Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17  (อ่าน 284776 ครั้ง)

ออฟไลน์ ekonut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
อ่านรวดเดียวจบ ไอรักน่ารักมากๆๆ เกียร์ก็หึงโหดดีนะ 555

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่23

“อูววว อูววว เกิดอะไรขึ้นกับเอวผู้ชายสมัยนี้วะ”

“เชี่ยเนม นี่มันยุคอะไร สมัยนี้ชายและหญิงเอวเท่าเทียมกันแล้วโว้ย”คิมพูด

“อะไรวะ กูเคยได้ยินแต่ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน”

“ความหมายต่าง คำพูดคล้าย เพราะฉะนั้นผ่านเนอะไอ้รัก”ผ่านห่าอะไรละ อย่ามายุ่งกับกูนะครับถ้าที่พูดกันมันไม่ใช่เอวผมจะไม่หือไม่อือเลยสักคำ แต่นั่นมันหน้ากูชัดๆแล้วยังจะมานินทาในระยะเผาขนรักแร้กันอีกนะมึง ฮึ่ม

ทุกคนคงจำรูปที่ผมไปถ่ายแบบให้นิตยสารหนึ่งได้ใช่ไหมครับ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ผมตั้งใจจะลืมไปแล้ว แต่วันนี้มันหวนมาให้ผมเสี่ยงเจ็บตัวโดยการวางแผงกระจายไปทั่วประเทศไทยแล้วครับ เมื่อวานตอนค่ำผมได้รับโทรศัพท์จากพี่จิมว่าวันนี้คงได้ชมเชยกัน ที่วางแผงล่าช้าขนาดนี้เพราะนิตยสารแบรนด์นี้เป็นรายเดือนและมีชื่อเสียงมากพอสมควร จึงไม่แปลกที่ผลงานหลายชิ้นต่อคิวยาวรอเป็นตับ นี่ขนาดลัดคิวแล้วนะครับ แต่ความจริงไม่ต้องลัดก็ได้ ให้ได้หายใจสะดวกคอหน่อยเถอะ

เย็นวันศุกร์ที่แสนสุขสำหรับนิสิตนักศึกษาอย่างพวกผมในวันนี้ก็มานั่งคุยจ้อใต้ตึกคณะคิมเสียดายที่วันนี้ไทป์กับพิชไม่ได้มานั่งคุยด้วย เพราะมันยังติดเรียนอยู่ เรียนห่าอะไรไม่รู้เยอะแยะมากมายไม่เลิกเสียที ผมก็เลยแอบยุให้มันซิ่วไปเลยเอกชนเสียเลยฮี่ฮี่

“เลิกดูกันได้ละ เดี๋ยวพ่อกูมา หัวกูจะหลุดออกจากบ่า” เรื่องนี้ยังไม่ได้บอกคุณน้ำแข็งเลยครับ บอกตรงๆคือไอรักกลัวจนหำหดครับ ส่วนพี่ชายทั้งสองคนก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร ไอรักอาจตายสองรอบโดยไม่ต้องพึ่งเชือกมีดปืนใดๆ

“ถ้ามันกล้า กูยอมให้ไอ้เนมโดนตุ๋ยเลยอะ”แล้วกูจะคอยดูนะครับ

“ตูดกูห้อยอยู่ดีๆแล้วเชียว ห่า” เนมถลึงตาใส่ใส่คลื่น ไอ้นั่นก็หัวเราะครืน

“มึงไม่รู้อะไร มันหยิกแก้มกูเป็นรอยทุกวัน” มันชอบมาบีบแก้ม เล่นแก้มผมเช้ากลางวันเย็นก่อนอาหารหลังของหวานเกือบทุกช่วงเวลาแบบไม่กลัวหยุดติดมือ ไม่เจ็บนะครับ แต่แค้น กูแค้นอะ หมั่นเขี้ยวอะไรกูนักหนาหนาหนา อยากจะตั๊นหน้าเรียบเฉยนั่นจริงๆ แต่ทำไม่ได้ ไอ้ผมก็เป็นแค่ไอรักตัวกระจ้อยร่อยกระจิดริด(เหรอ)จะมีปัญญาไปสู้มันได้หรือ น่าคับแค้นใจนัก ฮื้อๆๆ

“ถุย นั่นแถวบ้านกูเรียกว่าหยอกล้อ แต่ไม่แน่ ครั้งนี้หัวมึงอาจโดนเดาะ เพราะรูปแม่งน่า.....อื้มม อ่า อ๊าง ฮ่าๆๆ”คิมทำเสียงหื่นตาเยิ้ม ผมเหม็นขื่นใส่ทันทีอยากบอกมันว่าตอนนี้หน้ามึงทุเรศจังครับ

“แล้วจะไปดูหนังด้วยกันไหมคืนนี้ รอบสองทุ่ม จบแล้วไปต่อร้าน...”บอสบอกชื่อร้านมาเสร็จสรรพ ถ้ามีปากกาแถวนี้คงเขียนแผนที่ลายแทงให้ด้วยเลยเอ้า

“รูปประโยคชวนล่อลวงกูจังนะครับแหม่ จองให้ด้วยแล้วกันสองที่ แต่กูดูเสร็จแล้วคงกลับเลยนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ผมพูดมันพยักหน้าแล้วหันไปสั่ง..ไอ้คลื่น.. จะได้เรื่องไหมวะนั่น

“ทำไมวะ” คิมหันมาถาม

“ไปบ้านเกียร์”

“ว๊ายยยย ไอรักไปบ้านปู้จาย ไอรักใจแตกแล้ว ใจแตกเหมือนน้ำไหล ยิ่งชักดาบตัดน้ำ น้ำยิ่งไหลลลล” มันมาทั้งบทเจ็ดเซียนกระบี่พิชิตมาร เหอ เหอ

“เรื่องกู หึหึ แล้วไอ้ไทป์ ไอ้พิชละ?” ผมถาม

“เดี๋ยวมันตามมาเห็นว่าเลิกเย็นแต่คงมาทันอยู่” คิมเงยหน้าขึ้นตอบแทน

“เสียงโทรศัพท์มึงอะ”เนมพยักพเยิดให้ผม อุตะ หูดีเหมือนพันธุ์อะไรหนอ

“เออว่ะ..... สวัสดีครับ เลิกแล้วเหรอ”หันไปถลึงตาใส่ไอ้เนมที่ทำปากล้อเลียนขมุบขมิบ ท่าทางสะดิ้งเหมือนไฟแช็ครนรูก้น เห็นแล้วป่วงฉิบ

‘อืม ไปหานะ’เสียงทุ้มตอบเพลียๆ

“เรียนหนักเหรอครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

‘เป็นห่วงเหรอ’ ไม่ตอบแถมถามกลับ แหม เสียงสดชื่นขึ้นมาทันตาเชียวนะคุณ

“ได้ข่าวไม่ได้พูดสักคำเลยนะครับ” ผมพูดแก้เก้อ ก็มันเล่นทำเสียงรู้ทันแบบนั้นต้องกลบเกลื่อนไปก่อน

‘หึ นั่งรอแถวนั้นแล้วกัน’

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเอง” ไม่ได้อยากไปคณะมันนะ แต่พอดีทางผ่านไปคณะมันมีมินิมาร์ทเล็กๆในมอ กะจะไปซื้อนมช็อกมาดื่มเสียหน่อย แฮ่

‘แต่เกียร์อยากไปรับอะ’ โอ้ยยยย เสียงใหญ่ๆกระซิบงุ้งงิ้งแบบนี้น่ารักจัง

“ผมกะจะแวะซื้อของด้วยน่ะครับ รออยู่ที่คณะนั่นละ” ผมไม่ได้สั่งเลยนะครับ ขอร้องมันนิดๆ แต่เพิ่มเสียงเด็ดขาดขึ้นไปอีกหน่อย

‘........................เฮ้อ รีบๆมาแล้วกัน’ มีการหยุดวรรคพักหายใจหลายเฮือก เฮือกสุดท้ายดังหน่อย คงพ่นสิ่งแปลกปลอมออกมาด้วยนี่ขนาดผมไม่ได้อยู่ให้ละแวกเดียวกันยังรู้เลยนะครับ ไอรักเก่งเกินคน

วางสายก็หันไปบอกลาพวกมัน ไอ้บอสพยักหน้าให้คนเดียว คนอื่นที่แย่งกันจองที่นั่งในโรงหนังกันอยู่เลยไม่ได้บอกลาตอบหรอกครับ หนำซ้ำมีการทำมือไล่ชิ่วๆให้ไปไกลๆอีก หึ ใช่ซี๊ กูมันไม่สำคัญแล้วนี่ ไม่สนพวกมึงก็ได้ อะโด่ๆ ว่าแล้วก็สะบัดตรุ๊ส(ตูด)เดินลัดเลาะไปมินิมาร์ท โห คนหรือแย้แย่งกันลงรูวะน่ะ แต่ผมก็ต่อแถวครู่เดียว เพราะแถวผมพนักงานคิดเงินไวมากๆเลยครับ ถึงคิวผมก็ยิ้มหวานให้ ผมเลยยิ้มตอบไป คนไทยนี่มนุษยสัมพันธ์ดีจริงๆ ซื้อของเสร็จออกมาก็เหลือบไปเห็นคนชื่อดิน ที่เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นกัปตันทีมฟุตบอลแทนเกียร์น่ะครับ ผมก็เดินเข้าไปทักทาย ถึงจะไม่สนิทกันมากมายแต่ก็ถือว่ารู้จักกันละเนอะ

“อ้าวเจ้าชาย ไปไงมาไงนี่” ในมือถือของพะรุงพะรัง กำลังจะแขวนไว้กับแฮนด์มอเตอร์ไซค์แต่ก็ต้องชะงักแล้วหันมาตามเสียงเรียกของผม

“เดินมาครับ” ผมยิ้มตอบ อีกคนหรี่ตามอง

“สัด ซื่อหรือกวนตีนกูวะดูไม่ออก เออแล้วจะไปไหนวะ”

“ตึกวิศวะน่ะครับ แต่แวะมาซื้อของก่อนนิดหน่อย” มันพยักหน้า

“เออนั้นขึ้นมาดิ กูจะเตะบอลแถวนั้นพอดี เดี๋ยวกูไปส่งมึงเองครับไอ้เจ้าชาย” จะมีคงมีครับทำไมวะ ถ้ามึงเกริ่นความถ่อยมาเต็มสตรีมขนาดนี้ ดูจากการพูด คนนี้น่าจะมีนิสัยห่ามๆนะครับ มีน้อยคนที่กล้าพูดหยาบกับผมตั้งแต่ยังไม่ค่อยสนิท แต่ดูๆไปก็น่าจะเป็นคนที่นิสัยจริงใจน่าคบคนหนึ่งเลยละ

“หือ ไม่เป็นไรครับ ลำบากดินเปล่าๆ” ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่มันก็คะยั้นคะยอจนผมต้องจำใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ผมถือของให้นะ” ผมถามไปตามมารยาท เพราะของในมือผมก็มี

“เออเอาดิ” เสือกไม่เกรงใจกูเลยสักกะติ๊ด

“จับดีๆนะโว้ย เครื่องมันแรง” มันบอกต่อ ผมรับคำแต่ไม่กระดิก จับแค่ชายเสื้อมันไว้หลวมๆ เดี๋ยวมีคนหาว่าผมใจแตกอีก แต่แม่งเจือกกระชากตัวออกแบบแทบจะขี่ล้อเดียว ผมรีบเกาะเอวมันแน่น กลัวมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” มันบ้าไปแล้วครับฮือ กูคิดผิดสุดอะไรสุดที่เอาชีวิตมาเสี่ยงกับมึง

ไม่ถึงสามนาทีก็เห็นประตูทางเข้าตึกเรียนวิศวะ ไม่สิ เห็นคนผมดำผิวแทนยืนสลอนรออยู่ข้างหน้าก่อนอย่างแรก เดินหน้านิ่งวนไปวนมา ชะเง้อคอมองตามทางเดินแอ๊บทำท่าจะล้วงกระเป๋ากางเกงให้ดูว่ากำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอสบตากับผมเท่านั้นละ เดินลิ่วๆดิ่งมาเลยครับ

“ทำไมมากับมัน” มันถามเสียงไร้อารมณ์เหมือนตามฉบับเดิม แต่ฮึดฮัดในลำคอเบาๆให้ผมได้ยินคนเดียวนี่มัน...เอ่อ

“อ้าวๆไอ้เจี้ย กูมีชื่อนะแสดดด แม่งทำเหมือนผัวจับผิดเมียไม่มีผิด” มันพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร คุณน้ำแข็งมองดินเขม็ง ก่อนที่มันจะอ้าปากพูดอะไรออกไป ผมรีบตัดบทเรื่องเสียวๆอย่างด่วน

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับดิน ขับขี่ปลอดภัยนะครับ”

“ฮ่าๆๆๆ มึงสุภาพไปไหมวะเจ้าชาย เออไว้วันหลังเลี้ยงข้าวกูสักมื้อให้อิ่มแล้วกัน กูไปก่อนละ”  ดินเอออออยู่คนเดียวแล้วขับออกไปแล้ว ความซวยก็ตกที่ผม..

“สรุปยังไง” ป๊าดด ถามแบบสั้นๆแต่ได้ทั้งสตอรี่เสียงแม่งโคตรแข็งเกินหินหน้าผาเหมือนไอรักทำผิด ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอะไรเลย

“หือ เจอกันกลางทางน่ะครับ ผมแวะไปซื้ออันนี้มา พอดีเขาจะมาเตะบอลแถวๆนี้เลยอาสามาส่ง ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมชูถุงที่ซื้อมาให้มันดู ดินเป็นคนดีมากๆเลยนะครับ เสียดายอย่างเดียว ไม่หล่อล่ำแฮนซั่มเท่าคนข้างๆผม หึหึ คนนี้หนึ่งในใจผมเลย

“อืม” อืมแต่คิ้วมึงยังไขว้กันไม่ห่าง

“นั่นเพื่อนคุณนะ” ผมพูดเตือน เพราะเวลาไอ้หมาน้ำแข็งกัด มันไม่มองหน้าใครหรอกและไอรักอาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไปก็เป็นได้

“หึ” มันทำเสียงขึ้นจมูก ขอให้คันจมูกแล้วจามมาทั้งเส้นเลือดฝอย

“ห้ามเป็นสก๊อยให้ใครอีกเข้าใจไหม”

“นั้นหนูขออุทัยทิพย์สองขวดละกันนะคะป๋าแว๊น” บีบเสียงให้เสียงที่สุดแล้วขยิบตาให้ มันอมยิ้มทำหน้าประหลาด จะหัวเราะก็ไม่หัวเราะ จะตีนิ่งก็ไม่นิ่ง มึงแอ๊บอยู่อะดิ๊ หึหึ

“มานี่” มันกวักมือให้มาหา ได้ข่าวกูกับมึงห่างแค่คืบเดียว ไอ้ผมก็บ้าจี้เดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ห่างกันไม่ถึงจมูกโดราเอมอน

“คิดถึง” มันพูดเสียงกระซิบเสียงหวาน แล้วยกมือบี้แก้มกูเข้าไปดิเอออออออ ผมเบี่ยงหน้าออกเพราะตรงนี้โจ่งแจ้งเกินไป

“ไอ้เกียร์ ตกลงมึงจะเอายังไงวะกูจะโกรธนะ..อะอ้าวไอรักสวัสดีค่ะ” เสียงสาดังวิ่งออกมาจากตึกคณะพร้อมเพื่อนคนในกลุ่ม พอเห็นผมก็ยิ้มให้ สาม้วนบิดใบกระดาษที่ถือเป็นเกรียว เอ่อนั่นคุณไม่ได้เอาไปส่งอาจารย์เหรอ หรือเอาไปแหย่รูปูวะ ยับคล้ายๆหน้าคุณน้ำแข็งตอนนี้เลย

“สวัสดีครับ ทำอะไรกันอยู่เหรอ ดูน่าสนุกจัง” ผมนั่งม้าหินอ่อนยิ้มถามทุกคน คนอื่นนั่งตามแล้วยิ้มตอบ ส่วนโฟ่ยักคิ้วให้แล้วเสตามองโน่นมองนี่ก่อนจะชวนเนแว่นไปซื้อของ มันก็หันมาถามผมนะครับว่าจะฝากซื้ออะไรไหม ผมส่ายหน้ายิ้มขอบคุณ ยกถุงที่หิ้วมาให้มันดู โฟ่กับเนก็พยักหน้าเข้าใจ

“สนุกกับขี้อะดิ ไอ้เชี่ยเกียร์แม่งลีลาไม่ยอมลงชื่อไปค่ายตอนปิดเทอมกับพวกกู คนอื่นเขาไปกันหมด เหลือมันคนเดียว” พัตพูดฟ้องพลางตีมือสาที่เล่นใบรายชื่อ ก่อนกระชากเอากระดาษมาถือเอง

“อ้าว” หันไปอ้าวใส่เกียร์ แต่มันหันมาตอบว่า

“อบ”อบพ่องงงงงงงงงง

“ร้อนเหรอ” ไหนๆก็ไหนๆละ ต่อให้มันหน่อย

“ร้อนใจ ไอรักฮอตเกิน” มันก้มกระซิบแกล้งทำเสียงพร่าให้ผมหลับตาปี๋ ได้ยินเสียงมันหัวเราะหึหึหึหึหึข้างกกหูกูแบบไม่เกรงใจน้ำหนวกด้านซ้าย ตอนนี้ไอรักคงหน้าแดงร้อนไปถึงหูแน่ๆ

“มึงหยุดอบอ้าวก่อน สรุปจะเอายังไง” สาถามสีหน้าจริงจัง

“คำเดิม” เสียงเหมือนพูดไม่ได้ใส่ใจนัก แต่มันคงหมายความอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันก็หันมายุ่งกับหัวคนอื่น(หัวกูนี่ละ) มัดจุกน้ำพุให้ผม เดี๋ยวนะ แล้วมึงเอาหนังยางกุ๊กกิ๊กแบบนี้มาจากไหนอีกวะ?! ครั้งก่อนแค่กิ๊ฟ แต่ครั้งนี้มันเล่นพกหนังยางรัดผมสีฟ้ามาเลยจ้า

“ถ้ามึงไม่ไป ก็ไม่ครบแก๊งสิวะ” มัดพูด เกียร์เริ่มดึงหน้าใส่ แล้วทำไมพวกมึงไม่ไล่เกียร์ออกจากแก๊งละวะ จะได้ครบๆกันไป

“ไปค่ายไหนกันเหรอครับ”ผมโพล่งขึ้น บรรยากาศเริ่มตึงเครียดต้องรีบกอบกู้

“สร้างโรงเรียน สร้างฝัน เพื่ออนาคตของชาติ ที่มหาลัยจัดอะ ได้แสตมป์หมวดสามด้วย แต่ไอ้เกียร์แม่งบอกว่าไม่อยากออกต่างจังหวัด” พัตตอบ ดูท่าจะหงุดหงิดกับความใจแข็งของคุณน้ำแข็งพอสมควร

“อ้อที่จะไปปิดเทอมนี้ใช่ไหมครับ ค่ายนั้นผมก็ไปนะ”เกียร์หันควับ ทำผมและคนอื่นสะดุ้งตกใจ

“ทำไมเกียร์ไม่รู้”อ้าว นี่มึงเยอะขึ้นหรือเปล่าวะ ดีวันดีคืนอาจจะเห็นมันมานั่งนับขนหน้าแข้งผมก็เป็นได้นะ

“อั้ยยะ เกียร์อย่างนู้นไอรักอย่างนี้ หึหึๆๆๆๆ” พัตแอบได้ยิน เลยหันไปแซวเบาๆกับมัด เกียร์ไม่ได้ยินหรอก แต่ผมนั่งข้างพัตอีกด้านไง เลยได้ยินเต็มสองรูเยิฟ(เลิฟยู)

“ก็เกียร์ไม่ได้ถามนี่นา แล้วผมก็ลืมๆไปด้วยน่ะครับ” ยิ้มหวานประจบเอาใจมันไปหน่อย กลัวมันงอนต้องง้อตามอีกยาว

“นั้นไปแค่ไหนแค่นั้นแล้วกัน ขาดไอ้เกียร์คนเดียวคงไม่เป็นอะไร ไปส่งรายชื่อได้ละมึง” มัดทำเสียงขรึมจริงจัง โบกไม้โบกมือไล่พัตให้ไปส่ง แต่ผมเห็นพวกมันแอบยิ้มให้กันเมื่อเห็นเกียร์เริ่มคิดหนัก

“กูไปด้วย”

“เฮ้ยถ้ามึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องฝืนใจหรอก กูเข้าใจๆ เดี๋ยวให้ดินไปแทนก็ได้ ครบพอดี” สาแสร้งทำหน้าเข้าใจ พยักหน้าหงึกๆ ผมเริ่มหมั่นไส้เพื่อนมันละ แกล้งเกียร์อยู่ได้ เดี๋ยวเถอะ

“เดี๋ยวผมให้คิมเขียนชื่อเกียร์ส่งไปให้ก็ได้ครับ”

“อืม” เกียร์พยักหน้า

“เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องๆ กูล้อเล่น เดี๋ยวกูเขียนเอง” เออดี ต้องให้เล่นแผนซ้อนแผน หึหึ

“หิวไหม” เกียร์หันมาถาม ไม่หิวก็ไม่ใช่ไอรักละ รอมันเลิกเรียนเกือบชั่วโมงได้

“วันนี้อยากกินข้าวครับ” ฉีกยิ้มให้หล่อๆ คนเลี้ยงจะได้คล้อยตาม

“กูมีลูกชิน กินเปล่า” เนแว่นกลับมาพร้อมของกินตรึมเลยครับ

“มึงรู้จักคำว่าข้าวไหม” เกียร์ว่าอย่างนั้น แล้วเลิกคิ้วใส่ กวนตีนแบบสุด

“เออกูผิดเองสัด ฮือ เพื่อนไม่รักกูแล้ว ฮือ”


.........................................................


[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
[ต่อจากด้านบน]




“กินอะไร”

“ผมขอเป็นแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย กับกุ้งผัดกระเทียมครับ แล้วเกียร์ละ”

“กุ้งผัดพริกนมสด ข้าวเปล่าสอง เปล่าหนึ่ง แข็งสอง” รวบยอดรวดเร็วครับคนนี้ โปรเฟสชันนอลในการสั่งคน

“เรียนเป็นยังไงบ้าง” มันถามอย่างนี้ทุกวัน เป็นปกติครับ

“ก็ดีครับ สนุกดี อ้อแล้วชุดกาวน์ที่ส่งซักจะได้รับวันนี้หรือเปล่าอะครับ พรุ่งนี้มันต้องใช้น่ะ”

“ได้แล้ว ค่อยไปรับเย็นนี้” ร้านไม่ได้ใกล้หรอกครับ ข้างล่างคอนโดนี่ละ

“แล้วเกียร์ละ เรียนเป็นยังไงบ้างครับ” ผมก็ถามมันกลับแบบนี้ตลอด

“น่าเบื่อ” มันก็ตอบแบบนี้ทุกที

“แล้วเข้าใจไหมละครับ”

“นิดเดียว” คุยกันไปสักพักอาหารก็มาเสริฟ ผมลงมือทานกันไปด้วย คุยกันไปด้วยมารยาทดี๊ดี

“นั้นลองไปหาครูสอนพิเศษเพิ่มไหม”มันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องฟิสิกส์ครับ ผมก็เคยสอนมันบ้างบางครั้ง แต่ทุกครั้งที่จบบทต้องไปจบบนเตียงทุกที จนผมต้องปณิธานกับตัวเองว่าจะเลิกสอนมันแบบถาวร

“หึ” มันส่ายหน้า

“ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนยกมือถามอาจารย์เลยนะครับ ตอนสอบจะได้ไม่ลำบากมาก”แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่ยกมือถามหรอก มันเป็นนิสัยของผมน่ะ ไม่เข้าใจก็ปล่อยมันไปก่อน แต่ดอกจันทร์ตัวใหญ่ๆ พับหัวมุมเกือบครึ่งหน้านั้น แล้วมาหาคำตอบเอาเอง เวลาอาจารย์สอนจะได้ไม่ขาดตอน แล้วก็ไม่รบกวนเพื่อนๆในเซคด้วย แต่ก็ส่วนน้อยที่จะไม่เข้าใจขนาดนั้นนะครับ เพราะอาจารย์ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการสอนกันมาพอสมควรมีเทคนิคการสอนแบบที่นิสิตเข้าใจและจดจำได้ง่ายเยอะอยู่เหมือนกัน อีกอย่างถ้าผมไม่เข้าใจตรงไหน ส่วนใหญ่ก็จะมีคนไม่เข้าใจแล้วยกมือถามให้แทนน่ะ

“ขี้เกียจยกมือพูด เมื่อย” มีงี้ด้วย?!

“ผมว่าเกียร์ก็ยังไม่แก่นะครับ ทำเป็นไร้เรี่ยวแรงไปได้”ทีตอนกลางคืนแม่งคึกเอา คึกเอาไม่รู้เอาแรงม้ามาใส่เครื่องตัวเองหรืออะไร

“ก็ออมแรงไว้ทำกับไอรัก” เหอะๆ..ดูมัน   

“ยังอยากทานข้าวได้อยู่ไหมครับ ปากน่ะ” กับมันเดี๋ยวนี้ผมแรงขึ้นนะ บอกเลยไม่พูดเท็จ

“เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเนอะ หึหึ” เอาไปถูกับเสาไฟฟ้าละสิ

“ทานเถอะครับ” ตักกับข้าวใส่จานให้รู้ว่าควรเงียบได้แล้ว มาเกี้ยวพาราสีเวลาอาหารแบบนี้ โต๊ะข้างๆได้ยินอาจจะพุ่งออกปากเอาได้

“ทำไมไม่กลืน” โถ ขนาดจะเคี้ยวข้าว มันยังสั่งได้เลยนะครับ อู้หู ดูมันยิ่งใหญ่เอามากๆ

“เดี๋ยวสิ ต้องอมให้ได้รสชาติก่อน”

“เก็บเอาไว้ในกระพุ้งแก้มแบบนี้ หมอทำฟันจะทำโทษ”หือออออ ผมคนครับ ไม่ใช่แฮมทาโร่

“ไม่เอาฟันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“เปลี่ยนวิธีกินสิ”

“มันติดไปแล้วอะครับ” พยายามเคี้ยวแล้วนะครับ แต่มันเร็วได้แค่นี้ ต้องเก็บเอาไว้ให้รสชาติซึมซับลงลิ้นก่อนแล้วค่อยกลืน พวกไอ้เนมจะเป็นคนนั่งรอตลอด

“ถ้าฟันผุ จะโดนจับขึง” ไอรักไม่กลัว กลัวไม่โดน อิอิ

“ก็มันเร็วได้แค่นี้นี่”เริ่มหน้ามุ่ยใส่มัน ปากยังอมข้าวไว้อยู่

“แล้วเคี้ยวตุ้ยๆไปทำไม  กลืนสิ”มันทำหน้าดุแกมสั่ง ทำให้ต้องจำใจขยับกรามบดข้าวแล้วทำตามที่มันบอก

“อึก”

“ก็แค่นั้น” ดูมันปลื้มจิตปลื้มใจแบบโอเวอร์แอ็คติ้งมาก

หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมก็มาเลือกของเล็กๆน้อยๆไปฝากพ่อแม่เกียร์ในวันพรุ่งนี้ มันก็บอกว่าไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายหรอก แต่ผมรู้สึกว่าถ้าไม่มีของติดไม้ติดมือไปให้ท่านแล้วมันจะเป็นการเสียมารยาทไปเสียหน่อยเลยมาซื้อกันก่อนน่ะครับ สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นยกขึ้นมาดูก็ระบายยิ้มออกมาเต็มหน้า

“สวัสดีครับพี่ไออุ่นอุ๊นอุ่น” กรอกเสียงใสไปให้ เกียร์หันมามองแล้วจูงมือให้เดินขนานกัน

‘หึ’

“หือ เป็นอะไรเหรอครับ” ผมจะหยิบกระเช้ารังนกขึ้นมาดู แต่เกียร์ยั้งมือไว้ แล้วชี้ไปอีกยี่ห้อที่กำลังลดราคาอยู่ผมพยักหน้าให้ มันจับมือให้ผมเลือก พอได้แล้วก็เดินไปโซนอื่น

‘เรากับมาม๊าไปทำอะไรเอาไว้ละ’ อะเจ้ย เห็นรูปปกนิตยสารแล้วแน่ๆ เสียงแข็งมาเชียว

“แหะๆ ไอรักไม่ได้อยากทำเลยนะ ตัวเองก็รู้นี่ครับ”ต้องพูดจาอ่อนหวานครับ เพราะตอนนี้มีหลายกระทงอยู่ในตัว

‘แต่พี่ไม่ชอบตัวเล็กก็รู้’พี่แกย้อนครับ

“แล้วจะให้ไอรักทำยังไงตัวเองถึงจะหายโกรธละครับ” ผมทำเสียงจ๋อย หวังให้คนในสายใจอ่อนสงสารกันบ้าง

‘.....เฮ้อ พี่ไม่ได้โกรธเราหรอก ไหนๆก็โดนบังคับไปแล้วนี่ แต่ห้ามมีครั้งที่สองเด็ดขาด’ พี่อุ่นพูดเสียงอ่อนลง

“คร๊าบบบ ไม่ทำแล้วครับ หายงอนเค้านะ”ครั้งเดียวไอรักก็ระแวงหน้าระแวงหลังจะตายอยู่แล้ว ทั้งพี่ ทั้ง.....

“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะตัวเล็ก พี่จะรีบไปจัดการเรื่องนี้’

“หืม ทำยังไงเหรอครับ”

‘เม็ดเงิน’ โห ทั่วประเทศ ต้องขายกิจการทางบ้านมาซื้อเอาไว้พอดี คนนี้ก็เวอร์อีกคน อาการหนักไม่แพ้คุณหมาน้ำแข็งเลยละ เหลือบไปเห็นเกียร์กำลังเดินไปโซนหนังสือ ตัวชะงักก่อนหยิบ............รูปผมขึ้นมา!!!!!!!!!!!!!!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ไอรักงานเข้าไม่หยุดไม่หย่อนกับเรื่องเดียวกัน

“เอ่อ เต็มที่เลยครับ ตามสบายพี่อุ่นแล้วกันเนอะ เหอะๆแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ เหมือนพายุแถวนี้จะเข้า ครับๆ สวัสดีครับ” ก่อนวางพี่ไออุ่นบอกให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้าง คิดถึง ผมก็ตอบรับไปแล้วรีบวางสาย หันไปยิ้มประจบให้คนหน้าทะมึนมืด สาวเข้าไปลูบแขนมันเบาๆ

“ไปดูผลไม้กันดีกว่าไหมครับ”ยัง ยังไม่กระดิก พลิกหน้าไปมา ดูรูปในเล่มสลับไปมาเหมือนตั้งใจอ่านข้อสอบ ก่อนเดินไปหาพนักงาน ผมรีบเดินตามไป เกิดเสียวสันหลังขึ้นมา ต้องวิ่งไปเกาะหลังคนข้างหน้า เดี๋ยวตาย

“เอาฉบับนี้ ทั้งสต๊อก”อุตะเสียงเรียบแฝงความน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น พนักงานมองหนังสือในมืออย่างงงปนอึ้ง แล้วหันมามองมัน ก่อนมาหยุดที่หน้าผม ทำหน้าตกใจสุดขีด เผลอทำหนังสือหล่น รีบเก็บขึ้นมา แต่ตายังอยู่ที่หน้าผม ก่อนสลับไปมองหนังสืออีกรอบ ถ้าเขาจะแสดงออกว่าตกใจขนาดนี้แล้วละก็นะ

“เฮ้ยเกียร์ ไม่ต้องหรอกครับ มันไม่ได้โป๊สักหน่อย”

“โป๊!” อูย จ๊ะๆ

“เดี๋ยวพี่อุ่นคงจัดการเองละครับ ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ไม่อยากให้ใครเห็นตอนนี้” มันไม่ยอม

“เอาหน่า ใจร่มๆเนอะ ยังไงพี่อุ่นก็ไม่ปล่อยเหลือไว้บนเชลฟ์หรอก เราไปดูอย่างอื่นดีกว่าครับ” รีบหยิบหนังสือในมือมันไปวางที่เดิม แล้วจูงมันออกจากโซนนั้น

“เดี๋ยวสิ”

“ครับ” ตอบแล้วหันไปมองมัน

“อยากเก็บไว้เล่มหนึ่ง”

“ไม่ต้องห่วงครับ ป่านนี้พี่จิมคงส่งไปให้ที่คอนโดกับบ้านผมตรึมแล้วละ” มันทำหน้าเหมือนถูกขัดใจก่อนพยักหน้าจำยอม แล้วเดินไปจ่ายเงินกัน แต่มันก็ยังดูหงุดหงิดอยู่ไม่หาย แถมบ่นพึมพำตลอดทางว่ามันโป๊ มันเห็นง่ามขา กูเงิบไปสิครับ ปราดเดียวที่มึงมองนี่สังเกตไปถึงช่องแคบบาบิโลนได้เชียวหรือ แต่ก็ง้อมันละครับ ซื้อบล็อคเซทการ์ตูนเรื่องปาร์แมนให้ก็ยิ้มแก้มแทบปริแล้ว

พอดีมันมีเวลาเหลือเยอะกว่าจะสองทุ่ม ผมเลยเดินไปดูรองเท้าใหม่สักหน่อย จะได้ใส่ไปพรุ่งนี้เลย เรื่องเสื้อผ้าไม่มีปัญหาครับ ส่วนใหญ่เวลาไปไหนมาไหนผมใส่เสื้อสีเรียบๆ เข็มขัด เสื้อไว้ในกางเกงเรียบร้อยอยู่แล้ว เรียกว่าเนี้ยบเลยละ ใส่ไปหาผู้ใหญ่ก็คงไม่น่าเกลียดอะไร

“คู่นี้สวยไหมครับ เอ่อหรือคู่นี้ดี” หยิบแบบรองเท้าหนังที่ถูกใจขึ้นมาเลือกสี มีสีน้ำตาลเข้ม กับสีดำ

“สีดำเข้ากับทุกสี แต่สีน้ำตาลเหมาะกับไอรัก”

“อ้าว แล้วเอายังไงดีละ”

“ในห้องเห็นมีแต่สีดำ” ถ้าสายตาจะมองสีน้ำตาลขนาดนั้นแล้วจะพูดอ้อมโลกทำไมวะ

“นั้นเอาคู่น้ำตาลแล้วกันเนอะ” มันพยักหน้า ผมเลยยิ้มตาหยีไปให้

“หึหึ น่ารักว่ะแม่ง” มันยกเสื้อสูทที่แขวนใกล้ๆขึ้นมาบังแล้วจุ๊บปากผมหลายที อ้ายเชรี่ยยยยยย สาธารณะนะเฮ้ยยยย สองรอบแล้วนะ เกรงใจคนรอบข้างบ้างเหอะ ยิ่งพอลดแขนลงแล้วเห็นพนักงานที่อยู่ใกล้ๆส่งสายตาแซวๆมาให้ ผมนี่แทบอยากจะติดไฮสปรีดกลับบ้านอะ เขาคงคิดว่ากูเป็นตุ๊ดแล้วแน่ๆ

เข็มสั้นชี้เลขเจ็ดพอดี เดินซื้อของเสร็จก็จะเอาไปใส่ในรถ แต่คนต่างลืมว่าเอารถมอเตอร์ไซค์มานี่หว่า ก็รีบกลับคอนโดกันฉิบหายเลยสิครับ ต้องรีบแบกไปไว้ในคอนโด แล้วขึ้นบีทีเอสไปห้างแทน เพราะเกียร์บอกว่าเร็วกว่า นายอชิระที่ไม่ค่อยได้ขึ้นก็หวิดโดนประตูหนีบไข่ไปที อับอายมากครับ คนที่เห็นขำส่ายหน้ากันใหญ่ ตอนแรกมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่สักพักเขิน จนผมต้องยิ้มขำให้กับความเปิ่นของตัวเอง แต่ผมก็ต้องเขินอีกรอบเป็นล้านเท่าก็ตอนคุณน้ำแข็งมันแสดงความรักความเป็นห่วงกลางทางเข้าโดยการจับโน่นจับนี่แล้วถาม

“เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” กรูจะเป็นบ้าตายก็ตอนที่มึงมายืนจับไข่กูนี่ละ ฮึ่ยยยยยยๆๆ

ในรถไฟฟ้าช่วงนี้คนเยอะมากครับ ไม่รู้ว่าพนักงานพึ่งทำโอทีเสร็จ หรือมีประท้วงถึงได้มากมายขนาดนี้ เกียร์ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีมากครับ จับมือผมแน่น ยังไม่พอยังดึงให้ไปยืนข้างหน้าแล้วโอบตัวเอาไว้ เหมือนกอดเป็นกลายๆ ถ้าจะถามว่าเขินไหมที่มันแสดงออกแบบไม่เกรงใจขนาดนี้ ตอบเลยว่าเขินมากครับ แต่ให้เลือกระหว่างโดนมันเมินเฉย กับห่วงกันโจ่งแจ้งแบบนี้ ผมเลือกอย่างหลังนะ

กว่าจะถึงสยาม เล่นเอาพวกผมเกือบตายได้ อีกคนปิกาจูโด่เด่ เสียดสีเข้ากับบริเวณก้นกบ ส่วนอีกคนก็เกิดอารมณ์ร่วมตามเพราะโดนปลุกเร้า(โดยไม่ได้ตั้งใจ) ยกข้อมือมาดู เลยไปสิบห้านาที พร้อมโทรศัพท์สั่นไม่หยุดแบบนี้ เป็นอันรู้กันว่าตอนนี้ ไอรักและคุณเกียร์กำลังไปสายครับ ผมรีบลากเกียร์เดินดุ่มๆเข้าห้าง
เดินเข้าชั้นโรงหนังก็ไม่ต้องหาอะไรมากครับ กลุ่มผมมีเสน่ห์อยู่ในตัวนะ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ ก็แถวนั้นมีกลุ่มผู้ชายตัวใหญ่บ้าเกรียนใส่แว่นตาสามมิติกลุ่มเดียวนี่หว่า ไม่ต้องมองไปไหนไกลหรอก

“เฮ้ย ซื้อป๊อบคอร์นหรือยังวะ เรียบร้อยแล้วใช่ปะ ไปๆ เข้าโรงกัน” เนียนเดินไปตบไหล่เหมือนไม่ได้ทำผิด แต่พวกมันปรายหางตามอง

“อย่ามาเนียน สายยี่สิบนาทีนะสัส” อิอิ มึงก็พูดไปไอ้พิช

“สิบแปดนาทีเหอะ ชะอุ้ย เออๆกูผิดเองอะ รีบเข้าโรงเหอะ” กว่าจะเคลื่อนทัพได้ก็ต้องง้อพวกมันตั้งนานสองนาน แต่ผมก็ไม่ผิดนะครับ เพราะเข้ามาก็ยังเห็นโฆษณาอยู่เลย ถือว่ากะเวลาได้เกือบดีละมั้ง หึหึ

พอดูเสร็จพวกมันก็ไปต่อกัน มีผม เกียร์ ไทป์ ที่ขอกลับก่อน ไอ้ไทป์มันมีควิสพรุ่งนี้ครับ

“อันเดอร์แววววร์ แอ่”ตั้งแต่ออกโรง จนตอนนี้มานั่งทาครีมก็ยังติดปาก

“เสร็จยัง”มันคงเริ่มชินกับการทาครีมอันเชื่องช้าของผมแล้วละ ไม่ค่อยเร่งเร้าเหมือนแต่ก่อน

“อีกสองตัวครับ แปบหนึ่งนะ”

“อืม” เหมือนรู้เรื่องครับ แต่ลุกจากเตียงแล้วเดินมาทาๆ แปะๆให้ แล้วดึงมานอนด้วยกัน โห มึงมีสิทธิ์แบบสุด

“รีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” จะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาตอบลงตอบไลน์กับเขาบ้างก็ไม่ได้ มีมือดีคว้าแขนแล้วดึงไปโอบเอวแข็งเสียก่อน

“แปบเดียวนะครับ”

“ห้า” ถ้าไม่ติดว่ามึงแปรงฟันมาก่อนหน้านี้ กูคงสลบไปแล้วนะครับ ว่าแล้วก็เอื้อมไปหยิบมาดูแล้วรีบตอบให้มันเสร็จๆไป ส่วนใหญ่ก็รัวสติกเกอร์ไป ไม่ได้พิมพ์หรอกครับ เพราะเดี๋ยวยาวเกินห้านาที ไอ้น้ำแข็งจะดุเอา

ไม่ถึงห้านาทีก็วางมันลงที่เดิม แล้วหันมากอดคนข้างที่อ้าแขนรออยู่

“ตื่นเต้นอะ”

“อะไร” มันก้มลงแล้วเลิกคิ้วใส่

“พรุ่งนี้จะไปเจอพ่อตาแม่ยายแล้วอะ สรุปต้องสู่ขอเลยไหม” ผมแหย่

“หึหึ สินสอดแพงนะ ไหวเหรอ” มันอมยิ้มตอบ

“ไหวสิครับ เอาไปเลยทั้งตัวและหัวจายยย”ผมลากเสียงยาวๆ ยิ้มทะเล้นให้ มันหัวเราะใหญ่ แล้วพูดต่อ แถมบีบก้นผมเป็นจังหวะคำ

“ได้ มา นาน แล้ว ไม่ ต้อง การ อะ ไร อีก แค่ นี้ ก็ พอ” ตูดกูไม่ใช่ขวดซอสมะเขือเทศนะโว้ย บีบแล้วทำหน้าหื่นใส่อีก

“หวังฟันผมอย่างเดียวเหรอนี่” ผมตีหน้าเศร้า

“หึหึ อย่าแกล้งไม่รู้” มันพลิกตัวชะโงกมาไซร้คอนัวเนีย หายใจฟึดฟัดแรงๆ เครื่องไอรักยิ่งสตาร์ทติดได้ง่ายอยู่นะ ยิ่งตอหนวดสากๆมาโดนนี่ไม่ต้องบรรยายเลยครับ ฟิน

“เดี๋ยวเถอะ ไหนใครบอกให้นอนไวๆ หยุดเลยๆ”

“อืม… ฟืดด..” เสียงมันสูดหายใจแถวต้นคอนานเกือบสองนาที แล้วถอยหายใจล้มตัวนอนเหมือนเดิม

“ลืมอะไรหรือเปล่า” มันพูดลอยๆ หน้ายังแดงๆดำๆอยู่เลย หื่นว่ะ

“ฝันดีนะครับ” จูบแลกลิ้นกับมัน แล้วหอมแก้มตอกสองข้าง หน้าผากอีกฟอดใหญ่ ก่อนที่มันจะทำกลับเหมือนกัน








TBC------------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


+ขอโทษที่หายไปนานนะคะ งานเยอะแบบสุดอะไรสุดดดด ปีสามแล้วอะ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบมีเพิ่มมากขึ้น ต้องตามเรื่องที่ฝึกงานด้วย น้ำตาแทบนองแอบสองแก้มเลยทีเดียว กร๊าก
+เรื้องยืดเยื้อไปหรือเปล่าคะ คือความจริงคิดเอาไว้ว่าจะแต่งแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลัวคนอื่นจะเบื่อเอา ยังไงก็บอกกันได้นะคะ รับฟังทุกความคิดเห็น ชอบอ่านคอมเม้นต์ค่ะ ทำให้มีกำลังใจดี
+ส่วนเรื่อง 'แก่แล้วไง เล็กไม่เกี่ยง' มาต่อแน่ๆค่ะ แต่ขอเวลาจัดสรรชีวิตตัวเองก่อนนะคะ T0T


โซ่รักคนอ่านทุกคน :กอด1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
เขินมาก เขินมาก เขินมาก!!!!
เจ้าชายแม่มน่ารัก!จะเอากลับบ้าน!!
ฟหกดฟหกดดกฟกหฟหกด่าสว

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
กรีสสสสสสสส  มาช้า ไม่ว่า  ของหวานๆ  ทุกตอนก็พอ

MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงไอรักกกกก ตอนนี้น่ารักมากๆ  :m25:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
นัวเนียกันเกนไปแล้ว น่าอิจฉาจริงๆ  คุณเกียร์เป็นน้ำแข็งกับคนอื่นแต่กับไอรักนี่แบบเค้าอ่อนโยนที่สุดอ่ะ น่าร๊ากก
แล้วก็แบบโคตรหลงแฟนเลย หวานในที่สาธารณะตลอด ไอรักก็ฮาได้ตลอดเวลาเหมือนกัน ออกแนวจะรั่วเนอะ
น่ารักดี เหมาะกันที่สุด ลุ้น ๆ จะไปเจอพ่อกับแม่เกียร์แล้ว

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 :-[มารอตอนไอรักไปบ้านพ่อตาแม่ยาย55555

Ella Killer

  • บุคคลทั่วไป
หลงไอรัก ไอรักน่ารัก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเกียร์หลงนักหลงหนา  :hao6: :impress2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากเห็นที่ไอรักถ่ายแบบบ้างจัง  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
พ่อเขยจะโหดไหมนะ เพราะลูกนี่หน้าตายได้อีกอะ55555

ไอรักน่ารักมากกก แอบแรงเหมือนกันนะเนี่ย แต่น่ารักงะ อิอิ

sirigoon

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
สนุกมากกก
น่ารักมากก
เขินมากกก
ฟินมากกก
 :-[ :-[

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่24

ตั้งแต่เล็กจนโตผมอยู่ในเมืองที่มีแต่ความศิวิไลซ์มาโดยตลอด และก็เชื่อว่าในกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่หาต้นไม้สีเขียวค่อนข้างยาก นอกจากจะไปสวนรถไฟหรือสวนสาธารณะเล็กๆตามชุมชนต่างๆ ซึ่งประเด็นนี้ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก

แต่ตอนนี้ความคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มาเยือนบ้านคุณน้ำแข็ง แมร่งมีต้นไม้กว่า70:30ของเนื้อที่บ้าน ตอนเปิดประตูรั้วเข้าไปไอรักนึกว่าอยู่ในอุทยานแถวเขาใหญ่

“ถึงแล้วเหรอครับ” กูนี่ก็แปลก เห็นอยู่ว่ามันดับเครื่องยนต์แล้วยังถามให้เขาขึ้นหัวอีก

“อืม” มันถอดหมวกกันน็อคของตัวเอง แล้วหันมาถอดให้ผม ฉิบหาย ยังไม่คิดสคริปท์เลยนี่หว่า ต้องเจอพ่อแม่เกียร์จริงๆเหรอวะ

“อยู่นิ่งๆสิ” อ้าว

“นิ่งแล้ว” ผมกลั้นหายใจไม่ให้อกกระเพื่อม รีบบอกมันแล้วฮึ้บต่อ มันหัวเราะหึหึแล้วดึงหมวกออกให้ เล่นเอาผมแทบตายแหนะ ก็ยังงงอยู่ว่ากูจะไปกลั้นหายใจทำไมวะ

“เย้ยยย” รู้สึกว่าแถวขาเปียกๆแฉะๆเลยหันไปมอง ชัดเลย ไอ้หมาเวรสีดำ แนวคอสีน้ำตาลออกเข้มๆ ชัดเลยมึง กูยังจะให้อภัยได้ถ้ามันวิ่งมาฉี่ใส่ขาแค่ตัวเดียว แต่นี่อัลเซเชียนลิ้นห้อยๆตาวิ๊งๆนับสิบชีวิตวิ่งเข้ามาร่วมแจมฉี่ใส่ขากูนี่มันคืออะไร?!

“เฮ้ย!” เกียร์เฮ้ยเสียงดังครั้งเดียว หน้าหงิมครางหงิงๆกันทั้งบาง

“มานี่มา มันคงไม่ได้ตั้งใจ” โห ครับ ไม่ได้ตั้งใจ หลายดวงเชียว เหอะๆ ตรูแต่งตัวมาเต็มยศเพื่ออะไรหนอ

มันรีบจูงมือผมมาแถวก๊อกน้ำ ลากสายยางมาแล้วเอามืออังน้ำ สักพักจึงก้มลงล้างให้ ผมยื้อขาไว้ เพราะมันไม่ดี ขาตัวเองจะให้คนอื่นล้างให้ได้อย่างไรละ แต่ก็ต้องหยุดเพราะมันตีน่องผมเสียงดังเพี้ยะ เชี่ย SM

“เอ่อ ว่าแต่มันมาฉี่ใส่ผมทำไมเหรอครับ” ปัญหาคาใจในตอนนี้แบบสุด ข้างหลังเกียร์เป็นเหล่ากองทัพอัลเซเชียน มีทั้งตัวใหญ่สุดโคตรๆ จนถึงตัวเล็กเท่าหม้อหุงข้าวนั่ง...เอ่อ..ฉีกยิ้มลิ้นห้อยกันอยู่

“แสดงความเป็นเจ้าของมั้ง” โหหหหหห เล่นซะกูเปียกแทบครึ่งขา ถ้าเป็นเจ้าของแล้วคงไม่ฉี่รดหัวเลยหรือ

เกียร์บอกให้เข้าบ้านกันก่อน จะไปเอากางเกงมาให้เปลี่ยน แต่ผมขอเดินดูรอบๆบ้านก่อนดีกว่า มันพยักหน้าแล้วเข้าไปในตัวบ้าน

รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ขนาดรั้วบ้านปูนเปือยสูงยังมีต้นตีนตุ๊กแกเกาะอยู่ด้วยเลย อย่าถามว่าทำไมผมถึงรู้ชื่อมันนะครับ แต่ละต้นที่ปลูกจะปักไม้สีขาวสลักเป็นชื่อต้นไม้เอาไว้ข้างๆ แล้วก็มีศาลาเอาไว้นั่งเล่นด้วย ข้างๆเป็นบ่อปลา น้ำใสเชียว  บ้านนี้เขาร่มรื่นจนแทบไม่มีแสงแดดแรงๆเข้าถึงเลยครับ ลมโกรกตลอด เนื้อที่เกือบไร่แต่ต้นไม้มีมากกว่าตัวบ้านจริงๆ ส่วนตัวบ้านน่าจะเป็นไม้สักกระมัง ดูไทยๆแต่ก็ผสมผสานความทันสมัยนิดๆ สวยไปอีกแบบดีนะครับ

“ไอรัก เข้ามาเปลี่ยนชุดก่อน” คุณน้ำแข็งชะโงกหัวจากหน้าต่างออกมาเรียก

“ครับ” เข้าไปเปลี่ยนชุดเสร็จก็ยืนนิ่งหน้าห้องน้ำ บ้านเงียบจัง ไม่มีใครอยู่เลยหรือ ว่าแต่เกียร์หายไปไหนวะ จะเดินหาก็เกรงใจ สักพักก็เห็นเกียร์ยกลังนมช็อคโกแลตที่เอามาจากคอนโดเข้ามา ผมก็เดินตามเจ้าของบ้านต้อยๆ เห็นมันยกลังนี้มาแต่เช้าแล้วครับ แต่ไม่ได้ถามว่าเอามาทำอะไร เดี๋ยวมันหาว่ายุ่ง

"หายไปไหนกันหมดเหรอครับ" นั่น ไม่ถามเรื่องนม แต่เสือกเรื่องคนในบ้านเขาอีก

“แม่ออกไปจ่ายตลาด ส่วนพ่อไปดูอู่ แต่กำลังไปรับแม่กลับด้วยกัน กินขนมก่อนไหม” พ่อมันเป็นเจ้าของอู่รถน่ะครับ ส่วนแม่อยู่บ้านเป็นศรีภรรยาที่ดีทำกับข้าวแล้วก็อยู่ดูแลบ้านรอสามีและลูกชายกลับบ้าน เกียร์เล่าให้ฟังว่าท่านชอบปลูกต้นไม้ ปลูกไปปลูกมาก็อย่างที่เห็น

“หือ มีอะไรทานเหรอ” ไม่ได้หิวหรอกครับ แต่ขาเดินเข้าไปชิดเกียร์ตอนไหนไม่รู้

“หึหึ” มันจูงมือไปนั่งรอแถวโต๊ะอาหาร ส่วนตัวเองตรงไปค้นของในตู้เย็น มองไปรอบๆในห้องจะเป็นอีกสไตล์กับข้างนอกเลยครับ ใช้อิฐแดงมอญตกแต่งคล้ายสไตล์ฝรั่ง

“อร่อยอะ ซื้อมาจากที่ไหนเหรอครับ” คุกกี้กลมๆรสช็อคโกแลตที่ตอนแรกมีเต็มโหล แต่ตอนนี้เหลือครึ่งเพราะผมนี่ละ

“น้าทำเองละจ้ะ”เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ผมรีบหันขวับ คุกกี้แทบหลุดจากปาก เจอแม่ของเกียร์แบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ใจไอรักแทบลงไปถึงตาตุ่มเลยครับ

“อะ เอ่อ สะ สวัสดีครับ” ได้สติก็ยกมือไว้อย่างเก้ๆกังๆ เกียร์ก็ยกมือไหว้เช่นกัน

“ไหว้พระเถอะลูก” หือ ไหนครับพระ ป่านนี้ไม่ได้จำวัดแล้วหรือ เขาเรียกว่าจำวัด หรือทำวัด หรือไปหลับในวัดวะ ไอรักลืม

“ตายแล้ว หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยลูก หล่อมากด้วย ไม่ต้องหมุนคอหรอกจ้ะหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว มันเป็นคำถ่อมตัวของผู้ใหญ่โบราณน่ะจ้ะ” ห๊า หน้าเหรอหราแบบนี้เหรอครับน่ารัก คุณน้าประกายตายิบยับเหมือนเห็นของถูกใจแกมส่งสายตาเอ็นดู ส่วนคนข้างผมยิ้มขำแก้มแทบปริ เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย นี่ไม่ใช่ถิ่นกู หนีไปไหนดีวะครับ!

“นี่แม่เกียร์ แม่ นี่ไอรัก” จ้า มึงไม่บอกตอนกลับบ้านเลยละ

“จ้ะ ป่ะ ไปหาพ่อทางโน้นกันดีกว่า หนูไอรักเอาโหลคุกกี้ไปทานด้วยก็ได้นะจ๊ะ” พูดเสร็จท่านก็หันไปสั่งแม่บ้านเตรียมกับข้าว ผมแทบสะดุ้งตอนที่แม่ของเกียร์ชี้ไปทางสวนนี่ละ กูต้องเจอพ่อเกียร์วันนี้เลยหรือ โฮฮ แต่เกียร์คงรู้ว่ากำลังกังวลอยู่ จึงบีบมือเชิงให้กำลังใจก่อนละแล้วแตะก้นผมให้เดินไป(ทำไมต้องก้นวะ แหง่ง)

"คุณคะ วันนี้เพื่อนตาเกียร์มากินข้าวด้วยนะ" ผมที่ก้มหน้างุดๆก็รีบเงยหน้าทันที และก็ต้องตกใจอย่างแรง พ่อกับลูกหน้าเหมือนกันเปี๊ยบ! แถมยังสูงเกือบๆเท่าเกียร์เลย นี่ขนาดอายุมากแล้วนะครับ แล้วครอบครัวนี้ผิวสีแทนๆกันหมด ไม่เหมือนบ้านผมที่ขาวจั๊วะอย่างกับหยวกกล้วย

"สวัสดีครับ" ผมกับเกียร์พูดพร้อมกัน พ่อพิจารณามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนกระตุกยิ้มนิดเดียว.. น่ากลัว.. เหมือนเกียร์ตอนแรกๆไม่มีผิด

"ใช้ได้ไหมคะ" พ่อเกียร์นิ่งไปก่อนพยักหน้า

"เห็นไหมละ ฉันว่าแล้ว..." แล้วท่านก็กระซิบกระซาบกันสองคน ดูท่าแม่เกียร์จะเริงร่ามีความสุขมากครับ ส่วนอีกท่าน ผมดูไม่ออก เพราะท่านหน้านิ่งเอามากๆ ผมกับเกียร์มองหน้ากัน มึงนิ่งเหมือนกันเลย

"เดี๋ยวน้าไปดูในครัวก่อนนะลูก คุยกันไปก่อนนะจ๊ะ" ท่านส่งสายตายิบยับมาให้แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน สงสัยจะมีคุณแม่อยู่คนเดียวที่โลกสดใสอยู่ตลอดเวลา นอกนั้นอึมครึมครับไม่ต้องสืบ!

"ชื่อแซ่อะไรล่ะ ต้องให้ผู้ใหญ่ถามก่อนใช่ไหม" เหี้ยยยย เสียงดุฉิบหาย ไอรักตูดแทบสั่น

"เอ่อ ขอโทษครับ ผมชื่อ อชิระ อัศววัฒนไพศาล ชื่อเล่นไอรัก เรียกไอ หรือ รัก เฉยๆก็ได้ อยู่ปี2 คณะแพทยศาสตร์ มหาลัยเดียวกับเกียร์ครับ ส่วนพ่..." อยากจะถามว่าเอาเรซูเม่เลยไหมครับ แต่ก็กลัวเขาว่ากวนส้นเท้า เลยบอกไปให้หมดเลยดีกว่า เดี๋ยวโดนดุอีก

"พอๆ ฉันอยากรู้แค่ชื่อ จะได้เรียกกันถูก อัศววัฒนไพศาลงั้นหรือ.." ท่านทำท่าครุ่นคิด

"เจ้าของโรงพยาบาล กับอสังฯ" โหเกียร์ มึงพูดกับพ่อห้วนไปไหม

"อ๋อ แล้วจะยืนกันอีกนานไหมละ ไม่เมื่อยหรือไง" อ้าว ถ้านั่งก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีมารยาทไงครับ นี่ผมก็รอคุณพ่อชวนผมนั่งตั้งนานแล้วเหมือนกัน

"ขอบคุณครับ" มือไม้อ่อนไว้ก่อน

"อืม"

"......"

"......"

"......" เอ่อ เงียบจังพ่อลูกคู่นี้ นั่งจ้องหน้ากันเป็นมัน นี่คือกิจกรรมยามว่างของทั้งสองคนหรือนี่กระไร เอ๊ะๆ หรือเขาคุยกันทางสายตาวะ

"บ้านคุณน้าสวยดีนะครับ โดยเฉพาะสวนหน้าบ้าน เอ่อ.........แหะๆ" ผมที่เป็นคนนอกก็อึดอัดทนไม่ไหวต้องหาเรื่องพูดออกมา แต่เหมือนจะคิดผิด ทั้งพ่อทั้งลูกหันขวับมามองต้นเสียงอย่างผม นี่กูไปกวนเวลาเขาเล่นจ้องตากันหรือเปล่าวะ

"แน่นอนสิ ว่างๆน้าก็ช่วยน้าผู้หญิงเขาปลูกเองกับมือ" อั้ยยะ เหมือนเขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้น เปลี่ยนสรรพนามจากฉันเป็นน้า แสดงว่าคงชื่นชอบการปลูกต้นไม้มาก ไอรัก มึงมาถูกทางแล้ว

"แล้วไม้บอกชื่อต้นไม้นี่ทำเองด้วยเหรอครับ น่ารักจัง" อันนี้น่ารักจริงๆครับ ผมไม่ได้ยอให้ท่านชอบผมนะ

"น้าผู้หญิงเขาคิดน่ะ ส่วนคนทำโน่นตาเกียร์" ท่านพยักเพยิดไปทางเกียร์ หืม..จริงอะ คาวาอี้จังวะแฟนกู

พูดคุยกันไปสักพักก็เริ่มผ่อนคลายกับท่านมากขึ้น ผมว่าท่านก็คงจะคิดแบบนั้นเช่นกัน เริ่มคุยสนิทสนมกับผม เริ่มยิ้มตลอด จะมีหัวเราะบ้างเวลาผมเล่าเรื่องตลกที่เคยเจอให้ฟัง เห็นแบบนั้นคนข้างผมก็ถึงกับยิ้มออกแล้วหันมามองผมตาเยิ้มแบบไม่เกรงใจพ่อตัวเอง จนผมต้องเอื้อมมือไปสะกิดหลังมันเบาๆ ผมว่าท่าทางเกียร์ถอดแบบมาจากคุณพ่อมาเกือบหมด ถ้าไม่นับตอนอ้อนๆขี้งอนนะครับ คงไม่ค่อยชอบแสดงอารมณ์ออกมาสักเท่าไร แต่พอพูดคุยแล้วรู้สึกว่าท่านจะใจดีเอามากๆ ถึงจะติดหน้าดุจนผมแอบเกรงไปสักหน่อยน่ะนะ

คุยกันเพลินไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร รู้สึกตัวก็ตอนคุณแม่ของเกียร์เดินมาเรียกไปทานอาหาร แต่ท่านทำหน้าแปลกใจก็ตอนที่ผมกับท่านกำลังหัวเราะกันอยู่ ส่วนเกียร์ยิ้มเฉยๆเป็นฉากประกอบ

"โห" อาหารเต็มโต๊ะจนผมเผลออุทานออกมา โต๊ะสี่เหลี่ยมธรรมดานี่ละครับ ไม่ได้ใหญ่ไม่ได้เล็ก แต่บนโต๊ะมีเกือบสิบจาน ทานกันสี่คนนะครับ ไม่ได้มาทั้งเคหาสน์

"ตกใจอะไรละจ๊ะ น้าควรจะตกใจมากกว่านะ ตาเกียร์ไม่เคยพาเพื่อนเข้าบ้านเลย ลูกเป็นคนแรกเลยนะคะ" ผมเขินคำว่าลูกของคุณแม่ของเกียร์แบบสุดๆ แต่ถ้าท่านรู้ว่าผมคบกับลูกท่านอยู่นี่จะเรียกว่าลูกอยู่ไหมนี่

"อ้าว ทำไมละครับ" ผมหันไปพูดกับเกียร์ มันเลิกคิ้วใส่แล้วส่ายหน้า กูจะรู้เรื่องไหมครับ

"น้ายังไม่รู้เลยว่าลูกเคยมีเพื่อนชื่ออะไรบ้าง" โถ ไอรักละสงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเกียร์เหลือเกิน ไอ้นี่ก็นั่งเงียบตามประสาเกียร์ๆตอนอยู่กับคนอื่น มึงเก็บกดจากที่บ้านใช่ไหมมม

“อาหารอร่อยมากเลยครับ อย่างนี้ไปเปิดร้านได้เลยนะครับคุณน้า” อร่อยจริงๆครับ สงสัยเกียร์คงได้ฝีมือมาจากแม่เขา บางจานที่สีจัดๆดูเผ็ดผมก็เลือกกินเนื้อเอา เกียร์เห็นก็เอาไปคลุกกับข้าวในจานตัวเองให้น้ำแกงหายไปก่อนจะส่งกลับมาให้ผมทาน เล่นเอาผมไม่กล้าเงยหน้าไปมองพ่อกับแม่เกียร์เลย มึงโจ่งแจ้งไปไหม! แล้วจะตักกับข้าวมาให้จานกูทำไมเยอะเล่า! ตายๆ T_T

"นั้นกินเยอะๆนะลูก ผอมแห้งแบบนี้ลมมาแรงๆจะปลิวเอาเสีย" เอ่อ ผมว่าผมหุ่นปกตินะครับ จะมีคนในบ้านท่านนั่นละครับที่ใหญ่ผิดกว่าบ้านอื่น

“แล้วหนูไอรักเรียนชั้นอะไรละลูก คณะเดียวกับตาเกียร์หรือ” หนูไอรัก…หนูพันธุ์ยักษ์

“ปีเดียวกัน แต่คณะแพทยศาสตร์ครับ”

“ว๊าย หมอไอรัก อย่างนี้ก็มารักษาน้าได้บ่อยๆน่ะสิ” ท่านตาโต แม่เกียร์น่ารักมากๆครับ ดูขี้เล่นแล้วก็สดใส เป็นสีสันให้บ้านน่าอยู่ทันที

“คุณน้าเป็นอะไรเหรอครับ”

“น้าใกล้จะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วน่ะค่ะ คนที่บ้านไม่ยอมคุยกับน้าเลย” ท่านพูดไปจิกตาใส่สองพ่อลูกไป ผมหัวเราะก๊าก ก็จริงอย่างที่ท่านว่า สามีก็เงียบ ลูกก็เงียบแถมไม่ค่อยกลับมาหาอีก

“ผมน่ะได้อยู่แล้วครับ แต่ไม่รู้อีกคนจะให้มาหรือเปล่า” ผมเหล่มองคนข้างๆ มันก็หันมามองแล้วเลิกคิ้วใส่

“โอ้ย ไปรอรายนั้นคงไม่ได้มาหรอกค่ะ สงสัยจะเห็นบ้านเป็นคุก ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมสักที ถ้าหนูไอรักอยากมาก็มาเองได้เลยนะ น้าต้อนรับเสมอ”

“อยากมาก็บอก จะมาพา” มันก้มกระซิบบอก เอ๊ะไอ้เชี่ยนี่ยังไง บอกอย่ามาใกล้ เดี๋ยวเขารู้หมด

“ว่าแต่หนูไอรักไปรู้จักตาเกียร์ได้ไงละลูก อยู่คนละคณะไม่ใช่หรือ”

“อ๋อ….” ตอบอย่างไรดีวะ ขับรถเฉี่ยวเกียร์ หรือรุกเข้าไปจีบลูกชายเขา อันไหนมันดีกว่า อ้ำๆอึ้งๆ ส่งสายตาให้คนข้างๆตอบ คำถามนี้ขอโยนครับ

"ก็นี่แฟนผม" เหยดเปียดดดดดดดดดด เขาถามทำไมรู้จัก ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรกันโว้ยยยยยยย

“พะ พะ พะ พะ เพื่อนครับเพื่อน” ตอบได้ส่อพิรุธฉิบหายมากครับไอ้เชี่ยรัก ท่านทั้งสองหยุดกินกะทันหันแล้วหันมามองผมกับเกียร์

 “……….”

“หมายความว่าไงคะทั้งคู่” ท่านหน้านิ่งถามด้วยเสียงเรียบ ผมก้มหน้าชิดอก ไม่กล้าเงยหน้ามองท่านทั้งสอง น้ำตาที่รื้นอยู่บนขอบตาก็ตกลงมาสู่หน้าตัก

“เขาเป็นแฟนผม....ไอรักเป็นแฟนผม” เกียร์ตอบด้วยเสียงหนักแน่น

“………” เงียบทั้งห้อง ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจตัวเอง...

“กริ๊ดด จริงหรือ ไหนๆลูก หนูไอรักคะ เงยหน้ามองแม่หน่อยลูก แม่ขอดูหน้าตาลูกสะใภ้ชัดๆหน่อย ว๊าย ร้องไห้ทำไมคะลูก ตายจริงใครทำหนูคะ เดี๋ยวแม่ตีให้” ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นตั้งแต่ต้นประโยค เกียร์มองแม่อย่างงงๆสลับกับพ่อที่กระตุกยิ้มนิดๆ ตอนนี้ผมไม่ต่างกับเกียร์เลยครับ งงเหมือนกัน

“.กะ..ก็..ผมพาลูกชายคุณน้ามาเป็นเกย์อะครับ...” น้ำตาผมยังหยดแหมะๆ ยังสะอื้นไม่หาย แต่ทุกคนหันมามองผมด้วยสีหน้าอ่อนโยนแปลกๆ

“โธ่ น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู อย่าร้องไห้เลยลูก ถึงแม่จะตกใจอยู่บ้างที่ตาเกียร์ไปชอบพอกับผู้ชายด้วยกัน แต่แม่ก็ยอมรับ และเคารพต่อการตัดสินใจของลูกแม่นะคะ อะไรที่ลูกมีความสุข แม่ก็ไม่ขัดใจเขาหรอกค่ะ แม่มีลูกอยู่คนเดียว เลี้ยงเขามาให้เป็นคนดี ใช้ชีวิตให้เป็น ไม่ไปทำร้ายใคร ไม่ไปเบียดเบียนใคร แค่นี้แม่ก็ภูมิใจแล้วค่ะ อีกอย่างแม่ก็ชอบหนูไอรักด้วย ถ้าพาคนอื่นมาแม่อาจจะไม่ยอมรับก็ได้นะคะ” แม่ลุกขึ้นมานั่งข้างๆแล้วเช็ดน้ำตาให้ ท่านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วยิ้มตบท้าย ผมได้แต่พูดขอโทษและขอบคุณท่านอยู่อย่างนั้น

“อ้ออีกอย่าง แม่กับพ่อตงิดใจตั้งแต่เกียร์โทรมาเมื่อวานแล้วละว่าจะพาคนสำคัญมา ถ้าจะปิดกันก็หัดสรรหาคำที่ซอฟลงกว่านี้หน่อยนะจ๊ะ อย่างนี้คนแก่มองออกหมด อิอิ” ไอ้เกรียนน วันนี้มึงหลายรอบแล้วนะ ยัง ยัง ค้อนให้แล้วยังมีหน้ามาตีมึนใส่อีก หมาน้ำแข็งเอ๊ย

“ผมก็ไม่ได้จะปิดแม่สักหน่อย”

“ย่ะ พ่อคนเปิดเผย”

“อิ่มแล้วหรือ” พ่อเกียร์ถามหลังจากเงียบไปนาน(มาก)

“..ครับคุณน้า” ไอรักกระเดือกไม่ลงแล้วละครับ รีบเช็ดน้ำมูกน้ำตา เป็นลูกผู้ชายจะร้องไห้เพราะเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ! ต้องหนักแน่น!

“คุณน้าอะไรละคะ เรียกพ่อกับแม่สิลูก” เห็นแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะ

“คะ ครับ คุณพ่อ คุณแม่” ผมเรียกเสียงเบาอุบอิบในลำคอ เกียร์ยกมือมาขยี้หัวจนเสียทรง ผมต้องจับมือมันลงให้อยู่นิ่งๆ แต่มันไม่ปล่อยเลยนี่สิ แต่ผมก็ไม่ได้ดึงออกหรอกครับ อย่างนี้อุ่นมือดี

“อย่างนี้คุณก็มีคนช่วยปลูกต้นไม้แล้วสิ”

“ผู้ช่วยผิวสวยแบบนี้ ฉันไม่กล้าใช้งานหรอกค่ะคุณ ให้นั่งดูเป็นกำลังใจดีกว่า” แม่เกียร์หัวเราะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากลองทำดู” ผมรีบบอก

“ว๊าย น่ารักจริงเลย งั้นวันนี้ช่วยแม่ปลูกผักสวนครัวดีกว่าเนอะ” แม่ลุกขึ้นจูงผมไปนั่งในห้องรับแขก

“จะทำเหรอไอรัก” น้ำแข็งก้อนใหญ่เดินตามต้อยๆมาติดๆแล้วนั่งประกบอีกด้าน

“อ้าว ทำสิครับ น่าสนุกดีออก”

“จะดีเหรอ”

“แล้วทำไมมันจะไม่ดีละครับ” ไอ้นี่ก็แปลก ปลูกผักนะไม่ได้ไปรบแถวตะเข็บชายแดน

“เดี๋ยวมือเจ็บ” โอ้มายก๊อด ช่วยบอกผมทีสิว่านี่คือเกียร์ที่เย็นชาเมื่อหลายเดือนก่อน

“เอ๊ะตาเกียร์นี่ยังไง น้องเขาอยากทำก็ไปห้ามอีก ชอบเซ้าซี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” โถคุณแม่ครับ มันชอบเซ้าซี้ผมทุกเรื่อง ไม่เว้นเรื่องบนเตียง ห่าเอ๊ย คิดแล้วแค้น ชอบบอกขออีกนะๆบ้างละ อีกครั้งไม่ได้เหรอบ้างละ บางทีก็ถามว่าเหนื่อยแล้วเหรอ นั้นแค่ช่วยให้กันก็ได้ พอตกลง กูนึกว่าจะปั่นข้างนอก มันเจือกตีเนียนเข้ามาปั่นข้างในอีกซะนี่ มึงมาลองเป็นรับหน่อยไหมละแม่ง

“ไม่ได้ห้าม ผมแค่เตือน” เกียร์เริ่มหน้าบึ้ง เมื่อมีคนขัดใจ

“หน่า ไอ้นี่ ไปยุ่งกับเขามากเดี๋ยวเขาก็เบื่อแกหรอก” พ่อเดินเข้ามาแหย่ เกียร์บึ้งกว่าเก่า งานเข้าไอรักไหมละครับ

“ไม่เบื่อหรอกครับ ดีซะอีก ผมจะได้รู้ไงว่าคุณยังสนใจผมอยู่” ผมเงยขึ้นกระซิบบอก สีหน้ามันเริ่มคลายออกกลายเป็นว่าจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะนิ่งก็ไม่นิ่ง เอาแล้ว คุณน้ำแข็งบ้าแล้ว

“ป่ะ นั้นเราไปดูเมล็ดก่อนดีกว่าว่าจะปลูกต้นอะไรกันบ้าง ดีไหมคะหนูไอรัก” ดูท่าทางคุณแม่จะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ลากผมออกไปหลังสวนแล้วหยิบถุงเมล็ดพันธุ์ผักต่างๆขึ้นมาให้เลือก

“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ คุณแม่เลือกให้ผมเลยดีกว่า” แต่แม่ก็ไม่ยอม ชี้ให้ดูแต่ละอันว่ามีลักษณะอย่างไร ผมในฐานะแฟนของลูกชายบ้านนี้ก็เป็นผู้ฟังที่ดีครับ แล้วก็ตัดสินใจเลือกพริกกับกระเพราขึ้นมา ส่วนแม่เลือกไปสาม-สี่อย่าง จากนั้นก็พาผมมาปลูกเยื้องๆกับศาลาที่พ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ผมคิดว่าพ่อมีการกระทำที่สวนทางกับหน้าตามากครับ เหมือนไม่สนใจคนอื่น แต่ก็ตามมานั่ง มาเมียงมองอยู่แถวๆพวกผม ด้านหลังของผมก็มีสุนัขสาม-สี่ตัว ส่วนตัวอื่นๆกระจัดกระจายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากที่ผมนั่งเท่าไร บ้านนี้เขาน่ารักดีนะครับ

“ใส่ถุงมือก่อน” คุณหมาน้ำแข็งไม่รู้มาจากไหน จับมือผมที่ถือเสียม ดึงเสียมออกไปหน้าด้านๆ แล้วใส่ถุงมือหนาให้ ผมควรจะชินได้แล้วใช่ไหมครับ

“ขอบคุณครับ” หันมามองแม่ก็เห็นท่านส่ายหน้าเอือมลูกชายตัวเองแล้วอธิบายขั้นตอนการปลูกให้ผมกับเกียร์ที่นั่งดูอยู่ข้างๆ มันไม่ช่วยอะไรผมหรอกครับ นั่งทำตาปริบๆบนพื้นหญ้า

“ไม่ไปนั่งที่ศาลาดีๆละครับ” หันไปมองศาลาก็สบตากับพ่อพอดี สักพักท่านก็ทำเป็นเมินไม่รู้ไม่ชี้ไปเสียอย่างนั้น ไอรักงงครับ อยากมาร่วมแจมด้วยกันหรือเปล่าหว่า

“อยากดูใกล้ๆ”

“แหนะ อยากดูใกล้ๆกับอยากอยู่ใกล้ๆ ไม่เหมือนกันนะครับ” ผมยิ้มกรุ่มกริ่มแหย่ มันหัวเราะหึหึแล้วมะเหงกผมไปที รุนแรงว่ะ

“ทำไมปลูกพริกละ ไม่ชอบเผ็ดไม่ใช่เหรอ” เจ้าหนูจำไมเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์

“แต่คุณชอบทานนี่ ถ้าวันไหนคุณกลับมาบ้านก็ออกมาเด็ดไปทำกับข้าวก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินด้วย ส่วนกระเพรา ผมคิดว่ามันน่าจะเข้ากับกุ้งดีน่ะครับ” ผมชอบทานกุ้ง มีกุ้งสองโลกับนมช็อคผมก็อยู่ได้ทั้งวันแล้ว เห็นมันเงียบไป ผมเลยหันไปมอง มันนั่งยิ้มแก้มแทบปริ เล่นเอาผมเขินทำอะไรไม่เป็นไปเลยละ

“อ้าว อย่ามัวแต่จีบแฟนตัวเองสิ ไปเอาน้ำเอาท่ามาให้แม่กับหนูไอรักหน่อย เร็วๆเลย” แม่ทั้งแซวทั้งสั่งในเวลาเดียวกัน เกียร์ลุกออกไป

"......."

"เกียร์เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งรุ่มร่ามกับเจ้าตัวหรอก ขนาดจะเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนเขา แม่ยังต้องถามเจ้าตัวเขาก่อนเลย” ฟังแม่พูดเรื่องคุณน้ำแข็งไป ขุดดินไป สบายใจดีนะครับ

“โตเป็นหนุ่มแล้วความลับเยอะขึ้นละมั้งครับ ฮ่าๆ”

“โอ้ย ไม่หรอกจ๊ะ ตาคนนี้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร จะมาเปลี่ยนก็คงตอนนี้ละมั้ง”

“เปลี่ยนเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ แต่พูดให้ถูกก็คงจะเปลี่ยนแต่กับหนูไอรักละจ๊ะ ดูจากท่าแล้วคงหลงหนูไม่น้อยเลยละ”

“อ่า…..ครับ” ไม่รู้จะตอบอย่างไร หน้ามันร้อนไปหมด

“เห็นอย่างนี้แล้วแม่อยากจะแกล้งลูกชายตัวเองซะจริงๆ เอ้อวันนี้หนูไอรักค้างบ้านนี้ไหมละคะ”

“คงไม่ได้หรอกครับ พรุ่งนี้มีเรียนน่ะครับ” ผมปฏิเสธอย่างสุภาพ

“นอนเป็นเพื่อนแม่ที่นี่เถอะลูก เช้ามาค่อยกลับไปเปลี่ยนชุดก็ได้ แม่อยากคุยกับหนู อีกอย่างอยากแกล้งคนหน้าตายด้วย อิอิ” แม่ซุบซิบแผนให้ฟัง วันนี้จะนอนกับผมที่ห้องนอนรับรองแขก ปล่อยให้พ่อกับลูกนอนอยู่ในห้องคนเดียว ท่าทางแม่จะสนุกกับการคิดแผนแกล้งคน

“จะดีเหรอครับ” มันไม่ดีก็ตรงที่แม่กับผมมานอนด้วยกันนี่ละครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เตรียมตัวมานอนค้างเลยไม่มีเสื้อผ้ามาด้วย

“โอ้ยดีแน่นอนลูก ปล่อยให้พวกนั้นเขานอนคนเดียวบ้าง จะได้รู้สึก” ดูท่าแม่จะแค้นสองคนนี้มากนะครับ

“ฮ่าๆ ก็ได้ครับ”

“นี่ตาเกียร์ วันนี้มานอนค้างที่นี่นะลูก”

“คงไม่ได้ครับ พรุ่งนี้มีเรียน” เกียร์ยื่นน้ำให้ผมกับแม่

“นั้นไม่เป็นไรจ๊ะ หนูไอรัก วันนี้เรานอนกันสองคนก็ได้เนอะ” มันหันควับ

“อะไรนะครับ”

“อ้าว ก็แม่ตกลงกับหนูไอรักว่าจะค้างที่นี่กัน ลูกไม่ค้างก็เรื่องของลูกสิ เนอะหนูไอรักเนอะ” แม่พยักเพยิด ผมพยักหน้าแล้วรีบก้มขุดดิน ซ่อนยิ้มเอาไว้ เดี๋ยวแผนของแม่จะแตกเอา

“ผมค้างด้วย”

“ใครค้าง อะไรค้าง” เสียงพ่อเกียร์ดังขึ้น ผมเลยหันไปมอง

“หนูไอรักจะค้างวันนี้กับเราน่ะค่ะคุณ แล้วบ่ายนี้เราสองคนก็จะไปช็อปปิ้งซื้อของกันเสียหน่อย กะจะซื้อเสื้อผ้าให้หนูไอรัก วันไหนที่มาค้างจะได้ไม่ต้องแบกไปแบกมาให้หนักน่ะค่ะ” เอ่อ รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ประเด็นที่เราตกลงกันไว้นะครับคุณแม่

“ผมได้ด้วยแล้วกัน/ผมไปด้วย” สองพ่อลูกพูดพร้อมกัน ผมกับแม่จึง(ทำเป็น)ขุดดินเพื่อซ่อนรอยยิ้มขันอีกรอบ


.................................



“คุณ จะกลับหรือยัง” เสียงพ่อเริ่มเลื้อยมา

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง อยากกลับก็กลับไปสิคะ แต่ฉันขอซื้ออีกสักชุด สองชุดก่อน” แม่หันไปแว้ดใส่ ผมหันไปมองผู้ชายร่างสูงเหมือนเสาไฟฟ้าสองคน คนหนึ่งมีอายุอานามเดินเหงื่อตกอยู่ในห้างที่เย็นเฉียบ ถือของพะรุงพะรัง ส่วนอีกคนวัยเดียวกับผม คนที่ผมคุ้นเคย หอบของเยอะกว่าอีกคน และเหงื่อออกเยอะกว่า สภาพไม่ต่างจากลูกจ้างที่ใช้แรงงาน มองผมอยู่พอดี สายตาอ้อนวอนไม่ต่างจากจากอีกคนเลย

“คุณแม่ครับ จบร้านนี้ก็พอก่อนก็ได้เนอะ” ชายทั้งสองเริ่มยิ้มมาให้อย่างมีความหวัง

“เอาอย่างนั้นเหรอคะหนูไอรัก”

“ครับ เรายังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าเกียร์ไม่ทิ้งผมไปก่อนนะครับ” ผมพูดเล่นๆ แต่คนที่โดนพาดพิงรีบสาวเข้ามาโอบ ทั้งๆที่ของยังเต็มสองมือ

“ใครจะไปทิ้งละ ไว้ว่างๆผมพามาอีกก็ได้” มันก้มพูดกับผม ก่อนจะหันไปบอกแม่

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

“เฮ้อ..” เสียงถอนหายใจเบาๆไม่ใช่ใคร พ่อลูกทั้งคู่นั่นละครับ


......................................


“อะไรอะ ไอรักแฟนผมนะแม่ ต้องนอนกับผมสิ” เกียร์โวยวาย หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ มันพาขึ้นมาที่ห้องนอนตัวเอง ผมก็เดินสำรวจห้องนอน เรียบๆ แต่สะดุดตาตรงโมเดลรถมอเตอร์ไซค์เต็มไปหมด ถ้าไม่เคยรู้จักเกียร์ ผมคงคิดว่าเจ้าของห้องเคยเป็นแว๊นซ์มาก่อนแหงเลย จากนั้นก็จัดการอาบน้ำเสร็จสรรพ ก็หันมากล่าวคำลาก่อนนอนอีกคนที่อยู่บนเตียง อีกคนเอ๋อไปเลย จนผมต้องอธิบายให้ฟัง มันถึงลุกขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงกับแม่หน้าห้องนอนรับรองแขก ที่มีพ่อยืนอยู่ด้วย

“อ้าว นี่สะใภ้แม่ ลูกนอนด้วยกันทุกวัน ให้แม่นอนกับหนูไอเขาบ้างสิ”

“แล้วผมละคุณ” พ่อเอาบ้าง

“ก็หัดนอนคนเดียวซะบ้างสิคะ แค่วันเดียวจะเป็นอะไรไป ทีทุกวันฉันรอคุณกลับบ้านยังไม่เคยบ่นเลย”

“นี่ละบ่นแล้ว” พ่อพูดอุบอิบ

“อะไรนะคะ”

“เปล่า นั้นผมขอนอนด้วย”

“ไม่ต้องเลยค่ะ ขอฉันมีเวลาส่วนตัวบ้าง นี่ก็อีกคน น้องเขาอยากนอนกับแม่ยังไม่รู้อีก เนอะ”

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้าเห็นตาม

“ฉะนั้นกลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้วนะคะหนุ่มๆ อิอิ ฝันดีค่ะ” แม่รีบดึงผมเข้าห้องแล้วปิดประตู ไม่วายได้ยินเสียงคร่ำครวญหน้าห้อง

“แม่!!!!” เสียงสุดท้ายดัง ก่อนจะเงียบไป

“ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงๆ เห็นไหมลูก คนเราต้องมีไม้เด็ดบ้าง ตามใจไปทุกเรื่องรังแต่จะทำให้เสียนิสัย” แม่จูงขึ้นมานอนแล้วเล่าเรื่องโน่นนี่ให้ฟัง ถามถึงชีวิตของผมบ้าง กับเกียร์บ้าง จนเผลอหลับไป




TBC-------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>


+คิดไปคิดมา สงสารเกียร์ที่สุดแล้ว ชอบโดนแกล้งประจำ ฮ่าๆๆ แต่โซ่ก็แอบสะใจเล็กๆไม่แพ้คุณแม่ของเกียร์เลยนะคะ อยากชอบเงียบเอง ช่วยไม่ได้ อิอิ
+ปีหน้า มหาลัยใครปรับการเปิดเทอมตามสากลบ้างเอ่ยขอให้ยกมือขึ้น หกเดือนจ้าหกเดือน เลยถือโอกาสจะไปปรับภาษาต้องรับอาเซียนเสียหน่อย ไม่รู้ว่าพ่อจะให้หรือเปล่า แต่ก็น่ากังวลใจจริงๆ อาเซียนนี่มีทั้งข้อดี และข้อเสียนะเนี่ย ถ้าไม่เตรียมรับดีๆอาจตกงานได้ ฉะนั้นโซ่ต้องตั้งใจให้มากกว่านี้แล้วละค่ะ เพื่ออนาคตของชาติ เย้!

โซ่ :กอด1:ทุกคนนะ

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 o18 o18 o18 คุณแม่เกียร์นี่น่ารักที่สุดเลย

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
คุณแม่โลกสวยมากเลยจ้ะ o13

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อ่านตอนนี้แล้วน่ารักทุกคนเลยค่ะ เขิน><

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
ชอบแม่จังงงงง

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
คิดว่าจะดราม่าซะแล้ว กลายเป็นทั้งคุณพ่อคุณแม่น่ารักสุด ๆ คุณน้ำแข็งเย็นชาแบบนี้ได้ไงเนี่ย (อ้อ เหมือนพ่อไง)
เย็นชาแต่น่ารักเนอะๆๆ ยิ่งทั้งรักทั้งหลงไอรักนี่ยิ่งน่ารัก เค้าหวงของเค้ามากลัวจะเผ็ด กลัวจะเจ็บ อู๊ย น่ารักสุด ๆ
กลายเป็นลูกคนใหม่ไปซะแล้วไอรัก

ขอบคุณค่ะ

Ella Killer

  • บุคคลทั่วไป
คุณแม่น่ารักมากๆ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
น่ารักกันจริงๆคู่นี้

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
น่ารักจังเลย  :m3: เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
น้องไอรักกับเกียร์ น่ารักกันจัง ยังอ่านไปไม่กี่ตอนเอง
เดี๋ยวขอไปค่อย ๆ ตามอ่านก่อนนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
กีสสสสสส ชอบบบบน่ารักมากมายอ่ะเรื่องนี้
น้องไอรักน่ารักเวอร์
เกียร์ก็หวานกับน้องตลอด อิอิ
จริงๆแล้วคลื่นกับบอสมีซัมติงอะไรกันป่าว555

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
กีสสสสสส ชอบบบบน่ารักมากมายอ่ะเรื่องนี้
น้องไอรักน่ารักเวอร์
เกียร์ก็หวานกับน้องตลอด อิอิ
จริงๆแล้วคลื่นกับบอสมีซัมติงอะไรกันป่าว555

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
พ่อแม่ของเกียร์ชอบไอรักด้วยดีใจจัง เข้ากับลูกสะใภ้ได้

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
กลับมาอ่านอีกรอบค่า อยากกินหวานๆอีก ไอรักน่ารักเว่อออ>_<

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
น่ารักมากมาย น่าติดตาม มาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่25

“ลงครัวแต่เช้าเลยนะครับ กลิ่นน่าทานจัง” ผมเดินลงมากับแม่แล้วลิ่วๆไปหาเกียร์ มันหันมาเหล่แล้วหันกลับ นั่น! ไม่พูดไม่จาแถมยังทำปากรูปตัวยูคว่ำ คงกลัวคนไม่รู้ว่ากำลังงอนอยู่

“ไปงอนอะไรน้องเขาละ ผ่านมาตั้งคืนหนึ่งแล้วนะเกียร์ ..เฮ้อ ตัวโตซะเปล่าลูกคนนี้” แม่ทำหน้าเอือมกับลูกชายที่ทำลังงอนตุ๊บป่อง ซึ่งดูไม่เข้ากับขนาดตัวและหน้าตาของตัวเองเลยสักนิด แล้วแอบหันมายิ้มชอบใจกับผม คงจะดีใจมากที่ทำลูกชายหน้านิ่งงอนได้ เกียร์คงไม่เห็นหรอกครับ มันหันหลังง่วนทำอาหารอยู่ แม่หันมาทำสัญญาณให้ผมง้อ แล้วท่านก็เดินผละไป คุณแม่ครับ ทีเรื่องง้อนี่รีบทิ้งให้ไอรักออกโรงคนเดียวเชียวนะครับแหม่

“ทำอะไรทานเหรอครับ” ความจริงผมรู้อยู่แล้วละ สีสันหน้าตาแบบนี้มันโจ๊กชัดๆ แต่อยากให้มันตอบ ถ้ามันพูดด้วยแสดงว่าหายงอนแล้วไงละครับ ผมจ้องอาหารในหม้อแล้วเงยไปมองมันตาแป๋ว มันยังนิ่ง

“........”

“จะไม่ตอบผมหน่อยเหรอเกียร์ ผมเสียใจเป็นนะนี่” พูดไปเอาหน้าถูๆกับต้นแขนมันไป เอาสิ มึงงอน กูเลื้อย มึงปากยูคว่ำ กูปากจู๋ใส่ ใจอ่อนไม่ใจอ่อนไม่รู้ ที่รู้ๆกูทำลงไปได้อย่างไร ไอรักโคตรเขิน แต่ก็ยังกล้าทำ สิทธิพิเศษสำหรับคุณน้ำแข็งคนเดียวเลยนะนี่ ฮี่_ฮี่

“..โจ๊กทะเลใส่กุ้งเยอะๆ เอาไว้กินตอนเช้า กับไข่พะโล้ ต้มข่าไก่ไม่เผ็ด เอาไปกินที่มอ” ในที่สุดคุณน้ำแข็งก็ปริปากพูด น้ำตาผมแทบไหล

“โห เราจะไปปิ๊คนิคกันเหรอครับ โรแมนติกสุดๆอะ ฮ่าๆๆ ..เฮ้ย เกียร์! ท่านอยู่ข้างนอกกันนะครับ” ผมจะผละหน้าออกเพราะทำให้มันหายงอนได้สำเร็จแล้ว แต่มันดันดึงให้มาอยู่ด้านหน้ามันซะนี่ พยายามแกะอุ้งตีนออกจากตัวแต่ก็ไม่ไหว เหนียวแน่นยิ่งกว่าเอฟซีดาราเสียอีก

“ไม่เห็นหรอก เคี่ยวไปสิ” เออ ไอรักช่วยเคี่ยวได้ แต่มึงช่วยเอาเจี๊ยวออกไปจากด้านหลังผมหน่อยได้ไหม ผมส่ายข้อมือไม่ได้ แต่มึงนี่ส่ายเอวเอาจังเลยนะครับสัตว์ ถึงมันจะชอบทำอาหารแล้วให้ผมมาเกาะแกะตัวเองอย่างนี้ประจำ แต่มึงช่วยสำเหนียกด้วยว่านี่บ้านพ่อแม่มึ๊ง มิใช่คอนโดเรานะโว้ย

“.........” ไอรักยืนใบ้แดก ยืนเคี่ยวยืนคนไปตัวแข็งไป คนข้างหลังก็ไม่ต้องสืบครับ แข็งเหมือนกัน แต่อย่าถามนะครับว่าอะไรแข็ง บอกแล้วไงว่าผมขอติดใบ้สักครู่ T_T ภาวนาอย่าพึ่งให้ใครเดินเข้ามาแล้วกัน

หลังจากทำอาหารเสร็จก็เดินไปเรียกคุณแม่ที่สวนหย่อมหน้าบ้าน ส่วนคุณพ่อนั่งให้อาหารปลาอยู่ โห ให้อาหารปลาก่อนตัวเองจะได้ทานข้าวอีก พอเรียกท่านเสร็จก็จะเดินตามพวกท่านเข้าบ้านแต่รู้สึกว่ากำลังโดนมองเลยหันไปมองอีกด้านก็เจอคุณสุนัขนอนเกลือกกับสนามหญ้ามองผมตาแป๋วอยู่หลายคู่ ดูท่าคงอิ่มพลีกันทั่วหน้าแล้วละ ผมยิ้มให้มันแล้วเดินเข้าบ้านไป

มาคิดๆดูอีกที กูจะไปยิ้มให้คุณสุนัขทำไมวะ ไอรักงงตัวเอง

“แล้วมาหาพ่อกับแม่บ้างนะเกียร์ อย่าลืมเอาสะใภ้แม่มาด้วยละ”

“โหยคุณแม่ พูดแบบนี้ผมก็เขินแย่สิครับ......สะใภ้อะไรเล่า ตัวใหญ่ขนาดนี้” ผมบ่นอุบอิบต่อท้ายเบาๆ แต่คนที่ได้ยินยืนหัวเราะใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ! นี่มันเรื่องระดับโลกของไอรักเชียวนะ!

“ตัวเท่าไม้จิ้มฟัน แกเลี้ยงเขาไม่ดีหรือไง” พ่อเกียร์มาเนิบๆ แต่ปากยกยิ้มขัน แล้วแสร้างหันไปต่อว่าคุณน้ำแข็ง ดูคนบ้านนี้สิ เห็นไอรักเป็นอะไร แซวได้แซวดี ฮื้อๆ

“ผมให้กินนมทุกคืน” ไอ้เชี่ยนี่ก็พูดสองแง่สองง่าม

“ผมขอขยายความ นมกล่องนะครับ!” ผมยกมือพูดต่อ กลัวคนเข้าใจผิด แค่นี้พวกท่านก็มองผมกรุ่มกริ่มจะแย่แล้ว

“หึหึ ก็นมกล่องไง คิดว่าอะไรละ หืม” เข้าทางมันเสียอย่างนั้น มันหัวเราะแล้วโคลงหัวผมเบาๆเมื่อเห็นแก้มเริ่มอมลมป่อง ปากเริ่มยื่น มันก้มลงกระซิบกับผมเบาๆ

“หลอกเล่น ไม่งอนนะ แล้วไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย เห็นแล้วมันน่าฟัดว่ะ” มันพูดจบ ผมนี่ทำแก้มตอบแทบไม่ทัน

“เกียร์ไปแกล้งน้องเขาทำไม โอ๋ๆ แม่ไม่ล้อแล้วลูก รีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา” แม่โพล่งออกมาปกป้องเยี่ยงนางฟ้า ซึ่งใจจังครับ

“ครับ”

“ไปดีมาดีนะลูก” แม่เดินเข้ามากอด หลังจากที่เกียร์ใส่หมวกกันน็อคให้แล้ว ผมกับเกียร์ยกมือไหว้ลา แล้วโบกมือบ๊ายบายโคตรหมาที่ส่งเสียงเห่าไล่แล้ววิ่งตามมาส่งก่อนพ้นรั้วบ้านไป


.................................................................


 “เกียร์ แวะคอนโดก่อนได้ไหมครับ”

“ทำไม” มันตะโกนท้าลมถามสั้นๆตามประสาเกียร์ๆ

“อยากเปลี่ยนเสื้อน่ะครับ มันคันๆยังไงไม่รู้” ผมเริ่มขยุกขยิกนั่งแทบไม่ติด คงอาจเพราะเสื้อนิสิตที่ซื้อมาใหม่เมื่อวาน ตอนแรกแม่ให้แม่บ้านเอาไปซักก่อน แล้วเผื่อเอาไว้ตัวหนึ่ง กันเอาไว้ถ้ามันแห้งไม่ทัน แล้วมันก็แห้งไม่ทันจริงๆ ผมเลยได้ใส่เสื้อตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ซักออกมา แล้วมันเป็นอะไรไม่รู้ คันยุบยิบไปหมด โรงงานผลิตเสื้อเขาใส่หมามุ่ยเข้าเครื่องไปด้วยหรือเปล่าวะนี่

ถึงห้องแล้วรีบเดินเข้าห้องนอนพลางถอดเสื้ออย่างเร็ว เม็ดเล็กๆขึ้นตามตัวไปหมด ดูท่าแล้วด้านหลังคงจะเป็นผื่นเยอะกว่าที่อื่นแน่ๆ เพราะผมเกาซะสะบั้นหั่นแหลก จนเกียร์ต้องเดินมาดึงมือออก แต่ผมก็ยกขึ้นมาเกาใหม่ ก็มันคันนี่หว่า ขืนใจกันทำไมวะ!

“ขอดูหน่อย” มันพลิกตัวผมให้หันไปหา คิ้วเริ่มขมวดเมื่อมองมา สั่งให้รีบไปอาบน้ำ ผมไม่ได้ขัดอะไร รีบทำตามที่บอก

“เกียร์จะไปเรียนก่อนไหมครับ เดี๋ยวคุณจะสายเอา” ยังไม่ทันถอดกางเกง ผมชะโงกตัวออกไปถามเจ้าตัวก่อน พอดีวันนี้พวกผมเรียนเวลาเดียวกัน ผมมีทั้งวันถึงหนึ่งทุ่ม ส่วนเกียร์มีถึงห้าโมงยี่สิบ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถึงแม้มหาลัยกับคอนโดจะใกล้แต่ถ้ารอผมมีหวังสายแน่ๆ

“เข้าไปอาบเร็วๆ อย่าเอามือไปเกานะ ไม่งั้นจะเข้าไปอาบให้” มันไม่ตอบ แต่กำชับขืนใจผมอีกรอบ T_Tก็มันคันอะ ไม่ให้เกาแล้วจะให้ไถกับฝักบัวเหรอถึงจะหาย

“อยากอาบให้ผมก็บอกซี่” ผมเอ่ยแซว คันว่ะ คันปากนะ เกาไม่ได้ ก็กวนคนสั่งเสียเลย

“อืม เอาไหมละ” มันทำท่าจะเดินเข้ามาหา แล้วทำหน้ากรุ่มกริ่ม หน้าหงุดหงิดเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง

“หวายย เกียร์ยั่วผมเหรอ หยอดบ่อยๆระวังผมจะทนไม่ไหวเอาสักวันนะ!” ผมรีบสะบัดตูดวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ไม่วายตะโกนแซวคนข้างนอก จนได้ยินเสียงหัวเราะดังเข้ามาแว่วๆ แล้วเงียบไป

อาบน้ำเสร็จแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยถึงจะยังคันๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าเมื่อกี้แล้ว แปลกนะ ปกติผมไม่ได้เป็นคนผิวบางอะไร แต่คราวนี้ทำไมแพ้ได้ก็ไม่รู้ ผมพันผ้าขนหนูแล้วค่อยๆแง้มประตูออก ชะโงกหาเจ้าของเสียงหัวเราะเมื่อกี้ ไม่อยู่แฮะ ทางสว่างละ แฮ่ ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งแต่ยังไม่ทันเดินไปถึงเตียงก็ต้องตกใจเมื่อมีมือเกี่ยวเอวเข้าไปหาอกหนาของอีกคน

“ใครกันแน่ที่จะทนไม่ไหว หืม.....หึหึ”

สรุป.....เช้านี้พวกผมก็ไม่ได้ไปเรียน


………………………………………………


“นอนดีๆสิ” ไอ้คุณน้ำแข็งจับข้อเท้าให้อยู่นิ่งๆ ผมนอนแผ่คว่ำอยู่บนเตียง(พยายาม)กลิ้งไปตามจังหวะเพลงเสียงเรียกเข้า ส่วนอีกคนกำลังทายาแก้แพ้กับยาแก้อักเสบ(!?)

“เออว่าไง” ผมรับสายแล้วกรอกเสียงทักทายปลายสาย

‘โหลๆๆ สองโหลยี่สิบ สามโหลเท่าไร’

“สิบห้าบาทมั้ง ถุ้ย มีเชี่ยไร จงอธิบายขอพอสังเขป” สงสัยกูจะเรียนหนัก

‘เป็นเชี่ยไรไม่มาเรียนวะ มีเช็คชื่อนะโว้ย’ เสียงโหวกเหวกโวยวายลอดมาตามสาย คงจะอยู่กันทั้งกลุ่ม

 “พอดีมีงานรุมเร้า” ตั้งเค้าว่ามันจะมาอีก พูดต่อในใจ เพราะดูจากมือที่เลื่อนวนอยู่บริเวณเหนือสะโพก ผมตีมือมันดังเพี้ยะจนมันสะดุ้งสุดมือ ผมก็ไม่ได้ตีแรงขนาดนั้นนะ แต่ดูเหมือนอีกคนกำลังอยู่ในภวังค์แล้วมีคนตบกะโหลก มันนิ่งไปครู่หนึ่งมันก็วางมือทาบขึ้นไปทายาให้กลางหลัง

‘งานหรือเงี่_นวะ ฮ่าๆๆๆ’

“เซ็นเซอร์นิดหนึ่งเถอะ ห่า แล้วโทรมามีอะไรวะ”

‘เออกูลืมจุดประสงค์ไปตั้งแต่มึงรับโทรศัพท์แล้ว นึกว่ามึงจะยิงยาวถึงพรุ่งนี้เลยจะอวยพรให้ลูกดกซะหน่อย กร๊ากก เข้าเรื่องๆ’ มันบอกตัวเอง แล้วพูดต่อ

‘คาบบ่ายเข้าเรียนด้วยนะมึง อาจารย์เช็คชื่อว่ะ มีสอบย่อยด้วย’

“เออๆ ดีละที่เตือนกู” พูดไม่กี่ประโยคก็วาง ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเขาจะสอบย่อยกันนะครับ รู้ แต่ลืม พออยู่กับคนข้างๆทีไร ลืมทุกอย่างทุกที เสียการเรียนไหมนี่  ฮ่าๆๆ แต่ไม่ใช่หรอกครับ ยิ่งมีมันสิ ผมถึงได้ขยันมากขึ้น ผมก็เกรงใจเป็นเหมือนกันนะ เห็นมันคอยบริหารจัดการชีวิตผมซะไม่ต้องคิดให้หนักหัว ทำตารางแบ่งว่าเวลาไหนทำงาน เวลาไหนควรเล่น ควรอ่านหนังสือ แต่ความขัดแย้งมันอยู่ตรงที่ตารางมันไม่มีนี่ละ มีแต่ของผม ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนครับ!

มันดึงเสื้อลงให้ แล้วล้มตัวทับกอดผมที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ถึงจะหนักแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร อุ่นดีเหมือนกัน บางทีผมก็คิดเหมือนกันนะครับว่าถ้าเราไม่ได้มาเจอกัน ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ผมคงเที่ยวควงหญิง แข่งรถ เล่นพระ(?!) ตามประสาวัยรุ่นคึกคะนอง อยากลองอะไรแรงๆกันไป ส่วนเกียร์ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไม่เปิดรับใครก็ได้กระมัง

“ปะ ลุกเถอะครับ คาบบ่ายผมต้องเข้าเรียนนะ”

“หยุดไม่ได้เหรอ ผื่นยังแดงอยู่เลย” ปากหาเหตุผลมารองรับ แต่จมูกไซร้ มือบีบสะโพกไอรักใหญ่เลยนะ

“ผมมีสอบอะ เกียร์จะเข้าคาบบ่ายด้วยไหม” มันพยักหน้า แล้วดึงให้ลุกไปแต่งตัวพร้อมกัน

เกียร์เลี้ยวไปจอดใต้คณะวิศวะ มันชวนผมทานข้าวด้วยกันก่อน ข้าวที่มันทำมาตั้งแต่เช้านั่นละครับ ตอนแรกจะเอาออกมาอุ่นอีกทีกะว่าจะทานที่ห้อง แต่พอดีคุณสาโทรมาตามให้รีบมามอ เลยต้องมาทานที่คณะมัน

“เจ้าชายย เป็นไงบ้างคะ แหมออร่าเปล่งออกมาทุกเวลาเลยนะคะ โฮ้ะๆๆ” สาวิ่งหน้าม้าแตกออกมาจากห้องภาคสาขาไฟฟ้า แล้วคว้าแขนผมหมับ

“สวัสดีครับสา ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ผมยิ้มตอบ

“รอไอ้เกียร์อยู่นี่ละค่ะ เวลามีเรื่องสำคัญทีไรชอบมาสายกว่าชาวบ้านทุกที สาเซ็ง” คนถูกพาดพิงคิ้วขมวดฉับ แล้วปัดแขนสาออกจากผม จนสาเบ้ปากแล้วแลบลิ้นใส่

“มึงก็คุยกันไปดิ กูจะกินข้าวก่อน” มันตีหน้ามึนแล้วลากผมไปนั่งม้าหินอ่อนข้างหน้าทางเข้าตึก ปล่อยให้อีกคนอ้าปากหวอ มองตามอึ้งๆ

“ไอ้เกียยยยยร์ มึงต้องเข้าไปคุยก่อนนะ สายรหัสมึงอุส่ามากันครบ” สาตามมาลากแขนเกียร์ให้ลุกขึ้น

“มึงเห็นไหม ไอรักยังไม่ได้กินข้าว” มันเริ่มหงุดหงิด

“เอ่อ เข้าไปคุยธุระก่อนก็ได้ครับ ผมรอได้”

“กูบอกเดี๋ยวกูตามเข้าไป” มันมองผมแล้วหันไปบอกสา ไอ้นี่ก็จะเสียงแข็งใส่เพื่อนไปไหน สาเม้มปากแล้วกระทืบเท้าอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไร เดินสะบัดหน้าใส่ออกไป

นั่งกินกันไปเงียบๆ มันคงจะสังเกตได้กระมัง เลยแกล้งตักไข่พะโล้ใส่จานให้ซะพูน ผมเลยยิ้มแล้วแกล้งกลับ มันถึงยิ้มออก

“ไอ้เกียร์มาแล้วๆๆ นั่งพื้นเลยสัตว์เก้าอี้เต็ม  อ้าวๆๆๆ สวัสดีครับเจ้าชาย เชิญนั่งครับเชิญนั่ง” พัตลุกขึ้นมาปัดเก้าอี้ข้างๆแล้วตายิ้มใส่ เกียร์ยกมือไหว้พี่สองคน ดูท่าจะอยู่ปีสามหรือปีสี่ คนหนึ่งหน้าแก่ประสบการร์มาอย่างโชกโชน ไม่ได้ใส่แว่นนะครับ แต่หน้าเหมือนอดยา(คูลท์) ตาคล้ำๆ หัวฟูๆ อีกคนหน้าเถื่อนโคตรพ่อโคตรแม่

“ค_ย”

“สำหรับมึงเก้าอี้ไม่พอ แต่สำหรับไอรักเลือกนั่งตามสบายนะคะ อิอิ” เกียร์ตาขวางใส่ ทำใส่สากับพัตไม่พอ ยังกวาดตาไปทั่วห้องจนทุกคนสะดุ้งกันเป็นแถบๆ

“พวกมึงก็อย่าไปมองคนของไอ้เกียร์มันสิ ไอ้นี่แม่งหวงก้างจะตาย เดี๋ยวก็ไม่ตายดีหรอก” มัดพูดขึ้นแล้วเหล่ตามองเกียร์ ก่อนจะยิ้มกริ่มให้ผม คนอื่นก็ยิ้มตาเยิ้มใส่เล่นเอาผมประหม่าเชียวละ

“โหพี่ ถึงผมจะผู้ชายแท้ๆ แต่ถ้าเจอใครหน้าตาโคตรดีมันก็ต้องเผลอมองกันบ้างสิคร๊าบบ” น้องปีหนึ่งตัวโตคล้องป้ายชื่อ หัวสกินเฮดตอบ

“เออก็จริงของมึง เฮ้ยสรุปจะเอายังไงกันวะ” มัดถามต่อ

“ก็บนเตียงดิพี่ เบสิคๆ หรือพี่จะเอาตรงโซฟาอะ ไม่ดีม๊าง” เด็กหน้ากวนส้นทีนคนเดิมตอบ ขณะที่เกียร์เอามือผมไปเล่น แล้วหยิบปากกาบนโต๊ะมาวาดรูปหัวใจ แถมยิ้มให้อีก เลยศอกข้างเอวมันแก้เขิน

“มึงพูดเหมือนเคย”

“พวกพี่อย่าไปเชื่อมันนะ อย่างไอ้เล็กอะนะจะเคยเสียตัว ได้แต่นอนฝันเปียกเห็นหน้าพี่พนักงานของบริษัทชื่อดังทุกวันอะดิไม่ว่า เหมือนหมามองเครื่องบินเข้าทุกวันอะพี่” เด็กที่นั่งข้างกันป้ายชื่อเขียนว่าฝันพูดใส่ จนเด็กหน้ากวนส้นทีนที่ชื่อเล็กถลึงตาใส่

 “กูว่าละ อย่างมึงดูก็รู้ละว่าป๊อด ดีแต่ปากไปเรื่อย” พัตหัวเราะเยาะ

“โห พี่อะ อย่าล้อดิ”

 “เออ ไอ้เกียร์คืนนี้กูเลี้ยงสายรหัส เจอกันร้านหมี” พี่หน้าเถื่อนถึงจะเสียงดังไปหน่อย แต่เสียงโคตรหล่อต่างจากบุคลิกและหน้าตาพูดมัดมือชกเสร็จสรรพจนเกียร์หันไปมองหน้า จะเอ่ยพูดอะไรออกมาพี่เถื่อนลุกขึ้นมากำหมัดเล็งมาทางมัน

“ห้ามปฏิเสธกู เขาไปกันกี่ครั้งมึงก็ชวดทุกครั้ง ห่า เห็นพี่น้องสายรหัสเป็นอะไร คราวนี้ไอ้ธันก็อุส่ามาได้แล้ว กูก็อุส่าปลีกตัวจากทีสิสมาได้ เดี๋ยวเถอะมึงเล่นกับใครไม่เล่น” อ๋อ พี่แก่ประสบการณ์ชื่อธัน คงเป็นพี่รหัสเกียร์กระมัง

“แล้วทำไมพี่ไม่ชี้หน้ามันอะ กำนิ้วทำไม” เนแว่นถามพี่หน้าเถื่อนที่คงจะเป็นพี่รหัสเกียร์

“กูก็กลัวมันต่อยเป็นนะ” พี่หน้าเถื่อนทิ้งตัวลงเก้าอี้ตามเดิม เล่นเอาทั้งห้องฮาครืน

เกียร์ละจากหน้าพี่รหัส หันมาดูมือมันที่ผมบรรจงวาดให้เป็นรูปหัวใจ ลากเส้นออกจนถึงริมฝ่ามือ มันเลยเอาปากกามาเขียนเส้นเหมือนที่ผมทำ วาดเสร็จผมจับมือของทั้งคู่มาบรรจบกันจะเห็นว่าเส้นหมึกปากการ้อยต่อกัน ผมยิ้มให้กับผลงานแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่มองมาอยู่แล้ว

“ไปด้วยกันนะ”

“ผมมีเรียนถึงหนึ่งทุ่มน่ะครับ คุณไปเถอะ” ผมยิ้มให้มัน

“จะรอ” ดื้อด้านฉิบหาย

“ไม่กลัวผมเหนื่อยบ้างเหรอ” แสร้งพูดเสียงอ่อย มันเริ่มเม้มปาก มือยังกุมไม่ปล่อย

“ไม่ไปก็ได้” อ้าว ไอ้นี่ บทจะง่ายก็ง๊ายง่าย

“ผมไม่ไปนะ” มันหันไปพูดกลางวง บรรยากาศที่คึกครื้นกลับเงียบฉี่ทันที เอาแล้วไง เป็นประเด็นเดือด


[ต่อด้านล่าง]


ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
[ต่อจากด้านบน]



“อะไรของมึงวะ” โฟ่พูดอย่างงงๆท่ามกลางสีหน้าเคร่งเครียดของพี่ๆทั้งสอง

“แฟนผมเหนื่อยมาทั้งวัน ผมต้องดูแล” ปรี๊ดด.....เสียงกาน้ำร้อนเดือดคล้ายกับสีหน้าผมตอนนี้ ผมกระตุกมือมันยิกๆ พูดอะไรออกไปวะ แค่นี้คนอื่นเขาก็มองไอรักจะแย่อยู่แล้ว

“ฮิ้ววววววววว” ฮิ้วซากอ้อยอะไรละไอ้คุณพัตคุณมัด

“เฮ้ยยยย ไม่ได้โว้ย กูวางแพลนกันมานานแล้ว มึงอะตัวดีเลยต้องไป ไอ้เล็กมันเป็นหมามองเครื่องบินไม่พอแล้วยังถูกพี่รหัสอย่างมึงไม่แลอีกเหรอ สงสารมันบ้างดิ” น้องคนที่ชื่อเล็กสะดุ้งตอนพี่เถื่อนพูดชื่อแล้วรีบแสร้งทำหน้าเศร้าโศกาเพราะพี่เถื่อนขยิบตายิกๆใส่ ถ้าไม่รู้ผมนึกว่าในห้องนี้เป็นเด็กศิล-กำนะนี่ แสดงละครดีมากๆ

“พี่อย่าไปพูดกับมันเลย ไปพูดกับไอรักดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ” เนขยับแว่นแล้วพูดขึ้น

“เออ กูว่าจะถามนานละ เจ้าชายที่ว่ามันอยู่คณะแพทย์ไม่ใช่เหรอวะ คณะเราแม่งก็ไม่มีคนขาวขนาดนี้สักหน่อย แล้วไอ้ฝรั่งหิ่งห้อยนี่มันมาได้ไงวะ อือหือ แก้มนุ่มสัตว์ๆ ถึงว่ามีแต่คนยกย่อง คนเหี้ยอะไรขาวเรืองแสงได้ขนาดนี้ แม่เจ้าโว้ย” พี่เถื่อนลุกขึ้นมาจิ้มแก้มผมเล่น แล้วหันไปพูดกับคนอื่น พี่เขาไม่ได้รู้สึกถึงรังสีข้างๆตัวผมเลย แต่ผมนี่อยู่ข้างๆ โดนทั้งกระแสจิต ทั้งแรงบีบมือบนหน้าตักของอีกคน

“เฮ้ยพี่ศักดิ์...” กลุ่มเพื่อนเกียร์ทำหน้าเหวอ มองหน้ากันเลิ่กลั่กกันใหญ่ มีสาที่ตาเหลือกตกใจเอามือทาบอก อีกมือเอามาปิดปาก

ครืดด!!...ปึ่กก!!

เสียงเสียงสีของเก้าอี้ดังไปทั่วห้อง พร้อมเสียงผลักแขนอีกคนดังขึ้น ร่างพี่เถื่อนเซถอยหลังไปหลายก้าว เจ้าตัวยังงุนงงอยู่เลย ไอ้ผมก็งงไม่แพ้กัน มาอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนตอนไหนไม่รู้

“โทษที”

 “ห๊ะ???” พี่เถื่อนยังงงไม่หาย

“นี่แฟนผม อย่ายุ่ง”

“แฟน??” คนนอกกลุ่มมันมองมาอย่างฉงน คนที่รู้เรื่องพยักหน้ายืนยันเมื่อเห็นว่าเกียร์เมินไม่สนใจกับตอบคำถามที่ครางออกมาเบาๆ

“เฮ้ย มึงชอบผู้ชายตอนไหนวะ!” เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไร แต่กอดเอวแน่นจนผมเบ้หน้า มันคงรู้ตัวจึงคลายลงเล็กน้อย

“ฮะ ฮะ ฮะ อย่าไปสนใจเรื่องของมันเลยเนอะพี่ ไอรักมึงก็ไปด้วยดิวะ พวกกูรอได้ มาสายดีกว่าไม่มา” พัตหัวเราะเฝื่อนกลบเกลื่อน พลางทำคนอื่นหัวเราะหน้าแหยไปตามกัน

“หือ เอ่อ ครับ” จะพยายามมองไม่เห็นสีหน้าโล่งอกโล่งใจของแต่ละคนแล้วกัน ผมเรียกคนข้างๆแล้วบุ้ยปากให้เงยไปดูนาฬิกาบนผนัง มันพยักหน้าก่อนขอตัวออกไปส่งที่หน้าคณะ

“ไปทำพี่เขาแบบนั้นแล้วจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” ก็พอได้ยินมาบ้างว่าวิศวะค่อนข้างรักกันกลมเกลียวกันเกินไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้รับน้องโหดเกินอย่างที่อื่นๆหรอกนะครับ เพียงแต่ระบบการรับน้องคณะวิศวะของที่นี่จะวางมาดีตั้งแต่รุ่นก่อนๆเท่านั้นเอง ผมกลัวมันจะโดนรุ่นพี่แกล้งหรืออะไรเทือกนั้น ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ไม่เคยเห็นเกียร์จะเป็นพี่ว๊าคหรือช่วยกิจกรรมของคณะเลยนะ ไม่รู้ว่ามันผ่านการโดนด่าของรุ่นพี่มาได้อย่างไร

“ไม่หรอก พี่ศักดิ์ไม่ใช่คนคิดมากเรื่องพวกนี้ อีกอย่างเกียร์ไม่ได้สนิทกับสายรหัสอยู่แล้ว” มึงไม่สนิทกับเขา หรือมึงคิดไปเองว่าไม่สนิทวะ ผมเห็นมันกับพี่เถื่อนทักทายเหมือนจะตบหัวกันและกัน

ล่ำลากันเสร็จ ผมก็ขึ้นไปเรียนตามปกติ ส่วนตัวรู้สึกเหมือนตะครั่นตะครอแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้พักสมองตั้งแต่บ่ายยันหนึ่งทุ่มเลยกระมัง เมื่อเช้าก็ผ่านศึกหนักมาอีก เล่นเอาเหนื่อยฉิบหาย แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอา ถ้าแค่นี้ผ่านไปไม่ได้ ก็อย่าหวังจะไปรักษาคนอื่นเลย

ลงจากตึกก็เจอคุณน้ำแข็งนอนฟุบกับโต๊ะหน้าคณะเสียแล้ว เสาไฟที่ตั้งห่างกันสาดส่องริบหรี่อยู่ข้างถนน ไม่ได้ทำให้บริเวณคณะสว่างมากไปกว่าจุดหย่อมๆตามที่ตั้ง เห็นทีไรก็ไม่เคยชิน วังเวงชะมัด

“เกียร์ เกียร์ตื่นได้แล้วครับ” แตะแขนเบาๆแต่ก็ทำให้มันสะดุ้งตื่น

“....อืม เลิกแล้วเหรอ” ไอรักยืนหัวโด่อยู่นี่ ยังเข้าแลปอยู่กระมัง

“ครับ ทำไมไม่ไปรอใต้ตึกละ ยุงกัดคุณหมดเลยเห็นไหม” ผมเอ็ดเบาๆ แต่มันก็ยังตีหน้ามึนดึงมือผมไปซบกับแก้ม ถ้าจะให้เดาเกียร์คงไม่อยากเป็นจุดเด่น เพราะมันใส่เสื้อช็อป ในขณะที่รอบข้างใส่เสื้อกาวน์กันเกือบทั้งนั้น แล้วยิ่งหน้าตาที่ไม่มีส่วนบ่งบอกว่าเรียนคณะนี้อีก มันเลยมานั่งรออยู่หน้าคณะ ซึ่งผมคิดว่ามันก็เด่นไม่แพ้กันหรอก ใครเขาออกมาก็เห็นเหมือนกัน

“ไปทำอะไรมา มืออุ่นๆ”

“โดนน้ำมนต์มั้งครับ ฮ่าๆๆ ไปกันเถอะ อยู่ตรงนี้เดี๋ยวคุณจะเลือดหมดตัวเสียก่อน”


…………………………………..


“คู่รักสุดน่าช็อคมาแล้วโว้ย ไอ้ดินชงให้พวกมันดิ๊” ดูจากท่าทางและการพูดของพี่เถื่อนแล้วคิดว่าคงใกล้เมาแล้วละ ตาเยิ้มเชียว

“พี่ศักดิ์ก็พูดไป น่าช็อคตรงไหน น่าเสียดายละสิไม่ว่า” สาพูด

“ฮ่าๆๆๆ เออว่ะ เออตามสบายกูเลี้ยงเอง” นั่นไง ใจป๋าแบบนี้ เมาชัวร์

“ข้างนอกฝนตกเหรอวะ” พัตถาม พลางมองคนที่เดินเข้าผับมาใหม่ ผมกับเกียร์เฉียดโดนฝนเหมือนกัน แต่โดนปรอยๆไม่มากเพราะถึงก่อนที่มันจะเทลงมากระหน่ำ

“เชี่ยเล็ก มึงอย่ากินเยอะ ไอ้ห่าแดกไม่เป็นแล้วยังกระดกเอาๆ กูไม่แบกนะโว้ย” เด็กที่ชื่อฝันพูด เห็นเด็กที่โดนเตือนซดเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า มองตาขวางไปอีกด้านของร้าน แล้วทำหน้าเหมือนหมาน้อยใจ ถ้าไม่ติดว่าตัวเท่าควายคงใช้คำนั้นไปแล้ว

“กูจาแดก มึงอย่ามายุ่งดิ๊ สาดดเอ๊ยยย” นี่ก็อีกคน เสียวยานไม่แพ้ไอ้พี่เถื่อนเลยนะ

“ให้มันกินไปเหอะ ไหนๆก็มีบุญวาศนาได้กินของฟรีจากพี่ศักดิ์แล้ว เอาให้คุ้มโว้ย” มัดพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง

“สาดดด เงินกู กูหาเอง กูใช้เอง แถมแบ่งให้น้องใช้ด้วย เห็นแบบนี้แล้วพวกมึงควรจะทำไง”

“แดกให้เรียบ!!” จบด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง ผมที่ยกมือจะไหว้ที่อุส่าอุปการะเหล้าครั้งนี้ให้กับพวกเราก็เอาลงไม่ทัน ตามมุขไม่ทันว่ะ

“เกียร์ๆ ผมขอไปทักทายพี่พัชก่อนนะครับ” ไม่ใช่อะไร จะไปเอาส่วนลดนี่ละประเด็นหลัก ความจริงพนักงานในนี้ก็จำผมได้เหมือนกัน แต่ไปทักทายเจ้าของร้านด้วยดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าลืมพี่ลืมน้องกัน

“ป่ะ” เกียร์ทำท่าจะเดินตาม

“ไม่เป็นไรครับ อยู่นี่เถอะ ผมไปแปบเดียว” ต้องป้องมือตะโกนใส่หูกัน ใครแม่งเลือกโซนนี้วะ โซนนั่งชิวเสือกไม่เลือก ดันเลือกโซนแดนซ์กระจายแบบนี้เลยต้องมายืนให้โดนสีจากคนรอบข้าง ถึงจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมไม่ได้สนิทกับรุ่นพี่เขานี่หว่า

ขอตัวผละไปชั้นสองของร้าน กว่าจะเดินถึงต้องผจญกับแม่เสือสาวเนื้อนมไข่ทั้งหลาย ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมตามไปเลย ผมว่าผมตายด้านไปหลายเดือนแล้วนะ แต่ทำไมเวลาบุรุษชายหน้านิ่งคนนั้นที่ไม่ได้ใช้เนื้อหรือนมมาสี มีอาวุธเพียงอย่างหลังอย่างเดียว ถึงทำผมขึ้นจนแทบขาดใจแบบนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้

“เฮ้ สวัสดีครับพี่” พี่พัชเงยหน้าจากเอกสารในมือแล้วเลิกคิ้วสูง

“มาไมวะ” ตีมึนใส่กูทุกที ห่ารากครับ การ์ดหน้าห้องคงเข้ามาบอกว่าผมขอพบแล้ว แต่เจ้าตัวแสร้งทำเป็นพึ่งรู้การมาของผมเท่านั้นเอง

“อ๋อๆ นั้นผมกลับก็ได้”

“ไปดิ ถ้าออกจากห้อง มึงไม่ต้องมาเยี่ยมกูอีกเลยนะ” อ้าว

“รู้ด้วยเหรอว่าผมมาเยี่ยม” ผมยิ้มตาหยีใส่ จนคนมองเบะปากแล้วเท้าข้อศอกกับโต๊ะ วางคางกับมือที่ประสานกัน ท่าทางพี่พัชเป็นแบบนี้ทำผมไม่อยากสบตาคุยกับพี่เขาเลย อย่างที่เคยบอกไปว่าพี่พัชเป็นอาจารย์สอนจิตวิทยาด้วย มองตาไอรักทีไร ขุดความลับออกมาประจานกันตลอด ถึงแม้ว่าพี่เขาจะเคยบอกว่า ‘กูคนนะ ไม่ใช่กระสือ จะได้ควักตับไตไส้พุงคนอื่นออกมากิน ไอ้ห่า กลัวกูกันทำไมนักหนาวะ’ ครับ ขนาดไอ้พิชที่เป็นน้องพี่ยังกลัวพี่แกหัวหด แล้วไอ้ผมที่เป็นคนนอกครอบครัวเขาจะไปเหลืออะไร

“รู้สึกว่า...มึงจะดูมีความสุขกว่าที่เคยเป็นอยู่นะ ไงละ พึ่งเจอเรื่องดีมาละสิ” เหยด เหยด เหยด....

“อะไรครับ” พยายามตอบเสียงไม่ให้สั่น แล้วกอดอกมองตรงไปยังอีกคน แล้วเดินมานั่งตรงข้าม ไอ้เจ้าของห้องมันไม่เชิญ ผมก็วิสาสะเอาเองแล้วกัน ยืนนานๆเมื่อย ปวดหัวจี๊ดๆอีกต่างหาก

“หึหึ มึงกำลังProtectตัวเอง” เสียงปลายปากกากระทบโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ พลางมองมือที่กอดอกอยู่ ผมคลายแขนแทบไม่ทัน

“พอเถอะครับ ผีผมไม่เคยกลัว กลัวแต่พี่นี่ละ” แม่ง ขอยอมรับ ผมเป็น(ว่าที่)หมอที่กลัวนักจิตวิทยาเป็นที่สุด ทุกคนย่อมมีความลับในจิตใจกันอยู่แล้ว และถ้ามีใครตั้งข้อสันนิฐาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข้อสมมติก็เถอะ แต่ข้อสมมติฐานของนักจิตวิทยานี่ละที่อยู่บนพื้นฐานการสังเกตชั้นเยี่ยม จนผมอดระแวงไม่ได้

“แล้วเป็นไงละ”

“หือ?”

“กับไอ้ถึกคนนั้น”

“อ๋อ ไม่มีอะไรนิครับ เรื่อยๆ”

“ตาหลุกหลิก!” เหยด.............

“ก็ ก็เรื่อยๆ”

“ตอบตะกุกตะกัก!”

“โอเคครับ” กูยอมแพ้ แล้วพูดต่อ

“ก็ดีครับ ดีมาก ไม่สิ โคตรๆเลยละ” พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ใช่เพราะเรื่องที่พูดมันตรงข้ามกับใจนะครับ แต่ถอนหายใจให้คนตรงหน้านี่ละ แม่ง กดดันผม

“อาฮะ” พี่พัชแสยะยิ้มเหมือนตัวร้ายในละคร บุคลิกพี่ท่านไม่ควรจะเป็นอาจารย์ได้เลยสักนิด ให้ตายสิ

“หึหึ แล้วไม่ได้มากับพวกนั้นหรือ” กว่าพี่แกจะวกเข้าเรื่อง เกริ่นคำนำสารบัญไปเกือบสิบหน้าได้

“พอดีมากับคุณน้ำ..เอ่อ เกียร์น่ะครับ” จะว่าไปก็มานานแล้ว หวังว่าป่านนี้คงไม่อารมณ์เสียอยู่หรอกนะ แค่คิดก็มึนหัว

“ไปได้แล้วปะ นั่งกังวลอยู่นั่นละ เวลาคิดเงินก็บอกบริกรแล้วกันเดี๋ยวจะจัดการให้ อ้อ วันหลังพามาแนะนำด้วย ยังไม่เคยคุยจังๆสักที เคสนี้..น่าท้าทายดี หึ” เห็นเป็นเพื่อนสนุกไปได้ เฮ้อ อยู่กับพี่พัช ไอรักนับการถอนหายใจของตัวเองไม่ได้เลยครับ เยอะเกิน

“คร๊าบครับ ไปแล้วนะพี่ สวัสดีครับ”

“เออ กินยาดักหน่อยก็ดีนะ คงไปสนุกเพลินมาละสิ...หึหึหึ”

เอาละ ขอไอรักออกจากห้องนี้อย่างไวที่สุดทีเถอะ



“นาน!” ดูมันกระชากเสียง เออ ครับ ไอรักยอมรับผิดทุกประการ ไอรักผิดเองครับ

“อ่า แล้วคนอื่นละครับ” หันไปมองดูรอบๆไม่เห็นคนในโต๊ะเลยนอกจากเกียร์กับผม

“เต้น” เสียงยังแข็งอยู่ไม่เปลี่ยน

“แล้วไม่ออกไปเต้นบ้างเหรอครับ มานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่เบื่อเหรอ”

“..เฝ้าของ รอคน ก็หมดเวลาแล้ว” เดี๋ยวนี้นางอัพเลเวลมีการประชดประชันแล้วนะครับ

“อ๋อยย ขอโทษนะครับ ไปคุยแปบเดียวเอง” ผมเอาหน้าไปถูๆกับแขนมัน อยู่ดีๆมันก็ดึงผมจนเซถลาไปชนกับอกมัน

“ตัวร้อน ไม่สบายหรือเปล่า” มันก้มกระซิบชิดหูหลังจากที่ผมสะบัดหน้าเพราะยังมึนหัวอยู่ เออแฮะ ไข้กินแล้วนี่เอง ถึงได้ว่ามันล้าๆ แล้วยิ่งมาฟังดนตรีหนักๆเสียงดังแบบนี้ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ ผมอ้อมแอ้มตอบมันอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ปวดหัวทั้งแต่คาบเรียนแล้วน่ะครับ ไม่คิดว่าจะเป็นไข้” เกียร์รีบจูงจะออกไป แต่ผมรั้งไว้ก่อนพลางชี้ที่โต๊ะ

“ไม่มีของสำคัญ” มันพูดแค่นั้นแล้วแหวกทางลากผมออกจากร้าน ก่อนจะส่งข้อความไปหากรุ๊ปเพื่อนในโทรศัพท์ว่าขอกลับก่อน พอเสร็จก็หันมาใส่หมวกให้ผมแล้วก็ตัวเอง

“ทนลมหน่อยนะ” มันเปิดกระจกหมวกกันน็อคออกมาแล้วคิ้วขมวด ส่งสายตาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยมาให้ ผมยิ้มรับ ไม่รู้มันเห็นหรือเปล่า เพราะกระจกหมวกของผมสีค่อนข้างทึบ รู้สึกดีนะครับเวลาที่มีคนมาห่วงเรา กังวลเรื่องของเราทั้งที่บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่หลวงก็ตาม ผมพิงหลังหนาแล้วกอดเอวมันหลวมๆ อยากจะกระชับให้ไออุ่นส่งผ่านไปให้มัน แต่ก็ไม่ค่อยมีแรงจะทำอะไรเท่าไรนัก


TBC--------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

+ก่อนสอบ ขอโพลต์ก่อนเถอะ สอบไม่เสร็จเสียที อ๋อยยยย
+ไม่รู้ลืมกันไปหรือยัง หวังว่าจะไม่ลืมกันนะคะ ขอโทษทุกคนด้วยที่มาต่อช้าไปหน่อย :hao5:

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ห่วงใยเอาใจใส่กัน...น่ารักที่สุด!!! :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด