ตอนที่ 19 *อลเวง*
8โมงเช้า ฝนเริ่มซาเม็ดลง แต่บรรยากาศยังคงอึมครึมอยู่ เช่นเดียวกับในบังกะโลหลังน้อยของภุมราตอนนี้ซึ่งบรรยากาศชวนหดหู่เป็นที่สุด เนื่องจากมีบุคคลสองคนกำลังนั่งฟาดฟันกันทางสายตาอยู่ และไม่ใช่ใครอื่น เป็นนคินทร์กับคุณหมอธเนตรนั่นเอง
หนึ่งคือคนที่ภุมรารักและมอบทั้งใจให้แต่กลับไม่เคยดูแล อีกหนึ่งคือคนที่คอยดูแลเยียวยาหัวใจให้ภุมรา แต่กลับไม่เคยได้ใจ
นคินทร์ที่เพิ่งจะรู้ใจตัวเองว่า ตัวเองนั้นมีความรู้สึกพิเศษให้กับภุมรานั้น เขารู้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่าหมอธเนตรเองก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ให้กับคนคนเดียวกัน และรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ สัตว์เพศผู้ย่อมหวงของหวงถิ่นฉันใด นคินทร์ก็เป็นฉันท์นั้นเหมือนกัน
ทางฝ่ายคุณหมอเองก็รู้สึกไม่พอใจนัก ที่สัมผัสได้ว่าตนเองกำลังโดนคุกคามทางสายตา และมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม ดังนั้นตอนนี้ห้องรับแขกกลางบังกะโลหลังเล็กนี่ จึงเกิดสงครามฟาดฟันด้วยสายตาขึ้น ประกายไฟแลบแปลบปลาบ จนคนกลางอย่างซอและพี่แอนยังต้องนั่งสะดุ้งเลยทีเดียว ก็มีเพียงแต่นายแบบหนุ่มภุมราเท่านั้นแหละที่ไม่ได้รับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นอยู่เลย แถมยังยิ้มเริงร่าอารมณ์ดี ชวนทุกคนเดินเที่ยวรอบเกาะวันนี้
เรื่องของเรื่องมันเกิดจากตอนที่หมอธเนตรมาถึง ภู่ก็ออกไปต้อนรับขับสู้อย่างดี ทำให้นคินทร์รู้สึกไม่พอใจจึงเข้าไปนัวเนีย แตะเนื้อต้องตัวภุมราต่อหน้าหมอธเนตร เพื่อเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ ทำให้หมอธเนตรรู้สึกหมั่นใส้สุดๆ ก็รู้ตัวว่าไม่มีทางได้เป็นเจ้าของ แต่ก็อดที่จะเขม่นผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ได้เช่นกัน จากนั้นสงครามที่ชื่อว่า “ใครหลบตาก่อนแพ้” ก็เริ่มขึ้น จนถึงตอนที่แอนกับซอมาถึง ก็ไม่มีใครยอมลดราวาศอก จนแอนกับซอถึงกับหน้าซีดไปเลยทีเดียว
“ทุกคนครับ เดี๋ยวพอทานข้าวเช้ากันแล้ว เราไปเที่ยวรอบเมืองกันดีมั้ยครับ ฝนซาแล้วด้วย งานก็เริ่มตอนเย็นแน่ะ”
ภุมราเอ่ยชวนทุกคนเสียงใส เพราะวันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่ความสัมพันธ์ของเขากับตากล้องหนุ่มมีทีท่าว่าจะดีขึ้น
“เอ่อ พี่แอนไม่ค่อยสะดวกน่ะจ๊ะน้องภู่ บังเอิญว่า แฮะๆ พี่มีนัดนวดสปาตอนสายๆนี่แล้วน่ะจ๊ะ”
“ว้า เสียดายจังครับพี่แอน แล้วนี่จะมีใครไปเที่ยวกับผมได้บ้างล่ะเนี่ย”
“ผมไปครับ”
หมอธเนตรตอบออกไปทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ของตายอยู่แล้วครับหมอ ที่หมอจะต้องไปกับผมน่ะ ห้ามเบี้ยวด้วย”
“ฉันจะไปด้วย!!”
เสียงกร้าวดังขึ้นแทบจะตะโกน จนทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้นพากันเงียบกริบ โดยเฉพาะภุมราที่ตกใจจนตาโตเป็นไข่ห่านเลยทีเดียว
“งะ...งั้น ซอไปกับคุณภู่ด้วยก็แล้วกันครับ”
ซอตัดสินใจตามไปเที่ยวด้วย แต่ไม่ใช่เพราะอยากเที่ยว ไม่ใช่เพราะห้าวหาญ แต่เพราะโดนสายตาของแอนจิกบังคับให้ตามไป เพราะต่างก็รู้กันดีว่า อาจมีศึกชิงนายกลางเกาะมัลดีฟได้ อย่างน้อยๆ ซออาจช่วยห้ามทัพได้
‘ซะที่ไหนเล่าครับ พี่แอน งานนี้ไอ้ซอไม่เหลือซากกลับมาแน่เลย ฮือๆๆ’
เวลานัดคือ 10 โมงเช้า หลังจากทานอาหารเช้าและแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวแล้วก็ให้ไปเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม ระหว่างทางที่จะไปยังจุดนัดพบ ซอกับแอนก็ได้ปรึกษากันไปตลอดทาง
“พี่แอนอ่า จะให้ซอไปกับพวกคุณภู่จริงง่ะ ไม่ไหวมั้งครับ”
“จะเล่นตัวไมเนี่ย ไปไปเหอะน่า ถือว่าเปิดหูเปิดตาไง ไหนๆวันนี้เธอก็ว่างนี่จ๊ะซอ”
“ไม่ต้องมาอ้างเลยพี่แอน พี่จะให้ผมไปสืบอะไรอีกอ่ะ”
“ต๊าย! เกลียดจริงๆคนรู้ทันเนี่ย พี่ก็แค่เห็นว่าท่าจะไม่ค่อยดีที่จะปล่อยให้ไปกันแค่สามคนก็เท่านั้นแหละ แหม~ดูก็รู้ว่าอีตาตากล้อง กะอีตาคุณหมอนั่นน่ะ เล็งงาบน้องภู่อยู่ ขืนให้ไปกันแค่สามคนแล้วบังเอิญดันเกิดศึกชิงนายขึ้นมาล่ะ น้องภู่ก็น่าสงสารแย่ล่ะสิ ซอเลยต้องไปเป็นองครักษ์พิทักษ์น้องภู่ให้พี่ไง”
“น้ำหน้าอย่างซอเนี่ยนะ จะเป็นองค์รักษ์ โธ่~ พี่แอนครับ แค่คุณนคินทร์ดีดซอก็เซแล้ว ยิ่งไอ้คุณหมอนั่นน่ะไม่ต้องพูดถึง ตัวถึกซะขนาดนั้นซอได้กระอักเลือดตายกันพอดี”
“นี่! จะอิดออดทำไมเยอะแยะเนี่ย ไม่ต้องมาเวิ่นเลย ยังไงนายก็ต้องไปย่ะ นี่คือคำสั่ง เข้าใจ๊!!
“ได้ไงอ่ะพี่แอน โหย~ ปกครองลูกน้องแบบคอมมิวนิสต์ชัดๆเลย อยากปกป้องคุณภู่ หรืออยากรู้เรื่องของเขากันแน่อ่ะ ถ้าอยากรู้อยากเห็นเรื่องพวกนั้น ไมพี่ไม่ไปเองซะเลยล่ะคร๊าบบ จะส่งผมไปทำม๊ายยย!!”
“ไปเองได้ ฉันก็ไปแล้วล่ะย่ะ ก็บอกแล้วไง ว่าติดทำสปาน่ะ เอ้~ ซอนี่พูดไม่รู้ฟัง”
“ฮึ่ย~ แบบนี้เค้าเรียกว่าอ้างแบบหน้าด้านๆเลยอ่ะ”
“ไอ้ซอ!! ปากดีนักนะแกน่ะ เดี๋ยวแม่ฟ้อนเล็บใส่ซะนี่! จะไปตายเอาดาบหน้า หรือจะตายซะตอนนี้เลยดียะ ห๊ะ!!”
“ไปครับเจ๊! ไปเดี๋ยวนี้เลยครับพ้ม! ไอ้ซอคนนี้จะทำหน้าที่ที่เจ๊มอบหมายให้ดีที่สุดครับพ้ม!” (พูดพร้อมทำท่าตะเบ๊ะมือราวกับทหารกล้า)
“ดีมาก!ลงมือได้!”
“ครับพ้ม ทั่นผู้พัน!!”
หลังจากตกปากรับคำแบบจำยอมแล้ว ซอ หนุ่มน้อยผู้น่าสงสารก็เดินกะปลกกะเปลี้ยมาจนถึงหน้าล็อบบี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาถึง เพราะตอนนี้ก็เพิ่งจะ 9โมง40นาทีเท่านั้นเอง
“ไม่รู้จะเรียกเวรหรือกรรมดีน้อเรา เฮ้อ~”
คร่ำครวญแค่นี้ดูเหมือนจะยังไม่พอสำหรับซอ
“ชีวิตไอ้ซอมันเป็นได้แค่ลูกล่อลูกชน! ชีวิตเป็นได้แค่ลูกเมียน้อย! ไอ้ซอมันเป็นได้แค่...”
“แค่อะไรเหรอซอ?”
“แค่ดอกไม้ริมทาง...”
“หืม...ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“......เย้ย!! คุณภู่!! มะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ!?”
“ก็ตั้งแต่ ‘ชีวิตเป็นได้แค่ลูกเมียน้อย’ นั่นแหละ หึหึ เป็นอะไรไปอ่ะเรา มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ไม่มี๊ ไม่มี ฮ่าๆๆ ผมก็แค่พูดไปขำๆเท่านั้นเอ๊ง!!”
“เอาเหอะๆ แต่ถ้าเครียดเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ ยินดีช่วย”
“ครับคุณภู่...”
‘อา...มายด์แองเจิ้ล’
ระหว่างที่ซอยังนั่งเคลิบเคลิ้มกับความใจดีของภุมราอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาทะมึนที่อยู่ด้านหลัง เงาร่างนั้นกำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมา และแน่นอนว่าหาใช่ใครอื่นไกล นคินทร์ตากล้องหนุ่มนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มกำลังอยู่ในอารมณ์ที่คุกรุ่นสุดขีด และข้างๆนั้นก็คือธเนตร นายแพทย์หนุ่มซึ่งยืนทำหน้าไม่สะทกสะท้านอยู่
“ออกเดินทางกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวจะช้าเกิน เที่ยวไม่ทั่วกันพอดี”
“อ่ะ ดี ดีครับ...ไปกันเถอะ”
‘เอาล่ะ สงครามชีวิต ไอ้ซอ เริ่มขึ้นแล้ว!’
..................................................................................
ごめんなさい~
ขอโทษนะคะ ท่านผู้อ่านที่รัก ที่หายหัวไปอีกแล้ว เดี๋ยวลงต่อเนื่อง 2 ตอนให้เลยนะ (ขอปั่นแป๊ป)
จะรีบให้จบภายในก่อนเดือนพฤศจิกายนเลยจ๊ะ
(เพราะหลังจากนั้นคนเขียนต้องอ่านหนังสือสอบวัดระดับจ๊ะ)
ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดนะจ๊ะ จุ๊บๆๆ
THEARBOO