ขออภัยที่หายไปนานนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ แล้วก็คงเป็นแบบนี้ไปอีกสักพักนะคะ แจ้งไว้ล่วงหน้าละกันค่ะ
====================
สืบเสน่หา
ตอนที่ 10บรรยากาศกำลังเป็นสีชมพู ในตอนนั้นเองที่มีเสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทำให้คนทั้งคู่ที่อยู่ภายในสะดุ้ง ปวินต์รีบหันไปเก็บข้าวของต่อกลบเกลื่อน แม้ใบหน้าจะแดงเรื่อ ส่วนเจมส์แอบขัดใจนิดหน่อย เพราะเขาพอคุ้นเสียงนั้นอยู่บ้าง ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนพึมพำ “ท่าทางจะมีตัวกวนเพิ่มมาอีกแล้วสิเนี่ย คนกำลังสวีทอยู่แท้ ๆ”
“อะไรของนายน่ะ” ปวินต์ถามขึ้นทันที
ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เพื่อนผมคงจะแวะมาเยี่ยม เดี๋ยวผมไปเปิดประตูก่อนนะครับ”
ผู้กองหนุ่มพยักหน้ารับ หากยังไม่ทันได้ออกไป กลับมีคนโผล่เข้ามาเสียก่อนแล้ว
“พี่เจมส์อยู่ไหมคะ…อ้าว…ไหงพี่วินต์ก็อยู่ด้วยล่ะ งอนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ…เอ๊ะ หรือว่าจะ…” เสียงนั้นหัวเราะคิก หากคนในห้องที่มองมา กลับอึ้งไปเรียบร้อยแล้ว
“ยัยปราง มาได้ไงเนี่ย!” ปวินต์อุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นมากที่สุดโผล่มา ปรางทิพย์น้องสาวของเขา ควรจะอยู่บ้านในเวลานี้ แต่กลับออกมาหาเจมส์เสียได้ ดวงตาคมเริ่มดุทันควัน เมื่อเหลือบมองเจมส์อีกครั้ง
“นายกับน้องสาวฉัน ไปรู้จักสนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
เจมส์อึ้งไปแล้ว เขาก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าปรางทิพย์มาได้อย่างไร แต่ก็พอจะคาดเดาบางอย่างได้
“เอ้อ…ผมเปล่านะ อย่าพึ่งทำตาดุขนาดนั้นสิครับคุณวินต์”
ท่าทางนั้นทำให้ปรางทิพย์อดขำอีกรอบไม่ได้ “ปรางสงสัยว่าพี่เจมส์จะเป็นช้างเท้าหลัง อย่างที่พี่นัทบอกจริง ๆ เสียแล้วสิ”
“พี่นัท? ใครกันยัยปราง แล้วนี่มาค่ำ ๆ มืด ๆ บอกแม่แล้วหรือยัง”
“ว้า พี่วินต์เนี่ย ซีเรียสไปได้ พี่นัทเขาเป็นเพื่อนของพี่เจมส์ค่ะ เมื่อคืนเขายังมาหาพี่พร้อมกับพี่เจมส์เลยนะคะ แต่พี่น่ะ มัวแต่โกรธจนหน้ามืดตามัว เลยไม่เห็นน่ะสิ” เด็กสาวแลบลิ้นให้
ในตอนนั้น ก็มีเสียงทักขึ้นด้านหลังเด็กสาวอย่างดีใจ “อ้าวเจมส์ ก็ยังอยู่นี่หว่า ไหงโทรมาไม่ยอมรับเล่า”
ปวินต์มองคน ๆ นั้นอย่างไม่ไว้วางใจในทันที สายตาดุ ๆ นั้นทำให้คนถูกจ้องยิ้มแห้ง ๆ เมื่อคืนนั้นเขาเห็นปวินต์เพียงแว้บเดียว แต่ก็พอจะจำได้ ด้วยใบหน้าติดจะหวาน มีเค้าของน้องสาวอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ดูน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้น
“นายเป็นใครกัน” เสียงถามอย่างเย็นชากว่าเดิม
“อ๊ะ สวัสดีครับคุณพี่…เอ๊ย คุณวินต์ ผมเป็นเพื่อนสนิทของเจมส์ครับ” คนพูดเริ่มหลุดปากตีสนิท แต่ประโยคหลังที่รีบแก้ เพราะดวงตาดุ ๆ นั้นจ้องมองมาแทบจะกินเลือดกินเนื้อกัน
ปรางทิพย์มองผู้เป็นพี่สลับกับธนัท ก่อนหัวเราะเบา ๆ แต่ปวินต์กลับไม่ขำด้วย เขาตีสีหน้าเคร่งขรึมก่อนถามเด็กสาวกลับ
“เป็นเพื่อนของเจมส์…แล้วทำไมเราถึงได้มาพร้อมกับเขา แถมยังมาบ้านของผู้ชายคนเดียวอีกนะ”
“ก็…พี่เจมส์ไม่รับโทรศัพท์นี่คะ พวกเราก็เลยเป็นห่วง พี่นัทมาที่บ้านของเราตั้งแต่เช้าแล้ว หลังจากพี่ออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ เพราะติดต่อพี่เจมส์ไม่ได้ พวกเรารอพวกพี่ ๆ กลับมายันค่ำ พี่วินต์ก็ไม่กลับ โทรศัพท์ก็ทิ้งไว้บ้าน พี่เจมส์ก็หายไป พอติดต่อไม่ได้เลยทั้งคู่ ไม่รู้จะไปตามที่ไหน ก็เลยลองมาดูที่บ้านพี่เจมส์นี่แหละ อ้อ ปรางขออนุญาตแม่แล้วนะเจ้าคะ บอกว่าพี่นัทจะพาปรางมาหาพี่วินต์นั่นแหละ” เด็กสาวพูดต่อไป
ปวินต์ชะงัก ก่อนล้วงไปในกระเป๋า เขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านจริงเสียด้วย เพราะเรื่องยุ่ง ๆ หลายเรื่องที่ทำให้ต้องคิดหนัก ทำให้เขาลืมนู่นลืมนี่เสียจริง
“เฮ้อ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง พวกพี่ ๆ กลับแอบมาสวีทกันสองต่อสองเสียได้ รู้งี้ไม่มาหรอกเนอะพี่นัท”
“นั่นสินะ เราไปสวีทกันบ้างคงจะดีกว่า อย่าไปรบกวนเขาเลย” ธนัทว่ายิ้ม ๆ
“ปล่อยน้องสาวผมเลยนะคุณ ยัยปรางนี่ก็เหมือนกัน พึ่งรู้จักเขาเอง ทำไมยอมตามมาง่าย ๆ แบบนี้เล่า” ปวินต์ว่าเสียงดุ
“ก็พี่นัทเป็นเพื่อนสนิทของพี่เจมส์ แล้วพี่เจมส์ก็เป็นสุดที่รักของพี่วินต์ ดังนั้นก็น่าจะเชื่อถือได้สิเจ้าคะ”
“ใครเป็นสุดที่รักของใคร เดี๋ยวเถอะ ชักแก่แดดใหญ่แล้วนะเรา” คนว่าทำเสียงเข้ม
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แค่พี่เจมส์ทำให้โกรธนิดเดียว ใครไม่รู้งอนยาวเลย” เด็กสาวแกล้งรำพึงกับตัวเอง ยิ่งเห็นผู้เป็นพี่สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตั้งแต่โมโห ยันทำหน้าไม่ถูก แก้ตัวไม่ขึ้น คนแกล้งก็ยิ่งนึกสนุก
“เลิกแซวซะที นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุยเล่นกันนะ เดี๋ยวก็ช่วยเคนไม่ทันพอดี” ปวินต์ว่าเบี่ยงประเด็น
ปรางทิพย์มองมาอย่างงุนงง “ใครกันคะเคน?”
คนตอบพลั้งปากพูดต่อไป “ลูกชายพี่น่ะสิ”
“หา? พี่วินต์…แค่อยู่กันสองต่อสองไม่เท่าไหร่ แอบมีลูกชายกันแล้วเหรอเนี่ย”
“ไม่ขำนะปราง เด็กคนนั้นกำลังทรมาน แล้วพวกพี่…ก็กำลังจะหาทางช่วยอยู่”
“เคนเป็นอะไรน่ะเจมส์” ธนัทรีบถามทันทีด้วยความตกใจ
เจมส์มองทุกคนที่สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนถอนใจยาว “เอ้า จะเล่าทั้งหมดให้ฟังก็แล้วกัน จะได้เลิกถามแล้วช่วยกันคิดเสียที”
“ก็เล่าสักทีสิ อมพะนำอยู่ได้” ปวินต์พูดเสียงเครียด คนถูกดุยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพึมพำว่า “ขอโทษครับ ครั้งนี้ผมผิดไปแล้วจริง ๆ”
“รู้ว่าผิดก็รีบเล่าซะ นายน่ะ เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองนานเกินไปแล้วนะ ถ้านายจะแพ้เจ้าหมอผีนั่น ก็คงเป็นเพราะทำตัวเป็นใบ้นี่แหละรู้ไหม”
“งั้นจะเล่าทั้งหมดทีเดียวเลยก็แล้วกัน ทุกคนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับคดีที่ตายปริศนา ของคุณชิดชัย เลขานุการของชวรัตน์ นักการเมืองคนดังที่กำลังลงรับสมัครเลือกตั้งในตอนนี้แล้วสินะ”
ทั้งหมดพยักหน้ารับ เจมส์จึงเล่าต่อไป “คุณชิดชัย เป็นเพื่อนกับพ่อของผมมานานแล้ว และเคยเกื้อกูลครอบครัวของเรา ยามที่พวกเราลำบาก เขาจึงเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราด้วย และถึงตอนนี้ พ่อของผมจะตายไปแล้ว เขาก็ยังคงเป็นผู้มีพระคุณของเราอยู่ดี”
“วันหนึ่งคุณชิดชัยมาหาผมที่บ้าน แล้วเล่าเรื่องที่เขาและครอบครัวกำลังตกที่นั่งลำบาก พร้อมทั้งมาขอความช่วยเหลือ เขากำลังสงสัยว่า…ตัวเองกำลังโดนคุณไสยและอาจจะถูกฆ่าในอีกไม่นานนี้แน่ ๆ”
“ผมพยายามตรวจสอบและพบว่า มีคนบางคน กำลังใช้ไสยดำทำของไม่ดีใส่เขา แต่ผมไม่สามารถแก้ไขมันได้ การทำอาคมชั่วร้ายพวกนี้ มีเพียงคนทำเท่านั้นที่จะยกเลิกได้ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียง ผ่อนหนักเป็นเบา หาตัวตายตัวแทน ซึ่งในตอนนั้น ผมได้ทำตุ๊กตาตัวตายตัวแทนให้คุณชิดชัยไว้ เพื่อให้มันรับเคราะห์แทนเขา”
“แต่น่าเสียดาย ตุ๊กตาตัวนั้น…ไม่อาจต้านทานอาคมที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ และกว่าผมจะรู้ ก็สายเกินไปแล้ว เขาตายเสียก่อน ตามที่เป็นข่าว…อย่างน่าสยดสยองเป็นที่สุด” ความเศร้าสลดของชายหนุ่มฉายชัดในแววตาของเขา มันคือความเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยผู้มีพระคุณไว้ได้ เขาระบายลมหายใจออก ก่อนเล่าต่อไป
“แต่ก่อนจะถึงคืนวันนั้น คุณชิดชัยได้ฝากของอย่างหนึ่งไว้ให้ผม สิ่งนั้น…เป็นหลักประกัน เพื่อให้คนที่ฆ่าเขา ไม่กล้าทำร้ายครอบครัวของคุณชิดชัยอีก ทั้งยังทิ้งจดหมายขู่บอกเรื่องนี้เป็นนัยให้คนร้ายได้รับรู้ก่อนเขาจะสิ้นใจด้วย”
“เฮโรอีน 20 กิโลกรัมสินะ เขาคงขโมยมาจากใครบางคน ที่เป็นหัวหน้าขบวนการค้ายา ซึ่งเขาพยายามจะตีตัวออกห่างใช่ไหม” ปวินต์ขัดขึ้น
สองคนที่เหลืออึ้งไปแล้ว เพราะตำรวจได้จงใจปิดข่าว โดยการปิดบังข้อความนั้นไว้ จนคนภายนอกไม่ล่วงรู้ รู้เพียงเป็นคดีการตายอย่างปริศนาเท่านั้น
เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ครับ ผมรับฝากเฮโรอีนทั้งหมดนั่นไว้เอง แต่ผมได้ซ่อนไว้ ในที่ ๆ ผมเพียงคนเดียว จะนำมันออกมาได้…และนั่น…ทำให้พวกมัน พยายามทุกวิถีทาง ที่จะให้ผมนำของสิ่งนั้นไปคืนพวกมัน”
“ถ้างั้นนายก็เอามาให้ตำรวจเก็บไว้สิ เป็นหลักฐานของกลาง เท่านี้ก็หมดเรื่อง”
เจมส์ส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกครับ จนกว่าผมจะหาหลักฐานมัดตัวคนทำผิดได้ ผมถึงจะยอมส่งให้ ถึงเป็นคุณก็เถอะ คิดว่าอยู่ดี ๆ มีเฮโรอีนตรงหน้า โดยมีผมเป็นเจ้าของ คุณจะจับใครเข้าคุกกัน”
ปวินต์อึ้งไป “แล้วคุณชิดชัยเขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ให้หรอกเหรอ”
“เขาตายเสียก่อนจะทำได้ครับ น่าเสียดาย”
“แล้วเคนคือใครกันคะ” ปรางทิพย์อดถามขึ้นไม่ได้ เพราะปวินต์บอกว่าเป็นลูก เธอเลยรู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษ
“เคนเป็นลูกชายของผม” เจมส์ตอบช้าชัด
“อ๊ะ…” คนฟังแอบยิ้มเผล่ ก่อนรีบทำหน้านิ่งอย่างเดิมแทบจะในทันที ที่สายตาดุ ๆ ของผู้เป็นพี่กวาดมองมา
“เขาเป็นกุมารทองที่เจมส์เลี้ยงไว้ และเด็กคนนั้น…อยากให้ฉันเป็นพ่ออีกคน ก็เท่านั้น” ปวินต์ตัดบทเล่าเสียเอง
“แหม เด็กคนนั้นท่าจะน่ารัก รู้จักจับคู่ให้พ่อเสียด้วย” ปรางทิพย์พึมพำอย่างเอ็นดู
“แน่นอนครับ ลูกชายพี่น่ะ น่ารักมาก ๆ ถ้าน้องปรางได้เจอ คงจะต้องชอบเขา…เขาเป็นเด็กดีมากจริง ๆ แต่ว่า…” สีหน้าของชายหนุ่มเศร้าลงถนัดตา เมื่อพูดต่อไปว่า “เจ้าหมอผีคนนั้น…คนที่ฆ่าคุณชิดชัย…หลอกผมให้คิดว่าคุณวินต์มีอันตราย จนผมตัดสินใจไปเฝ้าที่หน้าบ้านเมื่อคืน…”
คนที่เหลือพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะอยู่ในเหตุการณ์แล้วในคืนก่อน
“ตอนนั้น ที่ผมไม่ได้อยู่บ้าน เคนเป็นคนเฝ้าบ้านเอาไว้ กับท่านตาเจ้าที่ แต่เจ้าหมอผีนั่น ส่งผีตายโหงที่ควบคุมบงการเอาไว้มาจับเจ้าเคนไป แถมยังทำร้ายท่านตาเจ้าที่เสียสาหัส”
“แล้วเคนเป็นยังไงบ้างแล้วคะ นี่จะโดนพวกนั้นทรมานเอาไหมเนี่ย ปรางว่าพวกนั้น…ต้องคิดว่าเคนรู้ที่ซ่อนของนั่นด้วยแน่ ๆ ค่ะ”
คำพูดของเธอทำเอาเจมส์อึ้งไป นั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวเช่นกัน…ใช่ เคนรู้ ว่าเขาซ่อนของไว้ที่ไหน แต่มีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะนำมันออกมาได้ ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าเคน จะยอมบอกเจ้าหมอผีแต่โดยดีอยู่ดี เด็กคนนั้น ต้องพยายามรักษาความลับนี้ไว้สุดชีวิตแน่ ๆ ยิ่งคิดทำให้เขายิ่งกังวล ไหนจะอยู่ห่างจากร่างตุ๊กตาที่ใช้สิงและเพิ่มพลังงานมานานพอสมควรแล้วอีกด้วย
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ และปัญหาตอนนี้ก็คือ…”
“เราไม่รู้ว่าเจ้าหมอผีนั่นอยู่ไหน และขังเคนไว้ที่ไหนสินะ” ปวินต์ต่อให้
เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ครับ”
“พวกมันไม่รีบติดต่อมา แสดงว่ามันไม่ได้กะใช้เคนเป็นเครื่องมือต่อรอง…” ปวินต์พึมพำต่อไป “แต่มันคงคิดว่า เคนจะสามารถเป็นกำลังให้นายได้ จึงจับตัวไว้เพื่อตัดกำลังเสียมากกว่า เพราะถ้าวิญญาณของเคนแตกสลายไป พวกนั้นจะไม่มีอะไรมาต่อรองอีกอยู่ดี”
“นั่นก็หมายความว่า…”
คนพูดทิ้งระยะ จนอีกฝ่ายมองมาอย่างสงสัย
“ฉัน…ยังคงมีความสำคัญสำหรับพวกมัน มากกว่าเคน”
เจมส์มองหน้าปวินต์ในทันที “หวังว่าคุณคงไม่ได้คิดจะ…”
“ใช่ ฉันคิด” ผู้กองหนุ่มตัดบท
“ผมไม่ยอมนะครับ ไม่ยอมเด็ดขาด!” เจมส์พูดขัดเสียงแข็ง
ปรางทิพย์กับธนัทมองทั้งคู่แล้วสบตากันอย่างไม่เข้าใจว่าเจมส์กับปวินต์คุยอะไรกัน แต่สีหน้าจริงจังของทั้งสอง ดูคล้าย ๆ จะเปิดศึกขึ้นเสียแล้ว
“ความคิดของคุณมันอันตรายเกินไป ผมยอมรับไม่ได้!”
“ถ้างั้นนายจะไปหาเคนได้ที่ไหน ขืนปล่อยให้เวลาผ่านไปมากกว่านี้ แล้วช่วยไม่ทัน ฉันต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ให้ฉันลองเถอะน่า”
“แล้วคุณคิดว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปแทนเจ้าเคน แล้วผมจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตด้วยเหรอไงครับ” เจมส์ย้อนบ้าง อย่างไม่ยินยอมเช่นกัน เขาพูดต่อไปว่า “ไม่ว่าจะเคนหรือคุณ ก็สำคัญทั้งนั้น ถ้าต้องมีเหยื่อล่อ ผมออกไปเองจะดีกว่า”
“นายเป็นไพ่ตายสำหรับทุกคนนะ เป็นหลักประกันชีวิตด้วย ถ้าขืนทะเล่อทะล่าออกไป แล้วสุดท้ายพวกมันได้ของไปล่ะก็ ทุกคนก็โดนฆ่าปิดปากเหมือนกันนั่นแหละ” ปวินต์ยังไม่ยอมแพ้ “แต่ถ้าฉันออกไป แล้วเกิดอะไรขึ้น นายก็ยังไปช่วยฉันได้..ไม่ใช่หรือ ฉันไม่คิดว่าเจ้าหมอผีนั่น จะเก่งไปกว่านายหรอกนะ คนที่ดีแต่คิดทำเรื่องสกปรก ไม่มีวันจะพัฒนาตัวเองไปได้ดีแน่ ๆ จะยังไง ฉันก็คิดว่า นายจะต้องเก่งกว่ามัน”
“แต่ว่ามันเสี่ยงเกินไปนะครับ”