บทที่ 14.5
‘โซลเมท’ หรือ ‘คู่แห่งโชคชะตา’ สำหรับอัลฟ่าและโอเมก้าแล้วมันคือคำเรียกคู่แท้ที่เกิดมาเพื่อกันและกัน ไม่ว่าจะแตกต่างกันด้วยชาติกำเนิดหรือสถานะทางสังคม ทุกอย่างล้วนไร้เหตุผลเมื่อโชคชะตาได้ลิขิตให้คนสองคนถูกดึงดูดเข้าหากัน และการที่โซลเมทจะเกลียดกันตั้งแต่แรกพบนั้นเรียกว่าแทบจะไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นเลย
...แต่คนบางคน ให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อในเรื่องคู่แท้พรหมลิขิตนี่น่ะสิ…..
……….
“คุณคาร์เมนนี่ชื่อคล้ายผู้หญิงเลยนะครับ โอ๊ย!” ลาซารัสโดนเตะหน้าแข้งลงโทษเพราะดันเผลอพูดสิ่งที่คนฟังไม่อยากจะได้ยิน “ทำอะไรน่ะครับ ผมแค่จะบอกว่าชื่อเพราะดีเท่านั้นเอง”
“ชมว่าชื่อเพราะอย่างเดียว จะแซวว่าเหมือนชื่อผู้หญิงไปเพื่อ?” สาเหตุที่โอเมก้ารุ่นพี่เคืองไม่ใช่เพราะชื่อตนคล้ายผู้หญิงหรอก แต่มันเป็นชื่อของผู้หญิงเลยต่างหาก! “ตอนที่แม่ท้อง แม่คิดว่าฉันต้องเกิดมาเป็นลูกสาวแน่ๆ ก็เลยตั้งใจเลือกชื่อนี้ แต่ดันออกมาเป็นลูกชาย...แถมเป็นโอเมก้าอีก”
สงสารอยู่หรอก แต่ก็เอ็นดูแปลกๆ...
หลายเดือนแล้วที่ลาซารัสไม่ได้เจอหน้าคาเล็มเลย ที่พอจะได้เห็นหน้ากันบ้างก็เพียงแค่ตอนที่นัดตรวจดูผลของยานานๆครั้งเท่านั้น รอบนี้ก็เหมือนกัน เขาเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาหลังจากแอดมิดเข้าไปได้เกือบอาทิตย์ ยาที่คาเล็มปรับเพิ่มให้ ปริมาณมันมากเกินจะรับไหว พอสะสมในร่างกายมากๆเข้า ร่างกายของเขาก็ทรุดลงถึงขนาดอาเจียนไม่หยุด ตอนนี้เลยต้องหยุดยาแล้วกลับมาใช้ยาตัวเก่าปริมาณเท่าเดิมระหว่างรอคาเล็มปรับยาตัวใหม่…
หลังจากกลับมาพักฟื้นที่บ้านของริชาร์ดได้แล้ว จู่ๆ คาร์เมนก็โทรมาชวนเขาออกมาเตร็ดเตร่เสียอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ปฎิเสธเพราะอาการดีขึ้นจนแทบจะเรียกว่าเป็นปกติแล้ว
อา...อันที่จริงคือคาร์เมนไม่ยอมให้เขาปฎิเสธด้วยแหละ ...เหมือนทุกๆครั้ง.. เพราะคาร์เมนต้องการหลบหน้าเออร์แฟน ก็เลยมักจะโทรมาชวนเขาออกไปข้างนอกเสมอ ทั้งที่เคยบอกให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณหมอเลยนึกว่าจะพาลไม่ชอบหน้าเขาซะอีก..เป็นคนที่เข้าใจยากชะมัดเลย
“แล้วคุณแม่ไม่ให้เปลี่ยนชื่อเลยเหรอครับ?”
“เปล่า...แม่ไม่ห้าม แต่ฉันไม่เปลี่ยนเอง” โอเมก้าหนุ่มรุ่นพี่หันไปคว้าจานแพนเค้กราดน้ำผึ้งไซรัปมากินตั้งแต่พนักงานเสิร์ฟยังไม่ทันเอามาวางตรงหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ
ลาซารัสมองคาร์เมนที่จ้วงแพนเค้กหนาสามชั้นกินแบบไม่กลัวเบาหวานพุ่ง คุณหมอก็อีกคน...เห็นคุณเรนเดลบอกว่าต่อให้ทำงานจนลืมกินลืมนอนยังไง แต่ขนมหวานกับกาแฟนี่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ทำไมสองพี่น้องคู่นี้ถึงได้ชอบของหวานกันขนาดนี้นะ
“เอ่อ..วันนี้เรียกผมออกมาข้างนอกทำไมเหรอครับ?”
“บอกแล้วนี่ว่าจะพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา” คาร์เมนวางส้อมลงและหยิบกระดาษเช็ดปากหลังจากทานจนหมด นี่กินหรือยัด เร็วไปแล้วครับ!
“รู้ครับ ว่าแต่จะไปที่ไหนเหรอ ทำไมถึงไปกันแค่สองคน?” ตอนที่น้องชายคุณหมอคาเล็มโทรนัดให้มาเจอกัน เขาคิดว่าโอเมก้าหนุ่มรุ่นพี่จะชวนคนอื่นๆ ไปด้วยซะอีก
“โฮสต์อัลฟ่า”
พรูดดด!ชามินท์ที่ลาซารัสดื่มไปพุ่งพรวดออกจากปากทันที “หา!? อะ...ขอโทษครับ!” ดวงตาสีฟ้าจ้องไปยังโอเมก้ารุ่นพี่ที่กำลังซับหน้าเพราะชามินท์กระเด็นเข้าหน้าเต็มๆ
“เฮ้ยๆ แค่เที่ยวโฮสต์ไม่ได้ไปซื้อบริการอย่างว่าสักหน่อย อ่ะ...แต่อย่างหลังนั่นฉันก็ตั้งใจจะไปซื้อของฉันเองอยู่แล้วล่ะนะ” คาร์เมนถอดแว่นกันแดดออกมาเช็ด ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็รู้สึกว่าดวงตาสีเขียวอ่อนของคาร์เมนมีเสน่ห์ดึงดูดมากจริงๆ นั่นแหละ
“แล้วมันจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ เราสองคนเป็นโอเมก้าทั้งคู่เลยนะ”
“เมื่อก่อนฉันเคยไปร้านนี้ประจำ ปลอดภัยหายห่วงน่ะ” พอใส่แว่นกลับก็มองดูสีหน้าของโอเมก้าหนุ่มรุ่นน้องที่ยังกังวลอย่างปิดไม่มิด “ถ้ากลัวล่ะก็จะฉีดน้ำหอมกับกินยาดักไว้ก่อนก็ได้”
“แล้ว...ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ” เขาพยายามปฏิเสธ เพราะก่อนหน้านี้ก็เจอเหตุการณ์อะไรๆ มาหลายเรื่อง จะระแวงพวกอัลฟ่าบางคนก็ไม่แปลกหรอก “อีกอย่าง...ผมกลัวคุณหมอจะรู้ว่าผมไปเที่ยวที่แบบนั้นด้วย”
คาร์เมนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก็ไม่ได้คิดว่าลาซารัสจะโอเคกับคำชวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งลองโทรไปชวนโคลวิส และก็โดนปฏิเสธมาแบบเดียวกัน ซึ่งอันที่จริงจะไปว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้หรอก ในเมื่อสองคนนี้มีคนรักกับคนที่แอบชอบอยู่แล้ว จะไปเที่ยวสนุกเหมือนคนที่ไม่มีใครผูกมัดเห็นทีคงจะไม่ถูกนัก
“ก็ได้ๆ ไว้ถ้าเกิดวันไหนสนใจอยากลองเมื่อไหร่ก็บอกละกัน” คาร์เมนจ้องดูลาซารัสที่ถอนหายใจโล่งอก “...โทษทีที่ทำให้เสียเวลานะ”
โอเมก้าหนุ่มรุ่นพี่ลุกขึ้นและวางเงินไว้ให้ลาซารัสเช็คบิล ส่วนตัวเองเดินเปิดประตูออกจากร้านแล้วโบกรถแท็กซี่ขึ้นรถไปทันที
“คุณคาร์เมน! อ่า...ไปซะแล้ว” ลาซารัสรีบเดินตามออกมาแต่ก็ไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าได้แต่มองตามแท็กซี่คันที่คาร์เมนนั่งไป อันที่จริงเขาก็อยากจะตามไปดูแลเผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่มาคิดดูแล้วคงไปขัดแข้งขัดขาโอเมก้ารุ่นพี่เสียมากกว่า
จริงๆแล้วใช่ว่าคาร์เมนจะอยากมาเที่ยวหาความสำราญเหมือนเมื่อก่อนหรอก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ในหัวก็มีแต่จะคิดถึงหน้าเจ้าอัยการอัลฟ่าคนนั้น
ให้ตายเถอะ...อยู่มาจนจะสี่สิบแล้วทำไมเพิ่งจะมามีความรู้สึกใจเต้นเวลานึกถึงหน้าใครคนอื่นนอกจากพี่ชายของตัวเองด้วยนะ
แถม...นับวันเออร์แฟนยิ่งทำตัวแปลกขึ้นทุกที เจอหน้ากันครั้งแรกยังกัดกันจะเป็นจะตายอยู่เลย
หลังจากที่คาเล็มให้แหวนกับลาซารัสไป ไม่กี่วันต่อมาเออร์แฟนก็ดันโผล่มาพร้อมช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ยื่นใส่หน้าเขาต่อหน้ามารดาแล้วขอคบเป็นแฟนซะอย่างนั้น! แน่นอนว่าเขาปฎิเสธเสียงแข็งตอนที่หมอนั่นมาชวนไปเดท แต่เออร์แฟนพอรู้ว่าจีบเขาตรงๆไม่ได้ ก็เข้าหาแม่คาร่าของเขาหนักหน่วงขึ้นทุกวันๆ ทั้งซื้อข้าวของที่จำเป็นมาให้ ชวนคุณแม่และเรนเดลไปเที่ยวสปารีสอร์ทที่คนสูงวัยชอบกัน พอว่างเมื่อไหร่ก็ยังมาช่วยดูแลถึงที่บ้านอีก จนคุณแม่คาร่าเริ่มหลงเสน่ห์อัยการหนุ่มมาดเจ้าชายแสนดีคนนี้ไปเต็มๆแถมไม่ใช่แค่เริ่มเอนเอียงเทใจไปให้ทางนั้น นี่บางทีแม่ยังหลงเข้าใจผิดคิดว่าโดนจีบซะเองอีก!!
แถม...นี่ก็ใกล้ช่วงฮีทของเขาแล้วด้วย เขาเองก็ฮีทเต็มๆเจ็ดวันต่อเนื่องในรอบปี เพราะงั้นยิ่งอยู่ใกล้ไอ้เออร์แฟนไม่ได้เด็ดขาด! ขืนรู้ว่าเขากำลังจะฮีท มีหวังกุลีกุจอตามติดยิ่งกว่าเดิมให้น่ารำคาญไปอีก
“ฮัลโหล กำลังไปหานะ” คาร์เมนยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับปลายสายที่นานๆ จะติดต่อไปสักที แต่คุยเพียงเท่านั้นแล้วก็วางสายไป แท็กซี่แล่นเข้าไปในย่านสถานบันเทิงที่ตอนนี้ยังไม่มีร้านไหนเปิดบริการเต็มรูปแบบดีนักเพราะยังไม่ทันจะถึงเวลาที่ลูกค้าจะออกท่องราตรีเลย
คาร์เมนจ่ายเงินและลงจากแท็กซี่ก่อนเดินตรงไปยังจุดหมายของตัวเอง ร้านโฮสต์อัลฟ่าที่เปิดบริการในตรอกเล็กๆ ขนาดร้านไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งอย่างเป็นกันเองและค่อนไปทางน่ารักน่านั่งเพราะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นโอเมก้าขี้เหงาหรือไม่ก็…
“จะเข้าช่วงฮีทของนายแล้วนี่นะ” สาวสวยร่างสูงใหญ่ในชุดสูทลำลองเดินออกมาเปิดประตูร้านต้อนรับเขา ผมสีน้ำตาลยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นหางม้าต่ำเพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ใบหน้าบ่งบอกถึงวัยที่เริ่มมากแต่ก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคาร์เมน กระนั้นก็จัดเป็นผู้หญิงสวยดุและเป็นผู้ใหญ่ที่ทรงเสน่ห์อยู่ดี
“ร้านเพิ่งเปิดเหรอ?” คาร์เมนเลิกคิ้ว เขานึกว่าตอนนี้ร้านคงเปิดเสร็จเรียบร้อยแล้วเสียอีกเลยรีบบึ่งมา จำได้ว่าแต่ก่อนร้านมักเปิดตั้งแต่ยังไม่ทันตะวันจะตกดิน
“ใช่ ช่วงนี้พวกคนเก่าๆ เริ่มออกไปมีครอบครัวกันบ้างแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็คงรับแขกได้ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เลยเปิดช้าลงแล้วก็ปิดไวขึ้น” หญิงสาวเดินไปหลังเคาท์เตอร์ที่อยู่หน้าร้านแล้วควานเอาขวดวิสกี้ออกมารินให้คาร์เมน
“ให้หาคนใหม่มาให้อีกมั้ยล่ะ?” คาร์เมนถามพลางยกวิสกี้ขึ้นดื่มไปสองสามอึก “พวกอัลฟ่าหน้าใหม่ฐานะค่อนไปทางแย่ที่อยากได้เงินน่าจะมีเยอะอยู่”
“ก็เปิดรับสมัครเรื่อยๆ แหละ แต่คนที่ทัศนคติผ่านน่ะแทบไม่มี”
“ยังเฮี้ยบไม่เปลี่ยนเลยนะ สเตล่า”
“แหงสิ ไม่งั้นพวกโอเมก้าอย่างนายจะมีที่ไหนให้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวได้อย่างปลอดภัยอีก” สเตล่ายิ้มส่งให้ ก่อนยกแก้วตัวเองขึ้นไปชนกับแก้วของคาร์เมนจนเกิดเสียงใสกังวาล
“อ่ะ นั่นคุณคาร์เมนนี่นา!” เสียงใสของหนุ่มวัยรุ่นหลายคนดังจอแจมาจากทางประตูหลังร้าน เหล่าอัลฟ่าแสนดูดีในหลากหลายสไตล์การแต่งตัวค่อยๆทยอยออกมาจากหลังร้าน เมื่อพวกเขาเห็นคาร์เมนก็ยิ้มส่งให้อย่างเป็นมิตรกันแทบทุกคน “หายไปนานเลยนะครับ”
“สวัสดี สบายดีมั้ยพวกแก” คาร์เมนยิ้มตอบและถอดแว่นกันแดดตัวเองออก มีแค่ที่นี่เท่านั้นแหละที่เขาเต็มใจที่จะมองอัลฟ่าที่รายล้อมอย่างยินดี พลางยื่นมือไปหาของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผายมือมาให้ อีกสองสามคนเริ่มเดินมานั่งข้างๆและยืนล้อมเขาไว้เหมือนเป็นคนสำคัญของที่แห่งนี้
“ดูแลไปก่อนนะ เฮ้...นายสองคนน่ะมาช่วยกันจัดโต๊ะทีสิ” สเตล่าเดินออกจากเคาท์เตอร์ไปและลากพวกเด็กหนุ่มอัลฟ่าไปช่วยจัดการในร้านก่อนถึงเวลาเปิดประตูให้เรียบร้อย ปล่อยให้คาร์เมนได้รับการดูแลจากโฮสต์หนุ่มสาวอัลฟ่าที่เป็นลูกจ้างของตน และแน่นอนว่าคาร์เมนก็เป็นขาประจำของที่นี่รวมทั้งเป็นคนคอยดูแลเรื่องหาคนมาทำงานในนี้อีกด้วย
“ทำไมดูทำหน้าเครียดๆ จังเลยคะ?” อัลฟ่าสาววัยรุ่นคนหนึ่งจับสังเกตได้เลยถามออกไป
“เฮ่อ...ก็ดันเจออัลฟ่าหัวรั้นมาตอแยน่ะสิ” คาร์เมนเท้าคางและเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“ปกติคุณคาร์เมนก็ไล่ตะเพิดไปได้ทั้งนั้นนี่ครับ? ครั้งนี้เจอคนขี้ตื๊อเหรอ?” หนุ่มอัลฟ่าผมดำผิวเข้มที่นั่งข้างๆ ทำสีหน้าเป็นกังวลเพราะหนนี้คาร์เมนดูเหนื่อยหน่ายอย่างบอกไม่ถูก
“สุดๆ เลยล่ะ ไม่รู้ว่าทำไมต้องยึดติดขนาดนั้น เบื่อจนต้องหนีมาที่นี่เลยแหละ”
“คุณคาร์เมนกำลังจะฮีทเลยเริ่มเสน่ห์แรงมั้งครับ?” ฟังดูอาจเหมือนคำชม แต่ในที่นี้ความหมายก็คือกลิ่นโฟโรโมนของคาร์เมนจะรุนแรงจนเขาสามารถตกอัลฟ่ารอบๆ ตัวมากินได้ไม่อั้น....
“หรืออาจจะคิดว่าคุณคาร์เมนเป็นโซลเมทอีกคนก็ได้มั้งคะ” สาววัยรุ่นนางเดิมเอ่ยขึ้น ที่ผ่านมาก็มีคนที่ชอบใช้มุกโซลเมทบอกรักคาร์เมนมาหลายราย แน่นอนว่าก็โดนถีบส่งไม่ใยดีไปทั้งหมด
“.....” แต่แทนที่โอเมก้ามากวัยท่ามกลางดงอัลฟ่าอ่อนวัยเหล่านั้นจะเล่นมุขอะไรต่อเหมือนอย่างเคย เขากลับเงียบและจิบวิสกี้อย่างเคร่งเครียดแทน ทำเอาเด็กๆ ที่รายล้อมร้องกันเสียงหลง
“เอ๋!? คุณคาร์เมนเจอโซลเมทจริงๆ แล้วเหรอครับ!?”
“ใช่! ...แต่ฉันไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นหรอกนะ!” คาร์เมนตะคอกออกมา แต่ก็ไม่มีใครตรงนั้นตกใจกลัวหรือไม่พอใจ เพราะรู้นิสัยโอเมก้าคนนี้กันดีว่าที่ทำไปก็แค่ตะเบ็งเสียงดังกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างเท่านั้น “เรื่องหลอกเด็กแบบนั้นมันไม่เคยมีอยู่จริงหรอกน่า!!”
“นั่นสินะครับ ยังพิสูจน์กันทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ด้วย อาจจะแค่ใจตรงกันเลยเรียกกันสวยๆ ว่าโซลเมทเนอะ” อัลฟ่าอีกคนที่ดูนิ่งสงบที่สุดท่าทางจะเป็นงานในเรื่องการปลอบประโลมอารมณ์ลูกค้าให้เย็นลงเริ่มออกปากและเดินมาบีบนวดบ่าคนหัวเสีย “ว่าแต่ จะเข้าช่วงฮีทแล้วใช่มั้ยครับ? ได้บอกคุณแม่ไว้รึยัง?”
“บอกแล้ว”
“สมเป็นคุณคาร์เมน รอบคอบจริงๆ คราวนี้หาคนดูแลคุณแม่ได้ไวสินะครับ”
“อ๋อ ยังไม่ได้บอกพวกนายนี่นา ฉันเจอพี่ชายแล้วล่ะ ตอนนี้เลยให้พี่กับพ่อบ้านของพี่ช่วยดูแลแม่ด้วยอีกแรง”
“จริงเหรอคะ! ยินดีด้วยน้า คุณคาร์เมนอยากเจอพี่ชายคนนั้นมาตลอดเลยสินะคะ” เด็กสาวเดินจากเก้าอี้ไปหาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเพิ่มเพื่อฉลอง ใครๆ ในที่นี้ก็รู้ว่าคาร์เมนนั่นแอบชอบพี่ชายตัวเองที่ไม่เคยเจอหน้ามากขนาดไหน
“งั้น...ได้ลองกับคุณพี่รึยังเอ่ย?” เด็กหนุ่มผมฟูบุคลิกเหมือนพวกดาราหลงยุคเดินมาทำหน้าทะเล้นใส่
“ไม่.. พี่ไม่เปิดช่องให้เลย แถมยังมีคนรักแล้วด้วย” คำตอบที่ทำเอาทั้งวงเงียบกริบ คาร์เมนยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มจนหมดแล้วลุกเดินไปนั่งตรงโซฟาที่มุมในสุดของร้านเพื่อไม่ให้กินพื้นที่หากลูกค้าคนอื่นจะเข้ามา เมื่อไปถึงโซฟาก็เริ่มกอดรัดฟัดและทำร้ายตุ๊กตาตัวโตตรงนั้นอย่างหาที่ลงไม่ได้ “ให้ตายสิ! ก็รู้อยู่หรอกว่าอายุขนาดนั้นพี่คงมีแฟนอยู่แล้ว...แต่มันก็...ฮึ่มมมม!!”
ทว่า แม้จะแสดงกิริยาไม่งามเช่นนั้นออกไป เหล่าอัลฟ่าในร้านกลับไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด ซ้ำยังคิดว่ามันเป็นท่าทางที่น่ารักมากกว่าด้วยซ้ำ
“เอ้าๆ เปิดร้านแล้ว แยกย้ายๆ” สเตล่าเดินมาไล่เหล่าลูกจ้างให้กลับไปทำงานตามเดิม แล้วตัวเองก็เดินมารินวิสกี้ให้คาร์เมนอีกแก้ว “ได้ยินว่าเจอโซลเมทแล้วสินะ ...ไม่ชอบอีกฝ่ายรึไง?”
“เกลียดสุดๆ!” พูดแล้วก็กอดตุ๊กตาตัวใหญ่แน่นและล้มตัวลงนอนกลิ้งไปบนโซฟา
“เลวร้ายขนาดนั้นเชียว?” สเตล่าหัวเราะในลำคอแล้วเดินมานั่งข้างหัวคาร์เมน ก่อนโอเมก้าร่างเล็กกว่าเธอจะขยับตัวขึ้นมานอนหนุนตักในท่ากอดตุ๊กตาตัวเดิม
“...รู้จักเออร์แฟน คาเฮวย์มั้ย?”
“อัยการที่ว่าหล่อ เอ้อ...ชื่อดังคนนั้นเหรอ!?” คุณสเตล่าครับ...ความในใจมันหลุดออกมานิดหนึ่งแล้วนะนั่น
“อือ ถึงตอนนี้จะมาช่วยพลิกคดีของพี่แล้ว แต่สิ่งที่เจ้านั่นเคยทำไว้ก็ใช่ว่าจะลบล้างได้นี่นา”
“ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจนะ แต่มันก็อดีตไปแล้วนะเรื่องนั้น แล้วเขามาช่วยพี่นายด้วยความเต็มใจหรือเปล่าล่ะ?” สเตล่าลูบเรือนผมสีเข้มของอีกฝ่ายเบามือคล้ายปลอบประโลม
“...เห็นว่าเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องนั้นเลยมาช่วยพี่น่ะ” คาร์เมนเสียงอ่อนลง
“นิสัยล่ะ? หน้าตาก็ได้”
“นี่อยากรู้ไปทำไมน่ะ!?”
“ก็จะถามว่าใช่คนนี้รึเปล่า?”
“หา?” คาร์เมนเงยหน้ามองเพื่อนอย่างฉงนสงสัยก่อนไล่สายตามองตามเรียวนิ้วอีกฝ่ายไป...แล้วก็พบกับเออร์แฟนที่ยืนมองเขาอยู่! “เวรเอ๊ย!! แกมาที่นี่ทำไม!?”
“มาตามคุณกลับไงครับ” เออร์แฟนเอ่ยเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉยอันเป็นสีหน้าปกติเวลาที่เขาทำงานข้างนอกอยู่แล้ว
“ไม่กลับ! ...แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่!?” คาร์เมนถอยกรูดไปจนติดขอบโซฟาอีกฝั่งเมื่อเห็นเออร์แฟนเดินเข้ามาใกล้ตน “สตอร์คเกอร์!”
“ลาซารัสบอก” ไม่พูดเปล่าแต่ยกมือถือขึ้นโชว์หน้าจอแชทที่ลาซารัสอธิบายว่าตัวเขากำลังจะไปที่ไหนด้วย
นี่มันขายเพื่อนชัดๆ เลยไอ้เจ้าหนูไฝ!! “เดาจากนิสัยคุณแล้วก็เดินเช็คร้านโฮสต์อัลฟ่าที่เข้าข่าย แค่นี้ก็หาไม่ยากหรอกครับ แถมโอเมก้าลักษณะแบบคุณก็ไม่ค่อยจะมีเยอะนัก ยิ่งตามตัวเจอง่ายเข้าไปใหญ่”
“....ถ้าไม่กลับแล้วจะทำไมล่ะ?” คาร์เมนกอดอกแล้วมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“อืม ผมไม่มีสถานะอะไรที่จะขอร้องให้คุณกลับซะด้วยสิ แต่ถ้า…” นิ้วเรียวจิ้มสลับหน้าจอมือถือของตัวเองให้เป็นหน้าการโทรศัพท์...ที่กำลังโทรอยู่ด้วย โดยชื่อในสายนั้นมัน..
‘ฉันเคยขอให้นายเลิกเที่ยวร้านแบบนี้ไปแล้วนะ...’ เสียงของคาเล็มดังจากลำโพงโทรศัพท์ออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายปนเสียงถอนหายใจออกมาด้วย ทำเอาใจของคาร์เมนหล่นวูบลงไปอยู่ตาตุ่มกันเลยทีเดียว
‘บอกก่อนว่าลาซัสไม่ได้ฟ้อง ฉันเห็นพวกนายออกไปกันสองคน แต่พอฉันโทรเช็คกลับเจอลาซัสอยู่คนเดียวเลยเค้นถามเองน่ะ’นี่พี่โอ๋เจ้าหนูนั่นขนาดนี้เลยเรอะ!… คาร์เมนแอบรู้สึกน้อยใจที่พี่ชายตนออกตัวปกป้องลาซารัสมากอย่างออกนอกหน้า แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติล่ะก็ มันก็.. น่าหงุดหงิดชะมัดเลย
‘กลับมาแล้วขอคุยด้วยหน่อย แต่วันนี้ฉันคงยุ่งกับเอกสารยันดึกเลย คงได้คุยตอนเช้านะ’คาเล็มตัดบทและวางสายไปโดยไม่รอให้น้องชายพูดตอบอะไร แต่คาร์เมนก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่าเพราะเขากำลังจะเข้าช่วงฮีท เลยมาหาที่ระบายอย่างที่เคยทำมาตลอด แน่นอนว่ามันไม่เคยจะมีปัญหาด้วยเพราะทุกคนในร้านนี้ไม่ใช่พวกอัลฟ่าที่จ้องจะกดขี่โอเมก้าและการป้องกันก็ถูกต้องไว้ใจได้ เขาถึงได้มาที่นี่ตอนนี้ ...แต่ขืนพูดไปไม่รู้เจ้าเออร์แฟนจะยิ่งใช้โอกาสนี้กักตัวเขาไว้หรือรุกเข้าหาหนักกว่าเดิมรึเปล่านี่น่ะสิ!?
“ไปๆ กลับก็กลับ” โอเมก้ารุ่นใหญ่ร่างเล็กลุกขึ้นอย่างเสียมิได้ ขอแค่ถึงบ้านแล้วหายากินให้เรียบร้อยก่อนก็พอ แล้วค่อยบอกคาเล็มตอนที่เออร์แฟนไม่อยู่ก็ได้วะ!
คาร์เมนจำใจเดินออกจากร้านประจำของตนพลางกัดฟันกรอด โชคชะตามันจะเล่นตลกอะไรขนาดนี้ ทั้งสองคนเข้าไปในรถและขับตรงกลับไปยังบ้านของคาเล็มที่นอกเมืองทันที ระหว่างทางไร้คำพูดสนทนาใดๆ ระหว่างสองโซลเมท เหมือนกับว่าเออร์แฟนแค่โดนวานมาช่วยรับคาร์เมนกลับไปเท่านั้น
ด้านสภาพอากาศเองก็ไม่เป็นใจ หลังจากรถยนต์คันหรูขับออกจากโฮสต์อัลฟ่ามาได้สักพัก ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาตามที่พยากรณ์อากาศได้บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะ ยิ่งเป็นเวลาเลิกงานด้วยแล้วถนนบางเส้นก็ติดหนักราวกับเป็นอัมพาต
แต่...อะไรก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าสถานการณ์ในรถตอนนี้ นั่นเพราะคาร์เมนที่ตั้งใจจะออกมาหาความสำราญนอกบ้านแต่แรก ไม่คิดว่าจะมาเจอโซลเมทข้างนอก ก็เลยไม่ได้พกยาระงับฉุกเฉินติดตัวมาเลย แถมคาร์เมนก็ใกล้ช่วงฮีทอีกด้วย เพราะงั้นกลิ่นฟีโรโมนที่ได้รับในรถตอนนี้เลยยิ่งหอมหวนอบอวลเป็นพิเศษ …สถานการณ์สุ่มเสี่ยงสุดๆ!
“ถึงรถจะไม่ได้แล่นอยู่แต่ก็คาดเข็มขัดด้วยสิครับ” อัยการหนุ่มโน้มตัวเอื้อมมือไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยฝั่งข้างคนขับ จมูกเจ้ากรรมของคาร์เมนก็ดันเผลอสูดกลิ่นระยะประชิดเข้ามาอีก กลิ่นฟีโรโมนของเออร์แฟนที่ลอยเข้ามาแตะจมูกบางเบามันทั้งหอมน่าหลงใหลชวนดึงดูดขึ้นมาก จนคาร์เมนต้องรีบกดปุ่มเปิดหน้าต่างรถออกเพื่อระบายกลิ่นออกไปให้เบาบางลง แม้มันจะทำให้เขาโดนฝนที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างก็ตาม
“ทำอะไรน่ะ!? เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก!” เจ้าของรถมิได้ห่วงว่าเบาะรถจะเปียกแต่คิดถึงสุขภาพคนที่นั่งข้างๆ แล้วรีบกดปุ่มเลื่อนหน้าต่างขึ้นล็อค ก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่าในรถมันมีกลิ่นหอมกลิ่นอื่นที่มิใช่น้ำหอมปรับอากาศในรถของตน
“คุณ...ไม่ได้ฉีดน้ำหอมระงับกลิ่นฟีโรโมนไว้เหรอ?” เออร์แฟนทักขึ้นเมื่อรับรู้ถึงได้กลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้เอะใจว่าคาร์เมนเข้าช่วงฮีทหรืออะไร เพราะมันเป็นเรื่องปกติของอัลฟ่าและโอเมก้าที่เข้าใกล้กัน แถมนี่ก็นั่งอยู่ห่างกันไม่มาก ไม่แปลกหรอกถ้าหากจะได้กลิ่นบ้าง แค่รู้สึกว่ามันรุนแรงชัดเจนกว่าทุกที
“โดนสั่งห้ามใช้ยาและของที่เกี่ยวข้องหมดทุกอย่างถ้าไม่จำเป็น” คาร์เมนที่เปียกปอนไปครึ่งตัวตอบเสียงแข็งเพราะไม่อยากจะเสวนาด้วย และเอื้อมไปกดหรี่แอร์เพราะอากาศเริ่มจะหนาวขึ้นมา
“ก็ดีเหมือนกัน ร่างกายคุณจะได้พักฟื้นบ้าง” เออร์แฟนเคยเห็นตอนที่คาร์เมนกินยาอยู่สองสามครั้ง ปริมาณมันมากกว่าปกติของคนทั่วไปที่แพทย์จ่ายให้ จนเขาเองก็กังวลว่าตับไตของโซลเมทตัวเองจะพังเอาได้ ยิ่งเหลืออยู่ข้างเดียวแล้วด้วย...
‘ชิบ...มันเอาแล้วไง’ คาร์เมนสบถในใจ กลิ่นฟีโรโมนจากโซลเมทของเขามันหอมเย้ายวนขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้มีหวังเขาได้ฮีทก่อนจะถึงบ้านพี่ชายแน่ๆ ไม่รู้ว่าเออร์แฟนได้พกยาฉีดระงับอาการฮีทไว้มั้ย แต่ก็สุ่มเสี่ยงเกินไปที่จะถามอยู่ดี “เลี้ยวซ้ายแยกหน้า”
“หือ? ทำไมเหรอครับ?”
“ไปอพาร์ตเม้นท์ฉัน”
“เอาของ..? หรือคุณจะแวะเปลี่ยนชุด?”
“บอกให้ไปก็รีบไปเถอะน่า!!” คาร์เมนหันมาตวาดใส่คนขับรถ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยที่เออร์แฟนโดนคนข้างๆ ขึ้นเสียงอย่างมีน้ำโหจริงจังขนาดนี้ เขาเลยยอมทำตามโดยเก็บความสงสัยไว้ในใจและขับรถเลี้ยวไปตามทางที่คาร์เมนบอกแต่โดยดี ระหว่างขับไปอัยการหนุ่มก็เริ่มเอะใจที่กลิ่นฟีโรโมนมันยิ่งทวีความหอมรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ในย่านที่พักอาศัยของคนทำงานกลางคืน ฝนก็ยิ่งเทกระหน่ำตกลงมามากขึ้นจนพื้นถนนมีน้ำเอ่อล้นขึ้นมาถึงระดับข้อเท้า เออร์แฟนนั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยเพราะเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าโซลเมทของเขาคงฮีทแน่ๆ แถมกลิ่นนี้มันหอมรัญจวนยิ่งกว่ากลิ่นไหนๆ ที่เออร์แฟนเคยได้รับรู้มา แต่สติยั้งคิดยังพอจะเหลืออยู่บ้าง และเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยคาร์เมนโดยที่ไม่มีการล่วงเกิน
“จะเอายาหรืออะไรก็บอกผม เดี๋ยวขึ้นไปเอามาให้”
“ไม่ต้อง...นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะนอนค้างที่นี่” ไม่พูดเปล่า มือกดเปิดประตูรถหรูและปิดกระแทกเสียงดัง ก่อนก้าวสามขุมฝ่าฝนเดินล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ดสำหรับเปิดประตู แต่เหมือนจะทิ้งช่วงไม่ได้มานานเกินไป หรือไม่ก็บัตรมันเปียกน้ำจนขัดข้องประตูจึงไม่ยอมเปิด คาร์เมนพยายามเช็ดคีย์การ์ดให้แห้งและเอาบัตรรูดเครื่องซ้ำๆ จนชักหงุดหงิดที่อะไรๆ วันนี้ก็ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง นี่ถ้าเออร์แฟนไม่โผล่มาที่ร้านเขาก็คงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้หรอก
พอเสียงเครื่องรูดคีย์การ์ดทำงานได้สักที คาร์เมนก็เดินตรงไปยังหน้าลิฟต์ พอประตูลิฟต์เปิดออกขณะกำลังจะรีบก้าวเข้าไปด้านในก็ต้องชะงักกึก เพราะเออร์แฟนกลับเดินตัวเปียกชุ่มผ่านประตูลิฟต์เข้ามาด้วย นี่เดินตามหลังเขาเข้ามางั้นเหรอ!?
“จะตามมาทำไม! บอกว่าให้กลับไปไง!” คาร์เมนรู้สึกพลาดที่ไม่รอให้ประตูเข้าออกที่พักปิดสนิทดีก่อน เพราะไม่คิดว่าเออร์แฟนจะตามติดถึงขนาดนี้ “กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะเรียกคนดูแลอพาร์ตเม้นท์มาไล่นายออกไป”
“สภาพนี้คุณจะดูแลตัวเองยังไง มาค้างนอกบ้านกะทันหัน แล้วไหนจะเสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยนกับเสบียงตุนสำหรับเก็บตัวในห้องตลอดสัปดาห์อีกล่ะ แล้วอุปกรณ์สำหรับช่วยตัวเองคุณมีแล้วรึไง?” อัยการหนุ่มร่ายเป็นชุด ทำเอาคาร์เมนไม่รู้จะเถียงกลับไปยังไง เพราะไอ้ที่พูดมาทั้งหมดนั่นเขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยสักอย่าง (ก็ที่โฮสต์อัลฟ่ามันมีครบเครื่องอยู่แล้ว เขาก็เลยมาตัวเปล่าๆ)
เดี๋ยวนะ...เจ้าเด็กนี่รู้เรื่องที่เขาเข้าช่วงฮีทแล้วงั้นเรอะ! ความแตกจนได้ แถมพอรู้ตัวอีกที ลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นที่เขาพักอยู่เสียแล้ว
โอเมก้ารุ่นใหญ่ทว่าร่างเล็กเดินหงุดหงิดนำหน้าโซลเมทไปถึงห้องพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว ดวงตาสีทองของร่างสูงก็กวาดมองไปทั่วห้องที่ว่างเปล่าแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากโซฟาและเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานของห้องพักทั่วไป และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชิ้นอย่างทีวีตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ ที่เหลือก็แทบจะไม่มีข้าวของอะไรเกินจำเป็นอยู่เลย ยังกับเช่าห้องทิ้งไว้อย่างนั้น ที่พอจะดูดีหน่อยก็คงเป็นที่นอนซึ่งดูจะเป็นชิ้นที่สภาพดีที่สุดแล้วในห้องนี้
“...อยากได้ของใช้อะไรบ้าง ผมจะไปจัดการให้” เออร์แฟนถามความต้องการของเจ้าของห้องแทนการเสนอให้ไปเช่าโรงแรมที่ดีกว่านี้อยู่ เพราะรู้ดีว่าคาร์เมนต้องโวยวายแน่หากเขาเสนอความคิด
“ยังไม่ใช้ ถ้าอยากได้เดี๋ยวจะติดต่อไปเอง”
“งั้นผมจะซื้อมาให้เอง ตกลงมั้ย?” อีกฝ่ายมัดมือชกและทำท่าจะกดมือถือสั่งลูกน้องในทันที นี่คิดว่าเป็นทีวีไดเร็ครึไง! กลัวว่าถ้าไม่โทรในสิบนาทีจะอดได้ทั้งส่วนลดและของแถมเนี่ย!
“ไอ้คนดื้อด้านเอ๊ย..” คาร์เมนสบถแล้วยอมถอดใจสั่งของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับหมกตัวเป็นมนุษย์ถ้ำอยู่ในห้องพักตลอดทั้งอาทิตย์ “ขอย้ำเลยนะว่าอย่าซื้ออะไรเกินจำเป็นมา ไม่งั้นฉันโยนทิ้งแน่”
“แล้วจะให้บอกคาเล็มมั้ยว่าคุณอยู่ที่นี่?” เพราะเดิมทีตั้งใจจะมาพาอีกฝ่ายกลับบ้าน แต่ดูจากสีหน้าของคนถูกถามแค่นี้ก็พอจะเดาได้ไม่ยากเลยว่าคงไม่กลับไปตอนนี้แน่นอน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันบอกพี่เอง นายไปได้แล้ว” คาร์เมนส่งแขกก่อนแล้วล็อคประตูคล้องโซ่แน่นหนา หลังจากแน่ใจว่าโซลเมทไม่อยู่แล้ว เขาก็หันหลังนั่งลงที่หน้าประตูอย่างเหนื่อยใจและก้มหน้ามองดูสภาพตัวเองที่กำลังย่ำแย่เต็มที ด้านหลังของกางเกงมันเริ่มมีน้ำหล่อลื่นซึมออกมาหน่อยแล้ว ร่างกายก็ร้อนยังกับกำลังโดนย่างสด ร่างเล็กพยายามคลานเข่าลากตัวเองไปนอนที่เตียง จัดการถอดกางเกงและชั้นในให้ร่นลงมาพอทำอะไรๆ ได้ถนัด มือข้างหนึ่งรูดรั้งแก่นกายที่มีน้ำใสปริ่ม อีกมือใช้นิ้วควานในโพรงปากให้ชุ่มน้ำลาย ดวงตาสีเขียวอ่อนหลับตาพยายามนึกถึงใบหน้าของพี่ชายที่ใช้จินตนาการเวลาช่วยตัวเอง แต่หนนี้แทนที่จะเป็นเช่นเคยมันกลับกลายเป็นใบหน้าของเออร์แฟนขึ้นมาแทนที่
ออกไปจากหัวฉันสักทีไอ้เด็กเวร! คำสบถในใจที่หากตะโกนได้คงทำไปแล้ว แถมร่างกายยังรู้สึกดีไปอีก นี่เขาเป็นบ้าอะไรไปแล้วถึงได้อยากถูกไอ้หนูผมยาวนั่นกอดกัน!?