ตอนที่ 9ผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่า ผมเป็นชายแท้แน่นอนครับ แต่อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหญ่คือ ผมยังบริสุทธิ์อยู่...
ดังนั้นที่ผมเกิดอารมณ์ นอนหอบหายใจอยู่เนี่ย มันเป็นเพราะความอ่อนประสบการณ์ตัวเดียว ไม่ใช่เพราะว่าชอบผู้ชาย
"ตาเยิ้มเลยนะมึง"
ก็ไอ้ตอนแรก ที่โดนลูบ จูบ เลีย ท่อนบนน่ะ ผมไม่รู้สึกอะไรนอกจากจั๊กจี้ ขนลุก อีกทั้งยังขยะแขยงอีกด้วย
แต่พอรวมเข้ากับการปลุกเร้าเบื้องล่าง เด็กแว่นหน้าตาธรรมดาที่เคยแต่ใช้มือช่วยตัวเองอย่างผมก็เป็นอันว่าแพ้ สติหลุด มือไม้อ่อนแรง ทุกที่ที่โดนสัมผัสก็รู้สึกตามไปหมด แม้แค่มือที่ลูบไล้ร่องกระดูกตรงหลังเอวก็รู้สึกหวิว ผมอ้อมมือไปดึงมือที่เลื้อยเข้ามาในชายเสื้อออก อีกข้างก็จับยึดข้อมือที่พยายามปลุกปั่นไอ้นั่นของผมผ่านกางเกงชั้นใน
"อื้ออออ"
ผมกัดฟันไม่ให้ร้องเมื่อเก้ากัดที่หัวนมและวนลิ้นเลียไปรอบๆ จากนั้นก็ดูดแรงจนผมรู้สึกเซวูบ มือที่ขยำช่วงกลางลำตัวไปด้วยทำให้เกิดความรู้สึกมากเกินไป
"ลืมตา" พูดไม่พูดเปล่า เอามือบีบคางแล้วกดปลายเล็บนิ้วโป้งใกล้ๆ ใต้ตาเป็นเชิงขู่
ผมแหงนหน้าหงายตัวพิงโซฟาอยู่ แล้วเมื่อลืมตามองว่าสภาพตอนนี้ล่อแหลมขนาดไหนก็อยากมุดแผ่นดินหนี เสื้อเชิ้ตถลกออกจากตัวจนหมด ท่อนล่างโป่งนูน และมีผู้ชายมายืนคร่อม เท้าข้างหนึ่งยืนบนพิ้นอีกข้างยันเข่าทรงตัวค้อมตัวลงมา เก้าหยุดมือแล้วมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า โลมเลียด้วยสายตา
ผมหน้าร้อนผ่าวเริ่มกลับมามีสติ ไม่มีอารมณ์แล้ว พยายามสวมเสื้อคืน และดึงเข็มขัดที่ร่นลงไปตรงหน้าขาขึ้นมา
"ฮอทว่ะ" อีกฝ่ายพูดข้างหูเสียงพร่า ผมพยายามรูดซิบกลับทั้งที่ยังคุกรุ่นอยู่ แถมมีมืออีกคนมาคอยกวนอยู่ตลอดทำให้ทำไม่สำเร็จ ลมหายใจร้อนรดที่ต้นคอร้อนเกิน
ปกติ ก่อนกัดลงมา ดูดดุนและกัดจนเจ็บแสบ พอซะทีเหอะน่าขยะแขยง ผมเอาศอกดันอีกฝ่ายให้พ้นจากตัว
"ปล่อย... พอเถอะ" ไอ้บ้าเอ้ย อย่ามามีอารมณ์กับกู ศักดิ์ศรีกูอยู่ไหนแล้วไม่รู้เนี่ย
"ตอนแรกกูว่าจะจับมึงปล้ำ ทำแรงๆ เอาให้สะใจ ให้หายแค้น" เสียงที่แหบและทุ้มลงกว่าเดิมทำให้ผมขนลุกซู่
"แต่กูเปลี่ยนใจแล้ว"
ห้ะ? หา อะไรนะ จะปล่อยผมแล้วเหรอ
"กูจะค่อยๆ ทำให้มึงเป็นของกูทีละนิด ทีละนิด จะค่อยๆ ฝึกมึงให้เชื่อง จนชีวิตมึงขาดกูไม่ได้เลย"
"จะ..จะบ้าไปแล้วรึไง"
ผมผลักไหล่เก้าออก รีบแต่งตัว รูดซิบ ติดกระดุมเสื้อ กะหนีเต็มที่ แต่พอเผลอก็โดนฉุดแขนเข้าไปหาแล้วกอดยึดไว้ทั้งตัว อะไรนักหนาวะ
"ปล่อย! "
"มึงเป็นผู้ชายทั้งแท่งใช่ไหม"
"เออสิ"
"งั้นกูก็จะเปลี่ยนให้มึงเป็นผู้หญิงของกู"
ไอ้ ไอ้... ไอ้โรคจิต... วิธีแก้แค้นอย่างอื่นมีเป็นร้อย เอ็งทะลึ่งคิดวิธีนี้มาได้ไงวะเนี่ย ผมสอดส่ายสายตาหาของอะไรที่พอจะป้องกันตัวได้ ก็พอดีหางตาผมเหลือบไปมองเห็นแสงไฟหน้าจอโทรศัพท์ของผมบนพื้น เพราะตั้งปิดเสียงเรียกตอนเข้าเรียนเลยไม่ได้ยิน
"ปล่อยหน่อยสิ จะรับโทรศัพท์"
เก้ามองหน้ากวนๆ อย่างชั่งใจนิดหนึ่งแล้วปล่อย เออแปลกแฮะบทจะยอมก็ยอมง่ายๆ
แต่พอลุกจะไปหยิบ ก็โดนรั้งเอวให้เซไปข้างหลัง
"เฮ้ย"
เพราะเสียศูนย์เลยถอยลงไปนั่งตักเก้า แถมโดนเอาสองมือกอดเอวล็อคตัวไว้อีก
"เรื่องแรก... เลิกแทนตัวเองว่าผม"
"ปล่อยกู" ผมโพล่งอย่างอดไม่ได้ แกะมือที่เอวไม่ออก น่ารำคาญชะมัด
"ไม่ใช่ ต้องแทนตัวว่า วิน แล้วเรียกชื่อกูตรงๆ ตอนมึงร้องไห้แล้วว่า วินขอโทษๆ มันดูแล้วน่าสงสารดี"
ผมพยายามขืนตัวลุกหนีไปรับโทรศัทพ์ แต่อีกฝ่ายก็รั้งเข้าไปใกล้อีก ผมขืนแรง อ้อมกอดก็แน่นเข้าไปอีก ถ้าตั้งใจจะหนีก็ทำได้ แต่แรงต้านอาจจะทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัว
"...ปล่อย"
"ปล่อยอะไร"
"ปล่อยวิน"
คนฟังหัวเราะสมใจแล้วปล่อยมา จริงๆ เมื่อก่อนผมก็แทนตัวเองแบบนั้นนะ แต่ไม่ยักกะน่าอายเท่าตอนนี้เลย
"ฮัลโหล โซ่"
"ทำไมรับช้า ให้กูไปส่งป่ะ ตึกm.t."
"ไม่เป็นไร กูไปเองได้"
"มีเรียนอีกเหรอ?"
เก้าพูดเสียงดัง
"เจอไอ้เก้าเหรอ?? มันทำอะไรมึงรึเปล่า" ปลายสายดูตระหนก
"ปะ เปล่า.. กู..."
ผมมองหน้าเก้า... พลันสงสัยว่าเค้าจงใจทำหน้ากวนประสาท หรือหน้าเจ้าเล่ห์อยู่อย่างนี้ตลอดเวลานะ
"แค่คุยกัน ไม่มีไร" ไม่กล้าบอกความจริงว่าโดนทำอะไร เก้าก็ยังฟังอยู่ ให้ฟ้องว่าโดนลวนลามก็ใช่ที่
"เหรอ เออ งั้นแค่นี้นะ จะกลับโทรมา กูไปส่งกลับห้องเอง"
"กูไปส่ง" เป็นเก้าที่พูดหลังจากสายตัดไป
"ไม่เป็นไร ผมไปเองได้"
"ต้องพูดว่า 'วินไปเองได้สิ' "
ก่อนจะฉกเอามือถือผมไปกดๆๆ ด้วยความรวดเร็ว เสียงเพลงดังขึ้นใกล้ๆ แล้วตัดไป เก้าเอาโทรศัพท์ผมไปโทรเข้าเครื่องตัวเองแล้วส่งคืนกลับมายิ้มๆ ผมรับมาอย่างระแวง อะไรวะ อารมณ์ดีซะงั้น คนอะไรลูกผีลูกคน ตอนแรกยังจะฆ่ากันให้ตายอยู่เลย
"วิน"
ผมเก็บข้าวของเดินไปถึงประตูแล้วตอนที่หันกลับไป เก้าถามว่า
"มึงเป็นใครกันแน่วะ? ทำไมกูไม่รู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับไอ้วินคนนั้นเลย"
"ผมก็ไม่รู้จักไอ้วินคนนั้นเหมือนกัน"
ผมตัดบท เดินหนีแล้วก้าวยาวๆ เร็วๆ ลงจากที่พักของเก้า หงุดหงิด... อะไรของเค้า เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ทำร้าย เดี๋ยวก็หัวเราะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บางทีก็ดุร้าย แต่บางครั้งก็ไม่ เดาใจไม่ถูกเลยจริงๆ แล้วอีกอย่างไอ้พวกเด็กรวยๆ นี่เป็นเกย์กันหมดโลกเลยรึไงนะ กล้าลวนลามอย่างกับว่าไม่รู้สึกรังเกียจเลย เป็นผมแค่โดนบังคับให้จูบปากผู้ชายตอนรับน้องก็แทบอ้วกแล้ว น่าขยะแขยง ผมออกมาเจอแดดนอกอาคารแล้วเกิดหลงทิศหลงทางอีก ทิศไหนคือถนนเนี่ย ต้องเรียกแท็กซี่กลับไปเรียนอีก คอเสื้อก็ขาดติดกระดุมได้ไม่เรียบร้อย เปิดหน้าอกมากไปแบบนี้ อย่าเพิ่งเข้าเรียนดีกว่ามั้ง ดูไม่เคารพสถานที่เลย
ผมเดินผ่านย่านที่พักสไตล์โมเดิร์นไปยังถนน คนที่ป้ายรถเมล์จ้องหน้ายกใหญ่ บ้างก็ทำมองไปทางถนนแล้วหันมามองอีก ผมเลยรีบเรียกแท็กซี่... กลับห้องเลยดีกว่า
หงุดหงิด รำคาญ... เมื่อก่อนไม่เคยเจอ ไม่มีใครคอยมองคอยจับจ้อง ไม่มีใครจะเอาอะไรจากผม
ผมมองภาพข้างทางที่รถแท็กซี่แล่นผ่านเร็วๆ เสียงเพลงที่ชอบฟังเล่นอย่ในหัว มันมีเนื้อร้องว่าอยากพาคุณบินล่องลอยไป เวลาทำงานกลับมาเหนื่อยๆ หรือติดอยู่ในสถานการณ์ที่เหม็นเบื่อผู้คน ผมชอบเปิดฟังเพลงนี้ ผมไม่ใช่คนกรุงเทพ โรงแรมที่ผมเคยทำงานเก่ากว่าที่พักเก้าสักยี่สิบปีได้
รถแล่นผ่านตลาดสดขนาดใหญ่ ทำให้ผมนึกอยากทำอาหารขึ้นมา ผมชอบเข้าครัวเวลาเคร่งเครียดหรือหดหู่ เลยลงรถไปจ่ายตลาด เวลาคิดเมนูและเลือกซื้อของ หัวสมองมันใช้งานแล้วไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นดี นอกจากคิดว่า หมูร้านนี้สดไหมนะ ซื้อไปสำหรับทำกี่วันดี เครื่องครัวในห้องของโซ่จะครบหรือเปล่านะ? มันจะบ่นรึเปล่าใช้ครัวโดยพละการ แล้วมันน่าจะชอบกินอะไร
ผมซื้อวัตถุดิบแล้วกลับห้อง กับข้าวที่จะทำก็ง่ายๆ พวกผัดผักกับหมูชิ้น ปลาทอด ไข่เจียวใส่ต้นหอม ตกเย็นมาโซ่ก็กลับห้องพอดี
"เฮ้ยยยยยย!!! "
โซ่มองกับข้าวบนโต๊ะ แล้วมองหน้าผม แล้วมองอาหารแต่ละอย่าง แล้วก็จ้องๆ ไปรอบๆ ประมาณว่า ถ้าแกะถุงใส่จานเฉยๆ คงไม่มีกระทะตะหลิวกองแช่ในซิงค์
"มึงทำกับข้าว! "
ทำไมเสียงดังอ่ะ โกรธเหรอเนี่ย
"มึงทำอาหารได้ด้วย"
"ทำได้แค่นี้แหละ"
พูดตามตรง ก็ผัดมั่วๆ อยากกินผักก็ใส่อยากกินเห็ดก็ใส่ อยากกินหมูก็ใส่ อยากกินอะไรก็ใส่ แล้วก็ปรุงรสไป ชิมๆ ไป ถ้าให้ทำยากกว่านี้ก็ทำไม่ได้
"ทำไมห้องมึงไม่มีหม้อหุงข้าวอ่ะ กูต้องใช้ไมใครเวฟเอา นั่งงมตั้งนาน"
"มีนะ ในมุมห้องนอนเล็กของมึงอ่ะ ตู้ที่ประตูใหญ่ๆ เป็นห้องเก็บของ"
"กินข้าวมายัง ม่ะ มากินกัน"
"กินได้แน่เหรอ? "
ผมตักข้าวให้มันแล้วหัวเราะ มันกลัวอาหารที่ผมทำจริงๆ ครับดูจากสีหน้าไม่ไว้วางใจ
"กินได้ดิ"
"อร่อย"
"แค่ผัดผัก ไข่เจียว นี่หว่า ทำให้มันไม่อร่อยก็ยากอยู่นะ"
"มึงจะทำให้กูอึ้งอีกกี่ทีวะวิน"
"ห้ะ? มันอร่อยขนาดนั้นเหรอ กูก็ว่าธรรมดานะ"
"ไม่ไม่ เรื่องที่มึงลุกขึ้นมาทำอาหารต่างหาก เปิดเตาเป็นก็น่าตกใจแล้ว"
"เหรอวะ ฮ่าๆๆๆ กูทำแก้เซ็ง ก็สนุกดีนะ วันหลังทำอีกได้ป่ะ"
"ได้สิ อร่อยดี อาหารทำเองร้อนๆ"
"เดี๋ยวทำให้กินอีก" ผมลุกยืดตัวไปหยิบเม็ดข้าวที่ติดเหนือริมฝีปากของโซ่แล้วกินเข้าไปเอง โซ่จ้องหน้าผมแปลกๆ เลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถามไปว่า มีไร
"อ่ะ... เอ่อ... แล้วเรื่องไอ้เก้าล่ะ น้องแก้วไปออสเตเรียแล้วนี่"
"อืม... มันไม่บอก ว่าตกลงกูไปทำอะไรน้องมันกันแน่"
"อะไรวะ กูลองถามพวกเดอะแก๊งค์ก็อึกอักๆ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ไอ้เก้าถึงได้โกรธมานานขนาดนี้"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ "
"กูไม่ค่อยรู้ สักสามสี่เดือนล่ะมั้งที่ได้ข่าวว่าพวกมึงมีเรื่องกัน แต่กูก็เห็นมึงเอาตัวรอดได้ ...ตอนนั้นอ่ะนะ ไอ้เก้ามันก็เป็นคนแปลกๆ กูเลยไม่ค่อยสนิทด้วย"
"กูเหนื่อยใจว่ะ"
"วิน แล้ววันนี้ เจอมันมันว่าไงบ้าง"
"...เอ่อ... มันก็... ก็ยังโกรธอยู่ แต่... กูไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเอายังไง คงต้องปล่อยให้ตามราวีจนสะใจแล้วเลิกไปเองล่ะมั้ง"
"มันไม่แฟร์เลยนะ ต้องบอกสาเหตุด้วยสิวะ เหมือนโทษคนไม่รู้เรื่อง มันไม่แฟร์เว้ย ให้มันเล่ามาตรงๆ เคลียร์กันให้จบๆ"
"อืม..."
ผมไม่อยากรู้สึกรู้สานะ ว่าความจริงแล้ว 'ผม'น่ะ ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็พูดออกไปไม่ได้ เหมือนโดนมัดมือชกให้รับโทษแทนคนอื่น แต่คนทำเรื่องเอาไว้ก็ไปจากโลกนี้แล้ว มีแต่คนที่ยังมีชีวิตเช่นผม โซ่ หรือเก้าแหละที่ยังคง เต้นไปตามเกมชีวิต ผมถอนหายใจ ตอนนี้ผมอาจจะต้องเต้นตามเกมลงทัณฑ์ของเก้าอีก
"หวังว่ากูคงจะไม่ได้เรื่องร้ายแรงไปนะ เมื่อก่อน"
tbc...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
.... เก้าเอ้ย อ่อนว่ะ ทำไมไม่จับกดให้จบๆไปเลยห้ะ? คนอ่านคนรออยู่เนี่ย เห็นมั้ย ไม่ได้เรื่องเล้ยยยเมื่อสักครู่ขอโทษด้วยนะคะเรื่องคำ ตัดตก ก๊อปจากnotepadมา แหะๆ