ตอนที่ 21
"จะไปกี่โมง"
"ขอสักชั่วโมงได้ไหม ใครหิวลงไปกินก่อนเลย เดี๋ยวกูต้องปลุกไอ้อ้วนก่อน"
"งั้นก็ได้ กูจะได้พาจีไปหาข้าวกินก่อน"
"อืม อ้อเดี๋ยว...มึงรู้ไหม ทำไมไอ้อ้วนมันออกไปนอนข้างนอก"
"กูจะไปรู้เหรอ เมื่อเช้ามืดกูตื่นมาอ้วกก็เห็นมันนอนอยู่ก่อนแล้ว อาจจะออกไปอ้วกแล้วนอนที่โซฟาเลยมั้ง"
"งั้นเหรอ"
เสียงพูดคุยกันทำผมขัดใจมาก คนยิ่งง่วงๆ อยู่ แสงไฟในห้องถูกเปิดขึ้น ถึงแม้ผมจะหลับตาอยู่แต่ก็รับรู้ได้ ผมเลยพลิกตัวหนีแล้วใช้ผ้าห่มปิดหน้าเพื่อจะนอนต่อ แต่ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะนอกจากเสียงปลุกของมันแล้ว ยังมีตัวหนักๆ ของมันพาดอยู่บนตัวผมด้วย
"อ้วนนน~ ตื่นได้แล้ววว~"
"..."
"ฮึบ! อยากไปเล่นน้ำไม่ใช่หรือไง ตื่นเร็วเลย" ไม่พูดอย่างเดียว ไอ้ลิเคียวยังดึงผ้าห่มอีกด้วย ทั้งผมและมัน เลยยื้อยุดฉุดกระชากไปมา จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้แรงของมันไป
"มึงจะอะไรนักหนา"
"เอ้า ทำไมพูดอย่างนี้วะ อย่าพึ่งหงุดหงิดแต่เช้าดิ เรื่องที่มึงออกไปนอนนอกห้องยังไม่เคลียร์เลยนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวยืนพูด ส่วนผมก็บิดขี้เกียจ ไม่อยากจะฟังมันพูดสักเท่าไหร่ เลยทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำ
ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี จะไม่คุยกับมันตอนนี้ เดี๋ยวก็หมดสนุกอีก แต่ถ้าจะคุยกับมันแบบปกติ ผมก็ทำใจไม่ได้อ่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย ทำไมผมถึงโง่แบบนี้วะ
"อ้วน มึงเข้าไปนอนต่อหรือไง ทำไมช้าจังวะ"
"เออ" ผมตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกไป ไอ้ลิเคียวมันก็หันมามองนะ เพราะผมพันแค่ผ้าเช็ดตัวออกมา
"อ่อยกูหรือเปล่าเนี่ย" ไอลิเคียวพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
"ตัวหอมจังวะ"
"อย่าคลอเคลียน่า" ผมบอกแล้วปัดมือมันออก ไอ้ลิเคียวก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจที่ผมพูดมากนัก เพราะมันยังจับนู่นจับนี่บนตัวของผมอยู่
ยิ่งมันโดนตัวของผม ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ คำว่าขยะแขยงในตอนนี้ ไม่ได้เกินไปเลยถ้าผมจะใช้พูดออกมา ความคิดในหัวของผมที่มันย้อนแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมก็รักมันมากในระดับที่จะรักแฟนสักคนได้ พยายามหาข้อกังขาอยู่ในหัว แต่คนเราก็มักจะมีความคิดที่ชั่วร้ายคอยขัดขว้างอยู่
ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าพวกมันไม่ได้นอนด้วยกันหรอก พวกมันคงจะนอนแยกกัน เผลอๆ ก็นอนคนละห้องด้วยซ้ำ คิสก็เป็นเพียงแค่แฟนเก่า ที่กลายมาเป็นเพื่อนของมันแล้วก็เท่านั้นเอง
แต่อีกใจของผม มันก็กลัวเหลือเกิน กลัวความคิดด้านร้ายๆ ของตัวเองจะเป็นจริง จะมีแฟนเก่าที่ไหน ที่ตื่นเช้ามาทำอาหารรอไว้ให้กับอีกคน ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ก็แค่เพื่อน ที่สำคัญ ไอ้ลิเคียวก็โกหกผมซะด้วย ถ้าไม่มีอะไร ก็ควรจะพูดความจริงสิ
"ลิเคียว"
"หืม ว่าไง"
"มึงมีอะไรอยากบอกกูหรือเปล่า" ผมถาม ทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ลิเคียวก็ยังพันแข้งพันขาผมอย่างกับมือมันเป็นหนวดปลาหมึกไปได้
"อ้วน มีอะไรสงสัยก็ถามมาเลยสิ มึงจะอ้อมค้อมเพื่อ? " จะไม่ให้อ้อมค้อมได้ยังไง ในเมื่อผมถามมันไปในตอนแรกแล้ว มันนั่นแหละ ที่เป็นคนไม่พูดความจริง
"ช่างเถอะ กูว่าเราออกไปเถอะ เพื่อนๆ รออยู่" ผมบอกปัดๆ ตอนจะเดินออกจากห้อง ไอ้ลิเคียวก็คว้ามือของผมไว้ ทำให้ตัวของผม ต้องหันหน้าไปเผชิญกับมัน เราทั้งสองต่างจองหน้ากันและกัน ในเมื่อคนผิดยังไม่เห็นจะกลัวเลย ผมจึงไม่จำเป็นต้องหลบหน้ามันเหมือนกัน
"กูรักมึง"
ตึก ตึก ตึก
เพียงเพราะคำพูดของมัน เพียงแค่คำบอกรักสั้นๆ มันก็ทำให้ใจของผมเต้นแรงแล้ว
"อืม" ผมตอบรับมันได้เท่านี้ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องก่อน
ดูเหมือนทุกคนจะเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว เราเลยไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกันเลย ระหว่างทางก็แวะหาซื้อของกินไปด้วย
"อยากกินอะไรวะอ้วน"
"อะไรก็ได้"
"ลงไปดูด้วยกันสิ"
"มึงลงไปเถอะ กูอยากนั่งรอบนรถ"
"ก็ลงไปด้วยกันดิวะ มึงจะได้เลือกของที่อยากกินด้วย" ไม่พูดเปล่า มันยังใช้แรงดึงแขนของผมอีกด้วย ทำตัวของผมแทบจะลุกเดินตามมันไปอยู่แล้ว
พรึ่บ
"มึงก็เดินไปเองสิวะ! " ผมสะบัดแขนแล้วตะโกนใส่มันเสียงดัง ทำเอาเพื่อนๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้หันมามองเป็นตาเดียวกัน
ปัง
"มึงเป็นอะไร" ไอ้ลิเคียวปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะถามผม
"เปล่า"
"เปล่า? แล้วที่มึงกำลังทำตัวงี่เง่าอยู่แบบนี้มันคืออะไร"
"เออ กูมันงี่เง่า"
"ไอ้วา พูดให้มันรู้เรื่องสิวะ"
"แล้วกูพูดไม่รู้เรื่องตกไหน ฮึก กูก็บอกแล้วไงว่าไม่ลงไป ฮะ...ฮึก มึงนั่นแหละที่เอาแต่จะลากกู" ผมบอกกลับไปเสียงดัง ทำไมต้องน้ำตาไหลลงมาด้วยวะ
หมั่บ
"เออๆ ไม่ต้องร้อง กูผิดเอง"
"เออ มึงนั่นแหละผิด มึงคนเดียวเลย ฮื่อออ~"
ในที่สุด ผมก็ร้องไห้ออกมา โดยมีไอ้ลิเคียวนี่แหละที่นั่งปลอบอยู่ข้างๆ ผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก็นั่งทุบมันไปด้วย จริงๆ อยากทำมากกว่านี้อีก อยากต่อยหน้ามันให้แหกเลยด้วยซ้ำ
"หยุดร้องได้แล้ว ไม่ลงก็ไม่ลง เดี๋ยวกูลงไปซื้อเอง" ไอ้ลิเคียวว่าแบบนั้น ผมเลยเอนเบาะรถลงนอน คนอื่นๆ ก็คงจะกำลังซื้อของกันอยู่ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ถ้าทำเลอะกับไอ้ลิเคียว คนอื่นๆ ก็คงหมดสนุกได้ด้วย
"ทะเลาะกันเหรอ"
"ไอ้วินเป็นคนแรกที่กลับมานั่งที่รถ"
"กูว่า...กูจะเลิกกับมันว่ะ"
"ทำไม"
"มันปิดบังกู"
"เรื่องสำคัญ? "
"กูคิดว่าสำคัญ"
"เลิกก็ดีแล้ว มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง"
"อืม"
เราจบสนทนากันแค่นี้ เพราะคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับมากันแล้วรวมทั้งไอ้ลิเคียวก็ด้วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำนิสัยที่น่ารำคาญโดยการแกล้งหลับและไม่พูดเรื่องที่ตัวเองสงสัย ผมไม่ใช่คนแบบนี้ ทำให้ผมรำคาญตัวเองเช่นกัน
"อ้วน ตื่นได้แล้ว"
"อืม" พอไอ้ลิเคียวเรียก ผมก็ลืมตาขึ้นมาเลย เรามาถึงน้ำตกกันแล้ว
ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถ ส่วนมากก็คงเป็นอาหารที่ซื้อกันมา เพราะดูจะเยอะเป็นพิเศษ ตัวผมที่ไม่ได้ลงไปซื้ออะไรในตอนแรกก็ช่วยถือพวกกระติกน้ำแข็ง และเสื่อเพื่อเอาไปลองนั่ง
"นั่งตรงนี่ไหม" จีออกความเห็น
"เอาสิ งั้นปูเสื่อตรงนี้เลยนะ" ผมบอกแล้ววางกระติกไว้ ก่อนจะปูเสื่อพวกให้ทุกคนเอาของมาวาง
จีกับไอ้ธันวิ่งไปเช่าห่วงยางก่อนเป็นอันดับแรก ไอ้สวยที่ตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไอ้โซ่ที่เอาไอ้รถถังมาด้วยก็มัวแต่กันไม่ให้ไอ้วินเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนจะมีฝีมือในการแย่งไอ้รถถังมาให้ไอ้วินตลอด
"เพื่อนมึงนี่วุ่นวายดีเนอะ"
"อืม"
"หิวหรือยัง อยากกินอะไรก่อนหรือเปล่า"
"ไม่"
"อยากลงไปเล่นน้ำไหม"
"ยังก่อน"
"ลาวา" เสียงไอ้ลิเคียวเรียกชื่อของผม เป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนให้ผมต้องหันไปตามเสียงที่เรียก
"..."
"มึงเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ก็ไม่"
"แต่วันนี้มึงหงุดหงิดใสกูทั้งวันเลยนะ"
"ก็ไม่มีอะไรนิ"
"เหรอ...ไม่มีก็ไม่มีเนอะ" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงนุ่มก่อนจะใช้นิ้วของมันเกลี่ยหน้าม้าที่ลงมาปิดตาของผมออกให้
"กูอยากไปเล่นน้ำแล้ว"
"เอาสิ มึงลงไปก่อน เดี๋ยวกูตามลงไปทีหลัง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วหยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และขอต่างๆ ไปฝากไว้ที่ไอ้สวย
ผมที่เดินนำมาก่อนก็ไปเล่นน้ำกับจีที่มีห่วงยางคอยพยุงตัวของเธออยู่ ดูเหมือนน้ำที่นี่จะใสและลึกมาทีเดียว ผมที่พอว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งก็เริ่มรู้สึกเกร็งๆ เหมือนกันแฮะ ยิ่งเวลาที่ขาจุ่มลงไปในน้ำด้วยแล้ว เย็นจนขนลุกเกียวเลยล่ะ
"เธอว่ายน้ำแข็งก็ปล่อยสิ ให้ลาวาจับแทน"
"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไอ้วามันว่ายน้ำไม่แข็ง"
"รู้แล้วกัน ลาวามานี่สิ" จีว่าแล้วตีไปที่ห่วงยางของเธอ
ผมรีบว่ายไปหาทั้งคู่ที่ลอยห่างออกไป ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ไกล แต่ก็ทำให้ผมเหนื่อยหอบมากพอดูเหมือนกัน กว่าจะถึงที่หมายก็เล่นเอาปวดแขนเลยทีเดียว
"มึงต้องออกกำลังกายบ้างนะ"
"เออน่า"
"ดูดิ ว่ายมาแค่นี้ หน้าดำหน้าแดงไปหมดละ" ไอ้ธันมาแล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้าของผม ทำเอาผมมองตาขวางเลย
"ลาวานี่น่ารักเนอะ"
"หืม ตรงไหน"
"ก็ตาโตๆ แก้มป่องๆ ไง แถมผิวก็ขาวอีกต่างหาก"
"เราอยากดูหล่อมากกว่าอีกนะ"
"เหมือนไฟอะเหรอ"
"ไม่ เราไม่อยากปากหมา"
"ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ" จีพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ไอ้ธันที่อยู่ห่างออกไปรีบว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วพาเราไปที่ลึกกว่าเดิม
เท่าที่ดูแล้ว ผมจะเข้ากับจีได้มากกว่าที่คิด จริงๆ เธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยพูดหยาบ แค่ห่วงสวยตามภาษาผู้หญิงทั่วไป ส่วนเรื่องเสียงดัง ผมว่าก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ ส่วนเรื่องศัลยกรรม ผมว่าผู้หญิงเกินกว่าครึ่งโลกก็อยากทำทั้งนั้นแหละ ถ้าทำแล้วสวยขึ้น ทำโดยที่ไม่ได้ใช้เงินคนอื่น ผมว่ามันก็โอเคนะ ถึงผมจะไม่ได้ต้องการทำอะไร แต่ถ้าคนรู้จักทำแล้วสวยขึ้น ชีวิตเขาดีขึ้น ผมก็คงไม่ไปติเขาหรอก ชีวิตเขา ความสบายใจของเขา เราไม่ควรเอาตัวเองไปเป็นที่ตั้งในชีวิตคนอื่นอยู่แล้วนิ
"ไอ้ธันๆ "
"อะไร"
"มึงพามาลึกไปหรือเปล่า ขากูเหยียบไม่ถึงแล้วเนี่ย"
"ก็มึงเตี้ย"
"เออยอมรับ แต่พาเข้าฝั่งหน่อยดิวะ"
"มึงกลัวก็ว่ายน้ำกลับไปสิ"
"เธอ อย่าไปแกล้งลาวาสิ ดูเหมือนจะกลัวจริงๆ แล้วนะ"
"ก็ล้อเล่นนิเดียวป่ะ" ไอ้ธันว่าแล้วลากพวกผมวนไปวนมา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็มีคนโผล่เข้ามากอดผมจากด้านหลังเสียแล้ว
"ทำอะไร"
"กลัวจมอ่ะ ขอเกาะหน่อย"
"จมห่าอะไร แค่หน้าอกมึงเองนะ"
"ก็นั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนมึงก็ลากมึงไปที่ลึกๆ "
"ไม่อยากไปมึงก็ปล่อยกูสิ"
"ไม่อ่ะ กูว่ามึงปล่อยห่วงยางแล้วมาเกาะกูดีกว่า" ไม่พูดเปล่า แกะมือของผมที่เกาะห่วงยางอยู่ออกด้วย ทำเอาผมตะเกียกตะกายจนสุดท้าย ต้องหันไปเกาะคอของอีกคน ไม่ใช่ว่าผมยืนไม่ได้นะ เพราะน้ำสูงแค่หน้าอกไอ้ลิเคียว ก็เท่ากับน้ำสูงประมาณปากของผม ซึ่งมันปริ่มๆ อยู่ตรงจมูก ถ้าจะให้หายใจสะดวกๆ ก็ต้องเขย่งนั่นแหละ ซึ่งมันก็ดูลำบากเกินไป ไหนจะหินลื่นๆ ที่เหยียบอยู่อีก เกาะไอ้ลิเคียวไว้นี่แหละ ง่ายสุดแล้ว
"กูจะไปที่ลึกๆ นะ"
"มึงจะแกล้งกูเหรอ" ผมถามแล้วตะเกียกตะกายไปที่ด้านหลังของมัน เพื่อจะได้ขี่หลัง แทนที่จะกอดจากด้านหน้าที่ดูเหมือนลูกลิงแทน
"มึงจะได้เกาะกูเอาไว้ตลอดไง มึงจะได้รู้ว่ากูเป็นที่พึ่งของมึงได้" ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงจะดีใจกับคำพูดของมันมาก ผมคงจะเขินอาย หน้าแดง และใจเต้นแรก แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกตอนนี้แล้ว เปล่าเลย ถึงใจของผมจะเต้นแรงกว่าจังหวะปกติ แต่ผมไม่ได้เขินอาย ไม่ได้ดีใจ ไม่มีแม้แต่ความสุขที่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ
ในสมองของผม จดจำเพียงแต่ คนโกหก คนปิดบัง คนหลอกลวง คนนิสัยไม่ดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจับได้ แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ บางวันที่มันหายไป บางครั้งที่ผมไม่สามารถติดต่อมันได้ ผมยังจะเชื่อใจมันได้อีกเหรอ
"อ้วน"
"..."
"อ้วน! "
"หะ" ผมร้องเสียงหลง ตกใจที่มันเรียกผมซะเสียงดัง
"กูเรียกมึงต้องนาน ที่เงียบนี่หลับหรือไง"
"เปล่า" ผมบอกแล้วใช้เท้าเกี่ยวที่เอวของอีกคน ส่วนมือของผมก็ทำท่าแหวกว่ายไปเลย ในเมื่อมือของไอ้ลิเคียวมันก็จับให้ผมรั้งเข้าหาตัวอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดออกจากตัวของมันเลย
ไอ้ลิเคียวพาผมเดินวนไปรอบๆ ผมก็เกาะอยู่บนหลังของมันแบบนั้นแหละ บางครั้งก็ลากไปหาเพื่อน บางครั้งก็พาแยกตัวออกมา จนไอ้โซ่ลงมาเล่นน้ำนั่นแหละ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนมา เพราะมันลงน้ำมาเป็นคนสุดท้าย แถมยังมีลูกบอลสีๆ มาด้วย พวกเราเลยตัดสินใจเล่นลิงชิงบอลกัน
"หิวแล้วอ่ะ"
"งั้นขึ้นเลยไหม"
"กูก็อยากขึ้นแล้ว"
"ดีแล้ว มึงเล่นจนตัวเปื่อยหมดแล้ว" พอลงความเห็นกันว่าให้ขึ้นมานั่งพักและทานอาหารก่อน ทุกคนก็ทยอยกันขึ้นมาจากน้ำ และรวมตัวกันที่ขอบเสื่อ
"มึงเล่นเก่งนี่หา"
"ผมไม่ได้เล่นเก่งหรอก แต่พวกพี่ออกตัวช้ากันเอง"
"ชุนนี่ออกกำลังกายบ่อยใช่ไหม"
"ครับ ผมออกกำลังกายทุกวันนั่นแหละ"
"ถึงว่า....กล้ามเป็นมัดๆ เลย" จีว่าแล้วหัวเราะคิกคัก ไอ้ธันที่ได้ยินอย่างนั้นเลยลงโทษจีด้วยการดีดหน้าผาเบาๆ ไปหนึ่งที แต่จะว่าไป ไอ้เด็กชุนมันก็หุ่นดีจริงๆ นั่นแหละ ถึงจะใสเสื้อยืดธรรมดา แต่พอโดนน้ำจนเสื้อแนบเนื้อ ก็สามารถเห็นได้ชัดเลย กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนๆ ถึงลายสักของมันจะไม่เหมาะกับที่ผมเรียกมันว่าเด็กชุนสักเท่าไหร่ แต่หน้าตามันละอ่อนครับ หน้าตาออกแนวจีนๆ แต่ตาโตกว่านิดหน่อย แถมหน้างี้ใสปิ้งเลย แต่ก็เป็นเด็กโข่งที่ตัวโตมากๆ ดูเหมือนจะสูงกว่าไอ้ลิเคียวซะอีก
เรานั่งกินกันอยู่นาน ดูเหมือนจะมีเพียงผมกับไอ้สวยเท่านั้น ที่ไม่ค่อยร่าเริงสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรือปัญหา เพราะทุกคนยังหัวเราะและมีความสุขกับการมาเที่ยวครั้งนี้
RRRRRR
"ครับ...เมื่อไหร่...แล้วคุณหมอรัตน์ล่ะ...แล้วเธอไม่รู้เลยหรือไงว่ามีเคสผ่าตัด...ยังไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคสด่วน พวกคุณทำงานกันยังไง อยากให้คนไข้ตายหรือไงหะ...ผมจะรีบกลับไป ยังไงช่วยเตรียมกันให้พร้อมด้วย" ติ๊ด ไอ้วินกดว่างสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือก
"กูว่ากูคงต้องกลับก่อนว่ะ". ดีนะที่พวกเราเล่นน้ำกันไปแล้ว อาบน้ำแต่งตัวให้กันแล้วด้วย จะเหลือก็แต่พวกผู้หญิงนั่นแหละ ที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จกัน
"ได้ยินล่ะ มึงขับกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกกูเก็บเสื้อผ้าให้" ไอ้ธันเสนอ
"งั้นกูกลับรถไอ้วินเลยละกัน จะได้นั่งสะดวกๆ "
"ได้ เสื้อผ้าเดี๋ยวกูส่งไปให้ละกัน"
"เออ ขอบใจ" ผมบอกแล้วส่งกุญแจให้ไปให้ไอ้ธัน ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถก่อนใครเพื่อน ไอ้ลิเคียวที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินตามผมมาติดๆ ทั้งของทั้งอาหารก็ไม่ได้เก็บกันหรอก ปล่อยให้พวกที่เหลือจัดการ เป็นไอ้วินก็รีบพอสมควร
"ผมขับเอง"
"อืม" โล่งอกไปทีที่ไอ้เด็กชุนเป็นคนขับ เพราะหลังจากที่เคยนั่งรถโดยมีไอ้วินขับไปครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่ต้องการให้มีเป็นครั้งที่สองอีก ผมยังไม่พร้อมที่จะตายหรือพิการตอนนี้หรอกนะ
"คาดเข็มขัดด้วยนะครับ" ไอ้เด็กชุนบอก ผมที่ไม่ได้ทำตามในตอนแรก ไอ้ลิเคียวเลยจัดการแทนให้ มันเอื้อมตัวมาดึงสายคาดจากที่ด้านข้างของผม เพื่อจะได้นำไปล็อก
ผมที่ไม่อยากหงุดหงิดใส่มันอีกเลยทำได้แต่นั่งเฉยๆ แทน
ตลอดทางมีเพียงเสียงโทรศัพท์ของไอ้วินที่ดัง มันก็รับสายจากพยาบาลแล้วถามอาการของคนไข้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะมันพูดภาษาทางการแพทย์ จะมีก็ไอ้เด็กชุนนี่แหละ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจ คอยแย้ง คอยถามอยู่ตลอด
"พี่จะผ่าตัดให้เขาไหม"
"กูต้องไปดูอาการของเขาก่อน"
"ให้ผมเป็นผู้ช่วยได้ไหม"
"ไม่ได้"
"แต่ผมช่วยพี่ได้นะ"
"กฎ ยังไงก็ต้องเป็นกฎ มึงจะเก่งแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่1 จะมาเข้าผ่าตัดจริงไม่ได้"
"ครับ" เป็นคนที่รับฟังดีจังเลยนะ
ผมมองทั้งคู่อย่างเพลินๆ ถึงไอ้วินจะไม่อนุญาตให้ไอ้เด็กชุนเข้าห้องผ่าตัด แต่ก็รับฟังคำแนะนำจากอีกฝ่ายอย่างดี ปกติแล้ว คนเก่งๆ อย่างไอ้วิน ไม่จำเป็นต้องมาฟังคำพูดของนักศึกษาปี1 อย่างนี้ก็ได้นะ ถึงอีกคนจะขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนนี่คงจะเก่งเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เห็นพูดว่า เคยผ่าตัดจริงๆ มาแล้วด้วย
"ชุน เร่งหน่อย"
"ครับ"
"เหี้ย / เหี้ย" เสียงอุทานของผมและไอ้ลิเคียวดังขึ้น ขนาดไอ้วินที่เป็นคนบอกให้เร่งเครื่อง ผมยังเห็นมันแอบหายใจเข้าลึกๆ ด้วยเลย คงจะตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่ามันจะขับเร็วขนาดนี้ เร็วเท่าๆ กับไอ้วินตอนนั้นเลย เพียงแต่แลดูน่ากลัวน้อยกว่าก็เท่านั้น
ผมนั่งเกร็งมาตลอดทาง เข้าใจว่าไอ้วินมันรีบแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กชุนมันสามารถขับเร็วได้แค่ไหนเนี่ยสิ เพราะมันเล่นขับอย่างกับนักแข่ง เข้าใจว่ารีบนะ แต่ขับปาดซ้ายปาดขวาแบบนี้ เหมือนกับหนีตายซะมากกว่าอีก
"เดี๋ยวผมกลับมารับ"
"อืม"
กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็ทำเอาผมเกือบเยี้ยวเล็ด ขานี่สั่นจนรู้สึกได้ จริงๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอมด้วยนะ เหมือนกับไส้ไหลไปรวมกันตรงก้นยังไงไม่รู้ ส่วนเรื่องของไอ้วิน ผมรู้นะ ว่ามันมีคลินิกเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มันทำงานในโรงพยาบาลด้วย เพราะเมื่อก่อนมีหลายโรงพยาบาลเชิญให้มันไปเป็นหมอประจำตั้งเยอะแยะ แต่ไม่เห็นมันจะสนสักนิด
"ให้ผมไปส่งใครก่อน"
"ส่งมึงละกัน" ผมบอกแล้วลงไปนั่งด้านหน้า ไอ้ลิเคียวที่เหมือนจะขัดในตอนแรกก็ต้องเงียบปากไป เพราะผมไม่สนใจจะฟังมันจริงๆ แล้ว ตลอดทางไอ้ลิเคียวก็เป็นคนบอกทางไอ้เด็กชุน จะมีก็ผมนี่แหละ ที่นั่งเงียบกริบอยู่คนเดียว
"ถึงแล้ว จอดตรงนี้แหละ"
"ครับ" ไอ้เด็กชุนตอบรับแล้วเลี้ยวรถไปจอดตรงหน้าบ้านของไอ้ลิเคียว ด้วยความที่กลับมาตัวเปล่า เลยสามารถลงไปได้เลย
"รอกูแป๊บนะ" ผมหันไปบอกไอ้เด็กชุน ก่อนจะเดินลงจากลงตามไอ้ลิเคียวไป
"ลิเคียว"
"หืม ว่าไง"
"กูตัดสินใจแล้ว"
"ว่า? "
"เราเลิกกันเถอะ"
"...พูดเล่นเหรอ ตลกไหมเนี่ยอ้วน กูต้องขำกับมุกมึงไหน"
"ไม่ กูพูดจริง" ผมพูดเสียงเบาลง ทั้งๆ ที่รวบรวมความกล้ามาตลอดทาง แต่ดูเหมือนผมจะไม่เข้มแข็งเอาซะเลย
"ทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นหมายความว่ายังไง กูนี่สิควรจะร้องไห้ ไม่ใช่มึง"
"..."
"แม่ง มีอะไรก็พูดมาดิวะ กูผิดตรงไหน กูทำอะไรไม่ดี มึงเล่นเป็นแบบนี้ แล้วก็จะไปรู้กับมึงไหม"
3...2...1...
ปัง เสียงถังขยะกระเด็น ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นกระจัดกระจายเต็มพื้น
"โธ่โว้ย มึงตลกมากไหมไอ้เหี้ยวาที่ปั่นหัวกูได้ขนาดนี้เนี่ย เป็นเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดวะ วันนี้ทั้งวันกูก็เป็นห่วงมึงจะตาย กูเอาใจมึงตลอด แล้วดูที่มึงพูดกับกูสิ อยากเลิกเหรอ มึงอยากให้กูเป็นบ้าขึ้นมาจริงๆ หรือไง! " เสียงเกรี้ยวกราดของไอ้ลิเคียวดังไม่หยุด มันใช้มือลูบหน้าตัวเองแรงๆ
เสียใจเหรอ
หงุดหงิดใช่ไหมล่ะ
แต่ผมอยากจะให้มันรับรู้...ว่าตัวผมเอง ทั้งเสียใจ ทั้งหงุดหงิดยิ่งกว่ามันอีก