26
#Secretlove
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... 12 พฤศจิกายน…
วันงานวิชาการเวียนกลับมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าในความคิดของใครหลายคนเรียกวันนี้ว่าวันอะไร
แต่เขาขอนิยามวันนี้ในมโนทัศน์ของตัวเองว่า ‘วันแห่งความวุ่นวาย’
ที่จริงความวุ่นวายมันเริ่มไปแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 11 แล้ว มันเป็นวันที่เหล่าสต๊าฟต้องอยู่ถึงดึกดื่น กระทั่งหอบข้าวหอบของมานอนที่มอเลยทีเดียว อย่างเช่นคณะที่แสนทุ่มเทอย่างสถาปัตย์ ปีนี้ถูกเลือกให้นำหน้าขบวนพาเหรดเดินเข้างานเป็นขบวนแรก ความกดดันมันจึงไปรวมอยู่ที่พวกเขา หลายคนมั่นหมายอยากจะเห็นความยิ่งใหญ่ และความมีสีสันของงาน ดังนั้นคณะแรกๆที่เดินขบวนจะต้องสร้างความประทับใจติดตราตรึงใจผู้เฝ้ารอคอยให้ได้
คณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นหนึ่งในคณะที่เดินพาเหรดเป็นขบวนแรกๆ สำหรับผู้ที่ติดแฟนอย่างหมอ คุณคิดว่าเขาจะยอมนอนมหาลัยมั้ยในเมื่อมิวกลับมานอนที่ห้อง
ตอบเลยว่าไม่
เพราะงั้นมันจึงต้องลำบากแฟน…หมออีกนั่นแหละที่ต้องลุกแต่ตีสาม แล้วปลุกหมอให้ลุกขึ้น
“อือ กูง่วง”
ถ้าเขารู้ว่าหมอจะงอแงง่วงงุนขนาดนี้เขาจะไม่ยอมให้มันกลับมานอนห้อง เหตุสืบเนื่องมาจากเรื่องน้องกาว หลังจากวันนั้นทุกคนก็ดูจะเกรงใจหมอแปลกๆ คงเพราะสำเหนียกแก่ตนว่าเกือบทำให้แฟนเขาผิดใจกัน โดยเฉพาะตัวแม่อย่างเจ๊สอง นี่ดันหมอส่งกลับมาให้เขาเต็มที่ หลังหมอมันบอกว่าอยากกลับห้องไปนอนกับแฟน แต่เจ๊สองก็คือเจ๊สอง แม้นางจะรับตำแหน่งโปรดิวเซอร์ไปทำ แต่นางก็ยังพ่วงรับผิดชอบดูแลการจัดเตรียมขบวนของคณะวิศวะ ดังนั้นเจ้าแม่ความเนี๊ยบอย่างเธอจึงหยิบยื่นข้อแม้เพียงข้อเดียวแต่ปฏิบัติจริงยากมากมาให้หมอ…ตื่นก่อนตีสี่
“มึงต้องไปแต่งหน้าที่มอนะ ลุก”
เขาพยายามดุนหลังร่างสูงให้ลุก เพราะด้วยแรงเพียงน้อยนิด ที่ทำได้จึงเป็นแค่ดุนหลังร่างสูงจนหมอที่นอนตะแคงอยู่นอนคว่ำหน้าไปซะงั้น
“กูง่วง”
“หมอ ตื่น”
เขาลงนอนทาบร่างตัวเองกับหมอ แล้วเอื้อมมือไปบิดหน้ามันที่คว่ำลงกับเตียงนุ่มให้เงยขึ้นมองกัน ตาตี่ๆนั่นยังไม่ตื่นดีเลย ให้ตาย วันนี้จะปลุกได้มั้ยเนี่ย
“ตื่นได้แล้วครับคุณหมอ”
“ง่วง”
มันพูดกับเขาทั้งๆที่ดวงตาปิดสนิทไปแล้ว
หมอเป็นคนปลุกยาก เขารับรู้เรื่องนั้นตั้งแต่วันที่ยอมนอนร่วมเตียงเดียวกัน จำได้มั้ยเมื่อครั้งโน้นตอนเขามีเรียนเช้า เขาปลุกมันแทบตายจนเหนื่อยไปเอง พาร่างกายมานั่งหอบที่โซฟานอกห้อง แป๊บๆร่างสูงลุกออกตามมาเฉย เออเนอะ บทจะตื่นก็ตื่นง่ายดายเชียว บทจะไม่ตื่นตบตีเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นหรอก นี่แหละอีกเรื่องที่ควรรู้ของหมอ
“ตื่น”
“ไม่ตื่น”
บางทีก็สงสัยนะว่ามันตื่นหรือยัง ตอบฉะฉานเชียว
งั้นต้องใช้ไม้ตาย ตัวเขาที่นอนราบไปกับแผ่นหลังหมอในสภาพคว่ำหน้าตามเจ้าตัวสอดแขนเล็กทั้งสองเข้าไปใต้หน้าท้องแน่นของร่างสูง แล้วออกแรง ใจนี่คิดไปก่อนว่าจะต้องยกหมอขึ้นให้ได้ แต่กับสมรรถภาพของร่างกายแล้ว เห็นจะเข้าตัวเอง เสียเหงื่อโดยใช่เหตุ เพราะแขนเล็กของเขาน่ะเหรอจะยกตัวควายๆแบบหมอได้ ร่างสูงครางอืออา สบายเหลือเกินนะ ไม่รู้รึไงว่าคนอื่นรออยู่ที่คณะ
“หมอ ตื่นเดี๋ยวนี้”
“อือ จั๊กจี้ว่ะ ฮ่าๆ”
เออ ขำตายไปเลยแม่ง เขาค่อยลุกขึ้นขยับตัวเองลงนั่งข้างๆร่างสูง ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นจริงๆ สงสัยต้องรอหมอมันลุกขึ้นเองแล้วล่ะ
“อื้อ นอนด้วยกันก่อนดิ”
จู่ๆมือหนาก็เอื้อมมาพาดไหล่เขากดตัวเขาให้ลงนอนข้างกัน ทันได้เห็นตาตี่ๆนั่นยิ้มร้าย มารับรู้อีกทีร่างกายเล็กๆของเขาก็อยู่ใต้อาณัติที่มีร่างใหญ่คร่อมอยู่พลางมองลงมาอย่างหิวกระหาย โอ๊ย เสียทีมัน เขาพยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากมือหนาที่กดมือเล็กของเขาไว้บนเตียงนุ่ม
“ไม่เล่นนะ เดี๋ยวสาย”
“ก็ไม่เล่น”
ตาคมจ้องสบตากับเขา ทำไมมันเหมือนผู้ล่าจ้องเหยื่อที่ติดกับอย่างนี้
“หมอ หยุด”
“มึงต้องเป็นของกูวันนี้”
พูดไม่พอยังสื่อผ่านสายตาจริงจังนั่นมาอีก โรคหื่นเข้าสิงมันหรือไง
“มึงต้องเป็นของกูวันนี้”
มันยังคงย้ำชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆโน้มลงมาหมายจะลิ้มรสชิมเหยื่อที่ล่าได้ มิวเบือนหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่จะฉกลงมา เขายังไม่พร้อม หมออย่าทำ…
“เป็นของกูซะดีๆ ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ โอ๊ยจั๊กจี้ อย่า”
แล้วปากร้อนๆของมันก็ไล่ชิมรสหวานจากกายเขาไปทั่ว ทั้งหน้าที่ถูกระดมจูบ ริมฝีปากเอย หน้าผากเอย แก้มเอย ปลายคางเอย เขาใช้มือเล็กปัดป้องริมฝีปากของร่างสูงที่หมายจะประทับตรงปากเล็กอีกรอบ หมอจึงเปลี่ยนเป้าหมายลงไปจูบที่ซอกคอแทน ไล่จูบแขน จูบขา โอ๊ย เขาเขินจนตัวแดงไปหมด
“ป่ะ ลุกกัน”
เช็คสภาพเขาด้วย พอมันปลุกปล้ำกระทำชำเราร่างกายเขาจนหนำใจนี่ลุกออกไปง่ายดายเชียว
“ตัวอ่อนไปหมดแล้ว ลุกไม่ไหว T^T”
“เดี๋ยวอุ้ม”
“ส้นตีน”
หมอหัวเราะขบขัน
แม้เช้านี้จะดูวุ่นวายไปหน่อยเพราะมีงานใหญ่รออยู่ แต่เสียงหัวเราะของพวกเราที่ไม่เคยขาดหาย รอยยิ้มในยามเช้าที่เป็นยิ้มแรกของกันและกัน ความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ มันก็ไม่เคยลดน้อยลงไปเลย
ปรากฏว่าพวกเขาไปถึงคณะประมาณหกโมงเช้า โดนเจ๊สองสวดกันย่อยยับไปข้าง แต่เพียงหมอเอ่ยขอโทษเธอก็ให้อภัย แถมยังมีอารมณ์มาแซวเขากับหมอว่ามัวแต่ทำการบ้านจนเลยเวลา แกล้งให้เขาหน้าแดงและตามด้วยเสียงหัวเราะขันของหมอ ก่อนที่เธอจะจากไปด้วยคำพูดที่ใครๆต่างพูดกันในวันนี้
“วุ่นวายกันจริงๆ”
ใช่…วันนี้มันจะต้องเป็นวันที่แสนวุ่นวายวันหนึ่ง
ความวุ่นวายมันยังมารวมตัวกันไม่ครบเลย
ตามกำหนดการแล้วหมอควรจะเข้าห้องแต่งตัวไปตั้งนานแล้ว แต่เจ้าตัวดึงดันจะมาส่งเขาที่คณะให้ได้ สรุปด้วยเหตุผลล้านแปดทำให้เขาต้องยอมให้คนขับรถส่วนตัวมาส่งอย่างช่วยไม่ได้ เป็นคนขับรถส่วนตัวที่น่ารักจริงๆ เขาไม่ชมให้มันเหลิงหรอก
“ไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวดิ”
“เดี๋ยวอะไร ทุกคนรอมึงอยู่นะ” เป็นเขาเองที่เร่งหมอ เพราะทนเห็นร่างสูงชิลๆต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
“เจ๊สองบอกว่าเดินจริงๆก็สิบโมงโน่น”
“อย่างนั้นก็เถอะ”
“งั้นจูบก่อนดิ”
“ฮะ?”
“ก็…มอร์นิ่งคิสไง วันนี้ยังไม่ได้ทำเลย คิสๆ”
หมอทำปากจู๋ คิดว่าน่ารักตายอ่ะ แต่ไม่รู้ทำไมเขาต้องหน้าแดงด้วย เกลียดปฏิกิริยาของตัวเอง
“อ่ะ รีบๆเลย”
เข้าใจว่าอยู่ข้างในรถ แต่คนพลุกพล่านขนาดนี้คือยังกล้าทำ บอกเลยไม่ใช่หมอทำไม่ได้ ขอยกนิ้วโป้งให้เลย…แต่คว่ำลงนะ
ใบหน้าเราเลื่อนเข้าหากัน มอบจูบอันดูดดื่มให้กันและกัน
บางทีก็อายเสียงดังจ๊วบๆนี่เหมือนกัน เอ๊ย แล้วเขาจะบอกเพื่อ เขินแม่ง
เขาเปิดประตูลงจากรถ โบกมือบ๊ายบาย คือเป็นอะไรที่มุ้งมิ้งมาก ไม่คิดว่าหมอมันจะเห่อแฟน นี่เห่อมาเดือนกว่าแล้วคือยังไม่หมดไฟ 555
“แก นั่นมิวหนิ ลงรถมากับใคร”
“รถหมอนี่ เขาเป็นอะไรกัน มีตามรับตามส่ง”
“ข่าวดังจะตายในโซเชียล เพจคิ้วท์บอยก็เอารูปคู่ลงบ่อยๆ”
“โอ๊ย แกเชื่อแอดมินเพจเหรอวะ นางบ้าจิ้นจะตาย เผลอๆรูปตัดต่อด้วยซ้ำ”
“ค่ะ อินักวิทยาศาสตร์ แต่เสือกเรียนอักษรนะ”
“ค่า กูไม่เชื่อจนกว่าจะมีอะไรมายืนยัน สำหรับกู หมอโสดค่ะ”
เป็นธรรมดาที่จะมีคนคิดอย่างนั้น เพราะจุดเริ่มต้นพวกเขามาจากการจิ้นกันในโซเชียล แม้ตอนนี้เขากับหมอจะคบกัน แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยอะไร จำเป็นมั้ยต้องโพสต์ตัสบอกให้โลกรู้ แล้วไอ้การอย่างขึ้นสถานะความสัมพันธ์ In a relationship นี่ก็ลืมไปได้เลย ตั้งแต่ขอเป็นแฟนกันมาหน้าไทม์ไลน์หมอก็ยังเหมือนเดิมนะ คือโพสต์รูปตัวเอง เช็คอิน บลาๆ เอาจริงๆสงสัยมากที่มันบอกเล่นเฟสเพราะเขา ดูแล้วจะติดเองเสียมากกว่า ดูจากตอนนี้มันขึ้นเช็คอินที่ตึกวิศวะเมื่อสิบสี่วิที่แล้ว 555
ไลค์ให้ไปเลย… รางวัลเช็คอินดีเด่นแห่งปี
“กล่าวกันว่าคนที่ติดผัว มักจะมาช้าที่สุด”
“จริงเหรอคะคุณนด”
“ค่ะ คุณนีรนาช”
“กรี๊ด ชื่อเก่าทิ้งไปแล้ว”
“แต่ชื่อเฟสก็ยังไม่เปลี่ยน”
“มันเปลี่ยนไม่ได้แล้ว”
“ดีสุด 555”
นดและนีตรงมาหาเขาก่อนใครเพื่อน ประโยคแรกมีแซะเขานิดหน่อย แต่สุดท้ายพวกแองเจิลก็แซะกันเอง อ้อ ขอบอกว่าโบธลาออกชั่วคราวจากแก๊งไปแล้ว เพราะมันติดสาว เห็นว่าตามจีบดาวคณะวิศวะปีหนึ่ง อุ๊บ น้องที่มีเสน่ห์เกินห้ามใจคนนั้นไง…น้องกาว ก็ได้แต่อวยพรให้เพื่อนโชคดี
“จงตอบคำถามมาสามข้อ” นดยื่นโทรศัพท์มือถือของมันมาจ่อปากเขา
“อัดเสียงป่ะนี่” เขาถาม
“เปล๊า จ่อเล่นๆ” เขาเหล่ตา
“เออน่า จงตอบคำถามมาสามข้อ” มันทวนซ้ำ เขารอฟัง
“ข้อแรก คุณมัวทำอะไรอยู่”
“ปลุก…”
“เดี๋ยว” เขาอ้าปากจะตอบแต่นดห้ามไว้
“มีช้อยส์”
“ข้อหนึ่ง จูบกับผัว
ข้อสอง อาบน้ำกับผัว
ขอสาม ให้ผัวเย”
เป็นช้อยส์ที่เหี้ยมากมาย…ขอบคุณ
“กูเลือกข้อสี่ ไม่ตอบ” เขาตัดบทแล้วเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆ มีขิมโบกมือทักทายอยู่แล้ว
“พอๆ หยุดเล่นก่อน นดนีนั่งที่ก่อน”
“ค่าพี่บอยคนล่ำ ซี๊ด กล้ามปูนั้นท่านได้แต่ใดมา”
“เดี๋ยวโดนศอก”
“อุ่ย” สงสัยพี่บอยคงจะกลัวนดจริงๆ เขาก็กลัว
วันนี้วุ่นวายกันทั้งคณะ ทั้งตึก ทั้งมอ ไม่เว้นคณะอักษร พวกเขาเองก็จัดเตรียมกิจกรรมถ้าทุกคนจำได้ บัตรนักศึกษาเขากับการแลกมาซึ่งสิ่งต่างๆมากมายในการขออนุญาตจัดงาน เป็นข่าวดีด้วยที่ซุ้มอักษรจัดติดกับวิศวะโยธา คณะนั้นเขาแยกย่อยสาขากันไปจัดซุ้มเองน่ะ ส่วนพวกเราอักษรถือคติรวมตัวกันแล้วจะอยู่รอด 555
เมื่อทุกคนมานั่งครบ ประธานสโมสรอย่างพี่บอยคนล่ำที่อินดมันขนานนามก็มายืนตรงกลาง
“พี่มิว”
“อ้าว วินสวัสดี”
ลืมไปเลยว่างานนี้มีปีหนึ่งมาร่วมแจม
“สวัสดีครับ” เขาพบว่าเด็กแบงค์เองก็นั่งอยู่ข้างมาวินด้วย
“สวัสดีแบงค์”
หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็หันไปสนใจสิ่งที่พี่บอยประกาศบอกน้องๆ
คร่าวๆมีอยู่ว่าคณะอักษรจัดซุ้มเล่นเกมส์ ปีหนึ่งและปีสองต้องอยู่ดูแลซุ้มตั้งแต่เวลาบ่ายโมงเป็นต้นไป เพราะช่วงเช้าปีสามปีสี่จะรับหน้าที่ไป เท่าที่ฟังดูเกี่ยวกับเกมส์ที่เล่นก็เป็นพวกแบบปาลูกศร สั่งให้ทำนู่นนี่แต่ที่แปลกไปคือพวกพี่ๆบอกว่าจะคัดตัวคนเล่น ซึ่งแน่นอนถ้าอยากได้กำไรมากๆก็คงจะต้องเป็นคนดังแห่งคณะแน่นอนอยู่แล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมีรายชื่อเขาอยู่ในนั้น พอมองไปที่แก๊งแองเจิลตบมือเปาะแปะกันก็อ๋อเลย…มีเพื่อนดีมันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ
ขอมอบรางวัลเกียรติยศความเหี้ยให้พวกมันเลย เพลีย
แบงค์เองก็ถูกเรียกชื่อไป…ลางสังหรณ์เขาบอกว่ามันจะต้องเกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายมากมายตามมาแน่
ถอนหายใจล้านแปดรอบก่อนล่วงหน้าเลย
ปวดหัว…
-มีต่อนะ-