❤ปาฏิหาริย์รักข้ามยุค❤
ตอนที่ 32 พบกันอีกครั้ง
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเดินสวนกันเข้าออกในห้องมืดเหม็นอับ เหม่ยฟางลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องขังมืด ๆ เขาจำได้เพียงว่ามีคนผลักเขาตกน้ำแล้วหลังจากนั้น ก็จำอะไรไม่ได้อีก เขาพยายามนึกย้อนถึงเสียงของคนที่เอ่ยกับเขาก่อนจะผลักเขาตกน้ำ เสียงคุ้นๆนั่น มันช่างเหมือน....
"เจ้าฟื้นแล้วสินะ" ตาเฒ่าเอี๊ยส่งเสียงทักเมื่อเห็นว่าเหม่ยฟางฟื้นคืนสตืแต่ไม่ยอมปรากฎกายต่อหน้าเหม่ยฟาง
'เสียง...เจ้า...เจ้าเป็นผลักข้าตกน้ำ' เหม่ยฟางนึกขึ้นมาได้ว่าเสียงที่บอกให้ตนใจเย็นๆคือเสียงของตาเฒ่าเอี๊ย ทั้งยังผลักตนตกน้ำอีก
"ฮ่าๆ นี่เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำ" ตาเฒ่าเอี๊ยหัวเราะออกเสียงดัง
'เจ้ามัน...แย่ที่สุด ไหนว่าช่วยข้า แต่นี่มันทำร้ายกันชัดๆ' เหม่ยฟางไม่รู้จะหาคำพูดใดมากล่าวต่อว่ากับการกระทำนี้จริงๆ
"ข้าช่วยเจ้าจริงๆนะ เจ้าดูสิเจ้าอยู่ที่ไหน" ตาเฒ่าเอี๊ยกช่ายด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
'คุก...' เหม่ยฟางมองรอบๆก่อนตอบด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
"ไม่ใช่คุกธรรมดา แต่มันคือคุกหลวงเชียวนะ สุดยอดเลยใช่ไหม" ตาเฒ่าเอี๊ยยังคงรู้สึกภูมืใจกับการที่ส่งเหม่ยฟางเข้าคุกหลวงได้
'มันดีใจตรงไหน ข้าติดคุกนะ' เหม่ยฟางเริ่มบ่นไม่หยุด
"ดีตรงที่เจ้าจะได้พบจ้าวหย่งเจิ้งในเร็ววันน่ะสิ" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
'ข้าถามจริงๆเถอะ นี่เจ้ากำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่สินะ' เหม่ยฟางถามอย่างนึกสงสัย ถึงปากเอ่ยว่าช่วยเขาแต่ไม่เคยช่วยเขาเต็มที่เลยสักครั้ง ช่วยแบบครึ่งๆกลาง จนตนเกือบตาย นี่เขาเรียกกลั่นแกล้งกันเสียมากกว่าช่วยเสียอีก
"เจ้าพูดอะไรอย่างนั้น ข้ามีหน้าที่ช่วยเจ้า จะไปกลั่นแกล้งเจ้าทำไมกัน แม้ข้าจะแอบคิดอยู่บ้าง แต่ข้าไม่เคยทำจริงๆหรอกนะ" ตาเฒ่าเอี๊ยตอบเสียงเรียบไม่มีความรู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย แม้เขาคิดอยากกลั่นแกล้งมากแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถทำได้ หาก องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จับได้เขาคงถูกลงโทษ และอีกอย่างที่เรื่องมันยุ่งยากเช่นนี้ก็เพราะตนเป็นผู้กระทำผิดเองจึงจำใจต้องลงมาช่วยเช่นนี้
'นั่นไง เจ้าสารภาพแล้วว่ากลั่นแกล้งข้า' เหม่ยฟางกล่าวเสียงดังในใจ
"ไม่ใช่ๆ ข้าบอกแล้วไงว่า ถึงอยากทำแต่ทำไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าเลือกอดีตกันล่ะ ข้าอุตส่าห์ชี้ทางให้เลือกอนาคตอันสดใสให้ก็ไม่เอา หากเจ้าเลือกอนาคตข้าคงไม่ต้องมาลำบากช่วยเจ้าเช่นนี้หรอก" ตาเฒ่าเอี๊ยบ่นพึมพำ
'ก็...ข้าทนเห็นเจิ้งทนทุกข์ไม่ได้' เหม่ยฟางทำหน้าเศร้า หลุบสายตาลงพื้นอย่างเศร้าสร้อย
"เอาเถอะๆ ในเมื่อเลือกไปแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าสมหวังอีกครั้ง" ตาเฒ่าเอี๊ยทำเสียงอ่อนเมื่อเห็นเหม่ยฟางทำหน้าเศร้า
ในระหว่างนั้นทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาเปิดประคุก เพื่อให้บุรุษผู้มีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาได้เข้ามา ซึ่งเหม่ยฟางจำได้เป็นอย่างดีว่าคนผู้นั้นคือใคร
"คนผู้นี้หรือ ที่คิดปองร้ายองค์ฮ่องเต้" ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนผู้นั้นเอ่ยถามอย่างใจเย็น จ้องมองใบหน้างดงามของคนตรงหน้า
"ใช่ขอรับ" ทหารนายนั้นตอบรับ
"ไม่น่าเชื่อว่า ข้าจะเป็นคนช่วยนักฆ่าผู้นี้ขึ้นจากน้ำ"บุรุษคนเดิมพูดกับตนเอง ยังคงจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าโดยไม่ละสายตา
'ท่านนักพรตเจินหยวน' เหม่ยฟางร้องเรียกในใจ แม้อยากเปล่งเสียงออกไป ก็ไม่สามารถทำได้
"เจ้ามีนามว่าอะไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม เขารู้สึกถูกชะตากับคนผู้นี้ยิ่งนัก
'ข้า...' เหม่ยฟางเหมือนบางอย่างแต่จำต้องโบกมือทั้งจับคอเพื่อให้ทราบว่าเขาพูดไม่ได้
"เจ้าพูดไม่ได้?" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม มองด้วยสายตาประหลาดใจ
'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ จ้องมองนักพรตเจินหยวนกลับสายตาคล้ายอยากสื่ออะไรบางอย่าง
"น่าแปลกนัก ฮ่องเต้ของเรากล่าวว่า นักฆ่าหมื่นบุปผา พูดอะไรบางอย่างกับพระองค์ แสดงว่าต้องพูดได้ แต่เจ้าพูดไม่ได้ หรือว่าผิดคนกัน เจ้ามีพี่น้องหรือไม่" นักพรตเจินพูดพำพึมกับตนเองก่อนเอ่ยถามกับเหม่ยฟาง เหม่ยฟางได้แต่ส่ายหน้า เขาเองไม่รู้หรอกว่าร่างใหม่ตนมีพี่น้องหรือไม่ "เขียนหนังสือได้ไหม" เมื่อสิ้นคำถาม เหม่ยฟางพยักหน้ารัวๆเพื่อเป็นคำตอบ "ดี ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาพร้อมกระดาษกับพู่กัน" เหม่ยฟางมองตามหลังนักพรตเจินหยวนจนพ้นสายตา
'หากข้าพูดได้คงดีไม่น้อย เฮ้อ~' เหม่ยฟางถอนหายจิอกมาเสียงดัง
"จะกังวลไปใย คืนครบรอบวันตายในวันพรุ่งนี้เจ้าจะได้คืนร่างเดิม เจ้าถือโอกาสนี้ไปหาจ้าวหย่งเจิ้งสิ" ตาเฒ่าเอี๊ยปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเหม่ยฟางเพื่อบอกความ
'ครบรอบวันตาย คืนร่างเดิม' เหม่ยฟางทวนคำ
"ใช่วันพรุ่งนี้ ครบ 1ปี ที่เจ้าจากไป องค์เง็กเซียน จึงโปรดให้เจ้าได้คืนร่างเดิม นี่ข้ายังไม่ได้เจ้าอีกหรือ" ตาเฒ่าเอี๊ยมองอย่างนึกสงสัย
'ไม่ได้บอก' เหม่ยฟางส่ายหน้า กำหมัดแน่น เรื่องสำคัญเช่นนี้ทำไมไม่บอกเขาให้เร็วกว่านี้ อยากจะชกหน้าตาเฒ่าสักหมัดเสียเหลือเกิน เหม่ยฟางได้แต่กัดฟันกรอดข่มความโกรธจ้องมองตาเฒ่าเอี๊ยตาเขม็ง
"ข้าไปนะ ข้าจะไปจัดการเส้นทางให้เจ้า" ว่าจบตาเฒ่าเอี๊ยจึงรีบหายตัวไป เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของเหม่ยฟาง
'1ปี แล้วหรือ ทำไมวันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเช่นนี้ ข้าเพิ่งใช้ชีวิตใหม่ในร่างนี้เพียงสองวันเองนะ' เหม่ยฟางได้แต่รำพึงรำพันกับตนเอง
"อ่อใช่ ข้าคงลืมบอกเจ้าไปว่าในระหว่างที่ข้านำเจ้ากลับคืนกายหยาบอีกครั้ง ค่อนข้างใช้เวลานาน ก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้นั่นแหละว่ามันนานมาก" ตาเฒ่าเอี๊ยโผล่ออกมาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง จึงทำให้เหม่ยฟางสะดุ้งตกใจ
'!!!!' เหม่ยฟางได้แต่ถลึงตาใส่ด้วยความไม่ชอบใจ
"ข้าขอโทษ เจ้านอนเถอะ" ตาเฒ่าเอ่ยเสียงเบาก่อนร่างนั้นจะจางหายไป เหม่ยฟางเองเห็นว่าไม่มีใครกวนใจจึงล้มตัวลงนอน
เช้าวันใหม่นักพรตเจินหยวนเดินมางมายังคุกหลวงแต่เช้าตรู่ ทั้งยังเอากระดาษ พู่กัน ติดมือมาอย่างที่กล่าวไว้
"ข้านำกระดาษ พู่กัน มาให้เจ้า จากนี้ข้าถามสิ่งใดเจ้าจงเขียนตอบข้าลงในกระดาษ" นักพรตเจินหยวนกล่าวยิ้มๆ
'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับ ทั้งรอยยิ้ม
"เจ้าชื่ออะไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถาม เหม่ยฟางจึงเขียนบนกระดาษกระดาษ เพียงคำเดียว คือ 'ฟาง' นักพรตเจินหยวนเงยหน้ามองใบหน้าของคนตรงหน้า "ฟาง เจ้าชื่อฟาง"
'อืม' เหม่ยฟางพนักหน้าตอบ ดวงตาเนียวสวยจ้องมองนักพรตเจินหยวนไม่กระพริบ
"ทำไมเจ้าถึงคิดสังหารองค์ฮ่องเต้" คำถามนร้ทำให้เหม่ยฟางต้องนิ่งเงียบ เขาไม่เคยคิดฆ่าหรือทำร้ายจ้าวหย่งเจิ้งแม้แต่น้อย เหม่ยฟางได้แต่ส่ายศีรษะไปมา ก่อนเขียนลงบนกระดาษอีกครั้ง
'ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ หากข้าบอกว่าข้า ไม่ได้ทำ'
"ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร" นักพรตเจินหยวนเอ่ยด้วยท่าทางลังเล ท่าทางของคนตรงหน้าดูไม่เหมือนคนที่จะทำร้ายใครได้
'ได้โปรด ช่วยข้าออกจากคุกหลวงด้วยเถอะ ได้โปรด' เหม่ยฟางตัดสินใจเขียนข้อความนี่ออกไปหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่" นักพรตเจินหลวงไม่แน่ใจแล้วว่าเขาควรช่วยหรือไม่
'ข้ามีเรื่องสำคัญต้องกราบทูลฮ่องเต้ เป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถบอกใครได้นอกจาก ฮ่องเต้เพียงองค์เดียว ได้โปรด มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องบอกภายในคืนนี้เท่านั้น' เหม่ยฟางจรดพู่กันบอกเล่าสิ่งที่ตนต้องการบอกลงบนกระดาษ
"ข้าสามารถเชื่อเจ้าได้หรือ" สิ้นคำถาม เหม่ยฟางนั่งคึกเข่าลงต่อหน้านักพรตเจินหยวน พร้อมชูสามนิ้วเพื่อเป็นการสาบาน "ได้ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง หากเจ้าคิดเล่นงานฮ่องเต้ อีกข้าจะฆ่าเจ้าเสีย"
'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเขาก็ได้ออกจากคุกหลวง
"ทหาร ข้าจะนำคนผู้นี้ไปกับข้า เพื่อพิสูจน์ความจริง ในคืนนี้ปล่อยคนผู้นี้เสีย" สิ้นคำพูดทหารจึงยอมปล่อยตัวเหม่ยฟางออกจากคุกหลวงตามคำบัญญาของนักพรตเจินหยวน ก่อนเหม่ยฟางจะออกจากคุกหลวงนักพรตเจินหยวนได้ลงวิชาอะไรบางอย่างไว้ที่หัวใจของเหม่ยฟาง
'ท่านทำอะไร' เหม่ยฟางเขียนข้อความบางอย่างลงไป
"ข้าใช้คาถาคำสัจกับเจ้า นับแต่นี้หากเจ้าคิดคดทรยศพวกข้า หัวใจของเจ้าจะถูกทำลายทันที" นักพรตเจินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
'อืม' เหม่ยฟางพยักหน้ารับอีกครั้ง เขายินดีพิสูจน์ความจริงในข้อนี้
"ดี คืนนี้ข้าจะนำเจ้าเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้เป็นการลับๆ" สิ้นคำนักพรตเจินหยวนจึงนำตัวเหม่ยฟางออกจากคุกหลวง และให้อาศัยอยู่ที่อารามหลวงเป็นการชั่วคราว
ค่ำคืนที่แสนรอคอยก็มาถึง ก่อนเข้าตำหนักชั้นใน เหม่ยฟางขอร้องให้นักพรตเจินหยวนหาผ้าคลุมมาให้เขา นักพรตเจินหยวนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขณะนี้เหม่ยฟางเดินตามหลังนักพรตเจินหยวน ด้วยหัวใจอันตุ่มๆต่อมๆ เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ตำหนัก จิงเหรินกง
เหม่ยฟางมองชื่อตำหนักอย่างนึกชั่งใจ ทำไมจ้าวหย่งเจิ้งถึงมาอยู่ตำหนักเล็กเช่นนี้ ปกติแล้วผู้เป็นฮ่องเต้จะต้องอยู่ตำหนัก เฉียนชิงกง
"เจ้าคงแปลกใจสินะว่าทำไมฮ่องเต้ถึงไม่อยู่ตำหนักใหญ่" นักพรตเจินหยวนเอ่ยถามอย่างรู้สึกถึงความนึกคิดจองเหม่ยฟางได้
'อืม' เหม่ยฟางยังคงพยักหน้ารับ
"ฮ่องเต้มีความหลังกับตำหนักนี้มากจึงไม่ยอมย้ายไปไหน แม้แต่โอรสเพียงองค์เดียวก็อยู่ที่นี่" นักพรตเจินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
'ฟาหลง' ภายใต้ผ้าคลุมเหม่ยฟางยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าลูกชายของตนก็อยู่ที่นี่ด้วย
"ไปเถอะเราเสียเวลามากแล้ว" นักพรตเจินหยวนกล่าวก่อนเดินนำเข้าไปด้านใน แต่เมื่อก้าวเข้าไปภายในเหม่ยฟางได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กเล็กดังกังวานก้องเสียจนคนรอบข้างปวดแก้วหู เหม่ยฟางคว้าแขนของนักพรตเจินหยวน เหมือนกำลังจะถามอะไรบางอย่าง "เสียงโอรสของฝ่าบาท สงสัยว่าฝ่าบาทยังไม่กลับจากว่าราชการ ปกติแล้วหากฝ่าบาทไม่อยู่โอรสจะงอแงร้องไห้ไม่เอาผู้ใดเช่นนี้แหละ" นักพรตเจินหยวนเกาศีรษะเขา ไม่รู้จะทำเช่นใด เหม่ยฟางกระตุกแขนของนักพรตเจินหยวนเพื่อขอไปที่ที่โอรสมังกรอยู่ "เจ้าเลี้ยงเด็กได้หรือ" เหม่ยฟางนิ่งชั่วครู่ก่อนพยักหน้า "ตามมา" นักพรตเจินหยวนเดินนำทางไปยังเสียงเด็กร้อง เมื่อว่าถึงจึงเห็นเหล่าพี่เลี้ยงต่างพากันวุ่นวายพยายามหาทางให้โอรสมังกรเงียบเสียง เหม่ยฟางเดินเข้าไปท่ามกลางเสียงร้องของโอรสมังกรที่นั่งร้องไห้จ้าไม่เอาใคร แต่เมื่อเห็นเหม่ยฟางที่คลุมผ้าจนไม่เห็นหน้า เสียงร้องกลับเงียบลงพร้อมกับลุกเดินตรงเข้ามาหาอย่างน่าประหลาดใจ เหม่ยฟางแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อโอรสมังกรเดินเจ้ามาเกาะขาตนเอง
'ฟาหลง...ลูกของเรา' เหม่ยฟางคุกเข่าลงตรงหน้าโอรสมังกร ช้อนร่างเล็กๆขึ้นมานั่งบนตัก
"น่าแปลกจริง ปกติแล้วองค์ชายฟาหลงไม่ยอมให้ใครแตะต้องยกเว้นองค์ฮ่องเต้เพียงองค์เดียว น่าแปลกจริงๆขนาดพวกเราที่เลี้ยงองค์ชายฟาหลงตั้งแต่เล็กยังเอาไม่อยู่" หนึ่งในพี่เลี้ยงเอ่ยด้วยความแปลกใจ
"มะ มะ กอด กอด" เสียงเล็กๆพูดจาไม่ค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมยกมือขึ้นกอดคอเหม่ยฟางไว้แน่น ความรู้สึกตื้นตันภายในจิตใจทำให้เหม่ยฟางถึงกับน้ำตาคลอ
"เจ้าองค์ชายฟาหลงนอนได้ไหม" หนึ่งในพี่เลี้ยงเอ่ยถาม เหม่ยฟางจึงพยักหน้ารับ อุ้มองค์ชายน้อยไปนอนที่เตียงเพื่อกล่อมให้หลับ ใช้เวลาเพียงไม่นานองค์ชายน้อยก็เข้าสู่นิทรา
"ดีจริงที่มีเจ้าอยู่ พวกข้าพลอยสบายไปด้วย ขอบใจเจ้ามาก" หนึ่งในพี่เลี้ยงกล่าวขอบคุณ เหม่ยฟางทำได้แต่ก้มหัวรับพร้อมส่งยิ้ม
"เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างดีขึ้น เราก็ไปกันเถอะ" นักพรตเจินหยวนเดินนำไปยังห้องทำงานของจ้าวหย่งเจิ้ง เมื่อมาถึง จ้าวหย่งเจิ้งก็นั่งทำงานรออยู่ก่อนแล้ว
"ถวายบังคมฝ่าบาท ข้าน้อย ขออนุญาติฝ่าบาทพาบุคคลหนึ่งมาเข้าเฝ้าขอรับ" นักพรตเจินหยวนเปิดประเด็นที่ตนมาในครั้งนี้
"ใคร" จ้าวหย่งเจิ้งขมวดคิ้วจ้องมองคนที่ซ่อนตนภายใต้ผ้าคลุม
"นักฆ่าหมื่นบุปผา" เมื่อนักพรตเจินหยวนแนะนำเรียบร้อย หม่ยฟางจึงยื่นกระดาษที่เขียนบางอย่างให้กับนักพรตเจินหยวน
'ขอคุยตามลำพัง' นักพรตเจินหยวนมองอย่างลังเล เหม่ยฟางจึงชี้ไปยังหน้าอกของตนเพื่อให้รับรู้ว่าเขายังมีคาถา คำสัจติดกาย เมื่อนักพรตเจินหยวนเบาใจเขาจึงพยักหน้ารับเดินออกจากห้องนั้น
"เจ้ามีธุระอะไรกับข้า" จ้าวหย่งเจิ้งเปิดประเด็น นัยน์ตายังคงมองฎีกาที่กองบนโต๊ะ ไม่สนใจบุรุษคลุมผ้าตรงหน้า
"เจิ้ง" เสียงเรียกแผ่วเบาแสนคุ้นหูทำให้จ้าวหย่งเจิ้งต้องเงยหน้าขึ้นจากฎีกา
"เจ้าเป็นใคร" จ้าวหย่งเจิ้งเอ่ยถามอยากแคลงใจ น้ำเสียงช่างคุ้นเคยอะไรเช่นนี้
"ข้าเอง" เหม่ยฟางดึงผ้าคลุมที่กปิดใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวนวลแสนคุ้นเคย ซึ่งบัดนี้ใบหน้าของ ตนได้กลับคืนดังเดิมอย่างที่ตาเฒ่าเอี๊ยได้กล่าวไว้
"ฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าตน
"เจิ้ง ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง" เหม่ยฟางวิ่งเดินเข้าไปกอดซบอกจ้าวหย่งเจิ้งด้วยความคนึงหา แต่จ้าวหย่งเจิ้งกับลังเลที่จะกอดตอบ
"ฟาง นั่นเจ้าจริงๆหรือ" จ้าวหย่งเจิ้งยังคงถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
"ใช่ข้าเอง" เหม่ยฟางกระชับมือกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
"ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม" จ้าวหย่งดันร่างบางออกเพื่อมองใบหน้าของผู้เป็นที่รักให้ชัดยิ่งขึ้น
"เจ้าไม่ได้ฝัน เจิ้ง เจ้าไม่ได้ฝัน" น้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มของเหม่ยฟางค่อยๆไหลออกมา
"ฟาง" จ้าวหย่งเจิ้งประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากแดงอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกต่างๆเอ่อล้นถ่ายทอดออกมาทางรสจูบ การขับเคลื่อนต่างเป็นไปตามกลไกการสัมผัสทางธรรมชาติ ความคนึง ความโหยหา ต่างพาทั้งสองเข้าสู่อารมณ์ที่ไม่มีใครขัดได้
"เจิ้ง หยุด หยุดก่อน ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า อ๊ะ เจ้าจับที่ใดกัน" มือหนาแสนซุกซนแหวกสาบเสื้อของผู้เป็นที่รักโดยไม่ฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
"ข้าคิดถึงเจ้า ฟาง" เหม่ยฟางพยายามปัดป้องมือหนาที่กำลังลูบไล้ไปทั่วร่างกายตน
"เจิ้ง หยุด อ๊ะ ปล่อยข้า หากเจ้าไม่ฟังข้าจะไปจากเจ้า" สิ้นคำ จ้าวหย่งเจิ้งจึงหยุดการกระทำตามคำขอ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีจากตนไป แล้วเงพวกเขาทั้งสองจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก เมื่เหม่ยฟางเห็นว่าอีกฝ่ายยอมหยุดตามคำขอ เขาจึงคิดจะพูดเรื่องที่ตนรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป แต่พอจะเอ่ยกับเปลี่ยนเรื่องคุยเสียอย่างนั้น
"เจิ้ง ข้าอยากให้เจ้ากอดข้า อ๊ะ!!!" เหม่ยฟางปิดปากตนเองโดยเร็ว 'นี่ข้าพูดอะไรออกไป ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนี้นะ' เหม่ยฟางมองหน้าจ้าวหย่งเจิ้งด้วยความรู้หวั่นๆ เมื่อเห็นจ้าวหย่งเจิ้งยิ้มรับกับคำพูดของตน
"ข้าก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน" สิ้นคำจ้าวหย่งเจิ้งจึงช้อนร่างบางของเหม่ยฟางไปที่เตียง และเริ่มบรรเลงเพลงรักของเขาทั้งสองคน....