จะได้จบๆเนอะ เขียนเรื่องใหม่ดีก่า อิอิ
===================================
- ตอนพิเศษ 2 –ดอกกุหลาบสีขาว ทะเลสีฟ้า หาดทรายที่ไกลสุดตา ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานแต่งงานของไอ้ต้าโรแมนติกแบบสุดๆ บทเพลงจากเวทีเล็กๆที่อยู่มุมนึงของงาน ส่งเสียงเพลงเพราะๆออกมากล่อมแขกที่มาร่วมงาน
เพื่อนเจ้าสาวมาบอกว่ากลุ่มเรานั่งอยู่ที่โต๊ะไหน แล้วส่งขวดเล็กๆมาให้พวกเรา กระซิบบอกว่า เป็นบับเบิ้ล (ฟองสบู่นั่นแหละครับ) เอาไว้เวลา บ่าว-สาวเดินเข้างาน โห น่ารักเชียว อย่างงี้ไอ้ต้าคิดไม่ได้แน่ๆ ไอเดียแฟนมันชัวร์ๆ แล้วเราก็เห็นมันเดินจูงมือเจ้าสาวเข้ามาในงาน ฟองสบู่ถูกเป่าไปทั่วทุกมุมโต๊ะรวมทั้งจากโต๊ะเราด้วย มันดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเพราะวันนี้เพื่อนๆในห้องมากันร่วมยี่สิบคน เยอะที่สุดตั้งแต่เรียบจบกันมา
จากนั้น มันก็ขึ้นเวทีประกาศให้กินกันก่อนเลยครับ เพราะทุกคนน่าจะหิวกันแล้ว ส่วนเรื่องพิธีการต่างๆ มันขอเป็นหลังจากทุกคนอิ่มดีกว่า จะได้สนุกกันสุดๆ รู้ใจเพื่อนจริงๆ เพราะทุกคนแขวนท้องมารอเลยครับ
กุ้ง กั้ง แซลมอน บรรดาอาหารทะเล พาสต้า สลัด และอีกมากมายทยอยลงท้องพวกผมไปอย่างไม่ต้องคิดมาก ไอ้บาสอาศัยจังหวะที่ไอ้โน้ตลุกไปตักอาหารรอบสอง มานั่งข้างๆผม แต่ว่าตอนนั้นผมไม่สนใจหรอ ตั้งหน้าตั้งตากินก่อน เพราะไอ้ต้ามากระซิบบอกว่า หัวละ 1,900 ต้องกินให้คุ้ม เหอ เหอ หัวละ200 พวกกูก็กินกันแบบนี้แหละครับ คุณเพื่อน
“ต๋อง ตาแดงจัง ไปล้างตาหน่อยดีกว่า” ไอ้บาสสะกิดหลังจากที่ผมซัดจานที่สองเสร็จ
“นั่นสิ ต๋อง เจ็บมั๊ยอ่ะ” กิ๊กหันมาถามหลังจากที่ซัดกั๊งตัวใหญ่หมด
“ก็ยังเจ็บๆอยู่นะ แต่รำคาญขี้ตามากกว่า มันออกเยอะเลยอ่ะ” ผมยกมือพยายามจะเช็ดขี้ตาออก แต่ไอ้บาสปัดมือผมออก แล้วเอากระดาษให้
“มือสกปรก เด๋วก็ยิ่งแดงหรอ”
“ค๊าบ” ผมรับกระดาษมันมาเช็ดที่ตา ซึ่งเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ทุกคนเริ่มอิ่มกันแล้วครับ ไฟก็ดับลงพร้อมฉาย Presentation ของบ่าว-สาว คู้นี้รักกันมา 12 ปีครับ ตั้งแต่เรียนม.ปลาย พอไอ้ต้าเรียบจบ มันก็บินไปเรียนต่อที่แคนาดา ส่วนเจ้าสาวพอจบม.6 ก็ตามไปเรียนที่โน้นด้วย แล้วก็มาจนถึงวันนี้ที่พวกมันแต่งงานกันเนี่ยแหละครับ
ตอนนี้กลุ่มผมก็ซัดไวน์ไปหลายขวดแหละ ใครที่ไม่ถนัดไวน์ก็มีเบียร์เสิร์ฟตลอด เลยกรึ่มกันได้ที่มากๆ ว่าแล้วอ้แวนก็ขอทำลายบรรยากาศโรแมนติกด้วยการขึ้นไปร้องเพลง “ก่อน” บนเวที เสียงนรกแตกมากครับ แต่ไอ้บาสก็ไม่วางมาบีบมือ เมิงจะมาหวานอะไรเนี่ย เพื่อนๆอยู่นะเมิง เอาไว้สองต่อสองดิ กูจะหวานให้เลี่ยนเลย ยิ่งเมาๆอยู่ อิอิ กล้าอยู่แล้ว
แล้วก็มาถึงช่วงที่หวานสุดๆ ช่วงตัดเค้กครับ พอบ่าว-สาวตัดเค้กเสร็จ ก็มีดอกไม้ไฟจุดที่ริมทะเลเลย เพื่อนๆก็เอาไฟเย็นมาจุดกัน บรรยากาศน่ารักสุดๆ เห็นแล้วชักอยากแต่งงานเลยครับ
เราตกลงกันว่าจะกลับไปกินเหล้าที่คอนโดกันต่อ รวมไปถึงเจ้าบ่าวเองด้วย 555 คงไม่อยากพลาดเพื่อนเยอะ นานๆจะมีแบบนี้ที ห้องผมรวมตัวกันยากครับ กว่าจะได้มาเจอกันที คุณๆทั้งหลายก็ไม่ค่อยจะว่างกัน รวมทั้งตัวผมเองด้วย
พอถึงห้องก็ต้องจัดที่นอนกันใหม่ เพราะคนมาเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเลย พอเลยหอบสัมภาระไปห้องสาว เพราะมันชวนไว้ตั้งแต่อยู่บนรถแล้วว่า นอนกับพวกมันได้ ที่มันชวนผมเพราะผมเป็นพวกนอนนิ่งๆครับ ไม่มีกรน มันเลยอนุญาตให้นอนด้วยได้ พวกคนอื่นที่เหลือก็ตั้งวงกันเลยครับ เหล้าเอามาตั้งกันเลย ให้เห็นๆว่ามีกี่ขวด เอาโซดาแช่ตู้เย็น เพราะงานนี้คงไม่มีน้ำแข็งครับ ซัดกันแบบนั้นเลย
ผมขอตัวอาบน้ำ ล้างตาก่อน เพราะตอนนี้มันเริ่มบวมจนแดงไปหมดแล้ว พอออกมาเลยเอาผ้าปิดตาเอาไว้ เห็ฯบรรดาสมาชิกเข้าประจำที่กันแล้ว ในมือมีกันคนละแก้ว พวกที่กรึ่มๆแล้วก็ไปนั่งคุยกันที่ระเบียง ส่งเสียงร้องเพลงแหกปากกัน ดังพอสมควรครับ แต่ไม่ค่อยเกรงใจใครเท่าไหร่ เพราะห้องของสาวอยู่ชั้นบนสุด ไม่น่าจะรบกวนคนอื่นเท่าไหร่
ผมจะเดินไปหาไอ้แวนก็เจอไอ้บาสยื่นแก้วมาให้
“ตาเป็นไงมั่ง ต๋อง”
“ไม่รู้สิ ยังเจ็บๆอยู่เลย เด๋วนอนก็คงจะหายมั๊ง”
“คืนนี้ก็อย่ากินเยอะนะ เด๋วก็ไม่หายหรอก”
“เอาน่า นานๆจะได้เจอพวกมันที”
ผมเดินไปนั่งที่โซฟาที่อยู่รอบนอกวงเหล้าออกมา เพราะขี้เกียจไปนั่งเบียด ตะโกนแข่งกับพวกมัน อีกอย่างพวกมันยังไม่ได้อาบน้ำด้วย นั่งกินชิวๆ ขำๆ ไปกับเรื่องเก่าๆของเราสมัยเรียน พอดูนาฬิกาอีกทีก็ตีสองแล้วครับ บางคนเลยขอตัวไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถกลับอีก ส่วนที่เหลืออยู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
“เรายังไม่มีเบอร์มือถือต๋องเลย”
“อ้าวหรอ ไม่รู้ว่าไม่มีนิ”
“นั่นสิ ก็งงๆเหมือนกันว่าทำไมต๋องไม่ให้เรา”
“อ้าว ก็ขอจากเพื่อนคนอื่นดิ เค้าก็มีเบอร์กูกันทั้งห้องแหละ”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ได้ขอจากเจ้าตัวเอง เอามาหน่อย ห้องเดียวกันจะได้โทรคุยกันไง”
“แค่เคยอยู่ห้องเดียวกันเนี่ยนะ เลยมาขอเบอร์กู”
“เอาเบอร์มาน่า อย่าเรื่องมากดิ ขอแค่เบอร์ 8 ตัวท้ายก็ได้ 2 เบอร์แรกเด๋วกูเดาเอง”
“เหอะ เหอะ ไอ้บ้า เอาไปเลย คิดได้ไงเนี่ย มุขนี้ กูยอมล่ะ” ผมบอกเบอร์มือถือไปแบบขำๆ จะโกรธเลยโกรธไม่ลงเลย อีกสักพักผมซัดไปอีกหลายแก้วเหมือนกัน ไอ้บาสดูเมามากๆ ส่วนผมก็เริ่มตึงๆมากแล้ว เลยขอตัวไปเดินเล่นริมทะเลก่อน ไอ้บาสเลยขอมาเดินเป็นเพื่อน เพราะมันดึกมากๆแล้ว เราลงมาเดินเล่นที่ริมทะเลกัน ไม่ได้เอ่ยปากคุยอะไรกันเลยครับ ได้ยินแต่เสียงคลื่น
“ขึ้นห้องเหอะ บาส เด๋วกูนอนล่ะ เจ็บตาโคดๆ”
“อือ” ไอ้บาสเดินตามมาโดยดี มันก็ดูมึนๆมากเหมือนกัน ดูจากท่าที่เดินแล้ว ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่แน่นอน จริงๆผมมีบางอย่างจะบอกมันเหมือนกัน ว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมีใครอยู่ และผมก็รู้ว่ามันก็มีใครอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ยังสำคัญกับผมเสมอ
ผมหยิบ iPod ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง หาเพลงที่ผมคิดว่าอยากบอกให้มันรู้ ถึงแม้ว่าไอ้บาสมันจะดูง่วงๆเมาๆแบบนี้แหละ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะรู้เรื่องรึเปล่า เวลามันสร่างเมาจะจำได้รึเปล่า ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่รู้เอาไว้ในใจว่า ผมได้ให้มันฟังสิ่งที่ผมอยากบอกมันไปแล้ว
ช่วงชีวิต – Boyd
อาจจะสาย ที่ฉันเพิ่งจะคิดได้
สิ่งที่หาย คงไม่อาจย้อนมันคืนมาใหม่
วันนั้น ... วันที่เราพบกัน วันที่เรารักกัน
โอ้...วันนั้น อยากจะบอกเธอเหลือเกิน
และถ้าวันนั้น ถ้าฉันพูดกับเธอก่อน
ในวันนี้ ก็คงไม่เสียเธอไปแน่นอน
เธอรึฉัน... เราก็คงพบกัน เราก็คงรักกัน
โอ้...วันนั้น อยากจะกลับไปเหลือเกิน
อยากให้เธอรู้ ว่าเพลงนี้ ถูกเขียนออกมาหลังจากวันนั้น
ฉันมีความสุข ทุกเวลา...เหมือนฝันไป
และอยากให้รู้ สิ่งที่ฉันเก็บมันไว้ข้างใน
ช่วงชีวิตที่เคยมีเธอ คือช่วงเวลาที่ฉันเป็นสุขในหัวใจ
วันที่เราพบกัน วันที่เรารักกัน โอ้...วันนั้น อยากจะกลับไปเหลือเกิน
อยากให้เธอรู้ ว่าเพลงนี้ ถูกเขียนออกมาหลังจากวันนั้น
ฉันมีความสุข ทุกเวลา...เหมือนฝันไป
และอยากให้รู้ สิ่งที่ฉันเก็บมันไว้ข้างใน
ช่วงชีวิตที่เคยมีเธอ คือช่วงเวลาที่ฉันเป็นสุขในหัวใจผมเอาหูฟังเสียบให้มันฟังหลังจากที่ออกมาเห็นมันนอนหลับอยู่ที่โซฟา ผมไม่ได้จะนอกใจอะไรไอ้เอกมันนะครับ ผมแค่อยากให้ไอ้บาสรู้เอาไว้ว่า ไม่ใช่ผมไม่ใส่ใจหรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันในช่วงม.ปลายที่เราผ่านมาด้วยกัน
พอเพลงจบ ผมก็เอาหูฟังออกแล้วเข้าในในห้อง ไม่ได้กะจะโรแมนติกอะไรหรอกครับ ความเมาพาไป เพื่อนๆคนอื่นๆเมาหลับกันไปเกือบหมดแล้ว ที่ยังเหลือก็เมาแหกร้องร้องเพลงกันอยู่ที่ระเบียง ไม่ได้มาสนใจพวกผมหรอก
ผมเข้ามานอนในห้อง สองสาวกับไอ้โน้ตหลับไปแล้ว ผมซุกตัวเข้าที่มุมของผมทันทีเหมือนกัน อาการเจ็บตายังไม่หายซะที ตอนที่ผมกำลังจะหลับ ก็เห็นไอ้บาสเปิดประตูเข้ามา
“ต๋อง นอนด้วยคนดิ ข้างนอกหนาวอ่ะ” มันกระซิบ
“เอาดิ” ผมเขยิบที่ให้มันนอนได้สะดวก มันดันตัวมาหนุนหมอนใบเดียวกับผมแล้วก็ตะแคงตัวมากอดครับ แล้วมันก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวคอผมนั่นแหละ ผมก็ให้มันกอดอยู่อย่างงั้นแหละครับ ไม่ได้เจอนานล่ะ สัมผัสนี้ ห่อหมกเมิงจะเหมือนเดิมรึเปล่าน๊า ชักสงสัย อิอิ แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยจากนั้นนะครับ เพราะเพื่อนอยู่กันเต็มห้อง ถ้าไม่มีใครอยู่ดิ ไม่แน่ คืนนั้นไอ้บาสก็นอนกอดผมไปจนหลับไปทั้งคู่นั่นแหละครับ
เช้าวันนั้นผมตื่นมาก็เจ็บตาอย่างแรง แล้วก็ลืมตาไม่ขึ้นด้วยเพราะมีขี้ตาเยอะไปหมด นู๋สาวเห็นเลยพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลหัวหิน พอไปถึงก็ปรากฏว่าผมเป็นโรคตาแดงครับ โรคที่ปกติเด็กอนุบาลเค้าเป็นกัน แถมตอนนี้มันลามไปที่ตาอีกข้างด้วย หมอบอกให้ระวังติดกันด้วย เพราะมันติดกันค่อนข้างง่าย
กว่าผมกลับมาถึงคอนโด ไอ้บาสก็กลับกรุงเทพไปแล้วครับ เพราะมันมีธุระตอนเที่ยง เลยต้องรีบกลับไปก่อนเลยไม่ทันได้บอก ซวยแน่เมิง เมื่อคืนดันมานอนหมอนใบเดียวกะกู เป็นตาแดงก็ม่ายเกี่ยวนาเว้ย อิอิ ไปหาคนพยาบาลกันเองเถอะนะ เพื่อน
“คุณ ป่วยอ่ะ เป็นตาแดง 2 ข้างเลย” ผมโทรไปอ้อนไอ้เอกหลังจากกลับมาถึงกรุงเทพแล้ว
“ดี สมน้ำหน้า เที่ยวเก่งดีนัก”
“ใจร้ายอ่ะ ไม่มาดูหน่อยหรอ นี่ไม่สบายนะเนี่ย”
“แค่ตาแดงเอง อย่ามาสำออยน่า”
“ก็หยอดตาเองไม่เป็นอ่ะ มาหยอดให้หน่อยดิ”
“ไม่เอา หยอดเองดิ เด๋วติดอ่ะ”
งานนี้ ไอ้ต๋องได้แต่เศร้าครับ เป็นโรคติดต่อโดนสังคมรังเกียจ เลยต้องมานั่งเขียนนิยาย โพสนิยายอยู่บ้าน เพราะที่ทำงานเค้าก็ไม่ให้ไป เค้ากลัวติด มีแฟนก็ไม่มาดูแล เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง มากมาย
จบดีกว่า