12
ตู้เห่าใช้เวลาค้นคดีคนหายอยู่หลายวัน สุดท้ายก็สามารถระบุศพของเหยื่อรายที่ 4 ได้ เขาซึ่งรับหน้าที่ดูคดีคนหายในช่วงนี้ เตรียมที่จะโทรไปติดต่อให้ญาติมาดูศพ กัมหงก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของเขา
“พี่เห่า คดีคนหาย อีก 2 คดี”
“อีกแล้วเหรอ”
“ใช่ เมื่อวานมีแม่บ้านมาแจ้งความว่าลูกแฝดชายหญิงของเธอหายไปหลังจากกลับจากเรียนพิเศษ ส่วนอีกคดี เป็นลุงคนหนึ่งมาแจ้งความตามหาหลานสาวที่หายตัวไปเมื่อ สามวันก่อน”
“ทำไมช่วงนี้คดีคนหายมันเยอะจังว่ะ?”
“คนที่หายไปช่วงนี้มักจะมีแต่ผู้หญิง แล้วก็เด็ก นี่พี่ระบุเหงื่อรายที่ 4 ของคดีฆ่ารัดคอได้แล้วเหรอ”
“อืม เธอถูกสามีแจ้งความว่าหายตัวไปหลังจากไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน”
“ศพทั้ง 4 รายที่พบ ก็เป็นผู้หญิงทั้งหมด และยังมาจากคดีคนหายทั้งนั้นเลยนะ”
“อืม”
“พี่ว่า สองคดีนี้มันจะเกี่ยวข้องกันไหม?”
“มันอาจจะเกี่ยวข้องกันในบางคดีเท่านั้น ไอ้ฆาตกรนั่นมันเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง มันยังไม่เคยจับเด็กไปทรมาน”
“อืม ก็จริง”
“พี่ติดต่อไปทางสามีผู้ตายเถอะ เดี๋ยวผมจะไปช่วยพี่กู่ดูภาพรถบัสสักหน่อย เห็นว่าสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยและผู้สมรู้ร่วมคิดได้แล้ว”
“คงต้องยกความดีความชอบให้กับเฟ่ยซานแล้วละ เข้ามามีเอี่ยวด้วยทีไร ได้เรื่องทุกที”
“นั่นสินะ พี่ก็น่าจะลองให้เฟ่ยซานมาช่วยดูเรื่องคดีคนหายนะ เผื่อจะช่วยอะไรได้ อ่อ แล้วลุงที่เมื่อวานเข้ามาแจ้งความ เฟ่ยซานก็เป็นคนพาเข้ามานะ ลุงเว่ยแกเป็นโรคอัลไซเมอร์ หลง ๆ ลืม ๆ แต่เฟ่ยซานก็เชื่อสิ่งที่ลุงเว่ยแกพูด เลยรู้ว่าหลานสาวแกหายไปจริง ๆ”
“อืม ถ้านายนั่นสนใจคดีนี้นะ คดีคนหายมันไม่น่าดึงดูดใจ ให้เอาไปเขียนข่าวนี่ นายก็รู้”
“พี่ก็คิดมาก ช่วยก็ส่วนช่วย งานก็ส่วนงาน เฟ่ยซานเป็นคนมีน้ำใจ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่โดนเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบได้อย่างทุกวันนี้เหรอ”
“เฟ่ยซานโดนโฮวจีเจียนเอาเปรียบอีกแล้วอย่างนั้นสิ”
“อืม”
กัมหงตอบแล้วเดินเข้าห้องประชุม 2 ไปแล้ว ตู้เห่าเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เขาดูข้อมูลของเหยื่อรายที่ 4 ในคดี ภาพสิ่งของที่ติดตัวผู้ตาย ก่อนโทรศัพท์ไปหาสามีเพื่อให้เข้ามายืนยันศพ
.........................................................................
วันนี้ผมมาในฐานะผู้ช่วยของโฮวจีเจียน ทำให้ต้องทำหน้าที่ขับรถให้กับคนที่นั่งข้าง ๆ ไปด้วย ผมขับรถตรงไปยังท่าเรือที่ 5 เพื่อที่จะผ่านไปยังโกดังของเยี่ยนหวอ
“เฟ่ยซาน นายต้องขับตรงไปอีก ออฟฟิศของเยี่ยนหวอตั้งอยู่แถว ๆ ท่าเรือ 5A”
“ผ่านท่าเรือที่ 5 ก็ได้นี่ นั่นไงป้ายบอกทาง”
“คุณฝู่บอกว่า เข้าทางท่าเรือ 5A จะใกล้ออฟฟิศเขามากกว่า ถ้านายเขาทางนี้ เดี๋ยวได้ไปหลงอยู่ข้างในโกดัง”
“อืม ๆ เดียวฉันหาที่กลับรถก่อน นายนี่ก็มาบอกอะไรตอนจวนตัวทุกที”
“เอาน่าน้องหนาน ถ้านายอยากมาเที่ยวเล่นแถวท่าเรือที่ 5 นี่ เดี๋ยวฉันให้นายออกมาถ่ายรูปให้เต็มที่เลย แต่ตอนนี้นายไปส่งฉันก่อน”
“รู้แล้ว ๆ ฉันไม่ได้อยากมาเที่ยวเล่นแถวนี้สักหน่อย”
ผมขับกลับรถแล้วขับกลับทางเก่า เพื่อตรงไปยังท่าเรือ 5A ตามที่จีเจียนบอก เมื่อผ่านทางเข้าของท่าเรือผมก็เห็นลานกว้างสุดลูกหูลูกตา ยาวไปจนถึงปากอ่าว มีเรือส่งสินค้าแล่นไปมาขวักไขว่
เราแลกบัตรตรงป้อมยาม เขาให้เราเข้ายังลานจอด ที่กันไว้สำหรับผู้มาติดต่อที่ออฟฟิศโดยตรง ซึ่งจะแยกออกจากกันกับลานจอดรถส่งสินค้าที่เวียนเข้าเวียนออกกันตลอดเวลา
“นี่เยี่ยนหวอทำธุรกิจประเภทรถส่งสินค้าด้วยอย่างนั้นเหรอ” ผมถามในขณะที่มองหาที่จอดรถอยู่
“นี่นายไม่รู้เหรอไง” ผมไม่ตอบจีเจียนจึงพูดต่อ “เดี๋ยวนายได้ฟังฉันสัมภาษณ์นายจะต้องตกใจ เพราะเยี่ยนหวอยังมีธุรกิจอีกมากที่นายอาจจะยังไม่รู้”
“รวมถึงเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายด้วยรึเปล่า”
“ใครจะไปกล้าถาม ฉันยังอยากออกจากที่นี่ไปแบบมีลมหายใจนะ”
“จีเจียน ที่นายเคยเล่าเรื่องน้ำตากิเลน นายรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง”
“อันที่จริงมันเรียกกันว่าน้ำตาหยก เพราะมันเกิดจากหยกศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วมันเพี้ยนมาเป็นน้ำตากิเลนได้ยังไง”
“มันไม่ได้เพี้ยน นายสิเพี้ยน นายไม่เคยไปดูหยกศักดิ์สิทธิ์ที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหรือยังไง”
“หยกประดับ ที่ปฐมกษัตริย์ให้กับขุนนางคนสนิท 4 ตระกูลนั่นนะเหรอ” ผมเข้ามาจอดรถในที่หนึ่งที่ว่างอยู่ ซึ่งจากตรงนี้ค่อนข้างเดินไกลพอสมควร กว่าจะถึงออฟฟิศ
“นั่นน่ะแหละ ตระกูลฝู่ก็เป็นหนึ่งในตระกูล 4 ขุนนางนั่น”
“แล้วมันเกี่ยวกับน้ำตากิเลน หรือน้ำตาหยกอะไรนั่นยังไง” ผมจอดรถ และดับเครื่องแล้ว ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปจากจีเจียนเลย
“น้ำตากิเลนก็มาจากหยกกิเลนนั่นไง”
“อ่อ”
“คนที่สร้างหยกนี่ขึ้นมา คงมีวิธีกลั่นน้ำตาหยกออกจากหยกศักดิ์สิทธิ์นั่น มันเลยเป็นที่มาของตำนานน้ำตากิเลนที่ช่วยให้คนอายุยืนยาวได้ยังไงละ แต่มันก็เป็นความลับของคนรุ่นก่อน ๆ จนคนรุ่นหลังถึงแม้จะเป็นตระกูลฝู่เอง ก็ไม่สามารถกลั่นเอาน้ำตาหยกออกมาได้”
“แล้วมันทำให้คนอายุยืนยาวจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันว่าคงไม่ใช่หรอก แต่มันมีจริง ๆ เพียงแต่มันไม่ได้เหลือให้เราศึกษามันแล้ว เพราะดร.เหมิ๋นค้นพบกล่องบรรจุน้ำตากิเลน ขนาดเป็นกล่องสำริด 2 ชั้นนะ น้ำตากิเลนยังเหือดแห้งไม่เหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้เลย”
“อ่อ” นั่นแหละ บทสรุปที่ผมอยากจะรู้ สิ่งที่ ดร.โพลาไอซ์บอกกับคนทั่วไป
“ว่าแต่นาย ถามเรื่องนี้ทำไม”
“ก็ครั้งก่อนไง ที่นายลากฉันไปดัก ดร. เหมิ๋นที่โรงแรมฝู่น่ะ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเขาเจอของสิ่งนั้นไหม?”
“นายก็ถามมาซะกว้างเชียว ไปได้แล้ว เสียเวลา เดี๋ยวคุณฝู่รอนาน”
“อืม ๆ เดี๋ยวฉันหยิบกล้องก่อน”
ว่าแล้วพวกเราก็ลงจากรถ หยิบอุปกรณ์ที่จำเป็น จากนั้นผมก็เดินตามหลังจีเจียนไปยังออฟฟิศของโกดังแห่งนี้
.........................................................................
เหมิ๋นหยวนฮ่างเฝ้ามองคนที่นั่งคุยกันบนรถอยู่นานสองนาน ก็ยังไม่มีท่าทีจะลงรถไปเสียที เขาลอบมองทั้งสองคนคุยกันจนกระทั่งเดินเข้าออฟฟิศไปแล้วเขาจึงได้ก้าวลงจากรถ
เขาเดินตามหลังคนทั้งสองไปโดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ จนเลขาของเตี๋ยพาคนทั้งสองเข้าไปยังห้องรับรอง เขาจึงเดินเข้าไปหาเตี๋ยที่ห้องทำงาน
“มาแล้วเหรอหยวนฮ่าง เตี๋ยนึกว่าเราจะมาไม่ทันซะแล้ว”
“มาถึงพักใหญ่แล้วละครับ แต่จับตามองคนที่ต้องคุยด้วยวันนี้อยู่”
“เจอกันแล้วเหรอ”
“ผมเจอเขาอยู่กับเพื่อนในลานจอด เห็นตกลงอะไรอยู่นานสองนานกว่าจะเข้ามาที่นี่”
“แล้วท่าทีพวกเขาเป็นยังไง”
“โฮวจีเจียนดูแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนที่ดีของหนานเฟ่ยซานอย่างที่เตี๋ยว่า”
“อี๊เรามองคนไม่ผิดหรอกนะ คงเห็นอะไรในตัวของโฮวจีเจียนตั้งแต่วันที่เจอกันในโรงพยาบาลแล้วละ”
“พูดถึงอี๊ แล้วอี๊ละครับ ยังไม่มาเหรอ”
“อี๊เราไม่มาหรอก ให้เตี๋ยรับหน้าคนเดียว อีกอย่างอี๊เขารีบไปจัดการเรื่องเจมส์ด้วย”
“ผมก็เพิ่งได้ข่าว เมื่อตอนที่มาถึง ว่าเจมส์หายตัวไป”
“ใช่ ไม่รู้ไปซนจนได้เรื่องที่ไหน”
“ครั้งนี้อี๊น่าจะโกรธมากนะครับ ถึงต้องไปจัดการด้วยตัวเอง”
“ก็ยังไม่รู้หรอก ถ้าเจมส์มีเหตุผลพอ ม๊าเขาก็พร้อมจะรับฟัง”
“แล้วนี่เตี๋ยจะให้ผมเข้าไปพร้อมเตี๋ยเลยไหมครับ”
“ไม่ต้อง นั่งรออยู่ที่นี่ก่อน ถ้าพวกเราออกไปดูโกดังกันเมื่อไร เดี๋ยวเตี๋ยให้เฉิ่งอี้มาตาม”
“ครับ”
เตี๋ยเดินออกจากห้องไป เขาจึงหาหนังสือบนชั้นมานั่งอ่านรอเวลา หากพวกนั้นไปดูโกดังกัน เขาจะต้องหาโอกาสคุยกับหนานเฟ่ยซานให้ได้
.........................................................................
ขณะนี้ทีมสืบสวนทั้งทีมที่ 1 และ 2 ต่างมารวมตัวกันอยู่ในห้องประชุม 1 เพื่อสรุปข้อมูลล่าสุดในคดีรถบัสระเบิดให้กับหัวหน้าได้ฟัง
บนกระดานมีรูปรถบัสที่ระเบิดทั้งครั้งที่ 1 และ 2 ถัดไป เป็นรูปรถแท็กซี่ที่ระเบิดเมื่อ 5 ปีก่อน โดยเลขทะเบียนของรถทั้ง 3 คันเป็นเลขเดียวกัน แถวถัดมาเป็นรูปผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ตั้งแต่รูปของโชเฟอร์แท็กซี่ และครอบครัว รูปสองสามีภรรยาแซ่โยว่และลูกสาว สุดท้ายเป็นรูปฉินหรุ่ยกวง
“ผมตรวจสอบดูแล้ว รถรุ่นนี้ ยังมีทะเบียนรถที่เป็นเลขเดียวกันอีก 6 คัน ซึ่งผมให้คนคอยเฝ้าระวังไว้แล้ว” เหยินหยางผิงรายงาน
“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะจับคนร้าย ผมขอให้ฉินหรุยกวงเรียกรถที่มีเลขทะเบียนเดียวกันเข้ามาตรวจสภาพที่อู่วันนี้” ผานกู่รายงาน
“คนร้ายต้องอาศัยจังหวะที่รถทั้งสามคันมาตรวจสภาพ ลอบขึ้นไปติดตั้งระเบิดแน่นอน” เหมี่ยนจื่ออู่ออกความเห็น
“ผมได้ขอกำลังคนเก็บกู้ระเบิดไว้แล้ว ทุกอย่างจะพร้อมภายใน 3 นาที” ตู้เห่ารายงาน
“ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ระวังตัวให้ดี อย่าทำอะไรให้คนร้ายไหวตัวทัน แล้วจับตัวมาให้ได้ทั้งสองคน”
“ครับหัวหน้า” ทุกคนรับปากก่อนเดินออกจากห้องประชุมไป โดยทั้งสองทีมแบ่งนั่งรถไปคนละคัน ตามด้วยรถตำรวจอีกกันหนึ่ง รถของทีมกู้ระเบิดขับตามเป็นคันสุดท้าย
ผานกู่นั่งอยู่ข้างเหยินหยางผิงที่เป็นคนขับรถ กำลังมุ่งตรงไปยังบริษัทฯ ของฉินหรุยกวง จากที่เหมียนจื่ออู่เอารูปที่ได้ถ่ายภายในบริษัทฯ และศูนย์ซ่อมบำรุงของฉินหล็อกยกวงเมื่อวานนี้ มาเปิดดูเพื่อหาข้อมูลผู้ต้องสงสัย ทำให้เขาพบว่า ผู้ร้ายในคดีแฝงตัวเข้ามาทำงานอยู่ที่บริษัทฯ แห่งนี้พักใหญ่แล้ว
จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปสืบจนเป็นที่รู้แน่ชัดว่า ทั้งสองคนร่วมมือกันวางระเบิดรถบัสแน่นอน ขาดเพียงแต่พยาน และหลักฐานดังนั้น เหมียนจื่ออู่กับเขาจึงไปพบฉินหรุยกวงที่บ้าน เพื่อขอความร่วมมือ ซึ่งครั้งแรกที่ฉินหรุยกวงได้ยินก็ตกใจไม่น้อย และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยติดต่อบริษัทรับสัมปทาน ขอตรวจทั้ง 6 คันด้วยตัวเอง
เมื่อมาถึงที่หมาย รถของตำรวจคันที่ตามมาพร้อมเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด ก็ขับรถไปอยู่ที่ถนนอีกสายที่ขนานกับถนนหน้าบริษัทฯ ซึ่งเป็นถนนด้านหลัง เพื่อจะเข้าไปทางศูนย์ซ่อมบำรุงได้โดยตรง ส่วนพวกเขาทั้งทีม 1 และ 2 แยกย้ายกันไปตรวจค้นภายในศูนย์ทางด้านหน้าบริษัทฯ
.
.
.
ผานกู่กับเหมี่ยนจื่ออู่เดินเข้าไปสำรวจที่ศูนย์ซ่อมบำรุง โดยมีตำรวจบางส่วนที่เข้ามาทางด้านหลังสแตนบายรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาแยกย้ายกันเข้าตรวจรถที่กำลังทำการตรวจสภาพอยู่ ช่างที่กำลังทำงานต่างตกใจเมื่อเห็นพวกเขา แต่ก็ก้าวถอยออกไปแต่โดยดี จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งร้องขึ้นมา
“พบวัตถุต้องสงสัยบนรถคันนี้”
สิ้นเสียง เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดก็เข้ามากันพื้นที่ อพยพคนออกไป ผานกู่และเหมียนจื่ออู่ พบวัตถุต้องสงสัยบนรถบัสอีกคัน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ เมื่อค้นทุกซอกทุกมุมจนไม่พบวัตถุน่าสงสัย ก็เดินออกไปสมทบกับคนที่เหลือ พวกเขาเห็นตู้เห่าและจู้ชุนกำลังเดินออกมาหาพวกเขาที่จุดนัดเช่นกัน
.
.
.
ตู้เห่ากับจู้ชุน เดินเข้าไปยังด้านข้างของศูนย์ซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นที่พักผ่อนและล็อกเกอร์ของยามเฝ้าบริษัทฯ เมื่อไปถึงเขาเห็นหัวหน้ายามกำลังออกมาจากห้อง จึงแสดงตัวและเรียกไว้ เพื่อขอให้เขาพาไปยังล็อกเกอร์ของผู้ต้องสงสัย
“ช่วยเปิดล็อกเกอร์ และตามเจ้าของมาให้พวกเราที อย่าให้ผิดสังเกตนะ”
ตู้เห่าบอกกับหัวหน้ายาม ทางนั้นก็รีบทำตามทันที กลับไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง หยิบกุญแจสำรองที่แขวนไว้ภายในตู้ออกมาหากุญแจตามหมายเลขที่ต้องการ เมื่อเปิดตู้ให้กับตู้เห่าและจู้ชุนแล้ว เขาก็ ว. เรียกให้คนที่ตำรวจต้องการตัวมาหาที่ห้องพัก
ภายในล็อกเกอร์ของผู้ต้องสงสัย นอกจากเสื้อผ้า และหนังสือสองสามเล่ม จู้ชุนก็พบเพียงแต่เทปกาวที่ใช้ไปเกือบครึ่งม้วนวางทิ้งไว้ด้านใน
“พี่เห่า ไม่เจอ”
“จับไปก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน”
เมื่อสรุปได้ดังนั้น จู้ชุนจึงปิดประตูล็อกเกอร์ลง รอให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอีกครั้ง และเมื่อผู้ต้องสงสัยเดินเข้ามา พวกเขาก็แสดงตัวอีกครั้งแล้วเข้าทำการจับกุม
“เดี๋ยวคุณตำรวจ มาจับผมทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เดี๋ยวก็รู้ แต่ตอนนี้นายคงต้องมากับพวกเราก่อน” ตู้เห่าใส่กุญแจข้อมือ จากนั้นก็พาผู้ต้องสงสัยเดินกลับไปสมทบกับทุกคน ซึ่งเมื่อเดินออกไปก็เห็นผานกู่และเหมียนจื่ออู่ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เจอไหมอากู่”
“สองคัน”
ผานกู่ตอบกลับมา และยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อก็เกินเสียงระเบิดดังขึ้นติด ๆ สองครั้งภายในบริษัทฯ และภายในศูนย์ซ่อมบำรุง พวกเขาทั้งหมดยอบตัวหลบโดยอัตโนมัติ พร้อมกับกดหัวผู้ต้องสงสัยลง เพื่อความปลอดภัย
.
.
.
เหยินหยางผิงกับชิวกัมหงเดินเข้ามาภายในบริษัทฯ ทางพนักงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็ต้อนรับเขาอย่างดี และพาพวกเขาไปส่งที่ห้องทำงานของฉินหรุยกวง เมื่อมาถึง เลขาสาวสวยเพิ่งจะออกจากห้องของเจ้านายก็เข้ามาดูแลพวกเขาต่อ
“พวกคุณนัดคุณฉินเอาไว้รึเปล่าคะ?”
“นัดไว้แล้วครับ” เหยินหยางผิงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ฉันจะไปเตรียมห้องรับรองไว้ให้พวกคุณเข้าไปนั่งรอก่อน เพราะคุณฉินยังมาไม่ถึงที่ออฟฟิศเลยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้คุณฉินไม่น่าจะเข้ามาที่บริษัทฯ แล้ว” ชิวกัมหงพูดพร้อมทั้งเดินไปมองรอบ ๆ โต๊ะทำงานของเธอ
“ผมขอเข้าไปดูห้องคุณฉินหน่อยได้ไหมครับ” เหยินหยางผิงถาม เพราะตอนที่เขาเดินเข้ามา เหมือนเห็นเธอเพิ่งเดินออกมาจากห้องของเจ้านายตัวเอง
“เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ คุณฉินไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายภายในห้องทำงานของท่าน”
“นอกจากคุณสินะ”
“ก็ฉันเป็นเลขาของคุณฉินนี่คะ?”
“นี่ ใช่กระเป๋าของคุณไหม” ฉิวกับหงชี้ไปยังกระเป๋าถือใบใหญ่ ที่วางอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานของเธอ
“นี่คุณ นั่นของของฉัน ฉันว่าคุณควรอยู่ห่าง ๆ มันจะดีกว่า” เลขาสาวสวยตรงหน้ามีท่าทางลุกลี้ลุกลนจนทั้งสองคนผิดสังเกต
“ผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่เห็นว่ากระเป๋า มันดูไม่เข้ากับชุดของคุณสักเท่าไร” ชิวกัมหงเดินห่างออกมาเล็กน้อย
“พวกคุณต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อรู้ว่าคุณฉินไม่เข้ามาบริษัทฯ แล้วจะเข้าไปในห้องคุณฉินทำไม”
“ผมต้องถามคุณมากกว่า ว่าคุณเอาอะไรไปซ่อนในห้องคุณฉิน”
“ฉันซ่อนอะไร ฉันก็แค่เอาเอกสารไปวางไว้ให้ตามหน้าที่”
“ถ้าอย่างนั้น ผมโทรขอคุณฉินก่อนก็ได้” เหยินหยางผิงพูดพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำทีกดโทรออก แล้วแกล้งพูดอยู่คนเดียว “คุณฉินครับ ผมจะขอเข้าไปตรวจสอบอะไรในห้องทำงานของคุณหน่อยได้ไหมครับ .. .. แต่เลขาสาวสวยของคุณไม่ยอมให้พวกผมเข้าไป .. .. คุณช่วยบอกกับเธอหน่อยก็แล้วกันนะครับ” เขาพูดคนเดียวกับโทรศัพท์ ก่อนยื่นมันให้กับหญิงสาวตรงหน้า
เธอยื่นมือออกมารับโทรศัพท์ในมือเขา จังหวะนั้นชิวกัมหงก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของหญิงสาวไว้ เธอตกใจทำโทรศัพท์ในมือหล่น ครั้นจะกลับไปคว้ากระเป๋าคืนมาก็ทำไม่ได้ เธอจึงถอยไปที่โต๊ะและหยิบสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกล่องสิ่งเหลี่ยมขึ้นมาถือเอาไว้
“หยางผิง” ชิวกัมหง เปิดกระเป๋าให้เหยินหยางผิงดูข้างใน เข้าเห็นวัตถุต้องสงสัยอยู่ในกระเป๋าจำนวนหนึ่ง ยังดีที่ยังไม่ได้ติดตั้งตัวจุดระเบิด
“โยว่ซินหรู คุณยอมมอบตัวซะเถอะ ป่านนี้เกาอี้คงถูกตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว”
“ไม่จริง” โยว่ซินหรูพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“แล้วสิ่งที่อยู่ในมือคุณ ถึงกดไประเบิดก็ไม่ทำงานหรอกนะ เพราะเจ้าหน้าที่คงปลดชนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เหยินหยางผิงพยายามเกลี้ยกล่อม
“พวกคุณมาขัดขวางฉันทำไม อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น คนที่ฆ่าพ่อแม่ฉันมันจะได้ตายไปชดใช้กรรมของมันแล้ว”
“การระเบิดครั้งนั้นคุณก็รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ช่ายยยย”
“โยว่ซินหรู ใจเย็น ๆ” เหยินหยางผิงพยายามเกลี้ยกล่อม
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่”
โยว่ซินหรูดูเหมือนจะสติแตกไปแล้ว เธอไม่ได้ฟังสิ่งที่เหยินหยางผิงพูดเลยแม้แต่น้อย ชิวกัมหงที่พยายามจะเข้าไปจับเธอ เธอยิ่งคลุ้มคลั่ง และในตอนที่ชุลมุนกันอยู่นั่นเอง
ภายในห้องทำงานของฉินหรุ่ยกวง
ตู้มมมมมมม
To Be Continue