกานต์ พอผมหยิบขึ้นมาดู

   My boy = อย่าลืมนัดเดทของผมนะครับพี่เขม แต่ดูท่าพี่จะติดใจผมแน่ๆ ถึงได้ไม่ปฏิเสธผม

   ข้อความที่เข้ามาในไลน์ผม ผมถึงกับงง ชื่อที่ขึ้นว่า My boy ใครมาแก้นิกเนมให้ผมเป็น My boy

   My love = คุณคือใคร ผมคิดว่าคุณน่าจะส่งผิด

      ผมส่งข้อความกลับไปแต่ทำไมมันขึ้นว่า My loveในไอจีไลน์ของผม เหมือนมีคนตั้งนิคเนมเอาไว้ เฮ้ย! ผมไปเป็น มายด์เลิฟให้ใครตอนไหนวะเนี๊ยะ แต่ไม่มีใครแตะต้องมือถือผมอยู่แล้ว

   My boy = อะไรกันพี่เขมจำผมไม่ได้เหรอครับ คนที่พาพี่ไปออกเดตเมื่อวานไงครับพี่เขม  (นั้นไงทำให้ผมนึกออกนายคริสโตเฟอร์)

   My love = นายคริสโตเฟอร์) )) )

   My love = นายได้เบอร์พี่ไปได้ยังไง และใครใช้ให้นายมาตั้งว่าMy Love and My boy แบบนี้ เดี๋ยวแฟนพี่ก็เห็น นี้พี่ไม่ขำด้วยนะคริส

   My boy = ผมลืมไปว่าพี่มีแฟนแล้ว

   My boy = พี่อย่าลืมนัดนะ ผมจะเข้าไปรับพี่ทานเข้าที่บ้านพัก

   Khem = อืมม เจอกันนะ 6 โมงครึ่งนะคริส              ระหว่างที่รอนายคริสพิมพ์ข้อความผมก็ตรงเข้าไปแก้ไขชื่อกลับมาทันที

   Christo= ผมอยากให้เวลาเดินเร็วจังเลยอ่ะพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินครู

   “พล้วด!” เพราะว่าผมกำลังกระดกขวดน้ำดื่มและก็ต้องพ่นมันออกมาหลังจากที่อ่านข้อความที่นายคริสโตเฟอร์ส่งมาให้ผม มันจะกินผมครับที่เป็นครู

   Khem= นายคริส) )) ))

   Christ = ผมพิมพ์ตกไปนะครับพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินข้าวกับครูเขมครับ

   Khem= ตอนนี้นายไม่ควรจะใช้มือถือคุยนะ เพราะว่ายังไม่หมดเวลาเรียน

   Christ = ไม่เป็นไรครับพี่เขม ถ้าครูอรวรรณถาม ผมก็จะบอกว่าผมกำลังแชทคุยกับกูรูที่รอบรู้วิชาของครูอยู่ครับ โดยที่ไม่ต้องไปเสิร์ซหาที่อากู๋อีกที หาที่พี่เขมได้เลย ผมว่าแน่นกว่าในตำราที่ผมมีซะอีก ฮาๆ

   (นายคริสบอกผม แล้วนี้หมอนี้เรียนวิชาออะไรอยู่ ถึงได้เรียกผมว่ากูรู)

   Khem= แล้วตอนนี้นายเรียนวิชาอะไรอยู่

   Christ= เพศศึกษาครับครูเขม

   Khem= นายคริส) ))

   Christ= ถ้าวิชานี้เป็นครูเขมสอนนะ ผมจะขอข้ามทฤษฎีไปภาคปฏิบัติเลยครับ

   ผมถึงกับต้องกุมขมับ ผมคิดไว้แล้วว่าต้องเจอนักเรียนกเกรียนและต้องรับมือให้ได้แต่เจอนักเรียนหื่นแซงหน้าผมแบบนี้ จะรับมือกับมันยังไงวะนี้ ผมคิดในใจ

   Khem= พอเลยนายคริส นายนี้มันทะลึ่งมาก กลับไปตั้งใจเรียนได้แล้วและพี่กำลังจะตรวจการบ้านจะได้กลับไปเตรียมตัว

   Christ= อาบน้ำประแป้งรอผมเหรอ

   Khem = “................” สรรหาคำพูดมาต่อกรไม่ถูกเลยผม

   Christ =เขินเลยอะดิพี่เขมและถ้าพี่หน้าแดงแสดงว่าพี่เขินเพราะว่าพี่คิดกับผมอยู่ ฮาๆ

   Khem= แค่นี้นะพี่จะตรวจการบ้าน

   Off line จบบทสนทนาซะดีกว่าผมคิดว่า

     ผมพิมพ์ข้อความและกดออกจากแชทที่คุยกับนายคริสทันที และผมก็หันไปมองกระจก ที่โต๊ะครูผู้หญิงพอดีว่ามันอยู่ตรงข้ามกับผมพอดี ผมก็เห็นได้ว่าหน้าผมแดงจริงๆ ด้วย เสียฟอร์มหมดเลยเขมชาติ อายได้ยังไง ก็แค่เด็กมันหยอดเอาเขมเอ๊ย

   “ตึงงง” เสียงข้อความเข้ามาในมือถือผม อย่าบอกนะว่านายเร่งฉันนะคริส

   “เขม..กานต์จะไปทานอาหารญี่ปุ่นกับเพื่อนๆ ที่ทำงานนะ กลับถึงห้องแล้วจะโทรหานะ “ณัฐกานต์นั้นเอง

   “ครับกานต์ อย่ากลับดึกนะครับ และอย่าดื่มเยอะนะ เขมเป็นห่วง รักกานต์นะครับ” ผมส่งข้อความบอกณัฐกานต์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินลงบรรไดมา ต้องผ่านห้องน้ำครูผู้หญิง ผมเหลือบไปเห็นครูลินดากับครูถาวร คุยกันอยู่แต่เหมือนทั้งคู่จะคุยกันด้วยสีหน้าเครียดๆ

   “พี่ถาพี่ก็รู้ว่าลินดาทำไปเพราะอะไร”

   “ลินดาชอบเขาเหรอคะ ครูเขมนะ”

   “คือว่า “ครูลินดา ชอบผมอย่างนั้นเหรอ

   “อ้าว! ครูเขม ยังไม่กลับบ้านพักอีกเหรอครับครู ไปครับกลับพร้อมโจ้เลย โจ้กำลังจะกลับไปบ้านพอดีครับ “ครูโจ้ดันเรียกผมซะดัง และครูถาวรกับครูลินดาก็ออกมาจากห้องน้ำหญิง และมองมาที่ผมทั้งคู่

   “ขอบคุณครับครูโจ้”

   “ไปเลยครับ” ครูโจ้บอกผมก่อนจะหันไปเจอครูถาวรและครูลินดา

   “อ้าวครูถาวร ครูลินดา ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ แม้จะชวนไปด้วยก็เกรงว่าจะไม่หมดนะครับ” ครูโจ้พูด ผมก็มองหน้าจะหมดได้ยังไง รถครูโจ้เป็นรถมอเตอร์ไซด์

   “ไม่ดีกว่าคะ ลินดาเอารถมอเตอร์ไซด์มาค่ะ รุ่นใหม่กว่าของพี่โจ้อีก"ครูลินดาบอกครูโจ้ขำๆ

   "ลินดาไปก่อนนะคะครูเขม และพรุ่งนี้ลินดามีอาหารใต้มาฝากนะคะ อย่าลืมนะคะครูเขม” ครูลินดาบอกผม ผมก็ยิ้มๆ ให้และครูถาวรก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปอีกทาง ผมหันมายิ้มให้ครูโจ้ ว่าเราไปกันได้หรือยัง

   “นี่ครูเขมไปผูกปิ่นโตกับครูลินดาแล้วเหรอครับ” ครูโจ้พูด

   “ไม่ได้ผูกครับ ครูลินดาเขาทำมาฝากครับ แต่ว่าไม่ทุกวัน ผมก็ยังทานร้านแฟนครูโจ้ครับ” ผมพูด

   “ค่อยยังชั่วหน่อย งั้นขึ้นรถเลยครับ ผมจะได้ไปส่ง “ครูโจ้บอกผม

   "จะให้พอรอรับครูมาทานข้าวร้านเมียผมเลยไหมครับ" ผมก็ทำท่าจะก้าวขึ้นไปนั่งพอบอกว่ารอรับมาข้าวร้านเมียเขา ผมก็ชะงักขาเอาไว้ทันที

   "อย่างนี้ให้ผมรอที่นี้เลยดีกว่าไปครับ ครูโจ้" ผมถามครูโจ้

   "แหมก็ลูกค้าวีไอพี" ครูโจ้พูด

   "พอดีวันนี้ผมจะออกไปทำธุระนะครับ คงไม่ได้ทานข้าวร้านแฟนครูโจ้หนึ่งวันนะครับ" ผมพูด ครูโจ้หันมามองหน้าผม ผมก็มองครูโจ้ ไม่ทานร้านเมียครูเขาจะไปส่งผมไหม

   " ไม่เป็นไรครูผมล้อเล้น ถึงไม่ทานผมก็ไปส่งให้ครู ขึ้นมาเลยครู " ครูโจ้พูด ผมก็ค่อยยังชั่วหน่อย ผมก็ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแต่น่าแปลกผมกลับนั่งเว้นระยะห่างไม่เหมือนคริสโตเฟอร์ ผมนั่งชิดติดเขามาก คงเป็นเพราะว่า รถนายคริสมันสูงและใหญ่ด้วย ผมเลยกลัวมากกว่า

   “ถึงแล้วครับครู “ครูโจ้บอกผม

   “พรุ่งนี้ให้ผมมารับที่หน้าบ้านเลยไหมครับ ช่วงนี้คู่แข่งทางการตลาดเยอะนะครับ แย้งตัวครูเขมอย่างเดียวเลย ดังนั้น ผมคงต้อง…” ครูโจ้พูด

   “ไม่เป็นไรครูโจ้ ไม่ต้องถึงขนาดนั้น  ถึงครูไม่มารับผมก็ไปทานร้านแฟนครูโจ้อยู่ดีครับ” ผมบอกครูโจ้

   “ค่อยยังชั่วหน่อย ขอบคุณนะครับ “ครูโจ้บอกผมก่อนจะขับรถออกไป

   “ติ้ง!!” ข้อความจากคริสโตเฟอร์

   (ครูเขม ผมอาบน้ำแล้วน่ะ ครูอาบหรือยัง ถ้ายัง ผมไปช่วยอาบน้ำให้น่ะครับ จะได้เสร็จเร็วๆ”) ผมอ่านข้อความนี้ถึงกับตกใจ ถ้ายังไม่อาบนี้จะมาช่วยอาบ ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมต้องรีบไปอาบก่อนเลย กลัวมาช่วยผมอาบน้ำ

          TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
EP.6 เขมเริ่มกังวล

              Part's เขมชาติ ผมรีบวิ่งขึ้นบ้าน ทำเวลาทันที ผมว่านายคริสนี้แก่แดดกว่าผมอีก ผมใช้เวลาอาบน้ำได้สั้นมาก ก่อนจะรีบออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ว่านายคริสก็ยังไม่มา ค่อยยังชั่วหน่อย ผมนี้กุมหน้าอกตัวเองเลย กลัว แต่กลัวใจผมเองนี่แหละที่จะเตลิดเพราะนายคริสนี้ ผมก็เดินไปหยิบมือถือมาดู ยังไม่มีข้อความจากณัฐกานต์เลย

   "กานต์ครับเขมออกไปทานข้าวเย็นก่อนนะกลับมาแล้วเขมจะโทรหานะครับ รักกานต์นะครับ" ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์ก่อนยังไงก็แฟน ส่วนคริสโตเฟอร์ผมว่าคงแค่อยากมีเพื่อนแต่ข้ามรุ่นไปหน่อยเล่นซะรุ่นอาจารย์เลยแต่ก็ดี ผมจะได้มีเพื่อนต่างวัยกับเขาบ้าง

   "ครูเขมครับผมมารับแล้วครับ" คริสโตเฟอร์ขับรถมารับผมที่หน้าบ้านพกเพื่อจะได้ออกไปทานข้าวกัน คริสโตเฟอร์ขับบิ๊กไบค์มารับผม พอผมเดินลงมาก็หยุดมอง ไปคันนี้อีกแล้วเหรอ คนเคยนั่งแต่รถเก๋งไม่ค่อยหรือแทบจะไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซด์เลยหากไม่จำเป็น

   "เพื่อครู....ผมยอมลงทุนให้ลูกรักเปื่อนฝุ่นบ้างอะไรบ้าง น่ารักไหมครับ ถ้าชอบกดไลน์ถ้าใช้ให้จับกด!! ฟาวสสสส์ " คริสโตเฟอร์พูดทำเอาผม หันหลังจะเดินกลับเข้าบ้านพัก เพื่อไปต้มมาม่ากินดีกว่า (ก็มันเล่นบอกว่าถ้าใช่ให้จับกด) มันน่าไหมล่ะและยังไงบ้านพักผมก็มีกาต้มน้ำและมาม่าห่อที่ผมหอบมาด้วยเพื่อยามฉุกเฉิน

   “หมับ” คนที่นั่งคร่อมรถมอเตอร์รีบคว้าแขนผมไว้ทันที

   “ไม่เอาน่าพี่เขม ผมล้อเล่น เร็วๆ ลูกรักผมรอพี่นั่งอยู่นะ “ผมหันมามองนายนั้นอีกเขาก็ยื่นหมวกกันน๊อกให้ผมแต่ไม่ใช่อันนเมื่อวาน

   “อันนี้ของผม ผมซื้อไว้เพื่อว่าจะให้คนรักของผมซ้อน อยากบอกว่าใหม่แกะกล่องเลยนะพี่ เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็เลยยังไม่เคยเอาออกมาให้ใครใช้ “นายคริสโตเฟอร์พูดและหลิกคิ้วให้ผม ผมก็ชี้ตัวเอง แล้วนี้ให้ผมสวมนี่นะ นั้นก็คือ ผมคือคนที่ใช่สำหรับนายคริส

   “เฮ้ยย ไม่น่าจะใช่พี่นะที่ควรจะสวมมัน” ผมรีบส่งหมวกกันน๊อคคืน

   “ผมล้อเล่นนะ สวมเถอะแต่เพิ่งซื้อมาใหม่น่ะจริงและรถนี้เอามาไม่ค่อยได้ขับไปไหนหรอก หวงรถ” นายคริสพูดและพยักหน้าให้ผมขึ้นรถซะที ผมก็ก้าวเหยียบที่สำหรับวางเท้าและขึ้นไปนั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซด์ที่ใครก็บอกเท่หนัก ล้อใหญ่ๆ

        ขณะที่ผมกำลังคลำหาที่ติดใต้ค้างคริสก็เอี้ยวตัวลงใช้มือเขาติดที่ยึดหมวกกันน๊อกให้ผม ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโมเม้นแบบนี้ด้วยซึ่งปกติจะเห็นแต่ผู้ชายเขาทำให้ผู้หญิงมันน่ารักดีนะครับแต่นี้ผมผู้ชายครับ ผมก็บอกว่าผมจะติดเองแต่ส่ายหน้าว่าเขาจะติดให้ผม ผมก็เลยต้องนั่งเฉยๆ ให้ติดให้แทน

        คริสก็ค่อยๆ ออกตัวขับออกไป ผมก็ไม่รู้ วันนี้เขาจะพาผมไปทานที่ไหน ว่าจะถามก็ลืมจะถามตอนนี้ก็คงไม่ได้ยินซะแล้ว เพราะว่าเขาปิดหน้ากากลง คริสขับมาจนเกือบจะพ้นออกประตูโรงเรียน แต่จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิง กระโดดออกมาขวางถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กระชั้นชิดมากแต่ก็มีความเสี่ยงที่จะชนมากด้วยเช่นกัน และโชคดีที่คริสต์ขับมาไม่เร็วเลยเบรกเอาไว้ได้ทัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยืนกางแขนกั้นไว้เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ ผมได้กลิ่นยางไหม้ลอยมาแตะจมูกผมด้วย ทันทีที่นายคริสโตเฟอร์ถีบขาตั้งลงแตะพื้น ผมก็รีบลงมายืนด้วยอาการตกใจ เหตุผลนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบมอเตอร์ไซค์เพราะว่าเนื้อหุ้มเหล็กไม่ใช่เหล็กหุ้มเนื้อแบบนั่งขับอยู่ในรถ

   “คริส ...ถามน้องเขาซิเป็นอะไรไหม ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” ทันทีที่ผมดันกระจกหน้ากากขึ้น ก็หันไปบอกนายคริส

   “ดูแล้วไม่เป็นอะไรหรอกพี่เขมแค่เป็น..บ้า!” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเขาหัวเสียแค่ไหน

   "เป็นบ้าอะไรของเธอ..แก้ม!" คริสโตเฟอร์ถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะหันไปตวาดเสียงดังใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น

   "พี่เอาใครซ้อนรถพี่อีกแล้ว" แก้มยืนเอามือเท้าซะเอว ผมก็ถอดหมวกกันน็อคออกก่อน แก้มหันมามองผมอ้าปากค้างด้วยอาการตกใจ

   "ครูเขม!!"

   "ใช่ครูเขมจะทำไมอะแก้ม ครูเขาไม่มีรถพี่จะพาครูไปกินข้าว มีปัญหาอะไรไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ถามแก้ม

   "เออ...ครู..เขม..เองเหรอ..แก้มก็นึกว่าเด็กผู้หญิงที่ไหน"เสียงเธอเบาลงอย่างรู้สึกผิด

   "ตัวครูเขาก็ออกจะใหญ่..และถ้าพี่จะเอาผู้หญิงหรือใครที่ไหนซ้อนนี้มันก็เรื่องของพี่นะแก้มเธอควรจะหยุดและเลิกยุ่งกับพี่ได้แล้ว แม่เธอนะด่าพี่อยู่ เมื่อวานก็ทีหนึ่งแล้วนะ ถ้าแม่เธอไม่ปลื้ม เธอก็ควรจะอยู่ห่างๆ พี่" คริสโตเฟอร์พูดและสวมหมวกกันน๊อคกลับไปพร้อมหันมาพยักหน้าให้ผมทำตามเช่นกัน

   "ถอยออกไปได้แล้วและที่หลังอย่าทำแบบนี้อีกถ้าชนเธอขึ้นมาพี่ก็ผิดและถ้าพี่ล้มไปครูก็เจ็บตัว เธอทำอะไรคิดหน่อยได้ไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ แก้มยืนคริสน้ำตาปริเธอคงเสียใจและเธอก็วิ่งออกไปคงร้องไห้แน่ๆ

   "คริสต์..แรงไปนะ"ผมพูดก่อนจะสวมหมวกกันน๊อคกลับไปและคริสโตเฟอร์ก็ติดใต้ค้างให้ผมเหมือนเดิม ผมยังคงติดเองไม่ได้อยู่ดี

   "ครู....ถ้าผมเบรกไม่ทันผมชนเลยนะและถ้าผมทรงตัวไม่ได้ก็ล้มทั้งคู่อีก...ผมเป็นห่วงครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดผมพยักหน้า และคริสโตเฟอร์ก็สตาร์ทรถออกไป ผมไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะคิดอะไรไหมที่เห็นผมกับคริสโตเฟอร์ออกไปกันสองคนแบบนี้

      ผมเริ่มจะไม่สบายใจขึ้นมาทันที ก็วันนี้ครูลินดาพูดว่าผมนะก็เป็นหวงคริสต์มากกว่า ลำพังตัวผมเองนะไม่เท่าไหร่หรอก คริสโตเฟอร์ก็ขับพาผมมาทานกันที่ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากโรงเรียนปากหนัก   ผมนั่งทานข้าวกะเพราหมู วันนี้ผมทานแบบเงียบๆ ไม่ได้ชวนคริสโตเฟอร์คุยนั้นคุยนี้เหมือนเช่นเมื่อวาน ตอนนี้ผมกำลังสับสนว่าผมกำลังทำเกินหน้าที่ครูอยู่หรือเปล่า

   "พี่เขมเป็นอะไรทำไมเงียบจังอะวันนี้" คริสโตเฟอร์ถามผม

   "คือ...เออ. ไม่มีอะไรนะคริสต์" ผมตอบปฏิเสธเขาไปก่อนจะฉีกยิ้มให้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ

   "พี่เขมมีอะไรบอกผมได้นะ ถึงผมจะเด็กแต่ผมก็จะสิบเจ็ดแล้วนะพี่เขมและปีหน้าผมก็จะสิบแปดเข้าผับได้แบบไม่ต้องหลบออกด้านหลังแล้วด้วย” พูดอย่างภาคภูมิใจเสียจริงๆ

   “และถึงผมจะเด็กกว่าช่วยพี่แก้ปัญหาไม่ได้แต่ผมก็ช่วยรับฟังได้นะพี่เขม ผมไม่อยากเห็นพี่เขมทำหน้ากังวลแบบนี้เลย " ผมเงยหน้ามองเขา บางมุมเขาก็เหมือนผู้ใหญ่เกินอายุนะ

   "หรือว่าพี่เขมหึงผมเรื่องแก้ม...พี่หึงผมจริงๆ เหรอ .." คริสโตเฟอร์พูดและยังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าผมมากด้วย ผมต้องเบนตัวออกก่อนเพราะว่านี้มันในร้านข้าวทำอะไรไม่เกรงใจสายตาประชาชนเลย

   “เห้ย! ไม่ใช่จะหึงทำไม ไม่ได้เป็น..แฟนกัน” ผมพูดต่ำไมแอบหลบสายตามันนะ ทำทีหันไปทางอื่นและก็หันไปเจอสาวๆ ออฟฟิศที่หันมาส่งยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ มีโบกมือด้วย แต่พอผมหันมาก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์กำลังโบกมือนั้นเอง และนั้นมันก็แปลว่าเขาโบกให้ไอ้คริสครับ ผมหันกลับมา พ่อลูกครึ้ง

   “ครูว่าจะบอกเธอว่า เธอควรจะเรียนเพิ่มกับพี่สักวันละหนึ่งชั่วโมงนะ เพราะครูลิมาบอกพี่มาว่าที่เธอติดศูนย์เทอมที่แล้วนะ เวลาเรียนเธอไม่พอ “ผมบอกนายคริส เขามองหน้าผมและพยักหน้าอย่างไว

   “ห้ามเบี้ยวเลยนะ “ผมบอกเขา

   “ไม่เบี้ยวแน่นอนเพราะว่า ผมจะได้...” คริสโตเฟอร์พูดและทำนิ้วไต่หลังมือผม

   “เพี๊ยะ!”

   “อิ้ววว!” ผมจัดการตีมือไม้ที่ดูซุกซนกับผมตลอดเวลาที่เขามีโอกาส และดันร้องซะดังลั่นเลย ทำให้สาวๆ ออฟฟิศโต๊ะถัดไปที่ยิ้มให้ผมก่อนที่ผมสองคนจะนั่งลง แต่ตอนนี้เขาหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปทันที

   "เป็นเกย์อะแก!" ผมได้ยินเขากระซิบกันเครื่องสแกนทำงานขึ้นมาทันที และพอผมหันไปยิ้มให้ก็หันหลังกันหมด

   “ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มกันวันนี้เลยนะคริส “ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือผม และมันทำให้ผมคิดถึงณัฐกานต์ ผมก็คล้ำหามือถือ

   “หาอะไรเหรอพี่เขม” นายคริสถามผม

   “พี่ลืมมือถือแต่ เอาไว้สอนนายก่อนแล้วกัน” ผมพูดและผมสองคนก็พากันลุกและนายคริสโตเฟอร์กำลังจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขา ผมก็รีบเรียกเขาไว้ทันที

   "คริสไม่เอา...กลับมาเอาตังพี่ไปจ่าย"ผมเรียกคริสโตเฟอร์ให้กลับมาหาผม

   "ไม่เป็นไรครับพี่เขม..ผมอยากจ่ายให้พี่เพราะว่าพี่ก็เลี้ยงผมตั้งแต่เมื่อวานและเมื่อเช้าอีกอะ ผมไม่อยากเอาเปรียบพี่เขม ไม่อยากให้พี่เห็นว่าผมอายุน้อยกว่าต้องให้คนอายุมากกว่าดูแลทุกเรื่องนะและอีกอย่างผมอยากให้พี่เห็นว่าผม..ก็ดูแลพี่ได้" คริสโตเฟอร์พูด และหันไปจ่ายเงินแทนผม ผมกับคริสโตเฟอร์ก็รีบกลับไปที่โรงเรียนผมเหลือบมองเวลายังพอมีเวลาเหลืออยู่ ผมหันมามองหน้าเขา ทำไมเขาพูดแบบนั้นละ ว่าอยากให้ผมรู้ว่าเขาจะดูแลผมได้ ว่าแต่หมอนี่มันคิดอะไรกับผมหรือเปล่า

   “มีอะไรเหรอพี่เขม หรือว่าพี่รู้สึกเสียหน้าที่ผมออกค่าข้าวให้” นายคริสถามผม

   "คริสที่พี่ต้องการจะออกให้ก่อนเพราะว่าเธอยังไม่มีงานทำไง" ผมพูดตอนที่ถอนหมวกกันน็อคออก ผมไม่ได้ดูถูกว่าเด็กไม่มีเงินนะ

   "พี่รู้ได้ยังไง ผมนะมีงานพิเศษทำนะ ตอนที่ไปช่วยแม่ที่ภูเก็ตช่วงที่ผมถูกพักการเรียนนะผมได้ติปตั้งเยอะได้เงินจากแม่อีกด้วย" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าว่าผมรู้

   “ถ้าอย่างนั้น ขึ้นไปเรียนที่ห้องพักครูนะ เพราะว่ามันน่าจะดูไม่น่าเกลียด ถ้าขึ้นไปเรียนที่บ้านพักครู ซึ่งมีแค่พี่และนายสองคน คนอื่นจะมองไม่ดี” ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์

   “แล้วพี่เขมไม่ขึ้นไปเอามือถือก่อนเหรอครับ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ละ

   “หนังสือการสอนพี่อยู่ข้างบนห้องพักครู ไปเราขึ้นไปเรียนการที่ห้องพักครูแล้วกันนะ “ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปบนตึก ผมเห็นว่าห้องพักครูมีไฟเปิดไว้อยู่แล้ว น่าจะมีครูนั่งทำงานอยู่

   “คริส!!!” มีคนเรียกนายคริส ผมสองหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกัน ผมก็เห็นเด็กผู้ชายสองคน ที่ขับรถเก๋ง รถแต่งโหลดอีกต่างหากมาจอดและเลื่อนกระจกลง

   “มึงไปไหนมาวะ ไอ้โป้งมันตามหามึงอยู่นะ มันจะชวนมึงออกไปแว้นแก้เซ็งวะ มันนอยด์ เพราะมันตกวิชาคณิตของครูสมพิณ “เพื่อนนายคริสต์โกนมาบอกเขา

   “ไอ้นี่มันไอ้อาร์ทและไอ้โจครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมพยักหน้า

   “สวัสดีครับครู “นั้นถึงได้ยกมือไหว้ผมทันที ผมยกมือไหว้รับไหว้

   “เดี๋ยวกูส่งข้อความหามันเอง ตอนนี้กูต้องขึ้นไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มกับครูเขมสองต่อสองวะ” นายคริสต์บอกผมก็พยักหน้าแต่สองต่อสองนี้ ทำให้ผมสะบัดหน้ามามองนายคริส ไม่ต้องบอกเขาแบบนั้นก็ได้มั้ง นายนี่..มันน่าหนัก

   “.......” ทำเอาสองคนนั้นมองผมกับคริสโตเฟอร์ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะคิด

   “เออ...แค่สอนพิเศษ จริงๆ ไม่มีอะไร “ผมรีบยกมือขึ้นห้ามทันที ไม่ต้องคิดนาน

   “อ๋อ!!!! “สองคนร้องออกมาพร้อมกัน

   “เฮอๆ ...... ผมสองคนคิดเยอะนะครับครู ถ้าอย่างนั้นไปก่อนนะครับครู เด็กพวกผมรออยู่ ชวนออกกำลังกายครับครูและออกแบบสองต่อสองด้วยครับครู เสื้อผ้าไม่เกี่ยว “คนที่เป็นคนขับตะโกนบอกผมสองคน แม้จะไปออกกำลังกายในร่มละซิ สองต่อสองเนี๊ยะ ผมหันมามองพ่อตัวดี มิน่าจะแก๊งเดียวกันได้ สายหื่น ไม่ใช่สายศิลป์แล้วละครับผมว่า และคนที่ขับรถก็เลื่อนกระจกปิดพร้อมขับออกไป ผมหันมามองพ่อตัวดีอีกที นี่ก็ขยันหางานให้ผมแก้นะ พูดไปได้ยังไงสองต่อสอง
   

             TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.6.1เขาไว้ใจผมแต่ผมไม่ไว้ใจตัวเอง

           Part’s เขมชาติ ผมกับคริสต์คุยกันแล้วว่าจะเรียนเพิ่มวันละหนึ่งเชื่อโมงเพราะว่าเวลาเรียนของเขาไม่พอเพื่อนำไปแก้ศูนย์ของอาจารย์ลิมา ผมเลยตัดสินใจไปที่ห้องพักครู เพราะว่าหนังสือการเรียนการสอนของผมอยู่ที่โต๊ะทำงาน สองคนเดินขึ้นบันไดไป โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ยกพื้นสูงและผมก็ตรงไปที่ห้องพักครู ผมเห็นมีไฟเปิดไว้ ผมเดินเข้าไปก็พบครูดวงเดือน เป็นครูสอนวิชาภาษาไทย เขาเงยหน้ามองผม
   “ขอโทษนะครับ คือผมจะสอนหนังสือนายคริสเพิ่มนะครับ เพราะว่าเขา”
   “ไม่ได้เข้าเรียนก่อนหน้านี้เหรอคะ เรานะส่งการบ้านครูหรือยังคริส” ครูวงเดือนพูดและถามถึงการบ้านทันที
   “ส่งแล้วครับครู ผมส่งคนแรกเลย”
   “จริงเหรอ เดี๋ยวครูจะตรวจดูนะว่ามีชื่อเธอไหม” ผมหันมาน้องนายตัวดี เขาหันมาแยกเขี้ยวให้ผม ผมเพิ่งจะเห็นว่าเขามีเคี้ยวด้วย และนั้นคงเพราะว่าผมพาเขาขึ้นมางานเข้าทันที
   “อืม เจอแล้ว โชคดีนะเธอเนี๊ยะ!” ครูดวงเดือนขยับแว่นและมองนายคริสก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจการบ้าน ผมก็พยักหน้าให้เขาเข้ามานั่งที่โต๊ะตรงข้ามกับผม
   “ครูยังไม่มีสอนพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนใช่ไหมคะครูเขม” ครูดวงเดือนถามผม
   “ผมเริ่มอาทิตย์หน้าครับครูวงเดือน”
   “อ้อค่ะ เออ พี่ต้องไปก่อนนะคะ พอดี พี่มีธุระต้องทำ ครูเขมจะอยู่ต่อก็ได้นะคะ แต่รบกวนปิดไฟและแอร์ให้พี่ที และนายคริส ตั้งใจเรียนหน่อยนะ เพราะว่ามีครูไม่กี่คนหรอกนะที่อยากจะเคี่ยวเข็ญนายนะ” ครูวงเดือนพูด ผมก็ยิ้มๆ ให้และขยิบตาให้นายคริส
   “ครับครู “นายคริส และเมื่อครูดวงเดือน เดินออกจากห้องไป ผมก็เปิดหนังสือถึงบทเรียนที่นายคริสต้องเรียนชดเชยทันที เริ่มที่บทแรกเลย
   "คริส" ผมเรียกคริสโตเฟอร์พยักหน้าให้เขาลุกมานั่งฝั่งเดียวกับผม ซึ่งผมจะได้อธิบายและมอบหมายงานให้เขาทำและนายคริสก็รีบลุกมาพร้อมเก้าอี้
   “พี่จะอธิบายก่อนนะ นี้จะเป็นโครงสร้างของประโยคที่เกิดขึ้นในอดีต..บร้าๆๆๆ “ผมบอกเขาและอธิบายว่าเขาต้องเขียนยังไง และอะไรคืออะไร มีที่มาที่ไปยังไง อย่างละเอียด และนายคริสก็หัวไวอยู่แล้วเขาเข้าใจง่าย ผมรู้ว่าฝรั่งเขาไม่รู้จักกิริยาสามช่องแต่เขารู้ว่าเขาควรใช้คำไหนสำหรับ อดีตและปัจจุบัน
   "และนี้นายลองเขียนเรื่องที่ประทับใจในอดีตให้ครูดูหน่อย ครูจะดูว่าเธอเข้าใจการแต่งประโยคบอกเล่าเหตุการณ์แบบ Past tense แค่ไหน" ผมบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์มองผมทำท่าคิดเหมือนเขาจะหนักใจที่จะบรรจงปลายปากกาเขียนเรื่องราวเหล่า
   "คริสต์คนเราต้องมีเรื่องประทับใจบ้างและครูก็เชื่อว่าเธอต้องมีคริส" ผมแตะหลังมือของคริสโตเฟอร์เบาๆ
   "ต้องเยอะแค่ไหนครับครู "
   "ตามใจเธอซิ" คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วเป็นปมทันที ผมอยากจะขำเขานะ
   "อืม..สักสี่ห้าบรรทัดก่อนก็ได้" ผมพูด
   "ผมประทับใจครูอะ" ผมก็ต้องอึ้ง คริสโตเฟอร์มองหน้าผมสีหน้าเขาไม่ได้ล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง
   "เร็วไปไหมคริส" ผมเงยหน้าถามคริส
   "ไม่นะผมรู้สึกอยู่กับครูแล้วผมสบายใจเหมือนบางสิ่งที่มันหายไปมันกลับคืนมานะครู ..ผมคิดถึงพ่อนะครู ..แต่ผมก็เฝ้าบอกว่าผมเกลียดเขาแต่ผมก็คิดถึงเขาไปพร้อมๆ กัน" คริสโตเฟอร์พูด
   "ผมเคยคิดว่าไม่อยากเจอเขาอีกตลอดชีวิตของผม"
   "ครูเชื่อว่าเขามีเหตุผลมากพอที่จะยังกลับมาหาเธอไม่ได้ในตอนนี้คริสโตเฟอร์"
   "เธอยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจระหว่างเธอกับพ่อไหม..เธอยังพ่อจำได้บ้างไหม"ผมถามคริสโตเฟอร์
   "จำได้นะ แต่ผม ..”
   “บางทีการได้เขียนระบายออกมามันอาจจะทำให้นายรู้สึกดีก็ได้นะ ครูดูเธอออก ว่าเธอจำทุกอย่างของพ่อเธอได้แต่เธอแค่ไม่อยากจะรื้อฟื้นมัน” ผมพูด นายคริสมองหน้าผม
   “ทำไมละ ในเมื่อมันคือความทรงจำที่สวยงาม เขียนมันออกมาเถอะ” ผมบอกเขา เขาก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะจรดปลายปากกาลงเพื่อเขียน
   “พ่อเคยสอนผมขี่รถ RTV คันเล็กๆ และนั้นคือของขวัญวันคริสต์มาสที่พ่อให้ผม " นานคริสโตเฟอร์พูด แต่เหมือนเขาจะหยุดนิ่งแค่นั้น
   "ครูอยากให้เธอเขียนมันครูอยากอ่าน" ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์พยักหน้าและเริ่มเขียนต่อ ก่อนที่เขาจะก้มลงเขียนบรรยายสิ่งนั้นออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ผมได้รับรู้ และผมก็เชื่อภาพวันวานมันจะทำให้เขาลบบาดแผลในใจเขาระหว่างพ่อของเขาได้ไม่มากก็น้อย
   "คริส..ครูถามหน่อยได้ไหม..ทำไมเราไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนในห้องละ"
   "พวกนี้รุ่นน้องของผมนะครู..ผมนะต้องเรียนรุ่นเดียวกับโป้ง ตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แต่ผมโดนพักการเรียน เพราะว่าผม..."คริสโตเฟอร์พูดเขาคงรู้สึกผิด
   "ผมโดนพักไปหนึ่งเทอมนี้ สาเหตุที่ผมโดนพักการเรียนก็ว่าผม..ต่อยลูกชายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ผมต่อยจนมันสลบ เพราะว่ามันเรียกผมว่าไอ้ฝรั่งขี้นกไอ้พ่อไม่รักไอ้เด็กพ่อทิ้ง ผมทนไม่ได้ครู"
   "เอานะ..เธอไม่ใช่อย่างที่เขาพูดก็แล้วกันแต่ต่อไปนี้เธอควรจะอดทนกับมันให้มากขึ้นเพราะนั้นจะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นผู้ใหญ่รู้ไหม"
   "ผอ.บอกว่าถ้าผมมีเรื่องอีกครั้งผมจะไม่มีสิทธิ์เรียนที่นี้ครู"
   "ก่อนจะทำอะไรให้นึกถึงแม่เธอนะคริส"ผมบอกเขา
   "นึกถึงครูได้ไหม" ผมก็ขมวดคิ้ว
   "มานึกถึงครูทำไมละ" -_?
   "ครูเหมือนพ่อ" ^_^
   "ฉันนี่นะคริส!" -_?
   "พ่อทูนหัว" " ^_^
   "คริสโตเฟอร์!!!" :o
   "รีบเขียนและจะได้กลับไปนอนพรุ่งนี้ตื่นมาแต่เช้า..ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะเรานะ"ผมบ่นพ่อตัวดี นี้ผมคิดผิดไหมที่ชวนนายนี้มาเรียนในห้องที่ไม่มีใครอยู่แบบนี้ นายนี้ถึงได้ทะลึ่งกับผมตลอดเวลาแบบนี้
   "ผมไม่ได้ทะลึ่งกับทุกคนนะครู มีครูคนเดียวนี้แหละ" ผมควรจะดีใจดีไหมล่ะที่ได้สิทธิ์นั้นนะ

      ผมก็นั่งก้มลงมองที่เขาเขียนอันไหนใช้ผิดผมก็แนะนำเขาให้เขาเขียนให้ถูกๆ แต่ทว่ามันน้อยมากที่เขาจะเขียนผิด จังหวะที่ผมก้มลงมองผมไม่ได้มองแค่กระดาษเท่านั้นผมมองไปถึงใบหน้าหล่อๆ นั้นด้วย คริสเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อจริงๆ อันนี้ผมยอมรับเลย และไม่แปลกทำไมสาวๆ ถึงจะตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายคนนี้ แค่ลูกครึ่งก็กินขาดแล้วนะผมว่า แต่ว่าผมนะสะดุดตรงคิ้วเขานี้แหละมันหนาและโค้งได้รูปขนตาก็ยาวถ้ามีนัยต์ตาสีฟ้าด้วยคงจะเพอเฟคมากแต่เขากลับมีสีดำธรรมชาติออกจะโตนิดหน่อย แต่ว่าวันแรกผมเห็นว่ามันเป็นสีฟ้านะ หรือว่าตอนนั้นผมมองผิดไปเอง ผมก็จ้องมองอีกที่ที่นัยต์ตาของคริสต์จน
   "ครูครับผมควรจะใช้ had หรือว่า have ดี...." มองนานไปหน่อยไม่ทันระวัง พอคริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของผมกับใบหน้าของคริสมันห่างกันกับผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ผมควรจะถอยออก ก่อนที่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดมันอาจจะเกิดขึ้น
   "หมับ" มือของคริสโตเฟอร์จับเข้าที่เสื้อผมตรงหน้าอกเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมถอยหลังหนีเขา นี้ขนาดผมแค่คิดนะนายนี้ยังเดาผมออกทันทีและมือไม้นี้ก็ไว้มาก    คริสโตเฟอร์เขาก็ค่อยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ของเขาและเลื่อนตัวเองมานั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับผม สายตาผมก็มองที่ริมฝีของคริสโตเฟอร์มันเริ่มจะขยับเหมือนเหมือนเขากำลังจะ... ใจผมก็ยิ่งเต้นรัวเหมือนมีกลองมากระหน่ำตีอยู่ข้างในนั้น มันดังมากอยู่ภายในและคงจะมีแค่ผมคนเดียวที่จะได้ยินมัน

                 คริสค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาผมมันเหมือนเป็นภาพสโลโมชั่นและผมเองก็เหมือนทำอะไรไม่ถูกผมได้แต่นั่งนิ่ง ผมก็นั่งเก้าอี้ตัวในสุดซะด้วย ซึ่งผมก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ เหมือนผมถูกขังอยู่ในหลืบเลยก็ว่าได้ ผมได้แต่มองเขาโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนออกแต่อย่างใด มันเหมือนกับว่ามีใครมาตรึงผมไว้เช่นกัน

   "อืมม"ริมฝีปากคริสแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ มือที่กุมเสื้อผมก็เปลี่ยนมาเป็นช้อนที่ใบหน้าของผมไว้แทน
   "ไอ้คริส!!!.."
   "คลื้น!!!" เสียงเรียกชื่อคริสโตเฟอร์และมันก็ทำให้ผมและเขารีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว และนายคริสเองก็ลุกพล้วดขึ้นอย่างเร็วเช่นกีน ผมดีดตัวลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน นายคริสโตเฟอร์ที่มองผม ผมไม่กล้าหันไปมองหน้านายคริส ก็เพราะว่าผมรู้สึกผิดที่ผมกำลังจะจูบลูกศิษย์ตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นดูดดื่มแต่ถ้าไม่มีคนมาเรียกมันคงไปไกลกว่านั้นแน่ๆ
   "พวกกูพร้อมแล้วเราออกไปแว้นกันได้หรือยัง ..เออ...ครูเขม!!!" โป้งนั้นเองที่มาเรียกคริสโตเฟอร์
   "ครูว่าเราเอาไว้เรียนวันพรุ่งนี้ต่อแล้วกันนะคริส ครูต้องรีบกลับบ้านพักและนี้น่าจะเกินเวลาสอนแล้ว ครูจะลงในสมุดบันทึกไว้นะว่าเราเรียนวันนี้หนึ่งคาบเรียน " ผมพูดและก็รีบเก็บหนังสือทั้งหมด นายคริสที่มองผมโดยไม่ได้พูดอะไร ผมก็แทรกตัวเดินออกมาทันที นี้ผมทำอะไรลงไปวะ ผมพูดกับตัวเอง นั้นผมกำลังจะจูบกับเด็กนักเรียนตัวเอง
   โป้งยืนมองผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันผมรีบเดินแทรกโป้งออกมาจากห้องเรียน ผมหวังว่าเขาคงจะไม่เห็นอะไรหรอกนะ ผมนี่รีบเดินจ้ำอ้าวกลับบ้านพักทันที ผมไปกำจัดความรู้สึกที่มันกรุ่นๆ ในตัวผม ขนาดแค่ริมฝีปากผมสัมผัสกันเบา ผมยังรู้สึกไปไกลได้ขนาดนี้ ผมไม่สมควรทำแบบนี้ เพราะเขาคือลูกศิษย์ของผมซึ่งมันผิด!!!
   "ครูเขม!! ครู...ครู..รอผมก่อน ....ครู!” ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนวิ่งตามผมมาติด ผมเดินลงมาจนเดินเลยห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว แสงไฟสลัวๆ ที่สาดส่องทางเดินนั้น ผมหันมามองคนที่คว้าแขนผมไว้ นายคริสโตเฟอร์
   “ครู..ผมไปส่ง " นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมันไม่สมควรเลย
   “พี่กลับเองดีกว่าคริส เราไปกับเพื่อนเถอะแต่ใจพี่ก็ไม่อยากให้เราไปขับรถกลางคืนแบบนั้นเลยนะ “ผมหันไปพูดบอกกับเขาแต่ก็ต้องหันหน้าหนี เพราะสายตาเขามันทำให้ผมหวันไหวขึ้นทุกที
   “พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ พี่โกรธผมเหรอที่ผม ทำท่าจะจูบพี่” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมเงยหน้ามองเขา
   “ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมา
   “มันไม่สมควรเกิดขึ้นคริส ระหว่างครู...กับนายซึ่งเป็นลูกศิษย์ ของพี่” ผมหันไปพูดกับคริสและแกะแขนเขาออกผมจะเดินกลับแต่เขาก็ยังคงคว้าแขนผมไว้
   "พี่เขม..ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจ..พี่เขม ..พี่เขมอย่าโกรธผมเลยนะพี่..ผมไม่ตั้งใจทำแบบนั้น..และผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีก..นะ..พี่เขม "คริสโตเฟอร์พร่ำบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขา ผมก็ต้องอึ้งและผมกลับใจแข็งกับเขาไม่ได้
   “และอีกอย่างพี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว มันก็ผิดอีกนะคริส” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า และ

   “พี่รอผมตรงนี้นะ ผมจะไปเอารถ อย่าไปไหนนะ ผมไปส่ง “นายคริสบอกผม และผมก็มองไปเพราะว่ามันก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้วนะ
   “ระยะทางไม่ไกลก็จริงแต่มันมืด เพื่อว่ามีงู” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าจะว่าไปก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ผมยืนรอจนเขาขับรถบิ๊กไบท์มาที่ผมยืนและผมก็ขึ้นไปซ้อนท้ายรถเขา คริสโตเฟอร์ขับไปส่งผมจนถึงบ้านพัก และนายคริสก็ดับเครื่องลง ผมก้าวขาลงจากรถบิ๊กไบท์
   "พี่เขม ผมถามไอ้โป้ง มันก็บอกว่าไม่เห็นอะไรนี้ “นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้า แต่แอบคิดว่าผมต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เวลาที่ต้องใกล้ชิดเขา
   "ผมจะไม่ทำอีก..." คริสโตเฟอ์พูดอีกครั้งและโผ่เข้ามากอดผมแน่น
   "ถ้าไม่จำเป็น" ผมตาโตถ้าไม่จำเป็นงั้นรึ ผมดันพ่อตัวดีออกและหันหลังกลับทันทีเช่นกัน นึกว่าจะสำนึกผิดขึ้นมาบ้างไม่มีเลยนายคนนี้
   "พี่เขมอะงอนเป็นสาวๆ เลย" คริสโตเฟอร์ ผมหันกลับมามองเขาอีกครั้ง เขายืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเดินเข้ามาหาผม ก็จริงผมวิ่งออกมายังกับตัวเองเป็นนางเอกละครเลย ทำไปได้ยังไงวะ!!
   "พี่เป็นผู้ชาย" ผมกอดอกมองคนที่ยืนตรงหน้าผม
   "ผมรู้นะ ผมแยกแยะออก หน้าอกแบนขนาดนี้" ไม่พูดเปล่าชำเลืองตาลงมาที่อกแบนๆ ของผม
   "กลับไปนอนพักได้แล้วอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ ก็ผมได้ยินโป้งชวนไปแว้น ผมรู้ความหมายมันหรอกว่าไปขับรถซิ้งอีกแน่ๆ
   "ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมไปผมก็ไม่ไปครับพี่เขม..พรุ่งนี้เช้าผมมารับนะพี่นะ..ผมพูดจริงๆ” นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ยังแปลกใจทำไมเคาถึงได้รู้สึกผูกผันกับผมมาก เหมือนที่ผมรู้สึกเช่นกัน
   “นะครับพี่ ผมอยากมารับ มาส่ง ผมอยากมาคุยกับ..” คริสโตเฟอร์พูดและมองหน้าผม
   “พี่เขม” คริสโตเฟอร์บอกว่าอยากคุยกับผม
   “ผมคุยกับพี่แล้วผมรู้สึกดี เพราะว่าผมรู้สึกไว้ใจ..พี่เขม “นายคริสโตเฟอร์บอกผม มันทำให้ผมนี้เหมือนต้องมนต์สะกด นี้เขาไว้ใจผมที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นครูได้เกือบอาทิตย์และสอนห้องเขาแค่สามวันเองนะ
   “ผมไว้ใจครูเขม แต่ขอ ครูอย่าหนีหายจากผมไปนะ ผมไม่เคยไว้ใจใครได้แบบนี้มาก่อน นอกจาก พ่อแต่เขาก็ไม่กลับมาหาผม..ผมกลัว..” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการตอบรับว่าผมจะไม่ทิ้งเข้าไป แต่ว่า หลังจากที่นายคริสโตเฟอร์สตาร์ทเครื่องและขับออกไป เขาหันมามองผมแว็ปหนึ่ง ผมก็ยืนมองจนเขาขับพ้นออกไปจริงๆ

   "แต่ครูไม่ไว้ใจตัวเองนะซิคริส!!" ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นบ้าน เดินไปกดเปิดเช็กมือถือที่ผมทิ้งไว้บ้านพัก มีสายจากแม่ผมสองสาย และสายจากณัฐกานต์ 200 สาย ผมถึงกับพ่นลมออกมาโทรไปนี้คงไฟแล๊ปแน่ๆ ขอเลือกโทรหาแม่คุยกับแม่ให้สบายใจดีกว่า พอหลังจากโทรคุยกับแม่เสร็จแล้วผมก็กดโทรหากานต์ แต่ติดต่อไม่ได้
   "กานต์ครับ เขมมีติวหนังสือให้เด็กนักเรียนนะและก็ไม่ได้เอามือถือไป ..เขมขอโทษนะครับ"ผมส่งข้อความสั้นๆ แค่นั้น ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดนอนเพื่อว่าณัฐกานต์จะโทรหาผมแต่ไม่มี ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน

      ผมยังคิดถึงริมฝีปากที่แตะริมฝีปากผมแม้จะแค่ไม่กี่วินาทีแต่มันนานมากสำหรับผมเหมือนกดปุ่มค้างเอาไว้และตามด้วยรีเพล์ มันติดตาและความรู้สึกของผม นิ้วเรียวยาวของผมยกขึ้นลูบริมฝีปากไม่บางและไม่หนามากไปมา ไม่ได้นะเขมนั้นมันลูกศิษย์
   "ฟู่!!" เสียงพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ผมรู้ว่ามันผิดมากถ้าครูกับนักเรียนจะรักกันแต่ถ้าเขาไม่ได้เรียนหรือผมเป็นครูโรงเรียนอื่น มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่นี่เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถ้าผมย้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพ อันนี้แปลว่าผมก็ต้องทิ้งเขา

   "ครูผมไว้ใจครู" ไม่ได้เขาไว้ใจผมแล้ว ผมจะทิ้งเขาอย่างนั้นเหรอและนี้แค่ไม่ถึงสัปดาห์เลยนะ ม้นแปลกไปไหมที่เรารู้สึกกับเด็กคนนี้เร็วมาก

         ตึ้ง!! ข้อความทางไลน์ ส่งเข้ามาหาผม

   "นอนหลับฝันดีนะครับครู..ขอบคุณนะครับ..ที่ให้ผมได้นึกถึงสิ่งดีดีของพ่อผม มันทำให้ผมเกลียดเขาไม่ลงจริงๆ ..แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเจอเขา..ในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าอนาคตผมอาจจะพร้อมกว่านี้ ผม..รัก..และ..เคารพ..ครูเสมอ

           ปล.ขอโทษนะครับที่ผมทะลึ่งกับครูบ่อย ผมชอบเวลาครูทำหน้าเขินผม o//o " ผมยิ้มดีใจที่ผมทำให้คริสโตเฟอร์เขาหันกลับมานึกถึงสิ่งดีดีของเขาและพ่อ ผมจะช่วยให้เขาตามหาพ่อของเขาให้ได้และเขาจะได้แก้ปมที่อยู่ในใจว่าทำไมพ่อไม่กลับมาหาเขา ก็เพราะแบบนี้ไงผมถึงทิ้งเขาไม่ได้ ประโยคบอกรักนี้ทำเอาผมหายใจไม่เป็นจังหวะแต่ต้องตกม้าตาย มันบอก รักและเคารพ ..จบเลยเขมชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2024 22:15:19 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.7 เขาทำให้ผมเริ่มสับสน

      Part’ s เขมชาติ วันนี้เป็นวันศุกร์ ที่ผมจะได้กลับบ้านไปหาแม่รดาของผม แม่บอกว่าพี่ๆ จะมาด้วย ส่วนพี่ต้น ผมไม่แน่ใจว่าจะพาเอิร์ทกับพี่เกศรินทร์ไปพักที่ไหนก่อนหรือเปล่าเพราะว่าถ้าพี่เกศรินทร์เขารู้ว่าผมจะไปบ้านด้วยเขามักจะไม่อยากมาอยู่ที่บ้านเดียวกับผม แต่ผมก็มีคอนโดดังนั้นผมเลยคิดว่าจะไปนอนกับณัฐกานต์และค่อยไปหาแม่ตอนเช้าเพื่อไปทำบุญให้พ่อพิทักษ์ของผม จะว่าไปก็คิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจากไปและทิ้งไว้ซึ่งทำสอนมากมายที่ผมสามคนจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต

                ผมหยิบหนังสือที่ใช้ในการสอนเพื่อไปทำหน้าที่ครูสอนหนังสือคาบสุดท้ายของวันนี้และห้องนี้ผมจะได้เข้าสอนวันแรก เป็นเรียนของนักเรียนชั้นม.3/1 ผมก็เอื้อมไปหยิบหนังสือคู่มือการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 หน้าปากเขียนไว้ว่าครูมิ้ง

      “ครูเขม มีสอนอีกเหรอคะ “ครูสมพิศเอ่ยถามผมทันที ที่เห็นว่าผมกำลังเตรียมออกจากห้องพักครู

      “ครับ ผมมีสอนห้อง ม.3/1 ครับ ครูลิมาเพิ่งจะบอกผมเมื่อวานและห้องนี้...” ผมกำลังจะพูด

      “เป็นห้องที่ครูมิ้งเคยสอนอยู่ค่ะ” ครูสมพิศเอ่ยพร้อมด้วยสีหน้าที่กังวล ผมก็ทำสีหน้าฉงนไปด้วย ว่าจะมีอะไรอีกเหรอครับ

      “ห้องนี้เป็นห้องที่นักเรียนที่ชื่อแชมป์เรียนอยู่ค่ะ “ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม

      “นายแชมป์คือเด็กที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งคะ” ผมพยักหน้าอีกทีอันนี้พอเข้าใจมาบ้าง

      “ขอให้ครูโชคดีนะคะ เออ...พี่ไปก่อนนะคะ พอดีว่า พี่ต้องไปรับลูกก่อนเวลาค่ะวันนี้เพราะว่าครูเขามีประชุมตอนเย็นกันคะ โรงเรียนลูกสาวพี่ โรงเรียนประถมนะคะ “ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าและเดินออก ผมเดินส่วนนักเรียนหลายคนก็ยกมือไหว้ผมและตามมาด้วยคำชมว่าผมหล่อ แต่จะมีตามมาอีกด้วยว่า ผมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหม ตลอดจนผมอยากจะรู้เรื่องครูมิ้งขึ้นมาแล้วซิ

      ขณะที่ผมเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนช้นม.3/1 ผมก็รู้สึกว่าบางสิ่งที่อยู่ในหนังสือคู่มือการสอน มันหลุดร่วงออกมา และผมก็ก้มลงมองและเก็บขึ้นมา มันคือรูปถ่าย มีคนที่ดูน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมได้แต่ดูอ่อนแอ่นกว่าผมเยอะ และอีกคนเป็นเด็กผู้ชาย ดูหน้าจะราวๆ สิบสี่สิบห้าได้ เด็กคนนั้น นั่งโดยมีแขนครูมิ้งที่โอบกอดเอวน้อยๆ นั้นไว้ สายตาทั้งคู่ดูมีความสุขมาก

      “ครูเขมมาสอนห้องเรา” เสียงที่ทำให้ผมได้สติ ผมก็มองนักเรียนที่ออกมายืนที่ประตู ทันทีที่เขาเห็นผมก็หันไปบอกเพื่อนๆ ในห้องเรียนทันที ผมก็เอารูปถ่ายนั้นใส่กลับเข้าในหนังสือ ผมเห็นแววตาครูมิ้ง เขาดูรักเด็กคนนั้นมาก มันจึงทำให้ผมเชื่อว่าเด็กยังปลอดภัยดีแน่นอน

      “Good Afternoon Teacher “เด็กๆ ก็ทักทายผมถามปกติ

      “สวัสดีครับทุกคน นับจากวันนี้เป็นต้นไปครูจะมาสอนแทนครูลิมา” ผมบอกทุกคนในห้องเรียน

      “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเปิดหนังสือหน้าที่ที่ครูลิมาสอนค้างไว้กันนะครับ” ผมบอก และหันไปเขียนหัวข้อบนกระดาน

      “แกว่าครูเขมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ” ผมได้ยินเสียงนักเรีนยซุบซิบกัน

      “ไม่หรอก ใครก็พูดกันว่าครูเขมนะกำลังจีบครูลินดา ครูสอนนาฏศิลย์อยู่ “มีคนพูดขึ้นมา

      “แต่มีคนบอกว่าเมียครูดุอ่ะ มีคนโดนด่าวันแรกที่เจอครูและเป็นผู้ชายแก”

      “จริงดิ ดูไม่ออกเลยครูมิ้งนะดูออกมากกว่าแก”  และผมก็ทำหน้าที่ครูสอนไปจนจบคาบชั่วโมง คำถามมากมาย ใครคือครูมิ้งและใครคือแชมป์ และเขาสองคนรักกันได้ยังไง แถมหายไปโดยไม่มีใครรู้เห็นมันต้องมีที่มาที่ไป และนั้นมันทำให้ผมย้อนกลับไปดูสมุดเช็คชื่อ มีหนึ่งชื่อที่ถูกขีดยาวไปเลย

      “เอาละครูให้การบ้านไปทำวันเสาร์อาทิตย์นะครับและวันจันทร์ จะให้ออกมาใช้บทสนทนา จับคู่กันนะครับ ที่หน้าห้อง” ผมบอกนักเรียนทุกคน

      “เออ ครูถามหน่อยซิ นักเรีนที่ชื่อ เด็กชายกรวิทย์ เขาคือใครและเห็นว่ามีการขีดยาวเลย เขาลาออกไปแล้วเหรอครับ” ผมถามทุกคนและนี้กับเป็นคำถามที่ทำให้ทุกคนเงียบกันไปหมด

      “ว่าไงครับทุกคน” ผมถามอีกครั้ง

      “ครูค่ะ คนนี้คือแชมป์ค่ะ ที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งค่ะ” ผมได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปนะ ยังเด็กอยู่เลยแต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นครูที่พานักเรียนหายไปเฉยๆ มันต้องมีที่มาที่ไปซิ หรือว่าทั้งคู่ถูกกดดัน

      “ครูมิ้งเคยสอนห้องนี้ ครูสอนดีไหมครับ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง

      “สอนดีนะคะ สอนเก่งด้วยและมักจะหาแนวข้อสอบมาให้ลองทำด้วยค่ะ แต่ว่าครูเขาเป็นเกย์ค่ะ เขาชอบผู้ชาย” นักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้น ผมพยักหน้าให้คนที่ยืนตอบคำถามแรกผมนั่งลง และผมก็ออกมายืนที่หน้าห้องมองทุกคน

      “เพราะว่าครูเขาชอบเพศเดียวกันนะเหรอครับ “ผมพูด

      “ในโลกนี้ ณะ ปัจจุบันนี้มันมีความหลากหลาย ของคำว่าเพศนะเท่าที่ครูรู้”

      “LGBTQ เป็นคำที่หมายถึงกลุ่มเพศทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานเจนเดอร์ เควียร์ บร้าๆๆๆ” ผมก็อธิบายให้เด็กฟังคร่าวๆ ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนแต่ผมคิดว่าเด็กๆ ก็ควรจะได้รู้เอาไว้บ้าง เพราะว่าต่อไปเขาจะต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆ รอบตัวเขาอีกมากมาย

      “ครูมองว่ามันคือความหลากหลายทางเพศ ซึ้งในประเทศไทยเรายังไม่เปิดใจรับตรงนี้ ครูจึงเข้าใจที่ทำไมพวกเราถึงได้รู้สึกมันเป็นเรื่องแปลกและพิสดาร “

      “แต่ก็มีหลายประเทศที่ยอมให้มีการจดทะเบียนสมรสสำหรับเพศเดียวกัน 30 ประเทศแล้วนะ แต่ครูก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนต้องเห็นด้วย หรือหลอกเลียนกันได้ เพราะว่าพฤติกรรมแบบนี้มันลอกเลียนกันไม่ได้อยู่แล้ว “

      “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่จิตใจของคนคนนั้น “ผมพูดกับทุกคน

      “แต่สำหรับเรื่องของครูมิ้งและแชมป์นั้น เรื่องที่เขาทั้งคู่หายไปด้วยกันครูไม่ขอพูดถึงเพราะว่าครูไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ก็รู้สึกเสียดายนะ ที่ห้องนี้เพื่อนเราหายไปหนึ่งคน”

      “และครูก็เชื่อว่าเขาสองคนจะกลับมาเมื่อเขาพร้อม ดังนั้น ณ ตอนนี้ ทุกคนก็ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะคนหาสิ่งที่ตัวเองชอบและไปตามสิ่งที่ตัวเองฝันกัน ดังนั้นควรตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่และคนที่พวกเธอรัก ครูพอแค่นี้ หัวหน้าเชิญครับ”  ผมพูดเพียงแค่นี้ และหัวหน้าห้องก็บอกนักเรียนทำความเคารพผมกัน ผมเดินออกมาจากห้อง ผมหันไปดูหมายเลขห้อง

      ผมเปิดหนังสือหน้าที่ผมสอดรูปถ่ายเขาสองคนเอาไว้ ผมหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูขณะที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง เพราะว่าผมต้องไปเตรียมตัวกลับแล้ว ผมพลิกรูปไปที่ด้านหลัง มีลายมือที่เขียนเอาไว้ ห้องม3/1 พร้อมรูปหัวใจสีแดง และลงชื่อไว้บรรทัดล่างว่า มิ้งรักแชมป์ ผมเข้าใจความรักทั้งคู่แต่มันผิดที่เป็นครูไปรักนักเรียน ถามว่าผิดมากไหม ก็ไม่ได้ถึงขั้นคอคาดบาดตายแต่ว่ามันต้องอยู่ในกฎเกณฑ์และการวางตัว ถ้าเลือกได้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แต่ถ้ามันเลือกไม่ได้ละ จะทำยังไง นี่ผมคิดไปเพื่อใครหรือเปล่านะ

      “ติ้ง” เสียงข้อความในมือถือผม วันนี้ผมต้องพกมือถือติดตัวตลอดเพราะว่าณัฐกานต์บอกว่าจะมารับผม และถ้ามาแล้วติดต่อผมไม่ได้นี้ล่ะงานจะเข้า และก็ใช้จริงๆ ด้วย ข้อความจากณัฐกานต์

      “เขม..กานต์มาถึงแล้วนะครับ รอที่ลานจอดรถนะเขม ลงมาเร็วๆ น่ะ กานต์คิดถึงอ่ะ “

         ผมอ่านข้อความแล้วก็ต้องแปลกใจตรงคำว่าคิดถึงอ่ะ ปกติไม่ค่อยพูดมานานแล้ว มีพูดช่วงแรกๆ ที่เราคบกัน ณัฐกานต์พร่ำบอกผมตลอดว่าคิดถึงแต่พอเริ่มย้ายไปอยู่ด้วยกันคำนั้นเลย ไม่ค่อยมี แต่ผมคิดอีกทีน่าจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยมั้งช่วงนี้ มันเลยรู้จักคำนี้ขึ้นมาทันที  อมเดินอมยิ้มและรีบลงไปจากตึกแต่จังหวะที่ผมกำลังจะเดินลง ผมก็เจอคริสโตเฟอร์ที่ยืนอยู่ที่ตรงราวบันไดก่อนจะลงไปชั้นล่างสุด มันดูเหมือนเขารอผมหรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่รู้

      “คริส” ผมเรียกชื่อเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาดีใจ

      “พี่เขม “เขาเรียกชื่อผมแต่ว่าพี่นะซิ ผมรีบขยิบตา เพราะว่านี้มันโรงเรียน

      “เออ ..ครูเขมครับ”

      “ว่าไงเรานายคริส” ผมทำน้ำเสียงให้ดูว่าเป็นการสนทนากันระหว่างนักเรียนและครู จะว่าไปผมก็เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของครูมิ้งนะ กับการที่ต้องถูกทุกสายตามองเรื่องของความไม่ถูกต้องของครูและนักเรียนที่มีความสัมพันธ์กันทางคู่รัก

      “เดินลงไปคุยกันไปได้ไหมครับครู” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ และนายคริสก็มาเดินตีคู่กับผมทันที

      “ครูจะกลับเลยเหรอครับ “นายคริสถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

      “ใช่ เพราะว่า ..แฟนครูมารับแล้ว” ผมบอกนายคริสไป เขาหันมามองผมด้วยสายที่แปลกไปไม่เหมือนทุกวัน แต่ทว่าสายตาแบบนี้มันทำให้ใจผมรู้สึกเจ็บจี้ดๆ อย่างบอกไม่ถูก นี้ผมกำลังสับสนอะไรบางอย่างใช่หรือไม่

      "แฟนครูมารอรับแล้วเหรอครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าตอบ ดูสีหน้าคริสโตเฟอร์เศร้าลงไปอีก และมันก็ทำให้ผมเองก็ลำบากใจนะแต่ที่แน่ๆ ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่เหมาะสมระหว่างผมกับเขานี้แหละ

      "เป็นอะไรละเรา ทำไมทำหน้าแบบนั้น เดี๋ยวพอไปถึงไปสนุกกับเพื่อนเธอก็ลืมครูแต่อย่าลืมการบ้านครู นะคริส " ผมถามคนตรงหน้าพอผมเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ใจไม่ดีเลยจริงๆ

      "ครูจะกลับมาวันอาทิตย์เลยหรือเปล่าครับครู" นายคริสโตเฟอร์ถามผม

      "เออ...ยังไม่แน่ใจแต่ครูคงขับรถมาเองและเอารถมาไว้ใช้ด้วย" ผมบอกเขา

      "ครูก็คงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครู"

      "คริส..เออ ...ครู...มีแฟนแล้วนะครูไม่อยากทำให้แฟนครูเสียใจนะคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์เงยหน้ามองผม เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

      “และนายก็ไม่ได้ชอบ..อะไรแบบครูไม่ใช่เหรอ" และผมก็ถามเขา เราเดินลงมาที่ชั้นล่างของอาคารและไม่มีคนเดินผ่านไปมาในช่วงนั้นพอดี

      ""น่าจะใช่ เพราะว่าผมก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับ...ใครที่เป็นผู้ชายเลยมีแต่ผู้หญิง” นายคริสพูด ทำให้ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

      “แต่ผมก็อยากไปกินข้าวกับครูนะ" นายคริสบอกผมแบบนี้แล้วจะให้ผมพูดยังไงต่อ มันจุกเลยไปไม่ถูก และมีคำถามในใจผมว่า ผมจะไปกับเขาโดยที่ผมจะไม่คิดอะไรกับเขาได้ไหมผมกลัวใจผมเองนี้แหละที่จะทำไม่ได้

      "เพื่อนนายมาแล้ว...อย่าไปซ่าที่ไหนหนักละครู.." ผมเลยพูดเปลี่ยนเรื่องทันที ที่ผมหันไปเห็นเพื่อนๆ นายคริสเดินลงพร้อมกัน ผมจำได้ดี แม้จะยังไม่รู้จักชื่อทุกคนก็ตาม แต่นายคริสโตเฟอร์ยังคงมองหน้าผมเหมือนเขากำลังคาดคั้นสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป

      "เป็นห่วง...นักเรียนของครู " ผมพูดออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ว่าผมแค่เป็นห่วงเขา คริสโตเฟอร์พยักหน้าเบาก่อนจะส่งยิ้มจางๆ กลับมาให้ผม นั้นคงเพราะผมลงท้ายว่านักเรียนของผม ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาในฐานะคนพิเศษอะไร รอยยิ้มที่ดูจะผิดหวังหน่อยๆ

      "ครับครู" คริสโตเฟอร์ก็เดินไปหาเพื่อนที่ชื่อโป้งที่เขาบอกผม ที่บ้านอยู่ถัดไปไม่กี่สิบกิโล โป้งขับรถกระบะมาเองมาจอดไว้ที่โรงเรียน ผมยืนมองจนทั้งหมดเดินหายไปทางเดินที่จะเข้าบ้านพัก และผมก็เดินตรงไปยังรถเก๋งที่ณัฐกานต์ขับมารับผม เป็นรถของผมเอง แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมต้องเอาการบ้านเด็กไปตรวจด้วยนะซิ ผมถือกระเป๋าที่ผมใส่พวกโน๊ตบุ๊คไปไว้ในรถณัฐกานต์ก่อนดีกว่า

      "ไงครับที่รัก...เหนื่อยไหมครับ" ผมแทบจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจณัฐกานต์ถามผมว่าผมเหนื่อยไหม!

      "ทำไมทำหน้าแปลกใจแบบนั้นละ...พอกานต์ไม่ถามเขมก็หาว่ากานต์ไม่ใส่ใจ...น่าน้อยใจเนอะ" ณัฐกานต์พูด หรือว่าที่ผมไม่โทรหาเขาสองวันมันทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองได้ ผมยิ้มดีใจนะ

      "ดีใจต่างหาก ..เขมอยากให้กานต์เข้าใจเขมบ้างก็แค่นั้น...เดี๋ยวขากลับเขมขับเองนะครับที่รัก...เออ.เขมลืมเอาสมุดการบ้านเด็กนะกานต์ ยังไงขอเขมขึ้นไปเอาสมุดก่อนนะครับ" ผมพูดณัฐกานต์เดินออกมาเพื่อเปลี่ยนมาเป็นคนนั่ง ส่วนผมก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปห้องพักครูทันที

      "ครูเขมค่ะ" เสียงที่คุ้นหูผมเรียกผมแบบนี้ทุกวัน เสียงหวานๆ ของสาวร่างบาง ครูลินดา ผมหันไปมอง ครูลินดาเดินเข้ามาหาผมในมือถือห่ออะไรสักอย่างไว้

      "ครูเขมค่ะเมื่อวานแม่ของลินดาทำขนมลานะคะ เป็นขนมขึ้นชื่อมากทางภาคใต้ค่ะลินดาเลยเอามาให้ครูเขมลองดูทานค่ะ ฝากไปให้คุณแม่ของครูด้วยนะคะ" ครูลินดาส่งให้ผมก็รับมาถือไว้

      "แม่ผมรุู้จักครับ เพื่อนของแม่ของผมเคยนำมาให้แม่ผมลองทาน และแม่ผมก็ชอบซะด้วยซิ ..ขอบคุณนะครับ"

      "เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาของก่อนนะครับ...เจอกันวันจันทร์นะครับครูลินดา" ผมพูดก่อนจะรับวิ่งขึ้นไปบนห้องเพราะกลัวณัฐกานต์จะรอนานยิ่งเขาไม่เหวี่ยงผมแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปสะกิดมันให้กลับมาอีกเพราะมันจะส่งผลกับการเดินทางกลับบ้านของผมด้วย

         ผมจัดการรวบรวมสมุดของเด็กๆ ที่ผมต้องตรวจและแผ่นงานที่ให้เด็กๆ เขียน เพื่อเป็นการฝึกและคัดหาคนที่เก่งด้านภาษาอังกฤษเข้าร่วมแข่งขันในสัปดาห์ภาษาอังกฤษเดือนหน้านี้ ผมคิดว่าผมจะทำให้คริสเข้าร่วมให้ได้ ขณะที่ผมกำลังรีบเดินลงสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือ ณัฐกานต์เขาออกมาจากมาคุยอะไรกับครูลินดาก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะไม่ดีแน่เพราะว่าครูลินดายืนทำท่าจะร้องไห้ ครูลินดาหันมามองหน้าผมและวิ่งออกไปทันที ผมเดินมาถึงก็มองหน้าณัฐกานต์ที่ยืนกอดอก สายตาอย่างกับผู้มีชัยชนะ ก่อนจะหันมาเอียงคอมองผมและทำท่าจะเดินนำเพื่อกลับไปขึ้นรถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

         "กานต์ทำอะไรนะ" ผมคว้าแขนของณัฐกานต์เอาไว้

         "ก็แค่บอกให้นางชะนีนี้รู้ตัวหน่อยว่าเขมนะมีแฟนแล้วนะ ..กานต์ไม่ได้โง่นะที่จะดูไม่ออกว่านางชะนีนี้ให้ท่าเขมอยู่นะ" ผมมองหน้าณัฐกานต์

         “นั้นเขาเป็นเพื่อนครูที่สอนที่นี้นะกานต์ และครูลินดาเขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่กานต์พูดด้วย ให้ท่าอะไรกันกานต์ “ผมพูดบอกณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกทำทีหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจฟังที่ผมพูด

         “และกานต์ก็ไม่ควรจะไปพูดจาว่าครูลินดาแบบนั้น...มันไม่ควรเลยนะกานต์ไม่ควรที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจโดยที่กานต์ยังไม่รู้จริงๆ ด้วยซ้ำไปว่าเขามีเจตนาอย่างไร เพราะมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่กานต์คิด กานต์จะเสียใจทีหลัง” ผมบอกณัฐกานต์ แต่เขาก็ทำหน้าเหมือนไม่สนใจฟังที่ผมพูดเลยสักนิด

         "เอ๊ะ! นั้นอะไรนะเขม หรือว่านางคนนั้นเอามาให้มาใช่ไหม ส่งมานะ กานต์จะเอาไปทิ้ง" ณัฐกานต์พยายามยื้อแย้งของในมือผมอีก ห่อขนมที่ครูลินดาเพิ่งจะให้ผมมา

         "กานต์หยุด!!” ผมรู้ว่าเขาจะเอาไปปาลงถังขยะ ผมขืนเอาไว้ได้ ก่อนจะหันมาชี้หน้าณัฐกานต์ให้เขาหยุด

         "นี้กานต์ผิดเหรอที่หวงแฟนตัวเองจะให้กานต์ใจเย็นรอมันมา..นอนกับเขมก่อนหรือไง"

         "เขมคิดว่ากานต์จะดีขึ้นแล้วนะที่เขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย" ผมพูดก่อนจะรีบนำของทุกอย่างไปใส่ไว้ที่หลังรถ ผมยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

         "เขม..นี้แหละที่กานต์อยากจะรู้ทำไมเขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันเต็มๆ มีแค่ข้อความที่ส่งมาขอโทษล่าสุดและไม่มีสายเข้ามาเลยจากเขม เพราะ...ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมเขม"

         "เขมบอกกานต์มาซิ..ว่านางชะนีนี้ใช่ไหม..ทำไมไหนบอกไม่เอาชะนีไงแล้วนี่อะไร" ณัฐกานต์พูดและชี้ไปทางที่ครูลินดาวิ่งออกไป

         "ไม่ใช่! .ไม่ใช่ใครทั้งนั้นกานต์"ผมหันมาตะคอกใส่กานต์

         "ที่เขมไม่โทรเพราะว่าเขมเบื่อจะทะเลาะกับกานต์ไงและเขมก็ยุ่งเขมต้องเตรียมติวเด็กๆ เพื่อเตรียมความพร้อมเอนทรานซ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยและเขมต้องสอนคริสโตเฟอร์นักเรียนของเขมเขาปัญหาเรื่องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ! " ผมพูดออกมาด้วยความโมโห ที่ณัฐกานต์ไม่เคยเข้าใจผมเลยแต่เหตุผลหลักๆ ของผมคือผมยุ่งกับนายคริสจนไม่โทรหาเขานั้นเอง ผมแอบรู้สึกผิดในใจเหมือนกัน

         “เขมเป็นครูซึ่งมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขมควรจะเสียสละเวลาเพื่อพวกเขา แม้กระทั่งเวลาส่วนตัวเขมก็ต้องทำ” ผมพูดผมไม่เคยคิดจะขึ้นเสียงใส่ณัฐกานต์เลย ต่อให้โกรธมากแค่ไหนผมก็จะยืนระงับมันก่อนที่จะหันไปคุยกันเพราะคนอย่างณัฐกานต์มักจะใช้อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมควรที่จะเย็นแม่เคยสอนผมไว้แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเย็นไม่ได้ และเหมือนกับว่าผมกำลังจะระเบิดทุกอย่างที่ผมเก็บออกมาด้วย

         "ส่วนกานต์ไม่เคยเข้าใจเขม เขมก็ไม่ว่าหรอกนะแต่อย่าทำให้งานของเขมต้องมีปัญหาไปด้วยเพราะ...ตัวกานต์เอง"

         “ที่ไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก่อนจะทำอะไรคิดก่อนได้ไหม ว่าที่ทำไปนะ มันส่งผลกระทบต่อใครบ้าง ก่อนที่กานต์จะวีนหรือเวียง ใส่ใคร” ผมพูดเพราะว่าตอนนี้เราทั้งคู่เดินมาที่ลานจอดรถที่ไม่มีรถคันไหนและคนอื่นๆ

         "เขมไม่เคยไปก้าวก่ายงานของกานต์สักนิด เขมเคารพและให้สิทธิ์ส่วนตัวกานต์มาโดยตลอด ดังนั้นกานต์ควรจะให้เขมบ้าง! " ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่กานต์เท่าวันนี้เลย ณัฐกานต์ยืนอึ่งมองผม ผมไม่เคยขึ้นเสียงหรือต่อว่าณัฐกานต์เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย นี้เรียกว่าครั้งแรกจริงๆ

         "ขึ้นรถซะกานต์! " ผมหันหลังบอกณัฐกานต์ให้ไปขึ้นรถ ส่วนผมก็ยืนระงับอารมณ์โกรธที่ผมมีต่อกานต์เพื่อให้มันเย็นลง ผมพยายามทำตามที่แม่บอกผมนะ นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน

         TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
                   

                  Part’ s เขมชาติ จนกระทั่งผมรู้สึกใจเย็นขึ้นมานิดนึงและกลับเข้าไปขับรถออกทันทีเช่นกัน ผมเงียบไปเกือบตลอดทางณัฐกานต์ก็เงียบเช่นกัน เราต่างคนคงต่างใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น นิสัยอย่างเขาใครก็บอกผมว่าผมควรจะทิ้งเขาไปและไปหาคนใหม่แต่ผมก็ไม่ทำเพราะว่าผมคิดว่าณัฐกานต์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ให้กลับมาเป็นณัฐกานต์ที่น่ารักเหมือนตอนแรกที่ผมรู้สึกอยากจีบเขา แต่ทะว่า เขากลับไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้นมาเลยสักนิดมีแต่จะแย่ลง

            "เขม" มือของณัฐกานต์เอื้อมมาแตะหลังมือผมที่กุมเกียร์ไว้ตลอดแม้จะเป็นเกียร์ออโต้ก็ตาม ผมหันมามองหน้ากานต์ ผมก็เย็นลงมามากแล้วด้วย ณัฐกานต์เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

           "กานต์ขอโทษ...กานต์กลัว..ว่าเขมเจอคนอื่นเขมจะทิ้งกานต์ไป" ผมหันมาหน้าณัฐกานต์ ผมโอบไหล่กานต์เข้ามาด้วยแขนข้างเดียว

           “เขมขอโทษ ที่ขึ้นเสียงกับกานต์ “ผมพูดขอโทษเขา เพราะสีหน้าและแววตาของณัฐกานต์ดูตกใจและกลัวผมอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

            "เขมเคยบอกกานต์ว่ายังไงเขมอยากมีแฟนแค่คนเดียวและอยากจะสร้างครอบครัว สิ่งที่เขมทำนี้ก็เพื่อครอบครัวนะกานต์ และงานของเขมก็ต้องประสานงานกับเพื่อนๆ ครูทุกคน " ผมพูดบอกณัฐกานต์ และเขาก็เอนตัวมาผิงไหล่ผม

            “แค่เพื่อนครูจริงๆ น่ะ ยาย..เออ ผู้หญิงคนนั้น” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม ผมก็พยักหน้าให้เขาขณะที่ผมกำลังขับรถอยู่

           "ว่าแต่ทำไมเขมต้องสอนพิเศษเด็กที่ชื่อคริสทุกวันด้วยละสอนเพิ่มแบบนี้เขาจ่ายเงินให้หรือเปล่า" ณัฐกานต์แหงนหน้าถามผม

            "บอกตรงๆ ว่าไม่.... เพราะว่าน้องเขา..ขาดชั่วโมงเรียนกับครูคนเก่าไปหลายคาบนะครับ เขมเป็นครูก็ต้องช่วย..." ผมพูดและหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง

            “เขาหาทางออก” ผมบอกณัฐกานต์ ใบหน้าของคริสและสายตาเขาที่มองผมตอนที่เขาถามผมว่า แฟนมารับเหรอ มันยังคงติดตาผมอยู่

             "อะไรน่ะ ไปนั่งสอนฟรีอย่างนั้นเหรอเขม...สู้เอาเวลามาโทรหาแฟนดีกว่าไหม" ณัฐกานต์ดีดตัวไปนั่งตรงหันมามองหน้าผมเพราะว่าผมบอกเขาไปผมสอนให้คริสฟรีอันนี้ไม่เกี่ยวกับทางโรงเรียน

             "กานต์...เขาต้องการใครสักคนช่วยเขามีปัญหาเรื่องส่วนตัวนะ" ผมพูดกับกานต์

             "ช่างมันเถอะ...แต่เขมเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กกว่าอยู่แล้ว" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองถนนเหมือนเดิม

           "วันนี้ไปนอนที่คอนโดนะ วันนี้ต้องไปวันเกิดพุดดิ้ง ตอนนี้อันโก๊ะและป๊อป มันรออยู่ที่ห้องแล้วไม่ซินอนตายรอตั้งแต่เมื่อคืน"

           "กานต์ไปเที่ยวมาเหรอ" ผมหันไปถามณัฐกานต์ เท่านั้นแหละณัฐกานต์ทำหน้าซี้ดเพราะว่าผมเคยบอกให้ไปได้แค่ศุกร์เสาร์และวันอาทิตย์ไม่ควรไปวันจันทร์ต้องทำงานแต่นี้ไปวันพฤหัสบดี และเขาก็บอกกับผมว่าไปทานซูชิกัน และตอนนั้นผมก็คิดว่าน่าจะเบียร์สักคนละขวดสองขวดแต่ถ้าไปแบบว่าสภาพนอนตายแบบนี้แสดงว่าผับเลิกก็ยังไม่กลับ เผอๆ ก็กลับมาตอนเช้าเลยอีก

             "เขมอะ.... ก็แค่ไปกินกันนิดหน่อยในผับอ่ะ และมันก็หลังเลิกงานด้วยก็มันจะวันศุกร์และวันนี้เวรหยุดกานต์ด้วย เขมเลิกทำหน้าตาแบบนั้นได้ไหม " ผมหันไปมองนอกรถแทน คุยกันดีดีไม่ได้ถึงห้านาทีจริงๆ

                     ถ้าณัฐกานต์ยังกินยังดื่มยังเที่ยวอยู่แบบนี้ ความฝันของผมกับเขานะไม่รู้จะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า ผมก็ต้องเปลี่ยนมาสนกับถนนหนทางจะดีกว่า ผมใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงขับรถเข้ากรุงเทพฯ และตรงไปที่คอนโดพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับบ้านไปหาแม่ดีกว่า อยู่กับแม่สักสองวันตอนเช้ามืดขับรถไปโรงเรียน เพราะว่าไม่ได้ไกลมากแค่สี่ชั่วโมง ผมออกแต่เช้ามืดก็น่าจะทันคาบแรก แต่ทำไมผมกลับหวนคิดถึงคริส เขาถามผมว่าผมจะกลับวันอาทิตย์

            "เขม"ผมสะดุ้งจนเกือบควบคุมรถไม่ได้ ผมหันไปมองณัฐกานต์

            "ใจลอยไปไหนนะเขม ซอยหน้าก็ถึงคอนโดเราแล้วนะ...หรือว่าเขมกำลังคิดถึงใครอยู่อย่าบอกนะว่าคิดถึง...."

           "กานต์ถ้าเขมชอบผู้หญิงเขมจะจีบกานต์ทำไมละ " ผมห้นไปต่อว่าณัฐกานต์ ผมเลี้ยวรถเข้าจอดในลานจอดรถของคอนโด ณัฐกานต์เข้ามาช่วยผมถือสมุดขึ้นห้องพักปากก็บ่นไปด้วยว่าทำไมผมต้องหอบงานมาทำอีกเวลาพักก็ควรจะพัก

            "พรุ่งนี้ไปหาแม่นะถ้าเป็นไปได้ค้างกับแม่สักคืนนะกานต์" ผมพูดณัฐกานต์หันมามองหน้าผมทันที แม่ผมชอบชวนพวกผมไปวัดไปทำบุญผมก็ตามใจแม่กันนะ เพราะอะไรที่แม่ทำแล้วมีความสุขพวกผมควรจะให้ยิ่งตั้งแต่เสียคุณพ่อไปพวกผมจะไม่ทิ้งแม่โดยเฉพาะผมที่เป็นลูกชายคนเล็กของแม่

            "หวังว่าจะไม่ลากไปเที่ยววัดอีกน่ะ จะไปอะไรเกือบทุกอาทิตย์เลย กานต์อยากเดินห้าง ดูหนัง หาร้านอร่อยเช็กอินกันบ้างอ่ะ กานต์เบื่อที่ต้องเข้าไปเดินในวัด กานต์รู้ว่าคนไทยต้องเข้าวัดเข้าวานะ แต่ไม่ใช่เข้าพร่ำเพรื่อแบบนี้เขม" ณัฐกานต์พูดผมกำลังจะอ้าปากต่อว่าณัฐกานต์แต่ คำพูดของแม่ก็ผุดขึ้นมาทันทีเช่นกัน
 
            "อะไรยอมได้ก็ยอมกันนะลูก ยอมให้คนที่รักไม่เสียศักศรีหรอกนะเขม ในเมื่อเขาตกลงใจจะคบเขาจะรักเขาแล้วก็ดูแลถนอมน้ำใจเขาหน่อยนะ คนเราจะรักกันจะอยู่ได้กันบางอย่างก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างนั่นแหละถึงจะอยู่กันได้นาน" แม่รดาได้พูดเอาไว้

            และผมสองคนก็เดินหอบสัมภาระขึ้นมาบนคอนโดของผม เพื่อนบ้านที่เคยเห็นหน้ากันก็ยิ้มทักทายให้ผม โดยเฉพาะพนักงานที่ทำหน้าที่อยู่ฝ่ายกลางเขาก็ยิ้มทักทายผมเหมือนเช่นทุกทีแต่ณัฐกานต์ซิ กลับเบ้ปากใส่เขาทุกรอบไป จนเขาไปไม่อยากทักผมถ้าผมอยู่กับณัฐกานต์


           "หวัดดีจ๊าเขม...มาให้อันโก๊ะหอมทีซิ ไม่ได้เจอเลย" ทันทีที่ณัฐกานต์เปิดประตูห้องผมเดินเข้าไปก็เจอเพื่อนณัฐกานต์ เพื่อนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนั้นก็แอบแมนแต่ตอนนี้ไปหมดแล้วแต่งตัวแบบเต็มทีที่เขาชอบ ทำสีผม ดัดผม ผมก็ยิ้มๆ แต่ไม่กล้าให้กอดแอบดันออกหน่อยๆ

            "นางอันโก๊ะ ของกู หรือพูดเพราะๆ นะ ผัวกู" ณัฐกานต์พูดอันโก๊ะถึงกับต้องถอยหลังแค่ยืนส่งยิ้มให้ผมแค่นั้น

           "เสร็จหรือยังล่ะแก จะได้กินและออกไปเร็วหน่อย ดูท่าจะเยอะนะวันนี้ " อันโก๊ะพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปพยักพเยิดกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ อีกสองคน นั้นคือ ป๊อป และลี่ เพื่อนสาวของณัฐกานต์ ชะนีนางเดียวเลยก็ว่าได้

             "คนเที่ยวผับนะเหรอที่จะเยอะ นี่คงตั้งตาไปดูเลยใช่ไหม “ผมหันไปถามณัฐกานต์ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

            "อู้ยย!!! บรรยากาศคุสาด" อันโก๊ะพูดและเดินข้างไปยืนข้างป๊อปแทนที่กำลังสาละวนวุ่นวายกับการทำอาหารคลีนทานกันดูแลสุขภาพกัน แต่หน้าตาทุกคนที่ได้มาก็ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท๊อกซ์และเสริมนั้นเสริมนี้

            "เขม! " ณัฐกานต์เรียกชื่อผมและหันมามองหน้าผม

            "ขอเขมอาบน้ำก่อนนะรู้สึกเหนียวตัว เพลียด้วยวันนี้เขมสอนมาทั้งวันแล้ว" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เอื่อมระอาที่สุด ผมคิดว่าผมควรจะกลับมาเจอห้องที่มีแค่ผมกับเขา ผมเดินหันหลังเข้าห้องนอนไป

                 Rrrrrr โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดีเลย แม่ผมโทรมาหาผม ผมรีบกดรับสายก่อน

          //แม่ครับ เขมอยู่คอนโดแล้วครับแม่//

           //ดีเลยลูกนี่พี่ก้องเขาเพิ่งจะถึงบ้านนะ พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วย แล้วเราล่ะ จะมาวันนี้หรือว่าพรุ่งนี้เขม ถ้าพรุ่งนี้แม่จะชวนนำข้าวไปถวายหลวงพ่อสักหน่อย ไหนๆ พี่ชายตัวดีเราเขาก็กลับมาบ้านทั้งที่// แม่บอกผม ผมก็เชื่อว่าพี่จะต้องมาแน่นอนเพราะว่ามันเป็นวันครบครอบวันที่พ่อผมจากไป 6 ปีแล้ว

          //วันนี้ผมจะออกไปธุระกับกานต์เขาซะหน่อยนะครับแม่ แต่พรุ่งนี้เขมจะเข้าไปหาแม่แน่นอนครับ เขมคิดถึงแม่อยากกอดแม่ใจจะขาดแล้ว//ผมพูดจาออดอ้อนแม่รดาของผม

          //ได้ซิลูก งั้นก็ไปกับกานต์เขาก่อนก็เราเล่นไปทำงานไกลกันเขาคงคิดถึงเรานะ แม่ฝากบอกกานต์ด้วยนะแม่คิดถึง และถ้ากานต์เขามาแม่จะทำของโปรดไว้ให้และน่าจะพรุ่งนี้นะพี่ต้น เขาจะพาเกศกับตาเอิร์ธมาเที่ยวบ้านด้วยนะเขม//แม่พูดฟังน้ำเสียงแม่ผมมีความสุขที่จะได้เห็นหน้าหลานชายคนแรกของบ้าน ตาเอิร์ธคงเกือบสามขวบกว่า ส่วนเกศก็คือ เกศรินทร์ภรรยาของพี่ชายคนโตผมเอง

          //ได้ครับแม่ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะชวนกานต์ไปแต่เช้าเลยนะแม่ ..สวัสดีครับแม่ เขมรักแม่นะครับ// ผมกดวางสายจากแม่รดา


          นี่กานต์เพิ่งจะบ่นผมเรื่องที่แม่ขอบชวนไปทำบุญอยู่ เลยแถมพี่เกศพี่สะใภ้ที่ชอบว่าเหน็บผมกับณัฐกานต์เรื่องที่เราสองเป็นเกย์อีกเขาไม่ชอบผมเอาซะเลย และณัฐกานต์ก็ชอบปะทะคารมกับพี่เกศ ณํฐกานต์เป็นคนไม่ยอมใครเหมือนผม (ที่ผมเพราะว่าพี่ต้นคือพี่ชายที่ผมเคารพเหมือน แทนพ่อผมที่เสียไปได้เลย) และนี่ก็ทำให้พี่เกศไม่มาเที่ยวที่บ้านแม่ผมเป็นเดือนๆ จนแม่ต้องบินไปหาเองเพราะคิดถึงหลาน

           ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจมากแค่ไหน ผมเดินเข้าห้องน้ำเตรียมจะอาบน้ำแต่สิ่งที่ผมต้องขมวดคิ้ว ของสิ่งนั้นมันวางอยู่ตรงอ่างผมจำได้ว่ามันไม่ใช่ของผมแน่นอนและก็ไม่ใช่ของสาวแต๋วแตกอย่างอันโก๊ะและป๊อปจะสวมใส่มันแน่ๆ และยิ่งผมก็ฝันไปเถอะที่จะทุ่มเงินซื้อของแพงๆ พวกนี้

            "เขมทานอะไรก่อนไหมแล้วค่อยอาบน้ำ หรือไม่ก็อาบด้วยกัน คิดถึงอะอยากอาบกับที่รัก" เสียงณัฐกานต์พูดอยู่ในห้องนอน ผมเงียบไม่ได้ตอบออกไป

            "เขม.." ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมหันไปมองพร้อมกับโชว์สิ่งที่ผมเห็นนาฬิกาเรือนนี้ไม่ใช่ของผม ผมไม่ใช้ของแพงแบบนี้แน่ๆ โรเล็กซ์ ดูณัฐกานต์ตกใจจนหน้าซี้ด

            "ของใครกานต์" ผมโชว์นาฬิกาโรเล็กซ์ให้ณัฐกานต์ดู

           "เขมถามว่าของใคร!!! " ผมขึ้นเสียงดังถามณัฐกานต์อีกครั้ง

           "ทุกเรื่องเขมรับได้ นิสัยขี้วีนขี้เหวี่ยง...เขมก็ยังพอรับได้ .... จะไปเที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนเมามาเขมก็รับได้"ผมพูดด้วยความโกรธ ผมขบกรามจนขึ้นสันนูนเลย ตอนนี้ผมรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อใบหน้าผมมันปวดร้าวไปหมด

            "แต่เรื่องเดียวที่เขมรับไม่ได้คือ...การนอกกายโดยการไปมีอะไรกับคนอื่น" ผมคงไม่นึกถึงคำพูดอะไรต่างที่แม่พร่ำบอกผมแล้วตอนที่ขอคบกันเปิดตัวกันกับพ่อแม่ เพราะเรื่องนี้ผมทนไม่ได้แน่ๆ

            "เขม...นั้นมันนาฬิกาแฟนอันโก๊ะ” ณัฐกานต์พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ออกจะสั่นๆ ด้วยซ้ำไป

            “เขาแค่ขอมาเข้าห้องน้ำ"ณัฐกานต์บอกผมด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน

            "ห้องน้ำของเรามีสองห้องกานต์ ในห้องนอนนี้ห้องน้ำส่วนตัว ส่วนห้องน้ำด้านนอกคือห้องน้ำสำหรับแขก กานต์"ผมพูดและชี้นิ้วไป

           "ก็เข้าพร้อมกัน..กานต์เลยให้เขาเข้ามาใช้แค่นั้นเองอะเขม"

           "ทำไมเหรอจะหาเรื่องเลิกกันใช่ไหมเขม แสดงว่าอีผู้หญิงนั้นแน่ละซิ " ณัฐกานต์ถึงกับดึงครูลินดาเข้ามาเกี่ยว ทั้งที่ไม่ควรเลยด้วยซ้ำ ผมยืนเอามือเท้าซะเอวตัวเอง และพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

           "เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับใครอย่าดึงคนที่ไม่รู้เรื่องเข้ามากานต์" ผมพูด

           " ได้กานต์จะไปลากอันโก๊ะเข้ามานี้ของแฟนมัน" ณัฐกานต์เดินออกไปจากห้องนอน ผมยืนพยายาคุมสติตัวเองเรื่องเดียวที่ผมรับไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี


               ตื้ดๆๆ มือถือณัฐกานต์สั่นอยู่บนเตียงนอน ผมรีบเดินออกไปดู ผมก็เห็นว่ามี ข้อความส่งเข้ามาและมันเป็นชื่อ Max


            "เก็บนาฬิกาไว้ให้แม๊คด้วยนะครับ...หรือว่าจะให้ไปเอาคืนคืนนี้ก็ได้นะครับแม๊คว่าง.... ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนมีความสุขมาก อ้ออีกอย่างถุงยางที่กานต์มีนะแม๊คไม่ชอบอะแม๊คจะซื้อเข้าไปใหม่นะถือว่าเป็งของขวัญ จะซื้อไปให้นะเอากลิ่น Peach ดีไหมครับ”

             ผมอ่านข้อความ คงไม่บอกให้ละเอียดหรอกนะว่ามันคืออะไร ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าสวมใส่ทันที ไม่อาบน้ำแล้ว ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

           "ก็ไอ้แม๊คมันลืมไว้นะซิ" ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องนอน

           “แล้วไปทำอีท่าไหนให้มันลืมซากนั้นซากนี้ไว้ได้ละ” เสียงถกเถียงกันของสองคนขณะเดินเข้ามาในห้อง

           "เขมแต่งตัวทำไมละ ไม่อาบน้ำเหรอ" ณัฐกานต์ตีหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และถามผม

           "เขมจะกลับบ้าน" ผมพูดเบาๆ โดยไม่หันไปมองหน้าณัฐกานต์

          "คุสาด!! " เสียงอันโก๊ะพูดขึ้นแม้จะไม่ดังจนกเกินไป

           "เขมเป็นอะไร นี้แฟนอีอันโก๊ะมันและไหนบอกจะไปงานวันเกิดอีพุดดิ้งตามที่ตกลงกันไงแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาแม่ของเขมด้วยกันไง เราคุยกันไว้แบบนี้ไม่ใช่เหรอเขม" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองหน้าอันโก๊ะ หน้าผมนะเวลาดุเหมือนพ่อมาก ผมรู้ อันโก๊ะหันไปมองณัฐกานต์ เหงือก็แตกไปด้วย

            "เขม!! อันโก๊ะขอโทษนะ ที่แฟนอันโก๊ะทิ้งหลักฐานเอ้ย..ลืมนาฬิกาไว้.." อันโก๊ะรีบเดินไปหยิบนาฬิกาที่ที่ผมวางไว้บนที่นอน

             "ซวยกรูอีกแล้ว " พร้อมกับหันหลังแอบพูด นี่คงออกไปเตรี้ยมกันมาละซิ

               "เขม..ไม่เอานะ..กานต์นะมีเขมคนเดียวนะ..ถ้านอกใจคงไม่อยู่มาได้สี่ปีแบบนี้หรอก"ณัฐกานต์พูดเขายืนมองผมสายตาอ้อนวอน แต่ผมคิดว่านี้คือความผิดที่ยากจะยอมได้

               "ไปอ่านข้อความดูนะกานต์ ..เราแยกกันสักพักและพรุ่งนี้เขมไปกับแม่และพี่ชายเขม พี่ต้นกับพี่ก้อง เราจะไปทำบุญที่วัดกัน พรุ่งนี้พี่เกศรินทร์เขาก็น่าจะไปด้วย กานต์คงไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก ถ้าอย่างนั้นก็ไปเมากันให้เต็มที่ ตามสบาย" ผมพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊กเดินออก ณัฐกานต์เดินตรงไปหยิบมือถือผมเดินผ่านเพื่อนของกานต์ออกไปเงียบๆ มันเจ็บจนจุกใช่ไหม ผมเดินออกมากดลิฟต์ ผมคงเรียกแท๊กซีไปส่ง

            "เขม..." ณัฐกานต์เรียกผม


           "ก็เขมไม่อยู่กานต์เหงาอะและ...เขมก็ไม่โทรหากานต์ กานต์เครียด แม๊คก็คือเพื่อนที่ทำงานก็แค่นั้นและมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะเขม" ผมไม่อยากหันกลับไปมองณัฐกานต์ตอนนี้เลย

           "แต่เขมไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว. ตลอดสี่ปีที่เราคบกัน..เขมซื่อสัตย์กับกานต์..ใช่เขมยอมรับมีบ้างที่หวันไหวเพราะนิสัยของกานต์แต่เขมก็ไม่เคยทำ...แบบที่กานต์ทำ! " ผมหันมาพูดสีหน้าผมบอกได้ว่าผมโกรธมาก

             "หมับ" ณัฐกานต์เข้ามากอดผม

            "ฮือๆ ..กานต์ขอโทษเขมกานต์ขอโทษ..อย่าทิ้งกานต์ไปนะเขม..ฮือๆ "

            "กานต์จะไม่ทำอีกสัญญา" ณัฐกานต์พูด ผมจ้องมองที่ใบหน้านั้นของหน้ากานต์ เขาที่ปาดน้ำตาร้องไห้ไม่ต่างกับเด็กเล็ก ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจอ่อนแต่...ผมก็คงจะอยู่ตรงนี้กับเขาไม่ได้ในวันนี้

           "ฟู่" ผมพ่นลมออกมายาวๆ

           "เราคบกันมาสี่ปีนะเขม..และเส้นทางความรักของเราก็เดินไปได้ครึ้งทางแล้วนะเขม..คิดถึงวันแรกที่เขมขอกานต์เป็นแฟนซิ" ณัฐกานต์พูด มันทำให้ผมหยุดคิดคำพูดของแม่รดาขึ้นมาทันที

           (ให้นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน ) ละนี้ก็ทำให้ผมใจอ่อนใช่ไหม ผมก้มลงมองหน้าณัฐกานต์ที่ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ผมวางทุกอย่างที่ผมถือลงไปที่พื้น ก่อนเข้าไปกอดณัฐกานต์ตอบ ผมหวนคิดขึ้นมาได้ อย่างที่ใครก็พูดกัน ทำงานคนละที ห่างไกลกัน ไม่มีเวลาให้กัน ก็มักจะเสียคนรักได้เสมอ นั้นคือผมก็ผิดด้วยเช่นกัน

             "อืมมม...แต่เขมไปกับกานต์ไม่ได้นะ...พี่ชายเขมกลับมาเที่ยวบ้านกันทั้งคู่ เขมอยากเจอพี่อยากอยู่กับพี่กับแม่เขมให้เวลากับกานต์มาเยอะแล้วนะที่ออกมาอยู่คอนโดแบบนี้ แม่เขมก็สำคัญนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์เขาก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจ

             "รวมถึงนางชะนีปากหมาเน่าก็ไปด้วยใช่ไหม...เขม"

             "ยังไงเขาก็เป็นพี่สะใภ้เขมนะกานต์" ผมพูด

            "ก็ได้...แล้วเขมจะมาหากานต์ได้ไหม"

            "หลังจากพาแม่ทำบุญแล้วเขมโทรหาอีกทีนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์ เขากอดเอวผมไว้ เอาหน้าซุกที่แผ่นอกของผม

             "กานต์อย่าทำอีกนะเขมขอร้อง เรื่องนี้ที่เขมรับไม่ได้จริงๆ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและมันก็เป็นความผิดที่เขมไม่โทรหากานต์ปล่อยให้การเครียดแต่อย่าทำอีกเป็นอันเด็ดขาด..วันนี้ก็ไปเที่ยวกับอันโก๊ะและป๊อป ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์พุดดิ้งด้วยนะ ฝากขอโทษที่ไปไม่ได้ นะครับ "ผมพูดและใช้มือลูบใบหน้าของกานต์เบาๆ


              ก่อนที่จะก้มลงหยิบกระเป๋าและเดินเข้าไปในลิฟต์ ผมยอมใจอ่อนให้ณัฐกานต์อีกครั้งแต่ความไว้ใจคงลดลงไปเกือบครึ้งหนึ่งได้ และผมก็โบกรถแท๊กซีเพื่อไปบ้านแม่ ไปหาผู้หญิงที่รักผมไม่เคยคิดทำร้ายผมไม่ว่าต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ผู้หญิงที่เสียสละให้ผมตั้งแต่ผมได้ลืมตาดูโลก ผู้หญิงที่มีแต่ให้กับให้

              Chris-to =

           ส่งข้อความภาพหาผม ว่าคิดถึงจะแย่แล้ว มันทำให้ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

           Khem..Ruk..Kan= ทำมาเป็นปากดีว่าคิดถึงครู ไม่รู้ว่าอยู่กับสาวที่ไหน

           ผมส่งข้อความออกไปคือใจก็อยากรู้ว่าทำอะไรอยู่และอยู่กับใครหรือเปล่า

           "Christo = ส่งรูปที่เขานอนอยู่บนเตียงเสื้อกล้าม ว่าเขาอยู่คนเดียว

           "Christo = ผมว่าจะกลับไปบ้านพักพรุ่งนี้นะครับครู

           Khem..Ruk..Kan= ทำไมละไม่อยู่กับโป้งก่อนละคริสแล้วค่อยกลับวันอาทิตย์

           Christo = ไม่ละครู แฟนไอ้โป้งมันกลับมาเที่ยวบ้านแฟนมันไปเรียนพยาบาลและแฟนมันก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนด้วยนะครับพี่เขม ผมคิดว่าเขาก็อยากจะอยู่ด้วยกันสองคน ส่วนผมนะคือส่วนเกินกลับไปนอนรอครูที่บ้านพักดีกว่า ดูหนังฟังเพลงร้องเพลงยังดีซะกว่าอีก

           Khem..Ruk..Kan= ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะครูคงกลับไปตอนเช้ามืดวันจันทร์เลย

           Christ-to =เจอกันวันจันทร์เลยนะครับครู และครูคงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครับเพราะว่าครูเอารถมาใช้แล้วนิ

            ผมนิ่งเงียบใช้ความคิดที่ผมไม่ไปทานข้าวกับเขา ก็เพราะผมเป็นห่วงเขานี่แหละและอีกอย่างผมเองก็มีแฟน

            Khem..Ruk..Kan= ทานที่โรงเรียนด้วยกันก็ได้มั้ง

           Christ-to = ไม่จริงอะ..เดี๋ยวครูลินดาก็มานั่งกับครู ผมจะบอกครูหลายครั้งแล้วผมคิดว่าครูลินดาชอบครู

           Khem..Ruk..Kan=ไม่จริงหรอกนะคริสและวันจันทร์เขาคงไม่ลงมากินกับครูแล้วแหละ

            Christ-to = ทำไมละครู

           Khem..Ruk..Kan= ไม่มีอะไรหรอกครูแค่คิดว่าเขาคงไม่ลงมาทานกับครูแค่นั้นแหละ คริสครูถึงบ้านแล้ว ขอครูเข้าบ้านก่อนนะและคงจะอาบน้ำนอนเลย ครูรู้สึกเหนื่อยๆ นะ" ผมบอกคริส

            Christ-to = ได้ครับครู..นอนหลับฝันดีนะครับ ฝันถึงผมได้นะผมยินดี แต่ในฝันผมอาจจะเซ็กซี่หน่อยนะครูเพราะผมจะแก้ผ้านอนมันร้อนมาก ฮาๆ "

            Khem..Ruk..Kan= นายนี้ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะ นอนหลับฝันดีเช่นกันนะคริส"

             ผมบอกนายคริสแต่มันยังไม่มืดเลยนะ แค่สลัวๆ และถึงยังไงผมคงยุ่งกับการใช้เวลาคุยกับครอบครัวมากกว่าเลยบอกฝันดีไปซะตอนนี้เลยแล้วกัน ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แต่ก็มีแว๊ปหนึ่งนะที่คิดถึงภาพนายคริสแก้ผ้าจริงๆ ไม่นาะผมสะบัดหัวไล่ความคิดแบบนี้ให้ออกไป ไม่เอาไม่คิดเขม!!!

             "พี่ครับซ้ายมือด้านหน้านะครับ"

            "นี่ครับค่าโดยสาร" ผมพูดและส่งเงินค่าโดยสารให้ ผมก้าวขาลงจากรถ ตอนนี้ เกือบหกโมงพอดีเลย ผมเห็นรถโฟวิวของพี่ชายคนที่สองพี่ก้องจอดอยู่หน้าบ้าน

            ผมรีบเดินเข้าไปในบ้าน ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดผม ค่อยๆ เดินเข้าไปด้านในเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือพี่ต้นแน่ๆ เลย

             TBC……




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.9. พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมอยู่

                      Part’ s เขมชาติ ทันทีที่ผมถึงบ้าน ผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหวังจะได้กอดคุณแม่รดาให้ชื่นใจ ผู้หญิงคนนี้ที่รักผมด้วยความจริงใจ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่รักผมโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดใดกลับไป และจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด ผมยืนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดของผม นี่ขนาดว่าผมบอกกับแม่รดาแล้วนะว่า ผมกับณัฐกานต์จะมากันพรุ่งนี้นะ ผมค่อยๆ เดินย่องๆ เข้าไปด้านในผมเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือต้องเป็นพี่ต้นแน่ๆ เลย

      “ได้ลูกถ้าอย่างนั้นแม่จัดโต๊ะรอเลยแล้วกันนะต้น ขับรถดีดีนะลูก แม่รักลูกนะ อ้อเหรอ! ย่ารักหนูลูกเอิร์ธ " แม่ผมกดวางสายมือถือ พอแม่เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจยกมือขึ้นทาบอกก็ผมเล่นย่องเข้ามาเงียบๆ แบบนี้

      "เขม!! " แม่เรียกผม

      “หมับ!!!! ผมตรงเข้าไปกอดแม่ของผมทันที อ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด อ้อมกอดที่ต้องไปเรียกร้องหรือร้องขอจากใครเพราะว่าคนคนนี้พร้อมที่จะให้ผมได้เสมอและตลอดไป

      “"อะไรกันเนี๊ยะเขมไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไงลูก และนี่เป็นยังไงมาถึงได้มากอดแม่ซะแน่นเชียว" แม่ถามผมเอามือลูบหัวผมไปด้วยเหมือนผมเป็นเด็กๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่รดา

      “"กานต์ละลูก" แม่ถามหาณัฐกานต์ทันที โดยปกติแล้วก็จะเข้ามาพร้อมกัน ข้อดีของณัฐกานต์ก็คือการเข้าหาผู้ใหญ่ได้เก่งเขาจะตรงเข้ามากอดแม่ผมเหมือนที่ผมทำนี้แหละและนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกเขามาเป็นแฟน ผมอยากให้คนที่ผมรัก รักแม่ของผมด้วยเช่นกัน ผมไม่ค่อยอยากคบเด็กเพราะผมรู้ว่าเด็กๆ จะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ยากกว่า

      "เขาไปธุระกับเพื่อนนะครับแม่และพรุุ่งนี้กานต์ก็ต้องไปทำงานครับ" ผมโกหกเพื่อให้แม่ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องผมกับณัฐกานต์ แม่จะกังวลเพราะว่าแม่ไม่อยากให้ผมทะเลาะกัน แม่อยากให้คบใครก็คบกันไปนานๆ เหมือนเช่นพ่อกับแม่

      "ตายจริง! งานธนาคารก็ยุ่งและน่าปวดหัวทุกวันอยู่แล้ว นี้ก็ยังทำงานวันเสาร์อีกเหรอวันหยุดไม่ใช่หรือลูก "แม่รดาถามด้วยความห่วงใย แต่ที่ณัฐกานต์พูดวันนี้ซิบอกว่าเบื่อที่แม่ชอบชวนเข้าวัดทำบุญโดยเฉพาะวัดที่หลวงลุงพี่ชายของพ่อผมบวชจนเป็นเจ้าอาวาสและวัดนี้ค่อนข้างสงบเงียบมากด้วย ผมก็ได้แต่มองแม่รดา

      "ถ้าเจอกันอีกทีลูกสะใภ้แม่ไม่ผอมเหลือแต่กระดูกหรือไง...เขม" แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยณัฐกานต์ และแม่ผมก็ถือคติลูกรักแม่ก็รักด้วย แม้กระทั่งพี่สะใภ้ผม ไม่ว่าจะร้ายกับผมแค่ไหนแม่ก็ยังรัก แม่ผมนี้เรียกได้ว่าประเสริฐที่สุด ถ้าใครได้เป็นลูกสะใภ้นะผมคิดว่า โชคดีที่สุด

      "แค่ครึ่งวันนะครับแม่ไม่หนักมากขนาดนั้นและกานต์เขาก็ไม่ได้ผอมลงไปยังเหมือนเดิมครับแม่"ผมตอบแม่ แม่พยักหน้า ผมมองหน้าแม่ผม ผมขอโทษนะครับแม่ที่ผมเลือกที่จะโกหกทั้งที่จริงณัฐกานต์เลือกที่จะไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อนมากกว่ามาทานอาหารกับครอบครัวของผมและเหตุผลของเขามันก็สมควรอยู่แล้วที่จะไม่มาเพราะว่าณัฐกานต์ไม่สามารถอดพี่เกศรินทร์ได้เหมือนผม และมันก็จะดีกว่าถ้ามาแล้วทะเลาะกันคนที่หนักใจคือผมกับพี่ต้น เนื่องจากสงครามน้ำลายระหว่างณัฐกานต์ผู้ไม่ยอมใครและพี่เกศรินทร์ที่ต้องการเอาชนะอีกคน ก็จะได้ไม่เกิดขึ้น ก็คงจะมีแค่ผมที่จะต้องอดทนฟังพี่เกศรินทร์เหน็บแนมบ้างอะไรบ้าง แต่ผมอดทนได้เพื่อพี่ต้นและหลานชายผมและก็แม่รดาอีกคน

      "เมื่อไหร่จะแต่งงานกันละคบมาสี่ปีแล้วนะ...เรียนจบแล้ว...หรือว่า..ไม่ได้คิดถึงขั้นอยู่กันจริงๆ ละเขม" แม่รดาถามผม ผมก้มหน้าลง ผมก็เคยคิดนะผมคิดว่าณัฐกานต์เขาอาจจะไม่อยากอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเขาก็ได้แต่ผมก็ฝืนที่จะยิ้มให้แม่

      "เขมอยากซื้อบ้านก่อนแม่และเขมก็เพิ่งจะไปเป็นครูได้ไม่กี่วันเองรอสักปีก่อนและเขมจะย้ายกลับมาอยู่กับแม่และ...กานต์" ผมพูดแม่ แม่ก็ยิ้มด้วยความดีใจ

      "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เอาแกงส้มไข่ชะอมไปฝากกานต์ด้วยนะเขม ตอนเช้าแม่จะทำให้ใหม่อีกชุดและนี้พี่ต้นเราเขาก็เปลี่ยนใจเดินทางมากันวันนี้เหมือนกัน และคงใกล้จะถึงแล้วด้วย" แม่บอกผม วันนี้เรียกได้ว่าพร้อมหน้าพร้อมตากันสามคนพี่น้อง

      "ฟ๊อด!! " ผมหอมแก้มคุณแม่รดาคนสวยของผม

      "ที่อย่างนี้น่ะทำมาเป็นหอมแก้มแม่ พอแฟนมาก็ไปหอมแก้มแฟน"

      "แม่หึงผมเหรอ"

      "ดูพูดเข้าซิลูกคนนี้นิ " แม่รดาหันมาใช้นิ้วบี๋ปลายจมูกผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ

      "พี่ก้องละครับแม่" ผมถามแม่ถึงพี่ชายคนที่สอง

      "คงอยู่ในห้องเขานะ พี่ก้องเราเขาพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วยนะ แหละคงจะไปดูหนังกันเห็นเขาซื้อหนังใหม่ด้วย " แม่ผมพูด ผมพยักหน้า ผมห่างจากพี่ก้อง สามปี ห่างจากพี่ต้น หกปี ผมจึงสนิทกับพี่ก้องมากกว่าเรียกว่ามีเรื่องอะไรมักจะปรึกษาพี่ก้องก่อนเสมอ

         ผมเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน ไปหยุดที่หน้าห้องนอนของพี่ก้อง ความทรงจำเก่าๆ ผมเป็นคนที่กลัวผีมากผมมักจะนอนห้องเดียวกับพี่ก้องตั้งแต่เด็กจนกระทั่งพี่ก้องสอบติดโรงเรียนนายร้อย ผมก็ต้องหัดที่จะนอนคนเดียวอยู่ดี ผมก็นึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ จะเคาะดีไหมนะ เซอไพรส์ดีกว่าเพราะแม่คงบอกพี่ก้องว่าผมต้องไปหาณัฐกานต์ก่อนและจะมาพรุ่งนี้ค่อยมา ผมเลยถือโอกาสนี้

      "พี่ก้อง!! " ผมรีบหมุดลูกบิดอย่างเร็วและรีบเปิดประตูเข้าไปด้านใน ผมก็ต้องตกใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม ผู้ชายสองคนอยู่บนเตียงเดียวกัน และคงไม่ต้องบอกนะว่าทำอะไร อีกคนนั่งทับร่างคนที่นอนอยู่เบื่องล่างอยู่แบบนั้น

      ปึก!!! เสียงประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของผมหรอกนะเพราะว่าผมกับณัฐกานต์เราก็ทำกันแบบนี้บ่อย แต่ไม่น่าจะใช้กับพี่ก้อง ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ก้องชอบรสนิยมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าผมช๊อกก็ว่าได้

      ที่ผ่านมาพี่ก้องเขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดและแฟนคนล่าสุดก่อนจะเรียนจบเขาคบกันตั้งแต่สอบติดโรงเรียนนายร้อยใหม่ๆ พามาเที่ยวบ้านคบกันอยู่สี่ปี มีแผนการว่าจะแต่งงานกันทันที หลังจากพี่ก้องรับกระบี่ แต่พี่ก้องก็ถูกคัดเลือกให้ไปฝึกรีคอนต่อ และพอพี่ก้องกลับมาพี่ก้องก็บอกกับทุกคนในบ้านว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแล้ว ทุกคนตกใจมากแม้กระทั่งครอบครัวของพี่โบว์เพราะว่าเขาชอบพี่ก้อง กำลังจะได้รับราชการเป็นทหารติดยศ แต่มันก็เป็นไปแล้ว พี่ก้องเสียใจอย่างหนักกินเหล้านี้ต่างน้ำอยู่พักหนึ่ง และนั้นหรือเปล่าคือสาเหตุให้พี่ก้องขอไปประจำที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมคิดเอานะแต่ไม่เคยกล้าถามพี่ชายผม

      "เขม! " พี่ก้องเปิดประตูออกมาแต่ผมไม่กล้าหันไปมองเขาหรอก ผมยืนหลังข้างหนีต้องโป้ออกมาแน่ๆ เลย จนพี่ก้องสะกิดที่ไหล่ผม

      "เขม...พี่เองหันหน้าหนีพี่ทำไม"

      "พี่โป้หรือเปล่าละ...เขมไม่อยากดูพี่ก้องโป้นะ..ถึงตอนเด็กๆ จะเห็นบ่อยก็เถอะแต่ตอนนี้ไม่อยากเห็น"ผมยืนหันหลังพูด

      "โป้บ้าอะไรล่ะ พี่ใส่กางเกงอยู่ แกจะให้พี่ออกมาโย้นโทงเทงเหมือนตอนอายุ 3ขวบ สี่ขวบหรือไง " พี่ก้องยืนกอดอกอยู่ ผมหันกลับมามองจริงด้วย พี่ก้องยืนกอดอกพิงข้างฝาหน้าห้องนอนพี่ก้องพร้อมกับมองมาที่ผม พี่ก้องสวมแค่กางเกงแต่ไม่ได้สวมเสื้อโชว์กล้ามใหญ่ๆ หุ่นพี่ก้องนี้ไม่ต่างกับทหารอเมริกันกล้ามแขนใหญ่มาก

      "เขมขอโทษพี่ก้องคือเขมไม่คิดว่าพี่จะ...เออ..จะ.” ผมพูดและก็เขินที่จู่ๆ ก็เปิดประตูพล้วดพล้าดเข้าไปแบบนั้น คิดว่าจะเซอไพรส์ พี่ชายแต่ดันได้เซอไพรส์กลับมาแทน

      “ทำแบบนายเหรอ...เห้ย! ..พี่มีน้ำยานะและไม่ได้ตายด้านเรื่องอย่างว่าซะหน่อยเผลอๆ จะแซงหน้าเราด้วย” พี่ก้องพูดและมาหยักคิ้วให้ผมด้วยน่ะ

      "เข้าไปคุยกันในห้องซิเขม" พี่ก้องพูดพร้อมกัยหยักไหล่ พอผมเข้าไปในห้องก็เจอเพื่อนของพี่ก้องสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

      "นี่ผู้กองนครินทร์ เขาเพิ่งจะมาประจำการที่ฐานที่พี่ไปอยู่นะ เป็นผู้กองคนใหม่ไฟแรง " พี่ก้องแนะนำพี่เขาให้ผมได้รู้จักก่อนที่ผมจะยกมือไหว้

      “สวัสดีครับพี่นครินทร์”

      "เรียกพี่ว่าพี่รินทร์ก็ได้ครับ" พี่เขาหันมาบอกผมและยิ้มให้แบบกันเอง

      "น้องชายเหรอครับก้อง" พี่นครินทร์หันไปถามพี่ก้องที่นั่งขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และพี่รินทร์เขานั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ผมก็นั่งลงที่ปลายเตียงพี่ก้องแทน

      "ครับน้องชายที่ก้องเล่าให้ฟัง เขาเพิ่งจะไปรับหน้าที่เป็นคุณครูอยู่ต่างจังหวัด"พี่ก้องพูดพี่นครินทร์พยักหน้าตาม

      "อ้อ..รินทร์จำได้แล้วครับ..ดูหน้าเขาหวานกว่าคุณก้องนะครับ" พี่นครินทร์ชมผมแบบนี้ควรจะดีใจใช่ไหมครับ เล่นชมว่าผมหน้าหวานกว่าหน้าโหดๆ ของพี่ก้องอีก ผมเหลือบไปมองจริงด้วย เพราะเหตุนี้ไง พี่ชายผมพี่ก้องถึงได้ฉายา ผู้กองบ้าระห่ำมาแล้ว

      "ตอนแรกนึกว่าจะได้น้องสาวไง" พี่ก้องหันมาพูดแซวผม

      "พี่ก้อง...ขนาดนี้พี่ยังแซวผมเป็นน้องสาวอีกเหรอหุ่นก็ใหญ่โตขนาดนี้” ผมพูดกับพี่ก้อง น้องแอบงอลน่ะ

      "เออๆ มันมีเมียแล้วนะคุณรินทร์ ผมลืมบอกคุณไป เห็นแบบนี้มันรุกนะ” พี่ก้องเงยหน้าบอกพี่นครินทร์

      "หึ? " พี่รินทร์ทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที ทำไมเหรอครับหุ่นผมแค่ไม่ล่ำแบบพี่ก้องหรือมีซีกแพค หุ่นผมแค่ สูงโปร่งก็มาตรฐานชายไทยเท่านั้นเอง

      "มีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องหันไปบอกนครินทร์

      "เหรอครับ ..."พี่นคิรนทร์ทำน้ำเสียงแปลกใจและหันกลับมามองผมใหม่อีกครั้งนี้พี่เขาไม่เชื่อผมจริงๆ เหรอ ผมก็อดที่จะขำสายตาที่ดูจะแปลกใจอยู่มิใช่น้อย

      "เหมือนพี่มันแหละก็กำลังจะมีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องพูดหันไปกัดปากใส่พี่นครินทร์ พี่รินทร์หันทำท่าจะตี พี่นครินทร์นะเขาดูเรียบร้อยมาก ดูนิ่มนวล ดูสุขุมด้วยและดูอบอุ่น ส่วนพี่ก้องคนละขั้วกันเลยดูแข็งกร้าว ไม่ใช่ผู้ชายนิ่มนวลชวนฝันแน่นอน

      "คุณก้อง" พี่รินทร์เขาหันมาตีแขนพี่ก้อง ดูท่าทางเขาจะสนิดกันมากเลย ผมมองพี่ก้องผมดีใจนะที่พี่ก้องจะมีความรักอีกครั้งเพราะตั้งแต่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์พี่ก้องไม่คบใครมีแต่เพื่อนและเพื่อนรุ่นพี่ก้องก็แต่งงานกันไปหลายคนแล้วด้วย

      "ไหนแม่บอกว่าเขมไปอยู่กับกานต์ไง ทำไมกลับมาบ้านละทะเลาะกันมาอีกหรือไง" พี่ก้องหันถามผม พี่ก้องนะรู้เรื่องของผมกับณัฐกานต์ดีที่สุด ผมต้องลมออกมาก่อนจะหันไปพยักหน้าตอบว่าใช่

      "เดี๋ยวผมอาบน้ำก่อนนะคุณก้องและพอทานข้าวเสร็จผมจะได้กลับบ้าน" พี่นครินทร์พูดก่อนละลุกไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของพี่ก้อง ผมคิดว่าเขาคงอยากให้พี่น้องคุยกัน พี่ก้องก็ขยับเข้ามาหาผมพร้อมกับโอบไหล่ผม บ้านผมนะพี่น้องกอดกันเป็นเรื่องปกติ

      "ไหวไหมวะเขม...ความรักไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวเขม..ถ้าไม่ไหวไม่ต้องยื้อ..เจ็บปวดเปล่าๆ ..พี่ไม่ได้ว่าเพราะพี่ไม่อยากซ้ำเติมน้องชายพี่" นี้ขนาดผมยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลยนะพี่ก้องก็เปิดบทก่อนเลย คงเพราะดูจากสีหน้าของผม และที่แม่บอกว่าผมจะมาพรุ่งนี้ไม่ใช่วันนี้แต่นี้ผมเปลี่ยนใจนั้นแปลว่ามีเรื่องมาแน่ๆ และมันก็คงไม่ใช่เรื่องดี

      "ดูกานต์เขาเปลี่ยนไปมากนะ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขมพาเขาเข้ามาให้ที่บ้านรู้จัก...เขามีคนอื่นหรือเปล่า" พี่ก้องหันมาพูดผมนั่งก้มหน้าอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรไม่อยากจะคิดถึงมันเลยผมผิดหวังไหมผิดหวังมากผมรักณัฐกานต์ไหมผมก็รักมากเช่นกัน

      "ผมพยายามทำให้ความรักของผมและกานต์มั่นคงเหมือนเช่นความรักของคนทั่วไปพี่ก้องก็รู้" ผมพูด

      "นี่ผมก็เปิดบัญชีร่วมกันผมอยากจะซื้อบ้านสักหลัง เขมอยากมีบ้าน ส่วนณัฐกานต์นะเขาก็อยากมีบ้านแต่บ้านของเขากับของเขมมันไม่เหมือนกัน ผมอยากมีบ้านที่ชนบทแต่ณัฐกานต์อยากมีบ้านที่อยู่ใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอ่ะพี่ก้อง" ผมพูด พี่ก้องเหล่มองผมและบีบไหล่ผมเบาๆ

      “และตอนนี้เขาก็เบื่อคอนโดที่เขมซื้ออีกแล้ว เพราะมันไกลจากแหล่งที่เขาชอบเที่ยวกับเพื่อนๆ “ผมหันมาบอกพี่ก้อง พี่ก้องก็พยักหน้า ผมรู้ความหมายมันดี นั้นไม่ได้เข้าใจพี่ก้องเข้าใจแต่หมายถึงอาการระอ้าณัฐกานต์

      "พี่ก้องก็เห็นว่าผมรับสอนพิเศษตั้งแต่ผมยังเรียนไม่จบ"

      "รักเขามากเหรอ...มากกว่าตัวเองไปหรือเปล่าเขม" พี่ก้องแตะหัวผมยีหัวผมเหมือนเช่นตอนเด็กๆ

      "ผมถามพี่ก้องหน่อยได้ไหม" พี่ก้องสบตาผมกะพริบตาแปลว่าผมถามเขาได้ คำถามที่ผมไม่กล้าถามเขาในวันนั้นเพราะมันจะยิ่งตอกและย้ำแต่ผมคิดว่าพี่ก้องพร้อมจะตอบผมแล้วในวันที่เขาเข้มแข็งพอ

      "ทำไมพี่เลิกกับพี่โบว์ละพี่ก้องทั้งที่พี่กับพี่โบว์จะแต่งงานกันอยู่แล้วเหลือแค่กลับมาคุยกันเรื่องสินสอดแค่นั้นเอง” ผมเงยหน้าขึ้นมาถามพี่ก้อง

      “และนี้แม่รู้เรื่องหรือยังเรื่องที่พี่เปลี่ยนสไตล์ไปแบบนั้นเลยอะเพราะที่ผ่านมาพี่คบแต่ผู้หญิงนะ" ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องพยักหน้าแสดงว่าพี่ก้องบอกแม่เรียบร้อยแล้ว

      “พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนาย เพราะกะว่าจะเซอร์ไพร์นายนะ” พี่ก้องพูด ผมปรายหางตาไปมองพี่ชายว่าจริงเหรอ พี่ก้องพยักหน้าว่าจริง

      "แล้วนี่นายอยากรู้เรื่องพี่กับโบว์จริงๆ เหรอเขม" พี่ก้องหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ มันต้องร้ายแรงพอกับผมมั้ง พี่ก้องก็คบกับพี่โบว์มานานมากตั้งแต่ก่อนที่พี่ก้องจะสอบติดโรงเรียนนายร้อยและยิ่งเพลนว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบทันทีแต่จู่ๆ พี่ก้องก็มาบอกกับแม่ว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแบบสายฟ้าแลบแบบนั้นอีก

      " ก็วันที่พี่กลับมาจากฝึกรีคอน พี่กลับไปหาโบว์ก่อนด้วยความคิดถึงและก็ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าเพราะพี่คิดว่าพี่จะขอเขาแต่งงานวันนั้นเลย"พี่ก้องพูด ผมเอื้มมมือไปกุมมือพี่ก้องไว้

      “เขาอยากมีโมเม้นถูกขอแต่งงานเหมือนเพื่อนๆ เขาใน โบว์เขาทำงานธนาคาร เขาก็อยากจะเอาไปอวดเพื่อนๆ บ้าง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าไม่จำเป็นหรอกมั้งเพราะว่าแม่กับพ่อแม่โบว์ก็คุยกันเรื่องจะแต่งงานกันเหลือแค่สินสอดที่เรายังตกลงกันไม่ได้"พี่ก้องพูดและมองหน้าผม ผมเองก็อยากมีโมเม้นขอใครสักคนแต่งงานเหมือนกันนะ ผมคิดในใจ

      "เขม รู้ไหมว่าพี่เจออะไร"พี่ก้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

      "โบว์เขานอนกับผู้ชายคนอื่นอยู่บนเตียง พี่รักโบว์มาก มากจริงๆ จนพี่อยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยากมีลูกด้วยกันพี่คิดว่าพี่จะขายทีที่พ่อยกให้คนละสิบไร่เพื่อเอามาเป็นสินสอดทองหมั้นแต่งงานกับโบว์" พี่ก้องพูด

      "พี่ถามเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่อยากฝากชีวิตของเขาไว้กับพี่เพราะชีวิตพี่มันก็อยู่บนเส้นด้ายจะขาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เขม" พี่ก้องพูด แต่มันแปลกที่สีหน้าพี่ก้องไม่ได้บอกเลยว่าเขาเสียใจอาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องมันผ่านมาได้หลายปีแล้ว น่าจะสามปีได้แล้วนะที่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์

      "และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของเขาคือพี่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับเขาทุกวัน เขาอยากได้แบบนั้นแบบที่กลับมาบ้านแล้วเจอกันนอนเตียงเดียวกันทุกวันทุกคืน " พี่ก้องพูด ก็อาชีพของพี่ก้อง ต้องออกไปนอนกลางดินกินกลางทรายจะได้กลับก็เดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง บางทีกลับมาแต่มีงานด่วนพี่ก้องก็ต้องกลับเลยก็มี พี่ก้องอยู่หน่วยรบพิเศษนิน่า

      "โบว์เขารู้ก่อนอยู่แล้วว่าพี่จะสมัครใจไปประจำการที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาต่อว่าพี่หนักหนาแต่พี่เลือกจะเป็นทหารนะเขมและมันคงเป็นจังหวะที่มีคนเข้ามาจีบเขาด้วยช่วงที่พี่ไปฝึกรีคอน พี่ฝึกหนักไม่ได้ติดต่อโบว์เลย...เขาก็เหงา" พี่ก้องพูดผมทำได้มองพี่ชายทำไมพี่ชายผมเจอเรื่องแบบนี้แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะเสียใจแต่ก็ไม่นาน ผมผ่านไปในแววตาที่ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับสิ่งที่ผ่านมาเลย

      "พี่เลยยินดีที่จะปล่อยเขาไป...หาคนที่เขาต้องการเพราะคนอย่างพี่ไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ" พี่ก้องหันมาพูด มันทำให้ผมคิดเช่นกันผมใช่คนที่ณัฐกานต์เขาต้องการไหม

      "พี่คิดว่าจะไม่คบใครทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมานั่งเป็นทุกข์อยู่ข้างหลัง มานั่งเสียใจถ้าพี่เกิดเป็นอะไรไป พี่เลือกแล้วที่พี่จะทำอาชีพแบบนี้"

      "จนกระทั่งคุณรินทร์เข้ามาประจำการแต่...รินทร์กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้" พอผมได้ฟังผมกอดพี่ชายผมเลย

      “หึ? " น้ำเสียงที่สงสัยและแปลกใจของผมเพราะว่าผมคิดว่ายังมีอีกเหรอยุกต์ที่เรียกว่าคลุมถุงชนนะ

      "ใช่ยุคต์นี้ยังมีอีกเหรอการคลุมถุงชน...แต่มันก็ยังมี...แค่อยากให้ลูกมีภรรยามีลูกมีหลานให้เพราะว่านครินทร์เขาไม่จีบใคร เขาไม่มีแฟนเลยสักคน " พี่ก้องพูดผมพยักหน้าเบาๆ

      “พี่โอเควะเขม...เพราะว่านั้นคือชีวิตจริงและเราสองคนก็มีความสุขกันดีแม้ว่าความสุขนี้มันใกล้จะหมดเต็มทีอีกแค่ไม่กี่เดือนเพราะว่านครินทร์ก็แต่งงานและครอบครัวทางผู้หญิงก็อยากให้เขาย้ายไปประจำการที่อื่นที่ไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้" พี่ก้องพูด ผมมองหน้าพี่ก้องพี่ทนได้ไง

      “พ่อของนครินทร์เขาเป็นนายทหารระดับท่านนายพล ถ้าเขารู้ พี่คงโดนหนักวะเขม” พี่ก้องพูด ผมก็ต้องมีเรื่องกุมขมับของพี่ชายผมเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหมเนี๊ยะ!

      “อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ พี่คงไม่ถึงขั้นโดนเก็บหรอกมึง” พี่ก้องพูด ผมหันมาเหล่ตามองพี่ชาย มันน่าไหมเนี๊ยะ

      “แล้วนี่พี่จะทำยังไงต่อไปพี่ก้อง” ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องหันมามองผม

      "ตอนนี้เหรอ ไม่อยากคิดวะ เพราะว่าพี่กับรินทร์ก็มีความสุขกันดี แค่ใช่เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า" พี่ก้องหันมาบอกผม แค่นั้นเหรอผมคิด ผมนะคบใครคบแบบต้องไปให้ถึงจุดหมาย ดังนั้นผมคบกับณัฐกานต์ เส้นทางชีวิตมันเลยค่อนข้างตึงเกินไป

      "เขม พี่ขออย่างดิ อย่าบอกแม่เรื่องนครินทร์จะแต่งงานกับแม่นะ พี่กลัวแม่จะไม่สบายใจวะ" พี่ก้องหันมาขอร้องผม ผมพยักหน้าว่าผมคงไม่บอกหรอก

      “เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านแล้วนะพี่ก้อง พี่ต้น คงจะมาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมลงไปหาหลานก่อนนะคิดถึงเจ้าเอิร์ธ " ผมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น และพี่รินทร์เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดีเลย ผมสิ่งยิ้มให้พี่รินทร์ ผมคิดว่าเขาทั้งคู่คงเพิ่งจะพบความสุขแต่ว่ามันกลับเป็นการพบกันที่สายไป

      ผมเดินลงมาถึงก็เห็นเด็กน้อยวิ่งมากอดแม่ของผมและพี่ชายคนโต ก็คือพี่ต้น พี่ต้นเดินตรงเข้ามากอดแม่ของผมด้วยความคิดถึงเช่นกัน หลายเดือนแล้วที่พี่ต้นไม่ได้กลับมาบ้านเพราะว่าพี่ต้นเพิ่งจะย้ายไปเป็นปลัดที่ใหม่ที่เชียงใหม่ได้สามปีและมันก็ไกลมากด้วยตอนแรกแค่เขาใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ พี่เกศรินทร์ให้พี่ต้นทำเรื่องขอย้ายไปทั้งที่พี่ต้นเพิ่งจะได้เป็นปลัดที่เขาใหญ่ยังไม่ถึงปีเลย พี่ต้นสอบบรรจุปลัดหลังจากที่พี่ต้นจบปริญญาโท และโรงเรียนที่ผมเป็นครูสอนก็อยู่ที่เข่าใหญ่ซะด้วยซิ ไม่อย่างนั้นก็คงได้อยู่ใกล้กัน

      "พี่่ต้น" ผมเรียกพี่ต้น พี่ต้นผละออกมาจากแม่ผม ผมเข้าไปกอดพี่ชายคนโต ตั้งแต่พ่อเสียก็มีพี่ต้นนี้แหละที่เป็นเสาหลักของครอบครัวและตอนนั้นพี่ต้นเพิ่งเข้ารับราชการใหม่ๆ

      “ไงเขม เป็นคุณครูเต็มตัวแล้วนะน้องพี่" พี่ต้นดันตัวผมออกและจับไหล่ผมพร้อมกับสายตาที่ยินดีกับผมด้วยที่ผมได้เป็นครูสมดังที่ผมตั้งใจ และผมก็หันไปยกมือไหว้พี่เกศรินทร์ พี่เขาก็แค่ยกมือรับไหว้แบบขอไปทีแถมเบือนหน้านี้ผมในทันทีเช่นกัน" และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะว่ามันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง พี่เกศรินทร์เขาไม่ชอบผม ไม่ซิเขารังเกียจผมอย่างชัดเจนที่ผมเป็นเกย์มีแฟนเป็นผู้ชาย รักเพศเดียวกัน

      "อาเข็ม" หลานชายของผม อายุจะสามขวบแล้วแต่นี้ดันเรียกชื่ออาผิดตลอดเลย ผมก็ย่อตัวลงและ

      "อาเขมไม่ใช่อาเข็ม" ผมบอกหลานผม เอิร์ธ กางแขนให้ผม

      "เอิร์ธ...ตัวหนักขึ้นนะเรากินเยอะละซิท่า" ผมอุ้มตาเอิร์ธขึ้นมากอดและหอมแก้ม เอิร์ธหัวเราะใส่ผมใหญ่เลยคงจะจั๊กจี้

      "อี้! " เสียงสะบดออกมาพร้อมท่าทีว่ารังเกียจที่ผมเล่นกับเอิร์ธ

      "คุณเกศ" พี่ต้นหันไปหาภรรยาของเขา ผมก็ต้องวาง เอิร์ธลง เอิร์ธได้แต่ยืนมองหน้าผมงงๆ เพราะเขาก็คงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเขายังเล็กมาหนัก ผมได้แต่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ มองพี่ต้น ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจแค่ไหน

      "ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะ ...คุณเปลี่ยนแพมเพิร์สลูกด้วยนะมันหลายชั่วโมงแล้ว "เสียงออกคำสั่งของพี่เกศหันมาบอกพี่ต้น

      "ทำไมตอนแวะปั๊มคุณไม่รู้จักที่จะเปลี่ยนให้ลูก...เกศ และนี้คุณปล่อยให้ลูกใส่นานเกินไป คุณเป็นแม่ยังไงฮะเกศ " พี่ต้นหันไปต่อว่าพี่เกศรินทร์ทันที

      "นี้อย่ามาว่าฉันนะ! ...และก็คราวหน้าช่วยเอาคนใช้ติดรถมาสักคนซิคุณจะได้มีคนทำให้ นั่งรถมาก็ไกลเหนื่อยก็เหนื่อยจะมาอะไรหนักหนาถ้าคิดถึงกันมากย้ายไปหมดทั้งครอบครัวเลยซิ แต่ฉันจะไม่มีวันอยู่บ้านเดียวกับพวกวิกลจริตหรอกนะ" พี่เกศรินทร์พูดก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

      TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
​EP.10.เขมรู้สึกมีความสุขมากกว่า

      Part’ s เขมชาติ ตื้ด!!! เสียงข้อความผ่านแอพพริเคชั่นดังขึ้นในเช้าตรู่ของวันเสาร์ว์แบบนี้ และเมื่อคืนกว่าผมจะหลับตาลงได้ก็เกือบจะเที่ยงคืน ก็จะใครกันนะ นายคริสโตเฟอร์ ที่คอยส่งข้อความมาหาผมมากวนผมแต่มันไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดเลยสักนิด มีแต่แอบยิ้ม ผมค่อยเลือนมือไปควานหาต้นเสียงก็พบว่ามือถือของผมเอง หยิบมันขึ้นมาเปิดฝาดูเพราะว่าเครสของผมเป็นแบบฝาพับเปิดข้าง คริสโตเฟอร์ ผมเปิดอ่านข้อความแรก

 

   Christo: Good morning my sweetheart. Are you sleep well last night?

   I was dreaming of you.

   มาถึงก็หยอดแต่เช้าตรู่เลย ไม่ใช่ซิเรียกว่าแกล้งผมจะดีกว่า ทำมาเป็นบอกว่าฝันถึงผมแต่มันก็ทำให้ผมอมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะคีย์ตอบกลับไปเช่นกันว่า

    Khem: Good morning Christ . I had slept very well last night but I didn't dreaming anything about you because I've so tired.

   Christo: Oh! No!

   Christo: Can I call you right now?

   Christo: Please!! I need to talk to you.

    Khem Ruk Karn What for?

   Christ-to: Please!!!

   Khem: Up to you!

    แอบคิดในใจที่อย่างนี้ทำมาเป็นพิมพ์ภาษาอังกฤษคุยกับผมนะ ที่แต่ก่อนบอกไม่ชอบภาษาอังกฤษแต่ตอนนี้แซงหน้าผมที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอีก

       Rrrrrr เสียงมือถือของผมดังขึ้น เพราะว่ามีสายเข้า โดยนายคริสโตเฟอร์ ผมกดรับสายทั้งที่ผมตัวยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์เตียงนอนและชุดนอนเข้าเซตกัน พี่ต้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด

 

   “อรุณสวัสดิ์ครับครู" เสียงกวนแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมิใช่น้อย ก็เพราะว่าเมื่อวานผมรู้สึกแย่แย่มากที่ผมคือต้นเหตุที่ทำให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์เขามีปัญหากัน ผมไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้เลยจริงๆ และคนที่ควรจะโทรมาหาผมก็ควรจะเป็นณัฐกานต์ที่เป็นแฟนของผมจริงๆ

   

   "อรุณสวัดดิ์คริส...ทำไมตื่นแต่เช้าละ"ผมถามคนปลายสายกลับไป

 

   "แทบจะไม่ได้นอนจะเลยดีกว่า" คริสพูดบอกผมก็ใช้กำปั้นเท้าคางคิด ทำไมถึงไม่ได้นอนไปเที่ยวไหนหรือว่าไปขับรถเล่นที่ไหนทั้งคืนกันแน่ เด็กแว้นก็คงต้องมีสาวแว้นซ้อนท้ายซินะ ทำไมต้องรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

   (เหมือนอาการคนหึงนะ)

   (ไม่จริงนะ นี่ผมจะไปหึงเขาทำไม)

   (หึงแน่ ๆ) เถียงกับตัวเองก็เป็นนะเรานะ

 

   "เราจะบอกว่าคิดถึงพี่เหรอเว้อไปแล้วคริสต์ พี่คิดว่าที่เธอไม่ได้นอนคงเป็นเพราะขับรถไปแว้นที่ไหนมากกว่าและคงจะมีสาวซ้อนท้ายด้วยละซิ" ผมเผลอถามนายคริสต์ไป ไวจริงๆ เลยปากผม

 

   "พี่เขมผมไม่ได้เอารถมานะ...จะไปแว้นได้ยังไงละและตอนนี้ผมไม่อยากได้สาวซ้อนท้ายแล้วด้วยผมนะอยากได้...หนุ่มคนที่ซ้อนท้ายลูกรักของผมวันก่อนมาซ้อนท้ายผมอีกมากกว่า"คริสโตเฟอร์พูดผมก้มหน้าลงกับหมอนเขินครับ คนนั้นคือผมเอง

 

   "แบบว่าติดใจอ่ะ...คิดแล้วเสียว..ยิ่งตอนที่เขาเอามือลูกหน้าท้องผมนะ.."

 

   "ไม่ได้ลูบเลยแค่กอดเฉยๆ และที่กอดก็เพราะนายขับเร็วต่างหากพี่กลัวตกต่างหาก" ผมเงยหน้าจากหมอน

 

   "จริงอะ! พอผมลดความเร็วลงทำไมพี่ยังกอดผมอยู่อะ.แน่นกว่าเดิมด้วย..อย่าเถียงเลยนะยอมรับมาเถอะ" ผมก็จนมุมจนได้

 

   "อืม! ..ยอมรับก็ได้พอใจหรือยังละ..และนี่ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าเธอแทบจะไม่ได้นอนเพราะอะไร"ผมถามคริสโตเฟอร์

 

   "ก็คิดถึงพี่เขมนั่นแหละ คิดถึงมาก ..ยิ่งดึกๆ นี้โคตรคิดถึงเลยอะเพราะว่าไอ้โป้งมันพาแฟนมานอนที่บ้านมันอะ ถึงจะคนละห้องกับผมก็เถอะ" ผมก็เริ่มขมวดคิ้วตัวเองจนเป็นปม มันเกี่ยวกับบอกว่าคิดถึงผมตรงไหนวะ

 

   "คืออะไร..พี่ไม่เข้าใจ"

 

   "ก็ไอ้โป้งมันไปรับแฟนมาอยู่กับมันอะพี่เขม"

 

   "ทำไมละหึงโป้งหรือไง"

 

   "ผมจะหึงมันทำไมอะพี่ ..ไม่มีส่วนไหนให้น่าหึงสักนิดแต่ถ้าเป็นพี่ซิน่า..หึงเพราะว่าพี่มีทุกส่วนให้ผมหึง"

 

   "คริส!! “ผมออกเสียงเรียกชื่อนายคริสต์ผ่านมือถือของผม นายนี้มันกวนผมได้โล่จริงๆ

 

   “นี่นายจะพูดอะไรของนายพี่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี" ผมกลับมาสู่โหมดสนทนาปกติ

 

   "โป้งมันจะทำอะไรกับแฟนละครับพี่เขม เสียงเตียงดัง...อึ้ดอ้าด..อี้ดอ้าด.สนั่นทั้งคืนผมฟังไปคิดถึงพี่ไปด้วยและแอบจิ้นเป็นพี่กับผม "

 

   "คริสโตเฟอร์...นายเลิกแกล้งพี่จะได้ไหม...รู้อย่างนี้ไม่น่ากดรับสายเลยจริงๆ "

 

   "ฮาๆ " เสียงหัวเราะของคนปลายสายน่าจริงๆ เลย เด็กบ้าเอ้ยดันมาคิดถึงผมตอนที่ได้ยินเสียงซาวน์เรทอาร์นี้นะ

 

   "พี่เขมแต่ผมคิดถึงพี่เขมจริงๆ นะไม่รู้เหมือนว่าทำไม และยิ่งต่อไปนี้พี่เขมจะไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วด้วยอ่ะ” นายคริสโตเฟอร์พูด มันก็ยิ้ทำให้ผมคิดว่า ผมผูกพันกับเขามากไปไหม ผมกลัวใจตัวเองเหลือเกินเพราะรักแบบนี้มันผิด

 

"พี่เขมผมอยากจะขอโทษพี่ตั้งแต่เมื่อวันแล้วว เรื่องที่ผมจูบพี่เขมนะ ผมขอโทษ"

 

   "แล้วเธอทำทำไมละคริส"

 

   "ผมไม่รู้..รู้แต่ว่ามัน..พี่เขม ผม เออ..พี่อย่าให้ผมอธิบายเลยนะพี่ผมอธิบายไม่ถูกอะ..รู้แต่ว่าผมรู้สึกดีมาก..จริงๆ แม้จะแค่เกือบจูบ! " คริสโตเฟอร์พูดผมก็ยอมรับว่ามันรู้สึกดีเหมือนกันแต่ว่าผมมีณัฐกานต์อยู่แล้วนะซิ นี้แหละที่รู้สึกแย่ไปพร้อมๆ กันด้วย และที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือเขาเป็นเด็กนักเรียนของผม นักเรียนที่จูบอาจารย์ความรู้สึกแย่เพิ่มเป็นสองเท่าตัว

 

   "ผมเคยได้ยินมานะถ้าอยากรู้ว่าคนคนนั้นใช่หรือเปล่าให้ลองจูบดูแล้วจะรู้ได้ว่าใช่คนที่เราตามหาหรือเปล่า" คริสโตเฟอร์พูด ผมเงียบไปหลายนาทีอยู่

 

   "แต่ครูมีแฟนแล้วผมรู้" นายคริสโตเฟอร์พูด

 

   "ผมจะกลับไปโรงเรียนวันนี้เลยพี่เขม ไปกับไอ้โป้งแต่ไอ้โป้งมันแค่ไปส่งผมนะ ส่วนมันจะไปเที่ยวกับแฟนและเพื่อนของแฟนมันอะพี่เขม" คริสโตเฟอร์พูด ผมรู้สึกแปลกที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของคริสโตเฟอร์แต่ผมบอกกับณัฐกานต์เอาไว้ว่าจะไปหาหลังจากพาพวกผมแม่ไปทำบุญให้พ่อ

 

   "ผมไม่อยากไป…" คริสโตเฟอร์พูดด้วยนำเสียงที่เบามาก

 

   "พี่เขม..."น้ำเสียงที่เรียกชื่อผมนั้นเหมือนกับว่าเขากำลังอ้อนให้ผมไปหาเขา ผมเองก็พูดไม่ออกตอนนี้ ก็ผมรับปากกับณัฐกานต์จะไปหาหลังจากพาแม่ไปทำบุญที่วัดเสร็จ และตอนนี้ตัวเลือกของผมมันยากขึ้นมาซะอย่างนั้น ตัวเลือกที่จะกลับไปหาณัฐกานต์ที่ยังเป็นแฟนผม เพราะเรายังไม่ได้เลิกกันแต่แค่ความไว้ใจมันลดลง และอีกคนนักเรียนที่ผมรู้สึกดีและเขาก็เหมือนต้องการผม ...

   “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจพร้อมกับมือประสานด้วยกัน ผมหนักใจขึ้นมาทันที

 

   "ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เขม พี่มีแฟนพี่ก็ต้องอยากอยู่กับแฟน ผมเข้าใจ ผมแค่คนไม่มีแฟน”นี่มันมามุขไหนอีกเนี๊ยะ! รู้ไหมคนฟังหนักใจโว้ย!! แอบตะโกนในใจ

 

   "เหรอ. แต่ครูว่าเธอนะโสดกะปริบกะปรอยมากกว่ามั้ง" ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละ มันกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง

 

   "พ่อเปิด..หาอาเข็ม!! " เสียงหลานรักของผมและประตูถูกเปิดออกโดยพี่ชายคนโตพี่ต้นพี่้ต้นมองผมและชี้มาที่ตัวดีหลานชายของผม หลานชายตัวเล็กเดินลากตุ๊กตากระต่ายที่ผมซื้อให้ตอนแรกเกิดแต่พี่ต้นบอกให้เอาไว้ที่นี้เพราะว่าพี่เกศรินทร์เขาจะทิ้งถ้าเขาเห็น ผมก็ไม่ว่าอะไรเอาไว้ให้หลานเล่นที่นี้ ดูท่าจะติดซะด้วย

 

   "อาเข็ม!! " เอิร์ธเดินมาปืนขอบเตียงผม ผมก็ต้องลงไปอุ้มเอิร์ธขึ้นมานั่งบนเตียง

   

   "เสียงใครอะพี่เขม...พี่เขมมีลูกเหรอ...จริงดิ..."เสียงที่ดูตื่นเต้นของคนปล่ายสาย

 

"นี่เรามีลูกด้วยกันแล้วใช่ไหมพี่เขม...โอ้ว! เยส! " คริสโตเฟอร์และแสดงอาการดีใจผมนึกภาพออกเลยคงเป็นท่าเดียวกับที่เขาชู้ดลูกบาสลงห่วงไปนั่นแหละ

 

   "จะบ้าเหรอคริส!! เด็กเขาเรียกอา นายก็ได้ยินอยู่ และพี่ไม่ใช่ปลากัดนะที่จะได้ท้องได้เพราะนั่งจ้องตานายนะ " ผมพูดเสียงดังค่อนข้างดังทีเดียวผมลุกขึ้นยืนบนเตียงและเอิร์ธก็ลุกขึ้นเงยหน้ามองผมทำตาโต

 

   "เออ....อาขอโทษนะครับเอิร์ธ" ผมรีบนั่ง] 'ตรงหน้าหลานชาย แบบว่าอาลืมตัวไป

 

“นั้นไงยอมรับแล้วว่านั่งจ้องหน้าผม แอบคิดอะไรด้วยละซิ พี่เขม” นั้นไงหลุดเลยผม อายเข้าไปใหญ่และพอเงยหน้าขั้นมาหลานก็มองผมอีก -_?

 

   “นี้ไม่ใช่ลูกพี่ เขาเป็นลูกของพี่ชายพี่เอง...ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พี่โทรหาใหม่แล้วกันนะคริสเพราะว่าพี่ก็จะอาบน้ำแต่งตัวจะพาคุณแม่ไปทำบุญถวายอาหารพระที่วัดกัน" ผมบอกคริสโตเฟอร์

 

   "ครับได้ครับ. ผมส่งข้อความหาน่ะ ผมอยากคุยกับพี่เขม""

 

   "ได้ซิ" ผมตอบกลับไป

 

   "บายครับ" และคริสโตเฟอร์ก็กดวางสายไป ทำไมผมใจหายที่ได้ยินว่าเขาจะกลับไปอยู่ที่โรงเรียนวันนี้ทั้งที่เพิ่งจะเป็นวันเสาร์เองนะ

 

            ตื้ด!! มือถือผมสั่นทันที อย่าบอกนะว่าคริสโตเฟอร์นะ หรืออาจจะเป็นณัฐกานต์ก็ได้แต่โอกาสน้อยมากเพราะเช้ามากไปสำหรับหนุ่มทำงานออฟฟิศอย่างกานต์ ผมเปิดดู ปรากฏว่าเป็นคริสโตเฟอร์

 

   Christo: ตกลงไม่ใช่ลูกผมกับครูแน่เหรอ? (เอ๊ะ! หมอนี่ยังมาถามผมอีก ผมหันไปมองเอิร์ธนั่งยิ้มตาหยีให้ผม) 

   Khem: ไม่ใช่!! และครูจะไปอาบน้ำแล้ว! ไม่คุยแล้ว ผมบอกคริสโตเฟอร์

    ผมแอบคิดในใจว่า ทำไมครูที่เรียบร้อยอย่างผมทำไมถึงได้โคจรมาพบเด็กนักเรียนสุดเกรียนแบบนายได้นะ นายคริสโตเฟอร์

       "ไงเอิร์ธมาหาอาแต่เช้าเลย...ชอบไหม..ชอบพี่กระต่ายหรือเปล่า" ผมล้มตัวลงนอนตะแคงข้างๆ เอิร์ธ เขานอนกอดกระต่ายกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงของผม

 

   "เอิร์ธชอบ. แต่.แม่ไม่ชอบ.." เอิร์ธหันมาตอบผม พอได้ยินหลานรักบอกว่าชอบผมยิ้มดีใจแต่พอบอกว่าแม่ไม่ชอบนี้ผมก็ต้องหุบยิ้มทันที ผมเอามือลูบหัวเอิร์ทเบาๆ เด็กก็คือผ้าขาวบางถ้าแต่งเติมเสริมผิดๆ มันก็จะมีแต่สิ่งผิดๆ อยู่ในหัวเขาซินะ ผมจะไม่พูดสิ่งไม่ดีของแม่เขาเด็ดขาด

 

   "ถ้าแม่ไม่ชอบก็เอาไว้เล่นที่นี้นะเอิร์ธอย่าเอาไปบ้านและนี้ขามันขาดแล้วอาจจะซื้อตัวใหม่ให้ดีไหมครับ" ผมบอกหลานรักของผม

 

   "เอิร์ทลงไปหาย่ากับพ่อดีกว่าอาเขมจะได้แต่งตัว...พ่อบอกว่าวันนี้เราจะไปไหนกันครับ" พี่ต้นเรียกเอิร์ธ พี่ต้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

 

   "บอกอาเขมซิ" พี่ต้นโน้มตัวลงลูบหัวเอิร์ธเบาๆ

 

   "ดูปลา..ปลาเยอะๆ " เอิร์ธลุกขึ้นนั่งและกางแขนออกแปลว่าเยอะๆ ของเขานั่นแหละ

 

   "ได้ครับ...ให้อาเขมอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะและอาจจะได้พาเราไปดูปลากัน ไปให้อาหารปลาด้วยดีไหม" บอกเอิร์ธดูซิพยักหน้าและยิ้มตาหยีให้ผม

 

            พี่ต้นอุ้มเอิร์ธออกไป ยิ่งผมเห็นพี่ชายและหลานผมแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ผมเองก็มีส่วนทำให้ครอบครัวพี่ต้น เขามีปัญหากับพี่เกศรินทร์ แม้ว่าพี่ต้นจะบอกว่ามันมีปัญหาอื่นร่วมด้วยก็ตาม แต่ปัญหาหลักๆ มันก็มาจากผมนี้แหละ ยิ่งพี่ต้นรักผมมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้นต่อให้ผมเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่ต้นแต่พอมีครอบครัวพี่ต้น ดังนั้นพี่ต้นก็ควรจะเลือกครอบครัวก่อนมันถึงจะถูก

 

   ""ตื้ด!! เสียงแจ้งเตือนมีข้อความเข้า ผมหยิบมือถือพลิกดูว่าใคร ณัฐกานต์

 

   "อย่าลืมมาหากานต์นะที่รัก...เมื่อวานกานต์เคลียร์กับแม๊คแล้วนะ เราจะไม่เจอกันอีก กานต์รักเขมมากนะ มาหากานต์นะเขม กานต์ปวดหัวมากเลย อยากทานข้าวต้มฝีมือเขมนะ ...และ..คิดถึงอยาก...จุด ..จุด..นะที่รักเขาสวมกางเกงขาสั้นชุดนอนที่เราซื้อมาเป็คแพ๊คคู่จำได้ไหม..ใส่คนเดียวไม่เหมือนคู่รักเลยอะ..มาหากานต์นะ"

 

   ผมอ่านข้อความแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะใช่จะรีบตอบ เพราะว่าถ้าช้ากลัวจะเหวี่ยงและวีนใส่ผม แต่ตอนนี้ผมกลับน่ิ่งและคิดทบทวนคำพูดพี่ก้องตลอด และความรู้สึกของผมที่มีต่อการมันไม่เหมือนเดิมแล้วหลังจากที่ผมจับได้ว่าณัฐกานต์เริ่มจะไม่ซื่อสัตย์นั่นแหละถึงได้เริ่มหันมามองตัวเองผมให้เขาเยอะไปหรือเปล่าเกินตัวไปหรือเปล่า อย่างที่พี่ก้องพูดบอกกับผม

 

   ("รักเขามากเหรอ..มากกว่าตัวเองไปหรือเปล่า???????? " ที่พี่ก้องพูดก็ถูกนะ) 

 

   ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของพี่ก้องกับหลานเอิร์ธดังอยู่ตรงห้องรับแขก พี่ก้องหันมามองผมหยักคิ้วให้ผม ลีลาการหยักคิ้วแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงคริสโตเฟอร์ แล้วผมจะไปคิดถึงเขาทำไมบ่อยๆ น่ะ

 

   "ตื่นแล้วเหรอเขม...ฟ้อด!!! “แม่เดินมาหอมแก้มผมหนึ่งที

 

"เอาละเราไปกันได้แล้วนะ ..น้องเอิร์ธไปลูกเราไปหาหลวงตากัน" แม่ผมเรียกเอิร์ธ พี่ก้องก็ปล่อยเอิร์ธลง และเอิร์ธก็รีบวิ่งมาหาแม่ผมทันที ผมเห็นรอยยิ้มของแม่ผมที่รักหลาน มันก็ทำให้ผมมีความสุข เพราะว่าผมคงไม่มีโอกาสหาผู้หญิงที่จะมามีหลานให้แม่ได้เหมือนพี่ต้นแน่ๆ

 

   “ดูปลา..ย่าดูปลา” น้องเอิร์ธบอกแม่ผม เขาคงกลัวจะไม่ได้ไปดูละซิ

 

   ผมช่วยพี่ๆ ถืออาหารออกไปใส่ไว้ในรถครอบครัวของพี่ต้น พี่ต้นเป็นคนทำหน้าที่ขับรถ ผมก็ไปนั่งกับแม่ผม ผมเห็นแม่มีความสุขที่ลุูกๆ อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ไม่อยากจะทิ้งแม่ไปเลยเหมือนกัน

 

   วัดที่แม่และพวกผมกำลังจะนำอาหารไปถวายอยู่ไม่ไกลอยู่ในเขตปริมณฑลนี้เอง และเป็นวัดที่พ่อกับแม่มาเป็นประจำทุกครั้งที่พ่อผมกลับมาบ้านตอนนั้นพ่อผมยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อผมเขาบวชเรียนอยู่ที่นี้ จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้นานมากจนท่านได้ตำแหน่งท่านเจ้าคณะตำบล

 

   พี่ต้นขับมาเกือบหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่ วัดที่ผมมานี้ค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้เยอะมาก เงียบและสงบเหมาะแก่การมาถือศิลแม่ผมถ้าไม่ได้ไปไหนก็จะมาถือศิลกับป้าวิไลบ่อยๆ บางทีก็มาบวชชีพราหมณ์กัน พวกผมก็ช่วยกันนำอาหารลงจากรถ และแม่ก็น่าจะบอกกับหลวงลุงไว้แล้วว่าจะพาพวกผมมาที่นี้ในวันนี้เพื่อนำอาหารมาถวายท่าน

 

   "อาเข็ม..ดูปลา" เอิร์ธยกมือเล็กๆ ขึ้นมาสะกิดเรียกผมหงึกๆ

 

   “เรียกอาเขมซิ เรียกชื่ออาเพี้ยนอีกแล้วเรานะ” ผมก้มลงและใช้นิ้วยีจมูกหลานชายตัวน้อย

 

   “เปลี่ยนเป็นเข็มไปเลยซิวะ หลานจะได้ไม่ต้องเรียกผิดอีก...ฮาๆ” พี่ก้องผมหันพูด T_T เข็มนั้นชื่อผู้หญิงชัดๆเลย ผมหันไปไล่ทุบพี่ก้อง แม่ตั้งให้ว่าเขมก็ดีอยู่แล้วมาให้เปลี่ยนเป็นเข็มอีกน่าไหมล่ะพี่ชายคนที่สองของผม

 

   “ตาก้อง...เรานี้ก็โตกันแล้วนะยังจะแกล้งน้องอีกเรานิ และเขมเราก็โตจนเป็นอาแล้วเหมือนกัน น่าจริงๆ เลยสองอานี้ยังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่ได้ อายหลานบ้างไหมเนี๊ยะ! หึ!” แม่ผมพูดและหัวเราะผมกับพี่ก้อง ผมโดนพี่ก้อง แกล้งผมเป็นประจำ พี่ต้นไม่ค่อยแกล้งผมหรอกเพราะเราห่างกันมาก

 

   "ขึ้นไปหาหลวงตาก่อนนะลูกแล้วค่อยไปดูปลากับอาก้องและอาเขมนะลูก" แม่ผมก้มลงพูดกับเด็กน้อย ทำหน้าตามุ้ยทันที ผมก้มลงเอามือลูปหัว และพี่ต้นก็อุ้มลูกชายตัวเล็กขึ้นไปบนกุฏิ หลวงพ่อท่านนั่งรออยู่แล้วผมพากันคลานเข้าไปพร้อมกับนำอาหารไปวางไว้ตรงหน้าท่าน

 

   "เจริญพรโยม เป็นไงบ้างละโยมรดา ดูหน้าตาผ่องใสขึ้นนะและนี้พาลูกชายกับหลานมาด้วยรึ ไม่ได้เจอกันนานเลยตั้งแต่โยมพิทักษ์เสียโตเป็นหนุ่มคงมีการมีงานทำกันแล้วละซิ"

 

   "ครับหลวงลุงพวกผมทำงานกันหมดแล้วครับ" พี่ต้นเป็นคนตอบ

 

   "อืมถ้าโยมพิทักษ์ยังอยู่คงภูมิใจเราสามคนพี่น้องมากนะแต่ไม่เป็นไรต่อไปก็ดูแลแม่เราดีดีละ"

 

   "ครับหลวงลุง"

 

   "น้องเอิร์ธมาไหว้หลวงตาก่อนซิลูกดูซินั่งเบียดพ่อต้นใหญ่เลยมาหาย่ามาลูกมา" แม่ผมเรียกเอิร์ธแต่เอิร์ธไม่ยอมลงจากตักของพี่ต้นเพราะว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าหาคนแปลกหน้า

 

   "นี้ก็โตเร็วเหมือนกันเจอกันเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนที่โยมรดามาทำบุญครบครอบเมื่อสามปีที่แล้วปีให้โยมพิทักษ์นะ ตอนนั้นเพิ่งจะนั่งได้ ยังออกมาคลานเล่นยังมานั่งเล่นนอนเอกเขนกเล่นอยู่เลยนะ หึๆ “หลวงลุงแซวหลานชายผม

 

   "วันนี้ไม่เข้าหากันซะแล้ว เป็นไงกลัวหลวงตารึ " หลวงพ่อพูดขำๆ หลานชายผม วันนี้นั่งเบียดพี่ต้นกอดพี่ต้นแน่นไม่ยอมออกไปหาหลวงลุง เหมือนที่เคยมาครั้งแรกตอนนั้นเอิร์ธเพิ่งจะนั่งได้

 

   เอิร์ธหันมานั่งกับผมตอนที่พี่ต้นและพี่ก้องช่วยแม่รดา ยกอาหารประเคนให้หลวงลุงก่อนจะถอยกลับมานั่งเเพื่อรับศิลรับพรกัน ระหว่างนั้นผมก็หันไปเจออีกครอบครัวหนึ่งที่กำลังคลานเข่าเข้ามาเช่นกันผู้หญิงนะเป็นคนไทยและผู้ชายต่างชาติพร้อมกับเด็กอีกสองคนหญิงและชาย เขาส่งยิ้มให้ครอบครัวผมอย่างเป็นมิตร พร้อมกับนำอาหารมาวางไว้เช่นกัน

 

   "ท่านค่ะอิฉันจะขอทำบุญให้คุณพี่พิทักษ์หน่อยนะคะ และคราวก่อนดิฉันเห็นว่าพัดลมตั้งโต๊ะของท่านมันชำรุดนะเจ้าค่ะ เลยซื้อมาใหม่มาถวายอันนี้ลูกๆ ดิฉันตั้งใจจะอุทิศให้คุณพี่พิทักษ์ด้วยค่ะ" แม่รดาบอกหลวงลุง และพี่ก้องก็ยกกล่องพัดลมวางไว้ตรงหน้าหลวงลุง

 

   "ขอโทษนะคะ ..คุณพิทักษ์ นี้เขาเป็นนักการทูตใช่ไหมคะ" ผู้หญิงคนที่คุกเข่าคลานเข้ามาที่หลังเข้ามาถามแม่ผมว่าเขารู้จักพ่อผมด้วย

 

   "ใช่ค่ะ เขาเป็นนักการทูตค่ะ"คุณแม่หันไปตอบ

 

   "เขาเสียแล้วเหรอคะ" พี่ผู้หญิงคนไทยคนนั้นรีบถามแม่ผมทันที

 

   "ใช่ค่ะเสียไปได้ห้าปีแล้วค่ะ และนี้ลูกๆ ของดิฉันกับคุณพิทักษ์ค่ะ"แม่รดาพูด พร้อมกับหันมาแนะนำผมทั้งสามคนว่าเป็นลูกของพ่อ

 

   “น่าเสียดายนะคะ ดิฉันรู้จักท่านค่ะ สมัยที่ท่านไปเป็นักการทูตที่ประเทศออสเตรเลียค้ะ ตอนนั้นดิฉันเพิ่งจะย้ายไปอยู่กับแฟนค่ะ รู้จักท่านตั้งแต่ยังไม่ได้มีน้องเลยค่ะ “ผู้หญิงคนนั้นพูดและหันไปชี้เด็กๆ ที่อายุน่าจะสิบห้าขวบได้แล้ว

 

   “ดิฉันชื่อพี่เก๋ค่ะ “พี่เขาแนะนำตัว

 

   “พอดีว่าช่วงนั้นก็รอวีซ่าคู่สมรสและก็ยังไม่ได้ทำงาน เพราะว่าต้องเรียนเอาใบประกอบก่อนค่ะและก็ได้ช่วยงานพี่สาวที่เคารพ เขาได้จัดตั้งกลุ่มต่อต้านความรุนแรงสำหรับสาวไทนที่ถูกทำร้ายค่ะ และท่านก็จะมาพบปะพูดคุยกัน ท่านกันเองมากเลยนะคะ “

 

   “นี้ลูกๆ ของท่านหน้าตาดีกันทั้งสามคนเลยนะคะ” ผมก็ยิ้มให้ทันที

 

   “ดิฉันทราบข่าวแค่ว่าท่านป่วยและขอย้ายกลับไทย โดยมีคนใหม่มาแทนค่ะ เลยไม่ทราบว่าท่านเสีย”

 

   “ท่านหัวใจเต้นผิดปกติก่อนละนอนโรงพยาบาล ไม่นานท่านก็เกิดหัวใจวายและเสียชีวิตลงค่ะ ลูกคนเล็กก็เพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย” แม่ผมพูดและชี้มาที่ผม

 

   “ท่านมีบุญคุณกับผู้หญิงไทยหลายคนเลยนะคะ ประสบการณ์ตัวเองนะคะ มีเพื่อนที่ได้แฟนฝรั่งเหมือนกันค่ะ และเขาก็ทำวีซ่าท่องเที่ยวไปหา เพื่อนก็ดีใจรีบบินไป เพื่อนก็คงคิดว่าเจอคนที่รักจริงแล้ว แต่ไม่ใช่ค่ะ พอไปถึงมันก็ไม่ให้เงินใช้ พอเมาก็อาละวาด แต่เพื่อนก็ทน จนกระทั่ง เพื่อนบอกทนไม่ไหว ทะเลาะกันยกใหญ่และผู้ชายไล่ออกจากบ้านในตอนกลางดึกเลยค่ะ “

 

   “เพื่อนไม่รู้ว่าจะไปยังไงที่ไหน เพราะว่าดึกมาก ไม่มีรถ ไม่เหมือนในกรุงเทพ เพื่อนไปอยู่นั้นคือเมืองที่ห่างไกลจากตัวเมือง เมืองที่ไม่มีโรงพยาบาล ไม่มีห้างสรรพสินค้ามีแต่ร้านเล็ก และไปโดยที่ภาษาก็ไม่ได้มากไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ดีซะก่อนอีก “

 

   “และพอเพื่อนโทรหาดิฉัน ดิฉันก็เพิ่งจะย้ายไปอยู่อีกเมืองพอดี ไม่รู้จะทำยังไงดี ดิฉันได้เบอร์โทรท่านก็เลยตัดสินใจโทร ท่านได้รับทราบเรื่องก็บอกว่าจะจัดการให้เลยขอสถานที่เพื่อนอยู่”

 

   “ไม่นานเพื่อนก็โทรกลับมาบอกว่าท่านได้ติดต่อประสานให้ จนมีคนขับรถไปรับและไปส่งยังบ้านพักฉุกเฉินค่ะ ท่านก็ให้เงินเพื่อนติดตัวไปสองสามร้อยดอลล่าห์ ก่อนที่จะให้ตำรวจไปคุยกับแฟนเขาเพื่อขอพาสสปอร์ตคืนและเพื่อนก็ได้กลับไทยอย่างปลอดภัย”

 

   “ท่านดีมากๆ ทุกครั้งที่พบปะพูดคุยคนไทย ท่านมักจะสอนเสมอให้ศึกษากฎหมายและคนทีมีสิทธิ์เรียนภาษาฟรี ส่วนใหญ่ก็ถือวีซ่าย้ายถิ่นฐาน ให้ไปเรียน เพราะว่าจะได้มีความรู้ เกี่ยวกับประเทศนี้กัน “พี่เก๋พูด

 

   “น่าเสียดายคนดีดีอย่างท่านนะคะ ท่านได้ช่วยไว้หลายคนเลย มีคนที่ถูกทำร้ายสำหรับคนที่ไปแต่งงานหรือไปอยู่กับแฟน และมีวีซ่าทำงานที่ถูกนายจ้างเอาเปรียบก็มี “พี่เก๋พูดชมพ่อพวกผมยกใหญ่ นี้ทำเอาพวกผมยิ้มดีใจกันหมด

 

   “ทุกวันนี้พวกพี่ก็ยังคงจัดตั้งกลุ่มที่เอาไว้ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันนะคะ พวกพี่รักที่จะดำเนินตามท่านกันค่ะ” พี่เก๋พูด

 

   “พอดีวันนี้จะบินกลับเลยพาลูกๆ และแฟนมาทำบุญก่อนบินกลับค่ะ”

 

   “พี่อยู่ที่รัฐไหนครับที่ออสเตรเลีย” ผมถามพี่เก๋

 

   “พี่อยู่บริสเบนค่ะ เพิ่งย้ายมาจากเพิร์ทค่ะ ตอนนี้ทำงานที่ศูนย์เดย์แคร์ค่ะ ดูแลเด็กๆ “พี่เก๋บอกผม ผมพยักหน้ากัน

 

"ไปดูปลา" เด็กน้อยแก้มป่องทำท่าจะไม่ยอมอยู่นี้ ร้องแต่จะไปดูปลา ทำหน้ามุ้ยด้วยแก้มก็ป่องจนจะเป็นปลาปักเป้าอยู่แล้ว พี่ต้นเห็นว่าเอิร์ธเริ่มงอแงตามประสาเด็ก ก็เลยพยักหน้าว่าให้ผมพาลงไปก่อน

 

   ผมจูงมือเอิร์ธลงไปที่ด้านหน้าของวัดพี่ก้องก็ลุกเดินตามผมออกไปด้วย ปล่อยให้แม่พี่ต้นคุยกับผู้หญิงนั้น พ่อนะเล่าให้ฟังผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าทุกประเทศที่ไปต้องมีคนไทยที่ได้รับความเดือนและพ่อก็มักจะยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่เสมอ

 

   ผมกับพี่ก้องพาหลานตัวแสบไปดูปลาและให้อาหารปลาตามคำเรียกร้องของเอิร์ธเพราะถ้าอยู่นานๆ หลานจะกลายเป็นปลาปักเป้าไปซะก่อนทำแก้มป่องซะหน้ากลมเชียว

 

   ผมยืนมองเอิร์ธเหวี่ยงอาหารปลากับพี่ก้อง พี่ก้องนะเขารักเด็ก เวลาเขาไปประจำการที่ไหนเด็กติดตามเป็นขบวนชอบถ่ายรูปกับเด็กๆ อัพรูปส่งมาให้ผมดูประจำ แม้กระทั่งตอนที่ไปเป็นกำลังหนุนในประเทศอัฟกานิสถานก็ยังมีรูปถ่ายกับกลุ่มเด็กๆ ที่นั่น ถ้ามีลูกพี่ก้องต้องรักลูกมากๆ เช่นกัน

 

   ตื้ด!! เสียงข้อความอีกแล้วผมก็หยิบขึ้นมาดู คริสโตเฟอร์ส่งรูปถ่ายเขามาให้ผมดู เขากำลังขับรถอยู่คงจะเป็นรถของโป้งมากกว่า

   Christo = ผมกำลังจะกลับครับครู ครูทำอะไรอยู่?

   Khem = กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่หน้าวัด

   Christo= โห่!! ใจบุญแบบนี้ขอมาเป็นพ่อพระในใจคริสสักคนได้ปะ และคริสจะทำบุญด้วย

   ทุกวันเลยจะได้เกิดมาคู่กันทุกชาติไป"

   Khem = นายนี้น่ะจะทำบุญ

   Christo=ใช่คร๊าปเห็นหน้าตาผมแบบนี้ ใจผมหล่อนะครู น้องหมาที่โรงเรียนมีข้าวกินทุกวัน

   (ผมนึกขึ้นได้กระป๋องที่วางอยู่อย่าบอกนะว่านายคริสโตเฟอร์เอง) 

   Christo=และถ้ายิ่งให้ทำกับครูนะ ผมขอทำบุญด้วยหัวใจผมเลยครับและแถมจูบให้ด้วยทุกวัน

   โปรโมชั่นนี้ไม่มีบ่อยนะครับครู (นี้ผมกำลังถูกเด็กจีบใช่ไหม) 

   Khem = ถ้าเป็นแบบนี้นายไม่ต้องทำหรอกครูไม่ได้อยากได้จูบจากนายสักกหน่อย

   นายนี้มันทะลึ่งกับครูตลอด...อันนี้บาป

   Christo= แต่ผมรู้ว่าผมก็ทำให้ครูเขินทุกครั้งที่ผมส่งข้อความหานะ >///< ทำให้ครู

   ยิ้มอันนี้ไม่บาปหรอกมั้งครับ

 

         ผมยืนยิ้มแก้มแทบปริอยู่คนเดียวก็ข้อความกวนๆ ไม่ได้กวนตรีนนะแต่มันกวนแบบชวนให้อมยิ้มมากกว่า นานแล้วนะที่ไม่ได้รับข้อความแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนตอนจีบณัฐกานต์ใหม่รักผมกับกานต์มันเก่าไปแล้วใช่มั้ย

 

   "อาเข็ม" ผมสะดุ้งลืมไปเลยว่าอยู่กับหลาน เอิร์ธแตะมือผมและเงยหน้าขึ้นมามองผมทำหน้างง ว่าผมทำไมผมถึงยืนยิ้มคนเดียวละซิ กะพริบตาปริบๆ ผมต้องยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขินเล็กน้อย อายหลานเหมือนกันนะ

    Khem = คริสแค่นี้ก่อนนะครูเลี้ยงหลานอยู่ด้วยและก็ให้อาหารปลาด้วย และเราก็ขับรถอยู่

   ไว้ค่อยคุยกันนะถึงแล้วก็ได้โทรหาครูจะได้รู้ว่าเราถึงอย่างปลอดภัย

   Christo=รับทราบครับครู ...ปล.อยากรู้ละซิว่าผมจะอยู่กับใคร?

   Khem = ไม่อยากรู้ว่าอยู่กับใครแค่...ถึงโรงเรียนปลอดภัยแค่นั้นแหละ

   Christo= ครับผม... (ส่งรูปส่งจูบมาให้) 

 

sds​



 

 

   TBC….


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.10.เขมต้องเลือกไปทางไหนดี

         Part’ s เขมชาติ ผมยืนมองไอคอนที่นายคริสโตเฟอร์ส่งมาให้ผมในแอปพลิเคชันที่ผมใช่คุยกับเขา นี้นักเรียนบ้าอะไรเขาส่งให้ครูแบบนี้วะเนี๊ยะ!  ผมแอบคิดในใจแต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ อยากน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างแหละนะเขม ผมเคยคิดแต่ว่าคบเด็กสร้างบ้านเลยไม่สนใจจะมีแฟนเด็กเห็นทีคงต้องคิดใหม่

   "เป็นอะไรวะเขม...พี่ไม่ค่อยได้เห็นนายยิ้มแบบนี้นานแล้วนะ...มีกิ๊กเหรอ" พี่ก้องเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม พ่อผมหันมามองพี่ก้องมายืนอยู่ทางด้านหลังผมและกำลังชะโงกหน้ามาอ่านข้อความที่คริสโตเฟอร์

   "เห้ย! ..พี่ก้องห้ามแอบดู" ผมเบี่่ยงมือถือหนีพี่ก้อง พี่ก้องก็ยื้อแย่งจะดูของผมอีก

   "อ่านหน่อยนะ...โอ๊ย! มีส่ง..จูบให้ด้วย..ใครอะ" พี่ก้องถามผม ผมมองหน้าพี่ก้องเบื่อผู้กองที่เก่งคนนี้จริงๆ เลย เก่งเรื่องสอดแนมสมกับที่เคยอยู่หน่วยสอดแนมของกองทัพบกมาก่อน

   "...อาเข็มยิ้มกับกระป๋องด้วยน่า ...ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เอิร์ธพูดก็ผมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความของคริสโตเฟอร์และกระป๋องมันก็อยู่ข้างใต้ผมพอดีแถมมันก็กระป๋องเปล่าๆ ซะด้วย หลานนี้ก็อีกคน ตาเอิร์ธ ที่กำลังเงยหน้ามองผมกะพริบตาปริปๆ

   "นายจนมุมแล้วแหละเขม...สารภาพมาซะดีดี และพี่เดาว่าไม่ใช่ณัฐกานต์แน่นอน อาการมันเหมือนคนมีรักใหม่ๆ " พี่ก้องพูด

   “รักใหม่ที่ไหน ยังไม่ใช่ซะหน่อยอย่ามาหาเรื่องน้องเลยนะ” ผมพูดเดินวนหนีพี่ก้อง พี่ก้องชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้เอิร์ธช่วยจับผมแน่ๆ

   "แบบกำลังซู่ซ่าอะไรแบบนี้" พี่ก้องพูดหยักคิ้วสองทีติด ผมหันไปมองพี่ชายทำท่าจะหันหลังออก

   “หมับ” เอิร์ธกระโดดกอดขาผม ผมจะสะบัดหลานตัวเองได้ยังไงเล่าไอ้พี่ก้องนะไอ้พี่ก้อง

   "ได้นายไม่บอกพี่ดีดีใช่มั้ย...เขม" พี่ก้องพูดถลกแขนเสื้อ อย่าบอกนะว่าจะคาดคั้นความลับจากผมแบบตอนเด็กนะ แถมยังได้ผู้ช่วยเป็นหลานตัวแสบผมด้วยนะ กอดขาผมแบบนั่งทิ้งน้ำหนักทั้งตัวถ่วงผมไว้แบบนี้จะขยับไปไหนได้ละ

   "พี่ก้องอย่านะ...ฮาๆ ...ไม่เอาพี่ก้อง...ฮาๆ " พี่ก้องจี้เอวผม ผมเป็นคนบ้าจี้มาก จะวิ่งหนีก็ไม่ได้หลานก็เข้ามากอดขาผมอยู่ เขาเรียกว่าโดนอากับหลานรุมใช่ไหมเนี๊ยะ เข้ากันดีจริงเลยสองคนนี้

   "นายจะบอกพี่ได้หรือยัง...เขม"

   "คิก คิก คิก" หลานเอิร์ธของผม

   "พอแล้วพี่ก้องบอกแล้วหยุดก่อนดิ...พี่ก้อง ฮาๆ "

   "เร็วรีบบอกมาไม่งั้นพี่จะให้พี่ต้นคาดคั้นนายนะ" พี่ก้องเอาพี่ต้นมาขู่อีกแล้ว

   “บอกแล้วจริงๆ ..หยุดจี้เอวมก่อนดิพี่ก้อง...”

   "เด็กนักเรียนที่เขมไปเป็นครูสอนนะ" ผมเลยต้องบอกจนได้

   "เฮ้ย!! เด็กจีบเหรอ..แรงนะน้องพี่"

   "เด็กเกรียนด้วย ผมเองก็ไม่แน่ใจบางทีเขาอาจจะแกล้งผมก็ได้มั้งพี่ก้อง" ผมพูด พี่ก้องเอามือเท้าซะเอวและทำท่าคิด คิด

   "เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ใช่เกย์นะพี่ก้อง"

   "พี่ก็ไม่ได้เป็นนิ" พี่ก้องพูด ผมหันไปเหล่นี้ยังไม่เป็นอีกเหรอเมื่อวานก็เห็นเต็มๆ สองตาแล้วนะ

   "ยังไม่เป็นเต็มตัวแต่ก็เริ่มชอบผู้ชายแล้วละ...เอ๊ะหรือว่าเป็นวะ...แสดงว่าพี่ติดมาจากนายนั่นแหละเขม “พี่ก้องพูด ผมหันไปมองพี่ก้องเกี่ยวอะไรกับผม

   “ที่จริงชอบผู้ชายด้วยกันมันก็ดีไปอีกแบบน่ะเหมือนอยู่กับเพื่อนและแฟนในคนคนเดียวกัน มันเหมือนเจอคนที่มีเคมีตรงกัน มีงอนบ้างแต่ไม่เท่าผู้หญิงวะ" พี่ก้องพูด ผมหันไปเหล่ตามอง

   "อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมันก็โอเคแล้วเผลอๆ จะมีความสุขกว่าอยู่กับผู้หญิงอีก แต่ก็ไม่ได้ว่าผู้หญิงทุกคนอยู่ด้วยไม่มีความสุขนะแค่...บางคน"พี่ก้องพูด นั่นก็แปลว่าที่พี่ก้องอยู่กับพี่โบว์ ไม่มีความสุขเลย

   "คือแบบว่าคุยกันง่าย ไม่งอแง ไม่ต้องมาตามเอาใจยี่สิบสี่ชั่วโมงและอีกอย่างเพศเดียวกันด้วยมั้งมันเลยเข้าใจกันง่ายกว่าไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรมาก" พี่ก้องยืนเอามือล้วงกระเป๋า ผมพยักหน้าบางที่มันใช่นะ

    "นายยังเป็นเลยไม่ใช่เหรอ พี่รู้ว่าเราอึดอัดแต่รักเขา พอเขาพูดว่าจะทำตัวดีเข้าหน่อยนายก็ใจอ่อนเพราะว่ารักมาหลายปี ถ้าเป็นเงินฝากธนาคาร นายคงได้ดอกเบียเยอะแล้วแต่ไม่ใช่กับณัฐกานต์ ที่นายฝากใจแล้วจะได้เต็มร้อยจากเขา ดูแล้วเขารักตัวเขาเองมากกว่านาย" พี่ก้องพูด ผมหันมามองพี่ก้อง อันนี้มันชี้จุดกันเลยนะเนี๊ยะ

   "ลองเปิดใจดูก็ดีนะเขม...พี่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้เราเป็นคนนอกใจนะ...แต่เพื่อบางทีนายอาจจะพบใครบางคนที่ทำให้นายพบความสุขที่แท้จริงๆ ก็ได้นะ เพราะทุกวันนี้ที่นายเป็นอยู่นะพี่ว่าไม่ใช่เลยเขม" พี่ก้องพูดสีหน้าซีเรียสพอสมควร

   “...แต่ว่า.."

   "คบมานาน...เคยได้ยินไหมรักไม่ต้องการเวลานะเขม เวลาที่สะสมมาไม่ได้พิสูจน์นะว่านั้นคือรักแท้จริงๆ " พี่ก้องพูด


   "แต่เวลาก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้แค่ว่าใครกันที่จะอยู่ข้างๆ นายได้จริง สิ่งสำคัญของคนรักกันคือการไม่นอกใจหรือนอกกาย"พี่ก้องพูดผมเห็นพี่ก้องพูดแบบนี้กับผมบ่อยเหมือนกันผมเพิ่งจะเข้าใจว่ามันคืออดีตที่พี่ก้องต้องเจอมาพี่ก้องคงไม่อยากให้ผมเหมือนพี่และผมก็ยังไม่ได้เล่าให้พี่ก้องฟังด้วยเรื่องที่ณัฐกานต์เขานอกกายผมไปแล้ว ผมเงยหน้ามองพี่ก้อง ผมควรจะบอกเรื่องนั้นไหมไม่ดีกว่า

   "ถามใจตัวเองซิว่าที่นายทำอยู่ตรงนี้นะเพื่ออะไร...มีความสุขแล้วจริงๆ แน่เหรอ และที่ทำให้เขานะเขาคิดว่ามันมีค่าพอไหม สำหรับณัฐกานต์” ก้องถามผม

   “ฟู่” ผมก็ต้องพ่นลมทางปาก

   "พี่รักน้องนะเพราะว่าพี่เจอมาแล้ว สี่ปีที่ทุ่มไป สุดท้ายเหลือแค่ความว่างเปล่า" พี่ก้องพูดผมก็ว่ามันก็ถูกณัฐกานต์ที่ผมรู้จักกับตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย เขาเปลี่ยนไปมาก

“ก้อง เขม พาหลานกลับบ้านกันเถอะลูก พี่ต้นเขาจะขับรถกลับวันนี้เลย” แม่เดินมาบอกผมสองคน ผมหันไปมองแม่และพาเอิร์ธเดินไปที่รถของพี่ต้นที่จอดอยู่ด้านหน้ากุฏิของหลวงลุง พี่ต้นถือโทรศัพท์อยู่ ทำท่าเหมือนกำลังพยายามโทรหาใครสักคน พี่ต้นกดโทรศัพท์โทรออกแล้วโทรออกอีกอยู่แบบนั้นอยู่หลายรอบ จนพี่ต้นส่ายหัวแล้ว

   "เป็นยังไง..ติดต่อหนูเกศได้ไหม..ทำเพื่อลูกนะต้น..ไหนๆ เธอก็เป็นแม่ของตาเอิร์ธแล้วอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ อย่าให้มันมาพังลงเพราะแม่หรือน้องเลยนะต้น" แม่หันไปพูดกับพี่ต้น ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะผมรู้ว่ายังไงตาเอิร์ธก็รักแม่ของเขาเหมือนกัน ถึงแม้จะแอบกลัวจนตัวสั่นบ้าง

   “คิดถึงลูกพี่ก่อนนะพี่ต้น ผมขอนะ” ผมพูดกับพี่ต้น พี่ต้นหันมามองผมด้วยสีหน้าที่หนักใจ

   "พี่ต้นไปง้อพี่เกศเถอะนะพี่ พี่ควรเลือกเขาส่วนผมเป็นน้องพี่ยังไงก็ยังคงเป็นน้องพี่ไปตลอด ทำเพื่อเอิร์ธนะพี่ต้น" ผมพร่ำบอกพี่ต้นอีกครั้ง พี่ต้นยืนถอนหายใจก่อนจะหันมาพยักหน้าเบาๆ กับผม พี่ก้องที่ยืนข้างๆ ตบไหล่พี่ต้นเบาๆ     ผมเห็นเอิร์ธหันไปมองพ่อแม่ลูก ผู้หญิงที่บอกว่าเขารู้จักพ่อผมตั้งแต่ตอนที่พ่อผมไปเป็นนักการทูต พวกเขากำลังเดินลงมาพร้อมกัน มันดูช่างอบอุ่นในสายตาเอิร์ธแน่ๆ ผมก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเอิร์ธเองก็อยากได้แบบนั้น

    "พี่ต้นผมขับให้เองพี่จะได้พัก พี่ต้องขับรถยาวเลยน่ะ" พี่ก้องบอกพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้าพร้อมกับส่งกุญแจรถให้พี่ก้องไป ผมนะไม่ชอบขับรถของพี่ต้น รถพี่ต้นมันใหญ่และใหม่ด้วย รถฟอร์จูนเนอร์ราคาแพง ผมขับไม่ถนัด แต่พี่ก้องก็ขับได้สบายอยู่แล้วขนาดฮัมรีพี่ก้องก็ขับมาแล้ว  นิจะกลัวอะไรละ เอิร์ธก็หลับปุ๋ยอยู่กับอกพี่ต้น วันนี้ไม่ยอมนั่งคาร์ซีท เห็นแล้วก็อดที่จะสงสารหลานไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่เกศรินทร์ใครจะดูตาเอิร์ธละ พี่ต้นก็ต้องทำงานทุกวัน

   "พี่ขอโทษนะเขม" พี่ต้นหันมาพูดกับผม

   "มันไม่ใช่ความผิดของพี่และสำหรับพี่ก็ยังเป็นพี่ชายที่เขมรักเสมอพี่ต้น" ผมหันไปบอกพี่ต้น และเข้าไปกอด พี่ต้นก็กอดผมตอบ

   พอกลับมาถึงบ้านพี่ต้นก็อุ้มตาเอิร์ธกลับไปนอนด้านใน พวกผมนั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพี่ก้องบอกว่าต้องกลับวันนี้พี่ก้องจะขับรถไปเองแต่จะไปกับพี่นครินทร์และแม่ก็คงเหงาอีกแล้ว    ผมเหลือบมองโทรศํพท์นี้ณัฐกานต์ยังไม่คิดจะโทรหาผมเช่นกันผมก็ไม่โทรไปเหมือนเช่นทุกครั้ง หรือยังไม่ตื่นก็ไม่รู้เมื่อคืนคงเมากันหมดสภาพและเท่าที่ผมเดา ผมก็นั่งหมุนโทรศํพท์เล่นที่ผมหมุนไม่ได้กังวลเรื่องณัฐกานต์นะผมดันคิดถึง คริสโตเฟอร์ ทำไมผมคิดถึงเขานะ นายคริส

   "สวัสดีครับแม่" พี่นครินทร์เดินเข้ามาในบ้าน พี่เขาแต่งเครื่องแบบทหารมาดูแตกต่างจากเมื่อวานมาก ที่พี่มาแบบชุดลำลองแต่พอแต่งเครื่องดูหล่อเท่สมาร์ตขึ้นมาทันทีพี่ก้องมีคู่แข่งแล้วแหละ พี่ก้องเดินลงมาจากชั้นบนพี่ก้องแต่งเครื่องแบบทหารเหมือนกันด้วย

   "จะกลับกันเลยแล้วเหรอลูก ก้อง รินทร์..และขับกันไปเองด้วยใช่มั้ย" แม่ถามพี่ก้องและพี่นครินทร์

   "ครับแม่แต่ไม่เป็นไรผมกับรินทร์นะผลัดกันขับได้ครับ....แม่ไม่ต้องเป็นห่วง" พี่ก้องพูดและเดินเข้าไปสวมกอดแม่รดา

   "ทานอะไรมาหรือยังครับคุณรินทร์"พี่ก้องถามพี่นครินทร์

   "ทานแล้วครับคุณก้อง รินทร์ไปทานกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนจะออกมารับคุณนะ" พี่นครินทร์หันมาตอบ พี่

   "คุณก้อง"

   "คุณติดกระดุมไขว้กันนะ ประจำเลยนะคุณนะ ผมต้องแก้ให้คุณแบบนี้บ่อยๆ คราวหน้าอย่าให้ผมต้องทำอีกนะครับ " พี่นครินทร์เรียกพี่ก้องไว้เพราะว่าเขาติดกระดุมไขว้กันจริงๆ ด้วย ภาพผู้ชายแก้กระดุมให้อีกคนมันน่ารักมากเลยนะและติดกลับให้ใหม่ ผมนั่งมอง พี่ก้อง ผมว่าพี่เขาตั้งใจ ปกติไม่เคยผิดน่ะ

   “เปรี๊ยะ!!!!” เสียงดีดนิ้วใส่หน้าผม ทำให้ผมต้องตื่นจากภวังค์ ผมกลับนึกถึงตอนที่ผมกำลังหาที่ติดล็อกหมวกกันน๊อคและนายคริสโตเฟอร์เองก็เป็นคนติดให้ผม

   "อิจฉาเหรอ" พี่ก้อง ผมพยักหน้า ยิ้มบางๆ ให้พี่ชาย

   "เปล่าก็แค่..ไม่เคยเห็น..กับพี่นะ" ผมเอามือเท้าคางมองพี่ก้อง

   "ก้องนี้นะแม่ทำไว้ให้เอาไปทานกันนะลูก" แม่ทำขนมเม็ดขนุนแม่รู้ว่าพี่ก้องชอบทาน

   "แม่ทำเองเหรอครับน่าทานมากเลยครับ..ขนมเม็ดขนุนใช่ไหมครับแม่ " พี่นครินทร์เอ่ยปากชมแม่ผมทันทีแม่ผมส่งกล่องขนมนั้นให้ไป

   "จร๊า..ขับรถกันดีดีนะลูก..อย่าขับเร็วละก้องแม่เป็นหวง.และมาทานข้าวกับแม่ด้วยละ ลูกรินทร์ แม่ขอโทษเรื่องเมื่อวานอย่าไปถือสาแม่เกศรินทร์เขาเลยนะ" แม่พูดแม่ขอโทษแทนพี่เกศ พี่นครินทร์พยักหน้าและเข้ามากอดแม่ผมเหมือนเป็นแม่ของพี่เขาเอง

   “ครับคุณแม่ “พี่นครินทร์ยกมือไหว้แม่ผม พี่เขาช่างมารยาทแตกต่างกับพี่เกศรินทร์ตอนนี้สิ้นเชิง

   “พระคุ้มครองให้ปลอดภัยกันทั้งคู่นะลูกนะ” แม่ผมพูดพี่ก้องและพี่นครินทร์ก็พากันพนมมือรับพรจากแม่ของผมกัน  แม่ผมนะเขาเป็นคนใจดีมีเมตตาไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลย ลูกรักใครแม่ก็รักคนนั้นแม่เป็นแบบนี้มาต้ั้งนานแล้ว พี่ก้องกับพี่นครินทร์ยกมือไหว้ลาแม่ แม่ผมก็หอมที่หัวพี่ก้องเห็นแววตาแม่ยิ้มมีความสุขแต่ผมรู้ว่าปนไปด้วยความห่วงใย ที่พี่ก้องไปนะอันตรายแค่ไหนแต่พี่ก้องเขาเลือกเดินที่จะเดินทางนี้

   "พี่ต้น ..ก้องกลับแล้วนะพี่" พี่ต้นเดินออกมาจากห้องหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย

   "ก้อง...รักษาตัวด้วยนะ พี่เป็นห่วง..โทรหาพี่บ้างจะได้รู้ว่านายสบายดี"พี่ต้นเดินไปบอกพี่ก้องและสวมกอดเบาๆ

   "ครับพี่..ผมโอเค" พี่ก้องพูดบอกพี่ต้น

"คุณรินทร์พี่ฝากน้องชายบ้าระห่ำพี่คนนี้นะ" พี่ต้นหันไปฝากพี่ก้องกับพี่นครินทร์

   "ได้ครับ..แต่ผมไม่รู้ว่าจะหยุดความบ้ารำห่ำของเขาได้ไหมนะซิครับพี่ต้น..ทั้งหน่วยกลัวคนนี้คนเดียวเลยครับพี่ต้น ไม่ใช่แค่หัวหน้าธรรมดาแต่เป็นถึงหัวหน้าสายบ้าระห่ำเลยทีเดียวละครับ เพราะว่าพาลุยแหลกทุกงาน" พี่นครินทร์พูดและหันมาขำพี่ก้อง ผมกับพี่ต้นรู้ดีเลยว่าพี่ก้องผมนะผู้กองขาลุยขนาดไหน นี้แม่ผมขอไว้นะไม่งั้นหนักกว่านี้นะผมว่า

   "เขมพี่ไปนะ..มีอะไรส่งข้อความหาพี่ละ" พี่ก้องหันมาบอกผมก่อนจะพากันเดินออกไป ผมหันหน้ามามองพี่ต้น พี่ต้นก็กำลังจะออกเดินทางเช่นกันตาเอิร์ธเดินออกมาและกอดตุ๊กตากระต่ายออกมาด้วย

   "พี่กลับแล้วนะเขม..มีอะไรโทรหาพี่นะ..ดูแลตัวเอง..ดูเราผอมไปนะ..ถ้าลำบากให้พี่ช่วยหาโรงเรียนใกล้ๆ ให้ก็บอกนะ และเราจะได้กลับมาอยู่กับแม่" พี่ต้นหันบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากย้ายมาหรือเปล่านะซิ เพราะผมไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ณัฐกานต์ทำไว้แล้วซิผม และนี้อาจจะดีถ้าผมกับเขาอยู่ห่างๆ กันบ้าง

   "ไม่เป็นไรหรอกแม่อยู่ได้มีป้าวิลัยเป็นเพื่อน นี้ก็ว่าจะไปทอดกฐินสามัคคีกัน..แม่รู้ว่าลูกๆ ของแม่ต้องทำงานขอแค่กลับมาทานข้าวกับแม่บ้างก็พอแล้ว" แม่พูดและเข้ามากอดผมกับพี่ต้น

   "น้องเอิร์ธ ..กลับไปถึงบ้านเข้าไปกอดคุณแม่เกศนะลูกนะ..ช่วยคุณพ่อเขาง้อคุณแม่หน่อย" แม่ย่อตัวลงเอามือลูปใบหน้าเอิร์ธที่เพิ่งจะตื่นนอนมายังงัวเงียอยู่เลย

   "แล้วแม่เกศจะไม่ตีเอิร์ธอีกเหรอคุณย่า...เอิร์ธกลัว..เอิร์ธก็เจ็บ..แต่แม่ก็ยังตี" ผมไม่อยากจะได้ยินเลยว่าเขาทำร้ายลูกตัวเองเพราะว่าเขาเกลียดผมนี่นะ ผมไม่กล้าก้มลงมองหน้าหลานเลยจริงๆ แม่ผมรับตุ๊กตากระต่ายคืนจากเอิร์ธ

   "ไม่ตีหรอกลูก..แล้วที่แม่ตีหนูดื้อหรือเปล่าละเอิร์ธ" แม่ผมก้มลงถามเอิร์ธ ผมก็มองเขา แววตาใสซื่อคู่นั้น

   "เอิร์ธแค่หิวนม...แต่พ่อไม่อยู่..แม่ก็ตี..พี่มะแตรก็ห้ามไม่ให้แม่ตี” เอิร์ธยืนกอดอกพูดและก้มหน้าเหมือนเขารู้สึกผิด

   “พี่มะแตไม่อยู่แล้วนะคุณย่า "ผมได้ฟังแบบนี้แล้วก็ใจหาย พี่ต้นหันหลังให้เอิร์ธผมว่าพี่ต้นก็เครียดนะผมนี้เห็นใจเลยทั้งงานและครอบครัวอีก แม่ก็มองหน้าพี่ต้น มันทำอะไรมากไม่หรอกเพราะว่านั้นคือครอบครัวของเขา ต่อให้คนตรงหน้าและที่ยืนข้างๆ ผมเป็นหลานแท้ๆ ก็เถอะ ผมย่อตัวลงกอดตาเอิร์ธ

   "อาขอโทษนะครับเอิร์ธ" ผมย่อตัวลงตับไหล่เอิร์ธ มองไปในแววตาใสซื่อคู่นั้น

   "พ่อบอกว่าไม่ให้โกรธอาเข็มแต่เอิร์ธก็ยังไม่เข้าใจ...เอิร์ธรักขาเข็ม" เอิร์ธพูดผมดึงร่างเล็กๆ เข้ามากอด

   "เอาละไปกันได้แล้วลูกเดี๋ยวพ่อจะถึงบ้านมืด..แม่ครับต้นไปนะครับแม่..ถึงแล้วต้นจะโทรหานะครับ..ต้นรักแม่..ไม่นานต้นจะกลับมาอยู่กับแม่" พี่ต้นเข้าไปกอดแม่และหันมาแตะหัวผม

   ผมอุ้มตาเอิร์ธออกไปส่งให้พี่ต้น พี่ต้นให้ตาเอิร์ธนั่งเบาะหลังจะมีเบาะสำหรับเด็กซึ่งมันปลอดภัยกว่าและมีเครื่องเล่นดีวีดีตาเอิร์ธนะเป็นเด็กฉลาดเขาเปิดเองได้เปลี่ยนแผ่นเองได้ ดูซิพอผมอุ้มเข้าไปนั่งก็จัดการเปิดกระเป๋าซีดีเลือกแผ่นการ์ตูนที่ชอบดูขวดนมและขวดน้ำใส่กระเป๋าวางพี่ต้นใส่กระเป๋าวางไว้ใกล้ด้วย เอิร์ธเป็นเด็กที่ไม่งอแงกับพี่ต้นเลยสักนิดเหมือนเขาจะรู้ดีว่าพ่อของเขาเจอเรื่องวุ่นวายภายในบ้านมาเยอะแล้วมันจึงไม่แปลกที่พี่ต้นไม่ค่อยห่างจากลูก พี่ต้นอยู่กลับลูกมากกว่าอยู่กับพี่เกศรินทร์ซะอีก

   "เอาไว้ย่าจะไปหาเอิร์ธนะลูก" แม่ผมบอกเอิร์ธก่อนจะปิดประตูรถและพี่ต้นก็โบกมือให้ผมกับแม่ ผมยืนมองจนพี่ต้นขับรถออกไป

   "แล้วเราล่ะจะไปหากานต์เลยหรือเปล่าลูกแม่จะได้ตักแกงส้มไข่ชะอมไว้ให้" แม่ถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ พี่ๆ ไปกันหมดแล้ว แม่ก็สาละวนในการอุ่นแกงส้มไข่ชะอมทอดที่จะให้ผมนำไปฝากณัฐกานต์

   ("ถามใจตัวเองซิว่าที่นายทำอยู่ตรงนี้นะเพื่ออะไร..มีความสุขแล้วจริงๆ เหรอเขม" คำพูดของพี่ก้อง)



   ("แค่ครั้งเดียวก็กานต์เหงา..เขมไม่โทรหากานต์..กานต์เครียด..เขาแค่เพื่อนร่วมงาน..กานต์ยังรักเขมนะ" คำพูดของกานต์)

   ("ผมรู้สึกดีเวลาคุยกับครูเพราะว่าผมไว้ใจครู" คำพูดของคริสโตเฟอร์ ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นมือก็หมุนโทรศัพท์เล่นวนไปวนมาอยู่แบบนั้นจนกระทั่งมือผมพลาดไปแตะปุ่มฟังชั่นสีเขียวหน้าจอก็เด้งขึ้นมา เป็นการสนทนาของผมกับคริสโตเฟอร์)

   "แม่ครับเขมจะกลับไปโรงเรียนนะครับแม่...เขมไม่ไปหากานต์..แม่ไม่ต้องตักแกงหรอกนะครับ..เอาเก็บไว้ให้ป้าวิลัยเขาดีกว่านะครับแม่" ผมพูดแม่หันมามองหน้าผม

   "มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูกเขม ทะเลาะอะไรกันอีก" แม่วางทัพพีลงและเดินมาหาผมแม่แตะไหล่ผมเบาๆ

   "เขมว่าจะบอกแม่หลายครั้งแล้วว่ากานต์เขาไม่กินไข่ชะอมทอดเอาไปเขาก็ทิ้งเปล่าๆ" ผมพูดแม่มองหน้าผมแม่คงเสียใจที่ได้ยินแบบนี้ ผมแตะมือแม่

   "อ้าวเหรอ...ก็เห็นตอนแรกเขาชอบแม่ก็คิดว่าเขายังชอบอยู่"

   "ใช่แม่เมื่อก่อนเขาเห็นผมชอบอะไรเขาก็ชอบตามแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วแม่"ผมพูด

   "อือ!! แม่เข้าใจลูก...เลือกทำสิ่งที่ลูกคิดว่าทำแล้วลูกแม่มีความสูขเพราะความสุขของลูกคือความสุขของแม่นะเขม"

   "ผมรักแม่ครับแต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะพูดอะไรแต่ไม่นานครับแม่...ผมขึ้นไปเก็บของก่อนนะแม่"

   “ฟ้อด!!” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินออกหอมแก้มคุณแม่ผมทีหนึ่งก่อน ผู้หญิงคนนี้ที่เข้าใจและรักผมมากที่สุด

   "ถ้าอย่างนั้นแม่จะดูอะไรที่เขมจะเอาไปทานได้ก็แล้วกันนะลูกนะ" แม่หันมาบอกผม

   “เอาไปให้ป้าเขาทานดีกว่าครับ เพราะว่ากว่าเขมจะถึงมันจะเสียซะก่อนนะครับแม่” ผมพูดกับแม่รดา แม่ก็พยักหน้าให้ผม และผมก็รีบขึ้นไปบนบ้านเก็บพวกสมุดการบ้านเด็กและชีทที่ให้เด็กนักเรียนทำมาส่ง เอาไปตรวจที่โน่นด้วยเลยก็ดีเหมือนกัน ผมหันไปมองทีวีในห้องนอนผมมันก็ไม่ได้ใช้เอาไปด้วยก็ดีเพราะที่นั่นมันก็เก่าแล้วแต่ผมคงไม่ติดแอร์มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ ผมขนทุกอย่างลงมาใส่ไว้ในรถเก๋งของผมคันนี้พี่ต้นยกให้ผมและไปซื้อฟอร์จูนเนอร์รถครอบครัวแทน พี่ต้นบอกไปไหนชอบพาตาเอิร์ทไปด้วยทุกที เพราะจะได้เห็นการทำงานของพี่ต้นด้วย

   "เขมไปก่อนนะแม่...ต่อไปนี้เขมจะโทรหาแม่ให้บ่อยขึ้น..เขมรู้ว่าแม่เหงาแต่แม่แค่ไม่อยากทิ้งลูกๆ เป็นห่วงและแม่ไม่อยากทิ้งบ้านที่พ่อรักไป ไม่นานเขมจะกลับมาอยู่ใกล้ๆ แม่" ผมพูดผมเข้าไปหอมแก้มแม่รดาและรีบขับรถไปทันที

   “ตื้ด!!” เสียงมือถือของผมสั้นผมก็หยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากณัฐกานต์

   “เขมจะเข้ามาหรือยังครับ เข้ามาแล้วแวะซื้อกาแฟที่ตรงทองหล่อร้านประจำมาให้ด้วยนะเขมและก็บลูเบอรี่ชิสเค้กด้วยนะมาเร็วๆ นะคิดถึงอะ " ข้อความจากณัฐกานต์แต่ว่าผมไม่ได้ไปทางนั้นผมกำลังมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพ   ผมไม่ส่งข้อความตอบกลับใดๆ ในตอนนี้ เพราะว่าผมกำลังใช้ความคิด ผมยังรักณัฐกานต์ไหม ตอบว่ายังรัก เพราะว่าสี่ปีมันย่อมที่จะผูกพันกันมาก แต่เวลามันไม่ได้ช่วยให้ความรักของเราดีขึ้นเลยอย่างที่พี่ก้องพูดมีแต่ทะเลาะกันมากขึ้น ที่สำคัญผมกับเขาเรายังก็ยังไม่เลิกกันและณัฐกานต์ก็บอกว่าเขาจะไม่ทำอีกผมควรจะเชื่อได้อีกไหมนี้ซิ

          ผมคิดไปต่างๆ นานา จนมารู้ตัวอีกที คือผม ผมขับรถมาจอดติดไฟแดงเรียบร้อยแล้ว เพราะความเคยชินต้องกลับไปคอนโด ตอนนี้ผมกำลังลังเลใช่ไหม เพราะว่าถ้าผมขับตรงไป ผมก็จะข้ามไปขึ้นทางด่วนไปหาณัฐกานต์หรือผมจะวนรถกลับและขับออกต่างจังหวัด นั้นคือกลับโรงเรียนของผม และถ้าผมวนกลับไปและทิ้ง 4 ปีกับความรักของผม เพื่อไปหาความรักใหม่ที่ดูแล้วปัญหาจะตามมาเยอะมากมาย ไหนจะครูลูกศิษย์ที่ห้ามรักกัน และเขาก็ยังไม่ 18 ปีเลยด้วยซ้ำ



   “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจของผม และมือที่กำพวงมาลัยรถแน่น แบบว่าคิดหนักมากจริงๆ ว่าผมควรจะไปทางไหนดี ????

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
            Part คริสโตเฟอร์ ผมเป็นพระเอกหรือนายเอกนะเอาเป็นว่าเก็บไว้ให้เดาก่อนก็แล้วกัน ยังไม่บอกตอนนี้ เพราะคริสโตเฟอร์เองก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวสักเท่าไหร่ แต่ทำไมชอบไปหยอดครูเขมก็ไม่รู้ซิ ผมรู้สึกเหมือนรักแรกพบตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอครูเขาที่ตรงบันไดและผมก็เกือบทำให้เขาหงายหลัง ตอนนั้นผมคว้าข้อมือเขาเอาไว้ แต่นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่มันสับสนในใจผม มันตีกันไปหมด ก็คริสโตเฟอร์ มีแต่แฟนที่เป็นผู้หญิงมาตลอด



            ผมขับรถมาให้ไอ้โป้งและแฟนมันก็นั่งข้างหลังกับเพื่อนๆ สาว ผมรู้ว่ามีคนแอบชอบผมมองผมใหญ่เลยและหันไปซุบซิบกันเกี่ยวกับผมนี้แหละ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอยากจะชายตามอง ผมรู้สึกเหมือนกำลังสับสน ผมรู้สึกดีกับการมองพี่เขมที่เป็นผู้ชายมากกว่ามองผู้หญิงไปได้ยังไงก็ไม่รู้



      "ไอ้คริส..เพื่อนพี่แป้งชอบมึงวะ..ดูท่าจะฟีเวอร์ซะด้วย” ไอ้โป้งมันพูดกระซิบ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลัง เขาก็ยังคงมองผมและยิ้มให้ผม "ผมหันมามองไอ้โป้ง เพื่อนรักของผม



      "อืมม..มาเต็มขนาดนี้..ถ้ากูไม่รู้ตัวนี้กลับไปเรียนอนุบาลดีกว่าไหมโป้ง" ผมหันไปบอกไอ้โป้ง



      "ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอวะ" ไอ้โป้งมันถามผม



      "รู้" ผมตอบแต่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า



      "รู้ว่า?" ไอ้โป้งและผมเบี่ยงสายตามามองแค่แว็ปเดียวและรีบหันกลับมาพร้อมกัน



      "กูไม่ได้ชอบเขา..กู...เออ" ผมพูดบอกไอ้โป้ง และดีที่เสียงเพลงค่อนข้างดังที่ด้านหลังอยู่ เขาเลยไม่ได้ยินที่ผมกับโป้งคุยกันจะว่าไปผมเองก็สับสนอยู่ไม่ใช่น้อย ว่าตอนนี้ผมกำลังจะเป็นเกย์หรือเปล่าและยิ่งได้สัมผัสริมฝีปากนั้น นั้นแค่แตะเองนะอารมณ์ยังพลุกพล่านไปถึงไหนต่อไหน ผมกำลังคิดถึงริมฝีปากของครูเขมชาติ



      "กู..เอาไว้กูค่อยอธิบายแล้วกันวะ ตอนนี้กูมีเรื่องเยอะแยะแล้ววะ กูเลยไม่มีอารมณ์จะหาใครมาวุ่นวายวะโป้ง "ผมพูดและหันไปมองที่ถนนต่อ



      ผมเหลือบตามองลงที่มือถือที่วางไว้ข้างๆ ตัวผม ผมนะรอข้อความจากครูเขมไม่ส่งมาหาสักที หรือว่าไปหาแฟนของครู ผมเห็นแฟนเขาแล้วก็ขัดใจมาก อยากกระโดดกัดหูมันจริงๆ เห็นท่าทีที่มองผมวันนั้นด้วยนะมองแบบเหยียด แม่งสูงมาจากไหนวะ ตอนนี้ผมสูง 175 อีกไม่นานจะ 180 ให้ดู



      "นี้มึง...มีคนที่มึงชอบอยู่แล้วเหรอวะ" ไอ้โป้งมันกระซิบกระซาบกับผมทันที แววตามันบอกได้ว่าจงบอกกูมา



      "กูคิดว่าใช่ว่ะแต่กูยังไม่แน่ใจวะโป้ง" ผมหันไปบอกมัน คิ้วผมก็ขมวดกันจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว คิดมาทั้งคืนยังคิดไม่ตก ว่าตกลงผมคิดกับครูแบบชู้สาวจริงเหรอ ทำยังไงจะได้พิสูจน์อีกละ



      "ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ" ผมหันไปเหล่มองมันและหันกลับมาสนใจการขับรถต่อ



      "เออๆ กลับมาค่อยเล่าแต่มึงสปอยด์กูขนาดนี้กูจะนอนหลับไหมคริส...กูคงท้องอืด" ไอ้โป้งมันพูด ทำท่าเบ้ปาก  ผมเลี้ยวรถเข้าไปในโรงเรียนและจอดไว้ทางด้านหน้า ไอ้โป้งมันก็ออกจากรถมาเปลี่ยนไปขับแทน ผมเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองลงจากท้ายรถ



      "คริสไม่ไปกับพวกพี่จริงๆ เหรอ อยู่ที่นี้เหงาจะตาย" พี่แป้งแฟนไอ้โป้ง เป็นรุ่นพี่ที่นี้แหละพอจบไปก็ไปเรียนต่อพยาบาล พี่เขาเป็นแฟนกับไอ้โป้งตั้งแต่มันเข้าเรียนม.4แล้วแปลกนะเป็นแฟนกันยังไงนอนห้องเดียวกันแต่ไม่เคยได้ยินซี้ดอ๊าห์อะไรเลยและนั้นผมก็โกหกครูเขม แต่ผมก็ไม่เคยถามมันหรอกมันอาจจะให้เกียรติผู้หญิงก็เป็นได้เลยรอวันแต่งงานจริงๆ ส่วนผมนี้ก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงนะ เมื่อก่อนซ่ามาก เวลาไปเที่ยวผับก็ได้มาตลอดมีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่แต่ไม่เกิน25ปีนะ และจะพากันไปเปิดห้องฟันกัน แต่หลังจากที่ผมได้เจอครูเขม ต่อมของผมก็เริ่มทำงานผิดปกติ ปฏิเสธหมด แม้กระทั่งเพื่อนพี่แป้งแฟนของไอ้โป้ง ผมยอมรับว่าพี่เขาสวยแต่ไม่สะดุดตาคริสแล้วอ่ะตอนนี้



      "นั้นซิ..น่าจะไปกับพี่และเพื่อนพี่นะคริสต์..พี่” พี่แป้งพูดและหันไปเหล่เพื่อนสาว ที่ยืนยิ้มหวานให้ผม



      “คริสต์ เพื่อนพี่เขาชอบคริสอ่ะ เขาอยากจะ….” พี่แป้งพูด



      "จะได้อะไร” เสียงที่ทำให้การสนทนาหยุดลงและพากันไปมองต้นเสียง ที่ไม่ใช่ใครอื่นใด แก้ม!!



      “และพี่คริส...แก้มมารอพี่ตั้งแต่เช้าแล้วเนี๊ยะ!  แล้วชะนีหน้าปลวกนี้ใครอะ" แก้มเดินปรี่มาเกาะแขนผมทันที พี่แป้งกับเพื่อนสาวของเธอยืนกอดอกมองแก้มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย สายตานี้ฟาดฟันกันมาก คือแบบว่าถามผมสักครับดีกว่าไหมครับ



      "เธอเป็นใคร" เพื่อนของพี่แป้งถามแก้มแบบชัดถ้อยชัดคำมาก



      "เป็นแฟนพี่คริส!!!!!" แก้มตะคอกใส่หน้า



      "ตายแล้ว!..จบม.ต้นหรือยังนมเพิ่งจะตั้งพานเองอะไปรอให้นมมันใหญ่กว่านี้ก่อนดีกว่าไหมน้อง" พี่แป้งยืนแสยะยิ้มให้แก้ม แถมด้วยเบ้ปากและมองบนใส่แก้มอีก



      "นมกูเล็กแล้วจะทำไมอีปลวก" แก้มก็ไม่ยอมลดราวาศอก โต้กลับทันที



      "เหรอ! ...ถ้าอย่างฉันหน้าปลวกเธอก็หมาแดกแฟ้ปแล้วละมั้ง" เพื่อนพี่แป้งพูดเบ้ปากใส่เธอด้วย แต่ผมก็ยอมรับว่าเพื่อนของพี่แป้งสวยกว่า ตรงที่เธอแต่งหน้าเป็นแล้วแต่แก้มมันยังเด็กยังแต่งหน้าไม่ค่อยเป็น



      “นั้นดิ อย่างนี้เขาเรียกสวยแล้วเหรอน้อง ยังนะคะ ยังต้องไปศัลยกรรมอีกเยอะ” พี่แป้งแฟนไอ้โป้งรีบออกตัวเพื่อช่วยเพื่อทันที ผมหันไปเหล่ตามองไอ้โป้ง ไอ้โป้งมันก็แบมือว่าให้ทำไงละ ไอ้เวรเอ๊ย! นั้นมันแฟนมึงแท้ๆ ผมก็ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากและหันไปมองไอ้โป้งอีกทีว่ามันจะให้สาวๆ พวกนี้ตบกันตรงนี้หรือไง มันก็ยังทำมือเชือนคอแปลว่ามันไม่สามารถ ดังนั้นมันให้สาวๆเขาจัดการกันเองตามสบาย



      "แก" แก้มง้างมือจะเข้าไปตบกับ "เข้ามาซิ" อีกคนก็ง้างมือรอรับเช่นกันเอาที่สบายใจกันเลยแล้วกันผมคิดนะ



      "พอครับพอ..หยุดครับ..ไม่มีใครเป็นแฟนผมทั้งนั้น..จบนะ..น่าเบื่อ..โป้งกูเข้าบ้านพักก่อนวะโทรหากูด้วย" ผมพูดตัดบทและหันหลังเดินออกไปในทันที ผมก็ไม่หันกลับไปมองอีกด้วย เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบให้มาตบตีกันมันไม่น่าดูสำหรับผมและคนอื่นๆ ผมไม่ได้อย่างเท่แบบนั้นที่มีคนมาตบตีกันเพื่อแย่งผมกัน



      ผมได้ยินเสียงไอ้โป้งมันเบิ้นรถแสดงว่าทุกคนกลับขึ้นรถไปหมดแล้วและขับออกไป ส่วนแก้มก็วิ่งตามผมมาติดๆ เพราะว่าผมได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอดังไล่มาด้านหลังของผม



      "คริส!! เล่นสเกตบอร์ดกันไหมวะ" ไอ้ปันปัน ไอ้นี่มันไม่เคยกลับบ้านเลย ไม่รู้ว่าทำไม และถ้ามันไม่กลับ ปกติมันจะไปกับไอ้โป้งแต่ว่ารอบนี้มันกลับไม่ยอมไปกับไอ้โป้ง หรือมันเกรงใจที่แฟนโป้งมาก็ไม่รู้



      "ไม่วะ..ไม่มีอารมณ์" ผมตะโกนบอกเพื่อนผมไอ้ปันปัน มันรุ่นเดียวกับผมกับไอ้โป้งแต่ไอ้ปันปัน มันย้ายมาที่หลังตอนที่ผมถูกพักการเรียน และมันได้อยู่ห้องเดียวกับไอ้โป้งด้วยเป็นเพื่อนสนิทไอ้โป้งไปโดยปริยาย



      "เชร็ดโด้! กูชวนเล่นสเกตบอร์ดไม่ได้ชวนไปชักว่าวไม่ต้องรออารมณ์มั้งครับ!" ไอ้ปันปัน ผมหันไปส่งนิ้วกลางให้ทันที!! และเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว



      "แซงค์!!!" ผมหันไปมองโรคจิตนะมันเนี๊๊ยะ! ผมก็เดินจั้มอ้าวตรงเข้าไปที่บ้านพักของผม โดยมีฝีเท้าของแก้มยังคงวิ่งตามผมอยู่จนเกือบจะทัน



      "หมับ" ก้มโผล่เข้ามากอดผมจากด้านหลัง ผมหยุดยืนนิ่ง ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับกอดนี้ มันน่าแปลก ผมรู้สึกกับเขาคนนั้นมากกว่า ครูเขม มันอบอุ่นแต่นี้ มันทำให้ผมยืนนิ่งถือ



      "แก้มปล่อยพี่...เดี๋ยวแม่เธอก็มาด่าพี่..และที่สำคัญนะพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแก้ม" ผมพูดให้เธอปล่อยแต่แก้มก็ไม่ยอม ผมก็ต้องแกะแขนที่กอดเอวผมเอาไว้ออกไปก่อนที่อาจารย์ที่เป็นเวรโรงเรียนจะมาเห็น



      "ไม่จริงอะ พี่ต้องคิดบ้างและแม่ก็ส่วนแม่ไม่เห็นจะแคร์เลย" แก้มพูดผมเอียงคอมองแก้มเอามือท้าวซะเอวมองเด็กหญิงตรงหน้า ลูกกตัญญูแห่งชาติดีเนอะแม่ก็ส่วนแม่ไม่เห็นจะแคร์



      "งั้นตามใจเธอนะถ้าแม่เธอมาด่าช่วยตอบคำถามแม่เธอให้มันถูกๆ หน่อยว่าเธอมาเอง...พี่ไม่ได้..เชิญเธอมา" ผมหันไปพูดก่อนจะเดินสาวเท้าขึ้นไปบนบ้านพัก ห้องพักถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์



      “และก็ตอบคำถามครูเวรด้วยถ้าเขาเห็นเข้า เธอนี้มันหาแต่เรื่องให้พี่ตลอด เธอรู้ตัวไหม...แก้ม” ผมหันมาต่อว่าแก้ม ที่ยืนมองผมก่อนจะหันซ้ายแลขวา



      "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยแก้มอยากมา...อยากนั่งมองหน้าพี่คริสสุดหล่อของแก้ม" แก้มพูดผมส่ายหัวอย่างเอื่อมระอา ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นกระดกดื่ม แก้มขึ้นนมาถึงก็เดินไปนอนลงที่บนที่นอนของผม เธอสวมกางเกงสั้นมาก เขาเรียกสั้นเสมอหูก็ได้มั้ง แต่หาได้ทำให้ผมสนใจไม่ ตอนนี้ผมสนแค่มือถือผมกับแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่ผมใช่คุยหยอกกับครูเขม ตอนนี้มันเงียบมากครูเขมไปไหนไม่โทรหาผม แม้แต่ข้อความก็ไม่มี นี้เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่เงียบที่สุด!!!



      "แก้มพี่จะอาบน้ำนะและถ้ามีใครมาหาพี่เรียกพี่ด้วยนะ " ผมบอกแก้มคนที่นอนฟังเพลงในมือถือของตัวเองอยู่บนเตียงเล็กๆ ของผม



      "ค่ะพี่คริส" แก้มพูดผมหยิบเสื้อ้ผ้าเข้าไปเปลียนในห้องน้ำด้วยไม่กล้าออกมาสวมข้างนอก แก้มมันนี้ก็ช่างไม่อายผมบ้างเลยผมเป็นผู้ชายนะ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำอากาศมันก็ร้อน ผมไม่ได้จะร้อนแค่กายนะใจผมก็ร้อน ทำไมผมคิดถึงเขาได้มากขนาดนี้     นี่ผมรู้สึกอะไรกับครูเขมหรือเปล่านะ ทั้งที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้ชายมาก่อน ขนาดไอ้โป้งที่ผมคบมันมาตั้งแต่เรียนม.ต้นจนเข้าม.ปลายขนาดว่าผมถูกพักการเรียนมันก็ยังไม่ทิ้งผมเลย ผมยังไม่รู้สึกอะไรพิเศษเท่ากับครูเขมที่ผมได้เจอวันแรกสายตาคู่นั้น สายตาที่บอกเขาไม่เคยหลอกผมว่าเขาห่วงใยและจริงใจกับผมมากแค่ไหน



      "ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตู



      "แก้มไปเปิดประตูดิใครมา" ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ผมกำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่และกำลังโป้ด้วย พออาบเสร็จก็รีบออกมาจากห้องน้ำแต่ยังคงเห็นแก้มนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงนอน เพราะว่าเขาเปิดมือถือผมไม่ได้หรอก ผมใส่รหัสล็อกไว้แก้มมันเปิดไม่ได้หรอก ต่อให้มันจะมาตีสนิทขนาดไหน ผมก็ไม่อาจจะไว้ใจแก้มได้



      "ใครมาแก้ม"  ผมถามแก้มที่เอาแต่กดมือถือตัวเอง



      "ไม่มีนิ" แก้มตอบโดยไม่เงยหน้ามองผม



      "แล้วใครมาเคาะ"



      "ไม่มีหรอกพี่คริส พี่นัดใครไว้หรือเปล่าละ"แก้มลุกขึ้นนั่งห้อยขาที่เตียงนอนผมหันหน้ามาทางผม



      "ไม่...ไม่ได้นัด" ผมพูดเบาๆ ผมเดินไปที่ตู้เย็นเปิดมาก็ไม่มีอะไรเลยมีแต่น้ำเปล่า แม่บ้านคงเอาของกินเล่นไปทิ้งหมดแล้วเริ่มจะหิวแล้วซิ



      "ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าไม่มี...มีแค่แก้ม" แก้มยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมแค่เหล่สายตาไปมองเธอแค่นั้น



      "แก้มเธอออกมาแบบนี้แม่ไม่ตามหาหรือไง ยิ่งมาอยู่ในห้องแบบนี้กับพี่มันน่าเกลียดเธอเป็นผู้หญิงนะและที่สำคัญเธอยังไม่สิบห้าเลย"ผมเดินมานั่งลงที่เก้าอี้



      "สิบสี่ย่างเข้าสิบห้าอีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะทำบัตรประชาชนแล้ว...คราวนี้แก้มก็เป็นแฟนพี่ได้แล้วใช่ไหมละพี่คริส"แก้มถามผม



      "พี่ถามจริงๆ เธอมาชอบอะไรพี่หนักหนาแม่เธอก็ไม่ได้ปลื้มพี่"



      "แต่พี่หล่อแก้มรู้แค่นี้แหละ...ไม่เอาอะ..แก้มอยากเป็นแฟนพี่คริสนะ..ตั้งแต่อีพี่เชอรี่นั้นไปเรียนที่อื่นพี่ก็ไม่จีบใคร" เชอรี่คือแฟนคนที่ผมคิดจะจริงจังด้วย เชอรี่อายุน้อยกว่าผมสองปี ตอนนี้เธอถูกส่งไปเรียนเมืองนอกแทน เพราะว่าพ่อของเธอไม่ชอบให้ผมไปยุ่งกับลูกสาวเขาและเชอรี่คือจุดที่ทำให้ผมกับพี่กายมีเรื่องบาดหมางกันเรื่อยมาจนตอนนี้



      "และแก้มนะดีใจแค่ไหนที่มันไปได้ซะที แก้มชอบพี่มาตั้งแต่เข้าเรียนม.1แหละแก้มมองอยู่นานแล้วแก้มอยากได้พี่เป็นแฟน"ตั้งแต่เข้าเรียน ม.1 ก็คิดหาแฟนเลยเหรอ



      "กลับได้แล้วมั้งแก้ม เดี๋ยวแม่เธอมาหรือใครมาเห็นมันน่าเกลียด"ผมพูดและจะออกไปหาอะไรกินด้วยแหละรู้สึกเริ่มหิวขึ้นมาแล้วซิคงต้องออกไปหาอะไรกินและพาน้องแก้มนี้ออกไปส่งก่อนที่แม่ของเธอจะมาตามและด่าผมเอาอีก ผมยิ่งความอดทนหน่อยอยู่ ผมนะไม่ได้ชอบนะให้ใครมาด่ามาว่าผมเป็นฝรั่งขี้นก คำนี้เจ็บที่สุดสำหรับผม



      "น่าเกลียดตรงไหนแฟนกัน"



      "แก้ม...พี่ก็บอกเธอแล้วไงว่าเราไม่ใช่แฟนกัน"



      "แก้มเป็นแฟนของพี่แล้ว" แก้มยังคงลอยหน้าลอยตาพูด ผมนั่งเอามือกุมขมับเครียดกับนางจริงๆ



      "ก๊อกๆ"เสียงเคาะประตูอีกแล้วผมเดินออกไปเปิดประตู ไอ้ปัน ปันนี้เอง



      "มีอะไรปันหน้า ตาตื่น" ผมถามไอ้ปัน



      "แก้มละว่า...แม่มันตามหามันวะ" ไอ้ปัน



      "เชร็ด!!" ผมสะบดออกมา



      "แก้ม...แม่น้องมาตามหานะ..น้องมาอยู่ที่นี้เดี๋ยวไอ้คริสมันก็โดนแม่น้องด่าอีกหรอก" ไอ้ปันปัน เดินเข้ามาพูดกับแก้ม พอแก้มได้ยินก็หันขวับมามองไอ้ปันปัน และกระชากหูฟังออกจากหูอย่างไม่สบอารมณ์



      “และอีกอย่างน่ะนี่มันบ้านพักที่ควรมีแต่ผู้ชาย แก้มทำอะไรคิดถึงความเดือดร้อนพวกพี่บ้างแก้ม” ไอ้ปันปันมันพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยวะ



      "น่าเบื่อจริงๆ แม่นี้ก็น่าเบื่อมากจะตามทำไมก็ไม่รู้ ..อื้ย!!! "แก้มลุกขึ้นทำท่าสะบัดสะบิ้ง ผมหยักไหล่กับไอ้ปันปัน ว่าไม่รู้จะทำยังไงกับแก้มดี ไอ้ปัน ปันมันก็หยักไหล่ตอบกลับว่าจนปัญญาเช่นกัน



      "เออ...เมื่อกี้ครูเขมเข้ามาหามึงไม่ใช่เหรอวะ กูบอกว่ามึงเดินเข้ามาที่บ้านพักวะ" ปันปันพูด ผมส่ายหัวว่าไม่ แต่คิดอีกทีมีคนมาเคาะประตูนะและผมก็บอกให้แก้มเปิดประตู



      "จริงดิวะ" ผมถามไอ้ปันปันกลับ ผมหันไปมองหน้าแก้ม



      "แก้มครูเขมมาใช่ไหม" ผมหันไปถามแก้มสีหน้าผมบอกได้เอาจริง เธอรีบก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาผม



      "แก้ม!! พี่ถามว่าครูเขมมาใช่ไหม"



      "แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกพี่ละ และก็ไม่ยอมเรียกพี่หรือบอกให้ครูเขมรอพี่ก่อนก็ได้" ผมพูดเสียงดังใส่แก้ม

   

      "แก้ม...แก้ม..."ที่แบบนี้มาพูดตะกุกตะกักไม่ปากดีเหมือนเมื่อกี้เลย คงเพราะสีหน้าผมดูเอาจริงเอาจังมาก แก้มคงจะรู้ตัวดีว่าผมกำลังโกรธเขาอยู่



      "เธอบอกอะไรครูเขม" ผมเดินไปหยุดตรงหน้าเธอก้มลงมองหน้าเธอแบบคาดคั้นเอาความจริง ผมจ้องเธอแบบนี้เธอจะได้กล้าแถอีกไหม



      "แก้มบอกว่าพี่อาบน้ำอยู่...เพราะว่าเราเพิ่งจะ..." ผมพยักหน้าเธอร้ายมากจริงๆ แก้ม เธอพยายามกันทุกคนออกห่างจากผม



      "ออกไปเดี๋ยวนี้เลยแก้ม! และไม่ต้องมาหาพี่อีก...เจอกันก็ไม่ต้องเข้ามาทักพี่ไม่ต้องมาสุงสิงกับพี่อีกเธอนี้มันน่ารังเกียจ..มากแก้ม" ผมหันมาตะหวาดเสียงดังไล่แก้มออกไปจากบ้านพักผม ไอ้ปันปัน มันก็พยักหน้าให้แก้มรีบออกไป ปันปัน มันรู้ว่าถ้าผมโกรธผมจะเป็นยังไง



      "และพี่จะพูดกับเธอครั้งนี้แค่ครั้งสุดท้าย.... ว่าพี่ไม่ได้ชอบเธอเข้าใจไหม พี่เบื่อการกระทำแบบหมาหวงก้างของเธอมากเลยนะแก้ม "ผมหันมาพูดกับแก้มก่อนที่ผมจะรีบแทรกตัวลงจากบ้านผมต้องไปหาครูเขมไปอธิบาย เพราะว่าที่แก้มบอกว่าผมอาบน้ำอยู่และแก้มก็อยู่ในบ้านพักผมแบบนี้เป็นใครก็คิด



   TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13.ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ   

      Part’s ครูเขม  ผมขับรถมาถึงโรงเรียนนี้ปาเข้าไปเกือบสี่โมงกว่าๆ พอรถเลี้ยวเข้ามาผมก็รีบเดินไปถาม กลุ่มเด็กที่เล่นสเกตบอร์ดอยู่ เข้าไปถามหาคริสโตเฟอร์ ผมจำได้ว่าเขาคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ของนายคริสโตเฟอร์ เขาก็บอกผมว่าคริสโตเฟอร์มาถึงแล้ว และเดินไปบ้านพักเมื่อสักครู่นี้เอง ผมก็รีบตามเข้าไปถือห่อขนมเข้าไปด้วยกะว่าได้ชวนกินขนมหวานที่แม่ผมทำเอง พอไปถึงผมก็เคาะประตูและผมก็ต้องผงะตกใจมีเด็กผู้หญิงอยู่ในห้องกับคริสต์ มองดูดีดีก็คือแก้ม เดินออกมาเปิดประตูด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงแบบนั้นเป็นใครก็คิดวะ พอผมถามหาคริสโตเฟอร์ เธอบอกว่าคริสโตเฟอร์อาบน้ำอยู่แบบว่าเพิ่งจะ...จุด.จุด..กัน แล้วผมจะยืนรออะไรละเพ่นกลับซิครับ เหมือนนางเองไปมั้ยวะเขม วิ่งทำไมเนี๊ยะ!!! วิ่งหนีมาทำไมเนี๊ยะ!!

      "โว้ย!!!!" ผมร้องอุทานออกมาพร้อมกับวางของที่ถือลงอย่างหงุดหงิด

      "เป็นไงละเขมรีบมามากเป็นห่วงเขามาก กลัวเขาอยู่คนเดียวมาถึงแล้วเป็นไงเขาอยู่กับ ผู้หญิง" ผมพูดกับตัวอย่างหัวเสีย

      "แล้วเราเป็นอะไรวะ ..หึงเหรอ..ไม่นะ หึงทำไมวะ ...เขม" ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ

      "รู้อย่างนี้อยู่บ้านตรวจการบ้านเด็กหาหนังใหม่ๆ มานั่งดูคนเดียวซะก็ดี มาทำไมวะเรา" ผมพูดไปจัดของเข้าทีไปด้วยทำเสียงดังปึงปังอยู่คนบนบ้านนี่แหละ ก็มันน่าโมโหอุตสาห์รีบมา ผมเลือกที่จะไม่ไปหาคนรักแต่มาหาลูกศิษย์ที่บอกว่าคิดถึงผมหนักหนา นี้ดันมาเจอว่า... มีเด็กผู้หญิงอยู่ในบ้านพักแบบนั้น

      “ก็มาเพราะว่าไอ้หมอนั้นมันบอกกับเราว่าอยู่คนเดียวเหมือนพี่เบิร์ดไง” ผมยังคงบ่นอยู่คนเดียว

       "อยู่คนเดียว กับตอนเย็นๆ และก็ไม่เห็นว่าจะต้องมีใครๆ มาเคียงข้าง อยู่ลำพังกับความอ้างว้าง นั่งมองดูแสงรำไร ของดวงตะวันจนลับไป" เพลงก็ขึ้นมาทันทีเลย ..."

      เว้ยย!! ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิดผมกำลังเก็บที่ผมแวะซื้อมาใส่ไว้ในตู้นี้ไปแวะซื้อพวกอาหารสดและของแห้งเข้ามาด้วยจะได้เอาไว้ทำอะไรทานกันใช่ผมคิดจะทำอาหารทานกับคริสโตเฟอร์นั่นแหละ เจอแบบนี้ไม่ต้องกินแล้ว ไปกินข้าวแกงนั่นแหละดี

      อากาศวันนี้ก็ไม่ได้ถึงกับร้อนมากหรอกนะแต่ผมนี้หงุดหงิดจัง มันเหมือนอะไรหว่า (เหมือนประจำเดือนจะมาเพื่อนๆ ชอบแซว) ผมเลยคิดว่าเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อยก่อนดีกว่าเพื่อจะดีขึ้น ทันทีที่ผมก้าวขาเข้าห้องน้ำผมก็ต้องตกใจ น้ำนองเต็มไปหมด ไม่ใช่น้ำนองเต็มตลิ่งแต่นี้มันไหลนองไปทั่วพื้นในห้องน้ำของบ้านพักครูที่ผมอยู่ และโชคดีที่ไม่ล้นขอบกั้นออกมาละ ไม่งั้นคงได้งานเข้าทั้งบ้านแน่ๆ ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองฝักบัวมันหลุดไปทั้งหมดเลย

      เวรแล้วเขม!!!!แล้วผมจะซ่อมยังไงละทีนี้ผมรีบวิ่งไปรอบบ้านพักถึงมันจะหลังเล็กแต่ ผมก็วิ่งหานั้นหานี้ไม่ค่อยเจออยู่ดีเอาวะหยิบผ้าขนหนูเก่าๆ เอาไปอุดไว้ก่อนแล้วผมค่อยออกไปเดินไปหาว่าใครจะซ่อมมันให้ได้บ้างนี้มันวันอะไรเนี๊ยะ! ผมก็พยายามอุดมันไว้อยู่

      "ครูเขม!!!" เสียงคริสโตเฟอร์ จะมาทำไมไม่อยากได้ยิน

      "ครู!!!" ก็บอกไม่อยากได้ยินไม่ต้องมาเรียก

      "ครู" ก็บอกไม่ต้องเรียกไง!! โว้ยย ..นี้ก็อุดไม่เข้าน้ำก็ไหลลงมาเปียกผมหมดไปทั้งตัว เปียกเหมือนลูกหมาเลย

      "ครู!..ทำอะไรนะ!" เสียงคริสโตเฟอร์อยู่ด้านหลังผม พอผมเอี้ยวตัวหันไปชำเลืองมองผมคนที่เดินขึ้นมายืนพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมองผมอยู่ด้านหลัง ก็เห็นอยู่แล้วว่ากำลังซ่อมอยู่จะมาถามทำไม ผมก็รีบหันหลังกลับไม่อยากสนใจคนกำลังโกรธ แต่ไม่ได้โกรธฝักบัวบนหัวผมนี้หรอกนะแต่ผมโกรธคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมต่างหาก

      “เวลาครูงอนนี้เหมือนนางเอกมากเลยนะครู” นั้นไงว่าผมงอนเป็นนางเอก ผมหันหลังกลับจะไปบอกว่าผมนี้นะไม่ได้งอนเหมือนนายเอกซะหน่อย แต่...

      "ครูอย่าเหยียบ!" คนมันจะซวยช่วยไม่ได้เท้าผมดันเหยียบก้อนสบู่เข้าและมันก็ให้ผมเสียหลัก ด้วยความที่ตกใจมือไปจับที่ท่อแป๊บไว้ได้ทน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หักลงมากับมือผมอีกที

      "เว้ยยยย" ผมร้องก็เสียงหลง

      "หมับ! ..ปึก! "มีคนเข้ามารับผมคริสโตเฟอร์ คริสวิ่งเข้ามารับผมไว้ไม่ให้หลังของผมกระแทกกับพื้น ทั้งผมและเขาเปียกไปหมดทั้งตัว

         คนที่เข้ามารับผมเปลี่ยนเป็นพลิกตัวขึ้นมาคร่อมบนตัวของผม ผมแทนแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คริสใช้แขนเพื่อยันรองรับน้ำหนักตัวเขาเอง และใช้แขนกันไว้ระหว่างช่วงลำตัวของผม สายตาของเขาไล่มองไปตามแผ่นอกของผม และไล่ลงไปเรื่อยๆ จนถึงกางเกงขาไม่สั้นเหนือเข่านิดหน่อยตอนนี้มันเปียกชุ้มไปหมด ผมก็ต้องรีบหนีบเข่าเข้ามาไว้ก่อน ส่วนสายตาผมก็มองคนที่คร่อมผมไว้ไล่ลงไปเรื่อยๆ เช่นกันจนหยุดที่หน้าท้องแน่นๆ นั้น ตอนใส่ชุดนักเรียนมันต่างกันกับชุดอยู่บ้าน ชุดกางเกงกีฬาของอาดิแด้ส พอเปียกน้ำมันก็จะเข้ารูปได้ดี

      "เอื้อก!!" ผมกลืนน้ำลงคอเสียงดัง เขาก็คงรับรู้ได้ว่าผมมองส่วนไหนของเขาบ้าง

      "ครูเซ็กซี่ดีเนอะ..เวลาเปียกน้ำแบบนี้..โคโยตี้ล้างรถโชว์ยังไม่น่าดูเท่าครูเลยอะครับครู " รอยยิ้มที่เผยออกมาบนใบหน้าต้องคิดอะไรทะลึ่งกับผมอีกแน่ๆ เลยเนี๊ยะ! ดูจากสายตาที่จับจ้องมองแบบไม่กะพริบแบบนี้แถมยังคีบคลานเข้ามาหาผม ผมก็พยายามถอยออกพร้อมกับ

      "หึๆ" ส่ายหัวว่าไม่น่าจะใช่นะ ผมไม่ใช่โคโยตี้

      “ครูคิดว่าเธอกลับไปดูโคโยตี้เถอะ!” ผมพูดและก้มลงมองเสื้อยืดสีขาวของผมเองด้วย แน่นอนพอโดนน้ำไปก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ใส่เพราะมันบางมาก และเงยหน้าขึ้นมอง แววตาเด็กคนนี้นี่มันนี้หื่นมากที่ได้เห็นเรือนร่างของผม

      "ครูไปหาผมแล้วทำไมครูไม่เรียกผมละครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมรีบถอนหายใจออกมาทันทีทำท่าจะลุกแต่ก็ลุกไม่ได้ลำแขนขอคริสโตเฟอร์ที่กระหนาบข้างลำตัวผมอยู่มันขืนผมไว้ไม่ให้ผมลุกขึ้น แถมคริสโตเฟอร์ก็โน้มตัวลงมาใบหน้าเขาเกือบจะติดหน้าผม สายตาของเขาจับจ้องมองอยู่ที่ริมฝีปากชมพูอ่อนๆ (สีธรรมชาติจริงนะไม่ได้ทาลิปสติก)

      "ก็..เออ..ก็.แค่..ไม่อยากเข้าไปกวน" ผมตอบคริสและเอามือดันหน้าคริสโตเฟอร์ไว้ เพราะว่ามันพยายามเข้ามาใกล้ผมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวเข้ามากระทบบนใบหน้า

      "Q_Q" คริสโตเฟอร์

      "ก็เห็นอยู่กับสาว..อาบน้ำเสร็จแล้วหรือไง " ผมถามคริสโตเฟอร์ออกไปด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองกลับมาอีกครั้ง เป็นใครจะไม่เคือง ก็ผมนี่ดันเลือกขับรถมาหาเพราะจะมาอยู่เป็นเพื่อนแต่ดันมาเจอสาวอยู่เป็นเพื่อน ชิส์! และนายคริสโตเฟอร์ก็กลับยิ้มกริ่มส่งกลับมาให้ผมอีก นี่นายไม่รู้สึกสำนึกบ้างหรือไง (แอบคิดในใจ)

      "ครูหึงผมเหรอ" คริสโตเฟอร์ถามผม ปากเรียวๆ สีแดงระเรื่อนั้นอยู่ตรงหน้าผมห่างจากปากผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ผมถึงกับต้องเม้มริมฝีปากปากตัวเพื่อสะกดความรู้สึกกับสิ่งที่กำลังยั่วยุและปลุกเร้าอารมณ์ของผม สโลแกนแบบนี้ เขาเรียกเด็กมันยั่ว

      "ไม่..ไม่ได้หึง..ไม่หึงเลย..จริงๆ" ผมพูดพยักหน้าแต่พอก้มลงมอง ผมก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปอีก คริสโตเฟอร์ก็ยิ่งคืบคลานขึ้นมาหาผมทุกที ทุกที จนขึ้นมาบนตัวผมเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ผมก็เข้าไปอยู่ในมุมพอดิบพอดี (จนมุมจนได้ผม)

      "ครูมองหน้าผมซิครับ" คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมก็ยิ่งไม่กล้ามอง คริสใช้มือช้อนหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา

      "อืมมม.."ริมฝีปากของคริสโตเฟอร์ประกบเข้ากับริมฝีปากได้รูปของผม ผมพยายามที่จะขัดขืนนะ เพราะในหัวผมมันสั่งแต่ใจมันไม่ทำตาม แม้กระทั่งร่างกายของผมมันก็ไม่ยอมรับฟังความคิดของผมเลยเช่นกัน

      รสจูบที่คริสมอบให้ผมด้วยความชำนาญและช่ำชองทั้งที่อายุยังไม่สิบแปดปีเลยด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่รสจูบของเด็กหัดใหม่เพราะว่ามันซาบซ่านจนยากที่บังคับปากตัวเองไม่ให้เผลอครางออกมาเบาๆ ลิ้นนุ่มๆ นั้นก็รีบส่วนทางเข้าไปด้านทันที เพื่อเข้าไปเสาะหาความหวานในปากของผม ลิ้นผมก็ถูกส่งกลับไปในปากของคริสโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบกัน คริสดูดดุลปลายลิ้นผมเล่นเบาๆ นิ้วมือคริสกำลังบี้ตุ่มแข็งๆ สองจุดที่แปะไว้บนอกผมสลับกัน คริสขยับให้ผมนอนราบลงไปกับพื้นปากคริสก็ยังดำเนินอยู่ไม่ยอมหยุด ปากที่หนาๆ ทำหน้าที่บดและขยี้ริมฝีปากบางๆของผมอย่างเร่าร้อน น่าแปลกที่สายน้ำที่ไหลลงมาราดรดร่างขอผมและคริส กลับไม่ได้ช่วยดับไฟตัณหามีให้ดับลงแต่จะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงเหมือนเปลวเพลิงที่รุกโหมกระหน่ำเหมือนเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ ลิ้นนุ่มๆ ที่ลากขึ้นลากลงและเวียนวนไปทั่วทุกอณูของร่างกายมันเสียวซ่านมากจนต้องแอ่นร่างขึ้นรับกับการหยอกเย้าของคนที่อยู่บนตัวผม นิ้วมือที่กดจิกและกอดรัดสลับกันไปมาบนแผ่นหลังเพื่อพยายามลดลั่นอารมณ์ความต้องการ ผมพยายามขืนมันไว้

      "คะ..คริส..อื้ม!...อ่าห์..." ผมพยายามเรียกชื่อคริสแต่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่ร้องครางตามออกมาด้วย

      "ครับ...ว่าไง..ครับ..หึ!..บอกผมซิ...หึ!...ว่าครูไม่งอนผมแล้ว.." คริสโตเฟอร์พูดนี้เขาจะแกล้งผมให้ขาดใจตายใช่มั้ย

      "อืมม" คริสโตเฟอร์ดูดลงที่ตรงท้องนอนผม

      "ซี้ด!..โอ้วว " มันเสียวมากผมต้องแอ่นตรงส่วนนั้นขึ้นสู้กับปากคริส ผมพยายามกระดกหัวขึ้นมอง คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมองผม

      "ครูยังงอนผมอยู่ไหม...อืมม" คริสเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับที่ตรงหน้าอกผม ชายเสื้อที่ถูกถลกขึ้นมาด้วย คริสถามผมว่ายังงอนเขาอยู่ไหม พอผมยังไม่ตอบ คริสก็ก้มลง เขาใช้ลิ้นลงตรงกึ่งกลางของหน้าอกแบนและเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนจะถึงขอบกางเกงแล้วผมต้องหายใจทางปากช่วย มือหนึ่งก็จับไหล่คริสไว้อยากจะดันออกแต่อีกมือก็กดหัวคริสโตเฟอร์ไว้ไม่อยากให้หยุด

      "คริส..พะ..พอ..ก่อน..ครู..อื้ม!..อ่าห์."

      "ครู..ผมว่า..ผม..." คริสโตเฟอร์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างซึ่งผมฟังไมได้ศัพท์แต่ในความคิดในหัวของผมแวปหนึ่ง เขาเป็นนักเรียน

      "อืมม..ยะ..อย่า..คริส...นี้..ครูนะ..คริส..อืมมม..พอ..พอ..แล้ว..คริส.ซี้ดดดดดด อ่าห์ " ผมร้องห้ามปรามแต่ร่างกายผมมันก็ไม่หยุดตอบสนองสักที ถึงยังไงผมก็ต้องบอกให้มันหยุดให้ได้เพราะนี้มันผิดมาก ผมจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

      "พอเถอะคริส....หยุดได้โปรด....อย่า...ครูทำไม่ได้...เราทำแบบนี้กันไม่ได้ เพราะ.." ผมดันคริสโตเฟอร์ไว้เพื่อให้เขาหยุดและคริสก็หยุดแค่ยั่งคงคร่อมอยู่ด้านบนร่างของผม

      “พี่ยังเป็นแฟนกับณัฐกานต์!” ผมพูดออกมาอย่างรวดเร็วแบบกลั้นใจและทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เหมือนกดปุ่มสต๊อปค้างไว้

      แฮ้ก!!!ๆๆๆๆๆ พร้อมเสียงหายใจหอบเหนื่อยของผมสองคน โดยเฉพาะผมเรียกได้ว่าต้องหายใจทางปากร่วมด้วย เขาเรียกว่าเจอวัวหนุ่มเขาไปนี้หอมเลยใช่ไหมเนี๊ยะ!! เปล่า! เขมชาติเกือบขาดอากาศหายใจตายครับ ผมได้แต่มองคริส เด็กสมัยนี้ทำไมถึงได้ไวไฟกว่าผมอีก นี้ขนาดยังไม่ 18ปีเลยนะนายนี่ ยังมาทำหน้าเซ็กซี่ใส่ผมอีก

      "แน่ใจเหรอว่าครูทำไม่ได้..ดูมือครูซิ"คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ก้มลงมือผมกำและคลึ่งตรงนั้นอย่างเมามันมาก ส่วนสงวนของคริสโตเฟอร์

      "เฮ้ย!!! ผมรีบชักมือกลับ มันพองโตและเต็มไม้เต็มมือ

      "เคล้าและก็คลึงราวกับรู้งาน!!..แบบนี้ "คริสโตเฟอร์ยิ้มที่มุมปาก พอโดนแซวผมก็ทำท่าจะลุกหนีแต่ลุกขึ้นไม่ได้คริสโตเฟอร์ดึงรั้งผมไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ผมหันมามองหน้าเขาโดยไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากผม

      "ครูกลับมาเร็วครูมาหาผมเหรอครับ"คริสโตเฟอร์ถามผมถ้าบอกว่ามาหาก็เสียฟอร์มครูแย่เลย

      "เปล่าแค่มาก่อน.ครู...เออ...ครูเป็นห่วงบ้านพักนี้ดูซิ ท่อน้ำแตกถ้าไม่มาวันนี้น้ำคงไหลท่วมห้องแน่ๆ เลย" ผมพูดแก้ตัวแต่คนตรงหน้านะไม่เชื่อผมหรอก

      "มาหาผมก็พูดมาซิ...แถมครูยังมางอนผมเป็นสาวๆ อีกนะ" คริสโตเฟอร์มองจ้องเข้ามาในแววตาของผม

      "ครูนี้วิ่งหนีผมเหมือนในละครหรือเปล่า ..มุขที่ผู้กำกับเขาใช้กันบ่อยๆ เดินเข้าไปเจอผู้หญิงและคิดเองเออเองว่าเขามีอะไรกัน...ใช่มั้ยละครับ" คริสโตเฟอร์พูด สายตาที่คาดคั้นผมอยู่ไม่ว่าจะพยายามหลบทางไหนสายตาคู่นั้นก็ตามผมไปจนผมจนมุม ต้องยอมจำนนเลยไม่หนีและหันหน้าไปเผชิญหน้าแทน ก็เล่นต้อนซะไปไหนไม่ถูกแบบนี้

      "และครูก็เป็นนางเอกวิ่งออกไป"นายคริสพูดยังกับว่ามันยืนมองอยู่ตลอดอย่างนั้นแหละ ก็ไม่ได้วิ่งแค่เดินอย่างเร็วเฉยๆ ผมคิดในใจ

      "แต่คริสนะขยันง้อ..ว่าแต่ครูหายโกรธหรือยังอะ..ถ้ายังไม่หายจะได้ง้อต่ออีกรอบ.." คริสโตเฟอร์พูดและเลียริมฝีปากตัวเองพร้อมกับจะเข้าหาผมอีก

      "พอ..พอแล้ว!!..ครูไม่ได้โกรธแล้ว" ผมรีบร้องห้ามปรามดันตัวคริสไว้ ที่อย่างนี้ละขยันเชียวนะ

      "ผมกับแก้มไม่ได้มีอะไรกันนะและผมก็เพิ่งกลับมาถึงก็เลยเข้าห้องน้ำอาบน้ำส่วนแก้มก็เดินตามผมเข้าไปในนั่งเองจะไล่ยังไงแก้มก็ไม่ยอมไป ครูเชื่อใจผมหรือเปล่าและแก้มเขาเคยช่วยผมไว้ตอนที่ผมเกือบโดนรุมทำร้ายผมเลยไม่ได้เด็ดขาดเรื่องแบบนี้แค่กลัวมันเสียใจ”

      “แต่ผมกับแก้มไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยไปกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง..จริงนะครู ผมสาบานได้" คริสโตเฟอร์พูด ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า

      "ถ้าครูไม่ชอบผมจะไม่ยุ่งกับแก้มอีกก็ได้นะ...ด้วยเกียรติเคยเรียนลูกเสือมา" คริสโตเฟอร์พูดและทำนิ้วสามนิ้วแบบลูกเสือโชว์ผม

      "ครูเชื่อผมซิ ..ผมยังเชื่อครูเลยนะเวลาครูบอกอะไรผมนะแต่นี่พอผมพูดบ้างครูจะไม่เชื่อผมเหรอ" คริสโตเฟอร์พูดสายตาคู่นั้น มันสื่อความหมายให้ผมรู้ว่าเขาพูดจริง

      "อืม" ผมพยักหน้าเบาๆ

      "ทำไมอือละ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคริส! อือก็แปลว่าเชื่อไง ยังเลิกคิ้วสูงอีกสงสัยเป็นคำตอบที่ไม่พอใจ

      "เชื่อใจ! พอใจหรือยังละและเป็นห่วงเพราะว่ามันไม่เหมาะสมนะถ้าครูใหญ่รู้เรื่องเขานายจะโดน"

      "ผมรู้ผมก็บอกแก้มไปแล้วว่าอย่ามาหาอีก..สงสัยต้องหาแฟน..." คริสโตเฟอร์พูดก้มหน้ามาหาผมอีกแต่ผมก็ดันตัวเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะทำอะไรผมอีก

      "คริสลุกขึ้นก่อนซิ น้ำนองเต็มไปหมดแล้วเนี๊ยะ!" ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อยันตัวเองลุกขึ้น คริสโตเฟอร์ถอดเสื้อยืดออกมาบิดน้ำทิ้งและสวมกลับเข้าไปไหม นึกในใจอย่าถอดตรงนี้ได้มั้ย

      "ไม่เห็นจะต้องแอบมองเลย..ถ้าครูอยากมองผมนะยินดีให้ครูดูอยู่แล้ว" คริสโตเฟอร์พูดพร้อมส่งยิ้มให้ผม ผมคิดว่าช่างไม่อายกันบ้างเลยนายนิ แต่ส่วนใหญ่ฝรั่งไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

      "ครูอยู่บนบ้านนี้แหละ..ผมจะลงไปดูว่าประตูน้ำอยู่ตรงไหน " คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ

      "น่าจะอยู่แถวๆ นี้แหละคงเหมือนที่บ้านพักของผม...ผมจะได้หมุนปิดประตูน้ำให้เลย" คริสโตเฟอร์พูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเห็นผลงานของผมที่ไปหยิบเอาเศษผ้าอะไรก็ไม่รู้มาอุดไว้ก่อนจะก้มลงมามองหน้าผม ผมก็ยิ้ม มันรีบอะนะ

      "ใครบอกครูเนี๊ยะ! ว่าเอาผ้ามาอุดแล้วมันจะดีขึ้นนะครู..ฮาๆ " คริสโตเฟอร์หันมาแซวผม ผมก็ต้องสะบัดหน้าหนีอายลูกศิษย์ แอบนึกในใจทำไมเราคิดไม่ได้วะต้องไปปิดประตูน้ำและประตูน้ำอยู่ตรงไหนยังไม่รู้เลย และที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมัวแต่โมโหนายคริสนี้แหละ (ปากผมมุบมิบๆ บ่นเบาๆ กับตัวเอง)

      “ครูบ่นอะไรผมนะครับ” นั้นยังมีหน้ายื่นหน้ามาใกล้กับผมอีกน่ะ

      “ไม่ได้บ่น..อะไร ..นายหูฝาดไปหรือเปล่า” ผมพูดเชิงถามและดันหน้าคริสโตเฟอร์ออกอีกครั้ง

      “ถ้าอย่างนั้นผมลงไปปิดประตูน้ำให้ก่อนนะครับครู ..หึหึ” นายคริสพูดและเดินหันหลังออกไป เหลือแค่ผม ทื่ยืนมองแป๊บน้ำ ไม่นานน้ำก็หยุดไหล่

         ผมยืนลำดับภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่เรียกว่ารีเพลย์อีกทีก็ได้นะแบบว่ามันเร็วมาก เสื้อยืดและกางเกงพอมันเปียกน้ำมันก็แนบเนื้อจนเห็นได้ทุกสัดส่วน และยิ่งเมื่อกี้กำไปนี้เต็มมือมาก เชื่อแล้วที่เขาบอกว่าไซ้ฝรั่งกับคนไทยมันต่างกันเป็นแบบนี้นี่เอง และว่านายนี้มันยังไม่ 18 ปีเลย มันยังโตได้อีกว่างั้น ถึงตอนนั้นไม่อยากคิดนะ ขนลุกเลยครับผม ไม่ได้รุกสู้ด้วยน่ะแต่รุกแบบสยอง

      "ครู!" คริสโตเฟอร์เรียกผม และมายืนจ้องหน้าผมตอนไหนก็ไม่รู้

      "เฮ้ย!! " ผมก็ตกใจซิเพราะมัวแต่จินตนาการภาพเมื่อสักครู่ในห้องน้ำแบบว่ามันจบไปนานแล้วแต่ในหัวผมยังไม่จบ

      "ทำไมมายื่นจ้องหน้าครูละ..ตกใจหมด"

      "ผมก็ผมยืนเรียกครูอยู่พักหนึ่งได้แล้วนะครับ ..แล้วครูละคิดอะไรอยู่” นายคริสโตเฟอร์ถามผม

      “ครูต้องคิดอะไรกับผมแน่ๆ หรือว่าเสียดายมันสั้นไปหน่อย ม้วนวิดีโอที่เราแสดงกันเมื่อสักครู่นี้อ่ะ " คริสโตเฟอร์บอกผมและยังบอกว่าตอนที่ผมกับเขาจูบกันมันสั้นไป "ผมแอบคิดในใจ สั้นอะไร นานมากจนผมเกือบขาดอากาศหายใจตายต่างหาก

      "เพี๊ยะ!!" เสียงฝ่ามือตีลงที่ต้นแขน "อิว!!" เสียงร้องว่าเจ็บ ก็จะไม่ให้ตีได้ยังไง เอานิ้วมาไต่ที่หน้าท้องของผมและทำท่าจะไต่ขึ้นมาที่แผ่นอกผมด้วย

      "ผมคิดว่าครูโจ้ไม่อยู่บ้านแน่ๆ ครู เพราะว่าผมไม่เห็นรถเก๋งครูจอดอยู่มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ที่เก่ามาก วิ่งได้ก็บุญหนักหนา " คริสโตเฟอร์บอกผม

      "แล้วครูจะทำยังไงละ ห้องน้ำก็คงใช้ไม่ได้เพราะว่าไม่มีน้ำ...และต้องรอครูโจ้มาซ่อมพรุ่งนี้อีก " ผมพูด นี้น้ำก็อาบไม่ได้ ห้องน้ำก็เข้าไม่ได้แล้วจะให้ผมทำยังไงละทีนี้

      "ไปนอนบ้านพักกับผมซิครู ไอ้โป้งไม่กลับคืนนี้นะครู" คริสโตเฟอร์ออกปากชวนผมไปนอนด้วย จะดีเหรอ ขนาดเมื่อกี้ในห้องน้ำยังเกือบเรียกสติกลับแทบไม่ทัน ยังมีหน้ามาชวนผมไปนอนที่บ้านพักด้วยอีก

      "ไม่เป็นไรนะคริส ครูว่า..ครูอยู่ได้นะ..ไม่เป็นไร... "ผมรีบพูดปฏิเสธทันที

      "ครู..ไม่มีน้ำใช้นะแล้วครูจะเข้าห้องน้ำยังไงละครับ " คริสโตเฟอร์พูดและเลิกคิ้วสูง มันทำให้ผมคิดก็จริงอะนะ ผมจะเข้าห้องน้ำยังไงละ

      "ไปนอนบ้านพักกับผมก่อนนะครู..และนี้ครูก็รีบกลับมาเพราะว่าจะมาอยู่กับผมไม่ใช่เหรอ" คริสโตเฟอร์พูดและถามผมกลับ ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มด้วยความดีใจ

      "นะ..นะ..ครู" คริสโตเฟอร์พูดเรียกว่าอ้อนจะดีกว่า อ้อนให้ผมไปนอนกับเขา อยากจะรู้อ้อนสาวแบบอ้อนผมไหมเนี๊ยะ! เอ๊ะ! หรือว่านึ้อาการเริ่มจะหึง ฮาๆ

      "อืมม" ผมพยักหน้าว่าก็ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนตรงหน้าทันที

      "ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน เอาของครูใส่ไปก่อน"ผมบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า ผมเดินไปหาผ้าเช็ดตัวให้ รสจูบเมื่อกี้ทำให้ผมถึงกับเคลิบเคลิ้มจนลืมขัดขืนไปชั่วขณะ ช่างน่าอายจริงๆ เขมเอ่ย!!

      TBC....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2024 21:02:10 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13.1หรือจะเป็นผมเองที่กำลังนอกใจ

 Part’ s เขมชาติ  ผมเดินกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวส่งให้คริสโตเฟอร์เขาก็รับไปเช็ดตัวและเช็ดผมที่เปียก ผมก็รีบเดินกลับเขาไปในห้องนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกเช่นกัน นุ่งผ้าเช็ดตัวพันกายไว้เฉยๆ ตาก็มองหาเสื้อผ้าตัวไหนจะให้คริสโตเฟอร์ใส่ได้ คงต้องเป็นเสื้อยืด

   "ครู….ผมครูเปียกอะครับ" เสียงคริสโตเฟอร์ดังอยู่ข้างๆ ผม เขาเดินเข้ามายืนประชิดตัวผม อย่าบอกนะว่าจะจูบผมอีกแล้ว หลับตาปี๋ (รอจูบใช่ไหมเขม)

   "ครูผมจะเช็ดผมให้ ไม่ได้จะจูบครูสักหน่อย..ครูนี้ก็หื่นใช่เล่นเหมือนกันนะ " ผมลืมตาโพลง มองคนที่เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ขึ้นมาซับเส้นผมบนหัวผมและขยี้มันเบาๆ ผมก้มลงมองหน้าท้องแบนๆ ของคริสโตเฟอร์ ถึงไม่มีซีกแพคชัดเจนแต่มันก็มีกล้ามท้องสวยๆ ก็คริสเขาเป็นนักกีฬา และมันก็ทำให้คนตรงหน้าอย่างผมไม่อยากละสายตา และผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่ต่ำกว่าสะดือของคริสโตเฟอร์ผมก้มมองอยู่พักหนึ่งรอให้คนที่กำลังซับน้ำออกจากผมรองทรงของผม ผมรู้สึกว่ามือที่จับชายผ้าไว้ทั้งสองข้างหยุดนิ่งผมเงยหน้าขึ้นมามองดูคริส สายตาคู่นี้มันทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาเต้นอยู่ข้างนอกอกผมแทน

   "อันนี้แหละจะจูบ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ใกล้มาก มากจน

   "ครื้ด " เสียงท้องร้องดังมากของคนตรงหน้าผม คริสโตเฟอร์ก้มลงมองดูพุงตัวเองไม่หรอกแบนแบบนี้

   "หึๆๆ" ผมปิดปากหัวเราะขำคนตรงหน้าผม ยืนเอนหลังพิงกับตู้เสื้อผ้า คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม

   "ฮาๆ "และผมหลุดขำออกมาเต็มที จากที่เมื่อสักครู่นี้ผมพยายามกลั้นแล้ว

   "นี่นายหิวข้าวหรือไง" ผมถามคริสโตเฟอร์

   "ร้องดังขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครู" คริสโตเฟอร์พูด ผมเลิกคิ้วมองนี้บ่ายสี่กว่าๆ

   "ใช่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าก็ตอนนั้นมันไม่หิว แต่พอเจอหน้าครูหิวทันที" คริสโตเฟอร์พูด ผมมองหน้าหิวอะไรกันแน่

   "หิวครู" คริสโตเฟอร์พูดให้ผมอ่านปาก ผมรีบหมุดเดินหนีออกไปดีกว่า เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้นานและยิ่งเขาอยู่ในสภาพแบบผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ ด้วย เดี๋ยวผมคงได้โดนเด็กกิน...ตับ..ตับ ...และนายนี่ก็บอกผมอยู่ว่า..หิวครู!

   "ใส่เสื้อผ้าซะ ครูจะทำอะไรให้ทานแล้วกัน...มาม่าผัดนะ ..ได้มั้ยละคริส" ผมพูดและหันไปถามคริสโตเฟอร์รับเสื้อผ้าจากผมไปสวม ผมก็สวมเสื้อผ้าเช่นกัน และรีบเดินออกไปจัดการเตรียมหันผัก หั่นหมู ว่าจะทำมาม่าผัดขี้เมา ผมเหลือบตามองไปที่มือถือ

   "โอ้วเชร็ด!! "ข้อความที่ต่อว่าผมจากณัฐกานต์และสายที่ไม่ได้รับ ผมปิดเสียงมันเอาไว้

   "เขมเป็นบ้าอะไรถึงได้กลับไปโรงเรียนแล้วทั้งที่วันนี้มันวันเสาร์น่ะจะรักโรงเรียนอะไรขนาดนั้นเพราะว่าเขมเป็นแบบนี้ไง ถ้ากานต์มีคนอื่นก็ไม่ต้องมาถามหาเหตุผลหรอกนะว่าทำไปทำไม" ผมยืนอ่านข้อความที่ณัฐกานต์ส่งมาให้ผม ผมก็รู้สึกผิด นี้ณัฐกานต์คงโทรไปหาแม่ผมและแม่ก็คงบอกว่าผมกลับมาที่โรงเรียนแล้ว

   "แฟนส่งข้อความหาเหรอครับครู..เขาโกรธใช่มั้ย..ที่ครูเลือกมาหาผม" คริสโตเฟอร์ถามผม

   "อืม...เขาโกรธแต่ครูเลือกมาแล้วนิ..ช่างมันเถอะเดี๋ยววันอาทิตย์ครูค่อยกลับไป..หาเขา..กลับไปคราวนี้คงต้องคุยกัน.แต่ตอนนี้ครูยังไม่พร้อมจะคุย " ผมพูดและหันกลับไปทำอะไรให้คริสโตเฟอร์ทาน คริสโตเฟอร์นั่งเอามือเท้าคางมองผมทำกับข้าว

   "ครูทำกับข้าวเก่งเนอะทั้งที่เป็นผู้ชาย..หัดไว้ไปเป็นแม่บ้านให้ใครหรือเปล่า" คริสโตเฟอร์พูดแซวผม

   “พ่อบ้าน ไม่ใช่แม่บ้าน นายนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเข้าใจไม่ถูกต้องหรือใช้คำไทยไม่ถูกกันแน่ นายคริส!” ผมละสายตาไปเหล่มองนายคริสที่ยังคงเอามือเท้าคางมองผมที่หันผักเพื่อจะทำอาหารให้เขาทานไปก่อนและผมก็รีบเปิดแก๊ส เพื่อทำการผัดทุกอย่าง นายคริสก็อ้าปากจะแซวผมอีก ผมก็เลยหันไปชี้ด้วยตะหลิว

   “และอย่าแซวเดี๋ยวปล่อยให้ท้องร้องซะเลย" ผมก็หันไปมองหาจาน ผมเปิดดูในตู้ที่เอาไว้ใส่ภาชนะ ผมไม่เคยใช้จานชามที่นี้เลย พอเปิดออกมาเพิ่งจะรู้นะว่ามีจานอยู่ใบเดียวเอง

   เฮ้ย!! เรื่องจริงเหรอเนี๊ยะ! เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายแล้วคนเก่าเขาอยู่ยังไงผมเปิดดูอีกชั้นยังดีที่มีช้อนกับซ้อมสองคู่ ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เสียสละให้กินไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมค่อยกินทีหลังก็ได้ ผมตักใส่จานใบเดียวนั่นแหละและไปวางตรงหน้าคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม

   "ครูไม่ทานเหรอครับ"

   "ทานก่อนเลย" ผมพูดขณะที่กำลังปลดผ้ากันเปื้อนออก

   "ครู.."

   "มันมีจานใบเดียวเธอกินก่อนครูกินที่หลังเธอ"ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์กำลังจะเก็บล้างภาชนะระหว่างที่รอ

   "ไม่เอากินด้วยกันจานเดียวกันนี่แหละ มาเลยมานั่ง" คริสโตเฟอร์เดินมาดึงแขนให้ไปนั่งข้างๆ เขา ผมก็นั่งลงเขาก็ใช้ส้อมม้วนเส้นมาม่าเอาขึ้นมาเป่าก่อนที่จะส่งมา ทำท่าจะป้อนผม ผมส่ายหัวไม่ต้องป้อนผมจึงเอื่อมมือไปจะคว้าช้อนส้อมมาถือเองแต่คริสดึงกลับไม่ยอมให้ผม

   "ป้อนให้..อ้าปากซิครู .." คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ค่อยๆ อ้าปากมันเขินซิครับให้เด็กมาป้อนให้ถ้าเป็นเอิร์ธหลานผมจะรีบเลยแต่นี้มันนายคริสโตเฟอร์ และเขาก็ป้อนมาม่าผัดเข้าไปในปากผม

   "อืมม." อร่อยดีเหมือนกันนะฝีมือเราเนี๊ยะ

   "เป็นไงครู ..ผมเสียสละป้อนครูก่อนเพื่อว่าครูเป็นอะไรไปผมจะได้พาไปโรงพยาบาล อ้อก่อนผมจะพาไปจะผายปอดให้ก่อนด้วย..ปั๊มหัวใจผมไม่ค่อยแม่นแต่ผายปอดนี้ผมชอบมาก เมาส์ทธเมาส์ ..อืมมม " นายคริสโตเฟอร์พูดและทำปากแบบท่าจูบ ผมแอบคิดในใจนั้นคือเมาส์ทูเมาส์ที่นายเรียนปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาแน่เหรอ และนี่ก็ทำให้ผมมองค้อนด้วย นายนี้ไม่วายต้องหาเรื่องวุ่นวายกับปากผมอีก  ผมลุกขึ้นไปหยิบช้อนส้อมอีกคันมาตักมาม่าผัดในจานเดียวกันและนั่งทาน นายคริสโตเฟอร์ก็หยิบมือถือผมไปเปิดดูรูปถ่าย ส่วนผมก็นั่งทานไปด้วยมองหน้าคนข้างๆ ไปด้วย

   “ในรูปเหมือนครูกับแฟนรักกันดีจังนะ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมาเหล่มองผม รูปนี้มันน่าจะสองปีที่แล้วยังรักกันดี

   “แต่ในความเป็นจริงผมว่าครูไม่มีความสุขเลยจริงไหม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะก้มหน้าลงไป

   “ครูเคยได้ยินไหมรองเท้าสวยแค่ไหนถ้าใส่แล้วมันกัดก็ต้องถอดมันออก คนรักก็เหมือนกันรักมาแค่ไหนถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิก” คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนจะหันไปมองคนข้างที่กดเลื่อนดูรูปในมือถือผมและทานไปด้วย

   "นี้พี่ชายครูเหรอครับ ..พี่ชายครูเท่อะ ..เขาเป็นทหารเหรอ"

   "ทำไมนายรู้ละ" เพราะว่าชุดที่ถ่ายรูปกับผมไม่ค่อยมีรูปที่ใส่เครื่องแบบเอาซะเลย และมันก็แค่เสื้อยืดที่รัดรูปกล้ามนี้เป็นหมัดๆ มากกว่าผมซะอีก ก็ทหารหน่วยรบพิเศษ

   "ดูแววตาที่ดุดันผมว่าเขาเหมาะที่จะเป็นสไนเปอร์มาก และจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อดูท่าทางจะฟิตมาอย่างดี ผมอยากได้แบบนี้ "คริสโตเฟอร์เขาหันมามองผมแอบหนึ่งยิ้มที่มุมปาก

   "ครูชอบไหมคนมีกล้ามแขนใหญ่ๆ แบบนี้" คริสหันมาถามผม

   "เธอมาถามครูทำไมละ เอาไว้ถามแฟนเธอซิคริส" ผมพูด ก้มหน้าลงตักมาม่าผัดใส่ปากเก็บอาการเขิน

   "ก็ถามอยู่นี้ไง ..ชอบไหมถ้าผมมีกล้ามแขนแบบพี่ชายครูอะ"

   "ก็ชอบมั้ง.." ผมตอบเบาๆ

   "เดี๋ยว..ใครแฟนเธอ!" ผมสะบัดนหน้าหันไปมองคริสโตเฟอร์

   "หึๆๆ .." คริสหัวเราะผมในลำคอและหยักไหล่ให้ผมแค่นั้น คริสโตเฟอร์ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือผมต่อไป ผมนั่งทานผัดขี้เมาฝีมือตัว ผมตักไปจนคำสุดท้าย แต่คำสุดท้ายนี้รู้สึกแปลกๆ เส้นสุดท้ายนี้มันไม่ได้มาจากจานผมแต่ว่ามันเหมือนกำลังเชื่อมโยงมาจากคนข้างๆ

            ผมสองคนกำลังกินเส้นเดียวกันอยู่เหรอ เส้นยังคาอยู่ที่ปากของผมและอีกส่วนก็อยู่ปากของคริสโตเฟอร์ พอนายคริสหันมาเห็นก็รีบหมุนเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับผมทันที ผมส่ายหน้าว่าไม่นะ แต่อีกคนพยักหน้าว่าเอา ยังมีควักมือให้ผมเข้าไปหาเขาใกล้ ผมส่ายหน้าว่าไม่เอาอะ จนอีกคนต้องเม้มปากดูดกลืนเส้นเพื่อจะได้สาวเข้ามาหาผมแทน และนั้นก็แปลว่าคริสมันกลายเป็นฝ่ายรุกเขามาผมและเส้นนั้นก็ล้นเข้ามาเรื่อยๆ จนปลายจมูกคริสโตเฟอร์ชนเข้ากับปลายจมูกของผม มือของคริสโตเฟอร์ก็รั้งเอวผมไว้ไม่ให้ผมขยับหนี ตอนนี้ผมเลยต้องหลับตาปี๋ไม่กล้ามอง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดว่าจะทำแบบนี้กับใครเลยแต่ก็เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนและจู่ๆ ก็มีผู้ชายมาทำแบบนั้นกับผมจะทนดูได้ยังไง รู้สึกได้ว่าริมฝีปากใครบางคนกำลังโลมเลียอยู่ที่ริมฝีปากของผมอย่างเมามัน แขนผมถูกยกให้ไปคลองไว้แบบโอบรอบคอของคริสโตเฟอร์แทน ลิ้นนุ่มเริ่มชอนไชรุกล้ำเข้ามาในปากผม เพื่อลิ้มรสรสชาติมาม่าผัดในปากผม

   "คริส!!" ผมทั้งคู่ต้องเบิกตาโพลงมีคนมาเรียกคริสโตเฟอร์

   "คริส!! " ผมทั้งคู่ต้องเบิกตาโพลงมีคนมาเรียกคริสโตเฟอร์

   เสียงเรียกดังอยู่ทีหน้าบ้านพักผม ผมรีบดันอีกคนออกไปจากตัวผมก่อนและคริสโตเฟอร์ก็ลุกขึ้นไปอย่างหัวเสียเพื่อออกไปดูว่าใครที่มาเรียกเขา ถ้าอย่างนั้นแสดงเขาต้องรู้ว่าคริสอยู่กับผมที่นี่ถึงได้มาถูก ส่วนผมเองก็นั่งเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเอง วันนี้โดนไปกี่ทีแล้ววะเขม!! อยู่กับณัฐกานต์มายังไม่เคยโดนจูบมาราธอนขนาดนี้เลย! ผมเก็บจานที่ว่างเปล่าหันไปล้าง

   "อะไรของมึงวะ! " คริสโตเฟอร์ตะโกนถามผู้มาเยือนที่อยู่หน้าบ้านพักครู

   "คืนนี้พวกกูจะไปผับพี่ปืนกันวะ เขาบอกว่าคืนนี้ไปได้ ไม่มีตำรวจและคืนนี้ก็มีโคด้วย" ผมได้ยินการสนทนาของคนข้างล่าง คริสโตเฟอร์หันมามองผมมีโคด้วยโคโยตี้ซิท่า คริสหันมาเหล่มองผม

   "ไม่เอาวะ กูเหนื่อย" คริสโตเฟอร์ตะโกนตอบไป

   "ห๊ะ!! ทำอะไรเหนื่อยวะ" นั้นซิ ผมหันไปมองเหมือนกันว่าเหนื่อยได้ไง ยังไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย คริสโตเฟอร์หันมายิ้มให้ผม ผมนี้หันไปชี้นิ้ว เดี๋ยวจะโดน

   "เออ..กูเหนื่อยแล้วกันไม่อยากไปและกูก็ไม่ชอบดูโค." ผมแอบยิ้มดีแล้วแหละที่ไม่ชอบไปดูโคโยตี้

   "เหรอ!! ถ้ามึงไม่ชอบไปดูโคแล้วมึงชอบดูอะไรวะ โคออกจะน่ารัก โคโยตี้นะโว้ยเฮ้ย!! " ผมหันไปเหล่มองจะใจอ่อนไปกับเพื่อนไหมล่ะ

            ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆๆๆ โคโยตี้สาวๆ สวยๆ หุ่นดีดี จะไปไหมล่ะ?ผมแอบคิดแทนในใจ ไม่กล้าเปิดก๊อกน้ำดังเดี๋ยวไม่ได้ยิน แม้จะไม่ได้ออกไปยืนฟังใกล้ก็ตามแต่ก็ตะแคงหูรอฟังคำตอบนายคริสโตเฟอร์ว่า

   "ไม่ไปวะ... กูชอบดูครูมากกว่า. " ผมได้ยิน กำหมัด เยส! แต่มันไปบอกเขาว่าชอบดูครูมากกว่า ผมสะบัดหน้าไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว นายคริสน่ะนายคริสโตเฟอร์ นี้ขยันหางานให้ผมจริงๆ

   "อ้อ..เออ..ดีวะ ชอบดูครู ......เว้ยย!!! "

   “ไอ้คริสครับ ดูครูทุกวัน วันละ7 ชั่วโมง..มึงไม่เบื่อบ้างเหรอครับ ดูแต่ครู “เพื่อคริสโตเฟอร์ตะโกนมา

   "กูชอบอยู่ดูแลครูเขามากกว่าครูอยู่คนเดียวอันตราย" ผมคิดในใจจะอันตรายก็เพราะนายนี้แหละที่อยู่กับผม

   "เออ...เหรอ...อันตรายตรงไหนวะ..ถ้าในนี้อันตรายก็ไม่มีไหนปลอดภัยแล้วมั้งนี้มันโรงเรียนนะเว้ยเฮ้ย."

   "เออ..มึงไปกันเถอะจะไปปล่อยน้องนก น้องแมว น้องต่ายที่ไหนก็ไปเถอะกูไม่ไปวะ"

   " เออ..ตามใจวะ อย่าโทรให้กูกลับมารับนะมึง..ฟักมึง!! " ผมส่ายหัวให้กับเด็กเกรียนๆ แต่มันก็มีสีสันดีนะผมกำลังเก็บล้างภาชนะด้วยน้ำขวดที่มีอยู่ และที่แน่ๆ ผมกำลังยิ้มดีใจที่เขาไม่ทิ้งผมไป

   "พอบอกไม่ไปนี้ยิ้มดีใจขนาดนี้เลยนะ" นี้ขนาดหันหลังให้นะ คริสโตเฟอร์ยังแอบมายืนข้างหลังผมและพยายามชะโงกหน้ามองผม ผมก็หันหนียังตามอีก ยังอีกจนจะหมุนรอบตัวแล้วเนี๊ยะ!!!

   "พอแล้วคริส!! " ผมหันมาห้ามเด็กเกรียน

   "ผมชอบมองเวลาครูเขินอะ...ผู้หญิงนี้ชิดซ้ายไปเลยนะ ฮาๆ " นายคริสพูดแบบนี้ผมควรดีใจหรือไง

   "หยุดแซวได้แล้ว...และนี้ครูว่าจะตรวจการบ้านซะหน่อยเมื่อวานกลับไปก็เหนื่อยเลยไม่ได้ตรวจ" ผมพูดและคริสโตเฟอร์ช่วยผมเอาผ้าแห้งมาเช็ดจานชามที่ผมล้างเสร็จแล้วเก็บเข้าตู้เก็บของ

   "ดีเลยผมโหลดหนังใหม่มา Fast and furious ภาคล่าสุด ผมเอามาเปิดดูกับครูนะ" ผมสะบัดหน้าไปมองก็บอกอยู่ว่าจะตรวจการบ้าน

   "ครูบอกว่าจะตรวจการบ้านไงคริส" ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์

   "ก็ตรวจไปซิครับผมนั่งดูใกล้ๆ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยไม่ได้รบกวนซะหน่อย..." ผมหันไปเหล่ ภาพเมื่อกี้ขนาดผมกับเขานั่งกินมาม่ายัง....อื้ยยยย!! ไม่อยากคิดและดูคนที่พูดว่าไม่รบกวนพูดไปนิ้วนี้ไต่ไปตามแขนผม มันน่าไว้ใจได้ไหมล่ะ

   "เพี๊ยะ! "

   "อิ้ววว!!! " ร้องซะเสียงหลงขนาดนี้ผมตีแขนเขาเข้าจริงๆ ก็เลยเจ็บจริงเลยทีนี้

   "ถ้าอย่างนั้น...ผมไปเอาฮาร์ดไดรฟ์ก่อนนะครูและจะออกไปซื้อขนมด้วย ครูเอาอะไรไหมครับ " คริสโตเฟอร์ถามผม

   "น้ำแข็งมาสักหนึ่งถุงแล้วกันและเธอจะซื้อเครื่องดื่มมาด้วยก็ได้นะ...เอาเงินครูไปด้วยคริส"

   "โธ่ที่รัก! เรื่องเล็กน้อยนะเดี๋ยวเขาจัดให้" ผมสะบัดหน้ามามองคนที่เรียกผมว่าที่รัก คริสโตเฟอร์หายออกไป ผมก็ลงไปขนพวกสมุดการบ้านนักเรียน และผมก็ยกเอาทีวีหน้าจอ 32 นิ้ว ยกขึ้นมาวางไว้ เดี๋ยวคริสโตเฟอร์เขาจะมาดูหนังที่นี้

   " กลับมาแล้วครับ" เสียงคริสโตเฟอร์เดินเข้ามาในบ้านพัก ผมหันไปมองในมือถือถุงขนมขบเคี้ยวมาเพียบเลยและพวกเครื่องดื่ม ผมมองว่าทำไมซื้อมาเยอะอย่างนี้นะ

            ผมนั่งบนโซฟา โซฟาที่นี้มีตัวเดียวและมันก็นั่งได้สองคน ผมก็เอาโต๊ะมาตั้งข้างๆ เพื่อวางสมุด ส่วน คริสโตเฟอร์ก็สาละวนกับการต่อสายเชื่อมกับฮาร์ดไดรฟ์ของเขา เป็นเครื่องเล่นขนาดพกพา พอคริสเปิดดูผมก็อยากดูนะแต่การบ้านก็อยากตรวจ แล้วอย่างนี้จะมีสมาธิไหมล่ะและไหนผมจะต้องระวังคนข้างๆ ผมนี้อีก ตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว แสดงว่าไม่ใช่เด็กเกรียนธรรมดา เพราะว่าน่าจะมาพร้อมสายหื่น

   "น้ำครับ..ที่รัก" คริสโตเฟอร์ส่งกระป๋องเครื่องดื่.มาให้ผมหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆ ผม นั่งแบบนั่งเบียดเลยดีกว่าผมก็ก้มหน้าลงเปิดสมุดเล่มแรกขึ้นมาตรวจการบ้านผมรู้สึกว่าไหล่หนักๆ พอหันไปดู อ้อ! คริสโตเฟอร์เอาหัวเขามาพาดไว้บนไหล่ผม ตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ผมก็ปล่อยให้เขาพิงแบบนั้น แต่ก็หันมาเหล่มองเป็นระยะๆ

   "อะ..อ้าปากซิพี่เขม..ผมป้อน" คริสโตเฟอร์เขาส่งขนมขบเคี้ยวมาจ่อไว้ที่ปากผม พยักหน้าว่าเขาจะป้อน ผมก็อ้าปากงับมันลงไปความรู้สึกรักแรกกลับมาอีกครั้ง

         ผมนั่งตรวจงานไปด้วยดูหนังไปด้วยและกินขนมกับคนข้างๆ นี้ไปด้วย อันที่จริงเด็กก็ไม่ได้สร้างบ้านเสมอไปอย่างที่เขาว่าไว้ ผมหันไปหันมาและคนข้างๆ ผมก็เงียบไปแล้ว ผมก้มลงมองอีกทีคราวนี้หลับปุ๋ยพิงหัวไหล่ของผมอยู่ ผมกลัวเขาจะหลับไม่สบายเลยขยับว่าจะลุกขึ้น แต่พอผมยกแขนยกหนังสือขึ้นเท่านั้นแหละ นายคริสก็ไถลมากอดลำตัวผมแทน ผมก็คงต้องปล่อยให้เขากอดผมไปแบบนี้ใช่ไหม มันก็คงต้องเป็นเช่นนั้นแล้วแหละ เหมือนเด็กน้อยเลยนะเรานะ

   "คริส!! " ผมเห็นว่าเขาหลับไปได้สักพักจึงปลุกเรียกให้เขาตื่น

   "ครับ..."คริสต์ตอบรับการเรียกขานจากผมแต่ตายังหลับอยู่เลย

   "ตื่นได้แล้วนี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะนายหิวหรือเปล่า" ผมถามคริสโตเฟอร์

   "จริงซิครู...ครูละหิวมั้ย ผมยังอิ่มมาม่าผัดฝีมือครูอยู่เลยอะ..เป็นมาม่าผัดที่อร่อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ " คริสโตเฟอร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองผมก่อนจะบิดขี้เกียจและถามผมกลับ

   "หึๆๆ "

   "ยังจะมาขำครูอีกนะตกลงอร่อยจริงปะเนี๊๊ยะ"

   "อร่อยครับดูซิผมกินไปตั้งเยอะ กินเยอะกว่าครูอีกนะ" คริสโตเฟอร์พูด

   "ก็นายเล่นกินไปจนพุงกางขนาดนั้น ..เดี๋ยวครูกินมาม่าต้มก็ได้ครูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" ผมพูดและดันคนที่พิงหัวไหล่ผมอยู่ให้ลุกขึ้นได้แล้ว และผมเดินไปหยิบพวกของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าหยิบใส่กระเป๋าเป้ ผมจะต้องไปนอนที่บ้านพักกับคริสโตเฟอร์ ในกระเป๋าเล็กๆ ของผมมันมีพวกเจลที่ผมเอามาเพื่อว่ามากับณัฐกานต์และผมก็ต้องใช้มัน

   "ไม่เอานะเขม คิดอะไรบ้าๆ " ผมสะบัดเอาความคิดบ้าๆ ออกไปก่อนจะหยิบมันออกไปจากกระเป๋าใบเล็กและหยิบพวกยาสีฟันและแปรงสีฟัน ครีมล้างหน้า ครีมทาหน้าหยิบใส่ลงไปแทน

   "ครูขับรถไปจอดที่หน้าบ้านพักผมได้เลยนะ เพื่อว่าครูจะกังวลถ้าจะจอดตรงนี้" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าก็จริงนะผมเป็นห่วงรถเหมือนกันและที่สำคัญรถคันนี้ผมรักมากพี่ต้นให้ผมมาและมันทำให้ผมไม่คิดอยากจะซื้อใหม่

   "ผมเอากระเป๋าผมใส่ไว้ในรถครูนะครับ...เจอกันที่บ้านนะครับ...ที่รัก"คริสโตเฟอร์พูดเขาเดินลงไปก่อนและขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปก่อน นี้ผมกำลังจะนอกใจจริงๆ ใช่มั้ย ผมหันมากดเปิดมือถืออีกครั้ง พอเครื่องเปิดปุ้มสิ่งที่ปรากฏบนมือถือคือ ข้อความต่อว่าผมต่างๆ นานาจาก ณัฐกานต์ผมก็เลือกที่ปิดมันลงไปอีกครั้ง ผมเดินลงจากบันไดบ้านและขับรถออกไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์จริงอย่างที่คริสพูดนะ

   
"รองเท้าต่อให้สวยและแพงมากแค่ไหนถ้าใส่แล้วมันกัดก็ต้องถอดออก ก็เหมือนกับคนรักต่อให้รักมากแค่ไหนถ้าไปกันไม่รอดก็ต้องเลิก"

   “คนรักต่อให้คบกันมานาน นั้นก็ไม่ได้เป็นตัววัดว่าคนนั้นจะเป็นรักแท้ “

   “ความรักที่เหนื่อยที่สุดคือความรักที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าความเข้าใจ”

TBC...                                                                                 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.14 เรื่องธรรมชาติครับพี่เขม(ครึ่งแรก)

                      Part’ s เขมชาติ ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ระหว่างที่ผมใช้มือสองข้างของผมกำพวงมาลัยอยู่ ผมก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายผมถอดมันออกและโยนใส่ไปที่กล่องเก็บของในรถเก๋งผมทันที ไม่ใช่แหวนหมั้นแต่มันก็แสดงถึงว่าผมมีแฟนแล้ว ณัฐกานต์ซื้อให้ผมในวันวาเลนไทน์เมื่อสามปีที่แล้วและผมก็ซื้อให้เขาเช่นกัน ผมก็เห็นเขาใส่บ้างไม่ใส่บ้าง เขาบอกว่า มันเป็นแหวนเกลี้ยงไม่สวย ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะถอดมันออกไปก่อน

      "หรือว่าความรักของเรามันถึงทางตันซะแล้วละกานต์...ถึงยังไงเขมก็ขอบคุณนะที่...เราเคยรักกันมาก " ผมพูดเบาๆ ผมขับรถตรงไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์ เห็นมีเพื่อนของคริสมายืนคุยด้วยสี่ห้าคน ผมจำได้ว่าเคยเห็นเขาเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน ผมนำรถเข้าไปจอดด้านข้างของบ้านพักคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์รีบเดินมาแย่งผมถือพวกกระเป๋าเสื้อผ้าผมและของคริสไปจากมือผม และพวกเพื่อนๆ ของคริสโตเฟอร์มองผมกันคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาอยู่พักหนึ่ง

      "สวัสดีครับครู...ไอ้คริสมันบอกพวกผมว่าครูน้ำแตกในห้องน้ำ " ผมสะบัดหน้าไปมองว่ายังไงนะและหันมามองพ่อตัวดี ผมเข้าใจความหมายนะ

      "ไอ้เชี้ย! ปันปันกูบอกว่าแป๊บน้ำในห้องน้ำครูแตก มึงพูดขาดไปเยอะไอ้นี่" คริสโตเฟอร์หันไปทำท่าโบกเพื่อนเขา

      "ขอโทษครับครูผมคงได้ยินเพี้ยนไป แป๊บน้ำในห้องน้ำครูแตกเหรอครับ" เพื่อนของคริสถามผม

      "ใช่แล้ว...ครูเลยต้องมาค้างกับคริสน่ะ"ผมพูด

      "Q_Q" ทุกสายตาเบี่ยงไปทางคริสโตเฟอร์

      "แค่คืนเดียวนะ...พรุ่งนี้ครูโจ้คงจะมาแล้วครูรอให้ครูโจ้ซ่อมให้ก่อน" ผมรีบตอบแทนคริสโตเฟอร์ทันที ผมขยิบตาให้พ่อตัวดีช่วยกันบ้างซิ

      "ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยผู้ชายทั้งคู่ถ้าผู้ชายนอนด้วยกันไม่ได้แล้วมึงจะให้กูไปเอาหมาที่ไหนมานอนวะ" คริสโตเฟอร์ถามเพื่อน

      "อืมม" พร้อมกันมาก แต่สายตาแต่ละคนนี้ ผมว่าไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว ยุคต์นี้สมัยนี้แหล่งข่าวเยอะแยะไปทำไมเขาจะไม่รู้จัก ผมหันไปมองคริสต์ส่ายหัวว่าอย่าอธิบายเลยเพราะนายนี่แหละที่ทำให้ความลับผมแตก

      “แต่ครูไอ้คริสมัน...” เพื่อนนายคริสอีกคนกำลังจะพูดผมก็ต้องถลึงตาขึ้นมีอะไรเหรอ ก่อนจะหันมาเหล่ตามองแต่ทว่านายคริส

      “หมับ...” นายคริสโตเฟอร์รีบเอามือไปปิดปากเพื่อนไว้ซะก่อน

      “อาร์ทมึงรีบกลับไปอาบน้ำดีกว่าแล้วกลับมารับไอ้ปันปันไปปล่อยโค.” คริสโตเฟอร์พูดผมก็มองมันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย ผมหันมามองพ่อตัวดีข้างๆ ผมอีกที นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มานอนด้วยเนี๊ยะ!

      "ถ้าอย่างนั้นพวกกูไปเตรียมตัวอาบน้ำแต่งตัวหล่อจะออกไปหา...บ้างอะไรบ้างนะคริส...เออ..พรุ่งนี้พวกกูไม่ซ้อมบาสกันนะดูท่ามึงจะ...เหนื่อยละงานนี้ ..ไปก่อนนะ ..ไปก่อนนะครับครู " พวกเพื่อนๆ คริสโตเฟอร์พูดและพากันแยกย้ายไป ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ ก็เพื่อนเล่นแซวแบบนี้

      “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ กูไม่ซ้อมอยู่แล้ว ไอ้เชี้ย!” คริสโตเฟอร์พูดตะโกนตามหลังเพื่อนจนเพื่อนเดินหายออกไปกันหมด เหลือแค่ผมกับพ่อตัวดี

      "เข้าบ้านเถอะครับครู" คริสโคเฟอร์บอกผม และผมก็เดินตามเขาขึ้นไปบนบ้านพัก ผมเหลือบมองไปรอบๆ ภายในบ้านพัก ตอนแรกที่ผมมาเคาะนะเสื้อผ้ากระจัดกระจายไปคนละทิศละทางแต่ตอนนี้ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ

      "แม่บ้านมาทำความสะอาดให้นะครับครู...เขาจะมาทำให้อาทิตย์ละครั้ง" คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม

      "อืม...ที่จริงเธอหัดทำเองก็ได้นะและผู้ชายทำงานบ้านนะมีเยอะแยะไป" ผมบอกนายคริสโตเฟอร์

      "เอาไว้รอเป็นพ่อบ้านให้ครูก่อนแล้วผมจะหัดทำนะครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดว่ารอเป็นพ่อบ้านให้ผมก่อน แอบชำเลืองตามอง คิดจะแย้งตำแหน่งพ่อบ้านจากผมงั้นเหรอ!!

      “ครูรับสมัครแต่แม่บ้าน จะเป็นไหม” ผมหันไปถามและยิ้มๆ มีทำท่าคิดและยิ้มอีกนะ อันนี้น่ากลัวสำหรับผม

      “ไม่ต้องคิดแล้วไม่เอา ทำเองดีกว่า” ผมพูดตัดบท และผมก็เอากระเป๋าไปหาที่วางเพราะว่าแค่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันแบบจริงๆ จังๆ ผมนี้ยังโดนจูบไปนับไม่ถ้วนถ้าเป็นขึ้นมานี้ ไม่อยากจะคิดเลยครับเขมชาติ!

      “ทำไมอะพี่เขม...กลัวผมเหรอ”

      “มาก!!” ผมพูดและ

      "ครูหิวไหมผมต้มมาม่าให้ ผมต้มมาม่าอร่อยนะครู" ผมหันไปมองหน้าคนที่บอกว่าต้มมาม่าอร่อย ผมว่าเด็กเล็กก็ต้มอร่อยนะถ้าอย่างนั้นนะ คริสฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปกรอกน้ำรินใส่กาต้มน้ำไฟฟ้า ส่วนผมก็จัดการหยิบเสื้อผ้าจากในกระเป๋าออกมาสวมใส่ไม้แขวนให้ดูเรียบร้อย

      "ครูแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าผมก็ได้ครับ" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากกาต้มน้ำร้อนหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคริสก็ตู้เสื้อผ้าผู้ชายนะ มันก็จะรกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผมเห็นคริสโตเฟอร์สาละวนกับการต้มมาม่าให้ผมทาน คงจะอร่อยจริงอย่างที่เขาบอกแน่ๆ

         ผมจัดการเปิดตู้ค้างไว้และรื้อเอาเสื้อผ้าออกมาหมดเลย ผมเห็นว่าตู้เสื้อผ้าของเขามีลิ้นชักเยอะอยู่ผมคิดว่าจะเอาพวกเสื้อยืดพับใส่ไว้จะดีกว่าและว่าจะพับเรียงเป็นสีให้ด้วยจะได้หยิบได้สะดวก

      "ครูทำอะไรนะครับ" นายคริสโตเฟอร์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ

      "ครูจัดตู้ให้เธอไง" คริสโตเฟอร์เดินมาหาผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าผมอยากทำให้ เห็นเขาแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าเขาคงไม่ค่อยมีใครทำให้เหมือนเช่นผมแม่ผมทำให้ผมตลอดและผมก็เรียนรู้จากแม่รดาของผมนี้แหละ ผมเลยทำเองจนแม่ไม่ต้องมาทำให้ผมแล้ว

         แต่คริสโตเฟอร์ซิแม่เขาคงไม่มีเวลาที่ดูแลเขาเหมือนเช่นแม่ผม ต้องดูแลรีสอร์ตไหนจะลูกใหม่อีก ผมหันไปจัดการแยกเสื้อผ้าจะได้เป็นสัดเป็นส่วน เสื้อผ้าพวกนี้ของคริสโตเฟอร์ยี่ห้อดีทั้งนั้น จะว่าไปแม่เขานี้ก็ซื้อเสื้อผ้าให้คริสได้ทันสมัยดีเหมือนกัน เช่นพวก Shaps , Desel , Jaspal ผมเลือกแขวนเสื้อผ้าใส่ไปเที่ยวไว้อีกด้านและชุดนักเรียนของคริสโตเฟอร์ ถุงเท้าก็ม้วนจับคู่ให้เรียบร้อย กางเกงยีนก็พับเก็บให้อย่างเรียบร้อยเช่นกัน แม้กระทั่งกางเกงชั้นในอีกด้วย (แอบคิดนี้ตกลงใครเป็นแม่บ้านผมหรือหมอนั้นถ้าได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ ฮาๆ)

      "ครูมาทานก่อนเถอะเดี๋ยวมาม่าอืด" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าเดี๋ยวค่อยมาจัดให้ต่อก็แล้วกัน ผมเดินมานั่งที่โต๊ะกลมเล็กๆ บ้านพักนักเรียนนี้ก็ดีเหมือนกันมันน่าอยู่กว่าหอพักหน่อยมีมุมเล็กๆ ไว้ทำอาหารง่ายที่ใช่ไมโครเวฟแต่ไม่มีเตาแก๊สแค่นั้น

      "อร่อยแน่นะ" ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาต้มมาม่าสองห่อเอาไว้

      "ไหนเราบอกครูว่าไม่หิวไง"

      "ไม่อยากให้ครูนั่งกินคนเดียวผมรู้ว่านั่งกินคนเดียวมันเหงา" คริสโตเฟอร์พูด

      "ผมเลยต้องคอยออกไปกับเพื่อนตลอดไปอย่างนั้นแหละครู...ไปแค่ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงาแต่จริงๆ " คริสโตเฟอร์พูด เขาก็ใช้ส้อมตักมาม่าทาน ผมก็นั่งทานไปด้วย

      "แม่เธอไม่มาหาเธอบ้างเหรอคริส"

      "แม่ผมนะแอบมาบ้าง...ผมเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ค่อยได้ครับครู...คงเพราะว่าผมไม่ชอบภาษาอังกฤษมั้งครับและผมก็มีปัญหากับทางโรงเรียนเรื่องนี้ประจำ ผมเกือบไม่จบม.ต้น จนแม่มาขอร้องให้ผมไปแก้ศูนย์ที่ติดอยู่ตั้งแต่เทอมแรก..แม่นะรักผมมากแต่แม่ก็รักสามีใหม่ของแม่ด้วย ผมรู้ว่าแม่ลำบากใจนะครับครู"คริสต์พูด ผมพยักหน้า

      "ดังนั้นเธอควรจะทำให้เธออยู่บนโลกนี้ได้ด้วยตัวของเธอเองคริส" ผมพูด ผมแตะที่หลังมือของคริสโตเฟอร์

      "มีอะไรที่ครูช่วยได้ครูยินดีนะและเต็มใจช่วยเราน่ะ " ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาพยักหน้าเบาๆ ผมสองคนทานกันต่อและคริสโตเฟอร์ก็เป็นคนเก็บล้างเองผมกลับไปจัดตู้ให้คริสโตเฟอร์ต่อแยกว่าชั้นไหนใส่อะไร แยกเสื้อผ้าให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน คริสโตเฟอร์เข้ามาช่วยผม พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ผมกับคริสโตเฟอร์ช่วยกันจัดจนเป็นระเบียบเรียบร้อยคราวนี้จะหยิบจับอะไรก็สะดวกแล้วซิ

      "ครูครับขอบคุณนะครับ ไม่เคยมีใครมาทำให้ผมแบบนี้เลย" คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองทำท่าจะร้องไห้ ไม่อยากจะเชื่อนะว่าดูเขาเหมือนเป็นคนที่แข็งที่ภายนอกแต่ภายในก็มีมุมที่เรียกว่าอ่อน ผมตรงเข้าไปกอด

      "ไม่เป็นไรอันไหนครูทำให้ได้ครูก็ทำให้นะ" ผมบอกคริส ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเองมันเกือบจะห้าทุ่มแล้วด้วย

      "ครูอาบน้ำก่อนไหมครับเดี๋ยวผมอาบทีหลังครู" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าก็ดีนะ

      "ก็ได้คริส" ผมตอบตกลงว่าผมอาบน้ำก่อนผมเดินไปในห้องน้ำก่อนเลย ผมเห็นคริสโตเฟอร์กำลังเล่นมือถือตัวเองอยู่ที่นอนรออาบน้ำหลังผม ผมก็ปิดประตูแต่ว่ามันล๊อกไม่ได้นี้

      "คริสประตูห้องน้ำเธอมันล๊อกไม่ได้" ผมเปิดประตูโผ่หน้าออกมาถามคริส

      "ใช่ครับครูมันล๊อกไม่ได้ ทำไมเหรอครู" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากมือถือขึ้นมาถามผม แล้วผมจะกล้าอาบเหรอครับ คนที่หันมามองผมทำหน้าได้เหมือนเป็นเรื่องที่ปกติของเขาแต่มันผิดปกติของผม

      "เออ...คือ.." ผมจะพูดยังไงดีแบบนี้ผมจะกล้าอาบน้ำไหม

      "ครูกลัวผมแอบดูเหรอครู ...ผมนะไม่ใช่พวกถ่ำมองนะ เพราะว่ามันมองเห็นไม่ชัด ผมชอบเปิดดูเลยครู.... เห็นแบบจะจะมันได้อารมณ์กว่าเยอะ" คริสโตเฟอร์พูดนั่นแหละที่ผมกลัวว่าหมอนี่นั้นแหละที่จะเปิดเข้ามาดูผมขณะที่ผมกำลังโป้ (ผมคิดในใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาให้ดู)

      "ผมไม่เปิดเข้าไปหรอกครับครู...ผมรอให้ครูเปิดให้ผมดูดีกว่า..ตื่นเต้นกว่าเยอะ" ผมจะอมยิ้มดีใจทำไมและผมก็ปิดประตูห้องน้ำถอยหลังกลับเข้าไป ผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวด้วยชุดนอนที่ผมสวมใส่ปกติ ชุดนอนกางเกงขายาว พอเสร็จเรียบร้อยก็รีบออกจากห้องน้ำคริสโตเฟอร์จะได้อาบน้ำต่อจากผม

      "เฮ้ย! " ผมร้องซะเสียงหลงถึงแม้จะมีผ้าเช็ดสวมพันกายอยู่ครึ่งท่อนก็เถอะ มันทำให้ผมใจสั่น

      "ครูตกใจทำไมละครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม "หึๆ " แถมยังขำผมด้วยนะ

      "ว่าแต่ครูเถอะ ใส่มิดชิดขนาดนี้เลยเหรอครับเวลานอน" คริสโตเฟอร์ชี้ที่ชุดที่ผมสวมอยู่ ผมก้มลงมอง

      "ก็ใช่นะซิ.... ดังนั้นเธอไม่มีทางเห็นสัดส่วนของครูแน่นอน" ผมพูด หยักคิ้วให้ด้วย ว่าแต่ผมจะนอนเตียงไหนละ

      "ครูนอนเตียงไหนละคริส" ผมถามคริสโตเฟอร์เขาหันมามองหน้าผมและเบนสายตาไปที่เตียงนอนเขาไง

      "นอนเตียงผมไง เตียงเดียวกันนี่แหละทำไมเหรอครู"

      "เตียงเธอเล็กนิดเดียวนะ"

      "ผมกลัวไอ้โป้งมันว่าเอานะครูมันหวงเตียงมันครับครู แต่มันให้ไอ้ปันปันนอนได้คนเดียวแค่นั้น" คริสโตเฟอร์พูด ผมถึงกลับต้องกลืนน้ำลงคอเตียงนี้มันเตียงเดี่ยวนะถ้านอนสองคนผมว่าต้องก่ายกันนอนแล้วแหละมั้ง

      "ครูว่ากลับไปนอนบ้านครูดีกว่าคริส..คือครูไม่อยากเบียดเธอนะ"

      "ครู..จะทิ้งผมไว้คนเดียวจริงๆ เหรอ นี่ผมไม่ไปกับเพื่อนเพราะอยากอยู่กับครูนะ" คริสโตเฟอร์พูดผมหันมามองคริสโตเฟอร์ ทำยังไงละ เมื่อตอนบ่ายก็ทำผมซะกระเจิงไปพักหนึ่งแต่ว่าเอาวะเขมต้องผ่านไปได้คืนเดียว

      "โอเคครูนอนนี้ก็ได้...ก็แค่คืนเดียวเนอะ" ผมเห็นสีหน้าคริสโตเฟอร์ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไป

      "ไม่แน่พรุ่งนี้ครูอาจจะติดใจก็ได้นะใครจะไปรู้ ....ฮาๆ” คริสโตเฟอร์พูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ผมรีบหันไปหาอะไรปาตามหลังไปทันที และคริสก็เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป ทะลึ่งจริงๆ

      
        TBC...   

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.14 เรื่องธรรมชาติครับพี่เขม(ครึงหลัง) NC

            Part's เขมชาติ  ผมแกล้งทำเป็นหลับจนกระทั่งผมรู้สึกว่าคนข้างๆ ผมเงียบไปแล้ว และนั้นผมถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นในความมืด ผมค่อยๆ กระดกศีรษะเพื่อหันไปมองคริส ที่ซบหน้าลงที่ด้านหลังของผมใจผมเต้นแรงมากและที่สำคัญผมกำลังมีอารมณ์อีกครั้ง ไม่ได้นะต้องนอนเขม! ผมบอกกับตัวเองพยายามข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ยาก หรือว่าจะลุกไปคริสโตเฟอร์ก็จะรู้ว่าผม....อึ้ย!!! ไม่ได้ ไม่ได้ ตอนนี้คนที่กอดผมไว้เขาเงียบไปแล้วหรือว่าจะหลับแล้วจริงๆ น่ะ หลับง่ายดีจังแต่ผมก็ลุกขึ้นไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าแขนของคริสโตเฟอร์กอดผมไว้อยู่แบบนี้

      "ฟู่" ผมเผลอพ่นลมออกมาทางปาก

      "นอนไม่หลับเหรอครับพี่เขม" เสียงกระซิบถามที่ข้างหูผม ทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง นี่ผมกำลังปลุกนายคริสใช่ไหม เพราะว่าน้ำเสียงของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาพูดทั้งที่เขายังหลับตาอยู่และผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอผมอยู่ ก็เมื่อสักครู่ ใบหน้าของเขายังอยู่ที่แผ่นหลังของผมอยู่เลย แต่ตอนนี่เขาเลื่อนมาอยู่ที่ซอกคอผมแล้วและแขนก็สอดเข้ามากอดผมไว้ดูเหมือนจะเลื่อนไปเลื่อนมาแถวๆ ท้องน้อยและค่อยเลื่อนต่ำลง ต่ำลง จนกระทั่งถึงตรงนั้น ...ของผม..นั้นมันของสงวนครูนะคริส!!!

      "เพราะอันนี้หรือเปล่าอะครู" ผมทำตาโตเพราะว่านายคริสจับตรงแกนกายผมเข้าแบบเต็มกำมือ ผมหลับตาปี๋อายซิครับ คริสเลยรู้จนได้ว่าผมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน

      "ผมก็เป็นพี่เขม ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วด้วย เรามาทำด้วยกันนะ ถ้าไม่ทำนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ " คริสโตเฟอร์กระซิบข้างหูผมแต่มันดังก้องเหมือนตะโกนใส่ซะมากกว่า

      " แต่ผมยังไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกัน..เคยแต่ให้ผู้หญิงทำให้ " หูผึ่งมันจะดีเหรอ?

      "ครูหันมาซิครู...นะ..ผมว้อนอะ" น้ำเสียงของคริสโตเฟอร์ มันยั่วยวนผมมาก อย่ายั่วครูเดี๋ยวครูใจแตก!

      "I need you help me, please! ." ถึงจะเป็นคำขอที่สุภาพก็เถอะ คริสโตเฟอร์ดันผมให้พลิกไปหาเขา ผมก็ค่อยๆ พลิกตัวเองเข้าหาคนที่นอนตะแคงรอผมอยู่ แล้วแถมยังอยู่ในท่าเท้าแขนมองผมด้วยสายตาที่เซ็กซี่ซะด้วย ผมจ้องมองคนที่นอนข้างๆ ผม เขาไม่ได้สวมเสื้อนอนแต่กางเกงนี้ผมไม่รู้ว่าสวมไหมเพราะผ้าห่มมันคลุมอยู่ครึ้งท่อน คริสก็ดันผ้าห่มออก ผมก้มมองตรงนั้นของคริส มันแข็งและเรียกได้ว่าชี้หน้าผมอยู่ดีกว่า ยังดีที่คริสใส่กางเกงบอล แต่ว่าดูแล้วไม่ได้ใส่กางเกงยืดข้างในแน่ๆ

      "นะครู ..ผมอยากให้ครูสอนผม" ผมก็มองหน้าจะดีเหรอ ผมไม่ใช่ครูที่ชำนาญการเรื่องเพศศึกษาแต่แค่มีประสบการณ์เฉยๆ

      "แต่ว่า..." ผมทำท่าจะปฏิเสธ

      "ครูมันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ...นะครู..ของครูก็พร้อมแล้วอะ...นะเรามาทำด้วยกันนะครู...อืมม" คริสโตเฟอร์พูดออดอ้อนผมและเขาดึงผมเข้าไปแนบชิดแผ่นอกแน่นๆ ของคริส คริสโตเฟอร์ก้มลงจูบปากผมเบาๆ และคลอเคลียไปตามแก้มไล่ลงมาที่ต้นคอ มือผมก็กุมส่วนนั้นของคริสไว้มันแข็งและเต็มมือมาก อายุแค่นี้ยังซูซีกับผมแล้วไปกินอะไรมาทำไมมันโตไวจังของผมนี้กว่ามันจะโตใช้เวลาตั้งนาน นี้อายุแค่17จะแซงหน้าผมอยู่แล้ว

      "อืมม..คริส...ซี้ด" ผมซี้ดปากเพราะว่าคริสกำลังใช้มือปฏิบัติกับของผม ผมก็ใช้มือปฏิบัติให้คริสตอบเช่นกันแต่ของผมอาจจะรู้งานมากกว่าคริสโตเฟอร์ เพราะว่าเขายังดูขัดๆ เขินๆ แต่เขาก็พยายามทำให้เหมือนที่ผมทำให้เขานั่นแหละ ผมก็จูบคริสเราแลกลิ้นกันพัลวันเลย ม้วนรัดกันอย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะพันกันจนเอาไม่ออก (แต่มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งเนอะ) ขาก็กอดก่ายกันไปมา ตอนนี้ผมปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเอง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมเป็นตัวของตัวเองเต็มที่

      ตอนนี้ความต้องการของห่วงอารมณ์ความใคร่มันก็กำลังครอบงำความถูกผิดไปหม และคงห้ามได้ยากเพราะนี้ก็คือพื้นฐานของความต้องการของมนุษย์ที่ทุกคนต้องมี และผมเองก็เป็นเช่นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลงและยังคงมีกิเลสตัณหา ผมทั้งจูบทั้งไซ้ลงที่ซอกคอขาวๆ นั้นของคริสโตเฟอร์ เมื่อตอนบ่ายมีแค่คริสที่รุกผมส่วนผมก็นอนดิ้นรองรับลิ้นนั้น แต่ตอนนี้ผมรุกเองแบบผู้ใหญ่เขาทำกันด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย

      "ที่รัก..อืม..เก่งสุด..คริส..ชอบ..อ่าห์....ขอแรงนิดหนึ่งซิที่รัก"เสียงกระเซ้าบอกให้ผมเร่งระดับการปฏิบัติด้วยมือ ขอมาผมก็จัดให้

      "อืมมม...อืมม..อ่าห์..โอ้วว..คริส..ซี้ด..โอ้วว" ผมร้องครางออกมาเช่นกัน นี้ขนาดบอกว่าไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกันนะ

      "อะ..อะ ..อ่าห์...คริสสสสสส...โอ้วว..อู้ " เสียงสุดท้ายผมก็เรียบร้อยไปแล้วและคริสก็เช่นกัน

      "แฮ้กๆ " เสียงหอบของผมและคริส หลังจากที่เราทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมาย ผมก้มมองมือที่กุมของรักของหวงคริสไว้ น้ำสีขาวขุ่นๆ เต็มมือผมไปหมดและที่มือคริสก็เช่นกัน คริสโตเฟอร์มองหน้าผมและก้มลงมาบดขยี่เบาๆ ผมยังคงจ้องมองใบหน้าของคริสโตเฟอร์ นี้ถ้าบอกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนะเชื่อสนิทเลยเด็กมัธยมอะไรถึงได้เชี่ยวชาญเรื่องอย่างว่าแบบนี้

      "คราวนี้นอนหลับสบายแหละ" คริสโตเฟอร์พูดปนยิ้มๆ ให้ผม แน่ละเรียบร้อยไปพร้อมกันขนาดนี้ไม่มีอะไรติดค้างแล้วนิแถมยังออกมาจนหมดแม็กเลยก็ว่าได้ เขาเอื้อมไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูและส่งมาให้ผมสองสามแผ่นเพื่อเช็ดทำความสะอาดของตัวเอง

      "ที่รักเปิดไฟตรงหัวเตียงให้หน่อยซิครับ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขาเรียกผมว่าที่รักมันรู้สึกดีแปลกๆ คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อนำกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วทั้งของผมและของเขา เขาหยิบของผมโดยไปทิ้งให้โดยไม่รังเกียจสักนิด คริสโตเฟอร์เช็ดทำความสะอาดบนเตียงนอนจนเกือบหมดคาบแต่ก็ยังมีเลอะเทอะอยู่นิดหน่อย พรุ่งนี้ผมต้องเอาไปซักให้ซะหน่อย แค่คิดใบหน้าผมก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ

      "คริส...ครูขอโทษนะ..ที่จริง" ผมพูดขอโทษคนที่นั่งลงบนเตียงข้างผมทิ้งตัวลงนอนลงและสวมกอดผมทันที

      "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครู...มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...แต่มันสุดยอดมากเลยนะดีกว่าทำเองอีก..ครูว่าไหมและยิ่งทำให้กันแบบนี้ด้วย..มันรู้สึกฟินกว่าดูหนังโป้และทำไปด้วยอีก" คริสโตเฟอร์พูด นี้พูดมาได้ไม่คิดจะอายกันบ้างสักนิดเลยหรือไง คริสกำลังใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ

      "นี้แค่มือนะผมยังรู้สึกดีได้ขนานนี้ถ้ามากกว่านั้นละ" คริสโตเฟอร์พูดในตาเป็นประกายผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมหันไปมองคริสแว๊ปหนึ่ง

      "ครูยังไม่พร้อมในขั้นนั้นนะคริส" ผมออกปากปฏิเสธไว้ก่อนเลย

      "ผมรอได้...ผมรักครูนะ...แต่ผมก็กลัว.."คริสโตเฟอร์พูด

      "ผมกลัวถ้ารักแล้วครูทิ้งผมไปอีกคนผมจะทำยังไง...ครู"

      "คนที่เธอบอกว่ารักเธอและเขาทิ้งเธอไปเธอหมายถึงพ่อเหรอ"

      "อืม"

      "ถ้าอย่างนั้นเธอต้องตามหาเขาซิจะได้รู้ความจริงๆ "ผมหันบอกคริสโตเฟอร์ ให้ออกตามหาพ่อเขา ผมไม่อยากให้เขาคิดเอาเองว่าพ่อไม่รักเขาทิ้งเขาไป ผมไม่อยากให้เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพ่อเขา ผมเชื่อว่าเขาอาจจะมีเหตุผลที่มากพอว่าทำไม

      "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดี..." คริสโตเฟอร์นอนพลิกตัวนอนตะแคงยกข้อศอกขึ้นตั้งฉากยันศีรษะของเขาไว้ สายตาเขามองผม สายตาคู่นี้ไม่ใช่สายตาเด็กนักเรียนทั่วไปที่ผมเคยเห็นแต่เขาก็ยังเป็นเด็กนักเรียนของผมอยู่ดี

      "คริสครูกลัวว่านี้มันจะเป็นการทำร้ายเธอ"

      "ความรักไม่เคยทำร้ายใครไม่ใช่เหรอครู และผมก็เชื่อว่าครูรักผม...ผมมองมันผ่านสายตาของครูได้ ผมรู้สึกแบบนั้น ว่าเราคิดตรงกัน" คริสโตเฟอร์พูด เขาใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของผม

      "ผมดูออกว่าครูคิดยังไงกับผม...และผมก็รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับครู...เหมือนเราได้เจอคนที่ใช่แต่ในเวลาที่ผิดใช่ไหมครู" พอผมได้ยินแบบนี้ทำไมผมรู้สึกมันเจ็บขึ้นมาที่อกข้างซ้ายของผมยังไงก็ไม่รู้ มันผิดที่ผมเป็นครูและเขาเป็นนักเรียนของผมนี้ซิ

      "เพราะครูคิดว่าผมเป็นเด็กนักเรียนและเด็กกว่าครูอีกด้วยใช่ไหมครับ ..นี้มันเวทีรักนะครับครูไม่ใช่เวทีนักมวยจะได้ขึ้นชกข้ามรุ่นกันไม่ได้นะ" นายคริสโตเฟอร์พูดและยังมาขำผมอีก

      "หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอของผมกับมุขที่คนอายุน้อยกว่าพยายามใช้อ้างอิงขอความรักคนอายุเยอะกว่าอย่างผมนะซิ และมันก็ได้ผล ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มคริสโตเฟอร์คริสเขาใช้แก้มเขาหนีบมือผมไว้ มือเขาก็บีบมือผมเล่น บีบแล้วคลายบีบแล้วก็คลายอยู่แบบนั้น

      "นอนได้แล้วคริส...ครูเริ่มง่วงแล้วแหละ..นอนหลับฝันดีนะครับ" ผมพูด คนที่นอนตะแคงก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากบางๆ ของผม

      "นอนหลับฝันดีครับ..อยากเรียกที่รักไม่อยากเรียกครูแล้วอะ"

      "นอนได้แล้ว...ได้คืบจะเอาศอกนะเรานะ " ผมพูด พอคริสโตเฟอร์ทิ้งพร้อมกับสอดแขนเข้ามากอดผมเหมือนเดิม กอดไว้แน่นเชียวเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปซินะ ผมเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟและความมืดก็เข้ามาอีกเยือนอีกครั้งแม้จะมีแสงไฟจากไฟภายนอกแต่ก็สว่างแค่นิดเดียว

      "ครูรู้ไหมว่าผมกลัวความมืด ผมกลัวการอยู่คนเดียวแต่ผมก็กลัวการมีความรักผมไม่อยากรักใครที่ผมไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจเขาได้หรือไม่ ผมกลัวการจากลา" เสียงของคนที่กอดผมอยู่เขาซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผม

      "พอผมได้กอดครูความกลัวเหล่านี้มันก็หายไป ครูอย่าทิ้งผมไปนะ ผมรักครู " เสียงที่พร่ำบอกผมว่าอย่าทิ้งเขาไปมันดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดจน ผมเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคริสเขาคงหลับไปแล้ว

            พอผมได้ยินแบบนี้แล้วผมควรจะเลือกทางไหน และเขาก็พูดถูกซะด้วย ใช่ผมกำลังรักเขาและเหมือนจะรักเขามากกว่าณัฐกานต์ซะด้วย แต่ว่าผมกับณัฐกานต์ยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ เพราะว่ายังมีอะไรร่วมกันอีกหลายอย่าง สมุดบัญชีที่เปิดด้วยกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมรับสอนพิเศษให้เด็กเล็กและรับจ๊อบทำงานที่ร้านกาแฟสดของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเขาเปิดคาเฟ่เล็กใกล้กับย่านที่พักของนักท่องเที่ยว เขาเห็นว่าผมเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษผมพูดได้ดีเลยทีเดียว เขาจึงชวนผมไปทำ จนผมกับณัฐกานต์พอจะมีเงินเก็บหลักแสนและคอนโดที่ผมกับณัฐกานต์ช่วยกันจ่ายจนเป็นอิสระ และมันก็สมบัติของผมและณัฐกานต์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่าน ถูกโอนเป็นชื่อของผมสองคน

       

               ผมขอให้มันจบลงด้วยดีอย่างน้อยความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ สี่ปีมันก็ผูกพันมากพอสมควร ถามว่ารักไหมก็รักมากพอ แต่ถ้าเทียบกับความเหนื่อยล้าแล้วผมยอมรับว่าเหนื่อยมากเหมือนกันเพราะเส้นทางความรักของสองเรามันเหมือนเส้นทางที่ขนานกันสองเส้นที่ไปกันไม่ได้เลย เพราะเรามองต่างกันคิดก็ต่างกัน มองสิ่งเดียวกันแต่ให้ความหมายกันไปคนละอย่างดังนั้นเขมจะไม่รั้งณัฐกานต์ไว้ด้วยคำว่า "เรารักกันมานาน " เพราะบางที่รักเราอาจจะหมดไปตั้งนานแล้วก็ได้แต่ที่ทนอยู่ก็แค่ยื้อไว้เพื่อหวังว่ามันอาจจะดีขึ้นแต่จริงๆ แล้วมันกลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม

      "หมับ" ผมจับมือของคนที่กอดผมไว้มากุมไว้หลวม

      "ครูจะไม่ทิ้งเธอ ครูสัญญา " คำพูดที่เบามากแต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะทำแบบนี้ และผมคงต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะต้องตามมาและปัญหามากมายที่ผมและเขาจะต้องพบเจอ ซึ่งมันอาจจะรอผมสองคนอยู่เบื้องหน้าแต่ผมจะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด


TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 923
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
               
    EP.15 เขมรู้สึกผิด

                    Part คริสโตเฟอร์ เมื่อคืนผมกับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จะทำไมก็เพราะว่าพี่เขม หรือครูเขมชาติ คนที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ตอนที่เขาจะตกบันได ตอนนั้นผมคว้าแขนเขาเอาไว้และนั้นคือการสบตากันครั้งแรกก็ปิ้งเลย ทั้งที่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครที่เป็นผู้ชายมาก่อน ตอนแรกก็คิดว่าผมคงสับสนไปเอง แต่เมื่อคืนนี้ไม่ซิเมื่อวานเรียกว่าทั้งวันเลยที่ผมได้สัมผัสริมฝีปากที่บางเรียวสวยคู่นั้น พี่เขมเป็นผู้ชายที่ริมฝีปากบางสวย ไม่หนาเหมือนผมมันช่างน่าดูดดื่มซะจริงๆ ว่าแล้ว

       “อืมมม” ผมก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปและประกบริมฝีปากของพี่เขมที่นอนหลับ ขนาดหลับนะยังดูหล่อซะไม่มี และเมื่อริมฝีปากผมแตะที่ริมฝีปากนั้นและผมก็ค่อยจูบเบาๆ คนที่นอนก็ครางออกมาเบาๆ และเมื่อผมเริ่มมอบรสจูบที่หนักหน่วงขึ้นน พี่เขมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเช่นกัน

       “คริส!! “พี่เขมเรียกชื่อผมแต่ไม่ได้ผลักตัวผมออก

       “เป็นการปลุกที่น่ารักที่สุดในโลกใช่ไหมครับ” ผมพลิกตัวนอนคว่ำมองหน้าพี่เขม พี่เขมก็หลับตาลงแต่ก็ยิ้มให้ผมอ่อนๆ

       “กู้ดมอร์นิ่งครับพี่เขม”

        “กู้ดมอร์นิ่งครับคริส” พี่เขมค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะบอกทักทายผม ผมสองคนก็สบตากัน มันสื่อความหมายได้มากมายเหลือเกินและผมสองคนก็เริ่มขยับเข้าหากัน ริมฝีปากเราสองคนขยับพร้อมกันเหมือนจะต้องการริมรสความหวานของกันและกัน ..แต่

        “อืมมมม...ปึก” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องค้างเอาไว้ในท่าจะกำลังจะประคองใบหน้าของกันและกัน สายตาผมสองคนเหมือนมีคำถามว่า “เสียงใครวะ” ผมค่อยๆ หันไปมอง มีซากศพ ที่นอนพาดเตียงอยู่ ในชุดที่บอกได้ว่ามันไปปาร์ตีมาแน่ๆ

         “ไอ้ปันปัน!” ผมพูดและพี่เขมก็ดีดตัวลุกขึ้นและผมก็ลุกพล้วดเช่นกัน แบบว่ามันมาตอนไหน ทำไมผมไม่ได้ยินอะไรเลย และมันจะเห็นผมกับพี่เขมกอดกันไหมวะเนี๊ยะ

        “ปัน” ผมเดินไปหยิบเอาไม้กวาดและเขียสภาพมันที่นอนพาดอยู่บนเตียงของไอ้โป้ง ไอ้ปันปันมันไม่ได้นอนบ้านพักของพวกผม มันนอนอีกหลังหนึ่งถัดไปสองหลังแต่ไม่รู้วันนี้ทำไมมันกลับมานอนที่นี้

       “ไอ้ปัน ปัน” ผมเขี่ยและเรียกมันอีกครั้ง มันยังคงไม่กระดุกกระดิก

        “ไอ้ปันปัน!!” ผมร้องเรียกชื่อมัน

         “อะไรวะ ..” ไอ้ปันปันกระดกหัวขึ้นและหันมองหาผม

         “ข้างหลังมึง” ผมบอกมันและมันก็พลิกตัวหันนอนหงายมองผม

         “มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามไอ้ปันปัน

         “เมื่อไหร่วะ ไม่รู้วะ” มันพูด แสดงว่ามันเมาหนักมาก กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่จากเสื้อผ้าของมันที่ติดตัวมาจากผับ และไอ้ปันปันมันก็ลุกขึ้นนั่งและหันไมองรอบๆ และหันมามองหน้าผม

         “กูมายังไงวะ” ไอ้นี่ถามผมแล้วผมจะไปถามใคร เพราะว่าตื่นมาก็เจอศพมันพาดอยู่เลยแบบนี้ มาตอนไหนผมยังไม่รู้เลย ผมได้แต่ส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน และไอ้ปันปันมันก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องและมันก็ไปหยุดที่พี่เขม

        “มึงมาหากูทำไมวะคริสแต่เช้า” ไอ้ปันปันมันหลี่ตาขึ้นมาถามผม ผมก็ต้องเกาหัว เพราะว่าคนที่มานะมันไม่ใช่ผม

         “มึงนั่นแหละครับที่มาหากู ที่บ้านพักของกู แต่ตอนไหนอย่าถามกูไม่รู้” ผมบอกไอ้ปันปัน ไอ้นี่มันอยู่ถัดไปสองหลังแต่บางทีถ้าผมมไม่อยู่มันก็จะมานอนกับไอ้โป้งบ้าง แต่ผมนะน้อยครั้งมากที่จะไม่อยู่ นอกจากจะไปกับไอ้โป้งมันเลย

        “ใครวะ” มันชี้ไปที่ครูเขม ผมก็ผงะ มันก็เจอครูเขมก่อนจะออกไปนะ ไอ้นี่ความจำหายไปเลยหรือไง

         “ก็ครูเขมไง ครูเขมเขามานอนกับกูอ่ะเมื่อคืน” ผมพูดบอกมัน สงสัยไอ้นี่ต้องจูนผมเข้าไปจูนสัญญาณมันนิดหนึ่ง โดยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ นวดขมับมันหน่อย มันเป็นมุกจูนสัญญาณเวลาเพื่อนมึนๆ งงๆ นั้นจำได้ละซิ

         “อ้อ..ครูสวัสดีครับ “ไอ้ปันปันหันไปยกมือไหว้พี่เขม พี่เขมก็ยกมือไหว้รับไหว้และขมวดคิ้ว

         “สงสัยมันยังค้างนะพี่เขม มันเลยจำพี่ไม่ได้” ผมพูดให้พี่เขมอ่านปาก และพี่เขมเขาก็พยักหน้าและค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนของผม

          “เฮ้ยย! ครูมานอนกับมึงเหรอวะ ทำอะไรกันเปล่า” ไอ้ปันปันมันลุกขึ้นและมันก็รีบตื่นจากภวังค์ซะอย่างนั้น มันถามผมและหันไปมองครูเขมที่ลุกขึ้นทำท่าจะหยิบกระเป๋าเป้

         “ไม่ได้ทำ มึงจะบ้าเหรอ” ผมรีบพูด

         “เออๆ ว่าแต่ตกลงกูมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไงวะ “ไอ้ปันปันพูด ผมก็คิดว่ามันคงไมได้เห็นอะไรแน่ๆ ระหว่างผมกับครูเขม

         “กูก็ไม่รู้วะ ..แต่ว่ามึงก็มาแล้ว ไปอาบน้ำไป เหม็นกลิ่นบุหรีและเหล้าฉิบหายเลย” ผมพูดบอกมันและผลักมันให้เข้าห้องน้ำด้วย มันชอบมาอาบน้ำที่นี้หลังซ้อมบาสเกตบอล มันเลยเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี้บ้าง

         “พี่กลับบ้านพักนะคริส พี่ว่าพี่จะกลับไปอาบน้ำที่บ้านดีกว่าคริสและพี่ว่าจะออกไปหาซื้อของใช้สักหน่อย “พี่เขมบอกผม พี่เขมก็เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้

         “พี่เขมที่บ้านพักพี่เขมไม่มีน้ำ พี่จำไม่ได้เหรอครับ ทำไมพี่ไม่อาบน้ำจากที่นี้ไปเลยละครับพี่เขม แล้วเราออกไปพร้อมกันเลย ผมจะไปกับพี่ด้วยวันนี้ผมว่าง ผมยกเลิกนัดสาวๆ เพื่อพี่เลยนะ “ผมบอกพี่เขม พี่เขมคงลืม เขาก็ยืนนึกและหันมามองผม

          “พี่เกรงใจนะคริส” พี่เขมพูด

          “เกรงใจทำไมละพี่เขม เราเป็นของกันและกันแล้ว” ผมพูดหยอกพี่เขม ผมชอบดูสีหน้าพี่เขมตอนถูกผมแกล้ง เขาหันมากอดอกมองผม

          “ล้อเล่นนะพี่เขม อาบที่นี้แหละพี่ ผมจะได้พาไป...ทานอาหารเช้าแถวๆ โรงเรียนนะพี่เขม” ผมบอกพี่เขม เขาก็พยักหน้าตอบรับ

          “ถ้าอย่างนั้นเราอาบพร้อมกันนะพี่เขม” ผมพูดบอกพี่เขม พี่เขมหันมามองหน้าผม

          “ไม่เอา..ปัน ปันอยู่ และนี้ดีนะที่มาในสภาพที่เมาแบบจำว่าตัวเองมายังไงยังไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นนะคงเห็นนายกับพี่กอดกัน” พี่เขมพูดเบาๆ กับผม

          “ผมเชื่อว่าปันปันมันไม่ใช่คนอย่างนั้นพี่ เมื่อวานมันก็เป็นคนบอกผมนะว่าพี่มาแต่ แก้มมันไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ “ผมบอกพี่เขมไป พี่เขมพยักหน้าและพอปันปันมันออกมาได้ ดูสภาพที่ดีขึ้นกว่าก่อนเข้าไป มันนุ่งผ้าขนหนูออกมาแต่มันก็ห่มมาด้วยผ้าขนหนูอีกผื่น ผมคิดในใจทำไมไม่กระโจมอกแบบสาวๆ มาเลยละ

          “เออ..แล้วครูนอนเตียงไหนอ่ะครับ” ไอ้ปันปันมันถามพี่เขม

          “นอนเตียงคริส” “นอนเตียงกูไง” ผมกับพี่เขมตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกันทีเดียว ไอ้ปันปันมันหันมามองหน้าผม

         “แล้วทำไมไม่ให้ครูนอนเตียงไอ้โป้งละไอ้คริส มันว่างอ่ะ” ไอ้ปันปัน ผมลืมเตี้ยมไว้ก่อน แต่ไม่ทันแล้วมั้งผม

         “เออ ครู เกรงใจโป้งนะ คริส บอกว่าเขาหวงเตียง” พี่เขมพูดบอกไอ้ปันปัน

         “ครู ถ้ามันหวงเตียงปานนี้มันกลับมานอนเตียงมันแล้วแหละครับ ไม่ท่อไปนอนโรงแรมหรอกครับครู” ไอ้ปันปัน ผมอยากจะบีบคอมันจริงๆ พี่เขมหันมามองผม เลิกคิ้วด้วยมีคำถามละซิ ผมก็หันไปยิ้มให้

         “และเตียงนี้เตียงโรงเรียนครับครู ผมจะหวงกันทำไมอ่ะ พอจบไปคนอื่นก็มานอน เอากลับบ้านได้ที่ไหนละครับ” ไอ้ปันปัน ผมก็เดินไปและ

        “พูดมากไปแล้วครับ ปันปัน” ผมก็กัดฟันบอกไอ้ปันปันและมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผม สายตาประสานกัน แน่นอนเพื่อนกันมาหลายปีมันต้องเข้าใจทันที

         “เหอะๆ เหรอ! โทษทีนะ กูช้า” ไอ้ปันปันมันพูดและหันไปจัดการแต่งตัวทันที พี่เขมก็มองผมกอดอกและผมก็ต้องเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้พี่เขม

          “อาบน้ำครับคุณครู” ผมบอก

         “ได้..นายนี้นะ มันน่าหนักคริส!” พี่เขมชี้หน้าผมและเดินเข้าห้องน้ำไป

         “ไอ้เชี้ยปัน” ผมหันไปด่ามัน

         “ฮาๆ สมน้ำหน้า แม้..”

        “มึงเห็น”

         “ถึงผมจะเมาแต่ผมก็เห็นได้ชัดเจนครับคุณคริส”

         “แล้วมึง มายังไงวะ”

         “กูก็ไม่รู้ว่า ว่าไอ้อาร์ทมันพากูมาส่งหลังนี้ และพอกูขึ้นมาเห็นเตียงว่างๆ เลยนอนเลย “ไอ้ปันปันมันบอก แสดงว่าไอ้อาร์ทและไอ้โจ มันก็คงเมาเลยเอามันมาส่งผิดหลังด้วย ฮาๆ

        “มึงจะบอกไอ้โป้งไหมวะ เรื่องกูกับครูอ่ะ” ผมถามไอ้ปันปัน

        “กูไม่บอกโป้งมันหรอกไอ้คริส มึงรู้ดีว่าทำไม” ไอ้ปันปันมันพูด ผมพยักหน้าและไม่นานครูเขมก็ออกมาจากห้องน้ำ และสวมชุดลำลองกางเกงขาสั้นไม่สั้นมากคลุมเข่าหุ่นพี่เขมดูสูง ไม่ผอมไม่อ้วน เรียกได้ว่าหุ่นดีทีเดียว ผมหันเหล่ตามองไอ้ปันปันมันแอบมองหุ่นพี่เขมผม ผมรีบทำนิ้วเฉือนคอว่าห้ามมอง และมันก็ส่งนิ้วกลางให้ผมด้วย และผมก็รีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างไวมาก ปล่อยให้พี่เขมยื่นแต่งหล่อไปก่อน

******

                     Part ครูเขมชาติ ผมออกมาจากห้องน้ำก่อนผมก็แต่งตัวเพื่อจะได้ออกไปหาอะไรทานกับคริสก่อนและจะเข้าไปดูครูโจ้ว่ามาหรือยังเพราะจะได้รบกวนครูเขาซ่อมแป๊บน้ำให้ผม ผมจะได้นอนบ้านพักของผม จะให้ผมนอนกับคริสไม่ได้หรอกคืนนี้ ผมกลัวใจผมเองจะทำแบบนั้นอีก ผมหันมาก็เจอปันปันที่ยืนแต่งตัวเตรียมออกเหมือนกัน เขาก็ส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ส่งยิ้มกลับไป

         “ครูเขมครับ ผมฝากบอกไอ้คริสด้วยนะครับผมจะออกไปหาอะไรทานก่อน ผมนัดพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจไว้ครับ และผมคิดว่ามันคงจะ..อยากไปกับครูมากกว่า” ปันปันหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ และหันกลับไปแต่งทรงผมรองทรงของผมและนายคริสก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าพันกายแบบหมิ่นๆ มาอีกแล้ว นายนี้ยั่วผมตลอด นายคริสสระผมเลยทำให้ผมเขาเปียก นายคริสไปยืนที่หน้ากระจก ทาครีมทาหน้าด้วยนะ มิน่าละหน้าใสเชียว และผมก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดที่หัวให้คริสโตเฟอร์ ก็เมื่อวานเขาเช็ดให้ผมแล้ว และนายคริสก็เอียงหัวมาให้ผมเช็ดให้เขาด้วยความเต็มใจ

         “ขอบคุณนะครับที่รัก” คริสโตเฟอร์เอียงคอมองผมและพูดขอบคุณผม ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ผมเขาก็แห้งหน่อยๆ ผมหันไปเอาผ้าขนหนูพาดกับราวตากผ้าเล็กในห้องนั้น พอผมหันมาผมก็เห็นนายคริสกำลังสวมเสือคอโปโลและกางเกงขาสั้นแต่มันจะต่างจากผมหน่อยเพราะว่าของผมขามันจะแคบกว่าผมไม่ชอบใส่แบบใหญ่ๆ ส่วนนายคริสก็จะประมาณนั้นและสวมถุงเท้าของอาดิแดส และผมก็มองไปที่ใบหน้าของเขา โครงหน้าของเขามันบ่งบอกว่าคนนี้ไม่ใช่คนไทยอย่างชัดเจน ผมมองเรื่อยๆ จนไปหยุดที่นัยต์ตาคู่นั้น และมันก็ทำให้ผมคิด

         “พี่เขม “เสียงคริสโตเฟอร์เรียกผมจนผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่าผมมัวแต่คิดถึงสีตาของเขาในวันแรกที่ผมเห็นกับวันนี้มันต่างกัน

        “มีอะไรคริส” ผมถามคริสกลับแบบแก้เขินที่ผมมัวแต่มองเขานานไปหน่อย

        “ผมเห็นพี่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งแล้วผมเลยเรียกอ่ะครับ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองผม แบบใกล้ชิด ผมก็มองเขาแบบใกล้ชิด ผมเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติไป สีตาของเขาวันนี้มันเป็นสีดำ แต่วันก่อนผมเห็นเป็นสีฟ้านะ ผมเหลือบไปเห็นกล่องคอนแทคเลนส์วางอยู่ เหมือนกับว่าเขาใส่คอนแทคเลนส์ด้วย

         "เธอใส่คอนแทคเลนส์เหรอคริส? " ผมถามคริสโตเฟอร์ เพราะว่าวันแรกผมนะเห็นตาเขาสีฟ้าและบางวันก็สีดำ

         "ใช่ครับพี่เขม..เพื่อปกปิดมัน...ผมอยากปิดบังมันไว้...ผมพยายามหลอกตัวเองว่าผมไม่มีส่วนไหนที่ได้มาจากพ่อของตัวเองแต่มันกลับไม่ใช่ผมได้เขามาเกือบทั้งหมด"คริสโตเฟอร์พูด เขาหันมามองหน้าผม

          “และวันแรกที่พี่เห็นนายล่ะ ดวงตาของนายมันเป็นสีฟ้านะ วันนั้นนะ” ผมพูดถามนายคริส

          “วันนั้นผมหากล่องคอนแทคเลนส์ไม่เจอนะพี่ ก็มีแค่วันนั้นแหละที่ผมไม่ได้ใส” คริสโตเฟอร์พูด บอกผม

         "ผมไม่อยากเห็นสีตาตัวเองพี่เขม และนี้มันก็ทำให้ผมดูแตกต่างจากคนอื่นเข้าไปอีกอ่ะครู “คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ และหันไปมองทางอื่น ผมเข้าใจความรู้สึกเขานะ

          "ทำไมละ...สีฟ้าแบบนี้สวยดีออก...ครูชอบ..และนี้คือตัวต้นที่แท้จริงของเธอนะคริส" ผมพูดและผมก็พลิกร่างของนายคริสโตเฟอร์ให้หันมาหาผม ผมมองหน้าคริสโตเฟอร์

           “ถ้าเธอไม่ยอมรับตัวตนของเธอเองแล้วใครจะกล้ายอมรับมันล่ะคริส “ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็เงยหน้ามองผม สายตาเขาเหมือนเด็กน้อย

           "เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ผมนอนหลับสนิทโดยที่ไม่ฝันร้าย...ครูเชื่อไหมผมฝันร้ายทุกคืน..ฝันว่าโดนทิ้งให้อยู่ลำพัง..ฝันว่าคนที่ผมรักเขากำลังเดินหันหลังทิ้งผมไป คำพูดที่บอกว่าจะกลับแต่เขาไม่เคยกลับมาอีกเลย" คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผม สายตาของเขามันแผงไว้ซึ่งความเจ็บปวด มันสำคัญมากในวัยเด็กหากเขาเจออะไรที่สะเทือนใจมันก็จะฝังลึกไปจนโต ผมถึงไม่อยากให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์เลิกกัน เพราะว่าตาเอิร์ธก็ต้องการทั้งพ่อและแม่

           "แต่เมื่อคืนผมรู้สึกดีรู้สึกอบอุ่นรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่ตามลำพัง" คริสโตเฟอร์พูดเขาเงยหน้ามองผมสายตาเป็นประกายยิ่งมีแสงอ่อนตกกระทบลงที่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

           "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดีซินะ..เราเจอกันช้าไปใช่ไหมครู"

           "หึ?" ผมเลิกคิ้งสูง ผมมองคนที่ยืนตรงหน้าผม ความสูงเขาเทียบเท่ากับผมได้แล้วอีกแค่ไม่กี่เซนติเมตรและอาจจะเลยแซงหน้าผมเร็วนี้เพราะนายนี้ยังไม่ 18 ปีเลย

           "ผมรักครู" คำนี้ทำเอาผม หยุดความคิดทุกอย่างไปชั่วขณะ เพราะว่าเขาบอกว่าเขารักผม

           "คริส.... มันเร็วไปหรือเปล่า ...เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าเธอเป็นแบบนี้จริงๆ" ผมถามนายคริสโตเฟอร์

           "คือครูหมายถึง... ครูเองก็ยังเคยสับสน ครูยังต้องใช้เวลาหลายปีเหมือนกันนะกว่าจะค้นพบว่าครูชอบแบบไหนนะคริส" ผมพูดคริสโตเฟอร์หันหน้ามามองผมนิ่งๆ เหมือนเขากำลังใช้ความคิด ผมคิดว่าเขาแค่สับสน

           "และนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ...ครู..."

           "อืมมม" เขาดึงผมเข้าไปจูบทันทีโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว เราจูบกันอยู่พักหนึ่ง

           "ผมเคยบอกครูแล้วว่าผมจะพิสูจน์ด้วยการจูบ ถ้าครูสงสัยผมบ่อยๆ ผมคงต้องจูบครูบ่อยๆ เช่นกัน"

           "ครูยังสงสัยอะไรผมอีกไหมครับ" คริสโตเฟอร์ถามผมแบบนี้

          "หึ" ผมรีบส่ายหัวทันทีถ้าสงสัยก็โดนจูบอีกอะดิวะ คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปแต่งตัวต่อและ เขาก็ปล่อยให้ผมยืนทำหน้างง ใช้นิ้วลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ผมเหลือบไปมองกล่องคอนแทคเลนส์ เอาจริงๆ คอนแทคเลนส์ไม่ได้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาไปได้ตลอดหรอกและผมก็ไม่อยากให้เขาใส่มัน แต่ของแบบนี้คงต้องค่อยๆ บอกไป

           "ทำไมยืนทำหน้าแบบนั้นละครู" คริสโตเฟอร์หันมาถามผม

           "เออคริส...อย่าไปบอกใครนะเรื่องเมื่อคืนนะคริส" ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผมกับเขาทำกันสองคน

          "ไม่บอกแน่นอน เรารู้กันสองคนไม่กล้าบอกคนอื่นหรอก" คริสโตเฟอร์หันมาพูด ดีมากมันก็แบบนี้แหละนะใครจะกล้าไปบอกละว่าทำแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกัน

          "เดี๋ยวคนอื่นเลียนแบบ" Q_o “เฮ้ย! “ผมร้องออกมาเบาๆ เขาหันมาหัวเราะผม

           "ขอบคุณนะครับครูเมื่อคืนมีความสุขมากเลย "

           "หรือว่าครูไม่มีความสุขแต่ผมเห็นหน้าครูเคลิ้มซะขนาดนั้นแถมยังร้องครางซะดังแบบนั้นอีก ถ้าบอกไม่มีความสุขอีกนะคราวนี้ผมคงต้องหาท่ายากมาเล่นกับครูแล้วแหละ " คริสโตเฟอร์หันหน้ามาพูด ผมควรจะดีใจรอใช่ไหมล่ะ T_T

           “ไม่ต้องท่ายากหรอก เอาแค่พื้นฐานให้รอดก่อนเถอะ ปากดีจริงๆ นายนิ” ผมพูดเพราะว่าเขาก็ยังดูขัดเขินอยู่นะ สำหรับผม แต่ผมบอกไปว่าเอาแค่ท่าพื้นฐาน นี่ผมคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นกับนายคริสจริงๆ เหรอเนี๊ยะ ไม่นะเขมไม่เอาต้องไม่คิดบอกตัวเอง

           "และดีนะที่บ้านพักข้างๆ ไม่มีใครอยู่นะ... ฮาๆ คราวนี้เขาคงรู้กันหมดโดยที่ผมไม่ต้องประกาศเอง " ยังมีหน้ามาขำผมอีกนะ ผมก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่เลย

           "ว่าแต่ทำไมนายรู้เรื่องพวกนี้ด้วยละ...นายยังเด็กอยู่นะคริส" คริสโตเฟอร์ชี้ไปที่กล่องพาสติกผมก็หยิบมาดูพอเปิดดูก็ต้องหันมามองหน้าเจ้าของเพราะว่านี้มัน หนังสือโป้ ซีดีโป้ ผมก็ต้องรีบปิดมันลง เขาเห็นว่าผมเห็นอะไรในกล่องนั้นซิท่า เลยหันมาหัวเราะและหันไปแต่งทรงผมเขาต่อ

            "ก็เด็กผู้ชายใครเขาก็มีกันครับ ว่าแต่ครูไม่มีเหรอครับ" คริสโตเฟอร์พูด ผมหยักไหล่ไม่มี แต่ก็มีดูบ้างดูจากในยูทูปนั้นคือตอนแรกที่ผมกำลังเริ่มคบณัฐกานต์ ต่อมาไม่ต้องดูแล้วปฏิบัติเลย ผมแอบคิดคนเดียวพูดไปเดี๋ยวเด็กมันรู้

            "ผมโตเป็นหนุ่มแล้วนะมันก็ต้องมีบ้างครู...แต่...ยังไม่เคยกับผู้ชายนะ"

            "อ้อเคยแล้วซิ .... กับครูคนแรก..ที่ผมทำให้เมื่อคืนอะ" คริสโตเฟอร์หันมากระซิบกับผม ผมควรจะยิ้มอย่างภูมิใจด้วยใช่มั้ย ผมหันหลังไปจัดการสวมนาฬิกาข้อมือและแหวนที่ผมถอดเอาไว้

            "ครูเขมครับ" คริสโตเฟอร์ยืนอยู่ข้างๆ ผมเขาใช้มือดันเอวผมให้หันหน้าไปหาเขาขณะที่ผมกำลังจะก้มลงติดคลิปนาฬิกาข้อมือเขาก็คว้าข้อมือผมไปและบรรจงติดมันให้ผมแทน

            "ครูเชื่อที่ผมพูดไหม...ว่าผมรักครู" คริสโตเฟอร์หมุดตัวผมให้หันมามองหน้าเขาแววที่ที่ดูจริงจัง

            "พี่เชื่อ...เพราะว่าความรักมันเกิดได้ทุกเพศทุกวัน ทุกช่วงเวลา...แต่พี่ยังไม่ได้เลิกกับณัฐกานต์เลย...พี่รู้สึกผิดนะคริส." ผมเงยหน้าขึ้นมาจากการสาละวนพับแขนเสื้อเชิ๊ตที่ผมสวมทับเสื้อยืดเข้ารูปของผม ผมหันบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดผม ผมก็กอดเขาตอบมันเป็นกอดที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากจริงๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแต่ก็รู้สึกผิดไปพร้อมๆ กัน ก็เพราะว่าสถานะของผมกับเขาในตอนนี้ไง ที่มันอยู่กึงกลางระหว่างผมและเขา เปรียบเหมือนกำแพงกั้นแม้ว่าจะบางมากก็ตาม คำว่าครูและนักเรียน

            "ไปหาอะไรทานกันดีกว่าพี่เขม...ผมพาไปร้านกาแฟสดมีพวกขนมปังปิ้งอะไรพวกนี้ มีอย่างอื่นด้วยนะ " ผมพยักหน้าเบาๆ ตอบรับ ผมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่ที่มีแค่รูปเขาและแม่ของเขาแต่อีกส่วนหนึ่งกลับหายไปหายไปผมสังเกตดูมันน่าจะถูกพับไปด้านหลังหรือไม่ก็ถูกฉีกออก ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เขารู้ว่าผมหมายถึงอะไร คนที่หายไปจากรูปนั้นน่าจะเป็นพ่อของเขาซินะ



                  คริสโตเฟอร์หยิบหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่มมันเป็นหนังสือนิทานภาษาอังกฤษ คริสโตเฟอร์เปิดให้ผมดูมันรูปผู้ชายเหมือนนั่งย่องๆ กำลังทำท่าจะหอมใครสักคนและส่วนที่ถูกฉีกออกไปถ้าเอามาแปะต่อจากภาพที่อยู่กรอบรูปมันเข้ากันได้พอดีเลย ภาพผู้ชายต่างชาติเขากำลังหอมคริสโตเฟอร์ตอนเด็กๆ รูปนี้มันเก่ามากแล้วและตอนนี้เขาก็คงเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามกาลเวลา แต่จะว่าไปนายคริสนี้ได้พ่อมาเต็มๆ เลยนะ ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้ยุ่งยากเพราะเขาเหมือนมากในตอนนี้ ที่เขาโตเป็นหนุ่ม ตอนนั้นพ่อเขาก็คงเพิ่งจะสามสิบกว่าได้ ผมเห็นสายตาที่เขามองผมมันเหมือนมีความสับสนอยู่ในใจ ว่าเขาควรจะตามหาเขาไหม

           "มันอาจจะกลับมาไม่เหมือนเดิมเพราะแม่เธอก็แต่งงานใหม่ไปแล้วแต่ครูเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ บางคนเลิกกันไปแล้วแต่หน้าที่พ่อแม่ยังคงต้องทำอยู่เหมือนเดิมก็เยอะไป...คริส" ผมบอกคริสและส่งรูปนั้นคืนให้เขาเก็บไว้ให้ดีดี

            "แต่กระนั้นก็เถอะครูยังอยากจะให้เธอได้พบกับพ่อของเธอเพื่อเคลียร์บางสิ่งที่ค้างคาในใจ เพราะยังไงเขาก็เป็นคนให้ชีวิตเธอถ้าไม่มีเขาก็ไม่เธอในวันนี้นะคริส"

            "ครูจะพยายามช่วยหาเขาให้ได้"

            "ผมเชื่อว่าครูทำได้...เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าผมหิวแล้ว ...หรือว่าครูจะให้ผมหากินในนี้ดีละ...อืมม"

            "กินอะไรละในนี้" ผมถามคริสโตเฟอร์

           "กินครู" คริสโตเฟอร์เดินมากระซิบที่หูผมมันดังเหมือนใครกรอกเสียงผ่านโทรโข่ง

           "พอ...พอ..อันนี้เกินเด็กไปแล้ว..แก่แดดจริงๆ เลย "ผมรีบหันหลังออกลงไปรอข้างล่างก่อนดีกว่าปกติเขมเป็นฝ่ายรุกนะไม่ใช่โดนรุกแบบนี้ เขินจนทำตัวไม่ถูกเลยผม ผมสวมรองเท้าผ้าใบไนท์กี้ที่ผมซื้อเอง ไม่ใช่ณัฐกานต์ซื้อให้ เพราะว่าผมไม่ได้เอามาเลย

                     ตอนนี้เกือบแปดโมงครึ้งแล้วซิ ตื่นมาแต่เช้าอากาศดีดีแบบนี้ ผมไม่อยากทิ้งที่นี้ไปเลยจริงๆ ระหว่างที่ผมกำลังยืดเส้นยืดสายก็เห็น รปภ.ของโรงเรียนกำลังปั่นจักรยานกำลังผ่านหน้าผมคงตรวจดูบริเวณรอบๆ โรงเรียนตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ

              "อรุณสวัสดิ์ครับครูเขม" เขาก็ทักทายผม ผมก็หันไปทักทายเหมือนเช่นทุกเช้าที่ผมเจอเขา

              "อรุณสวัสดิ์ครับลุงแช้ม"

              "เอี้ยด!!" เสียงเหยียบเบรกรถดังจนแสบแก้วหู

             "ครูนอนที่นี้เหรอครับ...นอนผิดที่หรือเปล่าครับครู...ฝั่งนี้มันฝังนักเรียนนะครับครู" ลุงรภป ถามผม ผมก็ร้อง

             “อู้ยย!! “ผมก็ลืมตัวไปผมยืนอยู่หน้าบ้านพักนักเรียน

             "เออ...คือ..เมื่อวานห้องน้ำผมท่อน้ำมันหักนะครับและครูโจ้ก็ไม่อยู่ผมเลยต้องมาค้างกับคริสโตเฟอร์เขานะครับ เพราะว่าไม่มีน้ำใช้" ผมบอกอธิบายลุงแกไป

             "อ้อ!! เข้าใจแล้วครับ..ถ้าครูประพันธ์มาผมจะแจ้งครูประพันธ์ให้นะครับว่าไปดูห้องน้ำบ้านพักครูเขมให้หน่อย หลังที่เท่าไหร่นะครับ"

            "หลังที่ สามครับ"

            “หลังที่สาม...หลังนี้อาถรรพ์มากนะครู เพราะครูแต่ละคนที่ได้มาพักบ้านนี้ ไม่เคยอยู่นานสักคน ล่าสุดสามเดือนไปเลย ไปกับนักเรียนด้วย “ลุงแช้มพูด ทำเอาผมยืนเหงื่อแตกเลยครับ เหมือนแช่งผมเลยนะครับลุง ว่าผมอาจจะอยู่ไม่นาน ลุงแกหันมาเห็นก็ตกใจทันที

            "อู้ย! … . งั้นผมไปนะครู.... " (เออ! นักเรียนใจดีให้ครูมานอนด้วย ดี้ดีวะ) ผมก็เกือบไปแล้วรู้อย่างนี้ยืนอยู่บนบ้านก่อนก็ดีอะ ผมหันมามองนายคริสที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับผิวปากมาด้วย

             "ผมจะเอามินิสตรีท ลูกรักของไอ้โป้งไปนะครูเบียดๆ หน่อย...ผมรู้ครูชอบ" คริสโตเฟอร์เดินลงมาผมหันไปเหล่ตามองรู้ได้ยังไง ไม่เคยแสดงอาการอะไรเลยนะ ว่าผมชอบนะ


            TBC……




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด