*เปรมขออนุญาตแก้ไขช่วงเวลาตอนที่แล้วจาก4ปีเป็น5ปีนะคะ ขอโทษในความผิดพลาดด้วยฮับTT
[คนโปรด : สุดท้าย]
Lucas’s part
“อาการมิเชลเป็นยังไงบ้าง” ผมเอ่ยถามโยหลังจากที่เพิ่งตรวจงานเสร็จ
“ทรงๆทรุดๆครับ เธอไม่ยอมทำตามที่หมอบอกเท่าไหร่”
“อืม”
“...นายจะยอมให้เธอมาเจอคุณสมิธจริงๆงั้นเหรอครับ”
“ผมปิดตาเขาไม่ได้ตลอดไปหรอกโย อีกอย่างผมอยากเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบและเริ่มต้นกับสมิธใหม่”
“ผมกลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่นายหวัง”
“...ผมจะลองศรัทธาในความรักสักครั้ง”
ในคืนวันเกิดปีที่ 26 ของสมิธ ผมพาตัวมิเชลมายังเมืองไทยเพื่อพบกับสมิธตามคำขอของเขา เธอไม่ยอมพูดอะไรกับผมสักคำและผมก็ไม่มีถ้อยคำจะเอ่ยกับเธอเช่นกัน ผมพาสมิธมาพบกับมิเชลหลังจากที่เขาฉลองกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ทุกภาพทุกถ้อยคำภาพในห้องระหว่างที่สมิธสนทนากับมิเชลผมได้รับรู้ทุกอย่าง สิ่งที่มิเชลพูดออกมาไม่มีสิ่งใดที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่ผมไม่คิดจะเลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งพอได้ยินสิ่งที่มิเชลเอ่ยขอสมิธก็ยิ่งทำให้ผมหวาดหวั่นจนแทบยืนไม่ติดที่
ผมรู้จักสมิธดี ผมเลี้ยงเขามาเองทำไมจะไม่รู้ว่าเขาจะเลือกทำอย่างไรต่อจากนี้ สมิธจิตใจอ่อนโยนเขาจะรู้สึกผิดต่อมิเชลมากจนไม่สามารถปฏิเสธคำขอของมิเชลได้...และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเมื่อกลับมาถึงคอนโดฯเขาก็เอ่ยปากขอเลิกกับผม ใจผมแทบจะขาดลงตรงนั้น มันเจ็บที่ใจมากที่สุดในชีวิต ทั้งๆที่เรารักกันแต่ว่าไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างนั้นเหรอ?
ผมเข้าใจแต่ไม่ยอมรับและยังดันทุรังที่จะยื้อเขาไว้ทุกวิถีทาง แต่ยิ่งนับวันความเห็นแก่ตัวของผมก็ยิ่งทำร้ายจิตใจสมิธขึ้นเรื่อยๆและร่างกายก็คือผลกระทบทางจิตใจ สมิธตรอมใจและร่างกายทรุดอย่างหนักถึงขนาดที่ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ผมพยายามจะรักษาเขาไว้อย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ไม่ว่าจะมองเขาอีกสักกี่ครั้งมันก็ทั้งรักและทรมาน รักของเราคงสุดจะยื้อแล้วจริงๆ ผมจึงเลือกที่จะปล่อยเขาให้ไปทำในสิ่งที่ต้องการ ผมทำร้ายเขาต่อไปไม่ได้และผมก็ไม่สามารถมองเขาตายลงต่อหน้าได้ สิ่งที่ผมทำได้คือจำใจต้องปล่อยมือจากเขา...ต่อให้ผมเจ็บแทบตายdH9k,
ในชีวิตผมร้องไห้ครั้งเดียวคือตอนที่แม่เสียและอีกครั้งก็ตอนที่ต้องปล่อยมือจากคนที่รักมากที่สุดในชีวิต ผมไม่โกรธสมิธที่เขาไม่เลือกผม แต่ผมเสียใจที่ในสายตาเขาผมไม่ได้สำคัญสำหรับเขาที่สุด
ผมผิดเองที่แย่งเขามาจากมิเชลอย่างไม่ถูกต้อง ผิดเองที่ตอนแรกดูแลความรักที่เขามอบให้ได้ไม่ดีและตอบแทนกลับไปอย่างเลวร้าย ผมทำผิดกับเขาซ้ำซากในเรื่องเดิมๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้อภัยและรักผมอยู่เสมอ
เป็นผมเองที่มารักเขาทีหลัง...แต่ผมก็รักเขามากไม่แพ้ใคร
ผมพยายามจะชดเชยให้เขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้...แต่วันนี้มันคงไม่ทันแล้ว
เมื่ออาการของสมิธดีขึ้นผมก็ตัดใจบินกลับรัสเซียไปทำหน้าที่ของตัวเอง ส่งข้อมูลของมิเชลผ่านทศกัณฐ์ไปให้เขา...หวังในใจอยู่ลึกๆว่าเมื่อเขาสามารถปลดพันธะสัญญาต่อมิเชลได้แล้วเขาจะกลับมาหาผม แม้จะเป็นไปได้ยากมากก็ตาม
สองปีหลังจากนั้นมิเชลสิ้นใจด้วยโรคร้าย สมิธบินกลับไปอยู่ที่เมืองไทย ได้ทำงานอยู่ที่นั่นและในปีถัดมาเขาคบจริงจังกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ผมไม่แปลกใจที่เขาเลือกเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนแทนที่จะกลับมาหาผม แต่ถามว่าเสียใจไหมก็ต้องบอกว่าเสียใจมาก และผมอาจจะเสียใจมากเกินไปจนทำให้ความเจ็บปวดภายในเริ่มกัดกินจิตใจผม
ผมพยายามจะข่มความคิดร้ายๆที่จะแย่งชิงเขากลับมา ผมไม่อยากให้ความรักที่เขามีให้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง หัวใจผมรับไม่ไหวแล้วจริงๆ
สิ่งที่ผมทำได้คงยินดีให้กับเขาและเฝ้ามองอยู่เงียบๆตรงนี้ ทั้งที่ควรเป็นอย่างนั้นแต่หัวใจผมกลับไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึกนัก มันทรมานขึ้นทุกวันและเริ่มขยับช้าลงทุกวัน
ผมไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้เหมือนปกติ เก็บตัวทำงานอยู่ในห้อง วันไหนที่คิดถึงเขามากจนปวดใจจะไม่ไหวก็ได้แต่ดื่มเหล้าแรงๆย้อมใจให้หลับไป ผมเริ่มทำงานได้น้อยลงจนสุดท้ายก็ไม่สามารถทำงานได้เลย
ผมย้ายมาพักผ่อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บ้านหลังนี้ผมตั้งใจจะชวนสมิธมาอยู่ด้วยกันหลังจากที่เขาเรียนจบ...แต่จนวันนี้เขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นมัน
ผมรู้ตัวว่าผมกำลังป่วยเป็นโรคทางจิตใจ แต่ก็ไม่รู้จะรักษาไปทำไมในเมื่อยาที่จะรักษาผมได้มันไม่มีอีกแล้ว ผมเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ผมยังเป็นห่วงทศกัณฐ์และไอเดนลูกชายบุญธรรมของผม ไอเดนเป็นลูกแท้ๆของคุณตาผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง สามปีก่อนคุณตาติดต่อมาหาผมและฝากให้ผมดูแลไอเดนวัยสองขวบต่อจากเขาด้วย ไม่เกินสามเดือนคุณตาผมก็จากไปด้วยโรคร้าย ผมจึงรับไอเดนมาดูแลต่อ ตอนนี้เขาห้าขวบแล้วและกำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษ ผมพยายามอดทนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานสักแค่ไหน ผมทรมานเหลือเกิน
ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง ทศกัณฐ์กำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารัก ผมรู้สึกยินดีกับน้องด้วยหัวใจ เขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อมผมจึงสั่งให้โยเรียกทนายมาหา และเริ่มร่างพินัยกรรมด้วยสติที่ครบถ้วนที่สุด ผมไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ทศกัณฐ์มีคนที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต ส่วนไอเดนเขาต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกสิ่งที่ผมเตรียมไว้ให้เขาจะทำให้เขามีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชีวิต
“นาย...อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”โยเอ่ยกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับจะร้องไห้
“ผมคิดดีแล้วโย”
“ผมขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้แต่นายกำลังป่วยอยู่นะครับ”
“ผมรู้”
“แล้วทำไม...”
“ผมรักเขามากนะโยและเขาก็รักผม ชีวิตคนอย่างผมจะมีสักกี่คนที่จะมารัก ผมอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้และตายไปพร้อมๆกับมันโย”
“…”
“อย่าร้องไห้เพราะผมเลยโย”
“ฮึก”
“ขอบใจมากที่คุณอยู่เคียงข้างผมมาตลอด คุณดีกับผมมากจริงๆ ถ้าผมไม่อยู่ก็จงใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะโยอย่าใจแข็งกับไอ้เกรย์มากนัก หึๆ”
“…”
“จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม อย่าให้เรื่องผมไปถึงหูเขาเด็ดขาด ผมไม่อยากให้เรื่องของผมไปทำให้เขาต้องรู้สึกแย่ อย่าทำให้เขาต้องรู้สึกผิดเพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย”
“นายครับ...ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ฮึก”
“กลับไปพักผ่อนซะโย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาถึงแล้ว”
“ผมรักและเคารพในการตัดสินใจของนายเสมอ ไม่ว่ายังไงผมก็หวังจะให้นายมีความสุขเสมอ”
“ขอบคุณนะพี่ชาย”โยยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา เขาก้มหัวให้ผมก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ผมหยิบรูปคู่ที่เคยถ่ายกับสมิธตั้งแต่เขาเด็กจนกระทั่งโต นึกไปถึงช่วงเวลานั้นแล้วมันมีความสุขมากเลย ผมคิดถึงช่วงเวลานั้นอยู่ในใจแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่ผอมแห้งกว่าเมื่อก่อนเลื่อนไปหยิบวัตถุอันตรายในลิ้นชักออกมากำไว้แน่น
“มิทตี้ พี่จะรักนายตลอดไป”
ปัง!
Lucas’s part : end
++++++++++++++++++
หลังจากที่ช็อคจนสลบไป ผมตื่นขึ้นมาในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังในห้องพักของตัวเอง ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักอยู่นานนับชั่วโมง อยู่ๆไอ้ทศก็เปิดประตูเข้ามาในห้องผมเสียงดังพร้อมด้วยไอ้รันต์ ไอ้เซนท์และไอ้ดีที่เดินเข้ามาตามหลัง
“มึงจะร้องไห้คร่ำครวญให้ได้อะไรขึ้นมา”ไอ้ทศจ้องเขม็งมาที่ผมและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ทิ่มแทงหัวใจผมไม่มีชิ้นดี
“ยักษ์!/ไอ้ทศ!”ไอ้รันต์กับไอ้เซนท์ร้องปรามไอ้ทศเสียงดัง
“มันไม่ใช่ความผิดไอ้สมิธคนเดียวนะเว้ย พี่มึงตายแต่มึงจะมาพาลมันไม่ได้”ไอ้เซนท์เดินมาบังผมที่กำลังร้องไห้อยู่และโต้ตอบไอ้ทศกลับไป
“มึงบอกไม่ให้กูพาล แล้วมึงดูเพื่อนมึง!...มันจะมานั่งร้องไห้ทำไมกับสิ่งที่มันเลือกเอง!”ทศกัณฐ์ตอนนี้ดูน่ากลัวอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น แต่สิ่งที่มันพูดก็ถูกต้องแล้ว ผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปร้องไห้หาเขาในเมื่อผมเลือกที่จะทิ้งเขาเอง
“ฮึกๆ”
“ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเอง พี่ไม่ต้องรื้อฟื้นขึ้นมา”เสียงไอ้รันต์ดังขึ้น
“ถ้าเลือกแล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะสิ่งที่ตัดสินใจทำไปแล้วมันเรียกกลับคืนมาไม่ได้...พี่กูไม่อยู่แล้วก็ถือว่าจบกันไป มึงก็ใช้ชีวิตของมึงไปซะ”พูดจบไอ้ทศก็เดินออกไปจากห้อง ไอ้ดีก็ตามไอ้ทศไปติดๆ
“ไอ้ทศมันกำลังเสียใจเลยพาลมึงก็อย่าคิดมาก...ส่วนเรื่องเฮียก็ทำใจเถอะเพื่อน พักผ่อนซะ”ไอ้เซนท์ตบบ่าผมแล้วเดินออกจากห้องไป ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ไม่สามารถทำใจได้ตอนนี้หรอก
“อันที่จริง...คุณลูคัสก็ยังไม่ถือว่าตายซะทีเดียว”เสียงไอ้รันต์ดังขึ้นขัดกับเสียงร้องไห้ของผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองมันอย่างไม่อยากเชื่อทีได้ยินเท่าไหร่
“มึงหมายความว่ายังไง?”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรามาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ตอนนี้เขาหายใจเองไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและหมอก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกไหม โยเลยโทรมาหาทศกัณฐ์ให้ตัดสินใจว่าจะให้ถอดเครื่องหายใจแล้วให้คุณลูคัสไปสบายหรือจะใส่เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตเขาต่อไปเรื่อยๆ”
“แล้ว...ไอ้ทศว่ายังไง”
“…เขาจะให้ถอดเพราะนั่นเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณลูคัส” ไอ้รันต์เดินมาจับมือผมก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พรุ่งนี้ทศกัณฐ์จะเดินทางไปสวิตฯ พี่ยังพอมีเวลาคิดว่าจะทำยังไงต่อไป...ครั้งนี้ถ้าพี่ตัดสินใจพลาดอีกพี่จะไม่มีวันได้เขาคืนอีกแล้วนะครับ”
ไอ้รันต์ออกจากห้องผมไปนานแล้วแต่คำพูดสุดท้ายของเหรันต์ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา ผมตัดสินใจผิดพลาดงั้นเหรอ?...ก็คงใช่ ทั้งที่คิดและทำใจไว้แล้วแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
ที่ผมตัดสินใจทิ้งลูคัสเมื่อห้าปีก่อน ไม่มีใครเห็นด้วยกับผมสักคนแต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิผม การที่ผมที่เขาไม่ได้แปลว่าผมไม่รักเขา และถ้าจะบอกว่าผมเห็นมิเชลสำคัญกว่าเขามันก็ไม่ถูกซะทั้งหมด
มิเชลคือคนที่เลี้ยงผมมา ไม่ว่าจะเลี้ยงมาแบบไหนแต่เธอก็คือคนที่มีบุญคุณต่อผม และเช่นเดียวกันลูคัสก็เลี้ยงผมให้เติบใหญ่และสุขสบายแต่ลูคัสก็ไม่ได้เลี้ยงผมฟรีๆอย่างน้อยเขาก็ใช้ร่างกายผมตอบแทนเขาแม้ว่าเขาจะรักผมจริงๆในตอนหลังก็ตาม
มิเชลทำให้ผมเจ็บแต่ลูคัสคือคนที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต...ผมรักพวกเขาทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เกลียด สิ่งที่เขาทำกับผมที่ผ่านมามันเป็นความรู้สึกที่ฝังใจผมไม่มีวันลืมเลือน
ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าผมเป็นคนที่รักฝังใจมากแต่ยิ่งรักมากถ้าทำให้เกลียดผมก็เกลียดไม่ลืม
ผมไม่ได้อยากจะแก้แค้นลูคัส แต่ผมอยากให้บทเรียนกับเขาหลังจากที่รู้ความจริงจากปากมิเชลทุกอย่าง ผมจะไม่มีวันรักเขาได้อย่างสนิทใจถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้ความรู้สึกร้ายๆในใจผมหายไปซะก่อน การปล่อยมือจากกันทั้งที่ยังรักนั่นคือสิ่งที่ผมลงโทษเขาเบาที่สุดแล้ว เขาเจ็บผมก็เจ็บไม่ต่างกัน
การที่ผมเลือกที่จะกลับไปดูแลมิเชลก็ไม่ได้หมายความว่าผมรักเธอมากมายไปกว่าลูคัส กลับกันความรักที่ผมมีให้เธอกลับจืดจางจนแทบมองไม่เห็น...ผมไม่อยากมีอะไรที่ติดค้างกับเธออีก การดูแลมิเชลในช่วงชีวิตสุดท้ายของเธอคือสิ่งที่ผมจะตอบแทนบุญคุณเธอที่เลี้ยงดูผมมาและชดเชยให้กับเรื่องที่พ่อกับแม่ผมติดค้างเธอ ให้ทุกอย่างมันจบลงไปพร้อมๆกับชีวิตของเธอ
วันที่มิเชลจากไปผมก็ไม่ได้เสียน้ำตาสักหยด แต่วันที่ได้ยินว่าอีกคนจากไปผมกลับไม่สามารถหยุดน้ำตาแห่งความเสียใจพวกนี้ไปได้เลย
พอมิเชลจากไปแล้วถามว่าทำไมผมถึงไม่กลับไปหาลูคัสทั้งที่ยังรักเขาอยู่...ผมจะกลับไปได้ยังไงในเมื่อผมไม่ใช่มิทตี้คนที่เขารู้จัก จิตใจผมมืดดำและเน่าเฟะไปหมดแล้ว ผมละอายใจที่จะกลับไปขอความรักจากเขา
ลูคัสรักผมมากผมรู้ และผมรู้ตัวดีว่าเขาอภัยให้ผมได้เสมอ...เพียงแต่ผมขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวเกินไป ผมในตอนนี้ไม่คู่ควรกับความรักที่เขามอบให้
ผมคิดว่าสักวันเขาจะตัดใจจากผมได้และรักคนใหม่ที่ดีกว่าผม คนที่จะรักและดูแลเขาไม่เหยียบย่ำความรักที่เขามอบให้เหมือนที่ผมทำ
ผมพยายามที่จะเริ่มต้นใหม่เพื่อลืมลูคัส แม้มันจะเป็นการทำร้ายอีกคนผมก็ยังทำ เพราะความรักมันทำให้เราทำได้ทุกอย่าง ไม่สนผิดถูกชั่วดี...ผมกลายเป็นคนที่น่าขยะแขยง
ผมไม่คิดว่าการตัดสินใจของผมในวันนั้นจะทำร้ายเขามากมายขนาดนี้ แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อเวลามันย้อนกลับไม่ได้
Rrr Rrr
เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นกระชากผมออกจากภวังค์ความคิด ผมเช็ดน้ำตาและพยายามปรับน้ำเสียงให้สดใสมราสุด
“ว่ายังไงปริม”
(พี่สมิธ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ) แต่อีกคนก็ยังจับสังเกตได้
“...เปล่า”
(ถ้าพี่ยังสงสารปริมอยู่ก็บอกปริมมาเถอะนะคะ) ปริมเอ่ยขอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกลับจะร้องไห้
“ปริม...ฮึก...พี่ขอโทษ”
(เรื่องเขาเหรอคะ) เสียงปริมตอนนี้เธอคงร้องไห้ไปแล้ว
“พี่ลืมเขาไม่ได้ เขากำลังจะจากพี่ไปแล้วปริม ฮึกๆ พี่เสียใจ พี่เห็นแก่ตัวกับปริม...พี่ขอโทษ”
(พี่อยากไปหาเขาไหม ฮึก!)
“…”ผมไม่อยากตอบคำถามที่จะทำร้ายเธอเลย
(พี่สมิธไปเถอะนะ...ไปดูแลเขา ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการ ปริมอยากให้พี่มีความสุข ฮึก!)
“แล้วปริมล่ะ พี่จะทิ้งปริมได้ยังไง”
(ตอนนี้ปริมเสียใจปริมยอมรับ แต่ปริมจะเสียใจมากกว่านี้ถ้าปริมรั้งพี่ไว้...หัวใจของพี่ไม่เคยเปิดให้ใครเข้าไปนอกจากเขา ปริมไม่อยากดันทุรังต่อ)
“พี่รักปริมนะ”
(รักแบบพี่น้องน่ะสิ ไม่อย่างนั้นสองปีที่ผ่านมาเสืออย่างพี่คงไม่แค่จับมือปริมหรอก)
“พี่ขอบคุณปริมมากนะ...และขอโทษจริงๆ”ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย
(ฮึก! จะไม่ให้อภัยถ้ากลับมาให้เห็นครั้งหน้าไม่พาเขามาด้วย) ปริมเอ่ยบอกเสียงเง้างอนแต่ก็สั่นเครือจากการร้องไห้
“อื้ม”
ผมมทำร้ายหัวใจคนอื่นไปอีกดวงแล้ว แต่เพื่อรักษาหัวใจอีกดวงผมยอมเลวเอง
++++++++++++++++++++
7 เดือนต่อมา
“สมิธสอนการบ้านเราที”
“เอาไว้ก่อนนะไอเดน เดี๋ยวอาจะไปเช็ดตัวให้ลุคก่อน”ผมหันไปบอกเด็กชายวัยห้าขวบที่ยื่นสมุดมาตรงหน้า
“เราอยากเล่นกับป๊ะป๋า เมื่อไหร่ป๊ะป๋าจะตื่น”
“...อาก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อยากให้ป๊ะป๋าตื่นเร็วๆจังเลยเนอะ จะได้พาเรากับสมิธไปเที่ยวด้วยกัน”เด็กชายผมสีทองอมน้ำตาลดวงตาสีเขียวสดเหมือนเขาฉีกยิ้มให้ผมกว้างๆ
“อืม” ผมยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยพร้อมขยี้ผมสีอ่อนด้วยความเอ็นดู
ผมขึ้นมาบนชั้นสอง เดินตรงมายังห้องคุ้นเคยที่เดินเข้าออกประจำตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา วันนั้นหลังจากที่คุยโทรศัพท์กับปริมเสร็จผมก็ตัดสินใจไปหาทศกัณฐ์และบอกสิ่งที่ตั้งใจไว้กับมัน
‘ชีวิตลูคัสต่อจากนี้ กูขอดูแลได้ไหม’
‘แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกเลยน่ะเหรอ’
‘อืม’
‘ถ้ามึงทำเพราะรู้สึกผิด พี่กูไม่ต้องการหรอกนะ’
‘เปล่า กูทำเพราะกูเห็นแก่ตัว กูรักและอยากอยู่กับเขา...จนถึงลมหายใจสุดท้าย’
‘แน่ใจ’
‘กูแน่ใจที่สุดในชีวิต’
จากนั้นทศกัณฐ์ก็พาผมมาบ้านของลูคัสในประเทศสวิตฯที่ผมมารู้ในตอนหลังว่าคือสถานที่ที่เขาอยากพาผมมา วินาทีแรกที่เห็นเขาน้ำตาผมก็หล่นลงมาจากหางตาอีกรอบ เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ
ผมตัดสินใจจะอยู่ดูแลเขาไม่ไปไหน...จนกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเอ่ยปากไล่ผมเอง
“วันนี้หมอกไม่ค่อยลงแล้ว อากาศดีมากผมว่าจะพาไอเดนไปทำการบ้านที่สวนด้านนอก เขาบ่นคิดถึงพี่อยากให้พี่ตื่นมาพาเที่ยวด้วย”ผมเอ่ยพูดให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงฟัง ขณะเดียวกันก็พลิกตัวเขาอย่างระมัดระวังให้หันมาทางตัวเองเพื่อเช็ดส่วนหลังให้เขา ผมดีใจมากที่อาการเขาดีขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วเขาได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออกด้วย
“สัปดาห์หน้าไอ้ทศมันจะมาหาพี่ด้วยนะ”ผมเอ่ยเล่าพร้อมๆกับที่ใส่เสื้อให้เขาเสร็จ
“หนวดเริ่มยาวแล้วเดี๋ยวผมโกนให้นะ”พูดจบผมก็จัดการไปหาอุปกรณ์มาโกนหนวดให้เขาทันที
“เรียบร้อย! ลูคัส ฮาล์น นี่หล่อจริงๆ”ผมเอ่ยชมเขาเสร็จก็หันหลังไปเก็บอุปกรณ์ แต่อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มแหบๆถามสวนขึ้นมา
“หล่อแล้ว...รักพี่ไหม” ผมหันกลับไปมองตามต้นเสียงด้วยหัวใจเต้นรัว คนที่ผมคิดว่าหลับไม่ได้สติกำลังใช้ดวงตาสีเขียวสดจ้องมองมาทางผม ขาผมขยับเดินไปชิดกับเตียงที่เขานอนอยู่โดยไม่รู้ตัว พร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นที่ไหลอาบเต็มสองแก้ม
“อภัยให้พี่แล้วใช่ไหมครับ” แม้เสียงเขาจะทุ้มติดแหบแต่ก็สดใสไม่เหมือนคนเพิ่งฟื้นคืนสติ
“…”ผมยังยืนกัดปากร้องไห้เงียบๆอยู่นาน
“เรามาเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”เขายิ้ม ผมไม่ได้เอ่ยให้คำตอบใดๆแก่เขา เพียงแค่เช็ดน้ำตาและก้มลงประทับริมฝีปากกับเขาเนิ่นนาน
ผมคิดว่าแม้ผมจะไม่ได้พูดคำใดออกไป แต่การกระทำผมก็ได้ตอบคำถามเขาไปหมดแล้ว
ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนเป็นบทเรียนให้เราก้าวผ่าน...เรื่องความรักก็เช่นกัน
The End
+++++++++++++++++++++++
ความในใจจากคนเขียน
ดีใจมากที่ส่งพวกเขาไปถึงฝั่งได้สักที มันอาจไม่ใช่ตอนจบที่ดีที่สุดแต่มันคือบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณที่ติดตามและเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน ขอบคุณที่รักพวกเขาและขอบคุณมากๆที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน อาจจะมีหลายๆอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผลนัก เปรมยอมรับว่าเปรมก็ไม่ใช่นักเขียนที่เก่งอะไร เปรมเพิ่งหัดขีดเขียนได้ไม่กี่ปี อาจจะมีตกหล่นหรือทำให้หลายคนไม่พอใจบ้าง แต่จุดประสงค์ที่เปรมแต่งนิยายขึ้นมาก็เพื่อความบันเทิง เปรมอยากให้คนอ่านมีความสุขมากกว่าความไม่พอใจ หรือถ้าไม่พอใจเปรมก็ขอโทษด้วยเพราะเปรมไม่สามารถเขียนนิยายเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนได้เปรมอยากให้เข้าใจเปรมนะ...เปรมแคร์และรักทุกคน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เจอกันในเรื่องต่อไป รัก...YINGPREM
ป.ล.ตอนพิเศษที่จะลงเว็บ เดี๋ยวเปรมเอาชื่อตอนมาให้โหวตกันนะคะว่าอยากอ่านตอนไหน