ตอนที่27อื้อ...หนักจัง อะไรวะ
ลองตาปรือขึ้นแต่ก็ต้องรีบปิดลงหลับตาปี๋อีกรอบ ค่อยๆเปิดออกมาอีกรอบเพื่อปรับแสง พยายามพลิกตัวให้หลุดจากงูเหลือมที่พาดรัดทั้งเอวทั้งขาก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงฮึมฮัมคำรามเบาๆจากข้างตัว
ฮึ่ย...กอดกลับก็ได้วะ
หลังจากที่เกียร์รู้อิทธิฤทธิ์ความดื้อด้านของผมตอนไม่สบาย มันก็พยายามซื้อผักผลไม้มาให้ผมยัดจากเดิมเป็นเท่าตัว ถึงจะผ่านมาได้เกือบเดือน แต่เหมือนเรื่องนี้มันได้ฝังอยู่ในไมโครเอสดีของหัวสมองมันไปแล้ว คุณน้ำแข็งจึงพยายามระวังไม่ให้ผมเป็นไข้จนมันหัวหมุนอีก
“เกียร์ครับ พรุ่งนี้ผมกลับบ้านนะ” ตอนผมเรียกชื่อด้วยเสียงนุ่มมันแค่พยักหน้าตอบ เพราะตอนนี้มันกำลังพิมพ์งานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มาหลายชั่วโมงแล้ว แต่พอพูดประโยคถัดมาก็หันมามองขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“ไปทำไม” ไอรักแค่จะกลับบ้าน ทำไมต้องเสียงแข็งด้วย T_T
“ไม่รู้เหมือนกัน พอดีแม่ผมโทรมาตามน่ะครับ” โทรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ลืมบอกมัน เมื่อวานผมอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย ไม่ได้ขยันหรอกครับ ก็คุณน้ำแข็งนั่นละที่บังคับผม อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่ามันทำตารางเวลาชีวิตให้ผม จึงต้องทำตามที่มันกำหนดนั่นละ
“ไปด้วย” หืม..ช่วยคิดหน่อยได้ไหมครับ มึงตอบซะทันทีทันใดเชียว
“เกียร์ต้องรีบทำงานส่งภายในคืนพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวผมก็กลับมานะ” จบประโยคแรกมันหน้าบึ้งหันไปมองงานที่ทำค้างอยู่ จนผมต้องเดินไปลากเก้าอี้ไปนั่งข้างตัวแล้วลูบแขนมันเบาๆ
ถ้ามันส่งไม่ทันกำหนดต้องตายแน่ๆ เพราะวิชานี้มันไม่ถนัดเท่าไรนัก ส่งช้าโดนหักเป็นนาที หนึ่งนาทีต่อสองคะแนน ถึงคะแนนสอบของมันจะไม่ค่อยดีแต่อย่างน้อยขอทำคะแนนเก็บให้ดีก็รอดแล้ว ผมก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ จึงได้แต่นั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ
แต่พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้าน เลยไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนมันเท่านั้นเอง
“ไปกี่โมง เดี๋ยวไปส่ง” มันถอนหายใจแล้วบอก
“คงออกสายๆหน่อยละครับ ผมไม่ได้รีบอะไร อ้อ ขับไปเอารถผมที่คอนโดแล้วค่อยไปแล้วกันเนอะ” บ้านผมไกลจากที่นี่พอสมควร จะขับมอเตอร์ไซค์ไปก็อันตรายอยู่ อีกอย่างตอนนี้ไม่รู้ลูก(รถ)ผมจะเป็นตายร้ายดียังไง
ผมจะลุกไปเดินอ้อมไปหยิบนิตยสารที่อยู่อีกข้างของโต๊ะที่เกียร์ทำงานอยู่ แต่โดนอีกคนเกี่ยวเอวเสียก่อน ตัวจึงอยู่บนตักของอีกคน มันซบไหล่แล้วหายใจเข้ายาวก่อนจะผ่อนออกเบาๆ
“..เหนื่อย..” อะ อ้อน นี่เขาเรียกว่าอ้อนใช่ไหมครับ เสียงอ่อยฉิบ ฟังแล้วเขินชะมัด
“พรุ่งนี้ผมไปเองก็ได้ครับ เกียร์ทำงานเสร็จจะได้พักผ่อน”
“เรื่องงานหรอก” มันพูดแล้วถอนหายใจอีกรอบ ถึงได้ว่าหน้าไปไวกว่าอายุตั้งเยอะ กร๊าก
“ค่อยๆทำไปเดี๋ยวมันก็เสร็จเนอะ ไม่ต้องฝืนตัวเองนะครับ พักสมองพักสายตาบ้างแล้วค่อยทำใหม่ก็ได้” มันอืออาตอบในลำคอ พยักหน้ากับไหล่ผมแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“ผมไปเอานมอุ่นๆมาให้คุณทานดีกว่า อืม..หรือจะเอาโอวัลตินดี” ผมเอียงคอถาม เดี๋ยวนี้มันมีพัฒนาการณ์เริ่มชอบนมเหมือนกับผมแล้วนะครับ เพียงแต่มันชอบนมจืด ส่วนผมชอบทุกรส โดยเฉพาะช็อกโกแลตจะโปรดปรานเป็นพิเศษ ส่วนกาแฟมันโดนผมจำกัดจำนวนแก้วครับ ถึงคาเฟอีนจะมีประโยชน์ แต่ผลเสียมันก็มีเหมือนกัน อาหารการกินสมัยนี้มันก็เหมือนดาบสองคมนั่นละครับ มีดีแต่ก็มีโทษ บางทีภายนอกเราจะเห็นว่าเป็นของที่มีคุณประโยชน์มากมาย แต่มันก็อาจมีสารปนเปื้อนอยู่ก็เป็นได้ ผมเลยบอกให้มันดื่มอาทิตย์ละสามแก้วก็พอ (ความจริงดื่มทุกวันได้ครับ แต่ไม่ควรเกินสองแก้ว)
“นม” มันก้มถูๆจมูกแล้วขบหัวนม จนผมร้องจ๊ากเสียงดัง แม่งเล่นกัดมาได้ หัวนมคนนะโว้ยไม่ใช่คิทแคท เคี้ยวอร่อยเลยสิมึง ถึงจะไม่ได้แรงมาก แต่มันเล่นทีเผลอ ไอรักก็ตั้งรับไม่ทันสิวะครับ!
“ฮึ่ยย หยุดเลยไอ้คุณน้ำแข็ง งานไม่เสร็จจะออกลายหื่นอีกนะ เดี๋ยวก็เอานมพิษมาให้กินเลยนิ” ผมเอาอุ้งมือดันหน้าผากให้ห่างจากตัว พอเห็นตาเยิ้มๆ แล้วทำเป็นเอาฟันกระทบกันดังกึกๆๆ ทำเอาผมอยากจะกระตุกปลั๊กคอมให้มันดับไปพร้อมงานมันไปเลย
“นั้นขอเป็นนมชมพูๆ เป็นตุ่มแดงๆน่ารักแบบนี้แล้วกัน ถึงจะพ่นพิษก็ยอม หึหึ”
ไอ้เชี่ยหื่นนนนนน
“น่ารักจังแฮะ อยากเลี้ยงชะมัด” เปรยออกมาเบาๆ ผมนั่งดูนิตยสารเกี่ยวกับสัตว์อยู่บนโซฟา
“ไหน” อะจ๊ากก ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขวัญไม่มาไปหาเรียม ถุ้ย!
“หึ แอบดูอะไร สะดุ้งซะขนาดนั้น” สะดุ้งสิ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แหนะ ยังมาอมยิ้มขำใส่กันอีก ฮื้มมม น่ารักว่ะ
“แมวน่ะครับ พันธุ์นี้หูหลุบด้วยอะ ตาสีฟ้ากลมบ๊อกเลย” ผมรีบนำเสนอวางหนังสือบนหน้าตักมันทันที
“อยากเลี้ยงเหรอ ไม่มีเวลานะ” มันลูบหัวผมแล้วดึงมาให้ซบไหล่
“ถ้าวันไหนผมไม่ว่าง คุณก็เลี้ยงไง” ผมเงยหน้าไปยิ้มทะเล้นให้ เลยโดนมันเขกหัวไปตามระเบียบ ตบด้วยหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วเปิดดูรูปในเล่มผ่านๆ
“ไม่เอาอะ”
“แต่มันอ้อนได้ด้วยนะ ช่วยจับหนูเหมือนทอมแอนด์เจอร์รี่ที่คุณชอบดูด้วย” แอบอ้างสรรพคุณที่เหมือนจะไม่เกี่ยว มาทำให้มันเกี่ยวได้
“เดี๋ยวก็มาตีกันตาย ปวดหัว”
“ฮื้อ เลี้ยงตัวเดียวพอไง”
“หมายถึงแมวน้อยตัวนี้ต่างหาก จะไปกันรอดเหรอ แมวเลี้ยงแมว” มันจิ้มหัวผมรัวๆด้วยปาก ทำไมชอบคิดว่าผมเป็นแมวปวกเปียกอยู่เรื่อยเลยวะ ตัวก็ใหญ่ ซิกแพ็คกูก็มี นมก็แฟบไม่มีให้ยาน หล่อเหลาแข็งแกร่งอย่างนี้เสือชัดๆ
“ผมคนนะไม่ใช่แมว ฮู้! พูดไปเรื่อย” พูดแล้วทำปากจู๋ใส่ แอบรู้สึกได้ถึงมือตุ๊กแกที่เริ่มมาเกาะแกะแถวเอว
“หึหึ”
“เลี้ยงแมวก็ดีออก เงินไหนมาเทมานะจะบอกให้ แมวกวักงายยย”
“หึ ซื้อมาไอรักก็เล่นแต่กับมัน แล้วก็ไม่สนใจเกียร์ ทิ้งไปอยู่กับไอ้โง่ขนฟู” มันส่งเสียงปฏิเสธแล้วพูดต่อ โหมึงพูดออกเป็นฉากๆอย่างกับผู้กำกับ นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของคุณใช่ไหมคุณน้ำแข็ง
“ไม่หรอก” ผมตอบเสียงอ่อย ก็คนมันอยากเลี้ยงนี่นา
“อย่าเลย มันยิ้มเหมือนหมาไม่ได้ คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง พันขาน่ารำคาญ เอาเวลาไปทำงานหาเงินกินข้าวเที่ยวกันสองคนดีกว่า” อีกคนพูดงึมงำในลำคอ พลางเอาจมูกซุกไซร้ไปตามใบหู ขบเบาๆให้ผมจักจี้ ไล่เรื่อยลงมาถึงซอกคอ
"..อื้อ ..เดี๋ยว.."
"..หอม"
"ยังไม่ได้อาบน้ำ จะหอมได้ไง"
"นั้น...ไปอาบกัน" มันกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อุ้มผมขึ้นตัวลอยแล้วพรมจูบไปทั่วหน้า
ถ้าอย่างนี้มึงไม่ต้องถามความเต็มใจไอรักก็ได้นะ
"มะ ไม่ทำในห้องน้ำนะครับ" ผมปิดหน้าปิดตาพูดแล้วเอนไปซบอกคนที่หัวเราะหึหึ ที่พูดดักแบบนี้เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้ไง เวลาฟังเสียงก้องดังในห้องน้ำมันน่าอายออก
เกียร์พามาอาบน้ำข้างนอกห้องนอนเพราะใกล้กับห้องรับแขกที่สุด รีบถอดเสื้อกางเกงของตัวเองและผมออก ก่อนจะดึงปราการชิ้นสุดท้ายของทั้งคู่ให้หลุดจากตัว ยังไม่ทันอ้าปากหวออย่างตกใจกับเกียร์น้อยที่กำลังพองตัวตุงขึ้นเรื่อยๆในกางเกงอย่างใหญ่โตก็มีริมฝีปากของอีกคนมาปิดเสียก่อน ผมครางเบาๆ ปรือตาลง เห็นมือหนาคว้าครีมอาบน้ำมาลูบลำตัวอย่างลวกๆ ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วเปียกชุ่มแอบไล้วนแล้วค่อยๆสอดเข้าไปหนึ่งนิ้ว
"อะ...อื้อ เกียร์...ยะ ฮ๊า!"
"ไม่ทำในนี้หรอก แค่ขอขยายก่อน" มันยิ้มหื่น มือหนึ่งยังทำหน้าที่ทำความสะอาดตัวเป็นอย่างดี อีกมือกำลังเพิ่มนิ้วแล้วถ่างหมุนให้ขยายมากขึ้น ผมทุบหลังมันเสียงดังด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันสะทกสะท้าน หนำซ้ำยังหัวเราะแกมเอ็นดูแล้วป้อนจูบมาให้อย่างดูดดื่ม
ขาผมแทบไม่มีเรี่ยวแรงจนต้องพิงอีกคนเอาไว้ เกียร์คงรู้เวลา รีบชำระล้างตัวทั้งคู่ อุ้มมาวางบนพรมเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำ บอกให้ผมเกาะขอบประตูรอ ส่วนมันกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะกลับมาพร้อมผ้าเช็ดตัว และพวกอุปกรณ์เตรียมพร้อมให้ไอรักเสียตัว
ผมรีบยืนเฉียงกุมเป้าหันหน้าหนีด้วยความอาย แต่เหมือนจะเข้าทางอีกคน มันหยุดยืนประชิดกับหลังแล้วถูเกียร์น้อยเข้ากับก้นผมไปมา มือเช็ดตัวตามร่างกายให้ทั้งผมและตัวมันเอง
"เดี๋ยวนี้หัดอ่อยกันแล้วหรือ หื้ม" มันเด้งเป้า จับให้จาผมหนีบกัน แล้วกระเด้าเข้ามาสีกับหว่างขาผมรัวๆ ผมร้องครางด้วยความเสียว
"ปะ..เปล่า อื้อ อ..อย่าแกล้งกัน.."
เกียร์อุ้มผมไปยังโซฟาอีกรอบแล้วผลักให้นอนลง ยกขาข้างหนึ่งให้พาดกับพนักโซฟา แล้วยกอีกขาให้ผมเกี่ยวรั้งเอาไว้เอง ผมรับรู้เลยว่าตัวเองกำลังแดงก่ำขนาดไหน มันร้อนเหมือนจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ กี่ครั้งต่อกี่คราวก็ไม่เคยชินเสียที
มันกวาดสายตามองทั้งตัวอย่างหวานเชื่อม แล้วอมยิ้มกริ่มกับท่าทางของผมอย่างพอใจ มันเกลี่ยปอยผมไปทัดหูให้ อีกมือกำลังใส่ถุงยาง ชโลมเจลกับลูกชาย รามมาถึงถ้ำของผม เรามองตากันและกัน มันทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในอกด้วยสายตาคมดุนั้น ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังก้มลงมาเรื่อยจนริมฝีปากแตะกันอย่างเสน่หา
"อ๊า อื้อ! เกียร์ พอแล้ว ไม่เอานิ้วแล้ว"
"หึหึ..คนเ่ก่ง" มันค่อยๆดึงนิ้วออกแล้วดูดยอดอกทั้งสองอย่างเมามัน จากนั้นก็ลากลิ้นไปเลียซอกคอผม มือรูดทักทายส่วนอ่อนไหวที่กำลังสั่นระริกของผมไปด้วย
"ฮ้ะ ยะ อย่าทำเป็นรอยนะ" จิตใต้สำนึกตักเตือนว่าพรุ่งนี้ต้องไปเจอครอบครัว ถ้าเห็นคงไม่ดีแน่ มันก็คงรู้ดี เพราะถ้าเป็นปกติคงทำเป็นรอยตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำแล้ว
เกียร์ค่อยๆกดตัวเองเข้าไปช้าๆอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกคราว แรงเต้นตุบตอดรัดทันทีที่มันเข้ามาได้เพียงส่วนปลายหัวเท่านั้น มันร้องซี๊ดแล้วกัดฟันอย่างอดทน
"อืม..ผ่อนคลายหน่อยนะที่รัก เกียร์เข้าไปไม่ได้..."
ผมหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามผ่อนคลายจากการเกร็งตัวอย่างที่มันบอก เกียร์เอื้อมมือไปช่วยรูดไอรักน้อย ยืดตัวขึ้นมาจูบให้คลายความเจ็บจนกลายเป็นเสียวแทน จากนั้นมันเริ่มดันเข้ามาตอนที่ผมกำลังเผลอไผลไปกับรสจูบที่แสนอ่อนหวาน
"เข้าไปหมดแล้ว...เห็นไหม" มันจับมือให้ไปแตะช่องด้านล่าง ผมรีบชักมือกลับแต่มันยึดไว้แน่น ให้ตายสิ แค่เห็นสีหน้ามันตอนนี้ก็จะทำให้ผมใจสั่นจนจะตายเสียให้ได้ แค่นี้ก็เขินมากพอแล้ว
เมื่อผมเริ่มชินกับสิ่งใหญ่โตที่แช่อยู่ เกียร์จึงค่อยๆขยับสะโพงตัวเองช้าๆ ช่วยปรนเปรอโดนชักนำไอรักน้อยไปในจังหวะเดียวกัน เกียร์เริ่มเพิ่มแรงขยับสะโพกให้รัวเร็วขึ้น เสียงร้องครางทั้งผมและเกียร์ดังระงมคับห้อง ต่างฝ่ายต่างร้องเรียกชื่ออีกคนไม่ขาด
"...อืม..ไอ...ฮึ่ม..."
"อ้ะ...อ๊า...อ๊า...ฮะ..เกียร์....เกียร์..."
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงดังจากประตูทำผมชะงักงัน แต่อีกคนไม่ได้สนใจ ตะบั้นซอยอย่างไม่ลืมหูลืมตา จับหน้าผมให้หันตรงมามองมันแล้วมอบจูบที่เร่าร้อนไม่ให้วอกแวกไปสิ่งอื่น
"คนดี...ให้เกียร์ฟังเสียงหน่อยนะ" มันลูบริมฝีปากให้คลายออก เพราะผมเม้มปากไว้แน่น
"ฮึก..ตะ แต่..อื้อ..ใครมาข้างนอก...ฮะ..ไม่รู้.."
"ช่างมัน.."
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..ปึง ปึง ปึง ปึง
"ไอ้เกียร์ อยู่เปล่าวะ เปิดให้กูหน่อย" ผมหลับตาปี๋ กลั้นเสียงไว้เพราะกลัวจะเสียงเล็ดลอดออกไป
"อึก..อือ..อื้ออ.."
ปึง ปึง ปึง ปึง
"เฮ้ย เปิดให้กูหน่อยดิวะ มือกูจะง่อยแล้วสัตว์!"
"อื้อ...อ๊ะ..อ๊า.. โอ้ะ..โอ้ย..อ๊า.."มันกระแทกลงมาอย่างหนักหน่วงจนก้นลอย ขาทั้งสองอ้ากว้างชี้ขึ้นเพื่อรับแรงขยับสะโพกที่ถี่หนักขึ้นพร้อมเสียงครางหวีดร้องลั่นมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
ก๊อก ก๊อก ปึง ปึง ปึง
"มะ..ชะ.. ช้าหน่อยเกียร์.. แฮ่ก อื้ออ.." มันช้าลงเพียงนิดเดียว แล้วถามเสียงพร่า
"..รักเกียร์ไหม"
"อ..อ้ะ..จะ..ฮะ..แล้ว.." มันถอดเกือบหมดแล้วใส่เข้าไปอีกครั้งอย่างเน้นๆย้ำอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง แล้วเปลี่ยนมาซอยเร็วขึ้นเพราะใกล้จะถึงจุด ผมหน้าเหยเก โอบคอมันลงมาแล้วกับลงบ่าอีกคนด้วยความเสียวซ่าน
"รักไหม..รักเกียร์ไหม" มันถามซ้ำอีกรอบเมื่อไม่ได้คำตอบ
"รัก ไอรักรักเกียร์ อ้าา..."
"เหมือนกัน" เราจูบกันอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นจูบที่อ่อนโยนและอบอุ่นในหัวใจผมเหลือเกิน ผมไม่รับรู้ว่าใครจะมาได้ยิน ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากสัมผัสที่อ่อนหวานนี้ ไม่นานเราก็ปลดปล่อยออกมาอย่างที่ใจต้องการ
"อื้อ..เอาออกไปได้แล้วครับ.." เอ่ยไล่เมื่อลูกมันยังแช่เอาไว้ในช่องหลังของผมอยู่
"ขอแปบหนึ่ง" มันซุกกับคอบอกงึมงำแล้วนิ่งเกือบนาทีได้ก็ค่อยๆถอดออก จัดการถอดถุงยางไปทิ้งถังขยะเล็กข้างโซฟา แล้วล้มตัวทับกอดผมอีกที
"เมื่อกี้ มีคนเคาะประตูนี่ครับ" ผมอ้อมแอ้มบอกมันอย่างขัดเขิน คิดเรื่องที่เกิดเมื่อตะกี้แล้วเรียกเลือดลมได้ดีจริงๆ ทั้งเร่าร้อน และตื่นเต้นกังวลว่าใครจะมาได้ยินหรือเปล่า
"ช่างมัน" แหนะ ช่างมงช่างมันอีกละ
"เผื่อเขาจะมีธุระสำคัญนะครับเกียร์ ลองโทรไปถามเพื่อนคุณก่อนดีกว่า" ถ้าจำเสียงไม่ผิด คงจะเป็นคุณพัต
"ไม่ต้องโทรให้เสียเวลาหรอก" มันพูดแล้วเดินไปหยิบเสื้อกับกางเกงมาให้ใส่กันลวกๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ยังไม่ทันเปิดกว้างก็ต้องตกใจเพราัะพัตได้นอนแอ้งแม้งพื้นห้องเสียอย่างนั้น
"แฮะๆๆๆ กูไม่ได้ตั้งใจฟังเลยนะจริงจริ๊ง กูเห็นพื้นสกปรกเลยอยากทำความสะอาดให้ แฮะๆๆๆ" พัตสะดุ้งเพราะสายตาเกียร์หรือเพราะโดนจับได้ไม่รู้ แล้วทำเป็นเอาเสื้อเช็ดถูพื้นอย่างตั้งใจ
"มีไร" พัตสะดุ้งอีกรอบ ตกใจก็ไม่แปลกหรอกครับ ก็เกียร์พูดเสียงดุดังขนาดนั้น
"ฮะ..เออ..อ๋อ..กูว่าจะมาดูว่ามึงเริ่มทำงานยังไงว่ะ ไปหาไอ้เนแม่งไม่อยู่ห้องพอดี" เนแว่นจะเก่งกว่าเพื่อนคนอื่นๆ แต่ผมสงสัยว่างานส่งภายในพรุ่งนี้ แต่มึงยังไม่เริ่มทำอีกเหรอ ของเกียร์จะเสร็จอยู่แล้ว อย่างนี้เขาเรียกว่าดองชัดๆเลยครับพัตเอ๊ยย
เกียร์หันมามองผมครู่หนึ่งแล้วเดินไปโต๊ะทำงาน เซฟไฟล์ที่ทำก่อนจะโยนแฟลชไดรฟ์ไปให้
"กูดูในห้องก็ได้มึง อยากรู้ว่ากำหนดแผนงานประมาณไหนเฉยๆ" เสียงคุยแว่วๆดังออกมา ผมลุกขึ้นนั่งนิ่ง ก็ไม่อยากจะเดินไปไหนนี่นา มันยังเจ็บอยู่เลย ดีที่มันไม่ได้เล่นท่ายากอะไร ถ้าวันไหนมันคึกแบบพิสดารผมนี่โคตรจะเมื่อยเลย
"ไปดูที่ห้อง" ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเท้า เกียร์กลับมานั่งข้างๆตามเดิมแล้วเปิดโทรทัศน์ดูการ์ตูนอะไรของมันไป
"สวัสดีครับ"
"อ้าวเฮ้ยดีมึง กูว่าจะทักมึงตั้งแต่เข้ามาแล้ว แต่เห็นหน้าไอ้นี่แล้วกูเงิบเลยว่ะ คนเหี้ยอะไรดุฉิบหาย" พัตแขวะเพื่อนตัวเอง เกียร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะการ์ตูนโปรดฉายพอดี คือมันจะให้ความสำคัญค่อนข้างมากๆเลยละไอ้การ์ตูนอะไรนี่
"อ่า แล้วพัตมาตั้งแต่..?" ผมลองแย็บถาม พลางมองปฏิกิริยาอีกคน และก็ต้องอยากจะลุกออกจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเพราะท่าทางมันเหมือนจะได้ยินอะไรมาพอสมควร
"มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะอิ๊อ๊ะอะไรของพวกมึงกันหรอกนะ กูไม่ได้ยินอะไรเลยจริงจริ๊ง แล้วกูก็พึ่งมาตอนไอ้เกียร์เปิดประตูออกมาพอดีด้วย ไม่ได้มาตั้งนานแล้วจริงจริ๊ง อารมณ์ก็ไม่ได้ขึ้นอย่างที่พวกมึงคิดด้วย จริงจริ๊ง" เสียงสูงทุกประโยคอย่างนี้กูขอเอาหัวเป็นประกันเลยว่ามึงโกหกทุกประโยคชัวร์ ผมหันไปซุกกับต้นแขนของคนข้างตัวอย่างหาที่พึ่ง ไอ้เกียร์ก็ปารีโมทใส่พัตอย่างจัง แล้วช่วยบังตัวเอาไว้ไม่ให้ผมเขินไปกว่านี้
"โอ้ยย ห่า ปามาได้ มันเจ็บนะโว้ย ก็กูไม่ได้เห็นได้ยินอะไรเลยนะมึง ไม่เห็นต้องเขินกันเลยนี่หว่า" ยังมีหน้ามาโกหกหน้าตายอีก แค่นี้ไอรักก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ยิ่งมันพูดก็ยิ่งรู้ว่ามันได้ยินชัดเจน ฮื้อๆๆ
"กลับไปไป๊"
"หึหึ เออก็ได้วะ ไม่เห็นต้องหวงต้องห่วงขนาดนั้นเลยสัตว์ อยากได้หน้าเอาใจเขาละสิห่า กูไปละเจ้าชาย ไว้เจอกัน" ผมพยักหน้ากับแขนเกียร์ให้ ได้ยินเสียงปิดประตูก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ทีหลังไม่เอาอย่างนี้แล้วนะเกียร์ ผมอาย" ผมหน้าบึ้งบอกมันที่มองมาอมยิ้มก่อนอยู่แล้ว
"แต่ทีหน้าได้ใช่ไหม" ดูมัน
"ทีหน้ามีได้ แต่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ทำ" ผมยิ้มเหนือมัน แล้วจ้องตาให้รู้ว่าทำจริง
"ล้อเล่นๆ" ทีเรื่องนี้รีบพูดเชียวนะมึง
.........................................
"ตอนเย็นจะมารับ"
"ค่ำๆครับ ถ้าประมาณสองทุ่มก็กำลังดีเลย" รู้สึกว่าผมจะแก้คำพูดมันหลายรอบของวันนี้แล้วนะครับ รั้นจะมารับตอนเย็นตลอด นี่ก็ปาไปเกือบสิบโมงแล้ว วันนี้กะจะอยู่กับครอบครัวนานๆสักหน่อย
"จะรีบทำงานให้เสร็จ หกโมงจะมารับนะ" มันได้ฟังผมพูดบ้างไหม
"เฮ้ออ แล้วแต่คุณแล้วกัน จะออกมาก็โทรมาบอกก่อนนะ" ผมบอกอย่างจนปัญญา จะดึงมือที่มันกุมเอาไว้ออก แต่ก็ไม่หลุด ผมหันไปเลิกคิ้วมองมัน
"จูบก่อน"
"หืออ ไม่ได้ครับ นี่หน้าบ้านผมนะ"
"หอมแก้มสิ" มันไม่ยอม แถมมีการเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางให้ด้วย ผมถอนหายใจ ถึงมันจะคิดว่ารถผมติดฟิล์มมืดก็เถอะ แต่มันไม่สมควรสักเท่าไร มองดูอีกคนที่แววตาคาดหวังและดื้อรั้นว่าต้องได้ ไม่ได้ไม่กลับ ผมเลยจับมือที่ติดกันอยู่ขึ้นมาบรรจงจูบเบาๆบนหลังมือใหญ่
"ไปนะครับ" ผมอาศัยช่วงตอนที่มันช็อคค้างแล้วรีบดึงมือเปิดประตูออกไป แอบดูมันจากข้างประตูบานใหญ่กว่ารถจะเคลื่อนตัวออกไปได้ก็เกือบสิบนาที ผมหัวเราะคิกคักเพราะทำให้มันอึ้งได้ ก็เล่นแสดงความรักแบบชายหญิงขนาดนั้น มันไม่เขินก็แปลกแล้ว
"ทำอะไรน่ะคะตัวเล็ก" คุณหญิงแม่เอ่ยจากข้างหลัง เล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัว
"โอ้ยย ตกใจหมดเลยมาม๊า โอะฮาโย โกไซอิมัสครับ"
"สายเอาป่านนี้ น่าจะคนนิจิวะได้แล้วนะคะ ว่าแต่นั่นรถลูกไม่ใช่หรือคะ ใครขับออกไปละ"
"อ๋อ เกียร์มาส่งน่ะครับ"
"เกียร์เหรอคะ"
"ครับ อ้าวแล้วพี่กับแด๊ดไปไหนละครับ" ปกติวันหยุดพ่อผมมักจะออกมาเดินข้างนอกบ้านกับแม่น่ะครับ ไม่เห็นก็เลยแปลกใจ
"แด๊ดลูกอยู่ข้างบนจ๊ะ ส่วนพี่ๆเขาไปทำงานเป็นปกติ แต่เดี๋ยวเย็นๆก็กลับมาแล้ว เห็นบ่นๆว่าคิดถึงลูกนะคะ" แม่ยิ้มหวาน ผมกับแม่กอดกันเดินเข้าไปในบ้าน
"ขึ้นไปพักผ่อนให้สบายเนื้อสบายตัวก่อนเถอะจ๊ะตัวเล็ก ถ้าจัดโต๊ะเสร็จจะให้แม่บ้านขึ้นไปเรียกนะคะ" แม่ดันหลังให้ขึ้นไป
"อ้าว" ผมอุทานแปลกใจ ปกติจะให้คนขึ้นไปตามพ่อมาคุยเล่นจนกว่าจะจัดโต๊ะอาหารเสร็จ แต่ก็น้อยครั้ง เพราะอย่างที่บอกว่าตอนวันหยุดท่านจะชอบออกมาเดินเล่นบ้าง อยู่ข้างล่างบ้าง ดูโทรทัศน์ในห้องโถงกับแม่บ้าง ยิ่งเวลาผมกลับบ้านก็ไม่ขึ้นไปข้างบนหรอก แต่พอไม่เจอก็ผิดวิสัย ผมเลยงงๆ
แต่ก็ต้องเลิกคิดอะไรแปลกๆไปเพราะหันไปเห็นอะไรดุ๊กดิ๊กๆแอบอยู่ข้างเสาใหญ่ในบ้านที่อยู่ใกล้ๆกระจกบานใหญ่เต็มพื้นที่ของผนังที่เปิดรับอากาศจากด้านข้าง ผมค่อยๆย่องอย่างช้าๆ เห็นเป้าหมายระยะประชิดก็ส่งเสียงดัง
"แฮ่!!!!"
"โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง" สุนัขสองตัวสะดุ้งโหยง พอหันมาเห็นผมเท่านั้นละ รีบกระโจนเข้าเกาะแกะคลอเคลียยิ่งกว่าเด็กนั่งดริ๊ง
"ฮ่าๆๆ ใจเย็นครับๆ สวัสดีครับไอแดด ไอหมอก มานั่งทำอะไรตรงนี้ละ" จะหาว่าผมบ้าก็ได้ แต่สุนัขบ้านผมพูดด้วยแล้วพวกมันจะเข้าใจ ผมว่าสุนัขส่วนใหญ่ที่ถูกฝึกมาหรืออยู่กับเรามานานก็เป็นทุกตัวนะครับ
"โฮ่ง โฮ่ง" ทั้งสองตัวอะเลิทกระโดดโย่งเย่ง เห่ามาทางผมแล้วหันไปเห่าด้านนอกที่กั้นด้วยกระจก ผมเพ่งไปมองก็เห็นสัตว์เล็กตัวหนึ่งสีขาวดำ ลวดลายคล้ายวัว แต่ก็ไม่ใช่
"เฮ้ย" ผมอุทานออกมาด้วยประเด็นหลากหลายที่อยู่ในสมอง
หนึ่ง..ลูกแมวตัวหนึ่งที่ไม่น่าจะถึงหนึ่งเดือน ร่างกายผอมกะหร่อง ขนเป็นกระดำกระด่างเนื้อตัวเปื้อนดิน
สอง..ไอแดด ไอหมอกจะกระโจนไปฆ่ามันหรือเปล่า เพราะปกติสัตว์หน้าไหนจะเข้ามาในพื้นที่มันไม่ได้เลย แต่ก็แปลกเพราะดูท่าแล้วคงจะไม่ทำ
สาม..มันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคนที่กำลังตัดหญ้าด้วยเครื่องสะพายใบมีดคมกริบ
และสี่..ผมรู้สึกถูกชะตามาก ถึงจะไม่ใช่แมวพันธุ์ราคาแพงอะไร แต่มันก็คือหนึ่งชีวิตที่ควรดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้กัน
ผมได้สติก็รีบเดินออกไปจากบ้าน แล้วเรียกคนตัดหญ้าเอาไว้
“คะ ครับคุณหนู” คนสวนชะงักแล้วตอบอย่างประหม่า
“หยุดตัดหญ้าแปบหนึ่งนะครับ” เขารีบปิดเครื่องแล้วหันมามองผมที่เดินผ่านเขาไปอย่างงงๆ
แมวสะดุ้งถอยหลังหลายก้าวเมื่อเห็นผมนั่งยองมองตัวเองด้วยระยะประชิด แววตาหวาดกลัวพร้อมที่จะหนีตัวเปรียวไปได้ทุกเมื่อ
“เรามาดี มาทำอะไรตรงนี้ละ..” ผมชะงักไปเมื่อมาสังเกตใกล้ๆ ดวงตาดำขลับนั้นลืมตาอยู่บนโลกมาไม่กี่วัน ยังต้องดิ้นรนสู้ชีวิตมาตัวเดียวจนมีบาดแผลเต็มตัวขนาดนี้ มันสมควรเจอในวัยนี้แล้วเหรอ ผมนิ่งไปก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“มาอยู่ด้วยกันไหม” ผมยื่นมือวางบนดิน ลองวัดดวงว่าเขาจะยอมรับไปอยู่กับผมไหม น่าแปลกที่ผมรู้ว่าแมวเลี้ยงให้มันเชื่องน่ะยาก เรียกให้มาก็ไม่มาหรอก แล้วยิ่งลูกแมวที่พึ่งเกิด แถมยังไม่เคยคลุกคลีกับคนด้วยแล้วยิ่งคุยกันลำบาก แต่ผมเห็นสายตาที่สะท้อนความลังเลจากดวงตาคู่นั้น เลยคิดจะลองดูกับมันสักตั้ง
“เราจะดูแลให้ดีที่สุด ถ้าเชื่อใจกัน” ผมขยับมือเข้าไปใกล้มากขึ้น แต่เจ้าตัวกลับถอยเพื่อเว้นระยะห่าง
ผมนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักใหญ่ ถ้าเขาไม่หนีไปก็แสดงว่าเรายังมีหวัง ไม่มีอะไรมาหลอกล่อ แค่ยื่นมือไปให้เขาได้ตัดสินใจจากความเต็มใจจริงๆ
จนในที่สุดผมก็ยิ้มออกเมื่อแมวตัวนั้นค่อยๆขยับเท้าหน้ามาวางไว้บนฝ่ามือผม แล้วร้องเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่าเอ็นดู ผมลูบขนกระด้างและเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินนั้นอย่างไม่รังเกียจ
“ให้ดิฉันไปซื้อนมให้มันดีไหมคะ” ผมชะงักเมื่อเสียงด้านหลังดังขึ้น หันไปก็เห็นแม่บ้านสี่-ห้าคนยืนอยู่มองมายิ้มๆ ผมเลยยิ้มแล้วตอบไป
“ดีเลยครับ แต่ซื้อนมแพะนะ แล้วก็อาหารน้ำ อ้อถาดอาหารด้วยนะครับ” ผมศึกษามาแล้วละว่าแมวทานนมวัวไม่ได้ โชคดีจริงๆที่อยากเลี้ยงพอดี ถึงเวลาที่ต้องหาวันว่างๆไปเดินหาซื้อของแมวแล้วละ
ลองจับตัวขึ้นมาดูด้านหลังก็รู้ว่าเป็นเพศเมีย ผมยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่
“ค่ะ ได้ค่ะ” ผมลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเข้าบ้านไปพร้อมเพื่อนใหม่อีกตัว มีอีกสองตัวที่เดินตามมาให้กำลังใจติดๆ
“ไม่ต้องเหนื่อยแล้วนะ ไอซิส”
+++++++++++++++++++++++++++
+อยากจะมาต่ออีกเยอะๆยาวๆ แต่เวลาและพันธะหลายอย่างมัดตัวเราเอาไว้ จึงต่อได้เท่านี้ค่ะ T_T
+ไม่อยากคุยถึงเรื่องตอนหน้าเลย เดี๋ยวจะเหมือนสปอย ฮ่าๆๆ
+เปิดเทอมแล้ว สู้โว้ยยยย
+เกรดออกมา ติดD+ตัวหนึ่ง เกียรตินิยมหายไป แต่ไม่ได้เครียดเรื่องเกรดอะไรนะคะ ยังไงก็เป็นผลของการกระทำ ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เพราะไม่ได้เข้าสอบคะแนนเลยหายไปช่องใหญ่1ช่อง แต่จะมาเครียดก็ตอนโดนพ่อแม่ดุนี่แหละ ทำท่านเสียใจไปซะแล้วเฮ้ออ เรื่องนี้หนักกว่าเรื่องไหนเลย เพราะเราให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆนะ ทำท่านผิดหวังก็คิดว่าเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้จริงๆ
+ขอโทษที่มาต่อช้านะคะ แต่ไม่เคยคิดจะทิ้งกันจ้า
+โซ่รักคนอ่านทุกคนน้าา