อ่อยครั้งที่ #6 Part 2/2
@ชั้น 12 คอนโด S
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับผมและคุณพีทพากันเดินออกมาจนถึงหน้าห้อง 1209
โอ๊ยยยย ตื่นเต้นมากๆๆๆ คุณพีทเสียบคีย์การ์ดปลดล็อคก่อนจะผลักประตูเดินเข้าไปก่อนแล้วผายมือเชิญผม
ผมเดินเข้าไปภายในห้องก็ต้องแปลกใจ คือห้องเรียบร้อยมากกกกก(ดูดีกว่าห้องผม) เดินเข้าไปเจอโซฟาตัวใหญ่ มีทีวีจอแบนติดอยู่ข้างฝา ซ้ายมือเป็นเคาท์เตอร์ครัวและมีโต๊ะทานข้าวอยู่ใกล้ๆ ส่วนขวามือมีประตูอยู่ให้เดาว่าคงจะเป็นห้องนอน
“แม่บ้านเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวานเองครับ ปกติรกกว่านี้น่ะ” เหมือนคุณพีทจะเดาความคิดผมออกว่าห้องเรียบร้อยไม่เหมือนสภาพห้องรกๆแบบชายโสด(อย่างผม)อยู่ ผมเกาท้ายทอยแก้เก้อแล้วหัวเราะ ก่อนจะบอกคุณพีทว่าเดี๋ยวจะเอาเค้กไปใส่จานให้ แต่คนตัวสูงบอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวแทน เขาพูดว่าผมเป็นแขกจะให้แขกมาเอาเค้กใส่จานให้เจ้าบ้านได้ไง ผมเลยต้องยอมไปนั่ง
เค้กช็อคโกแลตหน้าตาน่าทานถูกวางลงบนโต๊ะ ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนซื้อผมหยิบซองเทียนวันเกิดมาด้วย ผมเดินไปเอาเทียนมาปักไว้รอบๆเค้ก ขอไฟแช็คมาจุดไฟเสร็จเรียบร้อย
“ต้องร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ด้วยรึเปล่าเนี่ย” คุณพีทถามยิ้มๆ
“เออ…ไม่ต้องหรอกมั้งครับ”
“’งี้ผมก็อธิษฐานไม่ได้สิ ปกติเขาต้องร้องเพลงอวยพรวันเกิด อธิษฐาน จากนั้นก็เป่าเทียน”
“ผมต้องเป็นคนร้องเหรอครับ?”
คุณพีทพยักหน้า
ผมเกาท้ายทอยอย่างอายๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยร้อง แต่ปกติเวลาร้องเพลงนี้ส่วนใหญ่เขาร้องกันกับเพื่อนตั้งหลายคนให้เจ้าของวันเกิด ไม่ใช่โซโล่ร้องเดี่ยวแบบนี้นี่หว่า
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เหลือบไปมองคุณพีทที่กำลังจ้องหน้าผมเหมือนกำลังรอฟัง
“ฮะ แฮปปี้เบิร์ด…เดย์ทูยู…” เสียงเพี้ยนๆของผมออกมาจากลำคอแห้งผาก ทั้งอายทั้งเขิน คือร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้คนที่ชอบสองต่อสองแบบนี้เป็นคุณคุณไม่เขินรึไงเล่า! งือออออ
เพลงอวยพรวันเกิดสองรอบจบไป คุณพีทยิ้มกว้างก่อนจะหลับตาลงอธิษฐาน จากนั้นก็เป่าเทียนให้ดับภายในลมหายใจเดียว
“มา กินเค้กกัน” ร่างสูงตัดแบ่งเค้กส่วนนึงใส่จานเล็กๆยื่นให้ผมก่อน จากนั้นถึงตัดแบ่งในส่วนของตัวเอง
“อร่อยมั้ยครับ?” ผมถามขึ้นหลังจากคุณพีทตักกินเค้กไปหนึ่งคำ
“อร่อยดีครับ” คุณพีทพยักหน้ายิ้มรับ ทำให้ผมโล่งใจมาก
“คือผมไม่รู้ว่าคุณพีทชอบเค้กแบบไหนเป็นพิเศษเลยเลือกแบบที่ผมชอบมา…ผมเลยกลัวว่าจะไม่ถูกใจน่ะครับ”
“เป๊กชอบอะไรผมก็ชอบหมดแหละ”
ผมเบิกตากว้างหันไปมองคนที่พูดอะไรแปลกๆออกมา
Rrrrrrrrrrrrrr
โทรศัพท์ของคุณพีทดังขึ้น ร่างสูงจึงลุกไปกดรับสาย ทิ้งให้ผมนั่งทบทวนประโยคเมื่อกี้เงียบๆคนเดียว
‘เป๊กชอบอะไรผมก็ชอบหมดแหละ’
แล้วถ้าเกิดผมชอบคุณพีท…คุณพีทจะชอบผมบ้างรึเปล่าครับ
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดที่เห็นแก่ตัวออกไป อยากจะโขกหัวตัวเองลงกับโต๊ะ คิดอะไรเข้าข้างตัวเองไปได้ ได้ใกล้คุณพีทแค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
คนตัวสูงเดินกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ เขาเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่และน้องสาวโทรมาอวยพรวันเกิด
“คุณพีทมีน้องสาวด้วยเหรอครับ?”
“อื้ม แต่ห่างกันหลายปีนะ ยังเรียนม.ปลายอยู่เลย”
ผมพยักหน้าก่อนจะตักเค้กเข้าไป วันนี้ได้รู้เรื่องของคุณพีทเพิ่มมาอีกตั้งหนึ่งอย่างแหนะ
“แล้วเป๊กมีพี่น้องรึเปล่าครับ?”
“มีพี่ชายหนึ่งคนครับ ห่างกันสองปี”
“อ๋อ…”
จากนั้นก็เหมือนเข้าสู่โหมดเดธแอร์ ไม่มีใครพูดอะไรต่อจนผมรู้สึกอึดอัดอยู่หน่อยๆ อยากจะหาเรื่องอะไรมาพูดทำลายความเงียบแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี จนเป็นคุณพีทที่เป็นคนพูดออกมา
“เป๊กชอบกินเค้กช็อคโกแลตใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“แล้วรู้มั้ยว่ากินเค้กช็อคโกแลตเวลาไหนจะอร่อยที่สุด” ผมนิ่งคิดไปสักพัก ก่อนจะตอบออกไป
“ไม่รู้ครับ”
คุณพีทไม่พูดอะไรต่อแต่ตักเค้กช็อคโกแลตในจานของตัวเองแล้วยื่นช้อนเข้ามาใกล้กับริมฝีปากของผม
“เวลามีคนป้อนครับ”
ผมนิ่งค้าง หัวใจที่เต้นปกติกลับเต้นแรงขึ้นมาทันที คุณพีทยกช้อนขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงให้ผมรับเค้กช็อคโกแลตเข้าไปในปาก ผมค่อยๆเผยอริมฝีปากก่อนที่ช้อนของคุณพีทจะส่งเค้กช็อคโกแลตเข้ามา
“อร่อยมั้ย?” เขาถาม
“อร่อยครับ…อร่อยมาก” เสียงของผมแผ่วลงราวกับกระซิบตอบ แต่อยู่ด้วยกันแค่สองแบบนี้ไม่มีทางที่คุณพีทจะไม่ได้ยิน
คนตรงหน้าเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาก่อนเราทั้งคู่จะลงมือทานเค้กกันจนหมด โดยผมอาสาล้างจานเองซึ่งคุณพีทก็ไม่ได้ขัดอะไร
คุณพีทเดินไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากล็อกเกอร์ด้านล่างทีวี
“ดูหนังกันมั้ยเป๊ก ผมเช่ามาแล้วยังไม่มีเวลาดูเลย ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้ว พรุ่งนี้ต้องเอาไปคืนแล้วด้วย”
โครม!
เสียงจานตกลงบนซิงค์ดังโครมเพราะผมปล่อยให้มันหล่นออกจากมือเนื่อจากตกใจ ดีนะเป็นจานพลาสติก T_T โอเอ็มจี! คุณพีทชวนดูหนัง! ครั้งนี้ไม่ได้ตีเนียนแกล้งทำเป็นเจอกันแบบที่โรงหนังครั้งแล้ว แต่คุณพีทออกจากชวนเองเลยด้วย!
“ระ…เรื่องอะไรเหรอครับ” เจ้าตัวไม่ตอบแต่เดินเข้ามาหาผมที่ล้างจานอยู่แล้วยื่นกล่องดีวีดีมาให้ดู
‘The Conjuring คนเรียกผี’
เอ่อ…
จะดีเหรอ…
“เห็นเค้ารีวิวว่าสนุกดี”
สนุกกับผีอ่ะดิครับ T_T
ถึงผมจะกลัว แต่ตอนนี้มีโอกาสได้อยู่กับคุณพีทต่ออีกหน่อย ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก
ผมพยักหน้า(ทำเหมือน)เห็นด้วย ก่อนคุณพีทจะเดินออกไปพร้อมบอกว่าจะไปรอที่โซฟา ผมล้างจานเสร็จก็เดินไปนั่งลงตรงริมสุดของโซฟาตัวยาว ส่วนคุณพีทนั่งอยู่ตรงกลาง ตรงโต๊ะมีพวกของกินเล่นและน้ำวางไว้เรียบร้อย
“ไปนั่งทำไมตั้งริมนู้นละครับ ขยับมานี่สิ เดี๋ยวสายตาก็เสียหรอก” เขาตบเบาะข้างๆตัวเบาๆเป็นเชิงเรียก ผมกระดึ๊บตัวเองไปอยู่ตรงกลางอีกนิดแต่ก็เว้นระยะห่างเอาไว้ ใกล้มากไม่ดีครับ ผมใจสั่น
แล้วก็ได้สั่นจริงๆเมื่อคุณพีทขยับเข้ามาชิดจนไหล่ของเราสองคนสัมผัสกัน เขาเพียงแค่ขยับเข้ามาเพื่อยื่นขนมให้เท่านั้น
“อร่อยนะ” ซองมันฝรั่งทอดยี่ห้อดังรสชาตใหม่ถูกยื่นมาตรงหน้า
“ให้ป้อนอีกมั้ย?” คุณพีทถามเชิงหยอกล้อ ผมนี่แทบลำสักน้ำลาย
“มะ…ไม่ต้องครับ แหะๆ เกรงใจ” ผมหยิบมาชิ้นนึงก่อนจะตอบกลับไป
ความจริงอยากจะบอกไปว่า เอาเลยยยยย ป้อนเลยยยย ก็กลัวจะดูแรดไป (Sisne: ถุยยย)
“ขอบคุณ…ครับ” เสียงของผมขาดช่วงเพราะเมื่อผมหันหน้าไปหาคุณพีทหวังจะขอบคุณ ใบหน้าของคนที่ผมแอบชอบดันอยู่ใกล้มากจนจมูกของเราสัมผัสกัน และผมรู้สึกว่ามันแย่ตรงที่ผมยังนิ่งอยู่อย่างนั้นแทนที่จะถอยตัวเองออกมา
ที่บอกว่าแย่…ก็เพราะว่าหัวใจผมมันเต้นแรงเกินไป
จนกลัวว่าคุณพีท…จะได้ยิน
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณพีทแตะนิ้วหัวแม่มือลงมาตรงมุมริมฝีปาก
“เศษขนมติดปากครับ ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่ เลยขยับมาดูใกล้ๆ” เขายิ้มให้ก่อนจะถอยออกไปกดรีโมตทีวี หนังก็เริ่มเล่นขึ้นมา
เรานั่งดูนั่งกันไปเงียบๆ แต่บอกตรงๆว่าหนังตรงหน้าไม่ได้เข้าหัวผมเลย เพราะมัวแต่คิดถึงสัมผัสตรงที่ริมฝีปากเมื่อครู่ นึกแล้วก็ทำเอาหัวใจผมเต้นแรงขึ้นไปอีก มันรู้สึกเขิน ตื่นเต้น แล้วก็งงหน่อยๆ
คือเมื่อกี้…ผมยังไม่ได้กินขนมเลยนะ…
[-พีท-]
ผมมีความสุขอีกแล้วครับ วันเกิดปีนี้มันดีจริงๆ
ตอนแรกแค่คิดยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน่อยให้อีกคนตกใจเล่น แต่พอเห็นริมฝีปากแดงๆนั่นมันทำให้ผมรู้สึก…อยากจูบ
ถ้าเกิดเป๊กไม่หันมาจนจมูกเราสัมผัสกัน ผมว่าผมคงหยุดตัวเองไม่ได้แน่ๆ
ไม่รู้จะหาอะไรมาอ้างให้เราได้อยู่ด้วยกันนานอีกหน่อยเลยชวนเขาดูหนัง ผมรู้นะว่าเขาไม่ชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่ แต่เขาก็ยอมตกลงดูเป็นเพื่อนผม กลัวเขาปฏิเสธแทบแย่ ถ้าเขาทำล่ะก็ผมหมดมุขที่จะยื้อเลยนะเนี่ย
คนข้างๆนั่งตัวเกร็งจนผมอดไม่ได้ที่จะแตะมือลงไปบนแผ่นหลังนั้นเบาๆก่อนจะบอกว่าให้เอนตัวลงมาพิงโซฟา เป๊กทำตามที่บอก ส่วนผมก็เอาแขนวางพาดบนโซฟาไว้คล้ายกับกอดคอเค้าอยู่กลายๆ
แล้วเราสองคนก็ดูหนังกันไปเงียบๆจนจบ เสร็จแล้วผมก็อาสาจะไปส่งเขาที่บ้าน แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร ผมเลยลงไปส่งที่ด้านล่าง แล้วเป๊กก็กลับออกไป
ผมเดินยิ้มกริ่มกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของเป๊กที่โซฟา เขาทำตกไว้แล้วก็เหมือนจะไม่รู้ตัว ส่วนผมก็ไม่ได้บอกอะไร เพราะผมตั้งใจไม่บอกต่างหาก
เอาเป็นว่าผมเก็บไว้ให้ก่อนละกัน
เจอกันอีกทีที่ห้องนี้นะครับเป๊ก : )
*******************************************************************************************
ขอโทษที่หายไปหลายวันค่ะ T_T มาต่อให้แล้ววว มีคำผิดท้วงได้เลยนะคะ ^^
เรื่องนี้คาดว่าจะจบตอนที่ 8 ค่ะ อย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องสั้น(ที่ลงผิดบอร์ดด้วย ฮือ)
ถ้าเกิดไม่มันมือจนเกินไปก็ไม่เกิน 10 ตอนแน่นอนค่ะ ขอเวลาไปตกลงกับตัวเองก่อน555
ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเมนต์และตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ^^