Time of tears
Chapter 9
วินนั่งมองคนป่วยที่นั่งตักข้าวต้มที่มะลิทำมาฝากเข้าปากเงียบๆ เจ้าของเรือนโบราณก็นั่งกินข้าวของตัวเองเงียบๆเช่นกัน
แต่ในความเงียบมันมีบางอย่างปรากฏอยู่
“ ร้อนเหรอกันต์ ทำไมแก้มแดงๆ ”
“ แค่กๆๆๆๆ ” คนป่วยถึงกับสำลักน้ำข้าวต้ม แล้วยกมือขึ้นลูบหน้า
“ อ่ะ... เอ่อ... ขอบคุณครับ ” กันต์รับกระดาษทิชชู่จากเพชรมาซับปากก่อนจะตวัดสายตามองวินที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ ป่าวซักหน่อย ”
“ แล้วนี่ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไปติดอยู่ในนั้นได้ ? ปกตินายไม่ใช่คนที่ชอบไปอยู่ในห้องแคบๆมืดๆแบบนั้น ” วินเก็บชามและโต๊ะออกจากคนป่วย ปรับหมอนและเตียงนอนให้กันต์ได้นั่งอย่างสบายๆได้ เพชรเองก็หันมามองอย่างสนใจเหมือนกัน
“ ก็หลังจากที่คุณเพชรกับคุณจิออกจากเรือนไป ผมก็เดินสำรวจพื้นที่ด้านหลัง กำลังดูอยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามีคนมาตีหัวแล้วก็ร่วงไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในนั้นแล้ว ”
“ แสดงว่ามีคนลอบทำร้ายคุณ ” เพชรที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆเอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่วินเห็นด้วย
“ แล้วใครทำ ? ”
“ นั้นสิ... ปกติผมไม่เห็นคุณจะมีปัญหาอะไรกับใครในเรือนเลย ”
“ เป็นไปได้มั้ยว่าจะเป็นโจรมาจากด้านหลังเรือนที่เป็นประตูออกด้านนอกเข้ามาเพื่อจะขโมยของในเรือน แต่เจอผมซะก่อนเลยทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์ เพราะข้าวของผมหายไปหมดเลย ? ”
“ ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ เพราะถึงประตูที่มีไว้ให้บ่าวออกไปด้านนอก แต่ประตูด้านนั้นโดนปิดตายตั้งแต่เรางมเจอหีบโบราณ เพราะไม่อยากให้มีใครเข้ามาวุ่นวายพื้นที่ตรงนั้น ”
“ ถ้าอย่างนั้นคนที่จะลอบทำร้ายกันต์ได้ต้องเป็นคนภายใน ”
“ ถ้างั้นจะเป็นใครล่ะ ฉันไม่เคยมีปัญหากับใครเลยนะ ” กันต์ทำหน้านิ่วครุ่นคิด เขาไม่เคยมีปัญหากับใครในเรือนเลยซักคน ออกจะสนิทสนมกันดีด้วยซ้ำ ทั้งมะลิหัวหน้าแม่บ้านที่ถึงแรกๆจะดูไม่ค่อยชอบเขานัก แต่สุดท้ายก็ขุนเขาจนแทบจะเป็นหมูอยู่แล้ว
ส่วนคนงานอื่นๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยซักนิด ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใสและเขาไม่เคยเอ่ยปากเรียกใช้อะไรใครเลยด้วยซ้ำ
“ ถ้าอย่างนั้น วันนั้นมีใครอยู่ที่เรือนบ้างครับ ? ”
“ เมื่อไหร่แกกับมันจะแต่งงานกันซักทียัยจัส บริษัทเราจะโดนฟ้องล้มละลายอยู่แล้วนะ ” จัสทำหน้าเบื่อเมื่อพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะเอ่ยคำถามที่จัสเองก็หาคำตอบให้ไม่ได้เหมือนกัน
“ ถ้าหนูรู้หนูคงเตรียมชุดไปแล้วค่ะพ่อ ” หญิงสาวใช้ช้อนคนกาแฟไปเรื่อยๆ คนรับใช้ต่างถูกโบกมือไล่ให้ออกไป
“ แกก็น่าจะรวบหัวรวบหางมันไปเลย นี่อะไรไปค้างอ้างแรมด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำไมมันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ฐานะการเงินบ้านเราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นแกก็รู้นี่พ่อก็เอาเงินก้อนสุดท้ายไปร่วมทุนบุรณะอีเรือนสัปปะรังเคนั้นจนหมดแล้วนะ ถ้าช้ากว่านี้บ้านเราอาจจะต้องแย่งข้าวหมากินแล้ว ”
“ โอ๊ย... พ่อคะ เพชรซื่อบื้อยังกับอะไรดี จัสน่ะยั่วทุกอย่าง พ่อเจ้าประคุณก็ยังนิ่งเป็นน้ำแข็งเลย ”
“ แล้วทำไมแกไม่ใช้มารยาหญิง ทำให้มันมีอะไรกับแกล่ะ ”
“ ถ้าง่ายขนาดนั้นจัสอุ้มท้องหลานคนแรกให้พ่อไปแล้วค่ะ รายนั้นอยู่ในห้องทำงานตลอด ถ้าไม่งั้นก็มีไอ้จิอยู่ด้วยทุกที่ จัสจะเอาเวลาที่ไหนไปทำเรื่องอย่างว่าล่ะคะ ” หญิงสาวบ่นออกมาดังๆอย่างเหนื่อยใจ เมื่อก่อนถึงเนื้อถึงตัวเพชรว่ายากแล้ว ตอนนี้พอมีจิมาอยู่ด้วย เธอจึงแทบจะหมดสิทธิ์ที่จะได้อยู่ตามลำพังกับเพชร
“ อีกอย่าง หนูคิดว่าหนูเจอคู่แข่งที่น่ากลัวแล้วล่ะค่ะพ่อ ” หญิงสาวกดเสียงเสียงเข้มอย่างหงุดหงิด
เสี้ยนหนามสำคัญเลยล่ะ
เพราะในขณะที่จัสวิ่งตามเพชร
เพชรกลับทำท่าเหมือนจะวิ่งตามไอ้คุณช่างนั่น
“ คู่แข่ง ? ผู้หญิงที่ไหน ? ”
“ ถ้าเป็นผู้หญิงจัสจะไม่กลัวเลยค่ะพ่อ แต่นี่มันเป็นผู้ชาย หน้าตาดีเลยทีเดียว ”
“ ผู้ชาย ? อย่าบอกนะว่าไอ้เพชรมันเป็นพวกเกย์ พวกกะเทย ” คนเป็นพ่อถึงกับทำหน้าขยะแขยงขึ้นมาทันที
“ หนูก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะพ่อ แต่เวลาที่เขามองไอ้คุณช่างนั่นน่ะ สายตาเขามันแปลกๆ ”
“ ถ้ามันเป็นปัญหามากนัก ก็ส่งคนไปเก็บมันซะก็สิ้นเรื่อง ”
“ หึ... ไม่ต้องส่งคนไปเก็บหรอกค่ะ ก่อนมาจัสจัดการมันไปแล้ว ป่านนี้คงขาดอาหารตายไปแล้วมั้ง ส่วนเพชรพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถ้ามันยุ่งยากนักก็ทำเหมือนละครหลังข่าวไปก็สิ้นเรื่อง ”
“ อย่ามั่นใจตัวเองมาก จะทำอะไรก็รีบๆทำก่อนจะได้ระเห็จไปนอนใต้สะพานลอย ” คนเป็นพ่อว่าพลางซับปากทำท่าทางจะลุกออกไป
“ แล้วนั่นพ่อจะไปไหนคะ ? ” อดร้องถามไม่ได้ทั้งที่พอจะรู้คำตอบ
“ ช่วงนี้พ่อเครียด ต้องหาอะไรทำแก้เครียด ”
“ แต่หนูว่าที่ที่พ่อจะไปมันยิ่งจะทำให้เครียดมากขึ้นนะคะ พ่อเพลาๆลงบ้างเถอะ ถ้าพ่อเล่นเสีย หนี้มันยิ่งจะเพิ่มขึ้นนะคะ ”
“ แกนี่ปากขัดลาภจริงๆ ไม่ต้องมาทำตัวเหมือนแม่แกที่นอนในหลุมเลยนะ พูดมาก เพ้อเจ้อ ” คนเป็นพ่อว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไปทิ้งจัสให้นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องอาหารที่แสนใหญ่โต
หญิงสาวปล่อยช้อนที่คนกาแฟให้พิงขอบแก้วโดยไม่สนใจจะแตะมันซักนิด
บ้านหลังใหญ่ที่มีแต่เปลือกทางสังคม ไม่มีความสุขและความอบอุ่นเลยสักนิด หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ มองไปรอบๆก็รู้สึกเครียด ถ้าพ่อถูกฟ้องล้มละลายแล้วเธอจะเป็นอย่างไร อาชีพดารานางแบบของเธอถึงแม้จะพอทำเงินได้ แต่พอเลี้ยงตังเองให้ทำตัวดุจเจ้าหญิงไปวันๆ
ถ้ามีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ หญิงสาวคงทนกระแสสังคมไม่ได้แน่
ดาราดังตกอบเป็นเรื่องเจ็บปวดเหลือเกิน
“ ที่ทุกอย่างมันยุ่งยากก็เพราะแกเลยไอ้กันต์ ” ที่สุดเมื่อหาแพะมารับบาปไม่ได้ หญิงสาวก็โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนที่ตัวเองเป็นคนทำร้ายแล้วจับขัง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนเจ้าตัวสะดุ้งหน่อยๆ จัสมินยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ก็รีบปรับอารมณ์ของตัวเองทันที
“ ฮัลโหลค่ะเพชร ”
“ สวัสดีครับจัส... ” เสียงจากปลายสายยังคงเรียบทุ้มเช่นเคย
“ กลับมาแล้วเหรอคะ ? ทำไมเพิ่งโทรมาหาจัสคะเนี่ย ? ”
“ กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ”
“ หืม... แล้วเพิ่งโทรหาจัสตอนนี้น่ะเหรอคะ งอนแล้วนะเนี่ย ”
“ พอดีที่เรือนมีเรื่องนิดหน่อยครับเลยไม่ได้โทรหา ” หญิงสาวลอบยิ้มกับคำว่ามีเรื่องนิดหน่อย เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ มีเรื่องอะไรเหรอคะ? พอดีจัสกลับมาได้หลายวันแล้ว จริงๆจัสจะขอติดรถเข้ากรุงเทพกับคุณ แต่ไม่ทัน เลยขับรถไล่หลังตามมาแล้วก็พอดีติดงานเลยไม่ได้โทรไปถามไถ่เรื่องต่างๆเลย... ”
“ ผม.... อยากเจอคุณออกมาทานข้าวด้วยกันได้มั้ยครับ”
มัลลิกากระชับแว่นดำกรอบใหญ่ ก่อนจะก้าวเข้าไปในร้านอาหารหรู
ยิ่งพลางตัวยิ่งเป็นที่จับตามอง หญิงสาวรู้ถึงความจริงในข้อนี้ดี กดยิ้มอย่างพอใจเมื่อลูกค้าหลายคนในร้านหันมามองแล้วซุบซิบ ช่างภาพจากสำนักข่าวบันเทิงถูกจ้างให้มาดักรออยู่ด้านนอกของร้าน ไม่เกินสามวันข่าวเดทของเธอจะต้องกระจายไปทั่วประเทศ
หญิงสาวเดินตามพนักงานเข้าไปในโซนวีไอพีที่เพชรจองไว้ เมื่อเข้าไปด้านในกับพบว่าชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ เพชร รอจัสนานมั้ยคะ ? ” เอ่ยทักเสียงใสอย่างจริต ชายหนุ่มลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ ทุกทวงท่าการกระทำเป็นสิ่งที่หญิงสาวชื่นชอบที่สุด พชรเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติกับทุกคน อบอุ่น สุภาพ ทว่าบางครั้งคล้ายจะเย็นชา แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น
“ สั่งอาหารมาทานเลยมั้ยครับ ? ” ชายหนุ่มยื่นเมนูให้หญิงสาว ไวน์รสเลิศราคาแพงถูกรินใส่แก้วเสิร์ฟ หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้เพชรแปลกไป ชายหนุ่มพูดคุยมากกว่าที่เคย บรรยากาศดีซะจนหล่อนคิดว่าจะพูดเรื่องการแต่งงาน
“ เพชรคะ ” ทันทีที่จบมื้ออาหารหญิงสาวตัดสินใจที่จะพูด
“ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ ” ชายหนุ่มเอ่ยขัด น้ำเสียงอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ สีหน้าเรียบนิ่งของเขาทำให้หล่อนรู้สึกประหม่า จนต้องลูบแขนตัวเองเบาๆ
“ ทำไมทำเสียงซีเรียสจังคะ จัสกลัวนะเนี่ย ”
พชรจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง แววตาที่เคยอบอุ่นอ่อนโยน บัดนี้กลับค้นหาอะไรไม่ได้เลย เนิ่นนานหลายนาทีที่เขาปล่อยให้ความเงียบครอบงำ
“ คุณมีอะไรจะสารภาพกับผมมั้ย ? ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเรียบนิ่ง แต่ทว่ายังแฝงความอ่อนโยน
เขาจะให้โอกาสจัสซักครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้อยากจะตัดความสัมพันธ์จนมันต่อกันไม่ติด ถึงยังไงซะจัสมินก็เป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แม้ที่ผ่านมาเขาจะรู้ดีว่าหญิงสาวคิดอย่างไรกับเขาก็ตาม
“ อะไรคะ ทำไมจัสต้องสารภาพ จัสไปทำอะไรผิดคะ ? ” หล่อนทำท่าทางฉุนเฉียวแสนงอน ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
“ เรื่องของกันต์... เป็นคุณใช่มั้ย ? ” ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยคำถามจบ จัสมินก็โยนผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจทันที
“จัสไม่ได้ทำไม่ได้ขังคุณช่างอะไรของคุณซักหน่อยนะคะ”
“ แล้วคุณทราบได้ยังไงว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร... อีกอย่างที่กันต์โดนทำร้าย เรื่องที่เขาบาดเจ็บ ผมยังไม่เคยพูดให้คุณฟังเลยด้วยซ้ำ ”
“ นี่คุณหาว่าจัสเป็นคนทำเหรอคะ ? จัสเป็นผู้หญิงจะไปทำร้ายนายคนนั้นได้ยังไง ส่วนเรื่องที่จัสรู้ได้ยังไง จัส... จัส... ” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง ริมฝีปากแห้งผาก อยู่ๆคำพูดก็หยุดไปซะดื้อๆ
“ พอเถอะครับ จัส... ผมไม่รู้ว่ากันต์ไปทำอะไรให้คุณโกรธเกลียดทั้งๆที่คุณกับเขาเพิ่งเจอกัน สิ่งที่คุณทำลงไปมันร้ายแรงมาก ถ้ามีคนไปช่วยเค้าไม่ทัน เขาอาจตาย คุณต้องกลายเป็นฆาตกรรู้ตัวหรือเปล่า ? ” จัสมินแค่นเสียงหัวเราะทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ
“ เพชรคะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณให้ความสำคัญกับมันมากเกินไปแล้ว มากจนเกินกว่านายจ้างกับลูกจ้าง มากจนคุณละเลยจัส ทำไมคะ ? คุณตอบจัสมาได้มั้ยว่าทำไมคุณเอาแต่มองหามัน พูดถึงมัน คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าคุณกับจัสกำลังจะแต่งงานกันนะคะ คนที่คุณต้องดูแลเอาใจใส่คือจัส คนที่คุณต้องคอยมองหาก็คือจัส คนที่คุณต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือจัส ไม่ใช่มัน ! ”
“ ถ้าที่ผ่านมาผมทำให้คุณเข้าใจผิดมาโดยตลอด ผมต้องขอโทษนะครับ แต่... ผมไม่เคยบอกว่าจะแต่งงานกับคุณ ผมเห็นคุณเป็นน้องสาว เป็นเพื่อนมาโดยตลอด ต่อให้ไม่เจอเขาผมก็ไม่มีทางแต่งงานกับคุณ เพราะผมไม่เคยรักคุณแบบนั้น ” แม้จะรู้สึกผิดที่พูดรุนแรงแบบนั้นไป แต่ชายหนุ่มต้องทำใจแข็ง จัสมินกำมือแน่นปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาย
พชรกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร
เรื่องแต่งงานไม่เรื่องล้อเล่นที่จะมายกเลิกเอาดื้อๆแบบนี้
“ คุณจะไม่แต่งงานกับจัสไม่ได้ สัญญาที่พวกเราทำไว้ ”
“ สัญญาพวกนั้นโบราณคร่ำครึ เราคนรุ่นหลังไม่จำเป็นต้องฝืนใจ คุณเองก็มีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าผม เดี๋ยวผมจะให้จิเอาเช็คที่ทางคุณลงทุนร่วมบูรณะเรือนโบราณไปให้นะครับ ต่อจากนี้ถ้าไม่จำเป็นกรุณาอย่าเข้าใกล้กันต์อีก ครั้งนี้ผมปกป้องเขาไม่ได้ แต่ครั้งหน้าผมสาบานว่าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไปทันที เร็วจนจัสมินไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวว่าตัวเองถูกทิ้ง เพียงไล่หลังไม่นานเสียงกรี๊ดแหลมก็ดังขึ้น พชรชะงักฝีเท้า ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงก่อนตัดสินใจเดินต่อ
ถ้าไม่รักเขาก็ไม่ควรกลับไปให้ความหวังกับหล่อน พชรไม่เคยใจร้ายกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำร้ายจิตใจจัสมิน ตลอดทางที่ขับรถกลับเรือนโบราณ ภาพหญิงสาวที่ร้องไห้น้ำตาไหลรินรบกวนจิตใจของเขา หลายครั้งที่เขาเผลอเหม่อลอยแทบจะเกิดอุบัติเหตุ ชายหนุ่มจอดรถข้างทางบรรยากาศโดยรอบมืดสนิทฝนเริ่มลงเม็ด เขาถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ในหัวมีความคิดมากมายวิ่งเต็มไปหมด
หลังจากนี้จะมีอะไรตามมา
แน่นอนความสัมพันธ์ของสองตระกูลมีปัญหาแน่นอนรวมทั้งธุรกิจที่ทำร่วมกันอาจสะดุด
ที่สำคัญคือเขาเลือกตัดความสัมพันธ์กับผู้หญิงเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน
มันคุ้มแล้วหรือ...
ไม่... ไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
ที่ทำลงไปทั้งหมดนี่เพราะอะไร?
แทบจะไม่ต้องรอให้สมองประมวลคำตอบชายหนุ่มยืดกายตรงออกรถทันที
รอผม...
รอผมก่อน...
อย่าเพิ่งนอนนะกันต์
เกือบตี 1 แล้วกรกันต์ยังคงนอนไม่หลับหลังจากกลับจากโรงพยาบาล นายน้อยของบ้านก็สั่งให้เขาพักงานยาวโชคดีที่แปลนตรงส่วนเรือนใหญ่เขาทำให้เกือบเสร็จแล้วตอนนี้วินจึงรับช่วงพวกงานออกแบบสวนด้านนอกประสานงานร่วมกันกับไลท์ติ้งดีไซเนอร์ที่ออกแบบระบบไฟทั้งหมด
กรกันต์จึงกลายเป็นคนว่างงานเต็มรูปแบบด้านนอก ฝนกำลังตกเสียงฟ้าร้องมาไกลๆ หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องขึ้นมาอย่างชั่งใจ
อยากโทรไปหา... แต่ป่านนี้เพชรคงนอนแล้ว
เมื่อเช้าเค้าบอกว่าต้องไปทำธุระสำคัญที่กรุงเทพ คนป่วยก็แกล้งตีมึนทำไมสนใจ
แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้กลับมานอนคิดถึงเค้าซะเอง
ตัดสินใจวางโทรศัพท์ขยับกายลุกออกจากเตียง เหยือกน้ำว่างเปล่า กันต์หยิบขึ้นมา ออกจากห้องเข้าไปในครัว เดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องจุดตะเกียงเดินกลางดึกแล้วเพราะเพชรรู้ว่าเขากลัวความมืดและที่แคบชายหนุ่มก็สั่งคนในบ้านว่าให้เปิดไฟทางเดินทิ้งไว้ให้คุณช่าง เสียงฝนด้านนอกแรงมากจนกันต์ไม่ได้ยินเสียงกุกกักใกล้ๆเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่เหยือก เสร็จแล้วก็เดินกลับห้อง แต่กลับพบว่าไฟในห้องทำงานของเพชรเปิดอยู่ ร่างบางวางเหยือกน้ำลงบนโต๊ะตัวยาวในห้องอาหารก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องทำงานด้านใน ร่างใครบางคนกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่มุมห้องทำให้อดเผยยิ้มอย่างดีใจไม่ได้ ร่างสูงชะงักมือเมื่อรับรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง ชายหนุ่มกลับไปมองก็พบกับรอยยิ้มสวยที่ส่งมาให้อยู่ก่อนแล้ว
ทันทีที่นายน้อยแห่งเรือนโบราณพบหน้าคุณช่างคนเก่ง พชรก็ก้าวยาวๆข้าไปหาคนที่กำลังส่งยิ้มมาให้ตน กว่าจะรู้ตัวกันต์ก็ถูกรวบตัวเข้าไปกอด แม้ในใจอยากจะผลักนายน้อยออกด้วยความกระดากอาย แต่มือทั้งสองกลับค่อยๆสวมกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้
“ ขอผมอยู่แบบนี้ซักพักนะครับ ” น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบข้างหู ก่อนนายน้อยจะกดคางลงกับไหล่เล็กปลายจมูกโด่งฝังอยู่ห่างจากต้นคอขาวเพียงน้อย รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรด
กันต์ไม่รู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่คนนี้ไปเจออะไรมา แต่ท่าทีเหนื่อยล้าแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นในดวงตาของเขาคล้ายมีแววของความรู้สึกผิดซ่อนอยู่ จากชายหนุ่มผึ่งผายกลายเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารได้อย่างไร กันต์ลูบลงเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง
“ ไม่รู้ว่าไปเจออะไรมาบ้าง แต่ผมอยู่ตรงนี้นะครับ ” น้ำเสียงติดจะเก้อเขิน แต่ทว่าความหมายที่พูดกลับยิ่งใหญ่และงดงามซึมเข้าไปในจิตใจคนฟัง พชรกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะพูดเสียงเบาแต่หนักแน่นข้างหูคุณช่างว่า...
“ ผมรักคุณ ”
TBC .....