หายไปสองเดือนกว่าๆ
ขออภัยอย่างยิ่งเลยครับ ใครที่ไม่ตามอ่านเพราะผมมาช้า ผมขออภัยจริงๆ ครับ ชีวิตผมมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นหลายอย่างมาก ใจได้แต่อยากเขียน บางทีก็เขียนไม่ออก เพราะนึกไม่ออกว่าจะเรียบเรียงสิงที่อยู่ในหัวยังไงให้ออกมาตามที่คิด แต่ที่แน่ๆ เหลืออีก 6-7 บทสุดท้าย ปิดเรื่องละครับ
ผ่านบทที่ 73 ไป จะเป็นจุดหักเหสำคัญที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างเดินไปถึงตอนจบได้ครับ และต่อไปจากนี้ เรื่องหนักสุดของชีวิตแทนกำลังจะเกิดขึ้นแน่นอนครับ
มาอ่านกันต่อครับ^^
***********
Chapter 73 ดวงตาของผมเปิดขึ้นเมื่อแสงสลัวส่องเข้าตามา สองวันที่ชุมพรผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่สี่ทุ่มจนถึงตีสอง ผมไม่ปล่อยให้แทนได้นอนเฉยๆ ผมรู้สึกตัวเองหลุดจากความเป็นคนจนกลายเป็นสัตว์ป่า แทนโดนผมกระหน่ำความกระหายจนผมไม่แน่ใจว่าหนักไปไหม ร่างกายของแทนที่มีแค่ผ้าห่มคลุมตัวตอนนี้ ยังคงหลับสนิทจนเหมือนหลับลึกอยู่
ผมใส่กางเกงในให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปรับอากาศยามเช้า ชายหาดที่ผมกับแทนได้กอดกันเมื่อคืน ตอนนี้ดูโล่งมาก ผมบิดขี้เกียจไปมาเล็กน้อย ที่จริงแอบหมดแรงกับเมื่อคืนพอสมควร วันนี้ต้องเดินทางเข้าภูเก็ตแล้ว ผมกลับไปจู่โจมแทนที่กำลังหลับอยู่ ผมซุกไซร้ซอกคอของแทน ก่อนจะลากริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่หน้าอกกับหัวนมของแทนเบาๆ สักครู่ต่อมา แทนรู้สึกตัวเรียบร้อย
“Morning ครับ” ผมรีบพุ่งมาทักทายในขณะที่ตัวผมคร่อมทับแทนไว้ไม่ให้ไปไหน
“แกล้งเราอีกแล้ว” ผมเอาปลายจมูกผมชนกับจมูกแทน ก่อนจะดูดปากแฟนผมแบบไม่สนใจเรื่องกลิ่นหรือขี้ฟัน แบบที่แฟนผมชอบเบรคไว้ ถ้าไม่ให้ผมจูบ ผมจะกดไว้แบบนี้แหละ
“ชอบกินขี้ฟันเราเหรอ ไม่ปล่อยเราไปแปรงฟันก่อนทุกที” แบบนี้ต้องจูบอีกที
“อร่อยดี จะกินทุกเช้า โอเคนะ” แทนไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มอ่อนๆ กับหลบสายตาผม
สักครู่ต่อมา เราทั้งคู่อยู่หน้ากระจก แปรงฟัน ล้างหน้า ก่อนจะใส่ชุดที่ไปกินมื้อเย็นเพื่อไปทานมื้อเช้าของโรงแรม หลังจากได้โต๊ะแล้ว เราทั้งคู่ทยอยไปตักสิ่งที่อยากทานมาจน...
“นี่กะไม่เหลือท้องกินมื้อเที่ยงเหรอ” แทนเห็นผมตักสารพัดสิ่งมากองเต็มโต๊ะแล้ว คงคิดว่าผมกินอิ่มยาวแน่ๆ
“บำรุงหน่อยซิ เที่ยวอีกยาวนะ เดี๋ยวน้องไม่แข็งแรง” แทนทำหน้ามองบนใส่ผมซะงั้น
“ลามก” แฟนผมพูดแบบนี้ได้ไงอะ ปกติไม่เคยว่าไรเลยนะ
“แล้วชอบไหมละ” แทนไม่ตอบ แต่พยักหน้า แล้วตักข้าวต้มเข้าปากทันทีโดยไม่มองผม
“ถ้างั้น ทานไส้กรอกไหม อร่อยน๊า” ผมหั่นไส้กรอกให้เป็นคำๆ แล้วป้อนให้แทนถึงปาก
“อร่อยไม่เท่าไส้กรอกที่เราเคยทาน” แทนพูดเร็วมาก แต่ผมแกล้งไม่ได้ยิน แต่ก็อดไม่ยิ้มไม่ได้ซะงั้น
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว มันไม่อิ่มจริงๆ ด้วย แต่อดใจไว้ก่อน ถ้าผมทำอีกสักยกก่อนขับรถ ผมอาจมีหลับในขณะขับรถเอาได้ การเดินทางไปภูเก็ตวันนี้ค่อนข้างโล่งกว่าที่ผมคิด ถนนโล่งพอสมควร แต่ที่แน่ๆ แทนหลับหัวพิงหน้าต่างไปเรียบร้อย ผมเลยขับช้าๆ เรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้แทนตื่น
“เข้าห้องน้ำไหม” ผมจอดแวะปั้มเติมน้ำมันกับปลุกแทนไปล้างหน้าในตัว
“เราหลับไปนานเปล่า” ผมหอมหน้าผากของแทนหนึ่งที
“ไม่นานหรอก ตั้งแต่ออกจากโรงแรมแหละ นี่ปั้มสุดท้ายก่อนข้ามสะพานสารสินเข้าเกาะภูเก็ตละ” แทนพยักหน้าก่อนจะปลดเข็มขัด แล้วลงไปบิดขี้เกียจสักนิด ส่วนผมถอยรถออกจากหน้า 7-11 ในปั้มเพื่อไปเติมน้ำมัน เติมเสร็จขยับรถกลับไปจอดที่เดิม ก่อนจะลงไปเข้าห้องน้ำ แล้วไปเจอแทนที่เดินเลือกของกินใน 7-11 เกือบเต็มตระกร้า จนผมไม่แน่ใจว่า กลับไปรอบนี้ เราทั้งคู่จะน้ำหนักขึ้นกันแค่ไหน
“บิ๊ก จะถึงสะพานสารสินยังอะ” ผมดูตำแหน่งของ GPS ใน Maps นำทางของ iPhone สักครู่
“ก็อีกไม่ไกลนะ” ผมขึ้นเกียร์เร่งหนีรถบรรทุกคันหน้าให้พ้น
“ถึงสะพานแล้ว อธิฐานสิ่งที่หวัง แล้วกลั้นหายใจจนกว่าจะข้ามพ้นสะพานนะ เค้าว่าสิ่งที่ขอจะเป็นจริง” จริงอะ
“เหรอ สะพานยาวนะ ขับเร็วๆ ได้ใช่ปะ” ถ้าให้ผมกลั้นหายใจขับ 60-80 KM/H ผมคงขาดใจตายก่อนแหง่ๆ
“ก็ได้นะ เค้าไม่ได้บอกว่าต้องขับเร็ว ขับช้า” โอเค เดี๋ยวซิ่งอย่างไวเลย
พอไปถึงสะพานสารสินแล้ว ผมมองไกลๆ รถข้างหน้าไม่ค่อยมี ถ้าจะอัดเต็มก็ไม่น่าอันตรายมากนัก ผมหันไปมองแทนรอบหนึ่งก่อนเพื่อให้สัญญาณว่า ผมกำลังจะอัดเต็มละนะ ทันทีที่หน้ารถเข้าสะพาน ผมเริ่มกลั้นหายใจ แล้วดึงเกียร์ลงหนึ่งเกียร์ลากรอบแล้วตบขึ้นทันที ตอนนี้ผมใช้ความเร็วบนสะพานไปถึง 180 KM/H ซึ่งพอสำหรับการขับแล้วไล่มุดรถที่วิ่งบนสะพาน และเพียงอึดใจเดียว ผมใช้ช่วง 50 เมตรสุดท้ายของสะพานเริ่มดึงเกียร์ลงให้ต่ำ พร้อมกับถอนคันเร่งปล่อยไหลไปเรื่อยๆ กดเบรกหนักๆ ไปที และปล่อยให้ความเร็วของรถไหลลงช้าๆ ไปเรื่อยๆ
“โอเคไหมครับ” ผมมั่นใจว่าแฟนผมไม่ได้กลั้นหายใจจนหน้าเขียวซะก่อน
“สบายๆ เสียวบิ๊กขับมุดมากกว่าอีก” เราออกจะขับปลอดภัย กลัวได้ไง
“บิ๊กขออะไรไปเหรอ” ผมคิดว่าจะ...
“แทนบอกก่อนซิ” ผมอยากรู้ของแทน แต่ผมไม่บอกแทนหรอกว่าผมขออะไรไป
“ขี้โกงอะ ไม่บอกมั่ง ไว้วันเกิดบิ๊กจะเฉลยให้ฟังละกัน” โหย ไรอะ
“ไรอะ บอกดิๆๆๆ” แทนแกะป็อกกี้ใส่ปากผมก่อนจะหันไปมองวิวนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจผม งั้น...ไว้วันเกิดเรา เดี๋ยวบอกแทนดีกว่า
……………….
ภูเก็ตเป็นเกาะที่ขับรถค่อนข้างยาก ถนนค่อนข้างแคบ มุมหลอกตาให้เกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก แต่ก็สนุกสำหรับการเล่นไลน์ถนนตามประสาคนติดซิ่งอย่างผม แต่ผมพาแฟนมา ก็เลยต้องขับเรียบร้อยสักหน่อย หลังจากทานข้าวเที่ยงแล้วที่พักที่ผมเลือกสำหรับทริปนี้เป็นโรงแรมที่ติดริมผา มีตุ๊กตาหมีเป็นของประดับทั้งโรงแรม ห้องพักที่ผมเลือก ระเบียงเป็นหญ้าเทียมให้เดินเท้าเปล่ากันได้ด้วย
“วิวสวยเนอะ” ผมเดินมากอดข้างหลังแทนที่กำลังยืนมองวิวจากระเบียง
“ใช่ สวยจนเราอยากให้บิ๊กกับเราอยู่มองด้วยกันทุกปี” ผมเอียงแก้มไปชิดกับแทน
“งั้น เราจะมาดูใหม่ที่นี่ทุกปี ตรงนี้ ห้องนี้ จนกว่าโรงแรมจะเจ๊งนั้นแหละ” ผมมั่นใจว่าเราจะได้มายืนตรงนี้ด้วยกันตลอดไป
“ไม่อยากกลับไปเลย อยากอยู่แบบนี้ เบี้ยวเรื่องไปเมกาไปเลยยิ่งดี” แทนเอยขึ้นมา ก่อนจะหันมากอดผม
“อุ้มเข้าไปหน่อย เราอยากเกาะไว้แบบนี้อะ” หาเรื่องให้ผมออกแรงซะแล้ว
แล้วคิดว่าผมจะปล่อยแฟนผมลงง่ายๆ เหรอ เสร็จผมซิครับ
“ตื่นได้แล้วๆ” ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมา หลังจากแทนเสร็จผมไปสองรอบติดๆ
“กี่โมงแล้ว” ผมรู้สึกว่ามันน่าจะค่ำแล้วแหละ
“ทุ่มนึงแล้ว” มิน่า หิวข้าวอย่างบอกไม่ถูก
“งั้น ล้างหน้าแป็ปนะ” ผมลุกไปล้างหน้าให้เรียบร้อย และคิดอยู่ว่า จะพาแทนไปทานข้าวที่ไหนดี และผมก็นึกออกแบบทันทีว่า
ผมรบกวนพี่ที่หน้าประชาสัมพันธ์ของโรงแรม ช่วยหารถมอไซค์เช่าให้หน่อย แล้วผมก็ได้ Yamaha Fino สีขาวมาคันนึง การขับมอไซค์แบบเกียร์ออโต้ เหมือนจะง่าย แต่ผมไม่คุ้นเอาซะเลย แต่มันให้อารมณ์สนิทกับคนที่ซ้อนท้ายได้มากกว่าการขี่น้องถ่านคันประจำจริงๆ แทนที่นั่งหลังดูร้านว่าจะไปกิน
“ให้ขวดเดียวนะ” ผมพยักหน้ารับทราบหลังจากที่ได้ร้านสำหรับมื้อเย็น สั่งเสร็จ ผมก็...ขอสักขวดละกัน
“ก็อยากอะ เดี๋ยวคืนนี้ดื่มต่อ น้อยนิด แต่อร่อย” แทนมองบนใส่ผมเลยอะ
“จะไปเรียนวิทย์ฯกีฬา ต้องดูแลสุขภาพนะ มาดื่มแบบนี้ไม่ได้นะรู้ไหม” นั่นไง...ก็แค่มาเที่ยวนะครับ ผมส่งสายตาน่ารัก กระพริบตาอ้อนไปหา แทนจะมองบนต่อก็ไม่สน
“เราคิดไรออกด้วยแหละ กะว่ากลับไปจะลองดู” ผมเกริ่นอะไร งงๆ ให้แทนฟัง
“เราจะไปบอกแม่เรา ว่าให้ไปสู่ขอแทนไว้ก่อน” ผมไม่คิดเล่นๆ นะ ทำจริงด้วย
“เพี้ยนแล้ว แม่เราไม่ยอมหรอก” แทนยังฟังไม่จบเลยๆๆ
“ถ้าผู้ใหญ่คุยกัน มันอาจจะดีกว่าเด็กอย่างเราคุยกับแม่ของแทนก็ได้ อีกอย่าง แม่เราโอเคแน่ๆ ถ้าจะให้แทนเป็น...” ผมเขินอะ ที่จะบอกว่า
“เป็นสะใภ้บ้านเราอะ” ดูแก่แดดชิบ แต่ผมอยากให้เป็นตอนนี้ด้วยซ้ำ กลับกทม. พรุ่งนี้เลยก็ยังได้
“อันที่จริง เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำไงถึงจะทำให้เรื่องของเราไม่จบลงที่ แทนต้องไปอเมริกา แล้วเราไม่เจอหน้ากันอีก ที่เราคิด ก็แค่หวังว่า คงเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน” ผมวางขวดเบียร์ลง แล้วจับมือแทนไว้ ผมไม่พูดอะไรนอกจากมองแทนนิ่งๆ แล้วดึงสองมือแทนขึ้นมาหอมหนึ่งที
“ไม่รู้จะพูดไรอีก แต่เอาว่า กลับไปแล้ว เดี๋ยวจะให้แม่มาขอนะ” แทนไม่ตอบอะไร แต่ผมรู้สึกได้ว่าแฟนผมยิ้มอยู่
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ แทนไม่ยอมให้ผมขับมอไซค์กลับเอง ทั้งที่ผมดื่มแค่ขวดเดียว ผมเลยไปเดินรอบๆ แถวนั้นเพื่อให้แทนแน่ใจว่า ผมไม่เมาแน่นอน (ขวดเดียวไม่สะดุ้งไรเลยนะ) แถวที่ผมทานมื้อเย็น เป็นตลาดนัดกลางคืนย่อมๆ จึงเดินฆ่าเวลาได้เรื่อยๆ แต่...
“บิ๊กๆ วาดรูปไหมคู่ไหม” แทนชี้ไปที่ซุ้มศิลปินท่านนึงที่มีภาพวาดแนวการ์ตูนวางเป็นตัวอย่างอยู่
“เอาดิ” ผมจูงมือแทนไปเลย
“พี่ครับ วาดรูปคิดเท่าไหร่ครับผม” ผมถามราคาพี่ศิลปินที่กำลังว่างอยู่ตอนนี้
“1500 ครับ วาดไม่นานนะครับ” ผมตกลงทันที
“รูปเดียวคนละรูปใช่ไหม” ผมตอบทันทีเลยว่า
"ไม่ใช่ครับ รูปคู่ผมกับแฟนผมครับ" แทนดูจะเขินที่ผมตอบ แต่พี่จิตรกรกลับยิ้ม พยักหน้า แล้วยกดินสอเล็งผมทั้งคู่ แล้วถามผมว่า
"เราทั้งคู่คบกันนานยังครับ" ผมคิดว่าพี่เค้าคงคิดอะไรก่อนวาดอยู่ หลังจากผมกับแทนมองหน้ากันสักครู่
"สามปีครับ" แทนเป็นคนตอบคำถามนี้ แล้วพี่จิตรกรก็พยักหน้า ก่อนจะบอกผมว่า
"นั่งจับมือกัน แล้วเอียงคอซบกันเล็กน้อยนะ พี่ว่ามันดูน่ารักดี" โอเค จัดให้ครับ
ตลอดเวลา 45 นาทีที่ตั้งท่าให้วาดรูป ผมรู้สึกได้ว่า ท่าจับมือให้วาดรูป เป็นเป้าสายตาสำหรับใครหลายคนอยู่พอสมควร ผมรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก บางคนก็แอบถ่ายรูปคู่ผม ส่วนใหญ่จะเป็นเกย์ที่ดูสาวหน่อย รวมถึงกลุ่มเกย์จากจีนที่มาเที่ยว แต่ผมกับแทนก็ยังคงนั่งนิ่งๆ จับมือ เอียงคอให้วาดกันต่อไป จนเวลาผ่านไปสักครู่ พอจะให้มือรู้สึกชุ่มเหงื่อเล็กๆ
“เสร็จละครับน้อง” ทันทีที่เราทั้งคู่เห็นภาพวาด ผมแทบอยากให้เงินมากว่านั้น มันเป็นภาพการ์ตูนที่ ผมดูเข้ม แทนดูหวาน พื้นหลังเป็นโซฟา อารมณ์อีกนิดก็ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะแล้วแหละ ทั้งผมกับแทนต่างก็ยกนิ้วโป้งชอบรูปนี้แบบไม่ได้มองหน้ากันก่อน
แทนนั่งซ้อนท้ายผมกลับโรงแรม โดยที่ภาพวาดถูกม้วนใส่กระบอกไว้อย่างดี ผมขับ Fino คันน้อยช้าๆ ท่ามกลางบางช่วงของเส้นทางที่เหมือนเมืองที่หลับลงไปแล้ว แต่บางมุมก็ยังไม่หลับ แถมคึกคักเหมือนพึ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ บิ๊กเองก็แอบขับวนๆ อ้อมๆ ก่อนกลับโรงแรมเพื่อชมบรรยากาศรอบๆ สักเล็กน้อยก่อน
“ตลกดีอะ” แทนที่อาบน้ำเสร็จแล้วกำลังนั่งดูรูปอยู่บนเตียง ส่วนผมก็พึ่งอาบเสร็จหมาดๆ
“น่ารักออก ดูดิ วาดเราดูหวานๆ วาดแทนดูเข้ม ตกลงใครเป็นสามี ภรรยากันเนี่ย” ผมโดดขึ้นเตียงมากอดแทนจากด้านหลัง
“จะนอนแล้วนะ ทำอะไรก่อนนอนดี” ผมปลดผ้าชนหนูที่พันตัวออก ส่วนแทนไม่ตอบอะไร นอกจากค่อยๆ ม้วนรูปเก็บลงกระบอก แต่แทนก็ยังไม่ยอมหันมาซะที
“นับ 3 นะ ถ้าไม่หันจะ...” แทนหันมาประกบริมฝีปากเอาไว้ก่อนผมพูดจบ
“อยู่ในอุ้งมือแบบนี้ จะหนีไปไหนได้ละ” ถูกต้องครับ หนีไม่ได้แล้ว
กิจกรรมประจำวันก่อนนอนที่มีแค่แทนเท่านั้นที่ผมยินดีจะทำด้วยก็เริ่มต้น ถึงเตียงจะนิ่มไปนิดก็เถอะ...
……………….
หลังจากกลับมาจากเที่ยวยาวแล้ว ผมกลับมาบ้านที่ขอนแก่น เพราะไม่ได้อยู่กับคุณยายนานแล้ว สงกรานต์ที่ผ่านมา บิ๊กกับเพื่อนๆ ทุกคนก็ขึ้นมาเล่นน้ำด้วยกันที่โคราช ก่อนที่ทั้งผมกับบิ๊กและเพื่อนๆ แวะกลับไป กทม. เพื่อเคลียร์เรื่องรับตรงมหาวิทยาลัย แล้วผมก็กลับมาขอนแก่นคนเดียว
“คุณยายครับ วันเกิดบิ๊กปีนี้ ขอใช้บ้านคุณยายเลี้ยงวันเกิดนะครับ” ผมเอยขึ้นขณะที่กำลังช่วยคุณยายตัดกิ่งไม้เลื้อยในสวนรอบบ้าน
“ได้ซิ วันไหนละ ยายจะได้ทำกับข้าวไว้ให้” คุณยายกำลังเล็งกิ่งแก่ที่จะตัดออก
“20 นี้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปจ่ายตลาดในเมืองซื้อของนะครับ” ผมวางกรรไกรแล้วเริ่มกวาดเศษกิ่งไม้
“ให้เจ้ากบพาหลานไปตลาดนะ นั่งรถยายไปจ่ายตลาดก็ได้” ผมพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะช่วยกวาดเศษกิ่งไม้ที่เหลือ ในหัวก็คิดอยู่ว่าจะทำอะไรให้บิ๊กทานดี ที่แน่ๆ เค้กวันเกิดปีนี้คงซื้อเอาดีกว่า เพราะไม่สะดวกจะทำเท่าไหร่
“ฮัลโหล มะรืนนี้มาบ้านเราได้เปล่า” ผมโทรหาบิ๊กหลังจากช่วยคุณยายเสร็จ แล้วกลับขึ้นมาบนห้องนอนตัวเอง
“ตอนนี้ก็ยังได้ครับ” คำตอบเวอร์ๆ แบบบิ๊ก ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ
“20 นี้มาบ้านเราที่ขอนแก่นนะ ก่อนบ่ายได้ไหมครับ” กะว่าเดี๋ยวพาบิ๊กไปทำบุญวัดที่ครอบครัวผมไปทำประจำ
“โผล่ไปแต่เช้าเลยดีกว่า ขับรถแป็ปเดียวก็ถึงแล้วนะ” รู้ว่าแป็ปเดียว แต่ไม่ต้องรีบนะ
“คร๊าบ ขับรถดีๆ ห้ามซิ่งด้วย รักนะครับ” เวลาบิ๊กขับรถคนเดียว รู้นะว่าจะเร็วขนาดไหน
“รักแทนที่สุดครับ เจอกันนะครับ” ผมวางสายลงด้วยรอยยิ้ม เวลาเราห่างกัน สิ่งที่ผมชอบคิดถึงคือ
ตอนนี้บิ๊กจะยิ้มอยู่ไหม มีความสุขไหม เจออะไรดีๆ ทำอะไรก็ราบรื่นไหม...ผมอยากอยู่ข้างๆ บิ๊กเสมอนะ
หลังจากผมวางสายแทนไปเสร็จ ผมรีบเอาน้องแพนด้าไปเช็คสภาพให้เรียบร้อย เพราะช่วงที่ผ่านมาใช้เดินทางต่างจังหวัดซะเยอะ แล้วผมก็คิดออกแวะไปซื้อพวกขนม ของกินที่แทนชอบมาเก็บไว้ กะว่าจะไปอยู่ด้วยสักอาทิตย์ซะหน่อย อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก และพอกลับมาถึงบ้าน
“แม่หวัดดีครับ” ผมแทบคุยนับครั้งได้กับแม่ในช่วงสามสี่เดือนหลังที่ผ่านมา ผมแอบดีใจที่เห็นแม่นั่งสบายๆ ไม่มีกองแฟ้มล้อมรอบโต๊ะรับแขกแบบที่ผมเห็นจนชินตา
“เอารถไปซ่อมเหรอ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะไปนั่งข้างๆ แล้วกอดแม่สักที
“เมื่อไหร่แม่จะมีเวลาอยู่ด้วยเยอะๆ บ้างครับ” ผมพูดจากความรู้สึกตัวเองจริงๆ นะ แม่ผมทำหน้างงๆ ว่าผมมาไม้ไหนกันแน่
“มาแบบนี้จะขออะไรแม่ละ” ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แต่แม่ทักมางี้ ก็พูดเลยดีกว่า
“แม่ครับ ถ้าบิ๊กอยากขอแฟนแต่งงานตอนนี้จะได้ไหมครับ” ผมคิดไว้ว่า พอบอกไป แม่ผมต้องทำหน้าแปลกๆ แล้วก็ทำหน้าแปลกๆ ใส่ผมจริงๆ
“งั้น ตอบแม่มาก่อนว่า ช่วงที่ผ่านมา ทำไมกินเหล้าหนักมาก แถมเสื้อผ้าบางชุดลูกมีคราบเลือดด้วย ลูกไปทำไรมา” ถ้าให้ผมตอบคำถามก่อน แม่ก็ต้องตอบของผมก่อน
“ตอบคำถามบิ๊กก่อนได้ปะครับ นะๆๆ” แม่ผมแค่พยักหน้า แล้วชี้นิ้วขึ้นมานัยฯ ว่าให้ผมตอบคำถามบ้าง
“ช่วงเทอมสุดท้ายที่ผ่านมา แม่ของแทนเค้าเจอผมนอนกับแทนอยู่ คือ แม่เค้าไม่โอเคเรื่องที่ผมคบลูกเค้า ทีนี้ อะไรๆ ก็แย่จนแทนขอเลิก ตอนนั้นผมเลย...ผมขอโทษครับแม่ แต่ผมทำไรไม่ถูกจริงๆ” แม่ผมลูบศีรษะผมช้าๆ ก่อนจะบอกว่า
“รู้ไหม แม่เสียใจมากตอนที่เห็นบิ๊กเป็นแบบนั้น แล้วแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะบิ๊กไม่ยอมเล่า ถ้าแม่บังคับถาม แม่ก็รู้สึกเหมือนกำลังซ้ำเติมสิ่งที่ลูกเสียใจอยู่ แม่อยากบอกว่า ไม่ว่าบิ๊กจะเจออะไรมา ไม่ว่าแม่จะทำอะไรอยู่ แม่จะรีบมาหาทันที เพราะลูกคือของขวัญชิ้นเดียวที่แม่มีในชีวิตนี้ ถ้าบิ๊กเป็นอะไรไป แม่ก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน” ผมกอดแม่แน่นๆ อีกที รู้สึกโกรธตัวเองที่ชอบคิดว่าแม่ไม่รักเราเอาซะเลย
“บิ๊กอยากให้แม่ไปขอแทนเอาไว้ คือ...แม่แทนจะพาแทนไปเรียนเมืองนอก แล้วไม่ให้กลับมาอีก บิ๊กคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำไงดี เลยคิดว่าวิธีนี้น่าจะโอเคสุดแล้ว” ผมรู้สึกตัวเองไร้เดียงสาโคตรๆ ที่คิดวิธีนี้ออกมา
“ฟังแม่นะบิ๊ก บิ๊กยังไม่ต้องไปขอแทนหมั้นหมายแต่งงานอะไรหรอก พาแม่ไปหาครอบครัวแทนได้ไหมละ” ผมรู้สึกตกใจว่า แม่จะเอาจริงเหรอ ครอบครัวของแทนน่ากลัวจะตาย
“ตอนบิ๊กพาแทนมาบ้าน แม่ก็รู้แล้วว่าคนๆ นี้พิเศษเกินกว่าเพื่อนลูกแน่ๆ” ผมงงว่าทำไมแม่รู้ละ
“แม่ไม่เคยเห็นบิ๊กมองใครด้วยแววตาแบบนั้น ลูกยังไม่เคยมองแม่ด้วยสายตานั้นเลย แม่ไม่เคยคิดเรื่องว่า ลูกต้องรักผู้หญิงหรืออะไรนะ แม่รู้ว่าแม่ไม่เคยดูแลบิ๊กดีอย่างแม่คนอื่นที่ดูแลลูก แม่เห็นแทนเป็นเด็กสุภาพ ไม่มีอะไรแอบแฝงกับบิ๊ก แม่ก็ดีใจแล้วว่า ถ้าคนๆ นี้ จะทำให้บิ๊กมีความสุขได้ แม่ก็สบายใจแล้วเหมือนกัน” ผมรู้สึกตัวเองแย่อย่างบอกไม่ถูกเลย
“แม่ครับ บิ๊กขอโทษนะครับ” แม่ผมกอดผมแน่นๆ
“ลูกไม่เคยทำอะไรผิดสำหรับแม่ แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ดูแลบิ๊กไม่ดีพอ” ผมได้แต่พยักหน้าในอ้อมกอดของแม่ผม
“แม่พอจะรู้ว่าบ้านของแทนเป็นไง ไว้หาจังหวะดีๆ แม่จะเข้าไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของแทนให้เอง” ผมรู้สึกผิดที่คิดว่าแม่ไม่เคยรักผมเลย ผมเผลอร้องไห้ตอนไหนก็ไม่รู้
“แม่รู้ไหม แทนเป็นผู้ชายคนเดียวที่บิ๊กรู้สึกพิเศษแบบนั้น ลูกชายแม่ไม่ได้เป็นตุ๊ดเป็นเกย์นะครับ” ผมกลัวแม่ฝืนใจเรื่องเพศสภาพผมนะ
“ลูกจะเป็นอะไร แม่รับได้หมด ขอให้ลูกอยู่ได้ เป็นคนดี แม่โอเคหมดนะ” ผมกอดแม่แน่นๆ ต่อไม่ปล่อย
“แม่ครับ หลังวันเกิดผม ผมจะนัดแม่มาเจอครอบครัวแทนนะครับ” แม่ผมตอบแค่ลูบศีรษะผมเบาๆ
บิ๊กรักแม่นะครับ ขอโทษแม่ที่ทำอะไรไม่ดีกับแม่ไว้เยอะด้วยนะครับ
……………….
พรุ่งนี้แล้วซินะ วันเกิดปีที่ 18 ของบิ๊ก ผมคิดเมนูกับหาเค้กได้เรียบร้อยแล้ว ตักบาตร ทานมื้อเช้าเสร็จ คุณยายมีธุระต้องไปหาหมอก่อน ผมเองก็กลัวตลาดจะวายซะก่อน เลยต้องงัดวิชาพื้นฐานของเด็กต่างจังหวัดต้องทำได้ นั้นคือการขับมอไซค์ไปเอง โดยมอไซค์ Wave คันที่ผมจะขับไป เป็นรถของอากบ คนขับรถของคุณยายผมเอง
“คุณแทนรอไอ้กบมันกลับมาก่อน เดี๋ยวค่อยไปตลาดก็ได้คะ” น้าจำเนียรดูจะไม่เห็นด้วยที่ผมจะไปจ่ายตลาดด้วยการขับมอไซค์ไปเอง
“ผมขับไม่เร็ว ขับระวังนะครับ” แต่น้าจำเนียรยังคงส่ายหน้าไม่โอเค
“คุณแทนแทบไม่ได้แตะรถเครื่องนะคะ น้ากลัวคุณแทนขับไม่แข็งนะ” แต่ชีวิตผมอยู่กับสองล้อความเร็วสูงตลอดนะครับ
“น้าต้องได้ซ้อนท้ายมอไซค์บิ๊ก ขานั้นขับซิ่งจนเสียวเลยแหละครับ ผมไปแป็ปเดียวนะ โทรสั่งของหมดแล้วด้วย นะครับๆ นะๆๆ” น้าจำเนียรดูจะไม่ยอม แต่ก็ไปหยิบหมวกกันน็อคมาให้
ผมค่อยๆ ขับออกจากบ้านไป พอถึงถนนใหญ่ ก็รอจังหวะให้ขัวร์แล้วค่อยขับไปชิดซ้ายฝั่งถนน เพราะผมไม่ขับเร็วมาก บ้านผมกับตัวเมืองอาจจะใช้เวลาเล็กน้อยถ้าผมค่อยๆ ไปช้าๆ มองดูเวลาก็รู้สึกว่าถ้าค่อยๆ คลานไปแบบนี้ อาจไปถึงตลาดสายเอาได้
เอาจริงๆ พ่อกับแม่ผม ไม่เคยให้ผมขับมอไซค์ไปไหนมาไหนเลย แต่ผมก็หัดไว้ เพราะคิดว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร ก็ยังเดินทางไปจัดการธุระด้วยตัวเองได้แน่ๆ ผมขับมอไซค์ผ่านโรงเรียนเก่าสมัยผมเรียนประถมกับมัธยมต้น ซึ่งเป็นโรงเรียนดังประจำจังหวัด งั้นผมก็ใกล้เข้าตัวเมืองแล้วแหละ
ผมติดไฟแดงเป็นคันแรกของแยก ข้ามแยกนี้ไป อีกไม่กี่โลก็จะเข้าตัวเมืองแล้ว ต้องขับระวังๆ เพราะรถในเมืองคงเยอะอยู่
เขียวแล้ว............!!!
************
ผมอยากขอบคุณคนอ่านทุกคนไว้ตรงนี้เล็กน้อย นิยายเรื่องนี้ใช้เวลาเกินปี นานเกินกว่าแผนผมที่วางไว้อยู่พอสมควร เขียนเก็บไว้ยาวมาก ก็ยังไม่พอกับการลงให้ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ผมเองก็มีภาระให้รับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองแบ่งเวลามาทำไม่ได้
ถึงคนอ่านจะไม่เยอะ ไม่ได้นิยมเท่าเรื่องอื่นๆ แต่ผมก็ดีใจที่มีคนตามอ่านมันอยู่เสมอมาครับ และมีไอเดียสำหรับเรื่องถัดๆ ไปไว้แล้ว
หวังว่าจะมีเวลาทำ+ทำแล้วได้รับการติดตามด้วยดีไม่แพ้เรื่องแรกของตัวเองครับ^^
รักคนอ่าน+จะรีบทำบทที่เหลือให้เสร็จนะครับ
ขอบคุณครับ^^