ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๔๔ เสี่ยงเหลือเกิน
-มาวิน-ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันคืบหน้าหรือว่าย่ำอยู่กับที่ เพราะทุกครั้งที่เราสองคนจะเริ่ม มันกลับจบลงกลางทางทุกที แม้ในบางครั้งอีกฝ่ายจะโอนอ่อนผ่อนปรนให้ก็ตาม แต่ก็เป็นผมเองที่ไม่กล้าจะรับข้อเสนอนั้นสุดท้ายก็ไปไม่ถึงปลายทางที่เราฝันเอาไว้
เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเมื่อรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะพังลงเหมือนทุกครั้ง เราคบกันเหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วๆไป อาจจะต่างตรงที่เรานอนกอดกัน จูบกันในบางครั้งแต่ก็จบลงที่เราทั้งคู่จะผละออกจากกันและต่างฝ่ายต่างก็นอน เพราะเราทำมากกว่านั้นไม่ได้
"ตอนมึงโดนเอาครั้งแรกเจ็บไหมวะ" ทั้งๆที่ไม่อยากถามธูป ทั้งๆที่ผมกับมันสองคนคบกันโดยที่ไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกลัว
ผมกลัวว่าวันนึงเมื่อมันเจอใครสักคนที่ให้มันได้ทุกอย่าง ให้ในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้แล้วมันจะเกิดการเปรียบเทียบและสุดท้ายมันก็จะทิ้งผมไป ผมไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้วไม่อยากอยู่กับฝันร้ายอีกแล้ว และเมื่อไม่อยากโดนทิ้งผมก็ควรทิ้งศักดิ์ศรีเอาไว้ข้างหลัง เป็นฝ่ายลงให้กับอีกคน
แค่โดนกอดมันไม่น่าอายอะไรเลย เมื่อคนที่กอดดเราคือคนที่เรารักและเขาก็รักเรา
"เรื่องแบบนี้มันอยู่กับความเอาใจใส่ในคู่ของมึง กูตอบไม่ได้หรอกว่ามึงจะเจ็บไหม หรือรู้สึกดีรึเปล่า ทุกอย่างมันอยู่ที่คนสองคนที่จะตอบคำถามของมึงได้ มึงต้องลองเองแล้วจะเจอคำตอบ"
ถึงแม้จะไม่ได้คำตอบอย่างที่ใจต้องการแต่ผมก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่ธูปบอก อย่างน้อยมันคงไม่ถึงกับตายหรอกมั้งก็แค่เซ็กส์
หลังจากสอบเสร็จมันต้องเข้าไปเรียนรู้งานทุกอย่างของที่บ้านมัน เราจะไม่ค่อยได้เจอกันและไม่มีเวลาให้กันเหมือนแต่ก่อน ซึ่งทำให้ผมกลัวและระแวงว่ามันจะเจอใครใหม่ในสถานที่ใหม่ๆ ผมโหยหาความรักและเมื่อมีคนมารักผมก็เกาะติดและยึดเขาเอาไว้กับตัว แม้รู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมก็ทำ เพราะผมอยากเป็นที่รักของใครสักคน
ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าวันนี้ผมจะทำในสิ่งที่คิด หลังจากมันกลับมาจากบริษัทดูท่ามันจะเพลียเอาการงานคงเยอะและมันก็คงโหมทำงานตามสัญญาที่ให้ไว้กับครอบครัวเพราะเรื่องของผม ในเมื่อมันทำเพื่อผมขนาดนี้แล้วทำไมผมจะทำเพื่อมันไม่ได้
ผมเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเอื้อมมือปลดเนคไทให้ มันมองหน้าผมงงๆเพราะสิ่งที่ผมทำต่อจากนี้ผมไม่เคยทำให้มันเลยสักครั้ง
ผมก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่าย มันยืนนิ่งให้ผมปรนนิบัติโดยไม่ขัดขืน ร่างสูงเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าผมแม้จะเคยเห็นกันมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ชินป่ะวะที่ผู้ชายจะมาแก้ผ้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้
"ไปอาบน้ำ" ผมบอกมันพร้อมกับลากร่างสูงที่ยังยืนนิ่งให้เดินตามเข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน
"......"
"ลงไปแช่ในอ่างดิ" ทำไมผมเหมือนตาแก่หื่นๆที่กำลังจะล่อลวงเด็กสาวเลยวะ
"มึงไม่สบายรึเปล่าวะ" มันก้าวขานั่งลงในอ่าง เอ่ยปากถามเมื่อผมบริการเปิดน้ำอุ่นให้มัน
อ่างอาบน้ำในห้องผมค่อนข้างใหญ่ลงอาบสองคนได้สบายดังนั้นจึงไร้ปัญหาเรื่องขนาดตัวของเราสองคน
ผมถอดเสื้อผ้าก่อนจะก้าวลงไปในอ่างขจัดความอายที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆให้หายไป นั่งลงคร่อมร่างสูงใหญ่เอาไว้ อีกฝ่ายยกมือขึ้นเกาะเอวผมเพื่อให้ก้นผมถูไถกับอะไรๆที่ใหญ่โตของมัน
"เป็นอะไรหืม" มันกระซิบถามพร้อมกับพรมจูบไปทั่วทั้งตัวของผม
"เปล่า" จะบอกยังไงว่าอยากผูกมัดมันให้อยู่กับผม พูดไปมันคงหัวเราะกับความคิดเด็กๆของผมเป็นแน่
เราเริ่มจูบกันจากอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรง ร่างกายขยับเสียดสีไปมาจนน้ำในอ่างกระจายวงกว้าง เสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบโลน แต่ไม่มีใครสนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมันอยู่ใต้น้ำและมันกำลังตื่นเต็มตาเต็มมือ
ผมล้วงมือลงไปชักรูดมันเบาๆไม่เร่งเร้าเพราะต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆ
เสียงครางดังขึ้นข้างหูก่อนมือใหญ่จะหยุดสิ่งที่ผมทำ มันมองหน้าผมก่อนจะจูบย้ำๆลงมาที่ปาก มันยิ้มแต่แววตาเศร้า คงคิดว่าสุดท้ายเราก็หยุดเพียงแค่นั้นเหมือนทุกครั้งที่เราทำกัน
"พอเถอะ เดี๋ยวกูทำต่อเอง"
ผมโน้มตัวกระซิบหูอีกฝ่ายเบาๆ "เดี๋ยวกูทำให้" ก่อนจะแหย่ลิ้นเข้าไปในหูของมัน เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง มือซุกซนเริ่มสำรวจร่างกายผมอีกครั้ง
"ถ้ามึงไม่หยุดกูเองก็หยุดไม่ได้แล้วนะ"
"ก็ไม่ต้องหยุดสิ"
เมื่อได้ยินคำตอบของผมมันดันตัวผมออกจ้องมองผมอย่างหาคำตอบใหคำพูดนั้น
"มึงเป็นอะไรวิน บอกกู"
"เปล่า"
"อย่าโกหก"
"ก็........" สุดท้ายผมก็จำต้องเล่าเรื่องที่อยู่ในหัวให้มันรับรู้ ไอ้แมนเมืองตบหัวผมดังป๊าดเมื่อผมเล่าจบมันบอกว่าผมคิดมาก มันไม่มีทางเลิกกับผมเพียงเพราะเรื่องเซ็กส์
ผมกลัว ผมผิดมากหรือไง
สุดท้ายแผนผมก็เหลวไม่เป็นท่า ผมลุกจากอ่างอาบน้ำล้างตัวก่อนจะออกจากห้องน้ำ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตวัดผ้าห่มคลุมตัวปิดกั้นทุกอย่างเมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธที่จะสนองต่อข้อเสนอของผม โคตรน่าอายเลยเสนอแต่เขาไม่สนองแทบยังโดนด่าโดนตบหัวอีก
เซ็ง
เตียงนอนยวบลงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียง มันดึงทึ้งผ้าห่มที่คลุมร่างผมอยู่ เมื่อผมจับเอาไว้และมันดึงออกไม่ได้มันเลยมุดผ้าห่มเข้ามาทำร้ายกัน
"เฮ้ย อะ ไอ้แมน อ๊า ดะ เดี๋ยว" มึงเลียมันทำไมมันหลับอยู่ดีๆไปปลุกมันทำไมวะ
ผมบิดเร้าร้องครางอย่างทรมานเมื่อความรู้สึกอุ่นๆกำลังกลืนกินตัวตนของผม
ไอ้แมนตวัดผ้าห่มออกมันจ้องหน้าผมก่อนจะยิ้มให้ "ในห้องน้ำมันแคบ บนเตียงดีกว่า"
"อะ ไอ้เลว"
ไอ้แมนแยกขาผมออกจากกันมันก้มหน้าจัดตำแหน่งให้ใบหน้าของมันตรงกลางลำตัวผมก่อนจะก้มลงมาดูดชิมอย่างเมามัน ผมครางลั่นห้องซี๊ดปากเหมือนกันของเผ็ด บิดตัวไปมาอย่างไม่อาจห้ามได้ มันเคลื่อนตัวขึ้นมาปิดปากผมด้วยจูบอันเร้าร้อนกดสะโพกให้สัมผัสของกันและกันเสียดสีจนเกิดอารมณ์
"กูอยาก" เสียงแหบพร่าบอกสิ่งที่ต้องการ
"ทำสิวะ"
"เอาจริง" มันเงยหน้ามามองเหมือนไม่แน่ใจ
"อืม" ผมรับคำอีกฝ่ายจึงผละออกไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเจลที่มันซุกเอาไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง
"ไม่ใส่ถุงนะ" มันเดินกลับมาออดอ้อน ผมพยักหน้าอนุญาต ผมไว้ใจมันเพราะเราสองคนเพิ่งไปตรวจเลือดกันมา ถึงไม่มีอะไรกันแต่เราก็ตรวจเป็นประจำ มันบอกว่าตรวจไว้ไม่เสียหาย
ไอ้แมนเมืองจับขาผมแยกออกจากกันก่อนจะก้มลงเลียช่องทางด้านหลังให้ ผมถดตัวหนีหุบขาลงทันที
"ไม่เอาสกปรก"
มันจับขาผมลากกลับไปท่าเดิม "กูเต็มใจ และตัวมึงก็ไม่สกปรก"
"อ๊า อ๊ะ โอ้ว" ไม่เป็นภาษาล่ะครับ ครางอย่างเดียว ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในร่างกายก้นผมกระดกลอยจากพื้น มือจิกผ้าปูที่นอนกำเอาไว้แน่นจนกลัวว่าจะขาดติดมือ
เจลเย็นๆชะโลมลงบนช่องทางด้านหลังก่อนที่อีกฝ่ายจะเอามาป้ายที่อาวุธของมัน ไอ้แมนเมืองตีอาวุธของมันกับก้นผมสองสามครั้ง ปากมันร้องบอกว่าอย่าเกร็งๆ ส่วนพยายามผ่อนลมหายใจทำตามที่มันบอก
"โอ๊ย!!เดี๋ยวๆเจ็บ" ใครบอกกูว่าไม่เจ็บ ไหนบอกว่าอยู่ที่ความเอาใจใส่อยุ่ที่คู่ของเราไงวะ ผมว่าจริงๆมันอยู่ที่อาวุธที่ใช้เผด็จศึกมากกว่านะ
เจ็บสัดๆ
"อย่าเกร็ง" มึงก็พูดได้ ลองผลิกบทบาทกันไหมล่ะ
"กูไม่ได้เกร็ง แต่มันเจ็บอ่ะ" น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาจากหางตาเลยอ่ะ
ไอ้แมนเมืองกดแช่อาวุธของมันไว้อย่างนั้น มันพยายามหลอกล่อผมให้สนใจจูบของมัน และก็ได้ผลเมื่อผมยกมือสอดนิ้วเข้ากับกลุ่มผมของมัน ส่วนตัวมันก็ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาในร่างผมจนประสบความสำเร็จ
เราสบตากันก่อนมันจะขอขยับสะโพกเมื่อผมอนุญาต บทรักอันร้อนแรงก็เริ่มต้นขึ้น เสียงครางเสียงเตียงกระทบผนังดำเนินไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแรกเริ่มอาจะเจ็บจนทรมาน แต่เมื่อผ่านพ้นไปได้ความหฤหรรษ์ก็เข้ามาแทนที่ เราก่ายกอดกัน จูบกัน บอกรักกันโดยใช้ภาษากาย มันเป็นของผม ผมเป็นของมัน
เราเป็นของกันและกัน
หลังจากบทรักอันร้อนแรงจบลงมันกอดผมแนบกายพรมจูบไปทั่วใบหน้า เรามองตากันก่อนจะหัวเราะออกมา ความรู้สึกมันเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ทิฐิที่เคยมีผมปล่อยวาง ความกลัวที่เคยสัมผัสมีคนมาขจัดมันออกไป ความรักที่โหยหามีคนหยิบยื่นมาให้
แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผม
"พ่อนึกว่าต้องทำบ้านใหม่"
ผมแทบสำลักข้าวต้มเมื่อพ่อพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาเฉยๆไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"พ่อ" ผมท้วง
"ป้าก็ได้ยินนะคะ คิกๆ" เอาเข้าไป ป้าแย้มก็เป็นไปกับเขาด้วย
"ยกขันหมากมาขอลูกชายลุงด้วยนะ อย่าทำอะไรไม่รับผิดชอบ"
"พ่ออ่ะ"
"ครับลุงภาค"
"เรียกพ่อเถอะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
"ครับพ่อ"
"น้าพียิ้มอะไร" หาเรื่องใครไม่ได้ผมก็ลงกับน้าพีนี่แหละ เพราะน้าพีเป็นคนเดียวที่ยอมผมตลอด
"เปล่าครับ"
หลังจากวันนั้นครอบครัวไอ้แมนเมืองก็ยกขโยงกันมาที่บ้านผม มากันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ขนมากันหมด ผู้ใหญ่พูดคุยกันส่วนเด็กๆก็แยกออกมาอีกวง ผมโชคดีที่เข้ากับครอบครัวของมันได้ไม่มีใครรังเกียจสิ่งที่เราเป็น ข่าวของผมเป็นที่จับตามองหนังสือพิมพ์สายธุรกิจพาดหัวข่าวเสียใหญ่โต มีการจัดงานเลี้ยงเล็กกันภายในครอบครัว ลุงภัทรมาร่วมแสดงความยินดีพร้อมภรรยาคนใหม่
ลุงบอกว่าหลังจากที่พ่อออกไปทำธุรกิจของตัวเองกับน้าพี ลุงคือคนที่แบกรับปัญหาทุกอย่าง ปู่หวังพึ่งทางบ้านไอ้แมนเมืองให้ช่วยพยุงธุรกิจเพื่อแลกกับการที่ผมไม่ต้องหมั้น พ่อมันก็ยอมซื้อหุ้นในราคาที่โหดมาก ผมพยายามห้ามแล้วแต่มันบอกผมว่าบ้านมันไม่ยอมถูกเอาเปรียบ
ลุงภัทรเองก็สุดทนกับการจับคู่ของปู่เมื่อแม่ม่ายทรงเครื่องสามีตายทิ้งมรดกไว้ให้มากมายมาหลงชอบลุงและปู่ก็เห็นหนทางทำเงิน ปู่ให้ลุงภัทรคบหาแม่ม่ายคนนั้นเพื่อผลประโยชน์ที่ปู่ไม่เคยคิดจะวางมันลงเลยสักครั้ง
ปู่ทำเพื่อตัวเองไม่ใช่ลูกหลาน ลุงภัทรบอกว่าคนแบบนี้สุดท้ายจะไม่เหลือใคร เพราะลุงเองก็จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับภรรยาทางภาคใต้ลุงคิดเอาไว้ว่าจะจับธุรกิจเกี่ยวกับรีสอร์ต อาจจะไม่ทำใหญ่โตเพราะลุงเองก็ไม่มีเงินทุนมากมายขนาดนั้น เมื่อได้ฟังไอ้แมนเมืองจึงเสนอขอซื้อหุ้นของลุงภัทรทันที
ทุกคนรู้ว่ามันจะทำอะไรแต่กลับไม่มีใครห้าม เพราะถือว่านี่คือใบเบิกทาง ทางด้านธุรกิจของมัน ไอ้แมนเมืองเป็นคนเด็ดเดี่ยวมันไม่ใจอ่อน และผมก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทำร้ายญาติตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่เคยมองว่าผมเป็นหลานและหาประโยชน์จากผมทุกอย่างก็เถอะ
"กูไม่ทำให้ปู่มึงหมดตัวหรอก แค่ทำให้เขาได้คิด" มันบอกผมหลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา
"แต่"
"ไม่มีแต่ เขาทำให้พ่อมึงกลายเป็นคนเลวในสายตามึง ทำให้แม่มึงตรอมใจตายเพราะไม่ได้อยู่กับคนรัก คนแบบนี้ต้องโดนเวรกรรมตามทัน และกูจะจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเอง"
แววตามันดุดัน เอาจริง ผมจึงไม่คัดค้านอะไร เพราะมันบอกว่าเรื่องนี้มันทำเอง ถ้าจะบาปก็มันคนเดียว
และก็เป็นดั่งคาดปู่บุกมาหาพวกเราที่บ้านเมื่อรู้ข่าวระหว่างผมกับมัน ปู่ ย่า ด่าทอพ่อและน้าพี ลามไปถึงครอบครัวไอ้แมนเมืองที่มาทานข้าวที่บ้านของเราในทุกๆวันหยุด
ตายายเองก็ไม่สบอารมณ์เพราะข่าวที่ออกไปทำให้ชื่อเสียงของบริษัทท่านได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
ไอ้แมนเมืองจึงเปิดฉากทวงสัญญาซึ่งปู่ก็ทำหูทวนลม บอกเพียงแต่ว่าในเมื่อไม่มีลายลักษ์อักษรปู่ก็ไม่คิดว่ามันคือข้อตกลง ผมรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายวัยเจ็ดสิบตรงหน้าผมเจ้าเล่ห์ขนาดไหน
"ก็ดีครับที่ท่านพูดแบบนี้" ไอ้แมนเมืองยื่นสัญญาซื้อขายหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ลงบนโต๊ะ
ปู่ตะครุบใบสัญญานั้นขึ้นดูด้วยมือที่สั่นเทา ท่านคำรามชื่อลุงภัทรด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
"สัญญานี้เป็นโมฆะ" ท่านโยนสัญญาลงบนโต๊ะไม่ยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง
"มันมีผลทางกฎหมายครับ" ไอ้แมนเมืองพูดเสียงเรียบๆ "ตอนนี้ผมมีหุ้นในมือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ และเผื่อท่านจะไม่ทราบผมได้ซื้อหุ้นจากคุณพิภพห้าเปอร์เซ็นต์ คุณดารัณอีกห้าเปอร์เซ็นต์ และผู้ถือหุ้นคนอื่นๆอีกคนละหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ทำให้ตอนนี้ในมือผมมีหุ้นทั้งหมดหกสิบเปอร์เซ็นต์ ผมคือเจ้าของคนใหม่ของ เวโทรกรุ๊ป"
ปู่ลุกขึ้นหันไปกระชากคอเสื้อตา ตะคอกถามว่าเรื่องจริงหรือไม่ และเมื่อตาอึกอักปู่จึงหาดหมัดหนักไปที่ใบหน้านั้นอย่างจัง
"มันหลอกผม แกหลอกฉัน" ตาลุกขึ้นชี้หน้าไอ้แมนเมือง เมื่อรู้ว่าทั้งหมดคือแผน แผนที่จะโค่นอำนาจของปู่ลงจากวงการธุรกิจ
"ท่านควรพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆได้แล้วนะครับ ส่วนเรื่องบริษัทผมจะดูแลต่อเอง เอ่อ ผมจะประชุมบอร์ดบริหารในวันพรุ่งนี้ และเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ด้วย ผมไม่ชอบชื่อเก่าเท่าไหร่ คุณเห็นด้วยไหมครับ"
ปู่อาละวาดจนต้องให้ลูกน้องของพ่อไอ้แมนเมืองลากตัวออกไป ตายายมองพวกเราอย่างเครียดแค้นแต่ท่านทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านก็โลภเห็นแกเงินที่ไอ้แมนเมืองหยิบยื่นให้โดยไม่รู้ว่ากำลังตกลงไปในกลลวง สุดท้ายท่านได้เงินแต่เสียเกาอี้ผู้บริหารไปเพราะความโลภ
จนิงอยุ่ที่ท่านสมควรจะพักได้แล้ว แต่การลงการตำแหน่งที่สูงสุดด้วยวิธีนี้ผมว่าคนที่พยองและหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างท่านคงรับไม่ได้ และอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครๆ
ถึงจะสงสารแต่ผมไม่สามารถหยิบยื่นความเห็นใจให้ได้ เพราะท่านแม่จึงตรอมใจตาย และผมต้องดิ้นรนมากแค่ไหนกว่าจะผ่านมันไปได้ ส่วนพ่อก็จมอยู่กับความทุกข์ใจ ทุกคนล้วนได้รับผลพวงจากการกระทำของผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว
ผมว่าท่านคงรู้ซึ้งแล้ว่าบั้นปลายชีวิตที่ไม่มีลูกหลานมันทรมานแค่ไหน มีเงินทองชื่อเสียงมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้เรามีความสุขได้มากเท่ากับคนในครอบครัว
"โกรธกูไหม" มันถามหลังจากที่ผมอ่านข่าวในหนังสือพิมพิ์
"ไม่อ่ะ" ผมพับหนังสือพิมพิ์วางลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจเพราะเนื้อข่าวที่อ่านไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ปู่ย่าเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เคยแวดล้อมไปด้วยบริวาร แต่บัดนี้กลับไม่เหลือใครนอกจากท่านสองคน คนแก่สองคนที่ยังถือทิฐิและอับอายเกินกว่าจะให้ใครรับรู้ว่าไม่เหลืออะไร ทั้งๆที่ท่านยังเหลือหุ้นในบริษัท แม้ไม่มากพอแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
เพียงแต่ท่านยังยิดติด ไม่ปล่อยวาง
ตายายขายบริษัทและออกนอกประเทศเพราะไม่อาจทำใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้สื่อโจมตีเรื่องที่ท่านผิดใจกับปู่ ขุดข่าวสาวไส้กันจนเน่าเฟะ สุดท้ายผู้ดีหน้าบางก็รับความจริงไม่ได้ ใช้ชีวิตบั้นปลายในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก
"พรุ่งนี้ไปงานแต่งเจ้ชีส มึงเลือกชุดหล่อๆนะ" มันเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด
"จัดชายหาดมึงจะให้กูใส่สูทรึไง"
ไอ้แมนเมืองไม่ตอบแต่กลับจับมือผมขึ้นมาก่อนจะสวมแหวนในนิ้วนางข้างซ้ายให้ และมันก็ส่งแหวนแบบเดียวกันมาให้ผม เพื่อให้สวมให้มัน ผมบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายเช่นเดียวกับที่มันสวมให้ ตอนที่ทานข้าวกับครอบครัว เราแลกแหวนกัน แต่มันเป็นแหวนแบบผู้หญิงที่พ่อผมบอกว่าแม่มอบไว้ให้สำหรับสวมให้ลูกสะใภ้ เช่นเดียวกับบ้านมัน
ซึ้งแน่นอนว่าเราทั้งคู่ใส่ไม่ได้ แต่เราก็เก็บเอาไว้เผื่อว่าวันข้างหน้าเราตกลงจะสร้างครอบครัว ผมหมายถึงเรื่องลูกแน่นอนว่าผมท้องไม่ได้เราจึงคิดกันไว้เล่นๆว่าจะรับเด็กมาเลี้ยงไม่ก็อุ้มบุญ มันยังไม่แน่นอนนะครับ
"ให้แฟนธูปทำให้แมร่งไม่ลดให้สักบาท แถมโก่งราคาอีก" มันบ่นเมื่อผมสวมแหวนให้มันเสร็จแล้ว
"ทำไมไม่บ่นต่อหน้าเขาล่ะ"
มันส่ายหน้า "โหดขนาดนั้นขืนบ่นไปมันยิงกูขึ้นมามึงม่ายเลยนะเมีย"
เพลี้ย
"สัสตบปากกูทำไมเนี่ย"
"ใครใช้ให้มึงเรียกกูแบบนั้น" ผมลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนเพราะอดหงุดหงิดไม่ได้ ยอมให้กอดไม่ใช่จะมาเรียกเมียๆได้ตามใจชอบนะเวัย
"มึงเมียกูอ่ะจะให้กุเรียกว่าอะไร งั้นคืนนี้กูจะเตือนความจำมึงเอง" มันว่าก่อนจะวิ่งตามขึ้นมา
"นอนนอกห้องไปเลยมึง"
คู่ผมอาจจะไม่หวาน อาจจะไม่เหมือนคู่รักทั่วไปแต่เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น เรารักกัน แม้ไม่เอ่ยออกมาพร่ำเพื่อแต่เราก็รู้ว่าเรารักกัน ผมไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณอะไรดีที่ทำให้ผมได้เจอมัน แต่อย่างน้อยผมอย่างขอบคุณที่มันอยู่กับผม รักผมและไม่ทิ้งให้ผมต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง
แม่ครับวินมีความรักของวินแล้วนะครับแม่ แม่ดีใจกับวินไหม ต่อไปนี้วินจะไม่ร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว
END............................TALK: จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายของเรานะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ จะเม้นต์ไม่เม้นต์ก็ขอบคุณค่ะ