รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
ตอนที่ 14
“ว่าไง เป็นไงบ้าง”
พอสบโอกาสปลีกตัวจากวินมาได้ ชาก็รีบโทรไปถามหาความคืบหน้าด้วยความร้อนรน เขากลัวเหลือเกิน ว่าเวลาที่หายไปถึงหกชั่วโมงจะทำให้อีกฝ่ายเดินเกมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ เห็นออกไปส่งดอกไม้ แล้วก็กลับมาตามปกติ”
“แล้วระหว่างที่ไปส่ง นายได้ไปด้วยหรือเปล่า ดร”
เจ้าของชื่อเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเจือสงสัย “ตามครับ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้คุยกับใคร แล้วก็ไม่มีใครคุยด้วยเลยครับ”
“หรือ งั้นก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโล่งใจ “งั้นก็เฝ้าให้ดีๆละกัน อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาดเลยนะ…ไม่งั้นคุณวินเดือดร้อนสุดๆแน่ แต่เขาคงไม่โทษนายหรอก”
ที่พูดเนี่ย ให้กำลังใจหรือด่าทอคดีที่แล้วก็ไม่รู้
“ผมจะไม่มีวันพลาดเหมือนครั้งนั้นเด็ดขาด” แต่พอคิดแล้วก็ยิ่งแค้น ที่ดันเสียท่าให้ไอ้เด็กหน้าติ๋มนั่น “เอาหัวผมเป็นประกันได้เลย”
“ดี ฉันหวังให้เป็นแบบนั้น” เพราะตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือก “แค่นี้ก่อนละกัน”
ชารีบวางหูทันที ดวงตาเรียวหันไปหาหนุ่มแว่นที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางอิดโรยเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน
“เมื่อกี้นายคุยกับใครหรือเปล่า” วินนิ่วหน้าเหมือนกำลังจับพิรุธลูกน้องตน
คนโดนซักยิ้มค้าง “เปล่านี่ครับ อ๊ะ”
“เห็นฉันโง่หรือไง” หนุ่มแว่นกระชากมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของอีกฝ่าย แล้วเปิดดูเบอร์ด้านใน พอเห็นว่าไม่ใช่เบอร์ของมาริสา ก็กระแทกใส่อกคืน “โทรหาดรก็บอกตรงๆสิวะ จะโกหกหาอะไร”
“ถึงบอก คุณก็ไม่เชื่ออยู่ดีนี่ครับ” บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่พอ ยังมีการยิ้มเยาะใส่ชวนให้ของขึ้น
แต่เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท วินเลยไม่ได้ประเคนความรุนแรงให้อย่างที่หวังนัก
“อย่ามาต่อปากต่อคำนะ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันยังโมโหนายไม่หายอยู่นะ” วินเอ่ยเสียงเหี้ยม แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็เล่นเอาคนที่อยู่ใกล้ห้องประธานพากันหน้าซีดปากสั่นเพราะกลัวจะโดนลูกหลง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะไม่เคยโดนวินพาลใส่กันเลยก็ตาม “ถ้าไม่ใช่เพราะแก ทุกอย่างก็คงไม่พังแบบนั้น”
หึ ผมว่าคุณน่าจะไปโทษไอ้น้องชายตัวดีนั่นมากกว่านะครับ ที่เรื่องทั้งหมดมันวุ่นวายขนาดนี้ก็เพราะมันนั่นแหละ ถ้าไม่เห็นแก่คุณ ผมจะไปลากคอมันมานอนไว้บนเตียงน้ำ ในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบ แล้วเปิดหนังหวานซึ้งไร้ความรุนแรงไว้ให้ตลอดทั้งวัน เอาให้กระอักตายไปเลย
อยากบอกความจริงใจจะขาด แต่การโดนเข้าใจผิดแล้วถูกโมโหใส่แบบนี้มันรู้สึกดีชะมัดเลยแฮะ อา…ความทรมานที่ไม่อาจบอกความจริงได้มันชวนให้อึดอัดดีจริงๆ…แต่ที่บอกไม่ได้จริงๆก็เพราะขืนบอก มีหวังได้ทำสงครามกับคุณสิทธิ์จริงๆนี่ล่ะ นอกนั้นผลพลอยได้ล้วนๆ
“ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว เพราะคนที่ผมภักดีมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น” ซึ่งนั่นเป็นความจริงจากใจล้วนๆ…และถ้าคุณจะไม่เชื่อ ผมคงจะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับหัวใจจะแตกสลาย…และทำให้ความสุขของผมพุ่งทะยานจนหยุดไม่อยู่ด้วย
“เฮอะ ไม่ต้องทำเป็นปากดี” วินแค่นเสียงใส่พร้อมกับมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ที่กระแทกโดนใจจนชาเนื้อเต้น “วันนี้เดี๋ยวฉันจะไปหาเดียร์ เคลียร์งานให้ฉันก่อนหกโมงด้วย”
“เอ๋ แต่เมื่อเช้าก็เพิ่งจะ…”
“ฉันจะไป มีปัญหาหรือไงวะ ถ้าพูดมาก ฉันจะไม่ใจเย็นแล้วอัดแกตรงนี้เลยดีมั้ย”
ดีครับ!! เอาเลยครับ! จะแก้มขวา แก้มซ้าย แสกหน้า ครึ่งปากครึ่งจมูก ลิ้นปี่ ท้องน้อย ชายโครง อยากจะชกตรงไหนก็เอาเลยครับ ผมพร้อมแล้ว!!!
“ขอโทษครับ ผมจะไปจัดการให้” แต่ขืนทำจริง มีหวังพวกพนักงานคนอื่นพากันมาขัดขวางแน่ แถมเวลาใช้ความรุนแรงต่อหน้าสาธารณชนของคุณวินก็มีประสิทธิภาพด้อยลงด้วย เพราะฉะนั้น อยากแค่ไหนก็ต้องอดทน
“อีกเรื่อง” วินเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน “เที่ยงนี้ฉันกินในห้อง เอาอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด”
ประโยคช่วงหลังเอ่ยเบาหวิวเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน ทั้งที่เขารู้กันทั้งบางแล้วว่าวินกินเผ็ดไม่เป็น
“ครับๆ ไม่เผ็ดนะครับ” แน่นอนว่าชาจงใจพูดให้ชัดถ้อยชัดคำและดัง เพราะเขารู้ดีว่านั่นจะทำให้เขาได้รับรางวัลหลังจากนำมื้อเที่ยงมาให้วิน
เดียร์เดินกลับอพาร์ทเม้นท์ด้วยใบหน้านิ่ง หูคอยฟังเสียงเดินที่ดังตามหลังตน เมื่อเดินใกล้จะถึงที่พัก เขาก็ทำตามแผนที่วางไว้
“หืม” เขาจงใจส่งเสียงก่อนจะหันไป และก็ได้เห็นเงาที่วิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังรถกระบะสีเงินที่จอดไว้ข้างทาง เด็กหนุ่มย่างเข้าหา และโผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋อีกฝ่าย จนคนซ่อนโดดโหยง “อ้าวพี่ดร มาทำอะไรตรงนี้ล่ะครับ”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว วะ…ว่าอย่ามาเรียกฉันว่าพี่นะ” มาถึงก็เอ่ยประโยคติดปากใส่หน้าเดียร์ทันที ก่อนจะออกอาการลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวจะโดนจับได้ว่าตอนนี้กำลังแอบตามติดดูพฤติกรรมเดียร์ตามคำสั่งของชา “ฉะ…ฉันจะมาทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันไม่ได้มาหานายสักหน่อย”
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเกลียดกัน กับไม่รู้มาก่อนว่าคุณชาส่งคุณมา ผมคงคิดไปแล้วว่าพี่แค่ปากกับใจไม่ตรงกันนะเนี่ย…
“งั้นหรือครับ ผมก็นึกว่าพี่โดนสั่งให้มาตามดูผมอะไรแบบนั้นเสียอีก” เดียร์ยิ้มหวานแต่คำพูดแทงใจดำจนดรกระตุก “…ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนละกัน ลาละครับ”
“เดี๋ยวก่อน” ดรเอามือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะเอ่ยรั้งอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงหงอยช่วงท้ายชวนให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา “แก…เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ…” บอกแบบนั้นแต่น้ำเสียงไปคนละทาง ทำเอาข้องใจหนัก
“เดี๋ยวสิ มันต้องมีอะไรแน่ๆใช่มั้ย” ชายหนุ่มรั้งแขนบางไว้ “คุณสิทธิ์…ทำอะไรนายหรือไง”
ดรรู้ว่าสิทธิ์ไม่ถูกกับวิน แต่เขาก็รู้ด้วยว่าสิทธิ์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เอาเข้าจริงออกจะเป็นคนดีด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่คนที่มีความแค้นอะไรกันจริงๆ สิทธิ์ไม่มีทางทำร้ายก่อนเด็ดขาด แต่นั่นไม่นับจากตอนที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั่นล่ะนะ…บางทีนั่นอาจจะทำให้คนดีแตกก็ได้ ใครจะไปรู้
ใบหน้าหวานเผยความกลัวออกมา จากนั้นก็เบือนหนีราวกับไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเห็น
ทั้งที่เป็นคนที่ไม่ชอบเลยแท้ๆ แต่กลับไม่อาจปล่อยเดียร์ไปทั้งอย่างนี้ได้
ดวงตากลมหลุบต่ำ ใบหน้ายังคงหมองหม่น หากแต่ดูกลัดกลุ้มมากกว่าจะดูโศกเศร้า ปากบางเผยอออกเล็กน้อยคล้ายจะพยายามพูด ท่าทีนั้นดูทรมาน ราวกับเรื่องที่กำลังจะเอ่ยนั้น มันเป็นเรื่องรุนแรงและทำให้เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
“คนที่ทำไม่ใช่คุณสิทธิ์หรอกครับ” เสียงหวานเอ่ยสั่นระริก “แต่คนที่ทำน่ะ…คือ…”
เว้นช่วงไปนานจนคนฟังที่กำลังระทึกยิ่งลุ้นหนักจนอยากจะตะคอกถาม ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงทำไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นท่าทีเหล่านั้น ความรู้สึกชิงชังที่เคยมีมาหายเกลี้ยงไปจากใจ คงไว้แต่เพียงความรู้สึกเห็นใจอย่างที่ตนไม่เคยคิดอยากให้มี
“ใครล่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ดรจึงต้องเอ่ยคาดเค้น ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ใครทำเธอกันแน่…” เขาเอยเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไปเพื่อรอให้อีกฝ่ายตอบ ในใจก็นึกสงสัยตัวเอง
เมื่อกี้ เรา…เราจะพูดอะไรกันแน่
เขารู้ตัวดีว่าเมื่อครู่ หากยั้งปากไม่ทัน ตนคงเผลอออกตัวเสนอช่วยไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยนึกอยากทำมาก่อนเลยสักนิด เขาเกลียดคนตรงหน้ามาตลอด เพราะเด็กคนนี้ ทำให้เจ้านายเอาแต่หัวปั่นวิ่งวุ่นจนเกือบเสียการเสียงานอยู่หลายต่อหลายครั้ง ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตลอดเวลา
ไอ้เกลียดก็ส่วนเกลียด แต่ถ้าเดือดร้อนหนักจะปล่อยไว้เฉยๆก็กระไรอยู่ เขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไรด้วย
“คือ…ถ้าบอก…พี่ดรอย่าบอกใครนะ” ดวงตากลมที่เอ่อไปด้วยน้ำตาช้อนมองมาชวนให้ใจระส่ำแปลกๆ “ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะงั้น พี่สัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่บอกใคร”
“…” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ปกติเขาต้องว้ากกลับเรื่องที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกตนว่าพี่เป็นประจำ แต่มารอบนี้ คำด่ามันกลับไม่ยอมหลุดจากปากเสียได้ “…ได้ บอกมาสิว่าใคร”
เด็กหนุ่มยังคงมีท่าทีหนักใจ ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิวราวกับจะกลืนไปกับสายลม “…พี่วินน่ะครับ”
“หา” ถึงกับยั้งเสียงไม่อยู่เลยทีเดียว “นายหมายความว่าไง คุณวินเนี่ยนะ ทำนาย?”
เดียร์ผงกหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าต่อด้วยสีหน้าปวดใจจนคนมองรู้สึกเจ็บไปด้วย “ผมรู้ ที่พี่ดรกับคนอื่นๆไม่ชอบหน้าผม ก็เพราะพี่วินคอยแต่จะเอาอกเอาใจ คอยมาเป็นห่วงผมจนเกือบเสียการเสียงาน ใช่ไหมครับ”
แทงเข้ากลางใจเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เองเขาก็โดนใช้งานเพราะเหตุนั้นจริงๆ
“ผมเองก็ไม่ชอบหรอกครับ ที่เห็นพี่เป็นแบบนั้น” ร่างบางส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเบาบางเหมือนกลัวใครจะได้ยิน “ผมพยายามทุกอย่างให้พี่วินเลิกเป็นห่วง ทั้งออกจากบ้านมาหางานทำเอง ทั้งพยายามบ่ายเบี่ยงเวลาเขาจะพาผมไปเที่ยวหรือไปซื้อของแพงๆ แต่เขาก็ดึงดังคอยจะเลี้ยงผม เอาใจผมอยู่เรื่อย ที่จริงผมก็ดีใจนะ แต่มันมากเกินไป ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าผมไปมีชีวิตของผม แล้วพี่จะสามารถมีชีวิตโดยไม่มีผมได้หรือเปล่า ผมไม่อยากให้พี่ต้องทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อผมสักนิด…”
ฟังแล้วดรแทบจะร้องไห้ ที่ผ่านมาเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเดียร์เป็นคนที่ไม่ยอมพึ่งพาตัวเองและคิดหวังแต่จะพึ่งวินมาตลอด และที่เดียร์ออกมาทำงานแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าโดนมาริสาบังคับทั้งนั้น แต่กระนั้นก็ยังคอยขอร้องพี่ชายให้มาช่วยอยู่เป็นครั้งคราว(ตามที่เข้าใจเองและฟังจากมาริสาบ่น) ไม่เคยคิดเลยว่าที่จริงแล้วเดียร์เองก็พยายามจะพึ่งพาตนเอง และพยายามที่จะให้พี่ชายเลิกมาช่วยตัวเองเกินควรสักที
“ที่ผมคบกับคุณสิทธิ์ทั้งที่พี่ไม่ชอบ ก็แค่คิดว่าถ้าเป็นเขา พี่คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา” เดียร์เล่าต่อด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่หม่นหมอง “และถ้าพี่เห็นว่ามีคนดูแลผมได้ดี พี่อาจจะยอมตัดใจ”
เพราะความซึ้งมันบังตา ดรเลยลืมไปเสียสนิทว่า ผู้ชายน่ะ ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้ชายด้วยกันหรอก
“ตกลง…คุณสิทธิ์ไม่ได้ทำอะไรนายงั้นหรือ” ดรเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
“ครับ เขาดีกับผมมากเลย ทั้งคอยเอาใจ ดูแลผมสารพัดอย่าง” ใบหน้าขาวออกสีแดงเรื่อ “เขาเป็นคนที่ผมคิดจะฝากชีวิตไว้เลยล่ะครับ”
และดรก็ลืมไปแล้วว่าความสัมพันธ์ที่ดูหวานชื่นนี่เป็นของผู้ชายด้วยกัน
“แต่ปัญหามันอยู่ที่พี่ไม่ยอมรับน่ะสิครับ” เด็กหนุ่มกลับมาหนักใจอีกครั้ง “แถมคุณชาเองก็เอาแต่ตามใจพี่วิน คอยกีดกันผมกับคุณสิทธิ์ตลอด จนผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
เดียร์ก้มหน้างุดตัวสั่นระริกคล้ายกับกำลังร้องไห้แต่ก็พยายามฝืนกลั้นเสียงไม่ให้สะอื้นออกมา ร่างสูงมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“…ผมขอโทษนะครับ ที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้พี่ฟัง” เสียงหวานเอ่ยออกมาหลังจากเงียบอยู่นาน “ทั้งๆที่พูดไป มันก็ไม่ทำให้เรื่องดีขึ้นเลยแท้ๆ…”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก!” พูดเสร็จก็เผลอเอามือปิดปากตัวเอง เพราะไม่คิดว่าตนจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาได้ แต่เมื่อหลุดออกไปแล้ว จึงตัดสินใจพูดต่อ “ถ้าเธอคิดจะทำอย่างที่พูดจริง ฉันก็จะช่วยด้วย…แต่ที่ทำไปก็เพื่อคุณวินนะ ของนายมันก็แค่ของแถม ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ตกลงนะ”
ใบหน้าหวานสดใสขึ้นมาทันตา เล่นเอาชายหนุ่มเผลอจ้องตาค้าง ยิ่งโดนจับมือด้วย หัวใจที่ไม่ควรจะเต้นแรงเกินควรก็ดังโครมครามเหมือนเสียงกลองก็ไม่ปาน
“พี่ดรจะช่วยผมจริงๆหรือครับ ผม…ผมขอบคุณพี่จริงๆนะ” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติ เด็กหนุ่มถอนใจด้วยความโล่งอก ราวกับได้ยกเรื่องหนักหนาออกจากใจได้เสียที แต่ก็เพียงไม่นานนัก ความกังวลก็เข้ามาเจืออยู่บนใบหน้า “แต่ว่า…มันจะดีหรือครับ ถ้าเกิดพี่วินหรือคุณชารู้เข้า พี่ดรจะไม่เดือดร้อนหรือครับ”
“ถึงเวลานั้นจริง ฉันหาทางเอาตัวรอดได้น่า ไม่ต้องให้เด็กอย่างแกมาเป็นห่วงหรอก” ชายหนุ่มสะบัดเสียงใส่อย่างรำคาญ “ฉันไปล่ะ แล้วเรื่องคุณวินกับคุณชาฉันจะจัดการเอง แกเองก็ทำอย่างที่พูดเถอะ ถ้าไม่ใช่ได้เห็นดีกันแน่ คราวก่อนที่แกทำให้ฉันต้องไปนอนซังเต ฉันยังไม่ลืมนะโว้ย”
ดรวิ่งหนีไปอีกทางด้วยความเร็วแสงเพราะไม่อยากจะอยู่นานไปมากกว่านี้ ส่วนหนึ่งเพราะไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญคือความอึดอัดในอกที่ทำเอาหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้มองหน้าเดียร์นี่ล่ะ หากอยู่นานไปมากกว่านี่คงได้หน้ามืดเป็นแน่
ก็เกลียดมากเลยนี่นา แล้วยังต้องทำใจช่วยโดยที่ต้องขัดคำสั่งคุณชากับคุณวิน ซึ่งถ้าความแตกเมื่อไหร่มีหวังโดนเล่นงานหนักแน่ ไม่ว่าใครก็ต้องอึดอัดแบบนี้เหมือนกันทั้งนั้นล่ะ
ร่างบางยืนมองอีกฝ่ายจากไปจนลับตา จากนั้นจึงเดินขึ้นห้อง แล้วถอนหายใจยาว มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมาตรวจดูข้อความเข้า แล้วกดโทรออก
“ว่าไงครับพี่ก้อง” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงหวาน “ทางนั้นเป็นไงบ้าง”
คนในสายเงียบอยู่พักใหญ่ เหมือนต้องใช้เวลาทำใจ ถึงจะพูดออกมาได้ “เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้แล้ว ฝั่งเธอล่ะ”
“ของผมมันต้องต่อจากนี้ต่างหาก” เดียร์หัวเราะในลำคอ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสิทธิ์จะใช้แผนไหนด้วยล่ะนะ ผมจะได้ปรับใช้ถูก”
“เรื่องนั้น…ฉันคิดว่าคงได้แบบถูกใจเธอแล้วล่ะ” ก้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เมื่อตอนเย็นได้ยินว่าคุณสิทธิ์เที่ยวหาบ้านเช่าละแวกที่ทำงานเธออยู่ แต่เหมือนจะยังหาไม่ได้มั้ง ก็คงจะหาที่ทรมานเธอได้สบายๆล่ะนะ เพราะที่บ้านคนขัดเยอะไปหมด ส่วนคอนโดหรือที่พักที่อื่นมันก็ไกลจากที่ทำงานเธอด้วย”
“งั้นหรือ” เสียงหวานออกอาการตื่นเต้น “แล้วมีใครไปเฝ้าอยู่กับเขาบ้างล่ะครับ คนที่ชื่อเนกับวัฒน์หรือเปล่า”
“เรื่องนั้นเธอก็สบายใจได้ว่าไม่ใช่ เพราะสองคนนั่นต้องรับผิดชอบงานที่บริษัทเต็มตัว มาข้องแวะทางเธอไม่ได้เด็ดขาด แถมยังต้องรับศึกกับไอ้เดชด้วย” หนุ่มใหญ่เอ่ยต่อ “เพราะฉะนั้น คนที่จะไปอารักขาให้คุณสิทธิ์คือฉันกับแฟน เพราะฉะนั้น…สบายใจได้ ไม่มีใครวิ่งขึ้นไปห้ามเหมือนวันก่อนแน่”
“ครับ ผมเชื่อว่าพี่ก้องไม่ทำแบบนั้นหรอก” เสียงหวานเย็นเยียบจนชวนขนลุก “แต่แฟนพี่น่ะ เขาจะไม่ขึ้นมาขัดผมจริงๆเหรอ”
เงียบไปครู่ใหญ่กว่าจะตอบ
“รับรองว่าไม่แน่นอน” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เผลอๆอาจจะร่วมผสมโรงกับคุณสิทธิ์ด้วยมากกว่า”
“ผมจะได้เล่นแบบหมู่หรือ”
“ไม่ใช่โว้ย แล้วฉันก็ไม่ยอมด้วย!” ก้องว้ากเสียงเบา “ฉันรู้ว่าเธออยากโดนฟาดใจจะขาด แต่ช่วยเห็นใจฉันบ้างสิ พอแฟนฉันรู้เรื่องเธอ เขาก็โมโหยกใหญ่ แล้วก็หาเรื่องจะไปแกล้งเธอด้วย!”
“โถ ผมไม่ได้ตั้งใจเลยนะครับ” ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ แต่ผมห้ามตัวเองไม่ให้ดีใจได้เหมือนกัน “แต่นั่นก็ทำให้คุณได้ผลประโยชน์เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ”
“ถึงไม่ต้องมีเธอ ฉันก็ได้รับความรักอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว” หนุ่มใหญ่ยังคงหัวเสียไม่หยุด
“เอาน่า ถ้าผมไม่ยุ่งกับพี่เสียอย่าง เขาก็เลิกแกล้งผมเอง…หรือไม่งั้นพี่ก้องก็เป็นฝ่ายมายุ่งกับผมก่อนสิ เดี๋ยวผมจะช่วยให้พี่ได้รับความรักจนถึงสวรรค์เลย เอาไหม”
คราวนี้เงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง “เออ จริงของเธอ…แต่เธอก็อย่าอ่อยแฟนฉันละกัน ไม่งั้นฉันจะไม่ร่วมมือกับแผนของเธอแน่”
“แหม เห็นอย่างนี้ผมไม่แย่งของคนอื่นหรอกครับ อย่าห่วงไปเลย”
จะไปรู้เรอะ แกอาจจะติดใจรสความรุนแรงของแฟนฉันจนหน้ามืดขึ้นมาก็ได้นี่หว่า รายนั้นยิ่งเป็นพวกชอบใช้อารมณ์เป็นใหญ่ด้วย
“น่า ผมไม่ทำหรอก” เด็กหนุ่มพูดราวกับอ่านความคิดได้ “ผมอยากโดนคุณสิทธิ์ทำรุนแรงมากกว่า เขาเป็นคนแรกเลยนะครับ ที่ทำเอาผมซาบซ่านวูบวาบไปหมด พี่ก้องไม่เคยโดนเขาทำร้ายเหรอครับ ไม่ยั้งเลยนะ”
“ไม่รู้สิ พอดีฉันมันเป็นประเภทถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหรือถูกใจ ก็ไม่ยอมให้ทำรุนแรงด้วยน่ะ” ก้องเอ่ยพลางนั่งนึกถึงภาพสิทธิ์เวลาไปต่อยตีกับคนอื่น…ซึ่งดูๆไปก็แอบน่าสนใจอยู่หรอก “แล้วเรื่องบ้านเช่าน่ะ เธอมีที่อยากจะเสนอไหมล่ะ เอาแบบสองห้องนอนก็ดีนะ ถ้าอยู่ห้องติดๆกันจะดีมาก เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉิน พวกฉันจะได้ไปคุ้มครองคุณสิทธิ์ได้ไวๆ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะช่วยหาให้ คุ้นๆอยู่ว่าในซอยมีบ้านว่าง แต่ไม่แน่ใจว่าขายหรือให้เช่า ไว้เดี๋ยวผมจะส่งข้อความไปให้อีกทีช่วงพรุ่งนี้เย็นๆละกันครับ”
“ก็ได้…งั้นฉันวางก่อนละกัน เดี๋ยวแฟนฉันจะอาบน้ำเสร็จแล้ว ขืนเห็นเราคุยกันแผนเจ๊งพอดี แค่นี้นะ”
ว่าจบก็รีบวางลงอย่างรวดเร็วจนไม่ปล่อยให้เดียร์ได้บอกลา เด็กหนุ่มจึงคิดจะปิดมือถือ หากแต่มันกลับดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นเบอร์ของก้อง
“ครับ มีอะไรหรือพี่ก้อง”
แต่ทักเสร็จกลับวางหูไปเสียอย่างนั้น
เดียร์เลิกคิ้วมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถึงบางอ้อ
เมื่อกี้ สงสัยจะเป็นคุณแฟน ป่านนี้พี่ก้องคงโดนเล่นงานยำใหญ่ไปเสียแล้วมั้ง
“บ้านเช่าหรือ…” เด็กหนุ่มทวนคำก่อนจะเดินไปยังระเบียง แล้วทอดมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น “จะทรมานกันทั้งที ยังจะใจดีหาแถวนี้อีกนะ รึกลัวผมจะไปทำงานสายหรือไงครับ”