(เป็นไงละมึง เสียดายไหมล่ะ เสือกไม่มาเอง)
“โอย กูอยากไปว่ะมึงง”
(บ่นแล้วมึงจะได้มาไหมล่ะเสือไม่มาเอง)
“กูไม่ใช่คนที่ไม่อยากไปนะเว้ย พ่อกับพี่กูเขาไม่ให้กูไปนี่หว่า เสียดายๆ”
(กูไปหาไรกินต่อนะ จะคุยกับเพื่อนคนอื่นหรือเปล่า)
“ไม่เอาอ่ะ แค่เนี้ยแหละ กูวางแหละ พรุ่งนี้ไปเสม็ดใช่ป่ะเดี๋ยวกูคอลไปหาตอนนั้นนะ”
ภาพของเพื่อนหายไปจากจอโทรศัพท์เมื่อผมกดวางสาย
“เฮ้อ ทำไมมีแค่เราที่ไม่ได้ไปว่ะ”ผมพูดออกมาอย่างเพ้อๆ เมื่อยู่คนเดียว ถึงตอนเด็กๆจะป่วยง่ายแต่มันไม่ได้แปลว่าเมื่อผมโตขึ้นจะป่วยตลอดเวลานี่น่า ผมไม่ได้ไม่เข้าใจที่พ่อกับพี่เป็นห่วงผมแต่ผมอายุตั้งสิบแปดแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนก็จบมอหกแล้วด้วย ขอแค่ไปเที่ยวค้างคืนกับเพื่อนครั้งสุดท้ายก่อนจบไม่ได้หรือไง
ผมพลิกตัวไปมา ข่มตากล่อมตัวเองให้หลับ แต่ก็ไม่ยอมหลับสักที
ผมสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วเดินลงไปหาพ่อกับพี่ที่นั่งดูข่าวกันอยู่
“พ่ออ เพื่อนมันดูสนุกกันมากเลยอ่ะ ผมอยากไปอ่ะ”
ผมนั่งลงข้างๆพ่อแล้วพูดเสียงหงอยๆ พ่อหันมามองผมแล้วพูด “อยากไปก็ไปสิ”
“ไปอะไรตอนนี้เล่า รถมันไปถึงที่นู่นนานแหละ”
ผมก้มหน้าซุกกับเข่า ถอนหายใจออกมาก่อนที่มือใหญ่จะลูบเข้าที่หัว
“อยู่แค่มอหกนะ เดี่ยวเข้ามหาลัยค่อยไปเที่ยวก็ได้”
ผมก้มหน้าลงหนักกว่าเดิม แล้วตัดสินใจเดินขึ้นมาบนห้องตัวเองต่อ แต่ก่อนออกจากห้องนั่งเล่นยังไม่ลืมที่จะพูดกับพ่อและพี่
“อย่าลืมที่พูดนะ เข้ามหาลัยผมจะเที่ยว อย่ามาห้ามผมด้วย”
พูดจบก็วิ่งขึ้นห้องไปนอนต่อ เพ้ออะไรนิดหน่อยแล้วก็หลับไป
“เฮ้ออ รับสายสิว่ะ”
ผมครางอย่างหงุดหงิด เมื่อเพื่อนไม่ยอมรับสายจนตัดไป แล้วผมก็กดโทรไปใหม่อีก
“แม่งเอ้ย รับสายสิว่ะ”
(เอ่อ สวัสดีครับ)
เสียงสวัสดีครับดังเข้าหูแต่ไม่เห็นภาพเพราะสัญญาณไม่ดี ผมขมวดคิ้วฉับ
ใครมารับสายเพื่อนผมว่ะ ทำไมพูดเพราะจัง
สักพักพอเครือข่ายเสถียร ผมก็ได้เห็นหน้าผู้ที่มารับสาย
พูดได้หลายๆ คำครับ
อีสัส หล่อว่ะ!!
ผมกระพริบตาปริบๆ พูดไม่ออก
(เอ่อ คุณครับ คือผมเก็บโทรศัพท์นี่ได้น่ะครับ)
“ครับๆ”
ผมก็ยังคงพูดไม่ออกอยู่ดี คือเห็นคนหล่อเยอะนะ แต่นี่มันหน้าที่อยากได้ในฝันเลย
(คุณเป็นเพื่อนเจ้าของโทรศัพท์ใช่มั้ย)
“อ่า ครับ ใช่ โทรศัพท์เพื่อนผมเอง ให้ผมช่วยอะไรคุณไหม”ผมตอบออกไป ท่าทีของขาขมวดคิ้วในตอนแรกแล้วจึงหัวเราะออกมา
(ผมไม่ขอให้เชิงช่วยนะ ผมอยากคืนโทรศัพท์ให้ คุณช่วยติดต่อเพื่อนคุณทีสิ)ผมมองเขาอย่างค้างๆ
“งั้นคุณชื่ออะไรครับ สามารถมาคืนโทรศัพท์เพื่อนผมได้ที่ไหน ”ผมตัดสินใจถามออกไป
(ผมชื่อเก่ง พรุ่งนี้ผมว่างช่วงเช้าถึงเที่ยง นัดสถานที่ใกล้ๆ... ก็ได้ครับ)แล้วผมก็บอกลาเขา พอเขาว่างสายผมก็โทรหาเพื่อนคนอื่นในกลุ่มที่ไปเที่ยวด้วยกัน
แต่ปรากฏว่ามันเองยังไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์หาย แต่มันก็ดูไม่ยี่หระอะไรนะเมื่อรู้ว่าโทรศัพท์ตัวเองหาย
ครับ มึงรวยครับเพื่อน
แต่ปัญหากำลังจะจบตรงที่มันไม่รับมือถือคืนให้ที่เขาสามารถปู้ยี้ปู้ยำ อะไรก็ได้
แต่บังเอิ๊ญญญญญ ความฉิบหายมันซวยมากตรงที่ไอ้เพื่อนห่านี้เพิ่งนึกได้ว่าเก็บรูปทุเรศๆ ผมไว้บานเบอะ มีคลิบห่าเหวที่ถ้าเอามาบอกคือผมอับอายตลอดชีวิต
ดีอย่างเดียวที่มันปลอบใจผมว่ามันใส่รหัสไว้ แต่มันก็มีโอกาสหลุดไหมล่ะครับ
ประเด็นที่ผมอยากบอกอีกสาเหตุคือเพื่อนผมทุกคน ณ ตอนนี้ กำลังจะไปข้ามชายแดนไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่เรียบร้อย
ผมก็เลยต้องบากหน้าไปบอกพี่เขาว่า ให้เขาช่วยส่งเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหามาทางไปรษณีย์ที
เขาก็คิดนิดหน่อย ประมาณให้รู้ว่ากูไม่ใจง่ายนะ
ผมรบเร้าเขาสุดชีวิต กลัวเขาส่งไปให้ตำรวจด้วย ไม่งั้นเรื่องจะยุ่งกว่าเดิมอ่ะดิ
และเขาก็ตกลง!!
บอกเลย...กูอยากจิกรี้ดดดดดดดดดดดให้โลกแตก
แต่ผมบอกเลยนะ ทุกๆ ครั้งที่โทรหาเขาไปอ่ะเสียงลมเสียงคลื่นมันสร้างความสะเทือนใจให้ผมมาก
ไม่ได้ไปเที่ยว เพื่อนทำโทรศัพท์ที่มีความอับปรีย์ทุกสิ่งอันหาย มีคนเก็บได้ กังวลใจมากบอกเลย กลัวเขามือซน ไม่กล้าห้ามกลัวด้วยเหมือนกล่องแพนโดร่า
เอาว่ะ ลองโทรไปให้เขาเห็นหน้า ถ้าเขาเปิดดูแล้วเขาต้องทำหน้าอิหลักอิเหรื่องแน่ๆ ถ้ายังก็คือปกติสุข
ผมกดวิดีโอคอลหาเขา รอไม่นานพี่เขาก็กดรับ
แหม ยังหน้าตาดีสมเป็นไอดอลที่ผมสถาปนาขึ้นเหมือนเดิม
(สวัสดีครับ)
หน้าปกติเว้ยมึง เสียงปกติ แต่บรรยากาศข้างหลังคือได้ฟิลมากกก ทะเล ชายหาด ดวงจันทร์กลมโต
อยากจะทะลุจอออกไปเดี๋ยวนี้เลย
(เอ่อ ได้ยินไหม)
สงสัยหน้าผมคงแสดงอาการออกมาไปหน่อย
“ครับๆ พอดีมองข้างหลังมากไปหน่อย สวยดีนะครับ”
(พี่ก็ว่างั้นแหละ จะไปเดินตลาดต่อ สนใจร่วมทางด้วยกันไหม)ผมกระพริบตามองเขา คือเอาแน่ๆ คือไปด้วย ก็มันแค่คอลด้วยกันตลอดทาง
ผมว่าเขาถามตามมารยาทว่ะ ไม่มีใครคอลหาชาวบ้านไปตลอดที่เดินทางหรอก น่าอายจะตาย ยิ่งตลาดด้วย
(สรุป น้องไปนะครับ งั้นอย่าวางสาย พี่จะขับรถ เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อนะ)แล้วภาพก็ตัดไปเป็นกล้องหลัง ผมมองจอแบบประหลาดๆ
คือเขากล้าทำจริงๆด้วย
ตลอดทริป ที่พี่เก่งเที่ยว ผมมีส่วนร่วมด้วยตลอด ผ่านมือถือมรณะเครื่องนั้น
พี่เขาใจดีมากก เห็นผมชอบอะไรก็พาไปดู ผมเล่นโทรศัพท์ทั้งวันจนพี่กับพ่อเขม่น
แต่ผมก็ไม่มายอะไร คุยกับพี่เขาเรื่อยๆ จนเพื่อนตัวเองกลับมาแล้ว มันมาเย้ยผม ผมก็เฉย ผมวินกว่านะ ผมว่าได้เที่ยวทางมือถืออ่ะ ไม่ต้องมาค่อยตามใจใครเยอะนอกจากพี่เขา
วันสุดท้ายที่พี่เขากลับบ้าน เขาบอกว่าเขาจะส่งจากไปรษณีย์ที่นั่น ได้มีตราประทับให้ผมเก็บเป็นความทรงจำ
ผมซึมไปหลายวันจนเพื่อนสังเกต แล้วคิดว่าคงมาเย้ยเรื่องเที่ยวกับผมมากไปก็เงียบๆ ลงไปบ้าง
ครบสัปดาห์ผมก็ได้รับกล่องไปรษณีย์จากที่นั่น ผมเดินออกไปรับมือสั่นๆ
ผมแกะเชือก ชำแระกล่องช้าๆ เพื่อซึมซับความเป็นพี่เขาออกมา
แอร์บับเบิ้ลห่ออย่างหนาดูแลห่อปราณีตโคตรๆ สำหรับผม
โทรศัพท์มือถือถูกแกะออกมาเป็นอย่างแรก แต่เหนือจากนั้น เป็นรูปสถานที่ต่างๆ ที่พี่เขาถ่ายให้
มันยังมีขอที่ผมสนใจส่งมาอีก
ผมนั่งอมยิ้มไม่หยุด เหมือนคนบ้าอยู่หน้ากล่องไปรษณีย์หลังจากเห็นของชิ้นสุดท้ายจากแอร์บับเบิ้ล
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่ชื่อเก่งคงรู้แล้วเนอะ
สนใจร่วมทางกับพี่ไหมครับ ถ้าสนใจ อย่ากดวางสายพี่นะ”
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นชื่อที่ผมไม่เคยเมมไว้
ผมมองหน้าจอจนตัดสินใจรับสาย
(สวัสดีครับ อย่ากดวางสายนะ คราวนี้พี่บังคับ พี่ไม่มีของล่อเราแล้ว พี่กลับมาใช้ชีวิตน่าเบื่อเหมือนเดิม )
คุณว่าผมจะวางสายดีหรือเปล่าครับ
The end.
อีพี่เก่งเสี่ยวมาก บอกเลย
งงตรงไหน ชี้แจ้งไปเลยนะ แต่แต่งแบบงงๆ แรกๆ ที่แต่งคือฟิลมันมาแรงมาก เพราะไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแต่สักพักก็ทำใจได้ มันเลยดูแปลกๆ
สวัสดีปีใหม่นะค่ะทุกคน
รักคนอ่าน จุ๊บคนเมนต์