ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม
“เข้าค่าย?”
เปิดเทอมไม่ทันไร วันดีคืนดี เด็กเวรก็เรียกเบิ้มมาซุบซิบกันสองคน
“ใช่ เข้าค่าย” เด็กชายกิจภัทรพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนยื่นเอกสารที่ต้องมีลายเซ็นผู้ปกครองว่าอนุญาตหรือไม่ให้เบิ้ม
“จะให้ผมเซ็นแทนสันเหรอครับ”
“ไม่ใช่ แต่ให้นายกล่อมสันให้เซ็นต่างหาก” เด็กเวรชักสีหน้าใส่ไอ้เบิ้มที่ไม่เจียมกะลาหัว ริอาจข้ามหน้าข้ามตาผู้ปกครองดีเด่นอย่างคมสันได้ลงคอ “ฝากด้วยนะเบิ้ม!”
บรรลุจุดประสงค์ เด็กเวรที่หมู่นี้เริ่มติดเกมก็หนีขึ้นห้องไปตั้งตี้ลงดันกับเพื่อน เบิ้มเกาหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาคมสันที่กำลังนั่งทำงานตรงโซฟาห้องนั่งเล่น ช่วงเวลาอิสระในวันว่างที่ต่างคนต่างแยกย้ายทำกิจกรรมส่วนตัว มีเพียงไอ้เบิ้มนี้หนาที่ต้องเป็นกาวเชื่อมประสานใจ
“สัน...”
“อะไร” จอมมาร เอ๊ย คนรักของเขาดันแว่น บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างบอกไม่ถูก ความอึมครึมที่ปรากฏนั้นไม่พ้นเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างพี่เลี้ยงกับคุณหนูสุดที่รัก ตั้งแต่เปิดเทอมเด็กเวรก็ติดเกมหนัก เพราะมีเพื่อนๆ ในห้องหลายคนชักชวนกันกลายเป็นแก๊งเด็กติดเกม แล้วมีหรือคมสันจะยอม แต่พอตำหนิ(เบาๆ)หลายครั้งเข้าทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลคือ...
โดนเด็กงอน
นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วนับจากคุณหนูสุดที่รักไม่ยอมคุยกับพี่เลี้ยง
เบิ้มไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น เพราะเด็กเวรติดเกมหนักจริงๆ ช่วงวันหยุดแทบจะเล่นทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน วันที่มีเรียนพอกลับบ้านมากินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเล่นเกม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...คมสันก็มีเวลาให้คุณหนูสุดที่รักน้อยลงเพราะภาระการงานที่มากขึ้น การเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์และถูกระบุตัวจากจีนนั้นทำให้คมสันแทบจะต้องติดต่อประสานงานตลอดเวลา เมื่อไม่ค่อยมีเวลาใช้ร่วมกัน เด็กเวรจะหันไปติดเกมก็ไม่แปลก
“คุณหนูของเราขอไปเข้าค่ายกับโรงเรียนน่ะ”
เบิ้มยื่นเอกสารให้คนรักอ่าน เตรียมใจส่วนหนึ่งว่าต้องโดนปฏิเสธแน่ เพราะคมสันแทบไม่ยอมให้เด็กเวรอยู่ห่างจากสายตาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่การเข้าค่ายครั้งนี้ไปถึงสามวัน
“คุณหนูอยากไปเหรอ”
“ใช่”
คมสันนวดขมับเล็กน้อย ไอ้เบิ้มเห็นแล้วก็รีบทำหน้าที่สามีที่ดี เข้าไปช่วยคลึงขมับให้คนรักเบาๆ
“ถึงฉันจะไม่ชอบให้ไปเข้าค่ายค้างคืน แต่คนที่ไม่อยากไปยิ่งกว่าก็คือตัวคุณหนูเองนั่นแหละ ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรา เขามักพูดอย่างนั้นเสมอ”
ฟังคำพูดของคมสันที่คล้ายจะน้อยใจเบิ้มก็แอบร้องเหวอ นี่คุณหนูงอนคมสันหนักขนาดจะหนีออกจากบ้าน เอ๊ย ไปเข้าค่ายประชดเลยเหรอ
“นายไม่ได้อ่านรายละเอียดใช่มั้ย” เห็นหน้าเหวอๆ ของเบิ้ม คมสันก็ส่งเอกสารคืน เบิ้มถึงเพิ่งได้อ่านเต็มสองตาชัดๆ ว่าการเข้าค่ายครั้งนี้คือการไปปลูกป่าชายเลนที่จังหวัดสมุทรปราการ มีการแวะสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารวมถึงทำกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่าง เป็นอะไรที่...ห่างไกลจากความเย่อหยิ่งของเด็กเวรแบบคนละขั้วโลก
เด็กชายกิจภัทรคนนั้นคิดจะทำความดีเพื่อสังคม ฝันไปเถอะ!!
ฉะนั้นนี่จึงเป็นการวัดใจ ให้พี่เลี้ยงไปตามง้อให้ทะเลาะกันเล่นๆ สักยกสองยกต่างหาก อืม...เด็กคนนั้นงอนไม่ยอมพูดด้วยจนถึงขีดจำกัดแล้วสินะ ถึงต้องหาเรื่องให้คมสันมาคุยก่อนด้วยวิธีเด็กๆ อย่างนี้
“แต่ก็ดี” พลันคมสันคลี่ยิ้มบาง เล่นเอาเบิ้มที่กำลังนวดขมับให้ถึงกับชะงักค้าง กลัวว่าเผลอไปกดโดนสวิตซ์อะไรของคนรักเข้ารึเปล่า “เอาปากกามา”
“จะเซ็นเหรอสัน”
ตอนแรกเบิ้มสนับสนุนเด็กเวร เพราะการไปเข้าค่ายคือการทำกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ได้ดี แต่พอรู้ว่าจุดประสงค์ของเด็กเวรคือการประชด ก็เริ่มไม่อยากจะสนับสนุนแล้ว ไม่นับเรื่องที่หากไปจริงเด็กเวรจะสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนและคุณครูมากแค่ไหน ต้องบ่นร้อน บ่นเหนื่อย บ่นนู่นนี่นั่นตลอดทางแน่ๆ คมสันเลี้ยงคุณหนูยิ่งกว่าถนอมแก้ว ไม่เคยให้ลำบากมาก่อน
“ใช่”
เอ่อ...บางครั้งเบิ้มก็ไม่ค่อยเข้าใจคมสันเลย
“เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
เด็กชายกิจภัทรกำลังนั่งตัวโคลงเคลงบนรถบัสคันหนึ่งซึ่งจุนักเรียนและคุณครูร่วมสามสิบคน
“โอ๊ย เวียนหัวไปหมดแล้ว เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย”
ตอนแรกก็นั่งหลับเพลินๆ ดีอยู่หรอก แต่พอออกต่างจังหวัด เริ่มเจอถนนลูกรัง รถบัสก็โยกไปเยกมา ทำให้เด็กผู้รักสบายอดบ่นออกมาไม่ได้ แม้จะเป็นการบ่นครั้งที่หนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบแปดครั้งก็ตาม
“ก็นายอยากมาเองไม่ใช่เรอะ” เพื่อนชั้นเดียวกันซึ่งนั่งถัดออกไปหลายแถวตะโกนเย้ย ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าเด็กคนนี้คือเด็กชายนายเอ ผู้โดนเด็กชายกิจภัทรเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษจนท้าต่อยนั่นเอง แม้วันนั้นจะแพ้ราบคาบ แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเด็กชายกิจภัทรยังเต็มเปี่ยมล้นเหลือ มีโอกาสเป็นต้องค่อนแคะเหน็บแนม แต่ใครบางคนดันหน้าหนาเกินไป ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา คิดว่าไม่ได้พูดถึงตัวเอง
ใครเลยจะกล้าว่าคนเลิศล้ำอย่างฉันได้ลงคอ!ใช่ ใครจะกล้าว่าร้ายเด็กชายกิจภัทรได้ นอกจากตัวเด็กชายเองที่นั่งกอดอกเชิดหน้าอย่างหงุดหงิด นึกโทษพี่เลี้ยงที่ยอมเซ็นใบอนุญาตง่ายๆ ตอนเบิ้มเอามาให้เด็กชายถึงกับเหวอ คมสันนะคมสัน รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบร้อน ไม่ชอบเหงื่อออก ไม่ชอบลำบาก แค่นั่งรถโคลงเคลงก็เล่นเอาปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัว ยังส่งมาทรมานกันลงคอ ใครจะอยากมาเข้าค่ายกันล่ะ ไอ้ที่ทำก็แค่การเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ เท่านั้นเอง ทำไมคมสันถึงไม่เข้าใจ!
เด็กชายกิจภัทรเชิดหน้าเย่อหยิ่งแม้ในใจจะบ่นไม่หยุด ความมั่นหน้ามั่นใจนั้นเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของเด็กชาย ซึ่งไม่ควรจะเกิดกับเด็กที่ครอบครัวแยกทาง แทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้คมสัน เพราะแม้ครอบครัวจะมีปัญหา แต่เด็กชายกิจภัทรไม่เคยขาดความอบอุ่นหรือรู้สึกขาดอะไรเลย
ออกจะล้นๆ ซะด้วยซ้ำ!
ยังไงก็ตาม แม้ครั้งนี้คมสันจะใช้ไม้เด็ดดัดนิสัย เด็กชายกิจภัทรก็คิดจะเอาคืนเหมือนกัน นี่เป็นวิวัฒนาการทางสมองที่ยากจะได้ยล
บังอาจเห็นงานสำคัญกว่าฉันเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ
จะพาตัวเองไปทรมานชนิดสันเห็นแล้วช็อกจนน้ำตาคลอเลยคอยดู!ขณะนั้น...คนโดนนินทากำลังเดตกับไอ้เบิ้ม
เมื่อปราศจากเด็กเวร ช่วงเย็นหลังเลิกงานก็กลายเป็นเวลาของเราสอง เบิ้มมีความสุขมาก ถ้ารู้ว่าส่งเด็กเวรออกไปแล้วจะสงบหู สุขใจขนาดนี้ คงไม่ลังเลตอนคมสันขอปากกาหรอก
“ไปดูหนังกันมั้ย หนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การ์ตูนดิสนีย์น่ะ”
“เอาสิ” คมสันตอบรับอย่างว่าง่าย แม้จะไม่ต้องรับเด็กเวร แต่พวกเขายังคงเลิกงานก่อนเวลาเหมือนเดิม เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน แต่โทษเถอะ นานครั้งจะได้อยู่สองต่อสอง ได้ใช้เวลาสวีตหวาน ขอไอ้เบิ้มกอบโกยบ้าง
พวกเขาแวะที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เป็นเป้าสายตา ทั้งเบิ้มและคมสันจึงถอดสูทตัวนอกออกเหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน คมสันยังคงสวมเนกไท แต่ไอ้เบิ้มรูดปมกระชากเนกไทออกด้วยท่วงท่าแสนเท่ แถมยังปลดกระดุมสามเม็ดบนสุดเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นๆ จากมาดเคร่งขรึมบอดี้การ์ด เพียงพริบตากลายเป็นไอ้หนุ่มแบดบอย
“จับมือมั้ย” ได้เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องแต่งตัวเนี้ยบกริบ เบิ้มก็แบมือรอเบื้องหน้าคมสันที่เริ่มปลดกระดุมแขนเสื้อเผยให้เห็นข้อมือผอมเซ็กซี่ขยี้ใจ
“เอาสิ” ขอแค่ไม่ใช่ต่อหน้าคุณหนู คมสันไม่เคยอายจะแสดงความรักแก่เบิ้ม
พวกเขาสองคนเดินจับมือไปชั้นโรงหนัง ไม่สนใจสายตาคนที่มองมา หลังถกเถียงกันก็ตกลงปลงใจดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง
เบิ้มอยากเห็นคนรักสะดุ้งโหยงเวลาผีโผล่
อืม...ก็ไม่รู้ว่าหวังมากไปหน่อยรึเปล่า จอมมารกับหนังผี ดูยังไงก็เข้ากั๊นเข้ากัน
“เหนื่อย! ร้อน! สกปรกชะมัด! ฉันไม่ทำแล้ว!”
“ไม่ได้นะกิจภัทร”
คุณครูยังสาวรีบเข้ามาปลอบเด็กที่ย่ำโคลนลงไปปลูกป่ากับเพื่อนๆ ไม่ทันไรก็เดินกลับ แถมยังโยนต้นกล้าทิ้งอีกต่างหาก ความเอาแต่ใจเด็กชายของกิจภัทรขึ้นชื่อเป็นที่หนึ่ง เธอเลยคอยเมียงๆ มองๆ อยู่นานแล้วว่าจะอาละวาดเมื่อไหร่
“ไม่ทำแล้ว” เด็กชายที่มักมีรอยยิ้มมั่นหน้าอยู่เสมอยืนยันเสียงแข็ง ดูหน้าแข้งเขาซะก่อน จมลงไปในโคลนตั้งเกือบครึ่ง! อึ๋ย ไม่อยากจะเดินต่อเลย อยากอาบน้ำ อยากล้างตัว อยากนอนเฉยๆ ให้คนมาบริการบีบนวด!
“งั้น...ครูโทรแจ้งผู้ปกครองให้มารับมั้ยจ๊ะ” คุณครูปาดเหงื่อ เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองทุกคน แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่ได้อภิสิทธิ์ ถูกตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉินพร้อมจะโทรออกได้ทุกเมื่อ
คนคนนั้นคือคมสัน
คนที่โทรมากำชับเธอตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าให้ช่วยจับตาดูเด็กชายกิจภัทร รวมถึงให้คำแนะนำหากเกิดเหตุแบบนี้ด้วย
แม้ตัวไม่อยู่ แต่จอมมารก็เป็นจอมมาร เพราะเพียงคุณครูถามคำนั้นออกมา เด็กชายกิจภัทรก็เลิกโวยวาย ถ้าอู้แล้วโดนส่งกลับทันที เขาก็อดเห็นคมสันมาง้อน่ะสิ!
“โทรเลย แต่ห้ามให้มารับนะ บอกว่าฉันลุยโคลนอยู่ ลำบากมาก!”
คุณครูมองหน้าเด็กชายแล้วจะยิ้มก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิง
“จ้ะ”
เบิ้มเดินออกจากห้องน้ำ ทันเห็นคมสันเพิ่งวางโทรศัพท์พอดี
“ยิ้มอะไร”
“หนังสนุกดีนะ” คนรักของเขาตอบเลี่ยง ในเมื่อคมสันไม่อยากพูด ไอ้เบิ้มก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะภาพติดตาเมื่อครู่ยังสยองอยู่ในใจ
ผลลัพธ์ของการพาจอมมารไปดูหนังผีน่ะเหรอ
คือรอยยิ้มมุมปากชวนขนแขนลุกเวลาผีออกหรือมีใครโดนฆ่าตาย ไอ้เบิ้มล่ะเกรงว่าศพต่อไปจะเป็นตัวเอง เลยตั้งปนิธานว่าเดตครั้งหน้าพาคนรักไปดูหนังโรแมนติกจะดีกว่า แม้เขาจะไม่ชอบดูหนังรักน้ำเน่าก็เถอะ แต่เพื่อให้คืนนี้นอนหลับฝันดี ไอ้เบิ้มต้องยอมแลก
“หิวรึยัง ไปไหนกันต่อดี”
“ไปร้านหนังสือ” คมสันตอบขณะดันแว่น “เปิดเทอมแล้วแต่คุณหนูไม่ตั้งใจเรียน ฉันต้องซื้อหนังสืออ่านเสริมมาทำสรุปให้คุณหนูหน่อย”
“เอาสิ”
หลักการครองเรือนที่ดี หากคมสันพูดถึงคุณหนู ไม่ว่ายังไงก็ห้ามขัด จงคล้อยตามและเสนอแนะ นั่นจึงเป็นการถนอมช่วงเวลาแสนล้ำค่า
โธ่ แต่นี่เป็นเดตของพวกเขานะ!
เอาเถอะ เบิ้มทำใจแล้ว คมสันหายใจเข้าออกเป็นคุณหนู เพื่ออนาคตของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ที่จะมีเด็กเวรนั่งเป็นประธานคนต่อไป เขาควรสนับสนุนให้เด็กชายกิจภัทรมีผลการเรียนที่ดี
พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลก เด็กเวรเหมือนจะไร้สมอง แต่ผลการเรียนทุกชั้นปีติดอันดับต้นๆ ตลอด ก็ไม่รู้ว่าคมสันสอนเก่ง ทำสรุปเข้าใจง่าย หรือเพราะเด็กชายกิจภัทรแม้จะขาดอีคิว แต่มีไอคิวดีกันแน่
“แวะร้านเสื้อหน่อยมั้ย ช่วงนี้คุณหนูของเราสูงขึ้นแล้วนะ”
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะระหว่างเดินหาร้านหนังสือ ไอ้เบิ้มก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าผู้ชายพอดี เด็กชายกิจภัทรอายุสิบสี่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะสิบห้า เป็นช่วงเด็กกำลังโต ส่วนสูงเพิ่มขึ้นพรวดพราดจนตอนนี้ถึงติ่งหูคมสันแล้ว
“ไว้ให้คุณหนูมาเลือกเองดีกว่า” คมสันเอ่ย แน่วแน่ไปร้านหนังสือ หลังช่วยกันเลือกแบบเรียนที่ต้องการ คมสันก็ลากเบิ้มมาหมวดวรรณกรรมเยาวชน “ช่วงนี้คุณหนูจ้องหน้าจอมากเกินไป ฉันกลัวเขาสายตาเสีย ซื้อหนังสืออ่านเล่นไปไว้ที่บ้านดีมั้ย”
“ดีสิ แต่ที่ถืออยู่นั่นนิยายอะไรน่ะ...รักใสๆ หัวใจสองดวง?”
“คุณหนูชอบอ่านแนวนี้น่ะ”
“ลองพวกสืบสวนสอบสวนวัดไหวพริบบ้างมั้ย” เบิ้มหยิบเชอร์ล็อกโฮล์มขึ้นมา
“เคยให้อ่านแล้ว คุณหนูหลับคาหนังสือหลังเปิดไปสามหน้า”
โอเค เบิ้มเชื่อคมสัน วางเชอร์ล็อกโฮล์มลง
“นายอ่านด้วยเหรอ”
“ไม่เชิงว่าชอบหรอก แต่อ่านฆ่าเวลาก็สนุกดี”
“งั้นเคยอ่านเรื่อง...รึเปล่า”
แล้วการเลือกหนังสือให้คุณหนูก็กลายเป็นการคุยกันถึงรสนิยมการอ่านของคมสันและไอ้เบิ้ม ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ชอบเหมือนกันพอดิบพอดีประหนึ่งกิ่งทองใบหยก ค่อยสมเป็นเดตของพวกเราหน่อย เฮ้อ!
“แหวะ อาหารไม่อร่อยเลย”
ตัดฉากจากบรรยากาศหวานแหววสีชมพู เป็นเด็กชายกิจภัทรและผองเพื่อนกับการรับประทานอาหารเย็นที่ค่ายซึ่งเป็นอาหารใส่ถาด ตอนแรกเด็กชายก็ตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะไม่เคยกินอาหารแบบถาดหลุมมาก่อน แต่คงจะคึกเกินไป กว่าจะเดินมานั่งแกงไก่ก็ผสมรวมกับถั่วเขียว รสชาติ...ไม่ขอบรรยายจะดีกว่า
“ขนมปังมั้ย”
เห็นเด็กชายกินไม่กี่คำก็วางช้อน คุณครูผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูแลด้านเครื่องดื่มและขนมให้เด็กๆ ก็หยิบขนมปังไส้แซลมอนรมควันของโปรดให้ เด็กหลายคนตาวาว ร้องขอจากคุณครูบ้าง หารู้ไม่ว่านั่นเป็น...
“เอ่อ...มีชิ้นเดียวน่ะ”
...บริการพิเศษที่คมสันฝากฝังต่างหาก!
คุณครูผู้ชายนึกลำบากใจ ก่อนจะหลอกล่อโดยการแจกขนมปังหมูหยองแทน
วินาทีนั้นเด็กชายกิจภัทรรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ
กัดขนมปังพลางเชิดหน้ากินท้าทายสายตาผองเพื่อนอย่างสบายอุรา!
“มาแล้ว”
“อะไรมาแล้ว”
เบิ้มชะงักขณะเก็บเงินทอน หลังเลือกหนังสือเสร็จพวกเขาก็แวะรับประทานอาหาร แน่นอนว่าไอ้เบิ้มอาสาจ่ายตามประสาหัวหน้าครอบครัว แม้ว่านับตั้งแต่เซ็นสัญญา แทบจะไม่ได้ควักเงินออกจากกระเป๋าตัวเองเลยก็ตาม
คมสันไม่ตอบ แต่ใช้สายตาเหลือบไปทางมุมเสาที่ถัดจากร้านอาหารออกไปหลายช่วงตัว
แล้วเบิ้มก็ได้เห็นกลุ่มคนที่ดูจะไม่ประสงค์ดีสักเท่าไหร่ อืม...เป็นบอดี้การ์ดแต่ดันรู้ตัวช้ากว่าพี่เลี้ยงอย่างคมสัน เขาควรจะอับอายมั้ยเนี่ย แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพวกเขากำลังเดตกัน แทบจะโดนจ้องมาตลอดทาง เบิ้มเลยตัดประสาทสัมผัส ไม่ได้ใช้สัญชาตญาณหยั่งรู้เหมือนเคย!
“คนรู้จักเหรอสัน”
“ไม่เชิง แต่ฉันรู้จักคนที่ส่งพวกนั้นมาน่ะ” คมสันเอ่ยขณะเช็ดปากอย่างสุภาพ “ก็คนที่โดนตำรวจจับคาบริษัทที่เคยเล่าไง คงเป็นหนึ่งในสาม ไม่ก็ร่วมมือกันจ้างมานั่นแหละ”
เบิ้มชักสังหรณ์ใจไม่ดี
“สัน...หรือที่ชวนมาเดตก็เพราะ...”
“เดตด้วยล่อเจ้าพวกนี้มาจัดการด้วย ไม่ดีหรือ”
เบิ้มจะตอบอะไรได้นอกจากดีครับดี คมสันผู้ฉลาดหลักแหลม เมื่อรู้ตัวว่าโดนเล็งจากกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีเพราะเด้งพนักงานตำแหน่งไม่ธรรมดาออกทีเดียวสามคนด้วยวิธีเอาตำรวจมาลากคอไปดำเนินคดี ไม่ผูกใจเจ็บก็แปลกแล้ว
“งั้นที่ให้คุณหนูไปเข้าค่าย...”
“กันโดนลูกหลงด้วยและไปเรียนรู้ชีวิตด้วย ไม่ดีหรือ”
เบิ้มได้แต่ตอบว่าดีครับดีอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มพับแขนเสื้อเตรียมลุย ชีวิตที่แสนสุขสงบในช่วงหลัง ทำให้ไอ้เบิ้มนึกอยากออกกำลังอยู่พอดี
นับดูแล้วน่าจะยกพวกกันมาสี่คน หึ เจอทีมมืออาชีพหกคนยังไม่คณามือเบิ้ม แล้วสี่คนนี้มีหรือจะเรียกเหงื่อให้เขาได้ อุตส่าห์โชว์ฝีมือต่อหน้าคนรัก เบิ้มก็อยากจะออกท่วงท่าเท่ๆ ให้คมสันประทับใจ
“อย่าต่อยหมัดเดียวสลบอีกล่ะ ฉันอยากเค้นคอเจ้าพวกนี้ก่อน”
“ครับผม”
ถึงที่พัก คุณครูก็เรียกเด็กๆ มารวมกันเพื่อทำกิจกรรมสันทนาการรวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ กิจภัทรจับพลัดจับพลูได้มาอยู่กลุ่มเดียวกับเด็กชายนายเอ ต้องออกไปพรีเซนต์ว่าวันนี้รู้สึกยังไงตอนปลูกป่าชายเลน
“ฉันจะยืนหล่อเฉยๆ นายพูดแล้วกัน”
“ไม่เอา”
“ให้ฉันพูดจะดีเหรอ ถ้าทั้งยืนหล่อด้วยพูดด้วย จะไม่มีใครเห็นนายในสายตาเลยนะ”
“พูดแบบนี้ไปต่อยกันเลยดีกว่า”
“ไม่ล่ะ คมสันสอนว่าอย่ารังแกคนอ่อนแอ”
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้กิจภัทร เราไปต่อยกัน!”
“เฮ้อ...คนอ่อนแอนี่ช่างเข้าใจยากจริงๆ”
“ขอโทษนะสัน แต่เจ้าพวกนี้อ่อนแอสุดๆ”
เบิ้มยิ้มเจื่อนให้คนรัก เพราะเพียงพริบตา สามในสี่ก็สลบเหมือดด้วยพลังหมัดไม่ธรรมดาของไอ้เบิ้ม ทั้งที่พยายามออมแรงแล้วเชียว แต่ใครจะคิดว่าแค่สะกิดนิดหน่อยจะกระเด็นตัวปลิวขนาดนี้ ดีนะที่พวกเขาล่อมาจัดการที่ลานจอดรถ ไม่อย่างนั้นคงโดนรุมคิดว่ากำลังถ่ายละครกันแล้ว
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เหลือหนึ่งคน และเป็นคนที่ฉันคุ้นหน้าพอดี” คมสันซึ่งปลีกตัวยืนห่างจากวงอาละวาดตั้งแต่ต้นจนจบก้าวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มผู้น่าสงสารซึ่งขาอ่อนจนลงไปคุกเข่ากับพื้นเพราะเห็นภาพที่น่าสยดสยองเกินไป
“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าใครส่งมา แต่อยากจะขอยืมโทรศัพท์หน่อยน่ะ” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าสงบนิ่ง ดูไม่มีพิษมีภัย เว้นแต่ไอ้เบิ้มทำหน้าเหี้ยมอยู่ข้างหลัง ทำให้ชายหนุ่มรีบประเคนส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทันที
คมสันกดเบอร์โทรออกไม่รอช้า
“สวัสดีครับ สบายดีรึเปล่า” คมสันเอ่ยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงแฝงความเคารพหลายส่วน “ทำไมถึงใช้เบอร์นี้โทรมาเหรอครับ...อืม ผมลำบากใจที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ลูกน้องของคุณขายคุณให้ผมแล้วล่ะ”
ชายผู้น่าสงสารส่ายหน้าถี่รัว เขาไม่ได้ขาย! แต่จะตะโกนออกไปก็ไม่ได้ เพราะไอ้เบิ้มยังคงยืนขู่อยู่หลังคมสัน
“เขาบอกว่าชื่อสมจิตร ทำงานเป็นมือเป็นเท้าให้คุณมาสี่ปีแล้ว เป็นข้อมูลการขายที่...น่าสนใจมากพอๆ กับคดีความฉ้อโกงเลยนะครับ”
สมจิตรผู้น่าสงสารแทบจะเอาหัวโขกกับพื้น รับรู้ชะตากรรมว่าต่อให้เขาจะภักดีต่อเจ้านายแค่ไหน แต่กลับไปงวดนี้คงไม่ได้รับความเชื่อถืออีกแล้ว เผลอๆ จะโดนเขี่ยทิ้งยกแผง! แต่เจ้านายเอ๋ย ตอนนี้ตัวเองก็ติดคดี ถ้าเขี่ยพวกเขาทิ้งอีก ก็แทบจะไม่มีมือเท้าไว้คอยใช้แล้วนะ
อย่าหลงกลเชียว!
สมจิตรได้แต่คิด ก่อนจะรีบยิ้มฝืนขณะรับโทรศัพท์คืนจากคมสัน สัญชาตญาณบอกว่าคนมาดดีตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่เห็น
“โชคดีนะ”
คมสันอวยพรอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปหาเบิ้มเตรียมกลับบ้าน ทิ้งสมจิตรนั่งท้อแท้สิ้นหวัง มองคนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่กำยำ ต่อยคนสลบในพริบตา กับอีกคนที่น้ำนิ่งไหลลึก พูดไม่กี่ประโยคก็พลิกสถานการณ์ในเสี้ยวนาที
เป็นการจับคู่ที่น่าสยดสยองมาก!
กลางดึกคืนนั้น เด็กชายกิจภัทรนอนไม่หลับ
เตียงไม่นุ่มเหมือนที่บ้าน ผ้าห่มก็ไม่มีคนมาคลุมให้! ทุกอย่างช่างไม่ได้ดังใจ ขนาดหมอนข้างไว้กอดนอนยังไม่มี! เด็กชายพลิกตัวไปมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะจ้องตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าไม่มีสัญญาณ
เด็กชายฮึดฮัดไม่พอใจ เอาผ้าห่มคลุมโปง
“ร้องไห้เหรอ”
เด็กชายนายเอที่เป็นรูมเมทกันเพราะจับสลากพาซวยเอานิ้วจิ้มก้อนกลมๆ บนเตียงจึกๆ
“เปล่า” เด็กชายกิจภัทรไม่ตอบ แต่เสียงขึ้นจมูกนิดๆ เด็กชายนายเอยักไหล่ ก่อนจะแอบออกไปส่งข้อความหาคมสันนอกห้องที่มีสัญญาณดี เพราะการจับสลากพาซวยนั้นเป็นการเตรียมการล่วงหน้าจากคุณครูฝ่ายสันทนาการ รวมถึงการซื้อใจเด็กด้วยการซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดแลกกับแชทไลน์ของคมสันเพื่อคอยรายงานความเคลื่อนไหวเด็กชายกิจภัทร
ส่งสายสืบใกล้ชิดเป็นคู่กัดเอะอะเป็นท้าต่อย ใครจะสงสัย
โดยเฉพาะกับเด็กสมองน้อยอย่างกิจภัทร ไม่แม้แต่จะสะกิดใจด้วยซ้ำ!
เด็กชาย...ที่ป่านนี้คงกำลังน้ำตานองงอนพี่เลี้ยง หารู้ไม่ว่าแม้จะยอมปล่อยให้คลาดสายตาก็ใช่ว่าจะยอมให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนดูแลสักหน่อย
ขนาดไอ้เบิ้มยังรู้ ถึงจะแอบตงิดในใจว่าคมสันใช้วิธีไหนในการสอดส่องพฤติกรรมก็ตาม
เอาน่า อย่าดูถูกจอมมารเชียว
--------
เราอยากลองแต่งวันสบายๆ ของคมสันกับพี่เบิ้มมาสักพักแล้วค่ะ เลยออกมาเป็นการส่งคุณหนูไปเข้าค่าย เปิดโอกาสให้พี่เบิ้มได้เดตสมใจ แม้จะไม่วายโดนใช้ให้จัดการคนก็ตาม
แต่ในขณะเดียวกัน แม้คมสันจะเริ่มปล่อยๆ ก็ไม่ลืมเตรียมความพร้อมให้คุณหนูไม่ต้องอกแตกตายไปก่อน เราชอบเขียนบรรยายคมสันในมุมเล่าผ่านคนอื่นมาก รู้สึกได้อารมณ์จอมมารดี เพราะถ้าให้คมสันเล่าเองคงไม่ขลังเท่า และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เรื่องนี้ลองเขียนแบบแปลกใหม่ บรรยายแบบไม่ใช่บุคคลที่หนึ่งเหมือนเรื่องอื่นๆ ทำเพราะรักจอมมารล้วนๆ ค่ะ
#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ตบบ่าสมจิตรผู้น่าสงสาร[urlชhttps://twitter.com/MajaYnaja]Twitter : MajaYnaja[/url]