CHAPTER 11KIM’s Talk ผมภาวนาให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน แต่มันไม่ใช่
ผมจูบกาล
หลังจากนั้นผมทำอย่างไรน่ะเหรอ ผมอยากจะสานต่อหรอกนะ แต่ถ้ามันคือความฝันผมคงมีความกล้ามากกว่านี้ ทว่าโลกความเป็นจริงผิดต่างอย่างสิ้นเชิง เขาตกใจและไม่ได้สนองตอบรอยจูบผมดังที่ควรจะเป็น ฟ้องว่าถ้าผมดึงดันร้องขอมากกว่านั้น คงได้กินศอกหมัดหรือไม่ก็ฝ่าเท้าเป็นยานอนหลับแน่ ต่อจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงี่ยน เอ๊ย เงียบสงัด
เงียบราวกับโลกนี้ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
“พี่คิม”
ผมมัวแต่จ้องยอดไม้หนาแน่นขณะเกาะราวเหล็กด้วยมือหนึ่ง ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกชื่อ ไอ้ขามยกกล้องโปรตัวใหม่พร้อมถ่ายนายแบบจำเป็นอย่างผมอยู่ ผมทำทีเอามือซ้ายล้วงกระเป๋า มองเลนส์กล้อง
“โอเคพี่” มะขามมันถ่ายรูปแต่ละครั้งไม่เคยนับให้สัญญาณ ผมเท้าสองแขนกับราวกั้นของทางเดินชมธรรมชาติ เห็นฝูงนกบินเป็นกลุ่มตัดกับท้องฟ้าไร้ก้อนเมฆของฤดูร้อน หากเป็นในเมืองใหญ่พวกเขาคงไม่สามารถเดินทอดน่องอย่างเช่นนี้ได้ แต่ธรรมชาติซึ่งแวดล้อมอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์กลับเป็นดั่งเกราะกำบังแสงแดดได้อย่างดี
ผมรู้สึกผิดที่ปฏิเสธขามเมื่อวันเสาร์ แถมยังเอาชื่อมันไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตอีก พอมันโทรมาทวงสัญญานัดลองกล้อง ผมก็เลยต้องจำเป็นออกมาอย่างที่เห็น
“พี่รู้ป่ะ อย่างพี่ไปรับงานนายแบบได้สบายๆ ไม่ต้องมาอดหลับอดนอนทำงานร้านเฮียเจตทุกคืนแบบนี้ ว่าแต่เมื่อคืนพี่ไปไหนมาเหรอ ไม่เห็นเข้าร้าน” มะขามถามที่มาที่ไปของการหายตัวของผม ผมส่ายหน้าเกาหลังคอ กูโคตรจะง่วง เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้หลับเต็มตา กว่าจะหลับได้สนิทก็เกือบสว่างแล้ว กะนอนเอาแรงตอนกลางวันก็ถูกมึงชวนมาถ่ายรูปลองกล้องอีก ผมจะโกรธขามมันก็ใช่ที่ เพราะสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ก็มาจากคุณชายอนันตกาลทั้งสิ้น
“กูลาพัก” ผมบ่ายเบี่ยง
“ลาพักหรือไปทำอะไรกันแน่” ขามมันถามอย่างกับรู้ว่าผมรับงานอย่างว่า พอเห็นว่าผมไม่ตอบ ไอ้มะขามหวานก็เลยหันไปถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ต่อโดยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
ดวงตะวันบ่ายคล้อย ตอนผมนั่งรถมากับขามก็เลยเวลาเที่ยงแล้ว อาศัยแวะกินข้าวกลางวันข้างทางก่อนแวะเข้าวนอุทยานพฤกษศาสตร์ที่หมายถ่ายรูป
“กลับกันเถอะว่ะ” ผมเสนอหนทางกลับคืนเตียงนอน มะขามมันขมวดคิ้วแสดงอาการดื้อชัดเจน
“ถามจริง เมื่อคืนพี่ไปไหนมา”
“มึงถามเหมือนเป็นเมียสอบสวนผัวเลยว่ะ ขาม หรือมึงอยากเป็นเมียกูก็บอกกันดีๆ” ผมหยอกเย้ามันเล่น แต่มะขามทำตาลุกวาวจนผมแทบจะขอถอนคำพูด หรือมึงจะเอาจริงกันแน่วะ ไม่หรอกมั้ง ทุกทีถ้าผมหยอดแบบนี้ มันแทบจะอายม้วนเป็นขนมทองม้วนเลย มันกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะแล้วยกกล้องถ่ายรูปผม
มึงคงได้รูปกูไปเป็นพันรูปแล้วล่ะมั้งเนี่ย ทั้งแบบไม่ตั้งใจและตั้งใจ ก็น่าจะสมควรแก่เวลาในการกลับเสียที
“กลับกันเหอะ กูอยากนอนสักชั่วโมงสองชั่วโมง ไม่งั้นไม่มีแรงไปใช้คืนเฮียเจตแน่”
คราวนี้ขามมันยอมพยักหน้าเห็นด้วย
“ป่ะพี่ ผมได้ลองกล้องสมใจละ ยังไงจะใช้บริการอีกนะ พี่คิม”
“เออๆ ถ้ามึงขยันเรียนเหมือนขยันถ่ายรูปกูคงได้เกรด 4.00 แน่ว่ะ” ผมตบไหล่ของมันเบาๆ ก่อนจะชวนกลับไปยังลานจอดรถ ระหว่างนั้นมีคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินสวนผ่านมา ออร่าความหล่อสวยทะลุเลนส์แว่นตาแบรนด์เนม จนผมสะดุดตา ทั้งรูปลักษณ์สัดส่วนผิวขาวจัดของชายหนุ่มคนนั้นเตะตาจนไอ้มะขามมันแอบยกกล้องอยู่หลังผม คงกะเก็บรูปคนทั้งคู่ ด้วยมุมและแสงตกกระทบพอดิบพอดีแบบนั้น องค์ประกอบครบสมบูรณ์ มีหรือที่ใครจะยอมพลาด
ผมได้แต่ยืนเป็นเกราะกำบังอยู่เบื้องหน้ารุ่นน้อง จ้องมองคนคู่นั้น
กาลกับสาวสวยที่ผมไม่รู้จักชื่อ เหมาะสมกันราวกับคู่รัก
“สวยป่ะพี่คิม” รุ่นน้องหนุ่มเอาภาพถ่ายสองคนนั่นมาให้ผมดู
“อืม” ผมตอบแบบไม่จริงใจสุดๆ
ผมรีบถอดแว่นกันแดดออกหวังจะให้กาลเห็นว่าเป็นผม ทว่าเมื่อเขาและหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
...และเดินเลยผ่านไป ราวกับสายลมพัดผ่านตามยอดไม้ ฉุดใบแก่ปลิดปลิวละล่วงจากกิ่งก้าน
กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวของเขายังคงอยู่ แต่เจ้าตัวโอบเอวสาวสวยเดินชี้นกชมไม้ไปโดยแทบไม่สนใจผม
ผมเหมือนโดนชกด้วยหมัดขวา ชาวาบไปทั้งหน้า
“เป็นอะไรป่าวพี่” ไอ้มะขามถามผม เมื่อมันออกเดินนำแล้วผมไม่ได้ก้าวเท้าตาม ผมค่อยๆเหลียวหลังมองร่างเจ้าของกลิ่นน้ำหอมที่ถูกทอดทิ้งไว้ ก่อนจะหัวเราะมาคำหนึ่ง
ไม่มีทางที่กาลจะจำผมไม่ได้ ในเมื่อผมสร้างวีรกรรมมากมายจนชาตินี้อีกฝ่ายจะลืมผมลงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมมั่นใจสิว่าผมแทรกซอนเข้าไปอยู่ในความทรงจำของหมอนั่นแล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนนอนเมื่อคืน
ระหว่างขนของกลับคอนโดฯกาล เขาไม่แม้แต่จะปริปากพูดกับผมสักคำ อันที่จริงก็ตั้งแต่ผมจูบเขาแล้วด้วยซ้ำ ไม่ว่าผมจะถามหรือพูดอะไร ไร้เสียงตอบกลับของคุณชายอนันตกาล ผมรู้สิว่าผมทำเกินเลยจนอีกฝ่ายคงไม่คิดให้อภัย ไม่แม้แต่จะยอมพูด หรือกระทั่งชายตามอง...
ผมคงคิดไปเองว่าเขาคงชอบผมอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นจะยอมปล่อยให้ผมลวนลามทั้งการกระทำหรือทางวาจา แม้จะเป็นการกระทำกึ่งจริงกึ่งเล่นก็ตาม
“กูถามอะไรอย่างดิ” ผมมองหน้ารุ่นน้อง มันยิ้มแหยๆ คงกลัวว่าผมจะทำมิดีมิร้ายหรือยังไงไม่ทราบ
“เรื่องอะไรพี่”
“มึงจะยอมให้หญิงแตะเนื้อต้องตัวหรือเปล่า ถ้ามึงไม่ชอบเค้า”
“โห พี่คิม ถามอะไรง่าวๆ โทดๆพี่ คืองี้นะ ถ้าสมมติผมเป็นสาวสวย” มันขยับเข้าหาผม “แล้วอยากได้พี่ไปนอนด้วยคืนนี้” มันยักคิ้วพลางเอื้อมมือแตะแขนผม ผมรีบขยับตัวออกห่างทันควันด้วยสัญชาตญาณ
“หน้ามึงหื่นมากว่ะ ขาม กูกลัว” อันนี้จริงครับ ถ้ามันเป็นสาวสวยจริงๆผมคงขอคิดไต่ตรองดูก่อน แต่นี่มันคือไอ้มะขามชายหนุ่มส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบ สูงพอๆกับผม ทำทีเอาเส้นผมทัดหู แล้วจะเชื้อเชิญผมไปนอนด้วย กูว่ามึงสมมติได้เหี้ยมาก
“ก็ถ้าพี่ไม่ชอบเค้า จะยอมให้เค้าแตะเนื้อต้องตัวทำไม แค่คิดว่าจะไปนอนด้วยกันน่ะ เลิกมโนได้เลย ถูกมะ” ไอ้ขามพูดตรงกับใจผม
“มึงจะกินอะไรบอกมา เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมตบบ่าขามหวังตอบแทนค่าคำปรึกษา
“โห พี่ ผมต่างหากที่ต้องจะเลี้ยงข้าวพี่ที่มาเป็นแบบ ช่วยลองกล้อง ไหงกลับตาลปัตรแบบนี้ล่ะ” มันยังทำหน้างงๆอยู่
“เอ่อน่ะ มึงพูดถูกใจกู นานๆทีมึงจะพูดจาเข้าหูกูสักเรื่องไหมล่ะ” ผมออกเดินนำไปยังลานจอดรถ กว่าไอ้ขามมันจะรู้ว่าถูกหลอกด่า ผมก็มีเวลาสะใจอยู่พอสมควร ก่อนที่อีกฝ่ายจะกระโจนมากระโดดเกาะหลังเป็นลูกลิงเอาคืนผม ผมต้องแบกมันกลับไปที่รถเพื่อไถ่โทษ แต่คำพูดมันก็ช่วยให้ผมใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
‘เขา’ นั่งอยู่ในโซนวีไอพี แวดล้อมด้วยสาวสวยหนุ่มหล่อ บรรดาเพื่อนๆและคนรู้จักฐานะระดับเดียวกับเขา เมื่อก่อนผมไม่ได้สังเกตว่าเขาจะมาร้านพี่เจตวันไหนบ้าง ตอนนั้นผมยังไม่ได้รู้จักเขาแบบ...ใกล้ชิด แต่ตอนนี้ตลอดเวลาทำงานผมก็อดที่จะเหลียวมองไปทิศทางนั้นไม่ได้
“คืนนี้มึงนัดสาวที่ไหนไว้วะ” เฮียเจตจัดแจงผสมเหล้าค็อกเทลวางบนถาด ตามออร์เดอร์ลูกค้าที่ผมรับมา
“ทำไมพี่ถามงั้น” ผมสงสัยเลยย้อนถาม
“หน้ามึงเหมือนคิดวางแผนจะเอาสาวท่าไหนอยู่ในหัวตลอดเวลา”
ผมสำลักน้ำลายตัวเอง ไอโขลกจนพี่กวางต้องเดินมาตบหลังผม
“คิมเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“แหม พอพูดกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นนี่เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ”
“กูได้ยินนะ ไอ้เจต” พี่กวางชี้นิ้วหมายหัวเจ้าของร้านไว้หนึ่งทัณฑ์บน พี่เจตผลุบหายไปหลังบาร์อย่างเร็วกริบ ผมอาศัยจังหวะนั้นถือถาดเครื่องดื่มไปส่งให้ลูกค้า มะขามเดินสวนผ่านมายักคิ้วให้ผมดูอารมณ์ดี ใช่สิ ก็ผมพามันไปเลี้ยงชาบูหนึ่งอิ่มตอนมื้อเย็นตอบแทนค่าปรึกษา
ผมวางแผนจริงอย่างเฮียเจตสงสัย แต่ไม่ใช่สาวสวยที่ไหนแต่เป็นไอ้คุณชายขี้เก็กนั่นต่างหาก รอโอกาสอยู่ว่าหมอนั่นจะลุกไปเข้าห้องน้ำตอนไหน มิสเตอร์คลานสั่งเหล้ายี่ห้อแพงมาซดราวกับดื่มน้ำ แทบไม่ออกอาการเมามายเหมือนตอนดื่มเบียร์ พอกาลลุกยืนทำทีเหมือนจะไปเข้าห้องน้ำ ผมก็อาศัยย่องตอดตามไปในทันที
“ไง”
เขาสะดุ้งเล็กน้อยตอนเหลือบมองผม ก่อนจะรูดซิปกดน้ำใส่โถฉี่ เดินไปล้างมือหน้ากระจก ดูเหมือนบรรยากาศจะเป็นใจช่วยผมในการขอคืนดีกับเขาเพราะไม่มีแขกเข้าห้องน้ำพอดี
“กูขอโทษมึงเป็นพันครั้งได้แล้วมั้ง เมื่อไหร่จะยอมพูดกับกูสักที” ผมพูดต่อรวดเร็ว
เงียบ
“แล้ววันนี้ตอนมึงเจอกูที่สวนพฤกษศาสตร์ ทำไมถึงไม่ยอมทัก เป็นคนหยิ่งเหรอเรา”
เขาล้างมือเสร็จแล้วหันมามองผมราวกับคนละคนกับเมื่อวาน เหมือนผมกับกาลเพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ต้องการเงินเพิ่มหรือไง”
คำพูดกาลทำเอาผมพูดเล่นต่อไม่ออก ตั้งใจจะขอคืนดี ไม่หวังมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับตอกย้ำฐานะชนชั้นระหว่างผมกับเขาโดยชัดแจ้ง ผมคงได้เป็นแค่คนขนของชั่วคราวของเขาเท่านั้น เรื่องคบหาเป็นเพื่อนหรือมากกว่านั้นที่ผมฝันไว้ลึกๆคงไม่มีวันเป็นจริง
ผมหมดคำพูด เรื่องระหว่างเราคงจบกันเพียงแค่นี้จริงๆ ผมหัวเราะมาคำหนึ่ง กูไปทวงค่าเลี้ยงชาบูจากไอ้มะขามคืนดีมั้ย ไม่เห็นเป็นอย่างที่มึงว่าสักนิดเลย
“ว่าไง อยากได้เงินเพิ่มก็บอกมา”
ผมกำลังเดินออกไปปฏิบัติหน้าที่การงานต่อ แต่คำพูดกาลก็รั้งเท้าผมไว้อยู่กับที่ ผมไม่โกรธเขาที่คิดจะเอาเงินฟาดหัวผมตามปกติ ทว่าผมโกรธตัวเองที่ตัดสินใจเดินเข้ามาหาเขาในห้องน้ำ มึงมันไม่เจียมกะลาหัวจริงๆเลยไอ้คิม รู้จักมั้ย คำว่าที่ต่ำที่สูง กากับหงส์ ดอกฟ้ากับหมาวัด มาเห่าใบต้องแห้ง เอ๊ะ อันนี้ไม่น่าใช่ มีอะไรอีกวะ ขอคิดแป๊บ
“ดี ถ้าไม่อยากได้ กูจะได้ไปหาคนอื่น”
ผมรีบหันไปมองมิสเตอร์คลานทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถๆบนหน้าจอ พลางพูดว่า
“นายไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวในโลกที่ต้องการเงินจากผม”
“กู...” ผมรู้ว่าเขากำลังกดเรียกแอพหาคู่ ไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น แต่ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขาได้ ทั้งในฐานะเพื่อนหรือคนรู้จัก ผมก็ไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง
“กูขอโทษเป็นครั้งสุดท้ายที่จูบมึง มึงจะรับหรือไม่รับคำกูก็แล้วแต่ กูไม่มีสิทธิ์บังคับใจมึงได้ บาย”
เมื่อผมเดินออกมาถึงปากประตูห้องน้ำชาย มะขามมันเหมือนตามหาผมอยู่ก็กวักมือเรียกมาแต่ไกล ผมกำลังก้าวไปหามัน จู่ๆโทรศัพท์มือถือที่เสียบไว้ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นต่อเนื่อง ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ในบรรดาผู้คนมากมายในแอพหาคู่นั่น ทำไมเขาเจาะจงเลือกผม
เมื่อผมเห็นข้อความของ KALN แชทบอกว่า
นายว่างมั้ย มาหาผมที่ห้องตอนนี้ได้หรือเปล่าผมควรจะดีใจหรือเสียใจ
ผมควรจะไปหาเขาด้วยรูปลักษณ์ชายหนุ่มลึกลับผู้สวมหน้ากาก หรือบอกความจริงกับเขาทั้งหมด ยุติเรื่องราวและความสัมพันธ์จอมปลอมนี้ลงเสีย ตามสำนวนสุภาษิตที่ผู้ใหญ่เคยสอนว่า ตัดไฟแต่ต้นลม
สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกเส้นทางแรก พิมพ์ตอบเขาไปว่า
ว่างครับTBC.- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พูดคุยอ๊าาา ปิดปากด้วยปากล่ะ... (ทำตาโต...ฟินนนน)
ดีใจที่ทำให้คุณฟินนนน ได้ครับ อิอิ