❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤
ตอนที่ 14 นางจิ้งจอกหวนคืน 2 จบ
'ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ ดีจริงๆ ข้าจะได้ไม่ต้องตามหาให้มากความ' นางเหลือบมองเหม่ยฟางทางหางตาทั้งยังไม่สนที่จะตอบคำถามของเหม่ยฟางอีก
"คุณชายหย่งเจิ้ง ได้โปรดช่วยข้าด้วย คนพวกนั้นต้องการทำร้ายข้า" นางรีบลุกจากพื้นวิ่งถลาเข้าไปโอบกอดจ้าวหย่งเจิ้งด้วยสีหน้าตื่นกลัว ชี้ไม้ชี้มือไปยังทหารที่หยุดชะงัก ทั้งยังยอมล่าถอยไปเมื่อพบเข้ากับจ้าวหย่งเจิ้ง
"แปลก!" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยขึ้น เพียงแต่คิดในใจ
'ทำไมพวกทหารต้องไล่ตามนาง น่าแปลกจริง'
"คุณชายได้โปรดช่วยข้าน้อยด้วย เห็นแก่สัมพันธ์แต่เก่าก่อนของเราด้วย ฮือๆ" นางตัวสั่นด้วยความกลัว เหม่ยฟางมองนางด้วยความรู้สึกไม่วางใจ แม้ไม่ค่อยชอบนางนักก็ตาม ก่อนเอ่ยถามนางอีกครั้ง
"เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร" นางเหลือบมองเหม่ยฟางอีกครั้งแต่ครานี้นางกับมีสีหน้าตกใจ ยิ่งกว่าเก่า พร้อมเอ่ยเสียงสั้นพร่าชี้ไปทางเหม่ยฟาง
"ปะ ปีศาจ ปีศาจ คุณชายข้ากลัวเหลือเกิน"
"ข้าถามเจ้าดีๆ ใยเจ้าต้องว่าข้าเป็นปีศาจ"
"คุณชายข้ากลัวปีศาจ" นางหันไปพูดกับจ้าวหย่งเจิ้งด้วยอาการสั่นกลัว
"เจ้าว่าใครเป็นปีศาจกัน" เหม่ยฟางสติขาดผึงเค้นเสียงถามด้วยความโกรธ
"จะมีใครอีกนอกเจ้า" นางชี้มือสั่นๆมาที่เหม่ยฟางอย่างตั้งใจ โอบกอดเอวของจ้าวหย่งเจิ้งแน่นขึ้น
"ข้า? ทำไมเป็นข้า" เหม่ยฟางหันไปมองหน้าจ้าวหย่งเจิ้ง ที่มองเขาอย่างขำๆ จนเหม่ยฟางต้องถลึงตาใส่ ว่านเสี่ยวหลิงจ้องมองปฏิกิริยานั้น ก่อนเอ่ยย้ำว่าสิ่งที่ตนพูดคือเรื่องจริง
"เรื่องที่ข้าเล่าเป็นเรื่องจริงนะเจ้าคะ คืนนั้นข้าเห็นดวงตาแดงก่ำของเขา มันน่ากลัวมาก" นางตัวสั่นขณะเล่าเรื่อง จ้าวหย่งเจิ้งจ้องมองเหม่ยฟางอย่างขำขันก่อนเอ่ยถามเสียงติดตลกจนว่านเสี่ยวหลิงต้องแปลกใจ
"นี่เจ้าเป็นปีศาจหรือ หึหึ"
"หากข้าเป็นปีศาจข้าคงจับเจ้ากินเป็นคนแรก ชิ" เหม่ยฟางตอบเสียงสะบัด เดินหนีไป
"อ้าวเดี๋ยวสิ รอข้าด้วย" แม้อยากตามแต่จ้าวหย่งเจิ้งกับตระหนักได้ว่า เขามีว่านเสี่ยวหลิง รั้งตัวเขาไว้
"คุณชายอย่าทิ้งข้า ข้ากลัวเหลือเกิน ฮือๆ" เสียงสะอึกสะอื้นทำให้จ้าวหย่งเจิ้งไม่อาจทิ้งนางไปได้ จึงพานางอาศัยโรงเตี๊ยมในเมืองแทน
"เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน มีเรื่องเดือดร้อนก็ให้คนไปส่งข่าวกับข้า"
"ขอบคุณ คุณชาย" แม้นางไม่ค่อยพอใจที่จ้าวหย่งเจิ้งพาตนมาพักที่โรงเตี๊ยม แต่ก็ยอมกัดฟันอดทนต่อสิ่งนั้น เพื่อให้จ้าวหย่งเจิ้งช่วยคนของนางออกมา
"เจ้าพักผ่อนเถอะ ช่วงนี้อย่าออกไปไหนล่ะ" เมื่อสั่งลาแล้วจ้าวหย่งเจิ้งคิดจะรีบรุดกลับตำหนัก แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกจากห้องกับถูกรั้งแขนไว้
จ้าวหย่งเจิ้งมุ่นคิ้วหันไปมองนางอย่างไม่พอใจนัก
"มีเหตุใดถึงยังรั้งข้าไว้"
"คุณชาย ได้โปรดช่วยคนของข้าด้วย" นางปล่อยมือจากแขนของจ้าวหย่งเจิ้งทั้งยังคุกเข่าขอร้องทั้งน้ำตา ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนานักหากไม่เคยรู้จักนางต้องบอกว่าได้ว่านางน่าสงสารนัก
"เจ้าเลิกเล่นละครตบตาข้าเสียที ข้าไม่ได้โง่ขนาดมองไม่ออกว่าเจ้าเสแสร้งหรือไม่ ข้าอาจจะช่วยเจ้า หากเจ้ามีความจริงใจอยู่บ้าง" จ้าวหย่งเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาในตาจ้องมองอย่างไม่สบอารมณ์ ว่านเสี่ยวหลิงชะงักค้าง ก่อนลุกขึ้นยืนมองจ้าวหย่งเจิ้งด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
"แต่เรื่องที่ข้าบอกเป็นเรื่องจริง หากท่านไม่เชื่อข้าก็จนใจ" นางปรับเปลี่ยนท่าทีในการพูดใหม่แฝงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของนางมากขึ้น
"ข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดงั้นเหรอ"
"นั่นมันเรื่องของท่าน เจ้าปีศาจนั่นจะถูกกำจัดในอีกไม่นานท่านคอยดู"
"เจ้าหมายถึงใคร"
"ก็คนที่อยู่เคียงข้างใกล้ชิดท่านมากที่สุดไงเล่า ระวังไว้ให้ดีเถอะ" นางเอ่ยเสียงเรียบแต่คล้ายข่มขู่เพื่อให้จ้าวหย่งเจิ้งช่วยตน
"นี่ เจ้ากล้าขู่ข้า" น้ำเสียงติดหงุดหงิดบ่งบอกถึงความไม่พอใจของจ้าวหย่งเจิ้ง ยกมือขึ้นชี้หน้านางอย่างสั่นๆ
"ใครจะกล้ากล้าขู่ท่านได้"
"นางจิ้งจอก เจ้า...ได้ ข้าจะช่วยเจ้า" มือที่ชี้อยู่ลดลงเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่น
"ขอบคุณ คุณชายหย่งเจิ้ง" นางคลี่ยิ้มอย่างผู้ชนะมองจ้าวหย่งเจิ้งอย่างพึงพอใจ
"ใครเป็นคนจับพวกของเจ้าไป"
"จ้าว-หย่ง-เฝิง" นางเอ่ยชื่อออกมาทีละคำเพื่อเรียกความสนใจจากจ้าวหย่งเจิ้ง
"เป็นไปไม่ได้" เสียงพึมพำเบาๆอย่างไม่ได้ใจ ทำให้วาานเสี่ยวหลิงต้องย้ำว่าสิ่งที่นางพูดคือเรื่องจริง
"จวนหลังที่อยู่นอกเมือง ที่นั่นพวกของข้าถูกคุมขังไว้" นางเอ่ยเสียงเรียบไม่มีท่าทางร้อนใจ
จ้าวหย่งเจิ้งนิ่งเงียบ คล้ายอยู่ในภวังค์ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายต่างมารดาจะกระทำการเช่นนี้ แม้จ้าวหย่งเฝิงจะใจร้อนเอาแต่ใจไปบ้างแต่ไม่ถึงขนาดกักขังคนไว้ใช้ประโยชน์เป็นแน่
"ท่านไม่เชื่อข้าสินะ" นางถามจึ้นเมื่อเห็นสีหน้าสับสนของจ้าวหย่งเจิ้ง
"ข้าขอตัว หากเป็นเรื่องจริงข้าจะช่วยเจ้า ข้าขอสืบเรื่องนี้ก่อน" พูดจบจึงเดินจากไปโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงใดๆ
ตำหนักจิงเหรินกง
ตูม!!! ซ่า!!!
เสียงระเบิดดังสนั่น น้ำในสระบัวแตกกระจายด้วยเพลิงอารมณ์ของเหม่ยฟาง
ทั้งยังเกิดเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่องจนน้ำแทบเหือดแห้งสระบัว เหล่าขันที นางกำนัล ต่างพากันแตกตื่น อวี๋เหวินเต๋อเห็นว่าหากขืนปล่อยให้เหม่ยฟางระบายอารมณ์อยู่เช่นนี้ ต้องเป็นเหตุให้ถึงหูองค์ฮ่องเต้เป็นแน่จึงรีบเข้าห้ามปรามแล้วเหล่าขันที นางกำนัล ที่ยืนมุงดูให้ออกไป
"เจ้าจะฆ่าปลาให้หมดสระเลยหรือไร"
"อย่ามายุ่ง ข้ากำลังหงุดหงิด" เหม่ยฟางหันไปมองอวี๋เหวินเต๋ออย่างหงุดหงิด
"เจ้าไปหงุดหงิดเรื่องอะไรมาถึงได้มาระบายอารมณ์กับสระบัว กับพวกปลาที่นอนดิ้นอยู่บนพื้นเช่นนี้"
"ก็ นางจิ้งจอกนั่น มันว่าข้า"
"นางจิ้งจอก?" อวี๋เหวินเต๋อทวนคำยังสงสัย
"ก็นางจิ้งจอกว่านเสี่ยวหลิงน่ะสิ ไม่รู้ว่าโผล่ที่นี่ได้อย่างไร"
"อ๋อ...ไม่น่าเชื่อว่านางจะดั้นด้นมาถึงนี่" อวี๋เหวินเต๋อเอ่ยเสัยงเรัยบคล้ายกับไม่ติดใจอะไร
"ก็ใช่สิ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่านางยังกล้าโผลาหน้ามาอีก เจ็บใจนัก"
"ว่าแต่เจ้าบอก นางว่าอะไรเจ้านะ"
"ก็...นางว่าข้าเป็นปีศาจ ข้าเหมือนปีศาจตรงไหนกัน" เหม่ยฟางลังเลที่จะพูด ก่อนจะเอ่ยตอบไปพร้อมคำถามที่ทำให้อวี๋เหวินเต๋อต้องหัวเราะออกมา
"อุ๊บ ฮ่าๆ เจ้าบอกว่านางว่าเป็นปีศาจงั้นหรือ ฮ่าๆ"
"เจ้าหัวเราะอะไร" เหม่ยฟางมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อถูกหัวเราะ
"ก็เจ้าน่ะ เหมือนปีศาจจริงๆนี่นา ฮ่าๆ"
"อวี๋เหวินเต๋อ!!!" เหม่ยฟางแผดเสียงอันดังใส่ด้วยเรียกชื่อคนที่บอกตนเหมือนปีศาจ
"ฮ่าๆ ก็ตอนที่เจ้าโมโห ทำลายสระบัวกับปลาในสระ เจ้ามันปีศาจชัดๆ ฮ่าๆ" อวี๋เหวินเต๋อยกมือกุมท้องเพราะตอนนี้เขาหัวเราะเสียจนเจ็บท้องไปหมด
"เจ้า ก็อีกคน ทั้งหย่งเจิ้ง ทั้งเจ้า ต่างหัวเราะข้า เห็นข้าเป็นปีศาจจริงๆใช่ไหม ข้าจะไม่คุยกับพวกเจ้าแล้ว" เหม่ยฟางคิดน้อยใจ จึงหันหลังให้อวี๋เหวินเต๋อการใช้วิชาตัวเบาสะกิดปลายเท้ากระโดดข้ามกำแพงหนีหายไป อวี๋เหวินเต๋อยืนมองด้วยความรู้สึกผิดที่ตนไปหัวเราะ ทั้งยังพูดจาไม่เข้าเรื่องกับเหม่ยฟาง จนเหม่ยฟางต้องหนีไป
เมื่อจ้าวหย่งเจิ้งกลับมา อวี๋เหวินเต๋อรีบเข้ากราบทูลไปตามจริงว่า ตนเป็นคนทำให้เหม่ยฟางหนีหายไป แต่จ้าวหย่งเจิ้งกับไม่ถือโทษโกรธอวี๋เหวินเต๋อคนเดียวแต่รวมถึงเขาด้วยที่ทำให้อีกฝ่ายน้อยใจ
"โธ่ เหม่ยฟาง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าเสียใจ"
"องค์ชายรอง ข้าจะออกตามหาเหม่ยฟางเองพะย่ะค่ะ" อวี๋เหวินเต๋อออกตัว
"ไม่ต้อง ข้ามีงานอื่นให้เจ้าไปทำ" จ้าวหย่งเจิ้งยกมือขึ้นห้าม
"งานอะไรพะย่ะค่ะ"
"ไปสืบเรื่องหนึ่งที่จวนหลังเล็กนอกเมือง แล้วกลับมารายงานข้า"
"จวนขององค์ชายสามนี่พะย่ะค่ะ" อวี๋เหวินเต๋อท้วงขึ้นเมื่อรู้ว่าที่นั่นเป็นที่ของใคร
"ทำตามที่ข้าสั่ง"
"น้อมรับบัญชา" เมื่อรับคำสั่งแล้วจึงลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ไปดีดิวยเรื่องข้าเหม่ยฟางาทำให้เขากังวล
"เจ้าลังเลอะไร ใยยังไม่ไปอีก" จ้าวหย่งเจิ้งสังเกตุท่าทางยึกยักของอวี๋เหวินเต๋อจึงถามขึ้น
"คือว่า แล้วเหม่ยฟางล่ะองค์ชาย"
"เรื่องนั้นข้าจัดการเอง ข้าเองก็มีส่วนเช่นกันที่ทำให้เขาต้องเสียใจจนหนีไป" สายตาแสดงความรู้สึกผิดมองไปทางหน้าต่างของจ้าวหย้งเจิ้งทำให้อวี๋เหวินเต๋อยอมล่าถอยออกไป
"ถ้าเช่นนั้น ข้าน้อยขอตัว"
"ทำไมเกิดเรื่องเช่นนี้ได้นะ" จ้าวหย่งเจิ้งพึมพำกับตัวเอง เขาเดินออกจากห้อง
"ข้าควรไปตามหาเจ้าที่ไหนกันนะฟางเอ๋อร์ โอ๊ย!" เขารำพึงรำพันออก ก่อนมีภาพภาพหนึ่งฉายย้อนเข้ามาในหัวเขา
ภาพของชายหนุ่มหน้าตาน่ารักคนเดิมแต่งกายชุดแปลกตาชายหนุ่มคนนั้นท่าทาง คล้ายคนเมาเหล้า เดินประคองเคียงคู่กับชายอีกคนซึ่งเขาคิดว่าคนคนนั้นคือเขา ทั้งคู่ ทั้งคู่มายืนอยู่ที่ พาหนะรูปร่างแปลกๆคล้ายรถม้าแต่ไม่มีม้าภาพที่ชายหนุ่มน่าตาน่ารักมองเขาด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ ทำให้เขาเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจ เขาทั้งคล้ายกับมีปัญหากัน ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักเข้าไปนั่งด้านในเจ้าสิ่งนั้น ก่อนเจ้าสิ่งนั้นเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว เขาได้แต่ยืนมองด้วยตาอาลัยอาวรณ์ ภาพนั้นฉายซ้ำจนเขาจำได้ขึ้นใจ
"นี่มันภาพอะไรกัน คนพวกนั้นเป็นใคร ใยข้าถึงเห็นภาพเหล่านี้" จ้าวหย่งเจิ้งกุมขมับตนเองก่อนล้มหมดสติไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหม่ยฟางที่แอบอยู่บนขื่อเพดานมองเห็นเข้า ความจริงเหม่ยฟางไม่ได้หายไปไหนไกลกว่าตำหนักจิงเหรินกงแม้แต่น้อย เขาแค่แอบอยู่บนขื่อเพดานคอยลอบมองสีหน้าจ้าวหย่งเจิ้งกับอวี๋เหวินเต๋อที่แสดงความสำนึกผิดแก่ตน แต่ดูเหมือนจ้าวหย่งเจิ้งได้ใช้อวี๋เหวินเต๋อออกไปทำงาน เขาจึงได้แต่นั่งมองใบหน้าอมทุกข์ของจ้าวหย่งเจิ้งเพียงคนเดียว แต่เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของคนด้านล่างทั้งยังกุมศีรษะคล้ายคนปวดหัวแล้วล้มตึงลงไปมีเหรอที่เจ้าตัวจะไม่ลงมาดู
"หย่งเจิ้ง หย่งเจิ้งเจ้าเป็นอะไร แย่จริง ทั้งที่ข้าต้องได้รับการปรนนิบัติจากเจ้า แล้วใยข้าต้องมาคอยดูแลเจ้าด้วย" แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่ใจกับร้อนรนเสียยิ่งกว่าไฟ เหม่ยฟางพยุงร่างไร้สติของจ้าวหย่งเจิ้งเข้าไปด้านใน เมื่อจัดท่าทางการนอนให้แล้วจึงรีบหาผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัวให้
"เสี่ยวจื่อหยี่ เสี่ยวจื่อหยี่" เหม่ยฟางร้องเรียกขันทีน้อยเสี่ยวจื่อหยี่ให้เข้ามาด้านใน
"คุณชายมีเรื่องอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ" เสี่ยวจื่อหยี่เปิดประตูก้าวเข้ามาอย่างว่องไว โค้งศรีษะให้ความเคารพแก่เหม่ยฟาง
"ไปตามหมอหลวงมาดูอาการของหย่งเจิ้งที" เสียงร้อนใจของเหม่ยฟางทำให้เสี่ยวจื่อหยี่รีบออกไปทำตามคำสั่งอย่างว่องไว ขณะที่กำลังร้อนใจนั่งไม่อยู่ที่ เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้น
"เจ้าจะร้อนใจไปใย น้ำตาไข่มุกของเจ้าเพียงเม็ดเดียวก็สามารถช่วยเขาได้แล้ว" เหม่ยฟางหันไปตามเสียงคนที่ปรากฏตัวอย่างไร้ร่องรอยเหมือนภูติผีวิญญาณ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงหันกลับไปให้ความสนใจกับร่างไร้สติของจ้าวหย่งเจิ้งแทน
"เจ้าอย่าเมินข้าสิ ข้าอุตส่าห์นำยามาให้ ทั้งยังเอาข่าวเกี่ยวกับอีกโลกมาบอกเจ้า เจ้าไม่อยากได้ ไม่อยากฟังงั้นสิ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว" ว่าจบตาเฒ่าเอี๊ยก็ตีหน้าเศร้าหันหลังให้เหม่ยฟาง
"ใครใช้ให้เจ้าหายหัวไปเงียบกันเล่า"
"ข้าแค่ไปนำข่าวที่เจ้าต้องดีใจมาบอกเจ้าไวเล่า" ตาเฒ่าเอี๊ยเอ่นยิ้มๆ เพื่อมองดูปฏิกิริยาจองเหม่ยฟาง
"เรื่องอะไร" และนั่นก็เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าเอี๊ยคาดการไว้ไม่มีผิด
"เรื่องของหย่งเจิ้งในอีกโลกหนึ่ง"