วันที่ 9
“ตี๊ฟ...ตื่นหรือยังสายแล้วนะ”เสียงของใครบางคนแว่วๆ พร้อมกับเสียงเคาะประตู ผมพยายามลืมตาที่ปิดอยู่ รู้สึกเปลือกตามันหนักเหลือเกิน เหมือนเรี่ยวแรงแทบจะไม่มี แม้แต่เสียงจะตอบกลับไปยังไม่มี นี่คงถึงเวลาไปเรียนแล้วกระมั้ง ไอ้เชษฐ์น่าจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ผมยังขยับลุกจากเตียงไม่ได้เลย เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากบางแสน ผมก็อาบน้ำอีกรอบ แล้วก็เข้านอนเลย ผมเองเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าน่าจะเป็นไข้ แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดลุกไม่ขึ้นแบบนี้
ผมพยายามพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงตะเกียกตะกายไปเปิดประตูบอกไอ้เชษฐ์ที่ยังทุบประตูเหมือนจะพังเข้ามาเสียให้ได้ กว่าผมจะถึงประตูนี่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ แถมประตูเหมือนจะต้านแรงไอ้เชษฐ์ไว้ไม่อยู่แล้ว ถ้าผมช้าอีกนิดประตูคงพังพอดี
“เฮ้ย...เป็นอะไร”ร่างผมทรุดแทบจะกองลงกับพื้นหลังจากเปิดประตูได้ ไอ้เชษฐ์รีบเค้ามาช้อนร่างผมกลับไปที่เตียง
“ไหวไหม”คนที่อุ้มผมมาที่เตียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใย ผมทำได้เพียงส่ายหน้าเล็กน้อย ไอ้นี่ก็น่าจะรู้เห็นอยู่ว่าผมเป็นหนักขนาดนี้ยังจะมาถามอีก ผมพยายามตั้งสติเพื่อประคองร่างตัวเอง เพราะเมื่อกี้เพิ่งตื่นเลยเหมือนยังเบลอๆ แต่พอตั้งสติดีๆ หน่อยผมก็ยังพอขยับตัวได้อยู่
“มึงไปซื้อยามาให้กูที”ผมบอกอีกคนด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ไปหาหมอดีกว่าไหม เป็นหนักขนาดนี้”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะมาอุ้มผมอีกครั้ง นี่กะจะพาผมไปหาหมอทั้งชุดนี้เลยหรือไง นี่มันชุดนอนนะ ผมบ่ายเบี่ยงว่าขอเปลี่ยนชุดก่อน
“ออกไปเซ่”ผมไล่ไอ้เชษฐ์ที่เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วแต่ยังมายืนจ้องผม ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไม่เปลี่ยน
“กูเปลี่ยนให้ดีกว่าจะได้เร็ว”ไวเท่าคำพูด เสื้อท่อนบนผมถูกถอดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะสวมตัวใหม่เข้ามาให้แทน แต่ท่อนล่างผมไหวตัวทัน เลยดึงกางเกงมาบอกจะเปลี่ยนเอง
“หันไปสิว่ะ”ขนาดบอกจะเปลี่ยนเองไอ้นี่ยังมามองอยู่ได้ ไอ้ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ จะให้มาแก้ผ้าต่อหน้ามันได้ไง ก็อย่างที่บอกว่าผมกับมันผู้ชายไม่เหมือนกัน ผมเปลี่ยนกางเกงด้วยความทุลักทุเล เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกมีอาการเวียนหัวหน่อยๆ ด้วย
“จริงๆ แค่มึงไปซื้อยามาให้กูก็ได้ไม่ต้องไปหาหมอ”ผมเริ่มบ่นระหว่างทางที่จะไปหาหมอเพราะ มันรู้สึกเพลียๆ ไม่อยากออกมาข้างนอก
“ทำไมไม่อยากไปหาหมอหือ...หรือเป็นโรคกลัวหมอ”น้ำเสียงเหมือนจะล้อเลียนหน่อยๆ ตอบกลับผมมา ผมเบ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ ไอ้ผมนะไม่ได้กลัวหมอหรอก แต่ผมรู้แล้วต่างหากว่าหมอจะจัดยาอะไรให้ผมบ้าง
“ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ยาแก้เจ็บคอ ยาละลายเสมหะ”ผมพูดออกไปลอยๆ จนไอ้เชษฐ์หันมามองว่าผมพูดอะไร ตอนนี้ผมรู้สึกอาการตัวเองไม่ค่อยหนักเท่าตอนตื่นนอนเท่าไหร่ คงเพราะตอนตื่นร่างกายยังเพลียอยู่เลยมีอาการแบบนั้น
“ที่นี่แล้วกัน”ไอ้เชษฐ์เลี้ยวรถเข้าคลินิกแห่งหนี่ง เพราะเห็นว่าใกล้ดี และก็เปิดทำการแล้ว ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็อยู่อีกไกลพอควร
เหมือนผมจะเป็นคนไข้รายแรกของที่นี่ในเช้าวันนี้ คุณหมอสอบถามอาการก่อนจะวินิจฉัยว่าผมเป็นอะไร ผมต้องฉีดยาหนึ่งเข็มซึ่งผมเป็นคนร้องขอเองเพราะจะได้หายเร็วๆ
“ตกลงหมอเค้าบอกว่าเป็นไร”ไอ้เชษฐ์ถามขณะพาผมไปรับยากับทางพยาบาลผู้ช่วย ผมยังไม่ได้ทันตอบไอ้เชษฐ์เพราะต้องฟังคำสั่งการทานยาจากพี่พยาบาลก่อน
“อันนี้ยาลดไข้ ทุก 4-6 ชั่วโมง ยาแก้อักเสบครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร 3 เวลานะคะ ยาละลายเสมหะก็เหมือนกัน ส่วนยาอมแก้เจ็บคอ อมให้ละลายช้าๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง งดน้ำเย็นแล้วก็จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ นะคะ”คุณพี่พยาบาลบอกรายละเอียดก่อนจะให้ผมรับยาและจ่ายเงิน
“ทำไมรายการยาเหมือนที่มึงบอกเลย ตกลงมึงเป็นหวัดเป็นไข้บ่อยจนจำรายการยาได้แล้วเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามอย่างสงสัยระหว่างทางกลับ
“กูเป็นทอนซิลอักเสบ”ผมตอบออกไปถึงโรคที่คุณหมอวินิจฉัยมา
“เป็นบ่อยเหรอ”ตกลงมันเห็นไหมเนี่ยว่าผมป่วยอยู่ ยังจะมาซักไซ้กันอีก
“มันเป็นโรคที่ไม่หายขาดนะ เวลาอากาศเปลี่ยนหรือโดนฝนก็มีโอกาสเป็นได้ตลอด”ผมกล่าวออกไป ถึงโรคที่ผมเป็นบ่อยๆ โรคนี้เป็นมานานตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเด็กๆ จะอาการหนักหน่อยเพราะจะเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยตลอด ทานอะไรเข้าไปจะออกมาหมดเลย แม้กระทั่งน้ำเปล่า จำได้ว่าเคยมีครั้งนึงผมได้แต่นอนทั้งวันเลย เพราะกินอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีเรี่ยวแรงแถมเพลียกับการอาเจียนอีก ดีที่พอโตมาอาการจะไม่ค่อยรุ่นแรงมาก และส่วนใหญ่ผมก็จะเริ่มรู้สึกตัวเองก่อนว่าจะเป็น ก็จะหาซื้อยามาทานกันไว้ก่อน เมื่อวานนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันแหละว่า จะเจ็บคอ แต่ด้วยความเพลียมากเลยไม่ได้แวะซื้อยา คิดว่านอนพักอาจจะดีขึ้น
“นี่แสดงว่าเพราะโดนฝนเมื่อวานใช่ไหม”ผมพยักหน้าตอบ เพราะคงไม่ใช่เหตุผลอื่น แต่ที่จริงคงเพราะช่วงนี้ผมพักผ่อนน้อยด้วย อีกอย่างเมื่อวานก็เล่นน้ำทะเลตอนแดดร้อนๆอีก คงจะหลายๆ อย่างรวมกันนั่นแหละมั้งครับ ไม่อยากจะคิดมากคิดไปก็ปวดหัว
“บอบบางจังนะ ดูอย่างกูนี่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายๆ หรอก”ไอ้เชษฐ์พูดขำๆ พร้อมทำท่ายกแขนเบ่งกล้ามให้ผมดู ถ้าเป็นปกติผมคงนึกหมั่นไส้มันแต่นี่ผมกลับมองว่ามันกำลังห่วงผมอยู่หรือเปล่า คำพูดไม่ได้ชวนทะเลาะเหมือนทุกวัน พักนี้ผมว่าไอ้เชษฐ์เริ่มแปลกๆ ไปเหมือนกัน
“ก็อย่างที่เค้าว่าแหละ คนบ้ามักจะไม่ป่วย”ผมพูดลอยๆ ก่อนจะหลับตาเพื่อพักสายตาเพราะเหมือนจะรู้สึกเพลียหน่อยๆ
“ตี๊ฟ ๆ”ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกมึนๆ หัว ผมมองหาต้นเสียงที่เรียกผมก็เจอหน้าของไอ้เชษฐ์ที่จ้องมองผมอยู่ ผมมองไปรอบๆ นี่มันห้องนอนผมนี่นา แล้วผมกลับมาอยู่นี่ได้ไง ผมจำได้ว่าไปหาหมอกับไอ้เชษฐ์แล้วตอนกลับผมหลับตาพักสายตา อย่าบอกนะว่าผมหลับไป
“กูมาอยู่นี่ได้ไง”เสียงที่ออกจากปากผมมันฟังดูแหบแห้งเหลือเกิน แถมตอนนี้รู้สึกเจ็บคออยู่มากเลยทีเดียว
“พอดีเห็นว่ามึงหลับเลยไม่อยากปลุก กะว่าจะปลุกทีเดียวตอนจะให้กินโจ๊กนี่แหละ”คำตอบที่ไม่ค่อยจะตรงคำถามออกมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กยื่นมาให้ผมดู
“แล้วตกลงว่ากูหลับแล้วหายตัวขึ้นมานอนที่เตียงนี่เองได้เหรอ”ถึงจะเจ็บคอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะมันครับ
“กูอุ้มขึ้นมาเองแหละ มานี่ทานนี่ก่อนจะได้ทานยาแล้วค่อยนอนพักต่อ”หา ตกลงว่ามันอุ้มผมขึ้นมานี่นะ แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่าจะอุ้มขึ้นมาทำไม ผมมองไอ้เชษฐ์ด้วยความสงสัยกับคำถามที่ผุดขึ้นในหัว แต่ไอ้เชษฐ์กลับทำไม่สนใจ ขยับนั่งลงที่เตียงตรงข้างผมนอน โดยในมือยังคงถือถ้วยโจ๊กอยู่
“กูกินเองได้”เมื่อเห็นว่ามันทำเหมือนผมช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย ผมจึงต้องแย้งเพราะไม่ได้เป็นหนักถึงขนาดต้องให้ใครมาป้อนข้าวป้อนน้ำขนาดนี้
“เฉยๆ เหอะน่า”ไอ้เชษฐ์ยกถ้วยหลบไม่ให้ผมแย่งมาได้ ก่อนจะใช้ช้อนตักมาจ่อที่ปากผม ด้วยความหมั่นไส้และคิดว่าผมทานเองได้ ผมเลยไม่ยอมอ้าปาก
“ไม่สบายแล้วยังจะเล่นตัวอีก...หรือว่าอยากให้ป้อนด้วยปาก”ไม่พูดเปล่าไอ้เชษฐ์ตักโจ๊กเข้าปากตัวเองก่อนจะก้มหน้ามาหาผม
“จะบ้าเหรอ”ผมรีบผลักตัวไอ้เชษฐ์ออก ตกใจหมดเลยนึกว่ามันจะทำจริงๆ เสียอีก ดีที่แค่ล้อผมเล่น แต่ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดเลย ใจผมเต้นแทบไม่เป็นจังหว่ะ เพราะอะไรกันนะทำไมถึงได้ใจเต้นแบบนี้ แถมยังรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้
“เอ้า...ว่าง่ายๆ จะได้หายเร็วๆ”ไอ้เชษฐ์ป้อนโจ๊กด้วยช้อนเข้ามาในปากผมคำแล้วคำเล่า บอกตรงๆ ว่าแต่ละคำมันช่างกลืนลงไปอย่างยากลำบาก เพราะคอที่มันมีอาการอักเสบอยู่นั่นแหละครับ
“มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามเมื่อเห็นการกลืนของผมอย่างพะอืดพะอม
“ซื้อมาจากไหนเนี่ย...ไม่อร่อยเลย”จริงๆ รสชาติมันก็ใช้ได้อยู่หรอกครับ แต่เพราะเจ็บคอผมเลยกลืนลำบากอย่างที่เห็น ส่วนมันจะซื้อมาที่ไหนก็ไม่ได้อยากรู้จริงๆจังๆหรอกแค่จะหาเรื่องว่ามันหน่อยแค่นั้นแหละ
“นี่ฝีมือกูไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับเปลี่ยนจากตักป้อนผมเป็นตักใส่ปากตัวเอง
“ทำอะไรนะเดี๋ยวก็ติดไข้ติดหวัดจากกูหรอก”ผมรีบทักเพราะมันใช้ช้อนที่ป้อนผม ซึ่งอาจจะมีเชื้อไข้หวัดอะไรติดอยู่ตักใส่ปากตัวเองแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก กูไม่ถือ”แต่เจ้าตัวกลับตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ ว่าแต่เมื่อกี๊มันว่าอะไรนะ
“เดี๋ยวนะเมื่อกี๊เรื่องโจ๊กมึงว่าซื้อมาจากไหนนะ”
“กูทำเองแหละ แต่รสชาติไม่ถูกปากมึงเหรอ เพราะกูก็ว่ามันก็พอใช้ได้อยู่นะ”ไอ้เชษฐ์ทำเองงั้นเหรอ มันทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ ว่าแต่ทำไมมันต้องมาทำดีกับผมขนาดนี้กันละ
ผมไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะการพูดสำหรับผมตอนนี้มันลำบากอยู่ไม่น้อย ไอ้เชษฐ์จัดการบังคับผมทานโจ๊กฝีมือมันจนหมด จากนั้นก็จัดแจงยาให้ผมจนเรียบร้อย
“อ่อนแอแบบนี้ คงต้องรีบหาคนดูแลแล้วมั้ง”หลังจากจัดยาให้ผมทานไอ้เชษฐ์ก็พูดขึ้น
“กูไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องให้ใครมาดูแลทุกฝีก้าวหรอก...แล้วนี่ไม่ไปเรียนเหรอ”จากตอนแรกที่มันพาผมไปหาหมอไอ้เชษฐ์ใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยแต่ตอนนี้เปลี่ยนใส่ชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่นี่ก็เพิ่งจะสายๆ เองถ้าจะไปเรียนก็ยังทัน
“ไม่ไปแล้ว...วันนี้ขี้เกียจเรียน”แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ความจริงผมว่ามันคงเป็นห่วงผมละมั้ง จะว่าไปมันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะเนี่ย
“เชษฐ์”ผมเอ่ยเสียงแผ่วเรียกไอ้เชษฐ์ที่กำลังจะเดินออกนอกห้องไป คนถูกเรียกหันกลับมามองผมพร้อมกับรอฟังว่าผมจะพูดอะไร
“ขอบใจนะ”ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้มันอย่างจริงใจ ซึ่งผมก็ได้รับรอยยิ้มนั้นกลับมาเช่นกัน แถมด้วยสายตาที่เหมือนจะแฝงด้วยความนัยบางอย่าง แต่ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะสื่ออะไรมาถึงผม
“กูจะอาบน้ำแล้วมึงมาห้ามกูทำไม”ตอนนี้ผมเริ่มมีแรงต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เชษฐ์แล้ว เพราะนอนมาทั้งวันจนนี่ 4 โมงเย็นแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาทั้งวันมันเลยรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะอาบน้ำให้สดชื่นหน่อย แล้วอีกอย่างพวกไอ้การ์ดก็กำลังจะมาเยี่ยมผมด้วย ไอ้ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ มาได้กลิ่นตุๆ จากตัวผมสักเท่าไหร่หรอกนะ
“ก็มึงไม่สบายอยู่ ไปอาบน้ำเดี๋ยวก็ได้เป็นหนักกว่าเดิมอีกหรอก กูว่าเช็ดตัวเฉยๆก็พอมั้ง รอนี่แหละเดี๋ยวกูไปเอาน้ำมาให้”ไอ้เชษฐ์ชี้นิ้วสั่งให้ผมนอนลงเหมือนเดิมก่อนจะเดินออกไป ผมไม่ได้ดึงดันจะเถียงต่อเพราะเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของมัน แค่เช็ดตัวก็คงพอช่วยได้อยู่มั้ง
ไม่นานนักไอ้เชษฐ์ก็กลับเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์เช็ดตัว
“ทำอะไร”ผมถามอย่างสงสัยเมื่อไอ้เชษฐ์เริ่มเช็ดแขนให้ผม
“ก็เช็ดตัวให้มึงไง”มือยังคงทำต่อไปโดยไม่ได้หันมามองหน้าคู่สนทนาอย่างผม
“กูทำเองได้”ผมพยายามขืนตัว เพราะรู้สึกแปลกๆ ที่จะให้คนอื่นมาเช็ดตัวให้แบบนี้
“ไม่ต้องกลัว...กูไม่ปล้ำมึงตอนนี้หรอกน่า”แล้วผมไปพูดตั้งกะเมื่อไหร่ว่ากลัวมันปล้ำ
“กูไม่ได้กลัวมึงปล้ำ...แต่กู...”ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดยังไง จะเอาตรงๆ บอกมันว่าอายก็แปลกๆ อีกนั่นแหละ
“อะไร กลัวอะไรหรือกลัวกูไม่ปล้ำ”ไอ้นี่รู้สึกว่าช่วงนี้พูดจาแนวนี้บ่อยนะ ถ้าไม่ติดว่ามันบอกเองว่าไม่ชอบเกย์ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันรู้เช่นเห็นชาติกันมานาน ถ้าไม่ใช่แบบนั้นผมคงคิดว่ามันต้องคิดอะไรกับผมเกินเลยแน่ๆ
“กู...อายว่ะ เดี๋ยวขอเช็ดเองดีกว่า”ผมบอกออกไปเสียงอ่อยๆ ตามความจริง ก็เกิดมาไม่เคยให้คนคื่นมาเช็ดตัวให้แบบนี้ เวลาไม่สบายไม่พี่ชายก็แม่ผมที่เป็นคนเช็ดตัวให้ แต่ให้มาอยู่ในสถาณการณ์แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ดูมันจะล่อแหลมอยู่ไม่น้อย อีกอย่างถึงเราสองคนจะเป็นเพื่อนกันยังไง ผมก็ไม่กล้ารับปากสักเท่าไหร่ว่าตัวผมเองนี่แหละ จะไม่หวั่นไหวไปกับไอ้เชษฐ์นี่
“ไม่ต้องอายหรอก...กูไม่ล้วงลึกไปเช็ดมึงทุกซอกมุมหรอกน่า”คำพูดมันนะพูดอย่างนั้นแต่มือนี่ตอนนี้ปลดกระดุมชุดนอนผมแล้ว จนผมต้องขยับตัวถอยหนี
“กูเช็ดเองดีกว่านะเชษฐ์ มึงออกไปก่อนเหอะ”ผมพยายามแย่งผ้ามาจากไอ้เชษฐ์แต่เหมือนจะไม่เป็นผล
“ผิวมึงนี่เนียนสวยดีนะ”เมื่อเห็นว่าแรงคนป่วยอย่างผมคงสู้ไอ้เชษฐ์ไม่ได้ผมเลยต้องปล่อยให้มันเชษฐ์ไป ส่วนผมก็ต้องพยายามทำตัวหน้าด้านให้มันมองไป แต่คงไม่เป็นไรมากเพราะมันก็เช็ดแค่หน้าตา คอ ไล่ลงมาตามเนื้อตัวแค่นั้นไม่ได้ลงไปต่ำมากกว่านั้น เพราะถ้าลงไปมากกว่านั้นผมเองก็คงไม่ยอมเหมือนกัน
“เสร็จหรือยัง”ผมเร่งเพราะรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนมาถูกเนื้อต้องตัวแบบนี้
“ไม่ให้เช็ดข้างล่างให้จริงๆ เหรอ”ไอ้เชษฐ์ยังถามผมด้วยท่าทางกวนประสาท ผมจึงต้องไล่มันออกจากห้องก่อนจะจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ก่อนจะออกมานั่งรอเพื่อนๆ ด้านนอก ไม่นานนักพวกเพื่อนตัวดีทั้งหลายของผมก็แห่กันมาเยี่ยม แต่ไม่รู้จะมาให้กำลังใจให้หายเร็วขึ้นหรือจะมาให้ผมปวดหัวมากกว่าเดิม
“ได้พยาบาลดีแบบนี้คงไม่น่าห่วงแล้วมั้ง”คนที่หนึ่งมาแล้วครับ
“พยาบาลกันอย่างเดียวนะ อย่ามัวแต่จู๋จี๋กัน ไว้ให้หายดีก่อนค่อยจู๋จี๋กัน”คนที่สองก็ตามมา
“หรือว่านี่วันก่อนไปบางแสน หักโหมกันเกินไปจนมึงป่วยแบบนี้ว่ะไอ้ตี๊ฟ”แต่ละคนครับ เพื่อนผม
“ไอ้เชษฐ์มึงก็อย่าใช้งานมันหนักนักล่ะ”สนุกกันใหญ่ ตกลงพวกมันพูดยังกะว่าผมกับไอ้เชษฐ์นี่เป็นแฟนกันแล้วจริงๆ งั้นแหละ พวกมันคิดว่าการพนันครั้งนี้ผมจะแพ้อย่างแน่นอนหรือไงกัน ไม่มีทางซะหรอก
แวะมาต่อให้คร๊าบบ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเช่นเคย