ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตที่ 11บินหาย...
ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน
เขารีบขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านตอนเห็นว่าบินหลับ
พอกลับมาอีกที่คนป่วยที่ควรจะอยู่บนเตียงก็หายไปแล้ว
ไกรศรเดินทั่วโรงพยาบาลอย่างร้อนใจ
ถามหานางพยาบาลที่เฝ้าชั้นอยู่ก็บอกว่าไม่เห็น
โรงพยาบาลเอกชนภาษาอะไร ทำไมไม่หัดดูแลคนไข้ให้ดี
ถ้าไข้ขึ้นสูงหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมากับบินแล้วใครจะรับผิดชอบ
ร่างสูงใหญ่บ่นหงุดหงิดในใจ
ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างสุด
คิดจะเดินเข้าไปหาตามร้านสะดวกซื้อ
เพราะบินอาจจะลงมาซื้ออะไรอยู่ก็ได้
แต่ยังไม่ทันได้เลี้ยวสายตากลับสะดุดเข้ากับบรรดาเก้าอี้นั่งรอคนไข้
ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ตรงด้านหน้า มีคนนั่งประปราย
และหนึ่งในนั้นก็คือคนที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วย
“ซ้าย! ซ้าย! นั่นยังงั้น!
อ้าวเฮ้ย! แล้วทำไมคะแนนไม่ขึ้นเนี่ย
ลุงเห็นมั้ยว่าโดนอยู่ชัด ๆ
กรรมการตาบอดรึเปล่าวะ เซ็งฉิบหาย!”
เสียงคุยอย่างใส่อารมณ์ดังขึ้น
เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้วงล้อมของกลุ่มชายสูงวัยสามสี่คน
ซึ่งนั่งเงยหน้ามองจอทีวีขนาดใหญ่บนผนัง
โดยมีชายหนุ่มในชุดคนป่วยนั่งตรงกลางจ้องจอทีวีตาไม่กระพริบ
“บินมาทำอะไรที่นี่”
คำถามที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังลุ้นเพลินๆ ต้องชะงัก
เหลือบมองคนมาเยือนแว๊บเดียวก่อนตอบสั้น ๆ
“ดูมวย”
“แล้วทำไมไม่ไปดูที่ห้องทีวีก็มี”
คำถามที่สองยังดังขึ้น
มิหนำซ้ำคนถามยังย้ายร่างของตัวเอง
มาหยุดยืนต่อหน้าอีกฝ่ายซึ่งยังคงทำที่เป็นไม่สนใจ
“ก็กูเบื่อ อยู่นี่มีเพื่อนคุยแก้เซ็งได้ตั้งเยอะแยะ
มึงหลบไปหน่อยดิ ยืนบังกู”
“ทำไมล่ะพี่ก็คุยเป็นเพื่อนบินได้”
คำถามที่สามตามมาติด ๆ อย่างไม่ลดละ
จนคนตอบส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างนึกรำคาญ
“อย่างมึงเนี่ยนะ มีแต่จะทำให้ยิ่งเซ็งกว่าเดิม”
“กลับเถอะบิน เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกรอบนะ”
“มึงอย่ามายุ่งได้มั้ยวะ
คนกำลังดูมวยมันส์ๆ
มึงจะไปไหนก็ไป แม่งเกะกะ!!”
บินหลาเอ่ยปากไล่อย่างชักเริ่มโมโห
ทว่า ไกรศรก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
พร้อมกับยืนยันในคำซ้ำ ๆ
“บินพี่บอกให้กลับ”
“ไม่เอากูไม่กลับ!!”
“ถ้าไม่กลับงั้นพี่จะอยู่ที่นี่แหละ”
“โอยย!! มึงจะอยู่ทำไมวะ
ไปไกล ๆ เลยไป๊!!
เหี้ยยย!! บังจอกูโว้ยยย!!”
คนหมดความอดทนลุกขึ้นตะโกนลั่นอย่างลืมตัว
...ทุกอย่างเงียบสนิทเมื่อสิ้นเสียง
สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องพุ่งตรงมาที่เป้าหมายซึ่งยืนชะงักค้าง
ก่อนนางพยาบาลคนหนึ่งจะเดินเข้ามาเอ่ยเตือน
“ขอโทษนะคะ รบกวนอย่าส่งเสียงดังด้วยค่ะ”
....อายเลยมั้ยกู
บินหลารีบเก็บหน้าที่แตกของตัวเอง
เดินฉับ ๆ หลบสายตาผู้คน
ตรงขึ้นลิฟต์กลับห้องทันที
ซึ่งแน่นอนว่า...
ยังคงมีใครอีกคนเดินตามมาข้างหลังเป็นเงาตามตัวไปตลอดทาง
จนเขาได้แต่นึกคาดโทษไว้ในใจ
...ไอ้หน้ามึนนี่มันจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเขากันหนักหนาวะ
แค่ลงมาดูมวยแค่เนี่ย ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้
ถึงจะมีไข้อยู่บ้างแต่มันก็เริ่มลดแล้ว
โชคดีที่ไม่มีเลือดออกตามช่องท้องหรืออวัยวะอื่น
หมอบอกว่าเพราะร่างกายเขาแข็งแรงพอสมควร
แต่ก็ยังต้องคอยเฝ้าระวังไว้จนกว่าจะหายดี
เขาเลยต้องทนนอนอุ้ดอู้อยู่ในห้องเฉย ๆ
แต่แค่สามวันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว
ไอ้หน้ามึนที่อยู่ด้วยนี่ก็ไม่ได้ช่วยแก้เบื่ออะไรเลย
กลับจะทำให้ปวดหัวมากขึ้นกว่าเก่า
ตามติดเขาเหมือนผีขอส่วนบุญ
ไล่เท่าไรก็ไม่ยอมไป ไม่รู้ว่าคิดยังไงของมัน
“ถามจริง ตามกูทุกวัน มึงไม่เบื่อบ้างเหรอ”
ความสงสัยถูกกลั่นเป็นคำพูด
หลังจากที่เขาหย่อนตัวนั่งแหมะลงบนเตียงอย่างเซ็ง ๆ
“ไม่เบื่อหรอก อยู่กับแฟนจะเบื่อได้ยังไง”
...ไอ้คำนี้อีกแล้ว
เอะอะอะไรก็อ้างคำนี้ตลอด
เมื่อไรจะเลิกเหมาเอาเองสักทีวะ
“นี่กูต้องเคลียร์กับมึงอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจห่ะ
กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่แฟนมึง
อีกอย่างคนเป็นแฟนกันเขาไม่ทำกันแบบมึงหรอก”
คนฟังที่กำลังรินน้ำใส่แก้วชะงัก
ขมวดคิ้วถามอย่างงง ๆ
“พี่ไม่เหมือนแฟนบินเหรอ”
“เออ ถ้าไม่นับไอ้ที่ตามติดกันแบบนี้
กูก็ไม่เห็นว่ามึงจะทำตัวเหมือนแฟนกูตรงไหน”
บินหลาตอบไปอย่างที่ใจคิด
พลางเอื้อมมือรับน้ำที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก่อนกระดกดื่มแก้กระหาย
“แล้วคนเป็นแฟนกันต้องทำแบบไหน”
คำถามที่ได้ยินทำเอาคนฟังต้องหยุดนิ่ง
นึกทบทวนอยู่ในใจ
เออว่ะ แบบไหนวะ
เขาเองก็ไม่เคยมีแฟนด้วยเหมือนกัน
คนเป็นแฟนกันนี่มันต้องทำอะไรบ้าง
...ต้องไปเดท ไปกินข้าว ดูหนังกันสองคน
อ้าว เขาก็มันไปกับมาแล้วนี่หว่า
...ต้องคอยพูดจาหวาน ๆ ให้กัน
อืม มันก็พูดสุภาพกับเขามาตลอด
แถมมีหยอดมุกเสี่ยว ๆ อีกต่างหาก
...ต้องคอยดูแล ห่วงใยกัน
มันก็ทำอยู่นี่ไงตอนเขาไม่สบาย
...ต้องหึงหวง อยากผูกมัดเป็นเจ้าของ
โห อันนี้ไม่ต้องพูด มันทำจนเวอร์เกินไปด้วยซ้ำ
ดวงตาคมมองแก้วน้ำในมือ
...ไม่ได้บอกว่าอยากได้สักคำ
แต่อีกคนกลับยื่นมาให้เหมือนรู้ใจ
เออ...สรุป...
ไอ้หน้ามึนมันทำหน้าที่เป็นแฟนทุกอย่าง
...แล้วเขาจะหาว่ามันทำตัวไม่เหมือนแฟนเขาตรงไหนกันวะ
“ว่าไงล่ะบิน พี่ต้องทำตัวแบบไหนให้เหมือนแฟนบิน”
ว่ะ! ไอ้นี่ก็อย่าคาดคั้นสิโว้ย
กูกำลังคิดอยู่เห็นมั้ยเนี่ย
มึงเข้าใจกูบ้างมั้ย!!
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน...
ใช่แล้ว...
นี่ไง...
“ก็...คนเป็นแฟนกันมันต้องเข้าใจกันด้วย
แต่นี่กูกับมึงไม่เห็นจะเข้าใจอะไรกันสักอย่าง
แบบนี้กูกับมึงเป็นแฟนกันไม่ได้ชัวร์ ๆ”
คนที่หาเหตุผลมาอธิบายจนเจอรีบตอบ
แต่คู่สนทนากลับไม่หยุดยิงคำถามซ้ำ
“บินไม่เข้าใจพี่ตรงไหนล่ะ
บอกพี่มาสิ เดี๋ยวพี่จะตอบให้บินเข้าใจเอง”
คนฟังกระพริบตาปริบ
นิ่งเงียบอีกครั้ง
เมื่อต้องเค้นสมองใคร่ครวญ
เออ แล้วเขาไม่เข้าใจมันตรงไหนวะ
เคยตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย
ว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนี้
ทั้ง ๆ ที่มันเปิดโอกาสให้ถามแล้ว
แต่แปลก...
...แปลกที่เขาไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ที่มันชอบทำมึน
ที่มันคอยเอาแต่ใจ
ก็เพราะว่ามันเป็นของมันแบบนี้
ถึงมันจะดูบ้า ๆ
ทำบางอย่างไปตามอารมณ์โดยไม่มีเหตุผล
แต่เขาก็ยังรับได้
จนเผลอเลยตามเลยกับมันไปทุกครั้ง
และที่สำคัญ
เขาเริ่มจะชินกับไอ้นิสัยนี้ของมันแล้วด้วย
เพราะฉะนั้น
จะถามไปให้ได้อะไรขึ้นมา
ในเมื่อเขาเข้าใจมันดีอยู่แล้ว
เอ๊ะ...
เดี๋ยว...
ตกลงเขาเข้าใจ
หรือไม่เข้าใจมันกันแน่วะ
แม่ง ชักงงตัวเองเว้ยย!!
บินหลาเริ่มสับสน
ยิ่งมองคนตรงหน้าที่เหมือนรอคอยคำตอบ
ก็ยิ่งทำให้คิดไม่ออกเข้าไปใหญ่
เลยตัดสินใจเลี่ยงเป็นฝ่ายถามกลับขึ้นแทน
“แล้วมึงอ่ะ เข้าใจกูเหรอ”
“เข้าใจสิ”
ไกรศรตอบขึ้นมาง่าย ๆ
จนทำให้คนฟังต้องเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหู
ห่ะ อย่างมึงน่ะเหรอจะรู้
ตอนนี้กูยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าคิดยังไง
ไหนลองตอบมาให้ฟังดิ
“มึงเข้าใจว่าอะไร”
ร่างสูงยิ้มแล้วจึงเอ่ยอธิบาย
ด้วยถ้อยคำมากมายที่ทำให้คนฟังต้องนิ่งอึ้ง
“เข้าใจว่า...
ถึงพี่จะทำให้บินรำคาญแค่ไหน
บินก็ยังยอมให้พี่อยู่ข้าง ๆ
พี่รู้ว่า พี่อาจจะทำให้บินเหนื่อย
แต่บินก็ยังห่วงความรู้สึกพี่
บินคอยฟังคำขอของพี่
ไม่เคยเรียกร้องให้พี่ทำอะไรเพิ่มเลย
แล้วบินก็ทำให้พี่...
...รักบินเร็วกว่าที่พี่คิดไว้มากขึ้นทุกวัน”
อะ...
อะไร...
มันพูดอะไร...
เนี่ยเหรอคือสิ่งที่มึงเข้าใจ
ไม่ใช่แล้ว..
กูแค่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
มึงคิดเองเออเองทั้งนั้น
แม่งบ้าเปล่าวะ
เข้าใจผิดแล้ว
...มึงเข้าใจผิดเต็ม ๆ
เขากำลังจะอ้าปากเถียง
แต่เสียงบางเสียงกลับดังขึ้นขัดจังหวะ
ก๊อก.. ก๊อก..
“ขออนุญาตวัดไข้ค่ะ”
คำพูดพร้อมกับนางพยาบาลเดินเข้ามาในห้อง
ทำให้ไกรศรต้องผละไปนั่งบนโซฟา
ปล่อยให้คนมาใหม่จัดการกับคนป่วยบนเตียง
“ยื่นมือซ้ายมาเลยค่ะ”
บินหลาทำตามเพื่อให้พยาบาลวัดความดัน
แต่ทันทีที่ยื่นไปให้ เสียงเอ่ยแซวก็ดังขึ้นทันที
“อุ๊ย ใครมาแอบเขียนเป็นรูปหัวใจตรงนี้ด้วยค่ะ”
อ้าว...ลืมไปเลย
จะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว
ถึงจะล้างน้ำแต่รอยปากกาบนหลังมือก็ยังคงเห็นจาง ๆ
เขาเหลือบมองอีกคนห่าง ๆ
มันทำท่าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
หลังมือยังคงมีรอยปากการูปหัวใจเหมือนกัน
แต่มันไม่คิดที่จะซ้อนหรือหลบเลยสักนิด
“เรียบร้อยค่ะ ยังมีไข้ต่ำ ๆ อยู่บ้าง
ทานยาแล้วพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
นางพยาบาลบันทึกอาการพร้อมกับสั่งคนป่วย
ก่อนจะขอตัวเดินออกไปนอกห้อง
ทันทีที่สิ้นเสียงปิดประตู
คนบนโซฟาก็เดินเข้ามาใกล้เอ่ยท้วงขึ้นลอย ๆ
“แล้วที่ถามไว้ตอบได้หรือยัง”
“อะไร”
“ตกลงบินไม่เข้าใจพี่ตรงไหน”
มึงยังจะพูดเรื่องนี้อีกเหรอวะ
ที่มึงตอบไปเมื่อกี๊ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคิดไปคนละทาง
แล้วยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ
บินขมวดคิ้วก่อนตัดสินใจตอบรวบรัด
“กูไม่เข้าใจมึงทั้งหมดนั้นแหละ”
“ทั้งหมดคือยังไง”
ไกรศรย้อนกลับอีกรอบ
ทว่า คราวนี้คนถูกเซ้าซี้เริ่มหมดความอดทน
“โอยยย กูไม่รู้โว้ยย!!
ไปคิดเอาเองไป๊!”
บินโวยวายล้มตัวลงนอนหันหลัง
เป็นการตัดบทสนทนาทันที
แต่อีกฝ่ายยังคงตื๊ออย่างไม่ยอมแพ้
“บิน....
บิน....”
“อะไรอีกวะ!”
เจ้าของชื่อหมุนตัวกลับมาอย่างหงุดหงิด
ในใจคิดว่าถ้ามันยังพูดเรื่องเดิมอีกจะไล่ไปนอกห้องจริง ๆ แล้ว
แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบ
เดินเข้ามาใกล้นั่งลงบนเตียง
เอื้อมมือข้างที่มีรอยปากการูปหัวใจ
แตะลงเบา ๆ ที่มือซึ่งมีรอยเหมือนกันของเขา
ดวงตาที่สบมองทำให้บินต้องเผลอมองกลับ
และเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมันอย่างชัดเจน
...มันเป็นแววตาที่ไม่ได้เด็ดเดี่ยว
แต่คล้ายจะอ่อนแสงลงเหมือนวอนขอ
...แววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
โดยไม่มีความสับสนใด ๆ สะท้อนอยู่ในนั้น
“พี่ไม่รู้ว่าพี่เป็นแฟนที่ดีที่สุดของบินหรือเปล่า
แต่สำหรับบิน...
....บินคือแฟนที่ดีที่สุดของพี่
พี่ชอบบินที่เป็นบินแบบนี้
แล้วพี่ก็ดีใจที่เราสองคนเป็นแฟนกัน”
คนฟังนิ่งงัน
เป็นอีกครั้งของวันที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบมันว่ายังไง
สรุปแล้ว
มันจะนับเขาเป็นแฟนให้ได้ใช่มั้ย
เออ แฟนก็แฟนวะ
อยากเป็นนักเขาก็จะเป็นให้
ไหน ๆ มันก็ทำตัวใกล้เคียงอยู่แล้ว
ถ้าใครถาม เขาจะได้ตอบว่า
...เขามีแฟนแล้ว
แต่อย่าถามต่อนะว่า เป็นแฟนกันได้ยังไง
...เพราะตอนนี้
เขาเองก็ไม่จะค่อยเข้าใจอยู่เหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
คอนเซปต์ของตอน
คุยกันมากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้น (รึเปล่า?) *ฮา*
กลัวคนอ่านจะงง ไม่มึนกันไปก่อนใช่มั้ยคะ
เพราะทั้งน้องบินกับพี่ศรมันรู้ของมันเอง
เราเลยมีหน้าที่ต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจตามหลังมันไป
แต่คิดว่าต่อไปเรื่อย ๆ
จะเริ่มรับรู้เหตุผลของกันและกันมากขึ้น
ยังไงก็ฝากติดตามดูต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
BitterSweet