15
เวลาผ่านไป จนคณินปิดเทอมแรก ซึ่งระยะเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะเริ่มภาคเรียนที่สอง จากเหตุการณ์ทะเลาะกันถึงขั้นลงมือของเมฆากับพ่อในวันนั้น เมฆากับคณินก็ลักลอบมาเจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะในเมืองบ้างหรือว่าคณินจะแอบเข้าไปในไร่และบุกถึงในห้องนอนของเมฆาอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ทั้งๆ ที่พ่อเลี้ยงมนัสก็ยังอยู่บ้าน ส่วนเวลาที่เจอกันแบบมีคนอื่นอยู่ด้วย คณินก็ชอบพูดจาแขวะ จิกกัดให้คนอื่นเชื่อว่าเราไม่ถูกกันจริงๆ บางครั้งคำพูดก็แรงเกินไปจนเมฆาแอบน้อยใจจริงๆ เดือดร้อนคณินต้องคอยตามง้อทีหลัง
ซึ่งไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา คณินกับเมฆาเจอกันที่งานสัมมนาการเกษตรออนไลน์ที่เมฆาไปกับพ่อเลี้ยงมนัส ส่วนคณินเองก็ไปในฐานะที่รักษาการแทนพ่อเลี้ยงอาทิตย์โดยที่ศตคุณเองก็ไปด้วย ตลอดเวลาที่สัมมนา เราสองคนแอบสบตากันบ่อยๆ และพอเลิกแล้วเมฆาก็ภาวนาไม่ให้พ่อของตนเดินไปหาเรื่องคณิน แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น
พ่อเลี้ยงมนัสหาเรื่องคณินและมีแววตาสนใจศตคุณอย่างชัดเจนจนเมฆารู้สึกหวั่นใจ ตอนแรกที่เห็นตามสืบเรื่องของศตคุณก็คิดว่าจะเอามาเป็นหนึ่งในแผนกำจัดพ่อเลี้ยง แต่เปล่าเลย พ่อของเขาคงสนใจศตคุณจริงๆ เพราะสายตาและน้ำเสียงของพ่อมันไม่ได้มีความรังเกียจเหมือนที่ตัวเคยลั่นเอาไว้ว่ารังเกียจผู้ชายเลือดพิเศษ เหมือนที่เกลียดเขาที่เป็นลูก
เมียของพ่อไม่เคยมีเด็กผู้ชาย แต่ดูเหมือนว่าพ่อเขาจะละศตคุณไว้คนเดียว เขาอยากจะห้ามพ่อของตนไม่ให้มีเรื่องไปมากกว่านี้ เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่ตัวเองรักทั้งสองคนทะเลาะกัน
“แกไม่ต้องมายุ่งเลยไอ้เมฆ!!” เขากลับโดนพ่อต่อว่าเสียงดัง นั่นทำให้คณินทนไม่ไหวที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ต่อหน้าต่อตา แล้วมันทำให้เขาคิดถึงใบหน้าที่ช้ำ ปากแตกของเมฆาที่เขาเจ็บปวดที่คิดถึงมัน
“พูดจาแบบนี้สักวันลูกจะทิ้งแกนะ”
เมฆาหันไปส่งสายตาอ้อนวอนคณินให้หยุด แต่แล้วคนที่อารมณ์ร้อนไม่เคยควบคุมตัวเองได้ก็เตรียมอ้าปากจะพูดต่ออีกหากแต่เมฆากลับตะโกนห้ามคณินเอาไว้
“นี่นาย!! หยุดพูดสักที”
แต่เหตุการณ์มันไม่จบง่ายๆ เพราะพ่อเลี้ยงมนัสเริ่มเปลี่ยนทิศทางมาเป็นศตคุณแทน นั่นจึงทำให้คนที่หวงเพื่อนอย่างคณินหมดความอดทนถึงขั้นลงไม้ลงมือ
ร่างโปร่งรู้ว่าพ่อตัวเองผิดและเขาก็พยายามเต็มที่ที่จะช่วยศตคุณ หลังจากที่เกลี้ยกล่อมพ่อจนออกไปจากตรงนี้ได้ เขาอยู่ขอโทษศตคุณก่อน แต่ไอ้เด็กเอาแต่ใจที่คงโกรธเขาที่เขาตะคอกเมื่อกี้แขวะขึ้น
“ไม่ตามพ่อไปหรือไงวะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้เพราะนายหรอกน่า...” เมฆาตอบกลับคณินอย่างหงุดหงิด แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาก็ไม่กล้าพูดแรงกว่านี้กับร่างสูงกว่าหรอก
ยังไงเขาก็แคร์คณินมากกว่าใครๆ
“จิ๊! ปากดี...” ร่างสูงจิ๊ปากอย่างโมโห อยากจะทำโทษคนทำตัวเก่งตรงหน้านี่จริงๆ
“น้องหมูครับ พี่ขอโทษแทนพ่อพี่ด้วยที่ไม่สุภาพ แต่ยังไงก็ขอให้ระวังตัวเอาไว้หน่อยนะครับ พ่อพี่คงจะสนใจน้องหมูจริงๆ” เมฆาเตือนอย่างจริงใจ
“ผมจะระวังตัวนะครับ แต่ว่านะครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยเจอกันก็ดูเหมือนว่าพ่อเลี้ยงจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปล่ะครับ”
“ไม่ว่าใครก็ต้องเปลี่ยนใจกันทั้งนั้นแหละถ้าได้เจอน้องหมูน่ะ แต่กับพ่อพี่ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ...เหมือนกับว่าพ่อพยายามตามสืบเรื่องของน้องหมูอยู่ และตอนนี้ก็คงจะส่งให้คนตามดูหมูอยู่ห่างๆ น่ะ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว นายก็เหมือนกัน...ระวังตัวเอาไว้บ้าง ถ้าไม่อยากเจอจุดจบเหมือนพ่อของนาย” เมฆาหันมาเตือนคณิน แม้ว่ารูปประโยคจะดูเหมือนขู่ แต่จริงๆ แล้วคือเป็นห่วง
“เฮอะ! ไม่ต้องมาขู่หรอก กูไม่กลัว”
อารมณ์ของคณินคงขึ้นไปสูงแล้วถึงได้หลุดคำหยาบคายออกมา เมฆาพยายามจะทำความเข้าใจแล้ว แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ
บางครั้งเมฆาก็อิจฉาศตคุณที่ไม่ว่าเจ้าตัวจะพูดจะห้ามจะปรามอะไรคณิน คณินก็ดูจะเชื่อฟังและทำตามไปหมด ในขณะที่เขานั้น แค่เตือน...คณินยังไม่อยากจะฟังเลย ไม่อยากแม้กระทั่งรับความหวังดีของเขา เราคบกันอยู่จริงๆ ใช่ไหมตอนนี้…
การที่จะต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน จำเป็นต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ไหม สุดท้ายแล้วคณินก็มาขอโทษ มันเป็นแค่ละคร...แล้วความรู้สึกที่เขาเสียไปล่ะ ต้องให้พูดว่าไม่เป็นไรอีกกี่ครั้ง…
ชอบตบหัวแล้วลูบหลัง....บางทีเราสองคนคงจะไปกันไม่ได้จริงๆ
ช่วงเวลาดีๆ ของเรามีอยู่เยอะมาก แต่ช่วงเวลาที่เราทะเลาะกันก็มีอยู่เยอะมากเช่นกัน...พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็กลับมาจากต่างประเทศแล้วเมื่อวันก่อน คณินเองก็คงจะมีเวลาว่างจนต้องรีบมาเคลียร์กันแน่ๆ เพราะหลังจากวันที่มีปากเสียงในที่สาธารณะวันนั้น วันนี้เขากับคณินก็ยังไม่คุยกันเลย
เขาไม่รับสายโทรศัพท์ เขาไม่ตอบข้อความ
เมฆาจงใจที่จะไม่คุยอะไรกันช่วงนี้เพราะอยากให้เวลาคณินได้ทบทวน แล้วเขาก็จะทบทวน ก่อนจะหันหน้าคุยกันแล้วตกลงกันว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี...การคบแบบหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่ได้มีความสุข การที่ต้องมาทนฟังคนที่ตัวเองรักบอกว่าไม่รัก ไม่ชอบ ไม่รู้สึกด้วยต่อหน้าทุกคน แม้ว่าจะเป็นเพียงละคร แต่เมฆาก็ไม่เข้มแข็งพอจะทนมันได้ อีกแล้ว…
“ให้มันจบไปดีกว่าไหม...ดีกว่ามาทุกข์ทรมานแบบนี้”
ประมาณเดือนที่แล้วที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถูกลอบยิงจากการไปเซ็นสัญญารับโอนที่ดินที่พ่อเลี้ยงมนัสต้องการ หากแต่โดนตัดหน้าไปก่อนอีกแล้ว พ่อเลี้ยงมนัสเลยจ้างมือปืนให้ไปลอบยิงแต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็ไม่เป็นไรเพราะเมฆาได้โทรไปเตือนเอาไว้แล้ว
ต่อไปเขาก็ไม่รู้ว่าพ่อจะทำอะไรอีก...แต่เขาจะปกป้องพ่อเลี้ยงอาทิตย์ให้เต็มที่ที่สุด คนสำคัญของคณิน เขาไม่อยากเห็นคณินต้องเจ็บปวดเสียใจอีกแล้ว
“นายควรเจอคนที่ดีกว่านี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน ลูกชายของคนที่ทำร้ายครอบครัวของนาย”
เมฆาที่กำลังเดินผ่านห้องรับแขกไปเพื่อขึ้นไปยังชั้นสองก็ต้องชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงของบิดากับใครสักคนกำลังคุยอะไรสักอย่างด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ถ้ามันไม่มีชื่อของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ด้วย เมฆาจะไม่ยืนแอบฟังเลย
“เก็บมันซะ ฉันไม่ต้องการให้มันอยู่เป็นเสี้ยนหนามในชีวิตอีกแล้ว”
“ครับพ่อเลี้ยง ผมจะจัดการตามคำสั่งให้เร็วที่สุด”
“พรุ่งนี้มันมีนัดกับผู้รับเหมา มึงตามมันไป สบโอกาสก็จัดการ กูจะรอฟังข่าวดี ถ้างานนี้สำเร็จ มึงจะได้เงินไปตั้งตัวสิบล้าน”
“ครับพ่อเลี้ยง ผมต้องทำสำเร็จแน่นอน”
“เออ...จัดการเสร็จแล้วให้แกรีบหนีไปเลย เข้าใจนะ”
“ครับ”
เมฆารีบเดินออกจากหน้าห้องไปยังชั้นบนอย่างเบาเท้าที่สุด หัวใจเต้นแรง สั่นระรัวทำอะไรไม่ถูก ล็อกห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะโทรหาใคร ถ้าโทรหาคณินแล้วบอก...เมฆากลัว กลัวที่จะต้องได้ยินอะไรที่มันทำร้ายจิตใจ กลัวว่าต้องฟังคนที่รักต่อว่า ด่าทอพ่อของตัวเอง
มันคือความจริง แต่เมฆาก็ไม่ต้องการให้ใครมาด่าพ่อของตัวเอง
“ส่ะ สวัสดีครับอา…”
(มีอะไรเหรอเมฆ...)
“คือว่า...เมื่อกี้ ผมได้ยินพ่อสั่งให้มือปืนไปลอบยิงอาในวันพรุ่งนี้ ยังไงอาก็ระวังตัวหน่อยนะครับ ทางที่ดีอาอย่าออกจากไร่เลยดีกว่า”
(ไม่ได้หรอกเมฆ พรุ่งนี้อาต้องไปทำธุระ นัดเขาเอาไว้แล้ว แต่อาขอบคุณมากที่โทรมาเตือนอา อาจะระวังตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะเมฆ ที่ผ่านมาอาก็รอดมาได้ ครั้งนี้มันก็ต้องรอด อาจะไม่ทิ้งเขตไปไหน แต่เราไม่ต้องบอกเขตนะ เดี๋ยวมันจะเป็นห่วง ตามอา ไปด้วย เพราะบางทีมันอาจจะพลาดโดนเขต)
“ครับ...ครับ ผมจะไม่บอก ถ้าอาจะไป พาคนไปด้วยนะครับ”
(ได้ๆ อาจะพาไอ้วัฒน์ไปด้วย มันเป็นตำรวจ ไม่ต้องห่วงอานะเมฆ)
“แต่…”
(ไม่ต้องห่วง อาจะดูแลตัวเอง)
“ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ”
เมฆาเม้มปากแน่น กระวนกระวายเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์จนไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ เขาอยากจะโทรไปบอกคณินอีกคน แต่ก็รับปากพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไว้แล้ว…
ยิ่งกลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ของเรา เมฆายิ่งมั่นใจว่าการจบกันของเราคือทางออกที่ดีที่สุด เขาเชื่อว่าคณินไม่มีทางลืมว่าพ่อของเขาทำอะไรไว้บ้าง ในอนาคตครอบครัวเราจะไม่มีความสุข เมฆาจะยอมปล่อยคณินไป ส่วนตัวเขาก็คงจะต้องร่วมรับใช้กรรมกับพ่อ…
“แม่ครับ...คุ้มครองอาอาทิตย์ด้วยนะครับ อย่าให้เขาเป็นอะไร เพราะถ้าอาอาทิตย์เป็นอะไรไป เขตต้องเสียใจมากแน่ๆ เมฆไม่อยากให้เขตเสียใจอีก”
เมฆาทำได้เพียงแค่ภาวนา...ทำได้เพียงเท่านี้
ตลอดทั้งวันเมฆาอยู่ไม่สุขจนเจตผู้ช่วยของเขาสังเกตเห็นอาการก็ถามด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอด แต่เมฆาก็บอกแค่ว่าไม่เป็นไรเท่านั้น กระทั่งเย็น ข่าวร้ายที่เมฆาไม่อยากจะได้ยินก็ถูกกระจายมาถึงจากความไวของโซเชียล เจตเป็นคนบอกเขาเองว่ามีข่าวลอบยิงพ่อเลี้ยงอาทิตย์เต็มเฟซบุ๊ก ยังไม่มีการยืนยันจากแพทย์ด้วยว่าถึงแก่ชีวิตหรือไม่
แต่คนที่เขาเป็นห่วงไม่แพ้กันคือคณิน คณินจะเป็นยังไง...
“พี่เจส พาผมไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ ทราบใช่ไหมครับว่าโรงพยาบาลไหน”
“ได้ค่ะ งั้นเราไปกันเลยนะคะ”
“ครับ”
ทั้งสองคนรีบไปโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์ เมฆาตัวสั่น ใจสั่น หน้าซีดจนผู้ช่วยร่างใหญ่ต้องคอยพูดปลอบใจเป็นระยะๆ
เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว เมฆาก็ตรงดิ่งไปยังประชาสัมพันธ์ สอบถามว่าพ่อเลี้ยงอาทิตย์อยู่ห้องไหน คำตอบที่ได้ก็ทำเอาร่างโปร่งบางกับเจตถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะพ่อเลี้ยงตอนนี้นอนพักอยู่ในห้องพักพิเศษ อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะกระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไร
เมฆาหันไปเห็นคณินกำลังยืนคุยอะไรกับผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งด้วยสีหน้าเครียดๆ ก่อนที่คณินจะสวมกอดผู้ชายคนนั้นที่อายุน่าจะราวๆ พ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้วแยกกัน โดยที่ผู้ชายคนนั้นเดินออกจากโรงพยาบาลไป คณินหันมาเห็นเมฆาที่กำลังยืนมองตัวเองอยู่ก็ตกใจ คิ้วขมวดแน่น แววตาแปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัด นั่นทำให้เมฆารู้สึกเจ็บ…
“เขต…” เมฆาครางชื่อของคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างแผ่วเบา
ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาหา ดาวงตาวาววับอย่างน่ากลัว จนทำให้เมฆาก้าวถอยหลังไปนิดหนึ่งด้วยความตกใจ
“มาทำอะไร!”
“มา...มา”
“คุณเมฆเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์น่ะค่ะ เลยมา” เจตตอบแทนเพราะเห็นว่าเจ้านายของตนตัวสั่นพูดอะไรไม่รู้เรื่อง เจตพอจะรู้มาบ้างว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน ก็เลยกลัวว่าคณินจะทำร้ายเมฆา
พ่อเลี้ยงอาทิตย์โดนยิงในวันนี้ ใครๆ เขาก็มองไปที่พ่อเลี้ยงมนัสกันทั้งนั้น เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดอะไรกับคนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสได้ เพราะพ่อเลี้ยงมนัสไม่มีทางที่จะให้ตัวเองเดือดร้อนแน่นอน ไม่งั้นไม่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก
“ไม่กลัวว่าพ่อเลี้ยงมนัสจะรู้หรือไงว่ามาที่นี่ คราวนี้ไม่โดนกระทืบเลยเหรอ อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงอีกคนได้ไหม แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”
คำพูดที่ออกมาจากปากของคณินแม้จะมีความไม่พอใจในน้ำเสียง แต่รูปประโยคของเจ้าตัวทำให้เมฆาและเจตตกใจ เมฆาไม่คิดว่าคนตัวใหญ่จะเป็นห่วง คิดว่าจะโดนด่าที่พ่อของเขาเป็นต้นเหตุเสียอีก ส่วนเจตนั้นได้แต่อ้าปากค้างตกใจ ข่าวที่ได้ยินมาว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน เกลียดกันมันไม่เห็นจะเหมือนกับสิ่งที่เขาได้เห็นตอนนี้เลย
แต่แล้วก็เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ของทั้งคู่ทันทีเลยกระซิบบอกกับผู้เป็นเจ้านายว่าตนจะออกไปรอที่รถ ซึ่งเมฆาก็พยักหน้าให้ ส่วนตัวเองก็ถูกคณินลากออกไปยังสวนของโรงพยาบาลแล้วเลือกมุมที่มืดและไม่มีคนเพื่อคุยกัน
“ทำไมต้องมา เดี๋ยวจะโทรไปอยู่แล้ว”
“ไม่โกรธเหรอ” ถามเสียงเบา ไม่กล้าสบตากับคนที่สูงกว่า
เมฆาละอายใจเหลือเกิน…
“โกรธ แต่โกรธคนพ่อ ไม่ใช่คนลูก ก็นายไม่เกี่ยวไม่ใช่หรือไง ทำไมจะต้องโกรธด้วย”
“แต่ฉันรู้ว่าพ่อจะทำ”
“ก็โทรมาเตือนพ่อตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมรู้”
“อาวัฒน์บอก”
“คนเมื่อกี้น่ะหรือ”
“อือ...เพื่อนพ่อ เป็นตำรวจด้วย ตอนนี้ก็พยายามตามจับมือปืนอยู่ แต่คงไม่ได้ตัวหรอก หนีไปไกลแล้วล่ะมั้ง” คณินพูดอย่างปลงๆ
“ฉันจำหน้าได้ ให้ช่วยบอกรูปพรรณสันฐานไหม”
“ตำรวจเขาจะให้นายมาเป็นพยานเลยนะ อยากมีปัญหากับพ่อเลี้ยงมนัสหรือไง” ร่างสูงกอดอกขมวดคิ้วแน่น เมฆาได้แต่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
ไม่อยากมีเรื่องกับพ่อ แต่ที่เขากลับมาที่นี่ก็เพื่อทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง
“อาอาทิตย์ปลอดภัยใช่ไหม”
“อือ...ปลอดภัย ไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้คงฟื้น ตอนนี้หลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบ หมูก็เฝ้าอยู่ในห้องนั่นแหละ รีบกลับไปก่อนเถอะ ถ้าพ่อนายรู้เข้าจะเป็นเรื่อง” คณินพูด น้ำเสียงเหนื่อยๆ เหมือนจะหมดแรงเต็มที
เขาสงสาร เขาเห็นใจ…
และเขาก็รู้สึกผิดมากเหลือเกิน ไม่มีหน้าที่จะคบต่อไป ไม่มีหน้าที่มาให้เห็นหน้าอีกแล้ว
คณิน...ควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้จริงๆ
“เขต...ฉันมีเรื่องอยากจะคุย”
“เอาไว้วันหลังได้ไหม เดี๋ยวจะไปหา”
“วันนี้...ต้องวันนี้เท่านั้น” เมฆาตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งไม่อ่อนแอ เมื่อพูดประโยคนั่นออกไปก็หวังว่าตนจะไม่ร้องไห้ออกมา
“งั้นก็ว่ามา มีอะไร?”
เมฆาสบตากับดวงตาคมที่มีแววความเศร้า ความเหนื่อยในดวงตาคู่นั้น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาราวกับต้องการทำสมาธิ
“ฉันว่า...เราควรจบความสัมพันธ์ของเราเถอะ เลิกกันเถอะ ฉันไม่อยากคบกับนายต่อไปอีกแล้วเขต ฉันเหนื่อย ฉันกลัว แล้วฉันก็เจ็บด้วย...เราไปกันไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้ดีพอที่จะเป็นคนๆ นั้นของนายเลย”
ร่างสูงที่กำลังตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักเพราะถูกบอกเลิกในตอนที่อารมณ์กำลังอ่อนไหว หวาดกลัวและเป็นห่วงพ่อ...เขามองหน้าคนพูดนิ่งๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เกิดอะไรขึ้น?
เขาทำอะไรผิด?
“เมฆ...เป็นอะไร ทำไมถึงบอกเลิก โกรธเหรอ โกรธอะไร ขอโทษนะ”
“เขต ฮึก เราไปกันไม่ได้จริงๆ ฉันเสียใจ”
“ไม่!! เราไปกันได้ ที่ผ่านมาถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่เราก็ผ่านมันมาได้ นี่จะเลิกกันด้วยเหตุผลอะไร อย่ามาพูดบ้าๆ นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย” ร่างสูงจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเมฆาเอาไว้อย่างแรง จนร่างโปร่งบางร้องออกมาด้วยความเจ็บเบาๆ
“โอ๊ย...เจ็บ”
“เจ็บสิดี จะได้มีสติ จะได้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร พูดอะไร ฉันคิดเรื่องนี้ดีแล้ว คิดมาหลายวันแล้ว ฉันทนไม่ได้แล้วเขต การคบกันหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด ฉันต้องมานั่งทนนายแขวะ นายกัด ทนฟังคำว่าไม่รัก ไม่ชอบและเกลียดจากปากนายตอนอยู่หน้าคนอื่น แรกๆ มันก็ทนได้เพราะมันคือละคร แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันไม่ไหวแล้วเขต…” ร่างโปร่งบางระบายทุกอย่างออกมาด้วยเสียงสั้นเครือ
“ก็พูดสิ ก็บอกสิว่าไม่ชอบ จะไม่พูดไม่ทำอีก เวลาเจอกันข้างนอกจะได้ทำนิ่ง ทำเฉย ไม่พูดอะไร”
“ที่สำคัญนะเขต...ฉันว่านายยังสามารถเจอคนที่ดีกว่านี้นะ มีคนที่ดีกว่าฉันอีกเยอะ คนที่สามารถเปิดเผยได้ คนที่นายเห็นเขาแล้วจะไม่ต้องนึกถึงเรื่องเลวร้ายเหมือนกับเวลาที่นายเห็นฉันก็จะคิดถึงเรื่องที่พ่อของฉันทำกับครอบครัวของนาย ฉันทนไม่ได้ที่ตัวเองจะทำให้นายไม่มีความสุขในอนาคต”
“ใครบอก...ใครบอกว่าฉันไม่มีความสุข”
“ฮึก…”
“ถามฉันแล้วเหรอว่าฉันมีความสุขหรือไม่มี แล้วถ้าเลิกกันนายจะมีความสุขใช่ไหม” เมฆาไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“ฉันว่าไม่...ไม่มีความสุข”
“เชื่อฉันเถอะ แล้วในอนาคตนายจะขอบคุณที่เราเลิกกันในวันนี้”
“คำพูดของนายมันเห็นแก่ตัว”
เมฆาก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่เราไปกันไม่ได้จริงๆ
“วันนี้เราคุยไม่รู้เรื่องหรอก กลับไปนอนพักไป แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”
“ไม่เขต มันจบแล้ว จบตรงนี้แหละ ระหว่างเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ต้องมาเจอ ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องส่งข้อความ เจอกันข้างนอกนายจะได้แขวะฉัน กัดฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่รู้สึก อื้อ…”
คณินทนไม่ได้ที่จะต้องฟังคำว่าจบกันออกจากปากของเมฆา ไม่อยากฟังสิ่งที่เมฆาพูดอีกต่อไป เพราะยิ่งฟังเขายิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งฟังคณินยิ่งเจ็บ เลยจัดการปิดปากแดงๆ นั่นด้วยริมฝีปากของเขาเองอย่างแรง และไม่ปล่อยให้เมฆาได้มีสติทำอะไร ปลายลิ้นร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเมฆา เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเล็กอย่างรุนแรง มือแกร่งบีบไหล่ของเมฆาแน่นเมื่อคนตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นหนี
ใบหน้าขาวพยายามที่จะหันหลบริมฝีปากที่จาบจ้วงรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นแรงที่มากกว่า กับใจที่มันไม่รักดี ยอมอยู่นิ่งๆ แล้วตอบรับสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยอย่างจำยอม…
น้ำตาใสไหลลงจากหางตา มันทั้งเจ็บแต่มันอ่อนหวาน เขาเองก็ไม่อยากจะออกจากอ้อมกอดนี้ ไม่อยากให้คณินต้องไปกอดคนอื่น จูบคนอื่น ทุกอย่างของคณินตอนนี้เป็นของเขา เขาอยากจะเป็นเจ้าของ อยากจะครอบครองเพียงคนเดียว...แต่ถ้าความรักของเราฉุดอีกคนให้ต่ำลง ก็ควรจะหลีกออกมา
“มันไม่จบ แล้วก็ไม่มีวันจบ!!!” ร่างสูงกัดฟันบอกเสียงกร้าวหลังจากที่ถอนจูบออกมา เขามองตาแดงๆ หน้าแดงๆ ของเมฆาอย่างหงุดหงิด
“เราเลิกกันเถอะ...นะ ฮึก”
“ไม่เลิก หยุดพูดบ้าๆ แบบนี้สักที”
“เขต…”
“หุบปากไปเลยนะ ฉันไม่เลิก ไม่หยุด ไม่จบอะไรทั้งนั้น นายเป็นของฉัน เป็นเมียฉัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปแน่ๆ และฉันก็ไม่ต้องการที่จะมีคนอื่นด้วย อย่ามาคิดแทนฉัน อย่ามาตัดสินใจแทนฉัน ชีวิตของฉัน ฉันคิดเองได้ ตัดสินใจเองได้”
“งั้นชีวิตของฉัน ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกและตัดสินใจเหมือนกัน”
“โว้ย!!! ทำไมพูดยากพูดเย็นแบบนี้วะ”
“นายนั่นแหละที่พูด อื้อ!!” ร่างบางถูกปิดปากอีกครั้งด้วยจูบที่ร้อนแรง ดุดันกว่าที่ผ่านมา มันเจ็บ มันไม่อ่อนโยน จนเมฆาร้องครางด้วยความเจ็บ มือพยายามดันไหล่กว้างให้ออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล
“ถ้ายังไม่เลิกพูดแบบนี้ เอากันตรงนี้แน่!!” คณินกระซิบชิดคอขาวระหว่างที่พรมจูบไปทั่วทั้งคอแบบที่พยายามหนี พยายามหลบยังไงก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสมากกว่า
“ไม่...ไม่เอา อย่านะเขต”
“อย่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่พูดไม่รู้เรื่อง” เขาพูดแล้วดูดเน้นๆ ที่คอขาวจนมันเป็นรอยชัดเจน
“อื้อ...เจ็บ อย่าทำรอยนะ เขต เดี๋ยวคนมาเห็น ไม่ อ๊ะ!”
“ก็คบแบบหลบๆ ซ่อนมันไม่มีความสุขไม่ใช่เหรอ นี่ไงจะเปิดเผยให้”
“ไม่...ไม่เอา”
“เลิกดื้อ แล้วก็กลับบ้านไปดีๆ ถ้าพ่อกลับบ้านเมื่อไหร่เราค่อยคุยกัน เข้าใจไหม” คณินถามเสียงเข้ม หากแต่เมฆาไม่ยอมตอบ ร่างสูงเลยจัดการล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อ เมฆาเลยรีบจับเอาไว้ก่อนแล้วตกลงอย่างช่วยไม่ได้
“โอเคๆ ยอมแล้ว ค่อยคุยกันก็ได้”
“ดีมาก...แล้วเลิกคิดไว้เลยว่าจะได้เลิกกัน”
“แต่…”
“ฉันมีความอดทนไม่มากพอหรอกนะเมฆ” กดเสียงต่ำพูดบอกไป ส่งผลให้เมฆาขนลุกซู่ไม่กล้าพูดอะไรที่เป็นการขัดใจของคณินอีก
“ขอโทษแทนพ่อด้วย”
“จะขอโทษแทนทำไม ยังไงคนแบบนั้นก็ไม่สำนึกผิดหรอก”
ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน
“จะกลับแล้ว”
“อือ เดี๋ยวไปส่ง”
“เดินไปเองได้”
“ก็บอกว่าจะไปส่ง ทำไมดื้อจังวะ”
“ไปก็ไป”
ก่อนที่คณินจะโมโหหงุดหงิดไปมากกว่านี้ เมฆาเลยยอมให้ร่างสูงเดินไปส่งที่รถที่มีเจตนั่งคอยอยู่ด้านในที่สตาร์ทรถทันทีที่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตา
“ฉันไปแล้วนะ พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ อย่ากังวลจนไม่หลับไม่นอน”
“อืม...นายเองก็เหมือนกัน”
“เขต…” ร่างโปร่งช้อนตาขึ้นมอง ดวงตามันดูเหมือนกำลังจะขอร้องอะไรสักอย่างที่คณินจะไม่ยอมให้เมฆาพูดมันออกมาเป็นครั้งที่สองแน่
จุ๊บ!!!
“ขึ้นรถไปได้แล้วไป” คนตัวใหญ่ โน้มหน้าลงมาจูบแรงๆ ที่ปากบางแบบไม่ล่วงล้ำเพื่อปิดปากที่จะพล่ามคำพูดไม่น่าฟังออกมา ก่อนจะดันหลังให้ร่างเล็กกว่าขึ้นไปบนรถได้แล้ว ซึ่งเมฆาก็ต้องเป็นไปตามการบังคับของร่างสูงที่เปิดประตูแล้วจับยัดเมฆาเข้าไปในรถได้จนกระทั่งปิดประตูให้…มือแกร่งโบกมือด้วยสีหน้าราบเรียบเพื่อเป็นการสั่งให้คนที่ประจำตำแหน่งขับออกรถได้ ซึ่งเจตก็ทำตามคำสั่งนั้นทันที พาเจ้านายกลับไร่อย่างปลอดภัย
“พี่เจส คือว่า” ระหว่างที่จะลงจากรถไป เมฆาหันมาพูดกับเจตก่อนแต่มันก็อึกอักไม่รู้จะพูดยังไงก่อน
“พี่จะไม่บอกใครค่ะ เก็บเป็นความลับ มิดชิดแน่นอน”
“ขอบคุณนะครับ”
แล้วร่างโปร่งก็เดินเข้าบ้านไปด้วยสภาพที่อ่อนล้า...อารมณ์ในวันนี้มันมีมากจนเกินไป มากเกินจนพูดตามความคิดความรู้สึกของตัวเองไปหมดเลย…
พอได้สงบสติอารมณ์ก็เสียใจในคำพูดของตัวเองที่บอกเลิกคณิน ใจก็หวังว่าหากได้คุยกันอีกครั้ง คณินจะไม่เลิกกับเขาอย่างที่พูดไว้จริงๆ
อย่าเลิกกันเลยนะ...ขอโทษ
100%
อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/