Magica Café
Special Magicกะปอมน้อยในวันนี้กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เวลาที่มีคนล้อเรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้น เด็กหนุ่มมหา’ลัยมักบอกว่าตนเองตัวโตขึ้นนะ ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นมาตั้งสองเซ็นต์แหนะ ผมก็ไม่ได้เป็นทรงหัวเห็ดแล้วด้วย แต่เปลี่ยนมามัดจุกเล็กๆด้านหน้าแทน มีเพียงแว่นตาแฟชั่นที่ยังไม่คิดจะเปลี่ยน ก็มันเก๋ดีอ่ะ
ชีวา หนุ่มวัยทำงานก็ยุ่งอยู่กับงานตลอด ยังดีที่บ้านอยู่ติดกันถึงได้ไม่เกิดปัญหาผิดใจกันเรื่องเวลาที่มีน้อยในแต่ละวัน บางทีเหนื่อยๆกลับมาก็นอนมันทั้งอย่างนั้นจนลิงแสบปีนข้ามมาปลุกให้ไปอาบน้ำ กินข้าว วันนี้ก็ยังเป็นอีกวันที่เขาต้องเร่งงานให้เสร็จ เพื่อจะได้มีเวลาว่างให้ครอบครัว ให้น้องบ้าง แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ใช่ว่ามันจะง่ายดายดังใจคิด เพราะงานจุกจิกก็เข้ามาได้เรื่อยๆ ไม่ใช่ไม่ดีหรอก เพราะไม่มีงานก็ไม่มีเงิน งานยุ่งแล้วกระเป๋าตุงเลี้ยงน้องได้ก็โอเค
เสียงเคาะกระจกประตูระเบียงเรียกความสนใจจากคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานให้เงยมอง พอเห็นว่าใครชีวาก็อมยิ้ม วันนี้มาแปลกแฮะ สงบเสงี่ยมเชียว
กะปอมน้อยค่อยเปิดประตูเข้ามาเมื่อพี่หันมาเห็นแล้ว เดินไปนั่งรอพี่ทำงานเสร็จที่เตียงพร้อมหนังสือในอ้อมแขนที่หอบมาด้วย พี่ทำงานหนัก เขาเองก็ต้องตั้งใจเรียนด้วยเหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องห่วงกังวลว่าอนาคตของเขาจะไม่สดใส เตียงนอนของชีวาดูจะเป็นที่ประจำของปอมปอมไปแล้ว คนเป็นพี่เคยคิดจะซื้อโต๊ะอีกสักตัวมาไว้ในห้องเพื่อให้น้องใช้ด้วยเหมือนกัน แต่ปอมปอมว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แถมยังจะทำให้ห้องชีวาแคบลงไปอีกด้วย โต๊ะหน้าโทรทัศน์ก็มีแต่ปอมปอมไม่ชอบใช้ ชอบนอนที่นอนนุ่มๆแล้วอ่านหนังสือมากกว่า มันดูไม่จริงจังแต่มันเข้าหัวเขามากกว่านั่งเครียดอยู่หน้าโต๊ะอย่างเป็นการเป็นงานเสียอีก
“ป๋าครับ”
“ครับผม” ชีวาขานรับเสียงเรียกของเด็กบนเตียงโดยที่ไม่ได้หันไปมอง
“งานป๋าจะเสร็จเมื่อไหร่อ่ะครับ?”
ชีวาทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนบอก “อืม... น่าจะไม่เกินพรุ่งนี้นะ เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย”
“จริงอ่ะ!”
ตัวผอมๆกลิ้งกลับมานอนคว่ำหันหน้ามาทางที่พี่นั่งทำงานอยู่ น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจจนคนเป็นพี่ต้องละสายตาจากงานมามอง
“อะไร เสียงเปลี่ยนเลย จะอ้อนเอาอะไรอีก หืม?” เอ่ยถามดักคออย่างรู้ทัน
“เปล่าสักหน่อย แค่อยากให้ป๋าพักบ้างเท่านั้นเอง กลัวป๋าแก่กว่านี้” น้องย่นจมูกใส่ พลิกตัวกลับไปนอนอ่านหนังสือเหมือนเดิม
“แก่กว่านี้แล้วยังไง จะไม่รักพี่แล้วเหรอ?” ชีวายังเอ่ยถามมาอีก
“ก็อาจจะ” น้องหันมายิ้มทะเล้น ชีวาเลยชี้หน้าคาดโทษ
“เดี๋ยวจะโดน”
“ดูแลตัวเองบ้างนะครับป๋าวา ปอมไม่อยากมีแฟนเตะปี๊บไม่ดังทั้งที่อายุยังไม่ถึงสามสิบ”
หยามกันเห็นๆ ป๋ายอมได้หรือ “ให้งานพี่เสร็จก่อนเถอะ เดี๋ยวจะรู้ว่าดังไม่ดัง”
“รออยู่”
“............”
“ว๊ากกก ป๋า งานยังไม่เสร็จเลย~” กะปอมน้อยรีบกลิ้งตัวหลบเมื่อคนเป็นพี่พุ่งมาหาด้วยความเร็วแสง
“ช่างมัน ชอบยั่วนัก เดี๋ยวป๋าจัดให้!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ป๋า ปอมจั๊กจี๋ อ๊ากกกก”
ชีวากดแขนเล็กกับเตียง ปลุกปล้ำเด็กแสบที่ดิ้นไปดิ้นมาแล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อพี่จับถอดเสื้อแล้วแกล้งเม้มแกล้งซุกไซ้ไปตามร่างกาย ดิ้นจนเหนื่อยกะปอมน้อยก็นอนหอบแฮ่ก แววตาซุกซนมองพี่ก่อนจะหัวเราะหึๆน่าหมั่นไส้ ชีวาจึงแกล้งล้มตัวลงไปนอนทับบนตัวน้องราวหมดเรี่ยวแรง
“เหนื่อย” ชีวาบ่นเบาๆแล้วกดจูบไหล่เปลือยที่ตนเองซุกซบอยู่
“เห็นป่ะ เตะปี๊บไม่ดังจริงๆด้วย” ว่าแล้วเด็กแสบยังหัวเราะตบท้ายเสียด้วยสิ
“หึ”
ริมฝีปากหยักงับหูน้องก่อนยกตัวขึ้น เล่นทับทั้งตัวไม่กลัวน้องแบนเลยแบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่ กะปอมน้อยยิ่งตัวน้อยสมชื่ออยู่ เมื่อพี่ลุกออกไปกะปอมน้อยก็ขยับมานั่งทับขาแล้วตบที่นอนปุๆ
“ป๋านอนลงดีกว่า เดี๋ยวปอมนวดให้ มามะ”
ชีวาหรี่ตามอง ก่อนยอมนอนลงตามคำชวน รู้สึกล้าๆเหมือนกัน พักสักหน่อยก็ดี นอนนิ่งๆให้ลูกลิงนวดได้ไม่นานชีวาก็ชักอยู่ไม่สุข ไม่รู้ว่ามือนุ่มๆนั่นจะนวดหรือว่าเขี่ยเล่น สยิวกิ้วดีพิลึก
ริมฝีปากนุ่มๆงับลงมาบนผิวเนื้อทำให้ชีวาสะดุ้งหน่อยๆ พยายามหลับตานิ่ง แต่ยิ่งมองไม่เห็นยิ่งจินตนาการไปไกล ความอุ่นนุ่มละมุนของริมฝีปากค่อยไล่ลงมาที่หน้าท้อง ชีวาแทบหยุดหายใจไปในนาทีนั้น กระดุมกางเกงถูกปลด ก่อนที่ซิปจะถูกรูดลงช้าๆ...
บนเตียงนอนแสนยับย่น ปอมปอมซุกตัวใต้ผ้าห่มหนานุ่มนอนหลับปุ๋ย ที่โต๊ะทำงาน ชีวาในกางเกงนอนตัวเดียวเปิดโคมไฟทำงานไปเงียบๆ ไม่สนใจจะหยิบเสื้อมาสวมเพราะอยากรีบทำงานให้เสร็จตอนที่กำลังมีไฟแล้วไปนอนต่อมากกว่า เหลียวไปมองน้องที่นอนหลับแล้วยิ้มกับตัวเองก่อนลงมือทำงานต่อจนเสร็จถึงได้ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วไปนอนข้างๆน้อง
กะปอมน้อยงัวเงียลืมตาขึ้นมา แขนเรียวกอดแขนพี่เอาไว้แล้วหนุนนอนต่อ คนเป็นพี่ลูบผมน้องเบาๆ สอดแขนเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วรั้งน้องมากอด ผิวเนื้ออุ่นๆภายใต้ผ้าห่มหนาทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากกดจูบหน้าผากน้อง คนที่รักเขา เข้าใจเขา และรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง
..............
ถนนสายหลักในเมืองหลวง การ์ฟกำลังขับรถเข้าเมืองกรุงมา ฝ่าการจราจรที่ค่อนไปทางติดขัดจนเกือบไปรับคนบางคนสาย การที่ได้ผ่านวิกฤตเฉียดตายมาสองครั้งสองคราทำให้เขารู้คุณค่าของชีวิตมากขึ้น ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่อยากอยู่กับคนที่รักและทำประโยชน์ให้พวกเขาได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังเรียนจบการ์ฟจึงได้กลับไปช่วยงานของครอบครัว ครอบครัวของเขาทำกิจการเกี่ยวกับเครื่องเซรามิก ด้วยการบุกเบิกจากรุ่นคุณพ่อทำให้เมื่อเขาเข้ามาทำงานมันก็ไม่ได้เหนื่อยยากมากจนเกินไปนักที่จะขยายตลาดออกไปให้กว้างขึ้น ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนในชุมชน ทั้งที่มีฝีมือฉมังและที่อยากเข้ามาฝึกมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว คุณพ่อบอกกับเขาว่าการเกื้อหนุนและพึ่งพาอาศัยกันแบบนี้มันจะทำให้เราไม่มีวันตกยาก แม้จะพบเจอวิกฤตเราก็จะผ่านมันได้ เพราะเราไม่ลืมพวกเขา เมื่อเกิดปัญหาพวกเขาเองก็จะไม่ลืมเราเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของเขากับอาร์ดิวนานๆถึงได้เจอกันที ที่เป็นเช่นนี้ความจริงก็เหงาอยู่ แต่ก็เข้าใจดีว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตของแต่ละคน
เมื่อฝ่าการจราจรมาได้การ์ฟก็มารับตี๋น้อยถึงที่ทำงาน ตอนนี้หนุ่มตี๋กลายเป็นพนักงานบริษัทไปเสียแล้ว กิจการร้านอาหารของที่บ้านไม่ได้ทิ้งไปไหน ในอนาคตยังคงจะดำรงอยู่ต่อและพัฒนามันให้ดียิ่งขึ้น แต่ในเวลานี้ตี๋น้อยและน้องชายอย่างปอมปอมมีหน้าที่หลักของตนเอง คือคนหนึ่งเรียนและอีกคนทำงานหาประสบการณ์ คุณพ่อคุณแม่เองก็สนับสนุนให้ทำงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะอยากให้ลูกได้พบเจอผู้คนหลากหลายและเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นที่แตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่เพียงในสถานบันการศึกษาแต่เป็นองค์กรที่รวมคนหลายแบบอย่างบริษัทที่อาร์ดิวทำงานอยู่นี่ต่างหาก พบเจอสิ่งไหนไม่ดีก็อยากให้ลูกได้ดูไว้เป็นเยี่ยงแต่อย่าเอาอย่าง และหาทางรับมือกับมันให้ได้
ตอนนี้กฎห้ามขับรถของการ์ฟได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องใช้ในการไปติดต่อธุรกิจ เวลาขับรถการ์ฟเองก็ต้องระมัดระวังให้มาก จะทำเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ยิ่งมีตุ๊กตาหน้ารถนั่งไปด้วยยิ่งต้องระมัดและระวังมากเป็นพิเศษ
รออยู่ไม่นานอาร์ดิวก็ออกจากบริษัทมาพร้อมมิมิว สองคนนี้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต จนทำงานก็ยังได้ทำที่เดียวกันอีก คงไม่มีทางห่างกันไปไหนได้แน่ๆทีเดียว มิมิวที่เห็นว่าการ์ฟที่มารับเพื่อนของตนในวันนี้จ้องแขนตนเองที่ควงแขนอาร์ดิวอยู่ก็แกล้งกอดแขนอาร์ดิวแน่นขึ้นอีก เอียงศีรษะซบจนการ์ฟหมั่นไส้ พอเดินมาใกล้การ์ฟจึงวางมะเหงกไปเบาๆหนึ่งที ก่อนจะงอแขนให้มิมิวสอดแขนเข้าไปควง หญิงสาวคนเดียวยิ้มกริ่ม วันนี้ได้ควงสองเลยแฮะ
การ์ฟกับอาร์ดิวไปส่งมิมิวที่บ้านก่อนที่จะตรงมาบ้านการ์ฟ พี่ธารมารอมิมิวอยู่ที่บ้านของเธอ ทำให้สองหนุ่มลงไปทักทายพี่เขาก่อนกลับ พี่ธารกับมิมิวยังคบกันอยู่ ท่าจะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน
รถการ์ฟแล่นเข้ามาจอดในบ้าน สองหนุ่มเอาข้าวของที่แวะซื้อก่อนเข้าบ้านไปเก็บ ตี๋น้อยถามว่าอยู่ได้กี่วันการ์ฟจึงบอกมาว่าคุณพ่ออนุญาตให้พักสามวัน ตี๋น้อยพยักหน้ารับรู้ เอาของออกจากถุงไปเก็บในตู้เย็น ของกินทั้งนั้นล่ะ กลัวว่าพ่อคนนี้เขาจะขี้เกียจออกไปหาอะไรกินแล้วอดตายเอาเลยให้แวะซื้อมาตุนไว้ เอาไว้เผื่อน้าเทสต์กับพี่บิวด้วย
การ์ฟมองตี๋น้อยที่จัดนั่นจัดนี่ไปเรื่อยแล้วก็อมยิ้มเล็กๆ ก่อนเดินเข้าไปหาแล้วเท้าแขนกับขอบโต๊ะกักตัวอีกคนไว้
“คิดถึงฉันไหม?”
เสียงกระซิบข้างหูทำให้อาตี๋อมยิ้ม หันกลับมาเผชิญหน้าแล้วพยักหน้ารับ การ์ฟยิ้มบางแล้วจูบแก้มเนียนเบาๆ
“น่ารักมาก”
คำชมเชิงหยอกเย้านั้นทำเอาตี๋น้อยรู้สึกขวยจนเขิน ไม่กล้ามองสบสายตาของอีกคนให้ใจเต้นแรงมากไปกว่านี้ การ์ฟมองท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู แขนแข็งแรงช้อนใต้สะโพกสอบแล้วยกร่างเพรียวจนขาลอยจากพื้น อาร์ดิวร้องด้วยเพราะตกใจ
“การ์ฟ เดี๋ยวตก”
การ์ฟยิ้มพราย พาตี๋น้อยเดินขึ้นชั้นบน มือเรียวดันไหล่เขาแล้วเอนตัวออกห่าง แต่ก็คล้ายจะเกาะเอาไว้กันตกอยู่ในที เพราะแขนของเขาทั้งสองข้างช้อนใต้สะโพกไว้เท่านั้น เมื่อเข้ามาในห้องนอนการ์ฟก็วางอีกคนลงนั่งบนเตียง มองสบสายตากันนิ่งแล้วเขาจึงโน้มไปจูบหน้าผากอาร์ดิว
“อยากมีช่วงเวลาแบบนี้บ้างจังนะ อุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอ”
การ์ฟว่าพร้อมยิ้มล้อ ทางด้านอาตี๋ที่ได้ยินแบบนั้นกลับคิดเป็นอย่างอื่นไป แต่ไม่มีถ้อยคำประชดประชันใดให้ระคายหู เพราะหากทำเช่นนั้นเดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่ เกิดบ่อน้ำตาแตกขึ้นมาล่ะแย่เลย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ไม่ได้จะไปขอใครที่ไหนแต่งงานด้วยสักหน่อย ก็ฉัน... มีนายอยู่แล้วทั้งคน”
การ์ฟรีบเอ่ยเอาใจเมื่อเห็นตี๋น้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คิดไปถึงไหนแล้วไม่รู้ ชายหนุ่มจูบแก้มคนรัก ก่อนระเรื่อยมาที่ปลายคางเรียว จูบซับเรียวปากนุ่มแล้วกดย้ำหนักๆ ร่างสูงเพรียวถูกเอนลงไปบนเตียง สองแขนเรียวสอดคล้องคอการ์ฟเอาไว้อัตโนมัติ
“การ์ฟ...”
“หือ?”
“รักคุณนะ”
การ์ฟชะงัก ก่อนจะเผยยิ้มออกมา ก้มลงจูบริมฝีปากอมชมพูที่เผยอน้อยๆหนักหน่วง ถึงอาร์ดิวไม่ยั่ว เขาก็อยากจูบวันละหลายเวลา ริมฝีปากนี้ถูกสร้างมายั่วกิเลสในตัวเขาจริงๆ
“รักตี๋น้อยคนนี้ที่สุดเหมือนกันครับ”
เสียงทุ้มกระซิบบอกความในใจ มอบจูบแสนหวานตอบแทนคำรักจากอีกคน ทั้งยังตักตวงกลับมาไม่รู้จบสิ้น อาภรณ์หุ้มกายหล่นหายไปในเวลาเพียงไม่นาน...
...............
ช่วงค่ำมีเสียงรถมาจอดหน้าบ้านของสองพี่น้องปอปลา ปอมปอมที่อยู่บ้านกับพี่มุ่ยออกไปหน้าบ้าน เห็นพี่ชายของตนลงจากรถมาจึงเปิดประตูเล็กไว้รอ สายตามองพี่ชายตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ไม่ได้พูดอะไร แค่อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามประสา พอพี่หันมาเห็นก็ทำมองนกมองไม้ทั้งที่อมยิ้มจนแก้มตุ่ย อาร์ดิวส่ายหน้าก่อนหันไปลาคนในรถที่มาส่งตน
“อยู่กันสองคนล็อคบ้านดีๆนะ จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวรู้ไหม ดูแลตัวเองด้วย” เสียงกำชับกำชาจากคนในรถดังมา
“ครับผม”
ตี๋น้อยยิ้มรับ ก่อนขยับออกมาโบกมือลาเมื่อรถของการ์ฟเคลื่อนตัวออกไป หันกลับมาน้องก็มองตนเองยิ้มๆอย่างมีเลศนัย มือเรียวเอื้อมหยิกแก้มเด็กทะเล้น
“โอ๊ยๆๆ ปอมเจ็บนะดิว โอ๊ยยย”
“อย่ามาโอเวอร์แอคติ้ง พี่ดึงเบาๆเองเหอะ”
กะปอมน้อยบุ้ยปาก ลูบแก้มตัวเองป้อยๆแล้วว่า “ผิวปอมมันบอบบางอ่ะ ดึงเบาไม่เบามันก็เจ็บเหอะ”
“หือออ บอบบางจริงๆเลยนะ” มือเอื้อมไปหยิกแก้มอันแสนจะบอบบางของน้องอีกสักที
“ดิวอ่ะ”
“เข้าบ้านได้แล้ว”
อาร์ดิวหัวเราะเบาๆ โอบบ่าน้องพากันเดินเข้าบ้านปิดประตูใส่กลอนตามที่การ์ฟกำชับมาอย่างเรียบร้อย
“กินข้าวเย็นยัง?” คนเป็นพี่เอ่ยถามขณะเดินเข้าบ้าน น้องเอนตัวมาเดินเบียดๆเขา ตี๋น้อยเลยโยกศีรษะกลมไปมา วันนี้ไม่มัดจุกแฮะ
“ยัง รอดิวอยู่ หม่ามี้ให้พี่ที่ร้านเอากับข้าวมาให้เยอะเลย”
“เหรอ ว่าไปแล้วก็อยากทานข้าวกับพ่อแม่จังอ่ะ”
“ไปที่ร้านไหม?” น้องเอ่ยชวน
“ค่ำแล้วนี่สิ ไว้วันหลังเราไปกัน พักนี้ไม่ได้หยุดเลย เดี๋ยวพอพ่อกับแม่ไปฮันนีมูนกันอีกเราหงอยแน่”
อาร์ดิวว่า เพราะเดือนนี้คุณพ่อไปป์กับคุณแม่รวิเตรียมแผนจะไปเที่ยวรอบโลกกันอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้ไปไกลอะไรมาก เที่ยวในประเทศนี้ล่ะ ยังมีหลายที่ที่ยังไม่เคยไป ที่เที่ยวใหม่ๆก็ผุดขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว นานทีปีหนจะสวีทหวานกันสักที
“ปอมจะไปด้วย” กะปอมน้อยโพล่งขึ้นมา ท่าทางหมายมั่นเหลือเกิน แต่ถูกพี่ชายเบรคเสียตัวโก่ง
“คงได้ไปหรอก”
สีหน้าน้องเล็กดูเซ็งขึ้นมาทันใด “จริงด้วย”
อาร์ดิวยิ้มขำ กอดคอน้องเข้าบ้านไปทานข้าวกัน ใช้พลังงานเยอะ หิวจะแย่แล้ว
.............
หลังไปส่งอาร์ดิวแล้วการ์ฟก็ตรงกลับมาบ้าน น้าเทสต์กับพี่บิวกลับมาแล้ว เวลาผ่านมาก็ถือว่านานมากสำหรับทั้งคู่ แต่พวกเขาสองคนก็ยังคบกันไม่เปลี่ยน ยาวนานและมั่นคง จุดเริ่มต้นของพวกเขาก็มาจากคำทำนายของเทสต์ เหมือนกับที่น้าชายทำนายเรื่องของเขากับอาร์ดิว ก่อนนี้เขาเคยปฏิเสธมันมาตลอด แต่ตอนนี้เขาเชื่อหมดใจเลย
“กลับมาแล้วเหรอครับ?” การ์ฟเอ่ยทัก
“อ้าว มาไม่บอกเลย” เทสต์ทักกลับน้ำเสียงแปลกใจ หลานชายยักคิ้วแผล็บ
“เซอร์ไพร์สป่ะล่ะ?”
คนเป็นน้ายิ้มขำ ก่อนเอ่ยถามไถ่ “กินอะไรหรือยังล่ะ พวกน้ากินมาจากข้างนอกแล้ว”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ หลานสะใภ้น้าเตรียมของกินไว้เต็มตู้เลย แต่เจ้าตัวดันไม่ได้กินอะไรก่อนกลับสักอย่าง” การ์ฟเอ่ยถึง ‘หลานสะใภ้’ คนที่ว่ายิ้มๆ
“อ้อ งั้นก็หาอะไรกินเองนะ น้าขอตัวไปอาบน้ำก่อน เพลียชะมัด”
“ครับ นอนพักเลยก็ได้นะเทสต์ ข้างล่างผมดูแลเอง” การ์ฟเสนอเพราะเห็นน้าชายดูเพลียดังว่า
“อืม ขอบใจ... ไปบิว” เอ่ยขอบคุณหลานแล้วแขนแกร่งก็โอบเอวคนรักชักชวนขึ้นชั้นบน บิวจึงหันมาพูดกับการ์ฟ
“ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะการ์ฟ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
“ครับพี่บิว ราตรีสวัสดิ์”
ทั้งสองคนขึ้นบ้านไปแล้วการ์ฟจึงได้ไปหาอะไรทาน ไม่ได้กะให้อิ่มหรอก เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แค่รองท้องหน่อยก็น่าจะพอ เดี๋ยวเผื่อคนเลือกซื้อเขาโทรมาถามว่าทานหรือยังแล้วตอบเขาไม่ได้ว่ากินอะไรไปบ้าง
อ่างอาบน้ำขนาดกลางภายในห้องน้ำ เทสต์ที่นั่งแช่น้ำอุ่นผสมกลิ่นหอมชวนผ่อนคลายเอนหลังไปพิงบิวที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังคอยนวดไหล่นวดขมับให้ เทสต์จับมือบิวอ้อมข้ามไหล่มาด้านหน้าแล้วบีบเบาๆ เอนศีรษะอิงอกบาง
“วันนี้เป็นอะไร ดูเหนื่อยๆนะ” คิ้วบิวขมวดเล็กๆกับลักษณะอาการของคนรัก
“อืม เจอคนเรื่องเยอะนิดหน่อย ต้องกดอารมณ์สุดๆเลย”
“ช่วยไหม?” เอ่ยถามไปเช่นนั้นทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำได้ คำว่า ‘ช่วย’ ของบิว พวกเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
“ไม่เอา เดี๋ยวบิวเจ็บ” เทสต์จูบมือเรียวเบาๆแล้วเอามาแนบแก้มตนเอง
“เดี๋ยวก็หาย” บิวยังเอ่ยต่อ
“ไม่ทำหรอก ถึงจะหายแต่เทสต์รู้สึกผิด”
“อยากช่วย”
“แค่ให้เทสต์กอดแน่นๆก็พอ”
“แน่เหรอ?” บิวเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเท่านั้นมันจะทำให้เทสต์สงบลงได้หรอก
“แน่ เทสต์อยากให้บิวมีความสุขมากกว่าต้องมาเจ็บตัวเพราะเทสต์คุมตัวเองไม่อยู่”
เทสต์เอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรัก จูบปลายคางเรียวเบาๆให้อีกฝ่ายคลายกังวลเรื่องของตนเอง บิวถอนใจเบาๆก่อนดันตัวเทสต์ให้ขยับลุกจากอ่าง
“ก็ได้ งั้นรีบอาบ จะได้ไปนอน...กอดกัน” ท้ายประโยคเอ่ยเสียงเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่คนฟังอย่างเทสต์อมยิ้มชอบใจ
“หึๆ พูดจาน่ารัก มาหอมที”
แก้มขาวถูกหอมฟอดใหญ่ ก่อนที่คนหอมจะลุกไปเปิดฝักบัวล้างตัว บิวเองก็ขยับลุกแล้วเปิดน้ำในอ่างให้ไหลออกไปแล้วไปล้างตัวบ้าง ก่อนจะพากันไปนอนพักเอาแรง เพื่อตื่นขึ้นมารับเช้าที่สดใสด้วยกัน
............
ต่อด้านล่างค่ะ