VAMPIRE PEOBLEM ;w; #7
“ดิออน ดิออน!”
ผมตะโกนเรียกเจ้าของแผ่นหลังคุ้นตาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นล้านแปด เพราะนี่เป็นวันแรกที่ผมเป็นอิสระจากสมาคมอย่างถูกต้องตามแบบแผน การมาครั้งนี้ของผมนั้นจึงหายห่วงได้เลยว่าจะมีคนแอบตามมาอีก แต่ถ้ามีใครกล้าตามมาลากผมกลับไปอีก บอกเลยรอบนี้ว่าผมจะโวยวายให้สมาคมแตกเลยคอยดู
ให้ตายเหอะ ผมโคตรคิดถึงดิออนเลยอ่ะ
แล้วผมก็ไม่อยากจะอวดเลยว่ารอบนี้อ่ะ ถ้าดิออนคิดจะจับผมอีก มันก็ไม่ง่ายแบบรอบก่อนแล้ว เพราะผมเก่งขึ้นมากๆ แบบดิออนฟันมาทีนึงผมก็หลบแบบสวยๆ ได้พร้อมกับเยาะเย้ยใส่สักสามประโยค
ว่าไปนั่น ไม่ได้เจอกันนาน ถ้าดิออนยังทำตัวเป็นเด็กดีทำตัวว่าง่าย ผมจะยอมให้จับง่ายๆ เลยเอ้า ผมคิดถึงเลือดหวานๆ ของวาติกันจะแย่แล้ว
“ดิออน!”
ผมตะโกนซ้ำอีกรอบเมื่อไอ้คนที่โดนทักไม่ยอมหันสักที คือผมก็มั่นใจนะว่าเสียงตัวเองดังมาก เพราะไอ้คนที่อยู่รอบๆ กำลังจะเดินขึ้นคอนโดนี่หันมามองกันเป็นแถบ
แน่นอนว่าผมไม่สนและรีบกระโจนใส่หลังดิออนทันที
ทำไมผมถึงมั่นใจนักเหรอว่าถูกคน?
ก็เพราะผมจำกลิ่นหอมๆ ของมันได้ไงล่ะ!
กร็อบ
เดี๋ยว
เสียงอะไรวะ
ผมขมวดคิ้วมุ่นเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“…ครูซ?”
เสียงดิออนมันก็เหมือนเดิมนะ แต่มันแบบ..
กร็อบ
เสียงนั้นดังอีกรอบซึ่งมันก็ทำให้ผมเริ่มรู้แล้วว่าเสียงอะไร
ผมรีบกระวีกระวาดลงจากหลังดิออนทันที ก่อนที่กระดูกของมันจะหักไปซะก่อน อะไรกัน ผมว่าผมผอมลงนะ เพราะช่วงหลังมานี้ผมไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ได้กินแต่เลือดมนุษย์ธรรมดาซึ่งรสชาติมันก็ธรรมดามากเลย
“…สอบผ่านแล้วเหรอ”
“!!!!!!!!!”
อย่างที่รู้มีไม่กี่ครั้งที่ผมตกใจสุดชีวิต
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมตกใจจนเขี้ยวโผล่ คือถ้าผมกรี๊ดเป็นผมกรี๊ดไปแล้ว
ดิออนวาติกันสุดเท่ของผมตอนนี้กลายเป็นวาติกันแก่ๆ อายุเหมือนจะเฉียดแปดสิบไปแล้ว!!!!!!
ใบหน้าคมคายที่ผมคิดถึงบ่อยๆ ตอนนี้คือเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา นัยน์ตาสีสวยที่เคยมองผมไม่วางตาตอนนี้คล้ายกับจะฝ้าฟางแทบไม่สะท้อนภาพของผมด้วยซ้ำ ไหนจะร่างกายสมบูรณ์แบบที่ผมกะจะมาลูบเล่นอีก คือผมมั่นใจเลยว่าถ้าผมลองลูบแรงๆ ดู คืออาจจะดังกร็อบเดียวแล้วก็หักเลย
“ฮึก”
ผมน้ำตาคลอเบ้าก่อนที่จะปล่อยโฮเสียงดังลั่น
ไม่ได้อ่ะ! แบบนี้ผมยอมรับไม่ได้!!
นี่มันแย่กว่าโดนจับปิ้งอีก!!!!!
“ฮือออออออ”
“พี่ครูซ! เป็นอะไร!”
ผมที่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่ๆ ก็โดนกระชากกลับมาสู่ความจริงด้วยแรงเขย่าที่มากพอจะทำให้คอหักได้เลย ถ้ากระดูกคอผมไม่ดีพอ
“ฮึก อะไร”
ผมปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ จนแขนเสื้อชุ่ม
“พี่ร้องไห้ทำไม”
แม็กซ์ถามผมด้วยสีหน้ากังวล ดูเคร่งเครียดราวกับว่าผมจะตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ซึ่งผมตายจริงแน่ถ้าน้องรู้ว่าผมร้องไห้เรื่องอะไร
“เปล่า พี่ฝันร้ายนิดหน่อย”
ผมหัวเราะแห้งๆ และเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“ตอนนี้กี่โมงแล้วอ่ะ”
“ห้าทุ่ม”
น้องผมตอบด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำตอบของผมนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และกลับไปให้ความสนใจกับบ้านร้างหลังอีกครั้ง เพราะมันสำคัญกว่าการฝันไร้สาระของผมเยอะ
ใช่แล้วทุกคน ผมเผลอหลับตอนที่มาทำภารกิจกับน้องแหละ ดีหน่อยที่อยู่ในรถ ไม่งั้นเสียงแหกปากร้องไห้ของผมคงดังไปไหนถึงไหนละ ซึ่งวันนี้ผมกับน้องก็ได้รับภารกิจให้มาจับแวมไพร์นอกรีตที่กำลังล่ามนุษย์อย่างเป็นบ้าเป็นหลังในช่วงนี้ จนแวมไพร์คนอื่นๆ นี่เดือดร้อนกันไปหมด เพราะมันกินเลือดมนุษย์เสร็จแล้วก็ฆ่าเลย ป่าเถื่อนมาก
ซึ่งไอ้การกระทำของแวมไพร์ตัวนี้มันก็ขัดกับหลักจริยธรรมของสมาคมแวมไพร์ เพราะสมาคมแวมไพร์นั้นมองว่ามนุษย์เป็นเหยื่อ มิตร และอาหารชั้นดี ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าหรือทำร้ายโดยไม่จำเป็น
ฉะนั้นการมาทำตัวเปรี้ยวในอาณาเขตของสมาคมแวมไพร์นี้ก็เหมือนกับการมาเหยียบหน้าคนทั้งสมาคม พ่อจึงรีบสั่งการลูกชายสุดที่รักอย่างแม็กซ์มาจัดการเลยครับ ส่วนผมก็เป็นแค่ตัวแถมที่พ่อบังคับให้มาด้วยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
แน่นอนว่าผมไม่ได้เต็มใจมาสักนิด ที่ผมอยากทำมากกว่าคือการหนีไปหาดิออนต่างหาก ก็อย่างในฝันแหละครับ ตอนนี้ผมสอบผ่านแล้วได้ใบแล้ว พอได้ใบวันแรกผมก็หนีไปหาดิออนที่คอนโดเลยครับ ไม่รอทำเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่พอไปถึงก็ต้องพบว่าห้องที่ผมเคยมาใช้บริการอาบน้ำนอนเล่นถูกขายต่อไปแล้วครับ กลายเป็นใครก็ไม่รู้มาเป็นเจ้าของห้องแทน
ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าผมใช้เวลากี่ปีกับที่สมาคม คือสำหรับผมการนับอายุอะไรแบบนี้มันค่อนข้างเป็นอะไรที่รวนง่ายอ่ะ คือพวกมนุษย์อายุอย่างมากก็แค่ร้อยปีใช่ป่ะ ก็แบบสามารถทวนวันเกิดตัวเองด้วยการจัดงานวันเกิดทุกปี แต่สำหรับแวมไพร์คือเขาไม่จัดกันไง อายุขั้นต่ำห้าร้อยปีจัดกันห้าร้อยรอบก็เกินไป พวกเราเลยใช้ระบบความจำกันล้วนๆ ซึ่งแน่นอนว่าแวมไพร์สมองน้อยอย่างผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ แต่เวลาคนถามผมก็ต้องตอบไปก่อนว่าอายุสองสามร้อย เพราะผมอยากเป็นเด็กตลอดไปไงล่ะ
แต่เอาเหอะนั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือผมหาดิออนไม่เจอ ผมโคตรเซ็งเลยที่ตัวเองไม่ได้ขอช่องทางการติดต่ออะไรดิออนไว้สักอย่างเลย ทั้งไลน์ทั้งเฟซ ถามว่าเสียดายขนาดไหน ก็ขนาดนั่งซึมเป็นอาทิตย์อ่ะ แล้วอีกอย่างเลยคือเจ้าน้องชั่วร้ายมันลบบัญชีผมทุกอย่างเลย จะทักไปถามเพื่อนมหาลัยก็ทักไม่ได้อีก ส่วนรหัสเหรอ ผมจำไม่ได้หรอก ใช้วิธีเข้าสู่ระบบตลอดเวลาเอา
คือจริงๆ ผมก็ไม่เข้าใจอ่ะว่าทำไมน้องต้องขัดขวางผมกับดิออนนัก ถึงดิออนจะเป็นวาติกัน แต่ก็เลือดอร่อยแล้วก็ใจดีกับผมนะ จะด่าว่าผมใจง่ายก็ได้ แต่ผมก็ยังอยากเจอเขาอีกอ่ะ อยู่ในสมาคมมันไม่มีใครตรงสเป็คอ่ะ
“เฮ้อ”
ผมถอนหายใจเหนื่อยๆ แนบหน้ากับกระจกรถ มองบ้านร้างช่วยน้องอีกแรง เพราะไม่มีอะไรทำและไม่อยากนอนต่อ กลัวว่าตัวเองจะฝันร้ายอีก
และในระหว่างที่ผมเริ่มง่วง น้องผมก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“มาแล้ว”
น้องผมพูดเสียงเข้ม นัยน์ตาสีฟ้ากลายเป็นสีแดงก่ำเรืองรองอย่างดุร้ายจดจ้องไปยังบ้านร้างที่มีรถคันนึงขับมาจอด ก่อนที่ร่างของเป้าหมายที่เหมือนในไลน์เป๊ะๆ จะลงมาจากรถพร้อมกับหญิงสาวที่ดูมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด หล่อนไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสถานที่ที่ตัวเองมานั้นอโคจรขนาดไหน
“บุกเลยไหม”
เห็นน้องคืนร่างเป็นแวมไพร์เต็มยศ ผมก็เอาบ้าง เพราะอยากเท่และมีซีนดีๆ ให้ตัวเองบ้าง จะได้ไม่เสียชาติเกิดแวมไพร์
“รอให้มันเข้าไปในบ้านก่อน”
“เดี๋ยวก็ช่วยเขาไม่ทันหรอก”
ผมแย้งด้วยความเป็นห่วงเหยื่อคนนั้น ถึงจะไม่ใช่คนที่ผมรู้จักก็เถอะ แต่ผมก็ห่วงอยู่ดี
น้องขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้
“งั้นพี่รอบนรถ ผมไปคนเดียวพอ”
“ได้ไงอ่ะ พี่ได้ใบแล้วนะ แม็กซ์ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้พี่เก่งขนาดไหน!”
เคารพความตั้งใจกับเวลาที่ผมเสียไปหน่อยสิ ถึงผมจะยังสู้น้องไม่ได้ แต่ผมว่าตอนนี้ผมก็ระดับนึงอยู่นะ แบบโดนซัดมาผมก็ยังพอหลบแล้วซัดคืนได้บ้าง
“รอ-บน-รถ”
น้องผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับ ไม่รอให้ผมเปิดปากโวยวายก็บังคับให้ผมคืนร่างค้างคาวแล้วจับยัดใส่ในกรงที่ไม่รู้ว่าเอามาตอนไหนทันที
กี้!!!
ผมโวยวายแต่น้องก็ไม่สนใจ แล้วเอาทั้งผมทั้งกรงไปวางไว้หลังรถ ก่อนที่จะลงจากรถไปโดยที่ไม่เอาแวมไพร์คนเก่งอย่างผมไปด้วย
กี้!
ผมในร่างค้างคาวกอดอกบ่นเซ็งๆ
เอาจริงผมก็เข้าใจน้องแหละ ว่าน้องน่ะนอกจากจะหวงผมเป็นบ้าแล้วยังห่วงผมมากอีก ไม่รู้ว่าชดเชยช่วงเวลาสมัยก่อนหรือยังไง เพราะตั้งแต่โดนจับกลับมารอบนั้นแหละ น้องมันจับตาดูผมทุกฝีก้าวเลยจ้า ดีหน่อยที่ตอนอาบน้ำมันไม่เข้ามาแอบดูผมอาบด้วย
แต่ก็นะ ห่วงมากขนาดนี้ผมก็แอบเซ็งและรำคาญแหละ เพราะผมก็มีอะไรที่ผมอยากทำเหมือนกัน การที่มาจับตาดูผมตลอดเวลาขนาดนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับการติดคุกเลย
ผมในร่างค้างคาวห้อยหัวกับกรงเซ็งๆ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการมองให้กำลังใจบ้านร้าง จริงๆ ก็อยากให้กำลังใจน้องนะ แต่ผมเห็นแต่บ้านร้างเลยให้กำลังใจบ้านไป เผื่อบ้านจะถล่มใส่แวมไพร์บ้านั่นให้ตายๆ ไปเลย
กี้..
ผมงึมงำเบื่อๆ ก่อนที่จะเบิกตากว้างตอนที่เห็นใครบางคนเดินผ่านหน้ารถไป และกำลังมุ่งตรงไปยังบ้านร้าง!
กี้ๆๆๆ
ผมแผดเสียงร้อง บินชนกรงให้ไปแนบกับกระจกหน้ารถแล้วทุบไม่หยุดเลยครับ
ดเวน!!! นั่นมันดเวน!!!
กี้!!!!!!
ผมร้องสุดเสียงอย่างหงุดหงิด เพราะมันไม่สนใจผมเลย ไม่รู้ว่าหูหนวกหรืออะไร ถึงเดินดุ่มๆ ไปเลย ทิ้งให้ผมนั่งกร่อยในรถต่อ
กี้!
ผมเตะซี่กรงเซ็งๆ ก่อนที่จะไปเกาะตรงประตูกรงและพยายามแงะแม่กุญแจออกด้วยมือเล็กจิ๋วของตัวเอง คือผมเคยดูหนังสายลับไง ผมเลยอยากลองสะเดาะกลอนดูบ้าง เผื่อว่าผมทำได้จะได้หนีไปเลย
กี้ๆๆๆ
ผมร้องลั่นเมื่อมือติด และแม่กุญแจก็ไม่มีท่าทีจะปลดล็อคเลยสักนิด
ทำไมในหนังมันดูง่ายจังอ่ะ แล้วผมจะทำยังไงดีเนี่ย แงงงง ช่วยด้วยยยย ถ้าน้องมาเห็นผมสภาพนี้ ผมต้องอายมากแน่เลยอ่ะ ถึงผมจะไม่ค่อยเหลืออะไรให้อายแล้วก็เถอะ
แกร๊ก
“ใจเย็นๆ น่า”
ผมตาโตเมื่ออยู่ๆ ประตูรถก็เปิดพร้อมกับร่างที่ผมเพิ่งแอบด่าในใจไปหลายประโยค ซึ่งถ้าเจ้าตัวได้ยินคงจะอยากจับผมปิ้งแทนช่วยผม
“เจอกันทีไรก็สภาพแบบนี้ตลอดเลยนะ”
ดเวนมันมองผมยิ้มๆ และใช้พลังของมันช่วยดึงมือผมออก ก่อนที่มันจะใช้พลังแวมไพร์ปลดสลักกลอนและหยิบผมมาวางมือมันอย่างง่ายดาย
เออ ทำไมผมไม่ใช้พลังแวมไพร์วะ มาโง่ใช้มือตัวเองแงะทำไม งง
ผมหน้ามุ่ยในความสมองน้อยของตัวเอง เรื่องไอคิวนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นอกจากจะกินเลือดแล้วผมต้องกินปลาเพิ่มขึ้นสินะ เผื่อว่าผมจะฉลาดขึ้นบ้าง
“สรุปแล้วเรียกฉันมาทำไม ครูซ”
“ก็เรียกมาช่วยเนี่ยแหละ”
ผมที่กลับคืนร่างมนุษย์แล้วลูบมือตัวเองเซ็งๆ เพราะมันแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นี่ผมโง่หรือโง่เนี่ย
“ให้ช่วยอะไร วันนี้นายมากับน้องชายนายนี่” ไม่พูดเปล่าดเวนมันก็พยักพเยิดไปยังบ้านร้างที่ตอนนี้เริ่มมีแสงต่อสู้กันวูบวาบไม่หยุด ดูทรงแล้วน่าจะกำลังตีกันได้ที่
“ก็ช่วยหนีจากน้องไง ผมเบื่อสมาคมจะแย่แล้ว”
ผมบ่นอย่างอดไม่ได้ เพราะเก็บกดมานาน คือก็อย่างที่รู้อ่ะ ผมได้ใบมาแล้วก็จริง แต่ถ้ามีคนรู้ว่าผมแอบไปหาวาติกันอีกผมก็อาจจะโดนยึดใบได้ และแน่นอนว่าการสอบใหม่มันยากกว่าแน่ๆ ขนาดสอบรอบนี้ผมยังแทบลากเลือดเลย
“ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ มาจับแวมไพร์นั่นเหรอ”
“อืม ไอ้หมอนี่มันฆ่าเหยื่อที่ฉันเล็งไว้อยู่น่ะ ก็เลยกะจะมาฆ่ามัน แต่ดูเหมือนว่ามีคนทำแทนแล้วล่ะ” ดเวนหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะจ้องผมด้วยสายตาแปลกๆ จนผมเผลอกลืนน้ำลายเอือก
เอาจริงถึงผมจะโง่ แต่ผมก็ไม่ได้โง่จนมองไม่ออกว่าดเวนมันชอบผม
คือผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าตัวไปตรงสเป็คมันตรงไหน แต่มันไม่ใช่สเป็คผมอ่ะ ผมเลยรู้สึกอึดอัดแกมประหม่านิดๆ เวลาที่มันชอบแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าอยากได้ผม
“หนีไปกับฉันไหมล่ะ ครูซ”
ดเวนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์อันล้นเหลือ ผมมั่นใจมากว่าถ้าดเวนไปสมัครเป็นนายแบบ มันต้องดังมากแน่ๆ เพราะมันโคตรหล่อเลย
แต่ก็นะ หล่อให้ตายแต่ไม่ตรงสเป็คก็อด ถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมก็ช่างเลือกนะ และผมก็เลือกแล้วซึ่งก็คือวาติกันชื่อดิออนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
“ไม่ล่ะ ผมจะไปตามหาดิออน”
“ไอ้วาติกันเวรนั่นน่ะนะ!!!”
นี่ชื่อคนหรือน้ำมนต์ คือดเวนจากอารมณ์ดีๆ เมื่อกี้คือหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มองผมตาขวางราวกับผมเนี่ยแหละเป็นวาติกันตัวร้ายคนนั้นซะเอง
“ใช่ นายพอจะรู้รึเปล่าว่าดิออนอยู่ไหนตอนนี้”
แน่นอนว่าผมไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของดเวน ดีใจซะอีกที่ดเวนรู้จักดิออนด้วย เพราะมันน่าจะทำให้ผมหาตัวอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น
“ครูซ ฉันพูดตามตรงนะว่านายเลิกยุ่งกับมันเถอะ”
ดเวนที่ปกติจะใจดีขี้เล่นกับผมมาตลอด อยู่ๆ ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไมล่ะ”
“ตอนนี้มันเป็นกลายเป็นผู้นำตระกูลไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นายเจอมันล่าสุด มันจะดีกับนายขนาดไหน แต่ที่ฉันรู้คืออาทิตย์ที่แล้วพวกวาติกันเพิ่งฆ่าเพื่อนฉันไป”
ดเวนมองผมนิ่ง
“ถ้าครั้งนี้นายไปเจอมัน นายก็อาจจะเป็นรายต่อไปก็ได้”
“…ไม่หรอกน่า” ผมกลืนน้ำลายเอือก เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แต่ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แล้วตอนนี้ดิออนอยู่ไหนเหรอ”
“นายไม่ฟังฉันเลยใช่ไหมเนี่ย” ดเวนขมวดคิ้วดูไม่พอใจหนักกว่าเก่า “ฉันพูดจริงๆ นะ ครูซ ต่อให้ฉันจะเก่งขนาดไหนก็เถอะ แต่ถ้านายโดนจับในถิ่นพวกมัน ฉันก็ช่วยนายไม่ได้หรอกนะ”
“ตอบคำถามมาเถอะน่า”
ผมพร้อมรับความเสี่ยงอ่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็จะกินเลือดดิออนให้ได้ ผมทนกินเลือดมนุษย์ธรรมดาไม่ไหวแล้ว มันไม่อร่อยเลย
“บอกตามตรงว่าฉันไม่รู้ ไม่สิ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าพวกวาติกันสารเลวพวกนั้นมันไปอยู่ที่ไหน”
“งั้นก็บ๊ายบายแล้วกัน ดเวน เดี๋ยวถ้าเจอกันคราวหน้าแล้วผมว่างพอดี ผมจะพาไปเลี้ยงชาไข่มุกนะ”
ผมยิ้มให้ดเวนก่อนที่จะพยายามมุดออก เพราะดเวนยืนขวางประตูข้างคนขับและไม่คิดจะขยับให้ผมออกไปด้วย
“แต่ถึงฉันไม่รู้ คนอื่นก็อาจจะรู้ก็ได้นะ”
ดเวนจ้องหน้าผม
“นายหมายถึงพวกเพื่อนนายน่ะเหรอ”
“ใช่” ดเวนพยักหน้า “แต่นายต้องไปกับฉันนะ”
ผมขมวดคิ้ว เพราะเรื่องนี้ต้องคิดหนักนิดหน่อย เนื่องจากการไปเยือนถึงถิ่นพวกโกสต์นี่เป็นอะไรที่อันตรายพอๆ กับไปวาติกันนั่นแหละ คือจากข่าวลือและคนที่สมาคมพยายามกรอกหูผมตลอดคือพวกโกสต์อันตราย อย่าไปยุ่ง อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้นะว่าผมรู้จักกับดเวนที่เป็นหนึ่งในพวกโกสต์ด้วย
ชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าในใจสักพัก ผมก็เลือกได้
“โอเค ไปก็ไป”
ผมชะเง้อหน้ามองบ้านร้าง ก็ยังคงเห็นแสงวูบวาบนัวกันอยู่
“ไปเลยๆๆ ทางสะดวก เดี๋ยวไม่ทัน”
ผมเขย่าแขนดเวนก่อนจะที่หลุดร้องเสียงหลง เมื่อถูกพลังแวมไพร์บังคับให้กลับเป็นร่างค้างคาวอีกแล้ว!
กี้ๆๆๆ
ผมบ่นไม่หยุด หงุดหงิด เป็นอะไรกับผมกันมากป่ะ ให้เป็นค้างคาวอยู่ได้ คือผมจะไม่เป็นแวมไพร์แล้วนะ ผมจะไปอยู่ถ้ำรวมกับพวกค้างคาวจริงๆ แล้ว!
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่า” ดเวนลูบหัวผมในร่างค้างคาว แน่นอนผมยังหงุดหงิดอยู่เลยงับนิ้วมันเลย แต่ก็ไม่ได้แรงจนเลือดออก
กี้!
ผมบ่นมันทั้งๆ ยังกัดนิ้วมันอยู่
“เข้าใจหน่อยสิว่าคนนอกไม่มีสิทธิ์รู้ที่อยู่ของพวกเรา”
ดเวนมันพูดยิ้มๆ ดูไม่หงุดหงิดสักนิดที่โดนผมกัดนิ้ว หนำซ้ำยังดูอารมณ์ดีขึ้นอีก
ผมคายนิ้วมันออกเพราะเริ่มเค็ม แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี ผมเข้าใจมันนะกับกฎอะไรแบบนี้น่ะ เพราะที่สมาคมก็มีเหมือนกัน แต่เอาจริงนะ คือถ้ามันบอกผมดีๆ อ่ะ ผมยอมเอามือปิดตาตลอดทางเลย หรือไม่ก็เอาผ้ามาปิดตาผมก็ได้
กี้!
ผมเร่งมันให้ไปสักที ไม่รู้ว่าจะมองผมทำไมนักหนา ไหนจะรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจนั่นอีก
“ครับๆ ”
มันหัวเราะและยัดผมเข้ากระเป๋าเสื้อมัน แน่นอนว่ามันไม่ให้ความรู้สึกดีสักนิด ออกจะอึดอัดด้วยซ้ำแต่ผมก็พยายามอดทน ท่องไว้ครูซเพื่อดิออน น้องครูซต้องทำได้
ผมได้ยินเสียงเสื้อฉีกขาด ซึ่งถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเพราะปีกค้างคาวที่แทงออกมาจากหลังของมัน และผมก็ได้รับการยืนยันคำตอบเป็นเสียงลมหวีดหวิวที่เกิดจากบินอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าอย่างที่ผมชอบทำบ่อยๆ
ให้ตายสิ ผมก็อยากบินมั้งนะ
ผมคิดเบื่อๆ ง่วงๆ
ก่อนที่จะผล็อยหลับไปอีกรอบโดยไม่รู้ตัว
=============
อย่าว่าแต่ครูซง่วงเลย คนเขียนก็ง่วงเหมือนกัน 5555
#ห้ามปิ้งค้างคาว