เด็กหนุ่มใช้ชีวิตอย่างโชกโชน เขาเปลี่ยนวิธีการหากินโดยหาเหยื่อที่หมายตาไว้แล้วข่มขู่ บังคับ รีดไถเพื่อเลี้ยงชีวิตเป็นหลัก นอกนั้นก็ปล้นจี้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เหยื่อส่วนมากของเขามักจะเป็นเด็กหนุ่มหรือหญิงสาวที่ท่าทางมีเงินให้เขาไม่ขาดมือและอยู่ตามลำพัง ใครที่น่าพึงใจเขาก็จะมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย ไม่เกี่ยงว่าชายหรือหญิง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเดียวในวงการที่ไม่เคยซื้อบริการจากมิตรที่เป็นโสเภณี เพราะมีของเล่นของตัวเองอยู่แล้ว เหยื่อของเขานั้น มีบางคนที่ทนรับสภาพไม่ได้ฆ่าตัวตายไปก็มี บางคนย้ายบ้านหนี ใครที่ทำใจทนได้ก็เป็นแหล่งเงินแหล่งทองให้เขาต่อไป แต่เขาก็ไม่เคยไว้ใจใครจนถึงขนาดนอนค้างด้วย
เวลาผ่านไปหลายปี จนชื่อของเซย์ริวแพร่ไปในสังคมของพวกเขาด้วยการเป็นตัวอันตรายอันดับต้น ๆ ในปีที่เขาอายุ 20 เขาได้พบ “เพื่อน” คนแรกและคนเดียวในชีวิต
คืนวันนั้นฝนตกพร่ำ ๆ มาตั้งแต่เย็น แต่ความยะเยือกของสายฝนไม่ได้ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งลดความร้อนแรงในใจลงได้เลย คนกลุ่มนั้นกำลังโรมรันพันตูกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้ออยู่ในซอกตึกมืด ๆ แห่งหนึ่ง...ถ้าจะพูดตามตรงก็คือกำลังรุมกินโต๊ะใครคนหนึ่งอยู่ในสัดส่วน 6 ต่อ 1 แต่ดูแล้วก็รู้สึกว่าฝ่าย 6 คนกำลังเสียเปรียบ ด้วยตอนนี้มีหลายคนเลือดสาดไปตาม ๆ กันจากปลายมีดของชายหนุ่มร่างสูง
“อ๊าก!!!! ไอ้เซย์ริว มึง...ตากู!!” ใครคนหนึ่งในกลุ่มร้องลั่นเมื่อมีดของเซย์ริวเสียบเข้าที่ตาขวาพอดิบพอดี
การกระทำนั้นทำให้ทั้งกลุ่มระส่ำระสาย ในที่สุดก็ตัดสินใจผละถอยออกไปเพื่อความปลอดภัยของเพื่อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” หลังจากฝากแค้นไว้ด้วยประโยคสุดคลาสสิคแล้วก็ประคับประคองพากันหนีไป
เซย์ริวยืนพิงกำแพง ในมือยังกำมีดแน่น ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะที่ศีรษะนั้นแตกเป็นแผลใหญ่จนเลือดไหลอาบหน้า พอแน่ใจว่าคู่กรณีไปกันหมดแล้ว ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเสียงกุกกักที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวก็ดึงประสาททั้งหมดของเขาให้ตื่นตัวขึ้นอีก
“ใคร!?” ชายหนุ่มตะคอกพลางหันปลายมีดไปทางต้นเสียง
เด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น จากเสื้อผ้าที่สวมอยู่บอกให้รู้ว่าเป็นเด็กมัธยมปลาย เขาเปียกชื้นไปทั้งตัวไม่น้อยไปกว่าเซย์ริว
“เอ้อ...ฉัน...ไม่ได้มาร้ายนะ แค่...อยู่แถว ๆ นี้ก่อนพวกนายจะตีกัน”
เซย์ริวหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจอีกครั้ง แล้วลดมีดลง หลับตาเหมือนไม่สนใจใครคนนั้น
“นายเก่งจังนะ พวกนั้นตั้ง 6 คนยังสู้ได้”
ร่างสูงยังคงหลับตานิ่งเหมือนไม่ได้ยิน
“ไปหาหมอดีกว่ามั้ย เลือดนายออกเยอะมากเลยนะ”
ดวงตาคมลืมขึ้นด้วยความรำคาญ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเข้ามานั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“อะไรของแกเนี่ย ไปให้พ้นไป!” เซย์ริวตวาด
“แต่นายเจ็บเยอะนี่”
“แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” ชายหนุ่มบอกพลางลุกขึ้นแล้วตั้งท่าจะเดินหนี
“เฮ้! แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”
เซย์ริวหยุดเดินแล้วปรายตามองเด็กหนุ่ม “ถ้าอยากตายอย่างสงบก็อย่ามายุ่งกับฉัน”
พูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป โดยที่ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตามตื๊อเขา
ในระยะเวลาต่อมา เซย์ริวมักจะได้พบกับเด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นบ่อย ๆ ราวกับว่าเด็กคนนั้นรู้ดีว่าเขาชอบไปแถวไหนบ้าง เมื่อพบกันเด็กหนุ่มจะเข้ามาทักทายทันทีและเดินตามชวนพูดคุยไปเรื่อย แรก ๆ เซย์ริวก็ทำนิ่งเสีย จนรำคาญเข้าขั้นก็ออกปากไล่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงเดินตามเพื่อชวนคุยทุกครั้งที่พบ แม้กระทั่งโดนขู่ฆ่าก็ยังไม่ลดละ
“ไอ้...มึงจะเอายังไงกับกูวะ?” เซย์ริวทนไม่ได้ในที่สุด
“ก็ไม่ได้เอายังไง ฉันบอกนายไปแล้วนี่ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายอ้ะ” เด็กหนุ่มบอกอย่างเฉยเมย
“เป็นเพื่อนกับฉัน? แกบ้าหรือว่าเมาวะ ไอ้เปี๊ยก”
“เฮ้! ฉันไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนะ ฉันชื่อโทโนมุระ ฮิโรกิ จำเอาไว้ด้วย!”
ในที่สุด เซย์ริวก็ยอมให้เด็กหนุ่มนิสัยประหลาดนั่นเสียคนหนึ่ง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่พบกัน ฮิโรกิกับเซย์ริวก็เป็นปาท่องโก๋ ทั้งสองคนไปไหน ๆ ด้วยกัน พูดคุยกัน ทำอะไร ๆ ด้วยกัน ยกเว้นเวลามีเรื่องที่เซย์ริวจะกันฮิโรกิไว้อีกทางหนึ่งไม่ให้โดนลูกหลง เพราะถึงแม้ว่าจะใกล้ชิดกับเขามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็ใช่ว่าฮิโรกิจะทำทุกอย่างได้เหมือนเขา ซึ่งดูเหมือนฮิโรกิจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรอยู่เป็นภาระให้เซย์ริวเวลามีเรื่องเพราะครั้งหนึ่งที่เขายืนละล้าละลังอยู่จนเกือบโดนเล่นงาน เซย์ริวมาช่วยไว้ทันก็จริงแต่ก็ถึงกับได้แผลใหญ่ หลังจากนั้นมาเซย์ริวก็ไม่เคยต้องห่วงว่าฮิโรกิจะโดนลูกหลงอีกเลย เพราะทันทีที่มีเรื่องกัน กว่าฮิโรกิจะโผล่มาให้เห็นอีกทีก็หลังจากเรื่องมันจบไปแล้วอย่างน้อยก็ 10 นาที
“แกไม่ไปโรงเรียนหรือไงวะ?” เซย์ริวถามขึ้นเมื่อฮิโรกิมาขลุกอยู่กับเขาบ่อยขึ้น และบางทีก็มาอยู่ที่ห้องเขาตลอดวัน...ในชุดนักเรียน
“ขี้เกียจเรียน ไม่รู้จะเรียนไปทำไม” ฮิโรกิตอบพลางเอนหลังพิงหมอนแข็ง ๆ อ่านการ์ตูนที่แวะซื้อก่อนเข้ามาหาเซย์ริว
“แล้วแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านมาทำซากอะไรทุกวันวะ?”
“ตบตาพ่อแม่ไง เขาจะได้นึกว่าฉันไปเรียนทุกวัน”
“ไม่กลัวเขารู้เหรอ?”
“อ๋อ เขาต้องรู้แน่หละ เดี๋ยวก็มีจดหมายจากโรงเรียนไปเองแหละ” ฮิโรกิบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะปิดการ์ตูนแล้วส่งให้เซย์ริว ร่างสูงนั้นอ่านออกเขียนได้เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ “หมอมาสะ” เคี่ยวเข็ญมา
ร่างบางหลับตาลงโดยมีเพื่อนตัวโย่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ เขาขดซุกเหมือนจะหลับไปเลย แต่ปากก็พูดออกมาว่า
“เซย์ พ่อแม่ฉันจะหย่ากัน”
เซย์ริวไม่แม้แต่จะชะงักหนังสือในมือ เสียงห้าวต่ำเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ “แล้วไง?”
“ฉันควรไปอยู่กับใคร?”
“แกต้องเป็นคนเลือก ไม่ใช่ฉัน”
“อือ นั่นสินะ”
ฮิโรกิหายหน้าไปสองสามวัน แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง ประตูห้องของเซย์ริวก็ถูกทุบรัวจนเจ้าของห้องต้องสะดุ้งตื่น เขากระชากประตูห้องเปิดออกด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นสภาพคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว คำผรุสวาทใด ๆ ที่คิดจะพ่นออกไปก็ถูกหยุดไว้แค่ริมฝีปาก
ฮิโรกิอยู่ในชุดนอนมอมแมมไปทั้งตัว ในมือมีกระเป๋าใบใหญ่ใบหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรเลยแม้แต่รองเท้า ริมฝีปากแตกและมีรอยช้ำบนใบหน้า หากไอ้ตัวเล็กก็ยังยิ้ม
“ให้ฉันอยู่ด้วยคนนะ เซย์”
“เกิดอะไรขึ้นกับแก?” ร่างสูงยังดูงง ๆ กับสภาพผู้มาเยือน
“ฉันหนีออกจากบ้านแล้ว ฉันเลือกที่อยู่กับนาย”
“แล้วแผลนั่น?”
“โดนพ่อเล่นงานเอาน่ะ จดหมายจากโรงเรียนไปถึงบ้านเมื่อเย็นก็เลยเป็นเรื่อง”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “เข้ามาก่อน”
ฮิโรกิเข้ามาในห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ นั้นอย่างอ่อนระโหย เอาเท้ากวาดขยะที่รกอยู่บนพื้นห้องออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ฟูก
“รอดมาถึงนี้ได้นะ สภาพแบบนี้น่าจะโดนดักฉุดไปข่มขืนเรียงคิวตั้งแต่ปากซอยแล้ว”
“ฉันก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ทางเปิดว่ะ แย่ตรงตกต้นไม้ตอนปีนออกมาจากห้องนี่แหละ” ร่างบางหันมายิ้ม แต่ชั่วประเดี๋ยวก็หลบตาร่างสูงแล้วมองเหม่อ “ให้ฉันอยู่ด้วยนะ เซย์ ฉันไม่มีที่ไปแล้ว”
“ไม่” เซย์ริวตอบอย่างรวดเร็วชนิดไม่ต้องคิด
“ทำไมอ้ะ!?”
“ที่นี่มันอันตรายเกินไป คนอย่างแกไม่เหมาะกับที่นี่หรอก” ที่นี่ในความหมายของเซย์ริวคือสังคมด้านมืดที่เขาใช้ชีวิตอยู่
“ฉันอยู่ได้ เซย์ ฉันรับรองว่าจะไม่เป็นภาระของนายแน่ ฉันจะทำงานหาเงินเอง ใช้ชีวิตเอง” ฮิโรกิบอกด้วยท่าทางกระตือรือร้น “อ้อ! ฉันเอาสมุดธนาคารมาด้วยนะ มีเงินเก็บเยอะเหมือนกัน แบ่งให้นายด้วยก็ได้ ไม่เดือดร้อนแน่”
“บอกว่าไม่ก็คือไม่” เซย์ริวยังคงเย็นชาใส่
“แต่ว่า ฉัน...” ฮิโรกิลุกขึ้นดึงเสื้อร่างสูง ดวงตาเรียวทอดมองเว้าวอน
ลำแข้งแข็งหนาเตะอัดเข้าที่หน้าท้องของร่างบางจนกระเด็นไปกระแทกผนังห้องแล้วทรุดลงคู้ตัวงอ เซย์ริวตามมาใช้เท้าเขี่ยให้พลิกหงายแล้วเหยียบซ้ำ
“แค่นี้ก็หมอบแล้วหรือไง? นี่เหรอที่บอกว่าอยู่ที่นี่ได้น่ะ คิดว่ามีเงินแล้วแกจะทำได้ทุกอย่างเหรอ ไอ้เปี๊ยก อย่างแกน่ะ มีแต่จะโดนปล้นเงินแล้วส่งขายซ่องเท่านั้นแหละโว้ย!” ร่างสูงเหลือบมองฮิโรกิด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนที่จะอยู่ที่นี่ได้ ถ้าไม่แกร่งอย่างฉันก็ต้องเจ้าเล่ห์อย่างไอ้เร็น ไก่อ่อนอย่างแกอยู่ไปก็ตายเปล่า อย่าเสือกคิดว่าตัวเองแน่เพราะมีเงิน กลับบ้านแกไปซะ ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับ”
“แต่...แต่ฉัน...”
“ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ได้เพราะมีฉัน แล้วถ้าสักวันมันไม่มีขึ้นมา แกก็เป็นแค่เหยื่อเท่านั้นเอง” ร่างสูงยังคงพูดเรียบ ๆ
หากร่างบางสะอื้น “แต่...ฉันไม่มีที่ไปแล้วนี่...”