ตอนที่ 10 : อดทนเวลาที่ฝนพรำ
หลังจากทะเลเฮฮา สุราฮาเฮ ตลอดเดือนเมษายน ของวัยอลวนทั้งหลาย เดือนต้นฤดูฝนก็มาถึง
“ตกลงสมัครม.กรุงเทพฯใช่ป่ะคับ” ผมถามไอ้ที่รักมันเสียงเรียบๆ บนเตียง ในวันแรกที่ฝนตก บ่งบอกว่ากาลเวลาเปลี่ยนผ่านแล้วสู่วสันตฤดู
“อืมใช่ๆ เดี๋ยวไปสมัครกับไอ้ชิงอ่ะ” พี่ชิงกับไอ้พี่เซนเลือกเข้าที่นี่อ่า ส่วนพี่โอตดังคาดคับ ไปเชียงใหม่จริงๆ พี่ปริ๊นร้องไห้ไปเป็นอาทิตย์เลย ตัวเค้าก็ติดเกษตรคับ เก่งเหมือนกันนาพยายามจนได้ พี่โค๊กไป มศว. พี่ฟ้าไปศิลปากรทับแก้วโน่น แล้วก็พี่แนทไปลาดกระบัง และอาเฮียต้าของผมประจำการฐานทัพอยู่ที่เอแบคคับ คนละที่เลย เลือกกันยังไงวะเนี่ย
“แล้วตกลงไปอยู่หอป่ะ” ไม่อยากให้ไปเลยอ่ะ เต้เหงานะค้าบที่รัก(ประโยคนี้พูดในใจนะขอรับ อายยย)
“ก็เทอมแรกคงลองเทียวดูก่อนอ่ะ ถ้าไม่ไหวค่อยไปอยู่หอ” พูดจากแบบว่าธรรมดามาอ่ะคับ เล่นคอมไป ตอบไปไม่สนใจกุเล้ยยยย เรื่องซีเรียสนะเว้ย
“ไม่อยากให้ไปอยู่หอเลยอ่ะ” หลุดปากมาละ ...ทำฟอร์มมาตั้งนาน รังสิตนะคับ ไกลโขเลยยย
“ก็ยังไม่ได้ไปสักหน่อย” สงสัยจะเริ่มรู้ตัวว่า ไอ้เต้เริ่มงอนที่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เลยละมือจากเมาส์แล้วลากเก้าอี้มาที่เตียงซึ่งผมนอนเกลือกๆกลิ้งๆอยู่
ทำหน้าบึ้งๆใส่ อ่ะ แบบว่า อ้อนอ่ะ ไม่อยากให้ไปอ่า คิดถึงอ่า ...โหยยยยหลายอารมณ์มากมาย สุดท้ายก็เลยโผกอดที่รักจนได้ ...เขิลว่ะ
ไอ้พี่เซนก็กอดผมไว้แน่นเหมือนกัน แล้วก็จูบเบาๆ ทีนึง เบาๆจริงๆนาไม่มีลิ้นมาดันๆอะไรทั้งนั้น 5555
กอดกันอยู่แบบนั้น ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ ไม่อยากปล่อยอ้อมกอดนี้เลยอ่ะ เฮ้อออ
...เข้าใกล้...จากไกล
“รีบๆเรียนนะ แล้วไปอยู่ด้วยกัน” อ่ะคำพูดที่ดูจริงจังแต่ดูไม่เป็นความจริงเอาเสียเลย มันเหมือนคำพูดในฝันของเราสองคนมากกว่าอ่ะคับ ผมรู้สึกว่าถนนมันไม่ใช่ทางเดิมแล้ว ไม่ว่าเราจะยังเดินด้วยกันต่อไปหรือไม่ แล้วไอ้คำสัญญาอะไรแบบนี้เหมือนเป็นคำปลอบใจมากกว่าอ่ะ ถึงผมจบม.6 ถึงจะเลือกมหาลัยเดียวกัน มันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว
“คับ” ผมตอบไปสั้นๆ ยิ้มให้ด้วยความจริงใจ แต่ความรู้สึกคงไม่แตกต่างกันนัก มันรู้สึกว่าปลอบใจมากกว่าอ่ะ...
ไม่ร้องไห้หรอกนา แค่นี้ ฮือๆ ผู้ชายเค้าไม่ร้องไห้กันหรอก ....................... สุดท้ายผมก็สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดจนได้ ไอ้เต้เอ้ยยยยย ไอ้ขี้แย ได้แต่ด่าตัวเองในใจ ฮือๆๆๆๆ
ตื่นเช้ามาตาบวมไปเลย เฮ้อออ
“เต้ทำไมตาบวมจัง” แม่อ่า ถามไมเนี่ย ผมอายนะ (แม่พี่เซนนะคับ เมื่อคืนนอนบ้านพี่เซนอ่ะ)
“ก็..” ยังไม่ทันอ้าปากตอบ แม่พี่เซนก็แซวต่อ
“แกล้งไรน้องฮะเซน” แอะ หน้าแดงเลย แม่เล่นแซวต่อหน้าแบบนี้ กระผมหน้าบางนะค้าบบ
“ป่าวนะ เซนยังไมได้ทำไรเลยอ่ะ” ไอ้พี่เซนทำหน้าตาใสซื่อปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยกมือสาบาน เหอๆ หมันไส้
“แล้ววันนี้ไปไหนกันรึป่าวเนี่ย” วันนี้วันอาทิตย์คับ แม่เค้าเลยอยู่บ้าน
“ว่าจะไปเจเจอ่ะแม่” ลูกชายก็ตอบแม่เค้าไป ผมก็เดินเข้าไปในครัว แกะน้ำส้ม น้ำเต้าหู้ แล้วก็อะไรอีกสาม สี่อย่างที่แม่เค้าไปซื้อมาไว้แล้ว ใส่ถ้วยใส่จาน มาที่โต๊ะ
“หาเรื่องเสียตังค์ได้ตลอดนะเจ้าเซน” สมน้ำหน้า โดนบ่นเลย บอกแล้วไม่เชื่อให้ไปดูหนังกับเค้า อิอิอิ
“อ่ะก็อยากได้กางเกงใหม่อ่ะแม่ เตรียมไว้ใส่ไปเป็นเฟรชชี่ไง เดี่ยวลูกชายแม่หล่อน้อยหน้าคนอื่นๆเค้า” อ่ะ อ้อนเชียวนะ ว่าแล้วก็แบมือขอเงินตามสไตล์
“อารายฮะ จะไปก็ไปสิ มาแบมงแบมือ”
“ไปแต่ตัวได้ไงอ่ะแม่ ตังค์ด้วยดิ”
ผมก็ยกถาดมาที่โต๊ะพอดี (อารมณ์ลูกสะใภ้จริงๆกู ไม่ช่ายนา อิอิอิ)
“เต้ ดูพี่เซนสิไม่ดีนะเนี่ย อย่าเอาเป็นตัวอย่าง วันๆเอาแต่เที่ยวแล้วยังมาขอตังค์บ่อยๆอีก ไม่เคยช่วยพ่อแม่ประหยัดเลย”
แม่ฮะ...ผมก็ไปกับลูกชายแม่อ่ะฮะ งี้แม่ก็ว่าผมด้วยสิฮะ แอบเคือง หุหุ
แล้วผมกับไอ้ที่รักก็รับฟังเทศน์ไปหนึ่งกัณฑ์พร้อมตังค์ไปจำนวนหนึ่ง
วันนี้ไม่ได้ไปกันสองคนหรอกคับ มีพี่โอต พี่ปริ๊นด้วย ที่เหลือนัดกันกินข้าวตอนเย็นอ่า เค้าไม่อยากไปกัน เลยมีแค่สองคู่ชู้ชื่น
“อ้าวเต้ แต่งตัวซะหล่อเชียวมาเจเจนะไม่ได้ไปเดินแคทวอลค์” ไอ้พี่ปริ๊นทักทายผม วันนี้ผมใส่เสื้อเชิตอ่า แถมยัง มีแว่นด้วย เต็มที่ๆ คนมานหล่อก็เงี้ยะแหละน้า (อายเหมือนกันนะเนี่ย)
“อ่ะ” เขิลก่อน สามวินาที แล้วค่อยคุยต่อ “พี่ปริ๊นก็น่ารักนะวันนี้” ยอกันเองนี่ล่ะเนอะ
“เมียกูหนิ” ไอ้พี่โอตที่นั่งอยู่ถัดไปตอบมาเสียงดัง ไม่อายคนขับแท็กซี่ไงวะเนี่ย ดีนะไอ้พี่เซนมันนั่งเงียบ เหอะๆ
“เหอะๆ เออกูยกให้ น่ารักสุดแล้วเมียมึงอ่ะ” อ่ะไอ้พี่เซน สงสัยคันปาก ยื่นหน้าเข้ามาร่วมแจม
“แต่เมียกูสุดยอดกว่าว่ะ” เฮ้ยยยยยยยยย ไอ้บ้าเซน ทะลึ่งนะ ไอ้พี่ปริ๊นก็หัวเราะเฮฮาไปกับเขา ไม่อายไงวะ พี่ปริ๊นนี่แมนมากนะคับ ไม่มีมาสาวแตกเปรี๊ยะๆ เวลาเล่นบอลยิ่งโหดด้วยอ่ะ แต่เวลาไอ้พี่โอตมันเรียกเมีย นี่เห็นยิ้มรับหน้าบาน ไม่มีอายเลยยย เหอๆๆ
ว่าแล้วไอ้เต้ก็รีบแทรกแผ่นดินหนี...
เฮฮากันไปจนถึงเจเจ ผมก็ลงมา ไมได้สนทนากับใคร ไม่ใช่ว่างอนนะคับ แต่เบื่ออ่ะ ใจจดจ่อกับของต่างๆมากมายดีกว่า ตั้งใจมาดูหลายอย่างเลย
ค่อยๆเดินกันไปคับ แอบเห็นไอ้พี่โอตแอบจูงมือพี่ปริ๊นบ่อยมากๆ ไม่อายสาธารณชนกันรึงายคับพี่ หือออ
“โอตๆ เอาเสื้อกันหนาวนี่ป่ะ ตัวนี้เท่ดีว่ะ” อากาศร้อนจะตาย พี่ปริ๊นมาอามรมณ์ไหนวะ
“ร้อนจะตาย เอาไปไม”
“ก็ตอนอยู่เชียงใหม่ไง”
“ปริ๊น โอตไปเชียงใหม่ ไม่ได้ไปเรียนต่อแคนาดานะ” ไอ้พี่โอตหันมาทำหน้าฮาบวกเซ็ง ผมกับไอ้พี่เซนก็ฮาคับ เฮ้ออออ คิดได้เนอะพี่
ไอพี่ปริ๊นก็ทำหน้าแอบงอนนิดๆที่โดนฮายกวง แต่เค้าไม่เหมือนผมอ่า เป็นผมหรอ งอนหนีไปและ นี่งอนได้นิดนึงก็หาย ว่าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกต่อ
“ไม่รู้อ่ะ เอาไปด้วย เผื่อมันหนาว ใส่แล้วได้คิดถึงปริ๊น” 55555555 ฮาต่อ
“อืมๆ ตามใจ อยู่โน่นใส่ไม่ใส่ค่อยอีกเรื่อง” ไอ้พี่โอต ปากนี่นะน่าโดนฝ่าเท้าปิดจริงๆ
“โห้ย กูว่าใส่ตั้งแต่ดอนเมืองละอย่างมึงอ่ะ” ไอ้ที่รักผมก็แซวเพื่อนรักไปแบบคนรู้ทัน
“เออออ” ไอ้พี่โอตหน้าแดงอ่ะ ไม่น่าเชื่อ
ทำเนียนเดินเข้าไปลองเสื้อตัวที่พี่ปริ๊นเลือกมา หล่อเชียวนะคับ แต่น้อยกว่าไอ้ที่รักผมนิดนึงอ่ะ
พอได้เสื้อมาละก็พากันเดินไปต่อ
“เฮ้ยปริ๊นจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ เงินเยอะหรอฮะ” เสียงไอ้พี่โอตเริ่มบ่น หลังจากถือของเต็มมือ
“ต่อไปก็ไม่ได้มาเดินด้วยกันบ่อยๆแล้วนะ” เหอๆ ไม่อยากฟังคู่นี้คุยเลยแฮะ มันดูหมองๆเศร้าๆชอบกล
พี่ปริ๊นก็ซื้อใหญ่ วันนั้นน่าจะหมดไปหลายพันอยู่
ผมกับไอ้พี่เซนก็ซื้อกันนิดๆหน่อยๆ ผมได้เสื้อมาสาม กางเกง หนึ่ง และที่ปลื้มสุดก็...
“เต้ๆ สร้อยสวยป่ะ” มันถามผมที่ร้านเครื่องประดับหลังจากมุดหัวเข้าไปเลือกอยู่ได้สักกะแป๊บ
“ไหนๆ” ดูแล้วก็ดีอ่ะคับ “สวยดีว่ะ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับเซนนะ เต้ว่ามันเส้นเล็กไป”
“ก็ใช่ดิ จะให้เต้นี่” เหอะๆ ไม่บอกแต่แรกวะจะได้มุดเข้ามาเลือกเองเลยยย 5555
นี่แหละคับคือของที่ชอบที่สุดที่ได้มาวันนี้ หุหุหุ
มองฟ้าแล้วก็เห็นมันเทาๆครึ้มๆมาแล้ว เวลาก็เย็นย่ำ บวกกับความหิว ก็เลยโทรบอกพวกพี่ๆที่เหลือ นัดแนะกันที่ร้านจิ้มจุ่มแถมๆศิริราชเจ้าประจำ(มันเลยไปทางกรมอู่หน่อยๆอ่า ร้านนี้อร่อยดีนะคับ)
พอมาถึงพี่ๆเค้าก็รอกันอยู่แล้วคับ ก็แถวบ้านแต่ละคนทั้งนั้น แล้วไอ้เต้ก็เริ่มจ้วงไม่ฟังเสียงและ หิวเฟ้ยยยย
“มึงซื้อไรมานักนาวะโอต” ไอ้พี่โค๊กเริ่มเจรจาและ แสดงว่าอิ่มคนแรก
“กูซื้อที่หนาย เมียกูหนิ ทำยังกับกูโดนเกณฑ์ไปรบชายแดน” นั่นดิผมเห็นด้วย
“ปริ๊นมึงไม่ต้องกลัวหรอก ไปโน่นเดี๋ยวก็มีคนดูแลมันเอง” พี่แนท สร้างความร้าวฉานคืองานของเรา 555
พี่ปริ๊นยังคงกินต่อไม่ตอบโต้
“อยู่โน่นเดินกาดของเยอะแยะพี่” ไอ้เต้คับ เดะเก่าเชียงใหม่ โคนาหน่อย
“แถมเดะๆที่นั่นหล่อเยอะพี่” ฮาๆๆๆ แต่ละที่ ปริ๊นเอย มงฟอร์ตเอย มอชออีก โอ้ยยยย คิคิคิคิ (รู้น้าคิดไรกันอยู่)
“รู้ดีนะ” ช่ายสิ เค้าอยู่ตั้งกี่ปี ไอ้ที่รักผมมันแขวะคับ แหมๆ ไม่ได้เลยนา กินต่อปายยยย อย่ามาหือ
“เต้ แล้วที่นั่นเกย์เยอะป่ะ” เสียงพี่ปริ๊นวางช้อนกับตะเกียบแล้วทำเสียงเรียบเอ่ยถาม
“โหยยยไอ้ห่ามึง” พี่ต้าพูดพร้อมกับผองเพื่อนพี่เค้าที่กัดแขวะกันสนุกสนาน ผมละสงสารพี่ปริ๊นมันจริงๆ ฮาๆๆ
กินกันเสร็จก็พากันมารำลึกความหลังที่สะพานพระรามแปด ลืมบอกไปว่าตอนกินนั่นฝนตกแปะๆคับ แต่ตอนนี้หยุดแล้ว อากาศบนนี้เลยเย็นแสนสบายยยย
“พี่ปริ๊นเชื่อเต้สิ พี่โอตไม่ทิ้งพี่หรอก เค้ารักพี่จะตาย” ผมบอกพี่เค้า ขณะเดินคุยกันสองคนบนสะพาน พวกนั้นก็ถ่ายรูปเล่นกันอยู่ ไอ้พี่โค๊กเอากล้องมาถ่ายอ่ะคับ
“เต้ ยังไงก็เหอะ มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” อ่านะ...พี่
“อ่ะอย่าคิดมากดิคับ”
“พี่ก็ไม่ได้คิดมากนะ แต่คิดว่าต่อไปจะไม่มีมันอยู่ใกล้ๆเหมือนเดิมมันก็ใจหายว่ะ ปกติทำอะไรไปไหนก็มีมันตลอด” เหอๆ จากที่ร่าเริงเมื่อกี้ดูเงียบลงไปทันที
“โหยพี่ บินไปแป๊บๆก็ถึง” อ่ะ ...ปลอบใจไงดีหว่า
“ออกค่าเครื่องให้สิวะ ฮ่าๆ” แง่วววว ไอ้เต้ต้องเก็บตังค์ไว้จ่ายค่ารถจากจรัญมารังสิตคร้าบบบบพี่น้องงงง
ก่อนจะน้ำตาไหลรินก็รีบจรลีไปรวมหมู่รวมพวกถ่ายรูปกับคนอื่นๆต่อดีกว่า งานนี้ได้รูปคู่ รูปหมู่กันมาหลายเชียว แล้วก็นอนเล่นกันบนสะพานยันดึกเลย เหอๆ อีกไม่กี่วันผมก็เปิดเทอมแล้ว พวกพี่เค้าก็เริ่มยุ่งกับการสัมภาษณ์ การสมัครอะไรกันแล้ว ต่อจากนี้ เวลานี้คงจะบันทึกไว้เพียงในความทรงจำแล้วสินะคับ สำหรับผมยังต้องใช้ชีวิตม.ปลายของตัวเองไปอีก 2 ปีคับ ต่อไปผมก็คงมากับเพื่อนๆ ตัวเองแล้วล่ะ
สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเบาๆอีกครั้งกลางดึกสงัด พวกเราจึงพากันแยกย้ายกลับบ้าน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะค่อยๆจางไป ฝากไว้กับสะพานใต้ดวงดาวแห่งนี้ …ดีใจมากเลยนะที่ได้มีความทรงจำดีๆแบบนี้ ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
***********************************************************