ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ว่ากันว่า ในประวัติศาสตร์ตั้งเเต่ก่อตั้งคณะขึ้นมานั้น มีนิสิตเพียงคนเดียวที่จบด้วยเกรด4.00
เเละเพราะความที่ลำคอของเขาห้อยเกียร์ไว้ถึงสองอัน
ทุกคนจึงตั้งสมญานามให้เขาว่า ' เกียร์คู่ในตำนาน '
ตอนที่ 1 ปิดเทอมของที
สวัสดีคร้าบบบบ ! ในที่สุดผมคนนี้ก็มีเรื่องเป็นของตัวเองเสียที หลังจากเป็นตัวประกอบแสนจืดจางมาเนิ่นนานTvT ก็จะให้ทำไงได้ ในกลุ่มผมมันดันมีแต่พวกหล่อ รวย มีแต่ผมแหละที่ดูเป็นสามัญชนคนธรรมดาที่สุด หน้าตาพอไปวัดไปวา ฐานะพอมีพอกิน มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมพอจะใช้เชิดหน้าชูตาได้นั่นก็คือ ‘ผลการเรียน’
ก็ไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ผมสอบตรงเข้ามาด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง และ ได้ทุนให้เปล่าจากบริษัทวิริยะคอนสตรัคชั่นด้วย นี่จึงเป็นเหตุให้ผมได้มารู้จักกลุ่มไอ้โซล จำได้ว่าตอนเข้าปีหนึ่งมาใหม่ๆ ไอ้โซล ไอ้แท็ค ไอ้ก้อย ก็เดินเข้ามาหาผม ตอนแรกผมนึกว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรผิดไว้รึเปล่า คือหน้าตาไอ้โซลตอนนั้นมันดูหาเรื่องมากอ่ะครับ
‘มึงชื่อ ทวีเดช ที่ได้ทุน v group รึเปล่า’ ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในโรงอาหาร กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมองคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ผงะ ใครฟะ-*-
‘หน้าตาโง่เง่าชะมัด…เสียอารมณ์ว่ะ’ ไอ้หน้าหาเรื่องที่ดูเหมือนจะชื่อโซลหันไปพูดกับเพื่อนมันได้ยินอย่างนั้นผมก็ขึ้นสิครับ เกือบได้ชกกันแล้ว ดีที่สองคนนั้นมาขวางผมกับไอ้โซลเอาไว้ ไม่งั้นได้เด่นกันตั้งแต่วันเปิดเทอมแน่
ผมเพิ่งมารู้ภายหลังจากไอ้แท็คว่าสาเหตุที่ไอ้โซลมันเดินมาดูหน้าแล้วทำท่าหงุดหงิดใส่ผมวันนั้นเป็นเพราะ ผมดันไปแย่งทุนมัน มันคิดจะชิงทุนบริษัทตัวเอง ผมก็งงนะว่ามันจะสอบชิงทุนที่บริษัทตัวเองให้คณะมาทำติ่งไรวะ รวยก็รวยยังจะมาแย่งชาวบ้านเค้าอีก ไอ้แท็คบอกว่ามันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ไอ้โซลมันกะอวดพ่อแม่ปู่ย่าตายายว่า มันเจ๋ง มันเก่ง แค่นั้น!! แล้วผมดันสอบได้คะแนนมากกว่ามัน มันเลยหงุดหงิดต้องมาเห็นให้ได้ว่าหน้าแบบไหนวะบังอาจมาทำลายแผนโชว์เมพของมัน นั่นล่ะครับเหตุผล…ปัญญาอ่อนชิบหาย
เหตุการณ์วันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้รู้จัก และ กลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มนี้ในที่สุด คือผมก็งงเหมือนกันว่าสุดท้ายมันกลายเป็นแบบนี้ได้เยี่ยงไร แต่รู้ตัวอีกทีผมก็กลายมาเป็นสมาชิกกลุ่มนี้แถมอยู่ด้วยกันมาย่างเข้าปีที่สามแล้วอีกต่างหาก =_=;;
ออกนอกเรื่องซะนาน กลับมาครับ กลับมา มาสู่ช่วงเวลาปัจจุบันกัน
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ หลังพวกเราชาววิศวะกลับมาจากค่ายอาสาก็แยกย้ายกันไปที่ชอบๆ ของตัวเองหลังจากเหนื่อยกับการเรียนและกิจกรรมมาตลอดปีสอง ไอ้แท็คบินไปเยี่ยมญาติที่จีนกับครอบครัว ไอ้โซลลากน้องเพย์ไปกบดานที่ไหนกันสองคนก็ไม่รู้ ไอ้ป๊อกก็โดนคุณหญิงแม่เรียกกลับบ้าน เมื่อวานมันโทรมาฟูมฟายกับผมใหญ่เลยว่าคุณหญิงแม่จะจับมันแปลงโฉม…เออ ดีแล้ว จะได้กลับมาเป็นคนกับเค้าซะที ส่วนไอ้สกายก็ไปเป็นอาสาตามโรงพยาบาล และ บ้านพักคนชรากับเพื่อนๆ ที่คณะพยาบาล ส่วนผมนายทวีเดชผู้ครองทุนฟรีสองปีซ้อนย่อมต้องทำกิจกรรมที่แส๊นนนนประเทืองปัญญากว่าใคร…อ่านหนังสือ...การ์ตูน
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ….คิกๆ …..ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ” โอ๊ย! ฮาว่ะแต่ละมุกคิดได้ไงวะ ผมนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียง เหมือนควายจมปลัก อ่านการ์ตูนตลกอย่างแสนสุขี ปิดเทอมนี่มันดีจริงๆ ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องทำกิจกรรม ไม่ต้องทำห่าอะไรทั้งนั้น กูช้บบบบชอบบบ คอยดูนะ กูจะอ่านการ์ตูนที่หมกไว้ให้จบเลย ไหนจะอนิเมะอีก คิดแล้วฟินนนนนน
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ใครโทรมาขัดความสุขกรูวะ เดี๋ยวให้ท่านซากาโมโตะ (พระเอกในการ์ตูน) ไปจัดการซะเลยนี่ = =’ ’
อาแอ๋ม
…รับดีมั้ยวะ…ทำไมกูรู้สึกเหมือนงานกำลังจะเข้า
ผมนอนจ้องโทรศัพท์สามซุง เสียงเรียกเข้าสุดโปรดดังอยู่ครู่หนึ่งก็ดับไป ก่อนจะดังขึ้นมาใหม่อยู่แบบนี้สามรอบ โอเค กูเห็นแก่ความพยายาม ขืนไม่รับเดี๋ยวก็โทรเข้าเบอร์บ้าน…
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
กู-ว่า-แล้ว-ไง!!!
“พี่ที อาแอ๋มโทรมา!” น้องสาวผมวิ่งทั่กๆ หยิบโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายขึ้นมาให้
ผมกลอกตาไปมา ไม่อยากรับว่ะ โอ๊ย! ไอ้ทามน้องสาวผมทำหน้าล้อเลียนประมาณว่างานเข้าแน่ มันยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือผมแล้วเดินไปนั่งเล่นบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำการบ้านของผมเหมือนกำลังรอดูเรื่องสนุก
“หวัดดีครับอาแอ๋ม”
ผมขออธิบายก่อนนะครับจะได้ไม่งง อาแอ๋มเป็นน้องสาวของพ่อผม มีลูกชายคนโตที่ทำงานแล้วกับลูกชายฝาแฝดคู่หนึ่งซึ่งเด็กกว่าผมสองปีชื่อภูผา กับ ฟ้าคราม บ้านเธอมีฐานะดีมากๆ เพราะอาแอ๋มได้สามีรวย บ้านผมกับบ้านอาแอ๋มค่อนข้างสนิทกันเพราะมักไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ
อาแอ๋มเป็นผู้หญิงสวย คล่องแคล่ว พูดเก่ง มีน้ำใจ ใครๆ ก็ชอบเธอ ผมยังชอบอาแอ๋มเลยเพราะตรุษจีนอาแอ๋มให้แต๊ะเอียเยอะ แถมยังชอบซื้อของดีๆ แพงๆ ทำอาหารอร่อยๆ มาฝากอีกต่างหาก แต่พักหลังๆ พอขึ้นม.ปลายผมเริ่มจะไม่อยากยุ่งกับเธอแล้ว เพราะเธอชอบขอให้ผมไปติวให้เจ้าแฝดมหาภัยซึ่งมันเป็นอะไรที่เหนื่อยสุดๆ อ่ะ (เหนื่อยในหลายๆ เรื่อง=_=;;
เอาเป็นว่าผมไม่อยากสอนเลยพยายามหลีกเลี่ยงโทรศัพท์กับเตี๊ยมไม่ให้พ่อแม่หลุดปากว่าผมว่างให้อาแกได้ยินเด็ดขาด อ้อ! ผมลืมบอกไป อาแกตื๊อเก่งสุดยอดเลยด้วยครับ!
‘ทีเหรอลูก เป็นไงบ้าง ปิดเทอมใหญ่แล้วสิเรา’ น่ะ มาละ เกริ่นนำ
“…ครับอา ทีเพิ่งกลับมาจากค่ายอาสา เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด นี่ก็นอนพักอยู่”
‘เหรอ ค่ายอะไร ไปมากี่วันจ๊ะ มหา’ ลัยจัดหรอ สนุกมั้ย?’ แล้วจากนั้นเราก็คุยเรื่องค่ายที่ผมไปมาอยู่พักหนึ่ง ผมได้แต่ภาวนาในใจขอให้เป็นแค่การโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบ
‘อย่างนี้เราก็หยุดยาวสามเดือนเลยใช่มั้ย’ สังเกตดูดีๆ นะครับ เธอค่อยๆ ตะล่อมผมแล้ว
“…อ่า…ครับ…แต่อาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างไรบ้างยังไม่ได้นัดกัน” ผมพูดแบบหาทางให้ตัวเองพอดิ้นได้
‘เหรอ อืมๆ จริงสิ เรารู้หรือยังว่าน้องจบม.ปลายแล้ว…เนี่ย อามีเรื่องจะปรึกษาเราหน่อย…’
อาแอ๋มเล่าว่าเจ้าแฝดนั่นจะสอบเข้าวิศวะยานยนต์ของมหา’ ลัยเอกชน WC แต่ที่แล้วๆ มาไปลองสนามสอบมอรัฐบาลไม่ว่าจะกี่ที่ก็ไม่เคยติด แถมคะแนนแกทแพทรอบแรกยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินทั้งๆ ที่ส่งไปเรียนพิเศษก็แล้ว จ้างครูมาสอนที่บ้านก็แล้ว มันสองตัวก็ไม่ตั้งใจเรียน ส่งไปเรียนก็ไปเที่ยวเล่น จ้างครูมาสอน ครูก็ทนไม่ไหวลาออกไปทุกราย
ฟังจากชื่อมหา’ ลัยแล้วผมรู้เลยว่าถึงจะเป็นเอกชนแต่ก็ไม่ง่าย ผมเคยไปลองสอบที่นี่เล่นๆ เหมือนกัน ก็ปรากฏว่าติดนะ แต่ผมไม่เอา ผมรู้ว่าที่นี่ไม่มีระบบเส้นสาย หรือต่อให้มีก็ต้องเส้นใหญ่เป้งๆ ประมาณบ้านไอ้โซล ข้อสอบสำหรับผมไม่ยาก แต่ถ้าสำหรับเจ้าสองคนนั้นผมว่าก็ยากเอาการเพราะผมเคยติวสอบเข้ามอปลายให้พวกมัน ผมรู้ระดับสมอง และ นิสัยสองคนนั้นดี
หลังจากคุยกันไปสองชั่วโมงเต็มๆ ผมพยายามบ่ายเบี่ยงซ้ายขวา แต่ก็โดนต้อนจนมุมทุกเหตุผล บวกกับขี้เกียจฟังอาแกพูดจาหว่านล้อมต่อเป็นชั่วโมงที่สามผมเลยต้องตอบตกลง ไม่งั้นชีวิตปิดเทอมผมคงไม่สงบสุขแน่ๆ
เจ้าแฝดนั่นจะสอบตรงมหา’ ลัยเอกชน WC สิ้นเดือนนี้ นั่นหมายความว่าเหลือเวลาติวอีก ประมาณยี่สิบกว่าวัน วิชาที่จะใช้สอบมีแค่สามวิชาคือ ฟิสิกส์ คณิต อังกฤษ ถ้าตั้งใจจริงๆ ยี่สิบวันนี้น่าจะช่วยให้ติดเข้าไปได้
‘งั้นเริ่มติววันไหนกันดี’ ผมมองปฎิทิน ใจจริงอยากจะยืดไปอาทิตย์หน้า แต่จิตฝ่ายดีก็รั้งไว้ ไหนๆ ก็จะติวให้แล้ว ผมน่าจะทุ่มให้เต็มที่เอาให้น้องติดไปเลย ก็แค่ยี่สิบกว่าวัน กับทั้งชีวิตของคนสองคน …เอาวะ ไหนๆ ก็จะช่วยแล้ว
“มะรืนแล้วกันอา”
‘ได้จ้ะ ขอบใจมากนะที เดี๋ยวมะรืนนี้อาขับรถไปรับ จัดกระเป๋า จัดหนังสือรอไว้เลยนะ’ เฮ้ยๆ ๆ! ผมยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะไปค้างบ้านนู้นอ่ะ!
“เดี๋ยวๆ ๆ อาแอ๋ม ทีไม่ได้จะไปนอนบ้านอาแอ๋มนะ ทีจะให้ไอ่แฝดมันมานอนบ้านทีต่างหาก” ใครจะไปค้างบ้านมันอย่างครั้งแล้วๆ วะ ทั้งบ้านมีแต่พวกมัน ผมอึดอัด รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยพับผ่า! ถึงจะเป็นญาติสนิทกันแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ชอบไปนอนค้างบ้านคนอื่นนานๆ อยู่ดี อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา (ถึงบ้านมันจะสวย ใหญ่ และ มีคนใช้ก็เถอะ)
หลังจากถกเถียงกันอีกร่วมครึ่งชั่วโมง คราวนี้ผมชนะ ด้วยเหตุผลที่ว่า ถึงบ้านผมจะไม่สะดวกสบายเท่าบ้านอา แต่การให้มันสองคนมาอยู่บ้านผม มันน่าจะเกรงใจพ่อแม่ผมบ้าง ไม่กล้าทำตัวตามสบายเหลวไหลเหมือนตอนอยู่บ้านตัวเอง แล้วเวลาผมอยู่ในถิ่นตัวเองผมจะได้ข่ม เอ๊ย! ควบคุมมันได้เต็มที่
และแล้ววันนี้ก็มาถึง…
“โอ๊ย! จะให้ภูนอนพื้นเนี่ยนะแม่” เจ้าแฝดพี่ ‘ภูผา’ กอดอกทำหน้าหงิกขณะมองคนใช้ที่พามาช่วยปูฟูกบางๆ ให้บนพื้น
“ห้องกระติ๊ดเดียว อัดกันเข้าไปตั้งสามคน ทำไมครามต้องนอนหลืบด้วยอ่ะแม่ เหมือนเป็นคนใช้เลย” แฝดน้อง ‘ฟ้าคราม’ ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกือบเท่าตู้เสื้อผ้าเข้ามาวางข้างเตียงผม
หลืบบ้านมึงดิ เค้าเรียกพื้นข้างเตียง อีกอย่างมันก็กว้างพอสำหรับควายสองตัวอย่างพวกมึงล่ะน่า!
ผมนั่งมองอา คนใช้ และไอ้ฝาแฝดจัดข้าวของสำหรับอยู่ที่นี่อาทิตย์นึง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ไม่ใช่ยี่สิบวัน แต่เป็นอาทิตย์นึง พวกมันต่อรองว่าขอมาอยู่อาทิตย์นึงก่อน แล้วขอกลับไปพักทบทวนหนังสือเองที่บ้านมันสามวัน หลังจากนั้นค่อยกลับมาอยู่กับผมจนถึงวันสอบ
อาแอ๋มเอาขนมกรุบกรอบถุงเบ้อเริ่มไปวางไว้มุมห้อง หยิบหนังสือติวสอบเป็นสิบเล่มมากองเป็นตั้งๆ ผมปล่อยให้สามแม่ลูกจัดของกันไป แล้วลงมานั่งเล่นด้านล่าง
เปิดตู้เย็นออกมาผมก็ต้องตกใจ ตู้เย็นผมอัดแน่นไปด้วยเครื่องดื่มบำรุงสมอง รังนก ซุปไก่ ช็อกโกแลตห่อทองยี่ห้อดัง ขนมนมเนย อาหารแช่แข็ง ไอศกรีมอีกห้าควอตซ์ แบบเยอะอ่ะ นี่อาแอ๋มคิดว่าบ้านกูอดอยากขนาดต้องแบกทุกอย่างมาเองเลยหรอวะ-*- ตั้งแต่ไอ้ชุดเครื่องนอน ขนม ยันกระดาษทิชชู
ผมกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง แล้วก็แทบจะอยากอุทานว่า อุต๊ะ! ห้องกูเปลี๋ยนไป๋ ห้องผมที่เรียบๆ มีข้าวของน้อยชิ้นตอนนี้มันเต็มไปด้วยข้าวของมากมายของสมาชิกใหม่อีกสองคน บนตู้หนังสือมีตำรากวดวิชาวางเต็มพรืด บนโต๊ะทำงานผมมีแม็คบุ๊ควางอยู่สองเครื่อง ข้างเตียงผมมีที่นอนสองที่ปูอยู่บนพื้น แล้วดูมันดินอนหมอนคนละสามใบ จะหนุนสูงไปไหน ที่ราวมีผ้าเช็ดตัวสีน้ำเงินสองผืนเพิ่มเข้ามา
ผมกางโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ไว้ข้างเตียงอีกด้าน ตอนนี้ได้เวลาอาแอ๋มสั่งลาลูกชายยอดเลิฟแล้ว
“ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าดื้อกับพี่ทีนะครับ”
เจ้าแฝดพยักหน้าหงึกหงักรับคำมารดาบังเกิดเกล้าทุกอย่าง
“ตื่นแต่เช้า ช่วยกวาดถูห้องพี่เขาด้วย กินข้าวเสร็จต้องช่วยล้างจาน อย่าดื้อกับพี่เขาเข้าใจมั้ย พี่เขาพูดอะไรต้องฟังนะลูก” จากนั้นอาแอ๋มก็หันมาพูดกับผม
“ที อาฝากเจ้าแฝดมันด้วย ถ้ามันดื้ออาอนุญาตให้จัดการได้เต็มที่เลย ขนมนมเนยอะไรของน้องกินได้หมดนะ เจ็ดวันนี้อาขอฝากด้วยนะจ๊ะ” ถ้าไม่มีประโยคสุดท้ายผมคงนึกว่าอาแอ๋มกำลังฝากฝังลูกสาวเธอกับสามีที่เพิ่งแต่งงานมาอยู่กินกัน
“ได้ครับ อาไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลน้องสองคนให้ดีที่สุด” อาแอ๋มพยักหน้าพออกพอใจ
“ภูผา ฟ้าคราม มานี่ลูก” อาแอ๋มเรียกให้มันสองคนเข้ามานั่งใกล้ๆ ผมบนพื้นห้อง แล้วยื่นแบงค์พันให้มันคนละใบ อะไรวะ ให้ค่าขนมหรอ-_-
“เอาตังค์ให้พี่เขาสิลูก”
ห๊ะ!! ว่าไงนะ เอาตังค์ให้กูงั้นหรอ
“เฮ้ย! ไม่ต้องๆ อาแอ๋ม ทีไม่เอา เราเป็นพี่น้องกัน ผมติวให้ฟรี” ผมปฏิเสธเป็นพัลวัน แม้ในใจจะรู้สึกลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก เก็บอาการไว้มึง เก็บอาการไว้
“ไม่ได้ๆ นี่ไม่ใช่ค่าจ้างนะ เค้าเรียกทำพิธีขึ้นครูต่างหาก น้องสองคนมันจะได้เรียนเก่งๆ รับวิชาที่ถ่ายทอดจากเรามาได้เต็มที่” อ๋อ มีเล่นของด้วยเว้ยเฮ้ย!
“แม่ ขึ้นครูมันใช้กับเวลาเรียนรำไม่ใช่หรอ” ภูผาว่า
“เตรง เตร๊ง เตร็ง แต็ง แต่ง แต็งงงง” ผมทำหน้าตายจีบนิ้วฟ้อนรำ สามคนนั้นเลยหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง… กูรับมุกเก่งมั้ยล่ะ
“เอาน่ะ อย่าขัดอาเลย รับไปเถอะนะลูก เจ้าภู เจ้าคราม ไหว้ฝากตัวกับพี่เค้าสิลูก” มันสองคนนั่งพับเพียบกับพื้นถือแบงก์พันมองหน้าผมตาปริ๊บๆ แล้วประนมมือไหว้มาที่ไหล่ผมคนละด้าน เฮ้ยๆ ท่านี้มันท่าเมียฝากตัวกับผัวคืนเข้าหอไม่ใช่เรอะ!
ผมทั้งเขินทั้งทำตัวไม่ถูก จู่ๆ แม่งก็มีผู้ชายตัวเท่าควายสองคน (ถึงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็เถอะ) มาไหว้ซบอกยื่นแบงก์พันค่าขึ้นครูให้ ผมทั้งอยากได้ตังค์ ทั้งเกรงใจน้า อีกใจก็รู้สึกแปลกๆ หวิวๆ ชอบกล เหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง =_=;;;
ผมลูบหัวมันสองตัวเบาๆ อวยพรให้มันสอบติด ให้มันความจำดี ดวงเฮงๆ เดาถูกมั่วถูก ก่อนจะรับเอาแบงก์พันสองใบนั้นมา วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเอาขวดยาหม่องทับไว้ ทำท่าประมาณว่าไม่ได้อยากได้นะ แต่ถ้าอยากให้ก็จะรับไว้ก็ได้ อะไรประมาณนี้ เหอๆ ๆ
อาแอ๋มอยู่รอจนพ่อแม่ผมกลับจากที่ทำงาน หลังจากพูดคุยตามประสาผู้ใหญ่แล้วเธอก็กลับไป เอาล่ะ ตอนนี้ลูกชายสองคนของเธอถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผมแล้ว
ผมหยิบแว่นขึ้นมาสวมอย่างมีมาดเต็มที่ “เอาล่ะ งั้นมาเริ่มติวกันเลย”
“พี่ที ข้อแปดได้ห้าป๊ะ?” ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมาถาม
“ผิด ลองทำใหม่ก่อน”
“พี่ที แก้แล้วก็ยังได้ห้าอ่ะ” ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมาอีก
“ได้สิบเจ็ดป่ะพี่” ภูผาเงยหน้าขึ้นมาบอก
“ถูกต้อง” ผมยิ้มบางๆ เจ้าแฝดพี่ทำท่าเยส แล้วหันไปมองกระดาษทดของฟ้าคราม
“ตรงนี้มึงทำผิดเว่ย มึงต้องทำอย่างงี้ๆ ” ไอ้ภูหันไปสอนไอ้คราม เห้ย! กูเพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าให้ครามมันแก้เอง มึงไปสอนมันทำไม่เล่า แล้วเวลาสอบไอ้ครามมันจะทำได้มั้ย-*-
“ข้อเก้าตอบหนึ่ง?” ภูผาถามผมที่นั่งอ่านการ์ตูนรอ ผมเหล่มองเฉลยก่อนจะพยักหน้าให้
“ช้าว่ะไอ้คราม โง่จริงๆ เลยมึง” แน่ะๆ มีหน้าไปด่าแฝดตัวเองอีก
วันนี้เราติวคณิตจบกันไปสองเรื่อง บ่องตง กูเหนื่อยสุดๆ ไม่ใช่ว่าเป็นคนติวแล้วจะสบายนะ ไอ้สองคนเนี้ยมันพูดเร็วชิบหาย เวลามันพูดทีผมต้องถามมันว่าฮะ อะไรนะ พูดช้าๆ ดิ๊ แล้วเวลาติวผมจะบอกให้ต่างคนต่างทำ บอกจนปากจะฉีกถึงหูแล้วแม่งก็ยังมาช่วยกันทำอีก… มึงผิดตรงนี้ ต้องแก้ตรงโน้น ไอ้ห่าใครให้มึงแทนสูตรนั้น… กูอยากจะถามจริงๆ เวลาสอบเขาจะให้มึงมาช่วยกันทำมั้ย แม่งดื้อด้านชิบหาย ผมได้แต่ข่มความไม่พอใจที่พวกมันไม่เชื่อฟังเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มราคาสองพัน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จยังดีที่มันยังมาช่วยล้างจาน พวกเรากลับขึ้นมาบนห้อง สองคนนั้นคุ้ยเสื้อผ้าเครื่องอาบน้ำออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกันท่ามกลางความประหลาดใจของผม
“พี่ที เวลาอาบน้ำพี่ใช้น้ำในแทงค์หรือฝักบัวอ่ะ” เจ้าแฝดใส่ชุดนอนเหมือนกันนั่งลงบนเตียงผม
“ใช้น้ำในแทงค์ ฝักบัวมันไม่ค่อยดีอ่ะ”
“หยี! ใช้เข้าไปได้ไง ครามเห็นลูกน้ำเต้นกังนัมยั้วเยี้ยเลย!” เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าลูกน้ำบ้านกูสัญชาติเกาหลี…
“ก็ตักตรงที่มันไม่มีลูกน้ำดิ”
“ไม่เอาอ่ะใช้ไม่ลง ภูกับครามเลยใช้ฝักบัวแทน แล้วรู้ป่ะ ฝักบัวมันหลุดออกมาด้วย ภูต้องให้ไอ้ครามมันช่วยจับเวลาจะอาบ กลัวฝักบัวมันหลุดกระเด็นมาโดนหน้า” ดูมันพูด พูดเหมือนบ้านกูมันซอมซ่อซะเหลือเกิน กูฟังแล้วรู้สึกว่ามันบรรยายเกินจริงไปหน่อย ใครใช้ให้มันเปิดน้ำแรงๆ ล่ะ ถ้าเปิดเบาๆ มันก็ไม่หลุดออกมาหรอกโว้ย
“นี่เราสองคนอาบด้วยกันหรอ โตเป็นควายแล้วเนี่ยนะ ไม่อายกันหรือไงวะ” ผมถาม
“ก็อาบด้วยกันทุกวัน ไม่เห็นจะอายเลย เห็นแม่งมาตั้งแต่เกิดอ่ะ มีเหมือนๆ กันจะอายอะไร” ฟ้าครามว่า ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนหรอกนะ แต่ไม่ได้บ่อยขนาดมัน แถมถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่ชอบอาบกับใคร ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็อายเป็นนะ
“โอ๊ย! พื้นแข็งชะมัดเลย”
“โอ๊ย! ซี่โครงทิ่มพื้น”
“ร้อนอ่ะพี่ที เปิดแอร์นะ”
“พี่ทีมีปลั๊กพ่วงป่ะ จะเปิดแม็คบุ๊ค”
“พี่ทีเอานมอุ่นป่ะ จะไปทำมาให้”
“กินข้าวเย็นไม่อิ่มหรือไงเจ้าแฝด?” ผมอดถามไม่ได้ ตอนเย็นผมเห็นสองคนนั้นฟาดข้าวไปคนละสองจาน แล้วนี่ยังจะไปทำนมอุ่นกินอีกหรอวะ
“ก็กินทุกวัน ไม่กินแล้วนอนไม่หลับ” เออ ก็ยังดีกว่าแดกเหล้าล่ะวะ
“ไม่ล่ะ ขอบใจนะ อยากกินก็ไปทำกินกันเองเหอะ อย่าทำหกในห้องพี่ละกัน”
“พี่ที ร้อนอ่ะ ขอเพิ่มแอร์ได้มั้ย” นี่มึงยังจะบอกว่าร้อนอีกหรอ แอร์ก็เปิด แถมเปิดพัดลมจ่อเบอร์แรงสุดไม่พอยังเปิดพัดลมบนเพดานจ่อกบาลมึงอีกตัว ขนาดผมนั่งไม่โดนพัดลมผมยังหนาวแอร์ที่มันเปิดเลยนะ!
เดือนนี้บ้านกูค่าไฟขึ้นแน่นอน…เผลอๆ อาจจะแพงกว่าไอ้สองพันนั่นด้วยซ้ำ อยากจะกระอักเลือดแทนพ่อแม่ T T
“ภูผา ฟ้าคราม พี่นอนก่อนนะ ถ้าเราจะนอนแล้วปิดไฟกับแอร์ด้วยล่ะ” มันสองคนหันมาพยักหน้าอือๆ ออๆ แล้วกลับไปสอนใจจอคอมต่อ ผมดึงผ้าห่มชิดอกหลับตาลง ผ่านไปครู่ใหญ่ผมก็กรนออกมาเบาๆ
“ภู พี่เค้าหลับไปยังวะ” ฟ้าครามถามแฝดตนเบาๆ
“หลับแล้ว กูได้ยินเสียงกรน”
“เฮ้ย สองพันบนโต๊ะข้างเตียงยังอยู่ป่ะวะ”
“หึ ไม่อยู่แล้วว่ะ” หลังจากนั้นสองคนนั้นก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่นานก็ปิดไฟนอน ผมลืมตาขึ้นในความมืด ทุกบทสนทนาผมได้ยินชัดเจน รู้สึกแย่มากๆ ที่เหมือนโดนน้องมองว่าเห็นแก่เงิน ต่อหน้าทำเป็นปฏิเสธแต่ลับหลังพอได้เงินแล้วรีบเอาไปเก็บทันที ถึงน้องจะเข้าใจถูก แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ โอเคผมยอมรับว่าผมอยากได้เงินที่อาแอ๋มหยิบยื่นให้เป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แต่แรกเริ่มเดิมทีแล้วผมตั้งใจที่จะติวให้น้องจริงๆ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลย ผมรู้สึกไม่ดี รู้สึกเหมือนทำให้น้องขาดศรัทธาในตัวผม เป็นแค่คนที่แม่เค้าจ้างมาติวให้ ไม่ใช่พี่ชายที่เอื้อเฟื้อสอนให้ด้วยความมีน้ำใจ ผมนอนลืมตาในความมืด ณ ห้องนอนที่หนาวเหน็บ ถามตัวเองว่าคิดถูกหรือเปล่าที่รับเงินมา คิดถูกหรือเปล่าที่รับปากจะติวให้ คิดถูกหรือเปล่าที่ให้พวกมันมาค้างบ้านผม มาทำให้ผมไม่สบายใจอยู่แบบนี้
ผมนับถอยหลังอยู่ในใจ อีกหกวัน ทนหน่อยละกันนะเรา …ที่เหลือค่อยว่ากัน
-------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะคะ เรียกเราว่าเเคน เเคนเดิลการ์ด เทียน หรืออะไรก็ได้ค่ะ^^ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องเเรกที่ลงในเล้า หากว่าเราทำผิดกติกาอะไรหรือมีคำผิดก็รบกวนช่วยบอกกล่าวตักเตือนหน่อยนะคะ
ยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ เขียนกันมาเยอะๆน้าเราชอบอ่าน><