HomeMate
Casting: Jun x Pae
Writer: Kajidrid
Home*Mate [13]
ถ้าผมรู้ว่าเจ้าเหล่าต้นไม้ที่มาหนาแน่นในห้องผม 2 วัน 2 คืน มีมูลค่า 5 หลักปลายๆ แล้วล่ะก็ ผมจะดูแลมันให้ดีกว่านี้ มีส่วนร่วมมากกว่านี้จริงๆ ครับ ให้ตายเถอะ ไอ้คนขายก็ไม่บอกกันเสียบ้าง
เย็นวันอังคารหนึ่งของปี ผมขอหัวหน้ากลับก่อนเวลาเพื่อไปร่วมเหตุการณ์ซื้อขายต้นไม้ที่ผมไม่รู้แม้แต่ชื่อของพวกมัน
สาเหตุที่สละตนขนาดนี้ก็คือตัวเลขเกือบ 6 หลักที่จะได้จากการขายต้นไม้นี่แหละครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันจะราคาสูงขนาดนี้
เย็นวันนี้ ผมทิ้งยาดาไว้กับกองงานของเธอครับ ไม่รู้สึกผิดบาปอะไรอยู่แล้วเพราะนั่นมันงานยาดา ไม่ใช่งานผม ผมเคลียร์งานของผมหมดแล้ว บ่าย 4 โมงเท่านั้นที่ผมเด้งตัวออกจากออฟฟิศ เสียงสะท้อนจากการสนทนากับนายค้ำจุนเมื่อคืนนี้ยังดังก้องไปมาในห้วงความคิด
ขอบคุณคุณอีกทีนะ บลา บลา บลา เกือบแสนที่จะได้ ผมจะเอาไป บลา บลา บลา คงรู้ใช่มั้ยครับว่าข้อความไหนที่ฝังหัวผมแน่นและนานข้ามคืนขนาดนี้
เมื่อเช้า ผมถามย้ำเขาใหม่ ก็ยังเป็นตัวเลขเดิมครับ ผมก็เลยขออยู่ในเหตุการณ์ด้วย แม้เขาจะบอกว่ามีนายต้นสนเป็นพยานการซื้อขายอยู่เป็นประจำแล้วก็ตาม
เงินเกือบแสน มันต้องขอเห็นกับตากันหน่อยครับว่าไอ้ต้นไม้ใบเขียวพวกนั้นเสกสรรค์ให้ได้จริงๆ
ผมประดิษฐ์สถานการณ์ที่อาจจะได้เห็นขึ้นในหัวระหว่างการเดินทาง แม้การเดินทางจะไม่ได้ร้างผู้คนแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความจดจ่อของตัวเองครับ แน่นอนว่าจดจ่อกับเรื่องเงินนี่แหละ ไม่นานเกินความคิดจะวิ่งไปไกลถึงหลักล้าน ผมก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ทางออกที่ 2 ของสถานีรถไฟใต้ดินกำแพงเพชร ระยะทางราว 200 เมตรข้างหน้า มีเงินเกือบแสน เอ้ย! นายค้ำจุนรออยู่ครับ
ผมโทรหาเขา บอกว่ามาถึงแล้ว เขาก็บอกให้รอที่สถานีรถไฟใต้ดินครับ เพราะเขานัดรับลูกค้าจุดนี้เหมือนกัน
หันรีหันขวางอยู่ไม่นานก็มีเพื่อนร่วมรอครับ เป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พอบังเอิญสบตา ผู้ชายคนนี้ก็ยิ้มให้ ผมเลยพยักหน้าพลางส่งยิ้มกลับ
“คุณ” เสียงนายค้ำจุนไม่ผิดหรอกครับ นอนคุยกันเมื่อคืนอย่างยาวนาน หูผมไม่มีทางพลาดแน่นอน
“อื้อ คุณ” ผมทักกลับ หันหาอย่างมั่นอกมั่นใจ เมื่อสบตากันก็ยิ้มให้อย่างสดใส หุหุหุ ขอกูดูเงินเกือบแสนหน่อยเถอะวะ
“แป๊บนะ โทรหาลูกค้าก่อน” เขาบอกพลางกดโทรศัพท์ เมื่อแนบหูรอสาย เสียงเรียกเข้าของชายแปลกหน้าก็ดังขึ้น พวกเรา 3 คนสบตากันเพื่อปรึกษาหารือ ชายคนนั้นรับสาย ส่งเสียงทักว่าสวัสดีครับ นายค้ำจุนตัดสายและทำความรู้จักกับชายคนนั้นทันที
“คุณปาล์ม ใช่มั้ยครับ”
“ครับ คุณค้ำจุนใช่มั้ย?”
“ครับ
อ่อ...นี่เพื่อนผมครับ เปล”
“อ่อครับ ยินดีที่รู้จักทั้งคู่เลย ไปร้านกันเลยมั้ยครับ?”
“ครับ” ทั้งหมดทั้งมวลการสนทนาที่เกิดขึ้นผมไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ แต่ก็เดินตามพวกเขาไปตามกลิ่นเงินตรา
คุณๆ ทั้งหลายครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
นายค้ำจุนได้รับเงินค่าต้นไม้ทั้งหลายเหล่านั้น เป็นจำนวน 8x,xxx บาท นี่เขาลดให้ลูกค้าหน้าตาเกือบดีเท่าผมไปด้วยนะครับเนี่ย
อะไรมันจะหาเงินได้เยอะในเวลารวดเร็วแบบนี้วะเนี่ย
คุณลูกค้าชื่อปาล์มยังไม่จากไปครับ เขามาตรวจของก่อน เช็คนั่นนี่ว่าตรงตามที่ตกลงซื้อขายกันไว้ ระหว่างนี้เราก็รอครับ รอให้รถของคุณลูกค้ามาโกยต้นไม้พวกนี้ไป
ระหว่างที่รอกันนี้ นายค้ำจุนก็จัดร้านเขาไปด้วย เนื่องจากนายต้นสนมาถึงพร้อมกับไม้เล็กไม้น้อยที่ราคาไม่สมขนาดสักพักนึงแล้ว
พวกเขาพูดคุยเรื่องต้นไม้กันต่อ มีการอัพเดทเทรนด์ปีหน้า ว่าตลาดต้นไม้ไปบูมที่สายพันธุ์ไหน ทำนองนี้แหละครับ ซึ่งแน่นอนว่านายค้ำจุนไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงเรื่องข้อมูลหลุดเข้าหูผมแล้วจะทำให้เทรนด์เปลี่ยน เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรที่พวกเขาพูดกันเลยครับ สักพันธุ์ก็นึกภาพไม่ออก
“แล้วรอบต่อไป ลงตัวไหนครับ” ลูกค้ากระเป๋าหนักถามพ่อค้าทั้ง 2 แต่ก็ไม่ลืมเผื่อแผ่รอยยิ้มเป็นกันเองมาให้ผม
“ก็ไม้ไทยเหมือนเดิมแหละครับ จะเน้นพุ่มเตี้ยแล้วก็พวกไม้มงคล แต่ก็กำลังดูๆ พวกไม้โขดอยู่ ตลาดจัดสวนโตจริงๆ คุณยังมองออก และดั้นด้นหาแหล่งจนเจอเราเลย” พ่อค้านามว่าค้ำจุนตอบครับ คนไม่รู้เรื่องอย่างผมยังสัมผัสได้ถึงชั้นเชิงไอ้หมอนี่
“อื้อ โตจริงๆ ครับ ผมยังรับทุกงานไม่ไหวเลย
ถ้าไงก็อัพเดทกันด้วยนะครับ เพจไม่ค่อยเคลื่อนไหวเท่าไหร่เลย ดีว่าคุณต้นสนรับสาย ไม่งั้นคงไม่ได้เจอสวนคุณค้ำจุน”
“ครับ จริงๆ เรียกจุนกับต้น ก็ได้ ผมเองก็ไม่ค่อยชินเวลาใครเรียกชื่อเล่นเต็มยศ มันดูไม่เรียกเล่นๆ เท่าไหร่” นี่น่ะหรอเรื่องที่นายค้ำจุนเอาไว้ตกลูกค้า มุกห่าอะไรวะไม่เห็นตลก หรือจะโชว์ความถ่อมตัว คนไทยชื่อเล่น 2 พยางค์มีตั้งเยอะไป
“อ่อ ครับ
ผมชื่อปาล์มเฉยๆ พอมาเริ่มรับงานออกแบบสวน คนก็คิดว่าชื่อต้นปาล์ม นี่ถ้าผมเป็นนักค้าน้ำมัน ก็คงได้ชื่อเล่นว่าน้ำมันปาล์ม”
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ นี่ไม่ใช่เสียงหัวเราะในหัวผมนะครับ พวกเขาเข้าใจมุกกันและกันแล้วก็พากันขำครับ แหม พอมีกลิ่นเงินเกือบแสนโอบล้อมบรรยากาศ อะไรๆ ก็ดูดีไปหมดแหละครับ
“อื้อ น่าจะคันสุดท้ายแล้วครับ” เมื่อคนงานของนายต้นน้ำมันปาล์ม เอ้ย! นายปาล์มเฉยๆ เดินมาส่งสัญญาณว่าการขนย้ายแล้วเสร็จ ลูกค้าเงินหนาคนนี้ก็เอ่ยลา พวกเขาแลกเบอร์กันแล้วเรียบร้อย ผูกมิตรกันอย่างแจ่มจิตแจ่มใจเบ็ดเสร็จ ก็แยกจากกันเสียทีครับ ผมล่ะยืนเกร็งอยู่ตั้งนาน กลัวโดยวัดภูมิปัญญาไปด้วย เห็นหน้าตาฉลาดแบบนี้ จริงๆ เป็นคนเข้าใจอะไรยากครับ
“อ่า คุณ” จู่ๆ นายค้ำจุนมองเห็นหัวกันอีกครั้ง เขาแช่สายตาที่หน้าผมแล้วก็เอ่ยประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินออกมาครับ
“ยืนนิ่งทำไม ช่วยกันจัดร้านสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยผมขายของคืนนี้ด้วยแล้วกัน เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”
“หูฉลามหรอ?” ผมถาม ส่งสายตาเป็นประกายวิบวับ
“นี่คุณ อยู่กันมาตั้งนาน คิดว่าเสียเงินซื้ออวัยวะชิ้นเล็กๆ ของฉลามมากินด้วยราคาแสนแพงหรอ บ้าบอไปนะเป” แม่งยักคิ้วส่งท้าย ผมแกล้งเชิดหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็เจอใบหน้ายิ้มสายตาเย้าของนายต้นสนรออยู่ ก็เลยต้องชักหน้ากลับมาหานายค้ำจุนเหมือนเดิม
“ก็ได้ จัดอะไรยังไงมั่งอ่ะ”
“ยิมโน (*) นึกออกมั้ยหน้าตายังไง?”
“ไม่”
“แบบนี้” เขายกกระถางน้อยๆ มาชูให้เห็นในระดับสายตา ... เจ้านี่คือยิมโน รากศัพท์คืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันครับ สะกดยังไงก็ไม่กล้าประมวลเองในหัว เอาไว้ค่อยเปิดหาในเน็ตก็แล้วกัน ผมจ้องมองไอ้ตัวมีหนามแหลมบนกลีบอย่างตั้งใจ นายค้ำจุนคงสัมผัสได้ถึงภาวะพร้อมเรียนรู้ ถึงได้อธิบายต่อ
“เอากระบะที่มีไอ้พวกนี้ ไว้ตรงนั้น” มือไม้เขาช่วยกันทำงานเสียจนผมมองตามไม่ทันเลยครับ
“แยกออกมั้ยคุณ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีป้ายเขียนบอกหรอ”
“มีสิ” เขาตอบหน้าตาย ส่วนผมนั้นเริ่มอยากฆ่าเขาให้ตายครับ พอรู้ว่ามีป้ายกำกับในแต่ละกระบะที่นายต้นสนยกลงจากรถเข็นแล้ว ผมก็เบาใจ และเดินไปสอดส่องสังเกตการณ์ เพื่อให้การมาอยู่ในที่แห่งนี้ วันนี้ เวลานี้ มีประโยชน์สูงสุด ผมไม่ได้หวังอะไรกับเงินเกือบแสนที่เขาเพิ่งได้รับหรอกนะครับ
“ยิมโม...ยิมโล....ยิมอะไรวะ ลืม” ผมพึมพำอยู่คนเดียว ระหว่างเปิดแฟลชจากมือถือเพื่อส่องหาชื่อไอ้ต้นไม้ที่เขาสั่งให้ผมช่วยยกมันไปโชว์ตัว
ไหนว่าเขียนกำกับไว้ไง ไม่เห็นเลย ย.ยักษ์สักตัวก็ไม่มี เพราะแม่งเขียนด้วยภาษาอังกฤษ
“อยู่นี่เป” นายต้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมยื่นมือช่วยเหลือ ผมหันไปหาพร้อมส่งสายตายินดียิ่งไปให้ นายคนนี้ก็ส่งยิ้มกว้างกลับมาเช่นเดิม คงดีใจมากสิที่มีคนช่วยเพิ่ม ก่อนหน้านี้ที่เขาต้องขายของกับเพื่อนที่หน้าเป็นตูดและกวนตีนเป็นที่สุด เขาคงเหนื่อยน่าดู ต้นสนที่น่าสงสาร
“เฮ้ย ขอบใจนะ” ผมยิ้มอย่างจริงจัง ก้มมองชื่อที่นายค้ำจุนบอกว่าเขียนกำกับไว้แล้ว ….Gymnocalycium…. อืม ผมไม่คิดว่าตัวเองโง่หรอกนะครับที่หาพวกมันไม่เจอแม้จะมีป้ายกำกับไว้แล้วก็ตาม ไอ้ห่า ชื่อจะเขียนยากอ่านยากไปไหนวะเนี่ย
“เฮ้ยต้น แล้วพวกนี้มันก็ยิมโนเหมือนกันหมดหรอ”
“อื้อ พันธุ์หลักเดียวกันหมดเลย”
“หรอ เฮ้ยแต่มัน...”
“กระบะนั้นเอาออกมาวางหน้าร้านได้เลยเป แป๊บนะ ครับ...อ๋อๆๆ ต้นที่ฝากเปลี่ยนกระถางให้ใช่มั้ย เอามา เอามาสิครับ จะลืมได้ไง แล้ววันนี้ไม่เอาตัวอื่นด้วยหรอ หยดน้ำญี่ปุ่นมาแล้วนะ ดูมั้ยครับ” แล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่เป็นชื่อสายพันธุ์พวกแคคตัสพวกนี้ ซึ่งผมยิ่งฟังก็ยิ่งงงครับ
ผมมองยิมโนที่สีและรูปลักษณ์ไม่ค่อยเหมือนกันแต่ก็คล้ายกันอย่างไม่มั่นใจสักเท่าไหร จากนั้นก็ยกกระบะยิมโนมาตั้งไว้ที่โต๊ะเหล็กหน้าร้าน
“อุ้ย รอบนี้มาแล้วหรอคะ” น่าจะเป็นลูกค้าเดียวกันกับที่นายต้นสนหันไปรับหน้าเมื่อกี้ล่ะมั้ง เพราะก็ดูไม่มีลูกค้าอื้ออึงหน้าร้านเท่าไหร่ และเธอก็เป็นคนเดียวที่เป็นผู้หญิง นอกนั้นก็ผู้ชายแก่ๆ
“ครับ” พ่อค้าชื่อว่าค้ำจุนเป็นคนตอบ เขาเดินมายืนเบียดให้ผมพ้นห่างกระบะยิมโนครับ แหม บอกดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องดีดกันทันทีแบบนี้หรอกน่า แต่ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ ยืนฟังเขาคุยกับลูกค้าแม้ว่าเขาจะไม่ได้เชิญชวน ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะสนใจใคร่รู้ข้อมูลต้นไม้นะครับ คือผมไม่รู้จะทำอะไรต่อ เพราะเป็นผู้แปลกปลอมที่สุดในย่านนี้ ผมผู้ไม่อินกับต้นไม้คนนี้ ยืนตรงไหนก็เปล่าประโยชน์ทั้งนั้นแหละ
“แล้วที่ถามไว้ เอามามั้ยคะ?”
“เรดไทเกอร์หรอ
เอามาแล้ว นี่ไง” เออ ก็อยู่ตรงหน้าทำไมมองไม่เห็นวะ อ่อ...ไม่ได้มอง ผมแซวเธอในใจครับ ก็เธอคนนี้ถามหาต้นไม้ที่เคยถามไว้ก่อนแล้ว แต่สายตากลับมองแต่หน้าพ่อค้าซะได้ ผมรู้ว่านายค้ำจุนหน้าตาดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะล่อสายตาผู้หญิงขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดถึงต้นไม้อย่างจดจ่อ .... ขนาดผมเป็นผู้ชาย ผมยังคิดว่าเขามีเสน่ห์ที่สุดแม้จะยืนประชันความหล่อกับยิมโนก็ตาม
“อ๋ออ... จริงด้วย ราคาเท่าไหร่คะ” เธอชี้เป้าหมาย แววตาดูมีความสุขเชียวครับ
“1,800 ครับ” และความสุขก็หายไปทันทีที่หญิงสาวคนนี้ปิดตาและถอนหายใจ แสดงว่าแม่งแพงมากแน่ๆ ลูกค้าจะด่าพ่อค้ามั้ยวะ ราคานี่กินฟูจิได้มื้อนึงเลย
“ต้นยังเล็กอยู่เลย ลดให้หน่อยไม่ได้หรอคะ”
“ลดให้ 50 บาท” ไอ้ห่านี่อยากขายของแน่หรอวะ? ผมล่ะสงสัย แต่ที่สงสัยกว่านั้นก็คือคุณลูกค้านี่แหละครับ
“โหยยยย
อยากได้จริงๆ อ่ะค่ะ มาถามหลายรอบแล้วก็น่าจะจำได้”
“ครับ จำได้
อยากได้ก็ซื้อเลยสิครับ
หรือสีด่างยังไม่สวยพอ
งั้นก็ต้องดูร้านดังแล้วแหละครับ ร้านนี้ก็มีเท่านี้” นี่เขาโกรธลูกค้าหรอวะเนี่ย? ไอ้บ้านี่เป็นพ่อค้าได้ยังไงวะ?
“ฮือออ” ผู้หญิงคนนี้คร่ำครวญครับ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยว่าจะยื้ออารมณ์กันทำไม อยากได้ก็ซื้อสิ ไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อ ต่อราคาแล้วยังซื้อไม่ลงก็เชิดใส่พ่อค้าไปแม่งเลย ทำสิครับ ทำเลย!
“โอเค พันเจ็ดถ้วนก็ไม่ได้หรอคะ”
“พันแปดไปเลยไม่ได้หรอ ถ้าคิดว่าห้าสิบบาทมันไม่ได้มากมูลค่าขนาดนั้น”
“โหยยยยย พ่อค้าอ่ะ” เป็นผม ผมตบแม่งจริงๆ ครับ คนห่าอะไร กวนส้นตีน
“ฮึ ฮึ” นายค้ำจุนขำครับ คนห่าอะไรขำเหมือนสะอึก แต่ลูกค้าคนนี้กลับดูพึงใจแปลกๆ เธอเล่นหูเล่นตาเล็กน้อย หันมองต้นอื่นๆ อีกนิด แล้วก็ปิดดีล
“รับไทเกอร์นี่แหละค่ะ
แถมลูกชุบด่างให้ด้วยได้มั้ยล่ะ”
“อ่อ ได้ เดี๋ยวแถมไปให้ครับ
ไม่ดูยิมเดนูดาตัมไปด้วยหรอครับ ตัวนี้ฟอร์มหนามสวยมาก สายพันธุ์ญี่ปุ่น”
“นี่หรอคะ”
“ครับ หนามหนามาก ฟอร์มสวย ผิวเต่งมันด้วย”
“สวยขนาดนี้จะค่าตัวเท่าไหร่ล่ะ”
“1,500”
“แต่ละตัวที่แนะนำนี่.....”
“สวยจริงๆ ครับ” แล้วทำไมต้องมองหน้าลูกค้าด้วยวะ? ไม่ได้กำลังพูดถึงต้นไม้หรอ ผมผู้ยังยืนเป็นก้างขวางคอใครโดยไม่รู้ตัว ได้แต่มองหน้าหญิงชายคู่นี้สลับกันไปอย่างไม่คิดจะวางสายตา
“งั้น...ลดให้”
“อย่าต่อเลยครับ
เวลาพวกผมดูแลประคบประหงมก็ไม่เคยต่อรองอะไรกับต้นทุนพวกเขาเลยนะ
สวยผมก็บอกว่าสวย ไม่สวยผมก็ไม่โกหกว่าสวย
ถ้าชอบแล้ว เห็นแล้วอยากรับไปดูแลต่อ ก็ตามราคาแหละครับ”
“โอเคคคคค เอา 2 ต้นนั่นแหละค่ะ เจอกันอีกทีเดือนหน้าก็แล้วกันงั้น ตังค์หมด”
“ครับ เดี๋ยวหาตัวสวยๆ ไว้รอ
เรามีเพจแล้วนะ ไอ้ตัวนู้นมันดูแล น่าจะมีอะไรอัพเดทมากขึ้น
ฝากติดตามด้วยนะ ตามด้านหลังป้ายชื่อเลย”
“อ่ออ โอเคค่ะ เดี๋ยวติดตาม
แล้วถ้ามีเรื่องสงสัย ถามทางอินบ๊อกได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้เลยครับ ไอ้ตัวนู้นมันว่างพอ”
“แล้วตัวนี้ล่ะคะ?”
“เอ๊ะ ครับ?”
“อ๋อ ตัวนี้เท่าไหร่” เธอชี้ที่กระถางเล็กๆ ใบหนึ่งในกระบะยิมโน ช่างเป็นการไขสือที่โจ่งแจ้งจริงๆ ครับ ผมรู้ว่านายค้ำจุนรู้ตัวว่าโดนจีบ และลูกค้าผู้หญิงคนนี้ก็รู้ด้วยว่ากำลังถูกบ่ายเบี่ยง
พ่อค้าจับกระถางที่ได้รับเลือกมาห่อด้วยกระดาษที่ตัดเตรียมไว้อย่างชำนาญ และก็ใส่ลงถุงพลาสติก จากนั้นก็ยื่นให้ลูกค้าที่หยิบเงินด้วยสีหน้าที่ทั้งชื่นใจทั้งปวดใจกับจำนวนเงินที่จ่าย
“ฝากดูแลด้วยนะครับ สังเกตเขาบ่อยๆ ถ้าเจออาการแปลกๆ ก็ถามมาได้เลย หรือเอามาให้ดูที่ร้านก็ได้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอบอกส่งท้ายแล้วก็เดินจากไป นายค้ำจุนก้มลงมาสนใจต้นไม้ในกระบะอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ยกมาจัดวาง แล้วก็หันมองผม จากนั้นก็เอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน
“จัดร้านเสร็จแล้วหรอคุณ”
“ร้านผมซะที่ไหน ก็แค่แวะมาดูเงินเกือบแสน”
“ฮึ” เสียงเหมือนสะอึกนี้ ไม่สามารถแปลได้ว่าเขากำลังหัวเราะได้เลยครับ แปลว่า -เยาะ- เท่านั้น
“ยังไม่เสร็จก็จัดต่อสิ เพิ่งห้าโมงกว่าเอง ทำงานให้คุ้มค่าข้าวที่จะเลี้ยงหน่อย”
“ถามจริงเหอะ จะพาไปกินอะไร?”
“อิ่มก็แล้วกันน่า”
“บอกมาก่อนดิ ร้านไหน ข้างทางไม่เอา” ผมยืนกรานความกระเพาะพรีเมี่ยมให้เขาได้รู้ อีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจใส่ แถมด้วยอาการส่ายหน้าใส่ และอบรมกันสั้นๆ ว่า
“กินแล้วก็ขี้อยู่ดี จะกินหรูอยู่แพงให้ได้อะไร ไปจัดร้านสิคุณ เร็ว”
โถ่เอ้ย! รู้งี้ไม่มาหรอก เงินก็ไม่ได้เห็นเพราะแม่งโอนให้กัน แถมต้องมาช่วยทำอะไรก็ไม่รู้ ผมบ่นในใจ แต่ก็ก้มหน้าก้มตาช่วยเขายกกระบะต้นไม้มาวางโชว์ตัว
จะว่าได้ความรู้ไปด้วยก็ไม่เชิงหรอกครับ แม้ว่าระหว่างจัดวางต้นไม้ตัวสวยอยู่นั้นนายค้ำจุนจะมาคอยบรีฟสั้นๆ เกี่ยวกับชื่อสายพันธุ์ จุดเด่น ระดับราคา ลักษณะทางประชากรศาสตร์ (เขาใช้คำนี้จริงๆ ครับ) ของลูกค้าที่น่าจะมาถามถึง แต่เป็นเพราะผมไม่ได้อิน ผมก็เลยไม่ได้ความรู้สักอย่าง
แต่ประโยชน์ของการพูดกรอกหูอยู่ร่วมชั่วโมงก็มีครับ อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถผายมือให้กับลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่มาถามหาฮาโวเทีย (***) ได้ เก่งใช่มั้ยล่ะ?
ดึกคืนนี้ 2 พ่อค้าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พวกเขาผลัดกันหันมามองผมแล้วก็ส่งยิ้มให้ ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษให้พวกเขา และก็ไม่ได้หวังผลอะไร(มากนัก)จากการกระทำครั้งนี้ แต่ก็นั่นแหละครับ คนเก่งและดีอยู่ที่ไหนใครก็เอ็นดู ฮ่าๆๆๆๆ
รางวัลตอบแทนคนดีคนนี้ก็คือ ข้าวต้มรอบดึกครับ กับข้าวไม่อั้นด้วย เจ้ามือคือนายค้ำจุนและนายต้นสน แขกคนสำคัญคือผมแต่เพียงผู้เดียว
“อื้อคุณ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวาน ลืมไปเลย มัวแต่หัวร้อนกัน” ผมเปิดประเด็นใหม่หลังจากจัดการย้ำปลากรอบสามรสไปเกลี้ยง พร้อมๆ กับปูผัดผงกระหรี่ หมูสับผัดหนำเลี๊ยบ และหอยลายผัดพริกเผา ตอนนี้นายต้นสนกำลังเล็มผัดผักบุ้งไฟแดงอยู่ และยังมียำปลาดูกฟูรอเขาอยู่อีกจาน
“อื้อว่า” นายค้ำจุนตอบ เพิ่งรู้วันนี้แหละครับว่าเขาเป็นสายเบียร์ หมอนี่ข้าวต้มไม่ค่อยพร่อง กับก็กินไปพอประมาณ แต่เบียร์ 6 กระป๋อง ตรงหน้าเนี่ย....แน่ใจมั้ยว่ายังฟังรู้เรื่อง
“อีกหน่อยเราคงเจอกันถี่ขึ้นนะ”
“กว่านี้อีกหรอ? นี่ผมก็เห็นหน้าคุณทุกเช้าทุกคืนแล้วนะ”
“เออ กว่านี้อีก บางวันก็จะได้เจอ 3 เวลาหลังอาหารด้วยนะคุณ
คืองี้ ลูกค้าใหม่ผมเนี่ย คือบริษัทคุณ”
“.............”
“อ่อ ผมหมายถึงบริษัทพี่ทัศน์ไง”
“อ๋ออออ” ที่อึ้งนี่เพราะเบียร์แน่ๆ ถ้าตอนสติเต็ม เขาน่าจะเดาได้สิว่าผมหมายถึงบริษัทที่คุณทำงานอยู่
“สรุปเป็นบริษัทคุณหรอ ที่มาดูแลด้านไออาร์ (**)
แต่เราคงไม่ได้เจอกันบ่อยหรอก เพราะผมไม่ได้อยู่ฝ่ายอะไรที่เกี่ยวกับสื่อสารองค์กรเทือกๆ นั้น คุณคงเจออีกทีม”
“ก็รู้ แต่ถ้าผมแวะไปประชุมงาน รับบรีฟ หรืออะไรก็ตามแต่ เราไปกินข้าวกันนะ
บริษัทนี้ไม่ซีเรียสเรื่องเวลาพักนี่นา แล้วอีกอย่าง ระดับคุณด้วย คงไม่มีใครว่าหรอก”
“ระดับผม? ผมระดับไหนหรอ?”
“ก็...หลานเจ้าของ”
“พูดบ้าๆ” ไม่ด่าเปล่าครับ ผลักหัวกันจนตัวเอียง
“ผมก็แค่ระดับผู้จัดการโปรเจค เป็นหลานน้าโจ้แล้วยังไง ไม่เห็นเกี่ยว”
“อ่อๆๆ ไม่ชอบถูกมองเป็นเด็กเส้นสินะ”
“นี่คุณ....”
“เอาน่าเป เรื่องนี้อย่าไปย้ำมัน มันอุตส่าห์พิสูจน์ตัวทุกอย่างจนแทบกระอักเลือดตาย เชื่อมันเถอะ” นายต้นสนห้ามศึกฝีปากและอารมณ์เอาไว้ เขารินเบียร์ใส่แก้วแล้วกระดกอึกใหญ่ ผมก็เลยพูดต่อ
“ก็ไม่ได้อยากจะย้ำอะไร ผมแค่อยากมีเพื่อนกินข้าวเวลาเข้าไปที่บริษัทคุณ เอ้ย! บริษัทพี่ทัศน์ไง ก็อยากเมคชัวร์ว่าคุณยินดีมากินข้าวด้วยกัน”
“อ๋อ....เอาสิ ที่นี่ไม่ได้ซีเรียสเวลาพักอยู่แล้ว
คุณมาก็ดีนะ เดี๋ยวพาไปร้านประจำผม แต่เอ๊ะ คุณก็เคยทำงานที่นี่นี่นา อยู่นานกว่าผมด้วยมั้ง น่าจะรู้จักแถวนั้นดีกว่า”
“มันก็อาจจะมีอะไรเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ไง ไว้ค่อยไปลองกันว่าร้านประจำใครเด็ดกว่า คุณอย่าเพิ่งเฉลยนะว่าของคุณร้านไหน เอาไว้พาผมไปลอง ดีป่ะ?”
“อื้อ ก็ดี
เอาไรอีกมั้ย สั่งอีกได้นะ วันนี้ขายดี
รู้ป่ะ คุณนี่ก็เป็นนางกวักได้เหมือนกันนะเนี่ย
ขายต้นไม้กับไอ้ต้นมาหลายปี หายากนะที่วันนึงได้เงินแสนกว่าเนี่ย”
“ทำไมแสนกว่า?”
“ก็ออเดอร์ใหญ่ตอนเย็น และที่ขายหน้าร้านได้อีกหลายหมื่นเลย
ฮาตัวท้อปก็ขายได้ ยิมด่างขายได้ตั้งหลายต้น ไหนจะพวกยูโฟเบียอีก
เออ ไอ้ต้น กูเอาทูเรียตัวนั้นมาขายแล้ว ตั้งไป 2,500 แม่งได้ว่ะ บอนไซมึงก็ขายได้ตั้งหลายต้น โคตรรู้สีกดีอ่ะ
ถ้าไม่เรียกนางกวักแล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ นางฟ้าหรอ? เนอะต้นเนอะ ” แล้ว 2 พ่อค้าก็มองผมตาเชื่อม ไม่ได้หลงเสน่ห์ผมหรอกครับ เดาว่าเมาเบียร์
“อ่อ ผมก็เลยได้กินข้าวต้มหน้าคอนโดสินะ
ได้ตั้งแสนกว่า เลี้ยงข้าวต้มผมเนี่ย สมเหตุสมผลหรอคุณ”
“สมสิ อย่าวัดกันที่ราคาถูกหรือแพงสิคุณ
มันอยู่ที่ความรู้สึก
ไงก็เถอะ ขอบคุณมากนะเปล”
“หา อ่อ...อื้อ ไม่เป็นไร
ก็....เพื่อนกัน”
เรา...ยกระดับความสัมพันธ์กันแล้วครับ
Cut
(*) ยิมโน = Gymnocalycium : แคคตัสสายพันธุ์หนึ่ง
(**) ไออาร์ = Investor Relation หรือ นักลงทุนสัมพันธ์
(***) ฮาโวเทีย = Haworthia : พืชอวบน้ำ เป็นต้นไม้ตระกูลเดียวกับแคคตัส
Happy New Year ย้อนหลังค่ะ
Welcoming 2019 ไปด้วยกันนะคะ อย่าเพิ่งจืดจางห่างเหินกับเรานัก อย่าใจร้ายกับเราเลย 5555
ตอนนี้มาต่อเร็วแล้วนะคะ เลขนี้เป็นเลขที่ชอบสุดด้วย
ผ่านก็เป็นนิยายเกิน1 โหลแล้ว พระนายของเราเพิ่งใกล้กันระดับ "เพื่อน" เท่านั้นเอง
โถๆๆ ความสัมพันธ์นี้ช่างเหมือนกับอัตราการเคลื่อนตัวของหอยทากจริงๆ
ฝากติดตามพัฒนาการของพวกเขาทั้งคู่ด้วยนะคะ
สำหรับคำอธิบายใน * นั้น หาได้ในกูเกิลเลยค่ะ