“โรเรเนส!!!!” หมอหนุ่มผู้ตระหนกหน้าแดงซ่านไปถึงหู เขานิ่งแข็งอยู่แบบนั้นเพราะตกใจและทำอะไรไม่ถูก
เด็กหนุ่มกอดเขาอยู่ซักพักก่อนจะถอยออกมาแล้วจ้องมองเขาตรงๆ โฮรันซึ่งยังหน้าแดงไม่หายพูดขึ้นอย่างหนักใจ
“ทำแบบนี้ข้าคิดมากนะ”
“ท่านหน้าแดง---ท่านอึดอัดหรือไม่ที่ข้าทำแบบนั้น”
“เอิ่มไม่หรอก ข้ายินดีหากเจ้าอยากจะกอดข้าอีกและข้ายินดีหากเจ้าจะทำมากกว่านั้น”
โรเรเนสเข้าใจความรู้สึกของท่านหมอรวมถึงความต้องการของอีกฝ่าย แต่เขากลับรู้สึกสับสนในอกตนเอง เขานั้นสามารถกอดโฮรันได้โดยไม่รู้สึกลำบากอะไร ออกจะอบอุ่นสบายใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่ใกล้กัน ตรงข้ามกับองค์ราห์โอที่เมื่อก่อนนี้แม้เพียงมองตาตนก็ขวยจนทำอะไรไม่ถูก
แล้วแบบไหนล่ะที่ควรจะเป็นความรู้สึกที่เขามีให้ท่านหมอนั้นตรงกับที่เขาได้รับหรือเปล่า และถึงแม้ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคย ไม่เคยหยุดคิดถึงฟารันได้เลยซักวันถึงแม้จะพยายามมากแค่ไหน
“อย่าใส่ใจสิ่งที่ข้าทำเลย---ต้องขออภัยที่ข้าละลาบละลวงท่าน”
“ไม่เป็นไรสหายกันกอดกันได้” ท่านหมอโฮยิ้มอย่างอ่อนโยนให้
“ข้ายังไม่ชินกับความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์จึงสับสนอยู่มากว่าข้าควรรู้สึกอย่างไร แต่ที่เป็นตอนนี้การเป็นสหายกับท่านข้ามีความสุขมากเลยนะ เวลาที่ข้ากอดท่าน ท่านทำให้ข้านึกถึงซาลาเปา อา ข้าคิดถึงซาลาเปาจัง”
“ซาลาเปา?”
“องค์ลาวิเลี่ยนแมวพาหนะของข้าบนสวรรค์ ตัวใหญ่อย่างนี้เลย” เทพหนุ่มกางแขนออกกว้างแล้วยิ้ม
“นี่เจ้าเห็นข้าเป็นแมวหรือ”
“เปล่าแค่รู้สึกอุ่นใจเวลาอยู่ด้วย”
“ดีจัง---กอดกันอีกไหม?”
“ไม่เป็นไร” แล้วพวกเขาก็หัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดี
ยามค่ำนั้นเย็นสบาย บุรุษหนุ่มทั้งสองเดินคุยเรื่อยเปื่อยกันมาจนถึงห้องพักของโรเรนส ที่ตอนนี้ได้ย้ายออกมาอยู่ในส่วนที่ไม่ใช่ห้องบรรทมชั้นในแล้วแต่ก็อยู่ละแวกใกล้กัน เมื่อถึงที่หมายเด็กหนุ่มได้ผลุบหายเข้าไปในห้องครู่หนึ่งแล้วกลับออกมาพร้อมไม้ดอกสีขาวที่เพาะใว้ในกระถางใบจิ๋ว
“นี่คือเลล่าที่ข้าเล่าให้ท่านฟัง เจ้าตัวจิ๋วนี้ต้องดูและเป็นพิเศษข้าจึงยังเอาลงดินไม่ได้ถ้าไม่รังเกียจและไม่เป็นภาระจนเกินไปข้าอยากให้ท่านรับไว้แล้วช่วยดูแลมันด้วย” หมอหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจขณะเอื้อมมือไปรับเจ้าดอกไม้สีขาวดอกน้อยนั้นมาเพ่งพิศดู
“ไม่รบกวนหรอกของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าให้ข้า ข้าต้องดูและมันอย่างดีอยู่แล้วเพียงแต่ว่าข้าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพืชหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกข้าให้เลเล่กับท่านเพราะข้าคิดดีแล้ว ห้องของท่านมีระเบียงที่ผินหน้าออกสู่ทะเลสาบ ไอระเหยของน้ำจะดีมากๆ หากท่านวางมันไว้ที่ระเบียบ ห้องข้านั้นมองออกไปก็เจอแต่ตึกอีกฝั่ง ดูจะแห้งแล้งไปเสียหน่อย”
“โธ่ ข้าก็นึกว่าให้โดยเสน่หาที่แท้แค่อยากจะใช้ประโยชน์จากห้องข้ารึ” องค์ชายแสร้งพูดเหมือนดุแต่ก็รู้กันว่าเป็นเพียงการหยอก เด็กหนุ่มนั้นยิ้มตอบให้ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เอ้อจริงสิ ท่านต้องใช้ลูกแก้ววางไว้ในกระถางด้วยนะเดี๋ยวข้าเข้าไปหยิบมาให้” เขาหายเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วรื้อค้นสิ่งของในกล่องไม้ที่ตนวางไว้บนระเบียง ระเบียงหินอ่อนที่ควรจะกว้างขวางแต่กลับเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้หลากขนาดเรียงกันอยู่ เจ้าของห้องกอบลูกแก้วใสขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วห่อไว้ด้วยผ้าก่อนจะเดินกลับมาที่หน้าห้องตน
แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสหายรูปงามนั้นหายไปจากจุดเดิมที่เคยอยู่ ทว่าเสียงพูดเจื้อยแจ้วร่าเริงของท่านหมอโฮกลับดังขึ้นในส่วนที่เป็นโถงทางเดินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนอนของเขานัก ฟังดูก็รู้ได้ว่ากำลังสนทนากับใครบางคนอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเพราะไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
โรเรเนสเดินออกจากทางเดินเล็กๆ เพื่อออกไปสู่โถงใหญ่ เมื่อพ้นออกมาเล็กน้อยเขาก็เห็นท่านหมอโฮยืนอยู่จึงรี่เข้าไปหาด้วยดีใจ แต่แล้วฝีเท้าก็ต้องชะลอช้าลงเมื่อคู่สนทนาคนนั้นเป็นองค์ราห์โอที่กำลังเดินผ่านโถงหลักนี้เพื่อไปพักที่ห้องบรรทมซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีก เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่เสียกลางทางไม่ได้ถอยหนีและไม่ได้ขยับเข้ามาหา เขากระชับห่อผ้านั้นไว้แนบอกเหมือนต้องการสร้างเกราะให้หัวใจตัวเอง ใบหน้าสดใสเจื่อลงไปเล็กน้อยเมื่อสบตาตรงๆ กับคู่สนทนาของสหายเขา
“อ่าวโรเรเนสมาแล้วหรอ นี่บังเอิญมากเลยข้าเห็นท่านพี่เดินผ่านโถงพอดีจึงได้รั้งไว้ มานี่สิ” หมอหนุ่มเชื้อเชิญแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่ก็เห็นได้ชัดว่าโรเรเนสนั้นอึดอัดใจแต่ก็ยังเรียกอย่างขันแข็ง เขาเดินเข้าไปหาสองพี่น้องที่มีสีหน้าผิดกันลิบลับ เขาไม่รู้หรอกว่าฟารันคิดอะไรใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น
“สวัสดี”
“สวัสดี”
คำทักทายตามมารยาทอันจืดชืดถูกเอ่ยขึ้นเหมือนในทุกๆ ครั้งที่ได้เจอกัน แล้วก็ไม่ได้สานต่ออันใดเพราะเด็กหนุ่มเมินไปไม่กล้ามอง องค์ชายผู้เป็นน้องเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นก็ยกยิ้มอย่างย่ามใจแล้วหันไปเอ่ยกับพี่ชายตน
“พอดีข้ามาส่งโรเรเนสที่ห้องเลยได้เจ้าดอกเลล่ามา โรเรเนสบอกว่ามันยังเด็กเกินกว่าจะลงดินและห้องของข้าเหมาะที่จะเพาะมันมากที่สุด ท่านพี่ว่ามันน่ารักไหม”
“อืม” กษัตริย์หนุ่มจ้องมองกระถางใบน้อยในมือน้องชาย
“น่ารักเหมือนเจ้าของนั่นแหละ” ประโยคนี้องค์ชายหันไปหยอกกับคนข้างตัวแต่ฝ่ายนั้นกลับอึดอัดเสียมากกว่าเลยเปลี่ยนเรื่อง
“หมอโฮข้าเอาสิ่งนี้มาให้” เขารับมาแล้วแกะดู “มันเป็นลูกแก้วที่เก็บความเย็นได้ดีหากนำไปแช่น้ำก่อนจะไปวางไว้ที่โคนต้นก็จะช่วยให้ต้นเลล่าเย็นและโตได้ดี”
“ดีจังเลย ข้าดีใจมากเลยนะที่เจ้าให้เกียรติข้าดูแลต้นไม้ของเจ้าบ้าง” สายตาอ่อนโยนหวานละมุนจ้องมองไปที่วงหน้างาม แต่เด็กหนุ่มกลับหลุบตาหนีแล้วเหลือบไปมองบุรุษอีกคน
โรเรเนสก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนเองถึงทำเช่นนั้น แต่จู่ๆ เขาก็เกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าฟารันจะมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาเช่นไร แล้วเด็กหนุ่มก็ได้สบตาอย่างจริงจังกับอีกฝ่ายแบบที่ไม่ได้มองกันมานานแล้ว ไม่ได้รับรู้มานานแล้วว่าแววตากร้าวของฟารันเป็นอย่างไร
ทว่ามันกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดฟารันไม่ได้ดูโกรธหรือเย็นชาเลย
มันดูเศร้าและเต็มไปด้วยคำถาม
นี่คือที่เจ้าต้องการใช่ไหมนั่นสิ เด็กหนุ่มประหวั่นใจเขาไม่รู้ ความหวาดระแวงแต่แรกที่มีต่อฟารันหายวับไปแทนที่ด้วยความรู้สึกประหลาดกระชากเขาให้ตื่น เขาหันกลับไปมองอีกคนที่ยังคงยิ้มละไมอุ่นหัวใจให้เขา
“มีอะไรรึสีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย” หมอหนุ่มเอ่ยถาม เขาไม่เอ่ยตอบแต่กลับมีท่าทางสับสนพะว้าพะวงกว่าเดิมก่อนจะตัดสินใจจากไป
“ข้าขอตัวก่อน” แล้วก็สาวเท้าเดินไป ความคิดและความรู้สึกมากมายผุดขึ้นจนไล่นตามไม่ทัน ทั้งคำถามและคำตอบที่ย้อนแย้งปนเปกันไปหมดในหัว นี่เขากำลังทำอะไรอยู่
รอจนเมื่อหายลับสายตาโฮรันจึงหันมากล่าวกับพี่ชาย “ลืมไปเลยว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
ฟารันยังมองไปยังจุดที่เด็กหนุ่มเดินลับตาไปทั้งที่เขาไม่อยูตรงนั้นแล้ว “หากเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเย้ยหยันข้าก็ทำไปเถอะ แต่อย่าทำให้เขาลำบากใจ”
“นั่นสินะ คนรักที่ดีไม่ควรทำแบบนั้นหรอก” คราวนี้ตาคมกริบอันว่างเปล่าของราห์โอก็เลื่อนมามองตอบกับใบหน้ายียวน
“ตกลงกันแล้วหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“ก็ดีแล้ว” ฟารันตอบไปแบบส่งๆ เหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่กิริยานั้นสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่อีกฝ่ายที่ยั่วโมโหไม่สำเร็จ
“คืนพรุ่งข้าจะพาโรเรเนสไปเที่ยวเทศกาลในเมือง”
“เทศกาล?”
โฮรันแค่นขำแล้วถอนใจ “จริงๆท่านพี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับโรเรเนสเลยใช่ไหม”
“มาสอดรู้อะไรกับความรู้สึกข้า” ฟารันฉุนเฉียวขึ้นมาง่ายผิดคาด
“ก็พรุ่งนี้มันเป็นวันฉลองแห่งพืชพันธุ์ไงเล่าท่านพี่ เป็นงานประจำปีที่ชาวเมืองจัดขึ้นเพื่อสรรเสริญโรเรเนสท่านลืมได้ยังไงกัน”
ใบหน้าครุ่นคิดปรากฎขึ้นก่อนนำเสียงเรียบแต่จริงจังจะลอดออกมา “ข้าไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่ได้คิดว่าเจ้าจะกล้าพาเขาไปในช่วงที่
อันตรายแบบนี้”
“คิดมากน่าท่านพี่ คนเยอะแยะใครจะไปกล้าทำอะไร”
“ก็คนเยอะนั่นแหละมันถึงไม่มีใครใส่ใจใครไง”
“งั้นข้าขององค์รักษ์สองคนสบายใจขึ้นไหม”
“จะทำให้สะดุดตาไปทำไม”
“แต่งเป็นสามัญชนกันให้หมดและข้าก็จะไม่ยอมให้เขาห่างตัวเลยข้าสัญญา”
องค์ราห์โอถอนใจระอา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้า แต่เจ้าก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้อยู่”
“โธ่ ท่านพี่นี่มันเป็นงานที่จัดสำหรับโรเรเนสโดยเฉพาะเลยนะจะไม่ให้เขาไปดูหน่อยหรอ ข้ามั่นใจว่าเขาต้องชอบมากแน่ๆ มองดูจากสวรรค์กับลงมาเดินเล่นในงานเองไม่เหมือนกันหรอกนะ”
ราห์โอลังเลแต่แล้วเขาก็ยอม “ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนโง่ อย่าทำให้ข้าคิดผิดในเรื่องนั้นล่ะ”
“แน่นอนท่านพี่ ข้าฉลาดกว่าท่านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไปก่อนล่ะข้ายังมีนัดอีกยาวในค่ำคืนนี้” แล้วองค์ชายก็เดินจากไปด้วยอารมณ์สบายใจเฉิบ ซึ่งทางที่เดินมันไม่ใช่ทางไปห้องนอนของเขา
“หัดเอาเวลาเที่ยวเล่นมาทำงานบ้างนะ”
---- ------------- ---------
ตอนแรกท่านพี่ก็แปลกใจ เขาคงลืมไปแล้วว่ามันเป็นวันสำคัญของเจ้า แต่เขาก็อนุญาติแล้วและก็ดูยินดี ดูท่าเรื่องของเราจะง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้นะโรเรเนสนั่นคือสิ่งที่เขาได้ยินจากองค์ชายเมื่อเช้านี้ ตอนที่ฝ่ายนั้นเดินมาบอกว่าคืนนี้จะได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนกัน เรื่องดีใจก็ดีใจอยู่แต่การแสดงออกของเขาดูไม่ค่อยร่าเริงอย่างที่ถูกคาดหมาย ด้วยบางส่วนของสิ่งที่เขาได้ยินมันทำให้เขาปั่นป่วน
ฟารันไม่ได้สนใจจริงๆ ไม่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนหรือทำอะไร อันที่จริงฟารันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้มันวันอะไร
เด็กหนุ่มว้าวุ่นอยู่เป็นวัน ขัดอกขัดใจและก็ไม่เข้าใจด้วยมันน่าจะเป็นเรื่องดีแล้วที่ฟารันจะไม่มายุ่มย่ามกับเขาอีก แต่เป็นเช่นนั้นไปแล้วจริงหรือ ฟารันหมดใจกับเขาไปแล้วและที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่ยอมแพ้นั่นคือเรื่องโกหกหรือไร
“คนงี่เง่า” เขาพึมพำพลางใช้บัวรดน้ำเทราดลงใส่พุ่มไม้ที่อยู่ในสวนกลางโถงทางเดิน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดลงมาได้จางๆ ให้เห็นแก้มระเรือและปากบางเชิดขึ้นเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“ข้าจะไปไหนกับใครมันก็ไม่สำคัญหรอก” ตามต่อมาอีกด้วยเสียงงุบงิบอุบอิบระยะหนึ่งก่อนตนจะทรุดลงนั่งพร้อมวางของในมือ
เขาพยายามนึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่น่าจะได้ทำวันนี้ ทั้งของกินของเล่นและงานแสดงตามท้องถนน ผู้คนจะประดับบ้านอย่างสวยงาม มีแต่คนร่าเริงพลุกพล่าน มีแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเขา นี่เป็นวันดีของเขาแท้ๆ
ภายในหัวน้อยๆ ท่องจำกับตนเองด้วยประโยคซ้ำเดิม แล้วก็เริ่มลุกขึ้นทำการงานของตนต่ออย่างตั้งใจก่อนจะเดินละจากสวนนี้ที่เสร็จสิ้นแล้วนี้ไปยังสวนถัดไป
ย่างกายข้ามผ่านอาคารและแมกไม้ลำธารภายในตึกไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คาดหมายว่าจะพบสิ่งใดแลลืมเผลอใจลอยไปชั่วครู่ว่าตนจะไปที่ไหน จู่ๆ เขาก็ต้องชะงักกลางครันเมื่อพบตัวเองมาอยู่ท่ามกลางห้องหับชั้นในที่คุ้นเคย บริเวณห้องที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้และแน่นอน จุดที่ยืนนั้นใกล้กับต้องทรงงานของราห์โอยิ่งกว่าอะไร
เขาตกใจสับสนอยู่ครู่หนึ่งแล้วตั้งท่าจะเดินออกมาแต่เสียงเปิดประตูในห้องที่อยู่ใกล้กันก็ดังขึ้นก่อน ตามด้วยเจ้าของห้องที่เดินออกมาพร้อมกระถางดอกไม้ในมือ
ฟารันเดินออกมาเหมือนว่ากำลังจะไปไหนซักที แต่ทั้งสองก็ต้องตกใจเมื่อได้เจออีกฝ่ายแบบไม่คาดหมาย
“โรเรเนส?” เขาประหลาดใจกึ่งไม่เชื่อสายตาว่าบุรุษหน้าหวานจะมาโผล่อยู่ในบริเวณนี้ หนุ่มน้อยอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรจึงหลบตาหนีแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหม ฟารันเห็นท่าแล้วเกรงว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวจึงไม่เข้าใกล้แล้วเอ่ยถามด้วยซุ่มเสียงอ่อนโยน
“มีธุระกับข้างั้นหรือ?” เด็กหนุ่มส่ายหัวช้าแล้วตั้งใจว่าจะขอตัวแต่ราห์โอก็พูดเข้าประเด็นเสียก่อน
“อันที่จริงข้ากำลังจะเอาสิ่งนี้ไปคืนให้เจ้า” เขาก้มลงมองกระถางดอกไม้ในมือ “และหากเจ้าไม่รังเกียจก็โปรดรับมันคือไปเสียเถิด”
คราวนี้โรเรเนสมองกลับอย่างประหลาดใจ ครูหนึ่งใบหน้าจึงแปรเป็นหม่นเศร้าแล้วริมฝีปากน้อยๆก็เผยอขึ้น
“ท่านโกรธข้าที่ข้าให้ดอกไม้องค์ชายเมื่อวานงั้นหรือ ท่านถึงไม่ต้องการมันแล้ว”
“ไม่ใช่นะ แต่เจ้าเคยบอกข้าไว้ว่าฝากให้ข้าดูแลจนตอนนี้มันโตเกินกว่าจะอยู่ในกระถางแล้วข้าจึงต้องการคืนแก่เจ้าเพื่อนำมันไปลงดิน”
ฟารันนิ่วหน้ายามมองกิริยาน้อยอกน้อยใจของเด็กหนุ่ม เขาไม่เข้าใจว่าโรเรเนสจะสนใจอะไรกับสิ่งที่เขาทำ
“อีกอย่าง---เจ้ากับโฮรันเป็นสหายที่ดีต่อกัน การที่เจ้ามอบของให้แก่เขาก็เป็นน้ำใจอันปรกติแล้ว ข้าไม่มีสิทธิจะไม่พอใจในส่วนนั้น”
โรเรเนสรู้สึกได้ถึงความสับสนปั่นป่วนในใจ เขายายามสลัดทุกอย่างทิ้งแล้วเดินเข้าไปคว้ากระถางดอกไม้อย่างเร็ว แล้วถอยกลับมายืนที่เดิมยังไม่ตัดสินใจทำอะไร ต่างฝ่ายต่างเงียบฟารันนั้นเดาทางไม่ถูกเพราะเห็นว่าโรเรเนสไม่หนีและไม่ทำท่าว่าจะร้องไห้เมื่อเจอหน้ากันแบบแต่ก่อน หากแต่ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่พูด เขาจึงยังไม่หนีไปไหนเฝ้ารอจนกว่าเด็กน้อยจะมีปฏิกิริยากลับมา
เจ้าของแก้มแดงที่ก้มหน้ากอดกระถางเหลือบตาหวานเศร้าขึ้นมามองอีกฝ่าย เลื่อนไล่ขึ้นไปตั้งแต่ปลายเท้า ฉลองพระองค์ตัวยาวทำจากไหมสีม่วงอ่อนปักดิ้นเหลือบเงิน ร่างกายสูงสง่าผึ่งผายกำยำ ลำคอที่เชิดตรงจนถึงสันกรามที่พอดีได้รูป ปากนั่น จมูกโด่ง ไรผมดำขลับหยักศกเล็กน้อยและตาคมดุจเหยี่ยว กลับลงมาจ้องอีกครั้งที่ดอกไม้ในกระถางใต้คางตน
ความรู้สึกแบบเก่าๆ กลับมาแล้ว ทั้งความตื่นเต้นวาบหวานผสานกับความเศร้าใจ
“เย็นนี้ข้าจะออกไปข้างนอก” เสียงใสเอ่ยแผ่วเพื่อหยั่งเชิง
“อืม โฮรันบอกข้าแล้ว---ระวังตัวเองดีๆ นะ”
“ท่านอนุญาติจริงๆ หรือ”
ตาหวานยังมองอ้อยอิ่ง ผู้ถูกถามต้องข่มอารมณ์นิ่งกับใบหน้าน่ารักเช่นนั้นแล้วยิ้มตอบให้เป็นมิตรที่สุดแล้วพยักหน้าให้ แต่โรเรเนสพอเห็นท่าว่าฟารันไม่ห่วงหวงอะไรเขาก็ออกกระสับกระส่ายแล้วถามต่อ
“ท่านยอมให้ข้าไปกับหมอโฮแน่นะ”
ฟารันเลิกคิ้วแปลกใจ ครั้งนี้หนุ่มหน้าสวยสนใจขึ้นมาด้วยว่าเขาจะคิดอย่างไร
“แน่สิ เขาเป็นสหายกับเจ้านี่เจ้าไม่ได้ต้องการเช่นนี้หรอกหรือ”
โรเรเนสพยักหน้ารับแบบถี่ๆ “ข้ายินดี เพราะข้าชอบเขามาก”
ฟารันแค่นขำแล้วยิ้มให้กับประโยคนั้น
ใช่เจ้าชอบเขามาก “งั้นดีแล้ว เที่ยวให้สนุกเถอะ ฝากที่ยวเผื่อข้าด้วยแล้วกันคืนนี้ข้าคงต้องอยู่เป็นประธานในพิธีบวงสรวง”
เด็กหนุ่มเข้าใจดีราห์โอต้องมีหน้าที่สำคัญในวันบวงสรวงอยู่แล้ว....บวงสรวง? ความคิดบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจเขา
“บวงสรวงกับอะไรล่ะ”
เขาเอ่ยถามขึ้นมาน้ำเสียงและแววตาทำให้ฟารันนิ่งอึ้งและฉุกคิดได้ว่าตนเผลอพูดอะไรพลาดไป แต่ไม่ทันแก้ไขเด็กหนุ่มก็เดินหนีออกมาไม่โดยลา เสียงเรียกหาไล่หลังทำให้เขาเริ่มออกวิ่ง
“โรเรเนส!”
เทพเกศม่วงกอดของในมือขณะพุ่งตัวไป เขาไม่น่าสำนึกตนผิดไปได้เลย เทพของฟารันเป็นอิฐเป็นปูนอยู่ในวิหารนั่นหาใช่เขาที่เป็นคนเสียจริตที่ทรงเมตตาให้อยู่ในวัง จะมาน้อยใจหาแสงอะไรเล่า!
ราห์โอพยายามเร่งตาม แต่ไปได้ไม่กี่ก้าวก็ชะงักเท้ากลางครัน เขาขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจและลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมหันกลับ วันนี้เป็นวันแรกเลยทีเดียวที่โรเรเนสยืนคุยกับเขาดีๆ ถึงแม้จะไม่กี่คำและไม่นาน แต่ก็ดูท่าทีอยากจะสนทนามากกว่าแต่ก่อน อาจเพราะส่วนลึกในใจเด็กหนุ่มยังมีเขาเหลืออยู่กระมัง ถึงได้ใคร่สนว่าเขาจะมีท่าทีแบบไหนกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองหรือเพียงแค่งุนงงสับสนกับอาการเฉยเมยของเขา .....อาการเฉยเมยที่เขาแสร้งทำเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยากให้ทำ
ความไร้เดียงสาทั้งในเรื่องความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของคนรอบตัวนี้ทำให้ฟารันเป็นห่วงเทพหนุ่มน้อยเสียเหลือเกิน เพราะหากบุรุษหน้าสวยผู้นี้ยอมกลับมาคุยดีกับเขาในอนาคต ทั้งเขาและน้องชายจะได้อยู่ในสถานะอะไรกับโรเรเนสเมื่อเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนต้องการอะไร
อะไรที่เจ้าทำแล้วมีความสุขข้ายอมได้ทุกอย่าง เพียงเปิดปากบอกเท่านั้นตัวข้าจะเป็นอย่างไรโปรดอย่าได้สนเลย โปรดอย่าได้สนเลย