15
กายภาพ แบบฝึกหัด หักดิบงดของหวาน คือตัวบ่อนทำลายความอดทนของเด็กน้อยของผมจนหมดสิ้น เทมปุระนอนแก้มบวมแก้มป่องอยู่บนเตียง โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเพิ่งเล่นสนุกทั้งคืนกับเพื่อนที่มาเยี่ยม และครอบครัวผมกลับไป ความสงบหลังความสนุกสนานที่ยาวนาน มักจะเป็นความน่าเบื่อที่แสนสาหัส
"เทมครับ ทำแบบฝึกหัดเล่มนี้เสร็จ สักเที่ยง คุณหมอจะมาตรวจ แล้วตอนบ่ายมีทำกายภาพบำบัดนะครับ"
เหมือนเป็นคีย์เวิร์ดต้องห้ามสำหรับองค์ชายตอนนี้ ที่แค่ได้ยิน หมอ แบบฝึกหัด กายภาพ อยู่ในประโยค ก็ต่อต้านขึ้นมาแล้ว เทมหันหน้าซุกหมอนหนีผม แม้ว่าผมจะพยายามแงะเจ้าตัวออกจากเตียงเท่าไหร่ก็ไม่ยอม
หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา ที่ทุกคนคอยพลัดเปลี่ยนแวะเวียนมาเยี่ยม เทมปุระก็เหมือนจะเสพย์ติดการเล่นจนไม่อยากทำอะไรเลยครับ งอแงใส่ผม เหมือนเด็กที่เอาแต่กอดขาพ่อแม่เขย่าๆขอออกไปเล่นข้างนอก โดยที่ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เฮ้อ ผมถึงได้ไม่อยากให้มากันบ่อยนักไงครับ
"เทมครับ ไม่ดื้อนะครับ"
"ไม่ได้อยากดื้อนะ แต่เทมเบื่อนี่น่า ไม่กายภาพได้ไหมครับ เทมก็เดินตรงๆได้แล้วนะ ไม่เป๋ๆเหมือนพี่ปูแล้วด้วย"
หลังจากผ่านมาห้าวัน ตอนนี้อาการเทมดีขึ้นมากแล้วครับ ทั้งได้หมอดี กำลังใจดี การฝึกดีๆ แทบจะเรียกว่ากลับมาเหมือนปกติร้อยเปอร์เซน การพูดจา พอได้รับความมั่นใจและสบายใจก็ชัดเจนเหมือนเก่า พรุ่งนี้วันจันทร์ก็คงพาเจ้าตัวไปโรงเรียนได้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้เขาได้รับการรักษาจนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อความมั่นใจของผมเอง
แต่ท่าทางคนที่คนกำลังมุดตัวเองอยู่ในผ้าห่ม จะไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียแล้วสิครับ...
"หมูรู้ครับว่าเทมดีขึ้นมากแล้ว อดทนอีกนิดได้ไหมครับคนเก่ง วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำแล้วครับ"
"จริงๆเหรอ ไม่ทำแล้วนะ?...งั้นก็ได้ครับ"
เทมพอได้ยินว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ก็ดีใจจนยอมลุกออกจากเตียง วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังผม จนผมต้องดึงร่างสูงให้อยู่นิ่งๆ เทมที่ยิ้มหน้าบาน ก็ทำตาอ้อนกัน จนผมกลัวสิ่งที่เขาจะขอเหลือเกิน กลัวว่า...ไม่ว่าปากสวยเสียงทุ้มจะพูดขออะไร ผมก็จะตามใจเขาทุกอย่าง
"หมูหย็องครับ หมูหย็อง"
"ว่าไงครับ?"
"เทมหายหรือยังครับ"
"ก็...ใกล้หายแล้วล่ะมั้งครับ"
"ใกล้นี่อีกไกลไหมครับ ประมาณนี้ได้หรือเปล่า" เทมจีบนิ้วชี้กับโป้งเข้าหากัน เว้นระยะไว้แค่พอให้มดเดินผ่าน
"ก็ใกล้ประมาณนั่นล่ะมั้งครับ"
"งั้น...งั้น งั้นเทมทานไอศกรีมได้ไหม ตัวไม่ร้อนเลยนะครับวันนี้ หมูหย็องก็จับไปแล้วเมื่อเช้า เห็นไหม ไม่อุ่นอุุ่นเลยสักนิด ธรรมดา ตัวเย็นธรรมชาติสุดๆเลยครับ"
...เพิ่งหายไข้ก็มาขอทานไอศกรีมแล้วเหรอครับเทมปุระ ผมมีสีหน้าลำบากใจกับคำขอของเด็กน้อยตรงหน้า เทมที่เหมือนจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณของการปฎิเสธ ก็รีบเข้ามาคลอเคลียผมเหมือนเจ้าแมวน้อยขนฟูนุ่ม มาอ้อนขอขนมของว่าง แล้วเจ้าทาสผู้ซื่อสัตย์ก็มักจะใจอ่อน ยอมอ่อนข้อให้แม้ว่าจะยังไม่ใช่เวลาของว่างก็ตาม...ผมที่เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของเขา ก็ใจอ่อนไม่ต่างกัน
หลายวันที่ผ่านมา ผมบอกอะไรเทมก็เชื่อฟังทุกคำพูด มีหลุดงอแงบ้าง แต่พอพูดสำทับไป เทมก็จะยอมแต่โดยดี เพิ่งมามีวันนี้ที่เหมือนอาการจะหายดีจริงๆ ยิ่งพอมีพี่หมอยืนยันตอนตรวจรอบกลางคืนเมื่อวาน ก็เป็นหลักฐานชั้นดี เทมถึงขนาดกล้าเข้ามาอยู่ใกล้ๆผม แบบไม่กลัวผมติดหวัดแล้วตอนนี้ เหมือนความเก็บกดของเขาที่ต้องห่างไกลกันหลายวันของอีกฝ่าย ทำให้เจ้าตัวเข้ามาใกล้ชิดมากกว่าปกติ เดิมตามหน้าตามหลังผมไม่ยอมหยุด พฤติกรรมน่ารักจากหลายๆวันรวมกัน
ผมคิดว่าเด็กน้อยของผมควรได้รับรางวัลชมเชยบ้าง...
ผมพยายามหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลให้ตัวเอง และคิดว่านี่ก็สมเหตุสมผลพอสมควร จึงพยักหน้าตอบรับคำขอนั้น
เทมที่พอเห็นผมพยักหน้า ก็กระโดดโลดเต้นหมุนตัวไปมา ดูคึกคักสุดๆ ผมหัวเราะให้กับความดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ขององค์ชายที่เมื่อสักครู่นี้ยังเอาแต่หน้างออยู่เลย
"แต่ต้องให้คุณหมอมาตรวจรอบเที่ยง กับทำกายภาพก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวสักสามสี่โมง อืม...เอาไงดีนะ?"
"ไอศกรีม! ไอศกรีม! ไอศกรีม! นะครับนะ นะนะนะ นะครับหมูหย็อง นะ?"
"หึหึ โอเคครับ เทมจะสั่งมาทานที่บ้าน...หรือว่าจะออกไปทานข้างนอกดีครับ?"
ผมถามลองเชิงกับคนที่กำลังดีใจ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เทมก็ยังไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลยแม้สักก้าวเดียว เรื่องที่ผมจะให้เขาไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ก็ยังไม่ได้บอกเจ้าตัว ถ้าหากเทมเลือกตอบจะไปข้างนอก ผมจะถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และค่อยๆเกริ่นเรื่องบอกเขา ตอนเจ้าตัวอารมณ์ดีกับไอศกรีมแล้วกัน เทมปุระดุครุ่นคิดเล็กน้อย ผมแอบตื่นเต้นกับคำตอบของอีกฝ่ายจนต้องกำมือแน่น
"ให้หมูหย็องเลือกเลยครับ เทมหม่ำที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีหมูหย็องอยู่ด้วย"
ทำตอบที่ทำเอาผมที่กำลังลุ้นจนตัวเกร็ง กลายเป็นเขินอายใกล้ละลายได้ในเพียงชั่วเสี้ยววิ เล่นเอาผมแทบจะเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น พอหายไข้ อาการอ่อย อาการจีบแบบไม่รู้ตัวของเทมปุระก็กลับคืนมา ...จะว่าไปแล้วนี่เขาก็กำลังจีบผมจริงๆอยู่นี่น่า ถึงเจ้าตัวเหมือนจะลืมไปแล้วก็เถอะ...พอคิดดูดีๆ ออกไปข้างนอกกันสองคน ระหว่างที่กำลังดูใจกัน นี่มันไม่ได้เรียกว่า เดท หรือครับ?
พอคิดได้แบบนั้นก็เหมือนกับเครื่องเล่นเพลง ที่เล่นแล้วสะดุดแผ่นเสียงตกร่อง คำว่าเดทย้อนไปย้อนมาในหัวไม่หยุด
"หมูหย็องไข้ขึ้นเหรอครับ!? หน้าแดงจังเลย!"
อา...ก็หน้าแดงเพราะใครกันล่ะครับ เจ้าเด็กน้อยแสนซื่อนี่นะ
"งั้นไปข้างนอกกันไหมครับ เทมน่าจะเบื่ออยู่บ้านแล้วด้วย อะ แต่ไปร้านโปรดเทมไม่ได้นะครับ เดี๋ยวจะกลับมาดึกเกินไป" พอผมพูดขัดชื่อร้านไอศกรีมเจ้าโปรดของเทมปุระ ที่ออกนอกตัวเมืองไปไกลมาก เทมก็ดูเสียอกเสียใจหนักหนาขึ้นมาทันที หูที่กำลังตั้งขึ้นลู่ลง หางที่กำลังส่ายดุกดิกหยุดลง ผมเห็นแล้วก็ใจอ่อนยวบยาบ รีบหาอย่างอื่นมาชดเชยให้คุณชายน้อยของผมทันที
"งั้นไปห้างใกล้ๆบ้าน ไปดูหนังแล้วก็ทานข้าวข้างนอกกันไหมครับ?" ข้อเสนอดูน่าสนใจและพอเทียบเคียงได้ เทมปุระจึงกลับมาลิงโลดดีใจอีกครั้ง ผมก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่เห็นเขากกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
"เมื่อไหร่คุณพี่หมอจะมาน้า เมื่อไหร่พี่นักกายภาพจะมาน้า เทมอยากให้มาเร็วๆจังเลย"
"หึหึ ใครกันนะ? ไม่ยอมลุกจากเตียง หมูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุก ตั้งท่าจะไม่ยอมไปหาคุณหมอท่าเดียวเลย เอาแต่บ่นว่าไม่อยากให้คุณพี่หมอ กับพี่นักกายภาพมาเลย?"
"เทมเองคร้าบ ก็ตอนนี้อยากให้มาเร็วๆแล้วนี่น่า จะได้ไปเดทกับหมูหย็องเนอะ?"
ผมที่กำลังแซวอีกฝ่ายอยู่ดีๆ ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองจนไอค่อกแค่ก เทมต้องเข้ามาช่วยลูบหลังให้ ก่อนจะวิ่งปรื๋อไปหยิบแก้วใสแล้วรินน้ำมาให้ผมด้วยความตกใจ
"หมูหย็องไม่สบายจริงๆหรือเปล่า ทำไมทั้งหน้าแดงแล้วก็ไอด้วยล่ะครับ ติดเทมแล้วเหรอ" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยยังคงไม่ได้ทำให้ผมหายตกใจ ที่เด็กน้อยรู้จักคำว่าเดทด้วย ผมไอค่อกแค่อีกสักพัก ถึงได้หาย
"ไม่ได้ไม่สบายจริงๆครับ หมูแค่ตกใจ เอ่อ..เทมรู้จักเดทด้วยหรือครับ?"
"รู้จักสิ! ก็เทมกำลังจีบหมูหย็องอยู่นี่น่า คนที่จีบจีบกัน ก็ต้องไปเดทด้วยกัน เต้บอกเทมแล้ว จีบจีบนะครับหมูหย็อง"
พูดเสร็จก็ทำท่าประกอบด้วยการทำท่ารำ จีบมือไปมา...ไปลากเฮียปลามาต่อยสักทีได้ไหมครับ เมื่อวานใส่ชุดไทยมาชวนเทมรำวงตอนเที่ยงคืน จนเทมติดความไม่สมประกอบมาแล้วเนี่ย ไม่ควรให้ผ้าขาวไปเปื้อนสีของจำปาเลยครับ สะเทือนใจจริงๆ แล้วไอ้เต้นี่มันจะอธิบายอะไรครอบคลุมขนาดนี้ครับ นี่มันอธิบายไปถึงขั้นไหนกันแน่ อา...พูดแล้วยังหงุดหงิดไอ้น้ำไม่หายเลยครับ ทั้งไอ้เต้ไอ้น้ำนี่ก็ตัวดี เอาสีดำสกปรกมาแต้มผ้าขาวของผมอยู่เรื่อยเลยเชียว
ผมพยายามปลุกความโกรธใส่เหยื่อทั้งสาม เพื่อกลบความเขินอายที่ฉุดรั้งไม่ให้แสดงออกได้ยากเหลือเกิน
พวงแก้มทั้งสองรู้สึกผ่าว ใจเอยก็เต้นตึกตัก ที่ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวว่านี่คือการเดท
ถึงจะเคยไปไหนต่อไหนกับเทมปุระสองคน แต่หลังจากสถานะของเราที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
มันก็ให้ความรู้สึกคนละแบบเลยนะครับ
"อะ หมูหย็องแอบยิ้มด้วย หมูหย็องก็ดีใจที่เราจะได้ไปเดทกันใช่ไหมครับ"
ผมที่กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มจากคนตรงหน้าได้ จึงฉีกยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับว่าใช่ของคำถาม เทมที่เห็นผมตอบ แก้มใสก็ระเรื่อไปด้วยสีชมพูเหมือนกันกับผม
"หมูหย็องยิ้มแล้วน่ารักจังเลย"
"เทมก็ยิ้มแล้วน่ารักจังเลยเหมือนกันครับ"
เหมือนครั้งนี้ผมจะเป็นผู้ชนะนะครับ...อีกฝ่ายที่เหมือนโดนผมโจมตีใส่จุดตายด้วยรอยยิ้ม ก็เข้ามากอดผมแล้วซ่อนใบหน้าแดงฉานเอาไว้ ขมุบขมิบปากบ่นผมเบาๆอยู่ที่ไหล่ ว่า หมูหย็องนั่นแหละน่ารัก หมูหย็องแกล้งเทม หมูหย็องอย่างนู่น หมูหย็องอย่างนี้ไม่หยุด เราอยู่ในสภาพแก้มอุ่นเคลือบไปด้วยสีชาดอยู่นาน จนกระทั่งคุณหมอเข้ามาเคาะประตู
"อ้าว ไข้กลับเหรอครับเทม หน้าแดงจัง"
คุณหมอที่เปิดประตูเข้ามาเจอเทมที่กำลังนั่งยิ้มแก้มตุ่ยอยู่บนเตียงก็ทักขึ้น เทมรีบส่ายหน้าไปมา เจ้าดวงตาแสนหวานแอบชำเลืองมองผมที่นั่งอยู่ข้างเตียง แค่นั้นก็เหมือนจะเป็นเฉลยให้กับคุณหมอควบจิตแพทย์รู้ทันที รอยยิ้มเงียบๆร้ายกาจยิ่งกว่าคำเอ่ยแซวใดๆ ผมตีหน้าเรียบเฉย แม้ในใจจะเขินอายไม่น้อย ที่คุณหมอเข้ามาในจังหวะที่ผมกับเทมกำลัง เอ่อ เขาเรียกว่าอะไรนะครับ? จู๋จี๋กัน...? ทำไมฟังดูแล้วจั๊กจี้หัวใจจังเลย
"แหม ดูท่าจะเป็นไข้กันสองคนเลยเนอะ แดงทั้งคู่แบบนี้"
"ไม่ใช่นะครับคุณพี่หมอ เทมอายเฉยๆ หมูหย็องน่ารักเกินไปจนปวดใจเลย"
อา...อย่าไปบอกให้คนอื่นฟังแบบนั้นสิครับเทมปุระ ผมที่ตีหน้านิ่งเฉยอีกต่อไปไม่ไหว เลยขอตัวออกมาข้างนอก ก่อนจะที่ระเบิดตายอยู่ในห้องนั้นด้วยความเขิน เสียงเทมที่กำลังโม้ถึงความน่ารักของผมให้คุณหมอฟัง ยังแว่วออกมาจากประตูที่ไม่ได้ปิดสนิท
"หมูหย็องน่ารักจังเลย อะ แต่เทมคิดว่าหมูหย็องน่ารักได้คนเดียวนะ ถึงจะเป็นคุณพี่หมอก็ห้ามคิดว่าน่ารักเด็ดขาด...แล้วก็...คุณพี่หมอครับ เทมเหมือนจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า หมูหย็องยิ้มทีไร ในนี้ก็เต้นตุ้บตับตุ้บตับใหญ่เลย"
เหมือนผมจะเห็นคุณหมอหันมาทางประตูและเราก็สบตากันแว่บหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ติดมุมปาก ทำเอาผมอยากเปิดประตูเข้าไป แต่ก็ไม่ทัน
"เขาเรียกว่าอาการตกหลุมรักครับน้องเทม เทมกำลังตกหลุมรักกับหมูอยู่ไงครับ เวลาที่เราอยู่ใกล้ๆคนที่เรามีใจ ตรงนี้ก็จะรู้สึกเต้นเร็วขึ้นมา เป็นปกตินะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเวลาที่เขายิ้มแล้วเต้นแรง ก็เพราะว่าเราชอบรอยยิ้มของเขามาก พี่หมอก็อยากอธิบายอะไรๆ มากกว่านี้นะครับ แต่รังสีอำมหิตที่อยู่ด้านหลังบอกว่าถ้าพูดไปคงไม่ได้ตายดี งั้นเรากลับมาเข้าสู่การตรวจกันดีกว่าเนอะ"
เมื่อเห็นว่าคุณหมอเข้าสู่กระบวนการตรวจในแบบปกติดีแล้ว ผมก็ปิดประตูลงให้สนิท
กว่าเทมจะทำกายภาพบำบัดเสร็จก็เกือบเย็นแล้วครับ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมเลยบอกให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดหน่อย เพื่อให้มั่นใจว่าเทมสามารถเดินเหิน ขยับตัวได้อย่างเป็นปกติแล้วจริงๆ และคำตอบก็น่าพอใจ ว่าเทมดีขึ้นมากจนเรียกได้ว่าปกติแล้วครับ ผมพูดขอบคุณและพาเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ออกไปเที่ยวแบบสุดๆ ขึ้นไปอาบน้ำ
ระหว่างที่เสียงน้ำในห้องน้ำยังไหลกระทบพื้น ผมก็มาเปิดตู้ เลือกเสื้อผ้าของเขามาเตรียมเอาไว้ให้
ความตั้งใจลับๆของผมในเดทแรกคือเสื้อคู่ครับ แต่จะให้เลือกลวดลายอะไรเด่นๆ ก็ค่อนข้างจะน่าอายเอาเรื่องเหมือนกัน ผมจึงเลือกเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ที่ผมมักใส่ประจำ กับไปค้นหาเชิ้ตสีดำของผมที่ตัวใหญ่หน่อยให้เทม เสื้อผ้าของเทมจะออกไปโทนสีขาว น้ำตาล หรือฟ้าอ่อนๆ หรือไม่ก็สีจัดจ้านเป็นลายการ์ตูนไปเลยครับ ไม่มีสีดำเท่าไหร่
ผมเลือกเชิ้ตเนื้อดีมาสองตัว กางเกงยีนส์สีขาวตัดแต่งขาให้ดูขาด แล้วก็ผ้าใบสีขาว พร้อมหมวกสีดำสองใบ
นาฬิกาของเขาสีดำ และของผมสีขาว
มันก็ไม่โจ่งแจ้งนักหรอกมั้งครับ...
ผมเดินหยิบเสื้อผ้าที่จัดเซ็ทไว้แล้วไปให้เทม แอบลุ้นนิดหน่อยว่าเขาจะเป็นยังไงในเสื้อผ้าสีเข้ม
"เทมครับ หมูวางเสื้อผ้าไว้ให้ตรงโต๊ะนะครับ"
"โอเออับ ออบอุนอับ" โอเคครับ ขอบคุณครับ เสียงอู้อี้ดังลอดออกมา เหมือนเจ้าตัวกำลังแปรงฟันอยู่ ผมนึกท่าทางน่าเอ็นดูที่กำลังอ้าปากกว้างเหมือนปลาวาฬออกเลยครับ
ผมที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากในห้องแต่งตัว จึงหันไปหาอีกฝ่าย เพื่อจะได้ชักชวนกันลงไปข้างล่าง หาลุงสันที่เตรียมรถรออยู่แล้ว คำพูดไม่ได้หลุดออกจากปากที่กำลังอ้าค้างของผม
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีนิลเหมือนท้องฟ้ายามรัตติกาล แนบไปกับลำตัวโชว์หุ่นที่สมส่วน ความสูงของเขาทำให้มีช่วงขายาวที่ขับให้ยีนส์สีขาวดูดีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม หมวกสีดำสนิทที่อยู่บนหัว กอปรกับดวงตาสีตาลสวย ข้อมือสวยที่โผล่พ้นเสื้อแขนยาว สวมใส่นาฬิกาหรูที่ยิ่งขับบุคลิคให้ดูโต สีโทนเข้มที่ทาทับสีขาวสะอาด ทำให้ความบริสุทธิ์ยามปกติ กลายเป็นความเข้มที่ดูน่าลุ่มหลง และดูคุกคามจนทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง เทมในสีดำ...
damn...
He's so fuckin hot!
โคตรเซ็กซี่
โคตรน่ากินเลยครับ
ผมเผลอแลบลิ้นเลียนริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เทมปุระที่เปิดประตูออกมาแล้วกำลังจัดแต่งนาฬิกาบนข้อมือ กระดุมที่ติดไม่ครบทุกเม็ด ทำให้ดูยั่วเย้าโดยไม่ตั้งใจ ผมเลื่อนลอยไปหาอีกฝ่าย ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยวันนี้ดูมีมนต์สะกดในอีกรูปแบบที่ไม่เคยพบเจอ จนทำเอาหัวใจที่สั่นระรัวเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
"ขอบคุณครับ"
คำขอบคุณที่มาพร้อมความร้อนที่ประทับบนข้อนิ้วของผมที่กำลังกลัดกระดุมให้ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นของเหลว ที่เอาแต่อยากละลายคาอกของเขา
ไม่อยากไปดูหนังแล้วครับ
หิวมากกว่า...รู้สึกอยากกินเทมปุระขึ้นมาสุดๆไปเลย
"ครับ..."
ระหว่างที่เราเดินผ่านกระจก อ้อมแขนใหญ่ก็รั้งผมเอาไว้ด้วยการรวบเอวผมเข้ามาประชิดตัวเอง เราทั้งสองคนมองตรงไปในกระจก เห็นผู้ชายผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่าง พร้อมด้วยใบหน้าแดงจัด กำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนผมดำนัย์ตาสีน้ำตาลที่ตัวสูงกว่า ที่แต่งตัวเหมือนกันไม่มีผิด ต่างกันเพียงสีนาฬิกาข้อมือเท่านั้น หลังของผมแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่แรงไม่แพ้กัน แนบชิดจนสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน... ความร้อนที่แผ่มาถึงผม ยิ่งทำให้รู้สึกหัวของตัวกลายเป็นกาต้มน้ำที่กำลังจะพ่นไอน้ำออกมา
เทมปุระมองตัวผมที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา รอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยท่าทางพึงพอใจ
"เหมือนกันเลยนะครับ...ของเราสองคน"
ความลับที่ผมตั้งใจซ่อนเอาไว้ ถูกเปิดโปงตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้อง เสียวหัวเราะทุ้มในลำคอ พาลอยากให้ผมโทรสั่งจองหัวใจดวงใหม่ ด้วยเกรงหัวใจดวงนี้อาจจะรับไม่ไหว และละลายหายไป
พอดวงตาคู่นั่นมองสำรวจผมจนพอใจแล้วก็จูงมือผมออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี ผมที่ได้แต่ก้มหน้างุด เดินตามแรงจูงของเทมไปที่รถ อา...บ้าจริงเชียว ผมจะทำยังไงให้เดทนี้ไม่ล่ม เพราะผมหัวใจวายตายกลางคันดีนะ?
ระหว่างทางลงจากคอนโดสูง เทมปุระแวะเข้าไปหาคุณป้าในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด เจอผู้หญิงตัวเล็กในชุด รปภ. เต็มยศกำลังนั่งจอหลากหลายจออย่างเคร่งครัด พอเห็นพวกผมเข้ามา ก็รีบฝากงานต่อให้อีกคน แล้วลุกจากเก้าอี้ยิ้มหวานเข้ามาหา
"คุณแม่! คุณแม่! คุณแม่ครับ เทมขอไปดูหนังกับหมูหย็องนะครับ กลับมาเย็นๆ"
"โอเคครับ แล้วจะทานข้าวกันข้างนอกเลยไหม หรือจะให้แม่เตรียมไว้รอเราสองคนกลับมาดีครับ"
"เดี๋ยวผมพาเทมไปทานข้างนอกเลยครับ จะได้ไม่รบกวนคุณป้าตอนทำงาน"
"ไม่กวนหรอกจ้ะ แต่ตามใจพวกหนูเลยนะ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากรู้ไหมครับ เดี๋ยวแม่ต้องไปทานข้าวกับบ้านหมูหย็องพอดี คุณเอเลนจะเดินทางไปออสเตรเลียพรุ่งนี้แล้ว เลยอยากให้แม่เข้าไปหาคุณเขาหน่อย"
"ฝากสวัสดีคุณม๊าด้วยนะครับ"
"ได้จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกแม่ได้เลยนะทั้งสองคน"
"ได้ครับผม งั้นเทมไปก่อนนะครับ"
พวกผมสองคนยกมือไหว้คุณป้าแล้วเดินพากันลงมาข้างล่าง แต่ระหว่างทางไปลานจอดรถ เทมปุระกลับเสนอความคิดบ้างอย่างออกมา
"หมูหย็อง หมูหย็อง เราลองนั่งรถไฟฟ้าไปกันไหมครับ? หย็องหย็องชอบบอกว่าไปแว๊นรถไฟฟ้า สบายกว่านั่งรถเยอะเลย สนุกด้วย เทมยังไม่เคยขึ้นเลยด้วย หมูหย็องเคยนั่งหรือยังครับ?"
"อย่าเชื่อทุกอย่างที่หย็องหย็องพูดสิครับเทม...หมูก็ไม่เคยนั่งนะครับ เทมอยากลองเหรอครับ?"
"ครับ...ได้ไหมครับ?"
แล้วผมจะปฎิเสธอะไรแววตาออดอ้อนนั่นได้ล่ะครับ ได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง โทรบอกลุงสันให้ขับกลับไปที่บ้านเท่านั้นเอง
เราสองคนเดินออกมาถึงถนนใหญ่ ผมจับมือร่างสูงไว้แน่น เทมที่ไม่ได้ออกมาจากบ้านหลายวันดูตื่นเต้นกับทุกอย่าง กลัวเขาจะเผลอวิ่งออกไปแล้วรถจะชนน่ะครับ ไม่ใช่ว่าอยากเดินจับมือถือแขน ควงเขาอวดทุกคนหรอกนะครับ...
เดินกันไม่กี่นาทีเราก็มาอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า ผมที่ไม่เคยขึ้นก็แอบงงไปชั่วครู่ อาจจะเพราะเป็นวันหยุด คนจึงเต็มแน่นสถานี จนเห็นผู้คนมากมายหลั่งไหลไปยือออกันที่ตู้กด คิดว่าคงจะซื้อตั๋วกันที่ตรงนั้น ผมจูงมือเทมตามไปเข้าแถว จับเด็กน้อยที่ชะเง้อมองนู่นนี้ไม่หยุดให้อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวจะชนคนอื่นเข้า
"ต้องซื้อตั๋วก่อนนะครับเทม"
"หมูหย็อง หมูหย็องดูตู้นั้นสิ เหมือนในหนังเลยเนอะ เทมขอเป็นคนซื้อได้ไหมครับ"
เทมปุระที่ตื่นเต้นจนจับมือผมแน่น ชี้มือชี้ไม้ไปที่ตู้ใหญ่ แอบเสียงดังจนคนมอง ผมต้องลูบแขนเขาให้ใจเย็นลง
"ได้ครับ งั้นเราไปเข้าแถวกันนะ"
ผมรู้สึกว่าสายตานับร้อยคู่กำลังจดจ้องมาที่พวกเราสองคน เสียงชัตเตอร์ที่ถูกกดทั้งจากกล้องและโทรศัพท์ พร้อมคำพูดที่เอ่ยถึงพวกผมแว่วมาให้ได้ยิน
"แก๊! ดูสองคนนั้นดิ โคตรงานดี งานพรีเมี่ยม งานลิมิเต็ด งานที่ชาตินี้แค่ได้เห็นก็คุ้มค่าแล้วที่เกิดมา! โอ้ย! ดี!"
"แล้วแกดูเขาจับมือกัน! ผัวฉันเป็นเมียเขาจ้า แต่ยอม เหมาะสมกันชิบหาย ฮือ"
"เฮ้ย ดูดิ โคตรหน้าตาดีเลยอ่ะ"
"ชุดคู่หรือเปล่าวะ กรี๊ดดดด โคตรหวานอ่ะ ใจบางไปหมดแล้ว!"
"ดารามาถ่ายหนังถ่ายซี่รี่ย์หรือเปล่าวะ หรือนายแบบ? ออร่าโคตรเด่น!"
"แม่ให้กินพาสต้ารูปตัวดีเหรอวะ ถึงได้โตมาหน้าตาดีขนาดนี้"
"เบ้าหน้าดีไม่พอ โคตรสูง โคตรหุ่นดี แต่งตัวก็ดูดี มึง ไป ไป! ติด #ผัวหล่อบอกต่อเมียทั้งชาติ"
ในช่วงเวลาที่ผมอารมณ์ดีมากแบบนี้ เสียงซุบซิบรอบตัวกลับฟังดูตลกและน่ารักดี ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนยามปกติ โดยเฉพาะเสียงที่บอกว่าผมกับเทมปุระเหมาะสมกัน ยิ่งจุดรอยยิ้มกริ่มติดริมฝีปาก เทมกระตุกมือผมเล็กน้อยเมื่อถึงคิวพวกเรา ผมดูรายละเอียดตู้แล้วก็ค้นพบว่าใช้ไม่ยาก แค่เพียงใส่เงินลงไป กดเลือกสถานี แล้วก็รอรับตั๋วได้เลย
ผมเปิดกระเป๋าสตางค์ควักแบงค์พันยื่นส่งให้เทมปุระ เทมที่ดูตื่นเต้นก็รีบใส่เงินเข้าไปทันที เครื่องดำเนินการอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่งบัตรออกมา พร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊งของเหรียญที่ดังติดต่อกันไม่หยุด ทำเอาผมกับเทมปุระตกใจ นึกว่าเครื่องสามารถทอนออกมาเป็นแบงค์ได้ แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากบัตรสองใบ พวกเราก็ได้เหรียญทอนมาอีกเพียบเลยครับ
"ได้เหรียญมาเยอะแยะเลย! ทำไงดีครับหมูหย็อง ไม่มีกระเป๋าใส่ด้วย..."
ผมก็ไม่ชอบพกเหรียญด้วยสิครับ ไม่ชอบให้กระเป๋าสตางค์มันพองๆหนักๆ เทมปุระที่ต้องปล่อยมือผม ก่อนจะโอบกอดกองเหรียญหลายร้อยแทน ก็ได้แต่ยืนหันรีหันขว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่ไม่ได้พกกระเป๋าเป้มาด้วยสิครับ เลยตัดสินใจที่จะแจกคนที่ต้องการใช้ไปดีกว่า
"เอ่อ จะรับเหรียญไปซื้อบัตรไหมครับ ให้ฟรีครับ พอดีพวกผมไม่มีกระเป๋าใส่"
ผมดึงเทมออกมาจากตู้ แล้วมายืนดักคนที่กำลังจะมาเข้าแถวซื้อตั๋ว เพื่อแจกจ่ายกระจายเหรียญออกไป
"กรี๊ด! นี่มาโปรโมตหนังอะไรหรือเปล่าคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?!"
"ขอจับมือกับขอลายเซ็นด้วยได้ไหมคะ!?"
แล้วก็เกิดเหตุวุ่นวาย เหมือนเกิดการจราจลขึ้นบนสถานี จนลุงยามต้องวิ่งเข้ามาทำหน้าที่จัดการให้ทุกคนสงบลง เด็กน้อยของผมที่ตกใจกับผู้หญิงจำนวนมากที่บุกเข้ามาหา จนผวาขนพองฟู ผมรีบดึงเขาเข้ามาหลบข้างหลังแล้วปฎิเสธทุกคำขอ พลางพยายามหาหนทางหนีออกจากวงล้อม กว่าจะหลุดออกมาได้ นึกว่าจะจมคากองทัพสาวๆเสียแล้วครับ ผมมอบหน้าที่แจกจ่ายเหรียญให้กับลุงยามแทน ก่อนจะรีบดึงมือเทมปุระวิ่งหนีขึ้นบันไดเลื่อนไป
"แฮ่ก แฮ่ก...มะ-มะ-ไม่เห็นสนุกแบบที่หมูหย็องว่าเลย น-น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เทมโดนจับก้นด้วยงะ"
"เทมว่าไงนะ!? บัดซบ! ใครมันกล้ามาจับ! หมูจะไปขอกล้องวงจรปิดแล้วแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ"
"หมูหย็อง! หมูหย็อง ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวไปไม่ทันดูหนังเนอะ ไม่เป็นไรนะครับ"
เทมที่เห็นผมจะหมุนตัวลงไปชั้นล่างก็รีบดึงรั้งแขนผมเอาไว้ มือใหญ่ลูบหลังปลอบประโลมผม จนผมรู้สึกใจเย็นลง เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ขากลับให้ลุงสันมารับนะครับ ไม่นั่งรถไฟฟ้าแล้วนะ"
"ครับ..."
เทมที่ตอบรับเสียงอ่อย ดูสลดลง คงเพราะคิดว่าเพราะคำขอของตัวเองทำให้ผมโกรธ แต่จริงๆที่ผมโกรธคือเขาโดนใครก็ไม่รู้มาแตะอั๋งต่างหาก! กล้าดีจริงๆเลยครับ ขนาดผมยังไม่เคยบีบก้นเขาเลยนะ! แล้วใครหน้าไหนที่อาศัยช่วงวุ่นวายมาจับก้นของผมกัน ผมที่ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วปรับโหมดของตัวเองที่คุกกรุ่นให้มอดดับลง ด้วยร่างสูงเริ่มจะน้ำตาคลอหน่วยที่เห็นผมอารมณ์เสีย
"ไม่ได้โกรธเทมนะครับ หมูแค่ไม่ชอบให้ใครมาจับเทมแค่นั้นเอง"
"เทมขอโทษนะครับ เทมไม่ได้ตั้งใจนะ ต่อไปจะระวังตัวครับ"
"หมูรู้แล้วครับ หมูก็ขอโทษที่เสียงดังใส่เทมด้วยนะครับ ไปยืนรอรถไฟกันนะครับ อีกไม่กี่นาทีก็คงจะมาแล้ว"
ผมยิ้มให้เทมที่สีหน้าดูดีขึ้น เมื่อผมไม่ได้โกรธเจ้าตัว พอรถไฟฟ้ามาถึง ประตูที่เปิดออกก็ทำผมกับเทมปุระถึงกับผงะ จำนวนคนด้านในอัดแน่นกันเหมือนปลากระป๋อง ผมที่ดูท่าไม่ดีจะหันหน้าไปบอกเทมให้ออกจากสถานีแล้วเรียกรถแท็กซี่ไปกันเถอะ แต่ก็ทำไม่ได้แม้แต่หันไปมอง เพราะแรงดันจากมวลชนด้านหลัง ทำให้ผมกับเทมไหลเข้าด้านในซะแล้ว