≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสงตอนที่ 8 ✲ คนใจร้าย พอลงมาจากยานก็เห็นว่าไฟในห้องเปิดสว่างไว้แล้ว แต่แปลกที่ไม่เห็นแม้เงาของเพื่อนรัก ในขณะที่กำลังสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนรักอยู่นั้น ใครบางคนก็เดินตัวเกือบเปล่าเปลือยออกมาจากห้องน้ำ ยังดีที่ยังมีกางเกงในตัวเดียวที่เหลือติดมาใส่ไว้ด้วยพอกันอุดจาดตาไว้หน่อย พอต่างคนต่างเผชิญหน้ากันแล้วต่างก็ตกใจด้วยกันทั้งคู่
"เฮ้ย/เฮ้ย!""นายเป็นใคร มาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง" สตรอนเทียถามด้วยท่าทางตกใจและหวาดระแวง ชายหนุ่มที่เห็นตรงหน้าไม่มีส่วนไหนที่ดูคล้ายเนบิวลาเลย ยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บุกรุกรีบเอาผ้าเช็ดตัวที่ถือมาด้วยพันท่อนล่างไว้แทบไม่ทัน หน้าตาบ่งบอกว่าตกใจสุดขีดที่อยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาในห้องโดยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาได้ยังไง
" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"
นี่มันภาษาอะไรกันหนอ ทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่องเลย สตรอนเทียจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าเขม็ง ต่างคนต่างก็ระวังท่าทีซึ่งกันและกัน
"ว่าไง ฉันถามว่านายเป็นใคร เข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง"
" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"
ไม่ว่าจะตอบยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะเข้าใจสิ่งที่พูดเลย
"นายเป็นเพื่อนของเนบิวลาหรือเปล่า"
พอได้ยินคำถามนี้ก็เหมือนกับเจอทางสว่างแล้ว ชายหนุ่มผิวขาวดวงตาสีน้ำตาลรีบพยักหน้าตอบรับทันที
"อ้อ"
สตรอนเทียพยักหน้าเข้าใจ ท่าทางตกใจและระแวดระวังค่อยๆ ลดลง
"แล้วเนบิวลาไปไหนล่ะ"
" ⊮ ⊯ ⊰ ⊱ ⊲ ⊳ ⊴ ⊵ ⊶ ⊷ ⊸ ⊹ ⊺ ⊻ ⊼ ⊽ ⊾"
ชายหนุ่มคนนี้พูดภาษาที่สตรอนเทียฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว เพื่อนของเนบิวลาคนนี้มาจากไหนกันถึงได้พูดภาษาแปลกๆ ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์อีกสองเผ่าพันธุ์ที่พอรู้จักเสียด้วย
"ฉันเป็นเพื่อนเนบิวลา เนบิวลากลับบ้านไปแล้วเหรอ"
เนตั้นชักจะจนใจที่สื่อสารเท่าไหร่คนฟังก็ไม่เข้าใจ หรือว่านายคนนี้จะไม่สามารถสื่อสารด้วยพลังจิตได้เหมือนเนบิวลา เมื่อไม่รู้จะทำยังไง เนตั้นก็เลยชี้ให้ดูอุปกรณ์แปลภาษาจากคลื่นสมองที่ข้อมือของตนเอง สตรอนเทียมองอย่างสงสัยแล้วก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ
"อะไรเหรอ"
เวรกรรม!เนตั้นทำหน้ายุ่งยากใจ ผู้ชายคนนี้ดันไม่รู้จักเจ้าสายรัดข้อมือแปลภาษานี่อีก เนตั้นไม่รู้หรอกว่าเนบิวลาเพิ่งพัฒนาและทดลองใช้เครื่องมือนี้ คนทั่วไปจึงยังไม่รู้จัก
"นายไม่ใช่คนที่นี่เหรอ หรือว่าเป็นคนสปีชีส์ทูลคา หรือนอร์ชีกา หรือว่านายมาจากต่างดาว นายมาจากต่างดาวเหรอ"
สตรอนเทียระดมคำถามเป็นชุด คราวนี้เนตั้นไม่กล้าพยักหน้าหรือส่ายหัวเพราะไม่รู้ว่าบอกไปแล้วจะเจออะไรบ้าง เนบิวลาบอกให้เนตั้นระวังตัวให้ดีๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ถ้าเจอคนแปลกหน้าก็พยายามอย่าไปพูดคุยกับใคร อย่าบอกว่าเป็นใครมาจากไหน ต่อให้ไม่มีใครเข้าใจก็ต้องระวัง เพราะเนตั้นยังถือเป็นคนเถื่อนของที่นี่อยู่
"ว่าไง นายมาจากที่ไหน แต่หน้าตาของนายไม่เห็นเหมือนคนสปีชีส์ทูลคาหรือนอร์ชีกาเลย ภาษาที่นายพูดเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ แสดงว่านายมาจากต่างดาวใช่ไหม นายต้องมาจากต่างดาวแน่ๆ"
สตรอนเทียยังคงตั้งหน้าตั้งตาถาม พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าผู้ชายตรงหน้าแตกต่างจากมนุษย์ทั้งสามสปีชีส์บนดาวแม็กโซนาเดียมากทีเดียว ผู้ชายคนนี้มีผิวขาวละเอียด ผมและนัยน์ตาเป็นสีน้ำตาล ในขณะที่คนบนดาวแม็กโซนาเดียจะมีสีผิวที่ค่อนข้างคล้ำกว่า มีคนที่ผิวขาวบ้างแต่น้อยเพราะที่นี่ได้รับแสงแดดในปริมาณมากกว่าดาวเคราะห์ทั่วๆ ไปที่หมุนรอบตัวเองได้ นอกจากนี้ คนที่ดาวนี้เกือบทั้งหมดมีผมสีดำโดยธรรมชาติ
เนตั้นได้แต่ทำหน้ายุ่งยากใจ มุ่ยหน้าพราะจนปัญญาที่จะอธิบาย
"ไม่เป็นไร ฉันกับนายพูดคนละภาษากัน นายไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีกว่า"
เนตั้นจึงค่อยยิ้มออก สตรอนเทียอดจะแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่เนตั้นดูเหมือนฟังเข้าใจ แต่ตัวเองกลับไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เนตั้นพูดได้เลย หรือว่าเจ้าเครื่องมือนั่นที่เนตั้นชี้ให้ดูคงมีอะไรพิเศษบางอย่างที่อาจช่วยแปลภาษาได้ เนบิวลามักจะมีอุปกรณ์แปลกๆ มาให้เพื่อนๆ ทดลองใช้อยู่บ่อยๆ เพราะทำงานในวงการวิทยาศาสตร์ เจ้าสายรัดข้อมือนั่นอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่เนบิวลาเพิ่งพัฒนาก็ได้
สตรอนเทียเดินไปนั่งตรงที่จัดไว้สำหรับนั่งคุยกันในห้อง เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ดูบางมากแต่กลับแข็งแรงเนื่องจากทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษ โต๊ะส่วนมากจะทำจากเพชรเพราะเป็นธาตุที่มีอยู่มาก ส่วนเก้าอี้นั่งรูปทรงโค้งไร้ข้อต่อนั้นก็มีผิววัสดุที่บางมากจนดูไม่น่าจะนั่งได้ แต่กลับแข็งแรง ยืดหยุ่นและรับน้ำหนักผู้นั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพียงอึดใจเดียว ผนังห้องตรงหน้าก็กลายเป็นจอทีวีขนาดใหญ่ มีช่องต่างๆ ปรากฎขึ้นมาให้เลือกพร้อมกับภาพตัวอย่าง การเลือกก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่จ้องมองไปที่ภาพตัวอย่างสักพัก จากนั้นช่องนั้นก็จะขยายเต็มจอ ถ้าจะเปลี่ยนช่องก็ทำได้ง่ายๆ เพียงปัดมือไปทางซ้ายหรือทางขวา
สาเหตุที่สตรอนเทียไม่คิดว่าเนตั้นโกหกว่าเป็นเพื่อนของเนบิวลานั้นก็เพราะว่าบนดาวนี้ระบบรักษาความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีทางที่คนแปลกหน้าจะเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เนบิวลาจึงต้องเป็นคนพาหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เข้ามาในห้องเท่านั้น ถ้าเป็นเพื่อนของเนบิวลาแล้วสตรอนเทียก็ค่อนข้างไว้ใจเพราะเนบิวลาฉลาดเลือกคบคน แต่สิ่งที่สตรอนเทียสงสัยก็คือเนบิวลาพาผู้ชายคนนี้มาอยู่ด้วยทำไม แถมยังยอมจ่ายเงินเช่าห้องให้อยู่อีกต่างหาก
สตรอนเทียหยิบวัตถุสีทมึนๆ คล้ายแท่งสี่เหลี่ยมออกมาจากกระเป๋า จากนั้นมันก็ค่อยๆ ยืดตัวออกพร้อมกับมีภาพหน้าจอปรากฎขึ้นคล้ายๆ กับสมาร์ทโฟนบนดาวโลก กดๆ อะไรบางอย่างสองสามครั้งการสนทนาก็ดำเนินขึ้นแทบจะทันที
"เนบิวลา ตอนนี้ฉันมาที่ห้องของฉันที่นายขอเช่าแล้วนะ เจอเพื่อนของนายด้วย แต่คุยกันไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่ามาจากต่างดาวหรือเปล่า"
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อยเพราะใช้เวลาคิดอยู่สักพักจึงสื่อสารกลับมา
"อ๋อ...ใช่ เอางี้...นายอย่าเพิ่งไปบอกใครเรื่องนี้ละกัน เดี๋ยวฉันกลับไปแล้วฉันจะเล่าให้นายฟังทั้งหมดเอง"
"นายไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น ฉันไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่นายอยู่ไหนตอนนี้ กลับบ้านไปหรือเปล่า"
"อ๋อ...ฉันออกมาซื้ออาหารกับของใช้ให้เนตั้นข้างนอก กำลังจะกลับแล้ว นายรอฉันอยู่ที่ห้องกับเนตั้นนั่นแหละ"
"ได้เลยเพื่อน ว่าแต่...เพื่อนนายชื่อเนตั้นเหรอ ชื่อน่ารักดี...ฉันชอบ"
"ชอบแบบไหนเหรอ" เนบิวลาถามกลับมาเกือบจะทันที
"แหม...นายก็น่าจะรู้อยู่ เอาเหอะๆ นายรีบกลับมาเร็วๆ ก็แล้วกัน ฉันอยากรู้จักเพื่อนของนายมากกว่านี้จะแย่แล้ว ตอนนี้ฉันอึดอัดมาก คุยกับเนตั้นไม่รู้เรื่องเลย นายอย่าลืมซื้อสติ๊กเกอร์ฝังภาษามาด้วยล่ะ"
สตรอนเทียพูดพลางหันไปมองเนตั้นที่ตอนนี้เดินมายืนทำหน้าเหลอหลาอยู่กลางห้อง สงสัยคงจะทำตัวไม่ถูกและยังไม่ชินกับชีวิตที่นี่ดีนัก พอคุยกับเพื่อนจบแล้วสตรอนเทียจึงเชื้อเชิญคนที่ยืนงงๆ อยู่ให้มานั่งด้วย
"นั่งสิ อ้อ...ฉันลืมบอกไป ที่นี่เป็นห้องของฉันเอง เนบิวลาขอเช่าต่อจากฉันชั่วคราว ก็น่าจะให้นายอยู่นั่นแหละ ฉันกับเนบิวลาเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ"
เนตั้นพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงรับรู้ แล้วก็ค่อยๆ นั่งลงดูทีวีด้วย แต่ก็ดูไม่รู้เรื่องเลยเพราะเสียงที่ได้ยินเป็นเพียงคลื่นเสียงธรรมดา ไม่มีคลื่นสมองส่งมาด้วย
"นายมาจากดาวไหนล่ะ อืม...ไม่น่าจะใช่ดาวแถวๆ นี้ใช่ไหมเพราะว่าฉันไม่เคยเห็นมนุษย์แบบพวกเราในดาวแถวๆ นี้เลย นายน่าจะมาไกลเลยใช่ไหมเนตั้น"
สตรอนเทียถามอย่างนี้เพราะรู้แค่เพียงว่าเนบิวลาเดินทางไปดาวดวงหนึ่ง ไม่รู้ว่าไปไกลแค่ไหนหรือไปทำอะไร เรียกได้ว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นความลับที่ทางรัฐบาลพยายามปกปิดอย่างเต็มที่ จนกว่าการศึกษาเสร็จสิ้นเท่านั้นถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมา
เนตั้นพยักหน้า แปลกใจนิดหน่อยที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้รู้ชื่อแล้ว สตรอนเทียเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ หน้าตาของเนตั้นดูซื่อๆ แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ
"ดาวอะไรเหรอ อยู่ไกลแค่ไหนล่ะ"
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ แต่ด้วยความสนใจคนตรงหน้า สตรอนเทียจึงอยากคุยอยากถามไปสารพัดเพื่อทำความรู้จัก
"อ้อๆ ฉันลืมอีกแล้ว เราพูดกันคนละภาษานี่หว่า เดี๋ยวรอเนบิวลากลับมาก่อนละกันนะ ว่าแต่นายหิวมากไหม ฉันหาอะไรมาให้นายกินไวๆ แถวๆ นี้ได้นะ ฉันรู้จักแถวนี้ดี เอาไหม"
เนตั้นส่ายหน้าเกือบจะทันที่อีกฝ่ายพูดจบ รู้สึกอึดอัดที่เข้าใจอยู่ฝ่ายเดียวแต่กลับสื่อสารให้อีกคนเข้าใจไม่ได้
"ยังไม่หิวเหรอ นายคงยังงงๆ กับดาวของเราล่ะสิ ก็เป็นธรรมดา เพราะว่าที่นี่ไม่มีกลางวันกลางคืนเหมือนดาวดวงอื่นๆ คนที่มาจากดาวอื่นใหม่ๆ มีปัญหาในการปรับตัวกันทุกคนแหละ แต่เดี๋ยวนายจะค่อยๆ ชินเอง"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ ทั้งๆ ที่คุยกันไม่รู้เรื่องแต่หนุ่มคนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชวนคุยเลย
"ฉันว่าก็แปลกดีเหมือนกันที่นายฟังเข้าใจฉัน แต่ฉันกลับฟังไม่เข้าใจนายเลย แต่ถ้านายใช้สติ๊กเกอร์ฝังภาษานะ นายจะฟังแล้วก็พูดภาษาเราได้ เนบิวลาน่าจะซื้อกลับมาด้วย นายก็แค่เอามาแปะไว้ที่หน้าผาก แล้วก็นอน พอตื่นมาภาษาแม็กโซของเราก็จะเข้าไปฝังอยู่ในสมองของนาย ตอนแรกนายจะยังพูดไม่ค่อยได้หรอก แต่นายจะฟังเข้าใจ แต่ไม่กี่วันนายก็พูดได้คล่องแล้ว คราวนี้นายจะคุยกับใครก็ได้บนดาวดวงนี้ เราจะได้คุยกันได้ไง ฉันอยากคุยกับนาย อยากรู้จักกับนายมากเลยรู้เปล่า"
รอยยิ้มสดใสของสตรอนเทียทำให้เนตั้นอดกลัวไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าผู้ชายบนดาวดวงนี้รักกันได้ก็ยิ่งหวาดระแวง
เนตั้นขมวดคิ้วสงสัยแล้วก็เอานิ้วชี้มาที่หน้าผากของตัวเอง เหมือนกับจะทวนว่าแค่เอาสติ๊กเกอร์มาแปะที่หน้าผากก็จะพูดภาษาของคนที่นี่ได้
"ใช่ๆ เอามาแปะที่หน้าผากของนายเลย"
สตรอนเทียพูดพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย จังหวะนั้นเองประตูหน้าห้องก็เปิดออกพอดีพร้อมกับใครบางคนที่ปรากฎตัวขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผู้มาเยือนขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ สตรอนเทียกับเนตั้นหันไปมองพร้อมกันเกือบจะทันที
"อ้าว กลับมาแล้วเหรอเนบิวลา"
สตรอนเทียลุกขึ้นแล้วก็ปราดไปหาเพื่อนรัก พอถึงตัวก็โอบกอดแล้วเอาจมูกแตะกัน เนตั้นมองเห็นแล้วก็จั๊กกะจี้แทน ไม่คิดว่าคนที่นี่จะทักทายกันด้วยวิธีที่สยิวถึงขนาดนี้
"ฉันคิดถึงนายมากเลยเพื่อน นี่นายจอดยานไว้ข้างบนเหรอ ขอโทษที ก็ฉันนึกว่านายกลับบ้านไปแล้วฉันก็เลยเอายานมาจอดในห้อง"
"ไม่เป็นไร"
เนบิวลาบอกแล้วก็ชำเลืองมองเนตั้นที่มองมาอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าสีหน้าของเนบิวลาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนกับมีเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา
"นายสบายดีนะเพื่อน มิชชั่นของนายคงสำเร็จด้วยดีนะ แล้วนายไปที่ดาวดวงไหนมาล่ะ"
"สบายดี ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังทีหลัง แล้วนายล่ะสบายดีหรือเปล่า"
"ช่วงนี้ก็แฮปปี้ดี ธุรกิจกำลังไปได้ดีเลย ที่ยังไม่แฮปปี้ก็เรื่องคนรักนี่แหละ ยังหาไม่ได้ซะที" สตรอนเทียพูดติดตลก
"ไปนั่งคุยกันดีกว่า" เนบิวลาชวน
สตรอนเทียพยักหน้าแล้วก็เดินตามเนบิวลาที่ถือของพะรุงพะรังเข้ามาในห้อง เนบิวลาวางของลงบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เนตั้น
"อาบน้ำแล้วเหรอเนตั้น เป็นไง...ได้สัมผัสน้ำวันแรก สดชื่นดีไหม" หนุ่มหน้าคมถามพลางไล่มองดูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เนตั้นพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ดูเหมือนต่างคนต่างก็มีความคิดบางอย่างซ่อนเร้นในใจจนต่างก็รู้สึกถึงมันได้
"เนตั้นฟังฉันเข้าใจ แต่ฉันฟังเนตั้นไม่รู้เรื่องเลย" สตรอนเทียบอกในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เพื่อนรัก ไม่ทันสังเกตว่าสองหนุ่มที่นั่งข้างกันมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกๆ
"อ๋อ...นี่ไง เครื่องแปลภาษาแบบพกพาที่ฉันกำลังพัฒนาอยู่ จะได้เอาไปใช้คุยกับมนุษย์ต่างดาวได้เวลาทำงานไง"
เนบิวลาพูดพลางจับมือของเนตั้นขึ้นมาแล้วก็ชี้ให้เพื่อนดูเจ้าอุปกรณ์ที่ดูคล้ายนาฬิกาบนดาวโลก อุปกรณ์ต่างๆ ของคนบนดาวนี้ใช้วัสดุที่บางแต่แข็งแรงมาก ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อุปกรณ์อะไรเลยจึงไม่รู้สึกรำคาญ แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนแบ็ตเตอรี่เพราะสามารถดึงเอาพลังงานทุกชนิดที่อยู่รอบๆ ตัวมาใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแสง ลม ความร้อน ก๊าซหรือแม้กระทั่งความร้อนจากตัวผู้สวมใส่เอง
"อ๋อ...ถึงว่าล่ะ เนตั้นเข้าใจภาษาที่ฉันพูดเพราะเครื่องนี้นี่เอง ส่วนนาย...นายอ่านคลื่นสมองได้ก็เลยเข้าใจที่เนตั้นพูดใช่ไหม"
เนบิวลาพยักหน้าแล้วก็หันมายิ้มให้กับเนตั้น คนบนดาวนี้ใช้พลังจิตอย่างง่ายๆ ได้ทุกคน แต่คนที่ใช้ได้เป็นเรื่องเป็นราวยังมีน้อยอยู่ แถมยังมีความกลัวด้วยว่าพอใช้พลังจิตสื่อสารมากเข้า ปากก็จะค่อยๆ เล็กลง เหมือนกับมนุษย์ต่างดาวจำพวกไวท์ทอลที่ปากเล็กจนไม่สามารถใช้พูดได้
"เนตั้นหิวหรือยัง ฉันซื้ออาหารมาให้นายลองกินเยอะเลย ไม่รู้ว่านายจะชอบกินหรือเปล่าก็เลยซื้อมาหลายๆ อย่าง นายกินอันไหนได้ก็กินอันนั้นนะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันเอาไปกินเอง แล้วก็...มีเสื้อผ้ามาให้นายไว้ใส่ก่อนสองสามชุด เดี๋ยวฉันจะพานายไปซื้อเองอีกทีวันหลัง แล้วก็...มีสติ๊กเกอร์ฝังภาษา นายจะได้ไม่ต้องใส่เจ้าสายรัดนี่ตลอดเวลา ก่อนนอนฉันจะบอกนายอีกทีว่าใช้ยังไง"
เนบิวลาพูดพลางหยิบของตามที่พูดแต่ละอย่างให้ดูพร้อมไปด้วย
"กินอาหารก่อนดีกว่า นายคงหิวแย่แล้ว"
"เดี๋ยวฉันไปเอาอุปกรณ์มาให้" สตรอนเทียรีบอาสา เนบิวลาพยักหน้าเป็นเชิงตกลง
ไม่นานนักสตรอนเทียก็มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ดูคล้ายๆ จาน มีอุปกรณ์ทำด้วยโลหะที่ดูคล้ายๆ ช้อนตักอาหารมาด้วย แต่รูปทรงมันดูกลมๆ และเป็นหลุมค่อนข้างลึกหน่อย
เนบิวลาให้เนตั้นลองชิมอาหารในแต่ละกล่องก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกอันไหน อาหารของมนุษย์บนดาวดวงนี้ทำจากพืชเท่านั้น ไม่มีการนำไปผัด ทอดหรือใช้ความร้อนใดๆ ให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร อาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนมักจะใช้โปรตีนแท่งสำเร็จรูปที่สกัดจากพืช ส่วนคาร์โบไฮเดรตจะได้จากอาหารที่คล้ายๆ ธัญพืชบนดาวโลก ทั้งหมดนี้ผสมกันลงไปในปริมาณที่คำณวนแล้วว่าเหมาะสมที่จะทำให้ได้สารอาหารครบและพอเพียง
"ก็กินได้หลายอย่างนะ แต่ฉันชอบอันนี้มากกว่า"
เนตั้นชี้บอก เนบิวลาจึงจัดอาหารนั้นใส่จานให้ สตรอนเทียเห็นเพื่อนรักดูแลหนุ่มน้อยแปลกหน้าคนนี้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ แม้จะดูเหมือนการดูแลเพื่อนตามปกติ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
"เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะ"
สตรอนเทียบอกแล้วก็เดินไปที่ระบบจ่ายน้ำดื่มที่ติดตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง น้ำดื่มนี้เป็นน้ำแร่จากธรรมชาติที่รัฐบาลจัดสรรให้ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ต่อตรงเข้าถึงทุกบ้านและทุกห้องอย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่กดน้ำใส่แก้วเพชร สตรอนเทียก็คอยมองเนบิวลากับเนตั้นบ่อยๆ พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
สตรอนเทียเอาแก้วน้ำมาวางตรงหน้าของเนตั้นแล้วก็ยิ้ม เนตั้นไม่รู้หรอกว่าวัสดุอุปกรณ์หลายๆ อย่างในห้องทำด้วยเพชร เพราะเพชรบนดาวโลกหายาก อยู่ในรูปของเครื่องประดับมากกว่าที่จะเป็นของใช้ทั่วไป
"เนตั้นกินอาหารไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะขอคุยอะไรกับเพื่อนฉันหน่อย เดี๋ยวฉันมา"
เนตั้นพยักหน้าแต่ก็ทำตาละห้อย พอมาอยู่ที่ดาวดวงนี้เข้าจริงก็อดที่จะใจหายไม่ได้ แม้ชีวิตที่ผ่านมาจะไม่มีใคร แต่การมาอยู่ต่างโลกก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงและต้องการใครสักคนมากขึ้น
"ไม่คุยกันในห้องนี้เหรอ เดี๋ยวฉันถอดสายรัดนี้ออกก็ได้ ฉันไม่แอบฟังพวกนายคุยกันหรอก"
เนบิวลาเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเนตั้นตอนนี้ได้เป็นอย่างดีจึงพยักหน้าตกลง แค่จะทิ้งให้เนตั้นอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วเนบิวลากลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก็ทำให้รู้สึกเป็นห่วงและกังวลมากแล้ว
"ได้"
น้ำเสียงของเนบิวลาฟังดูเศร้าไม่น้อยเลย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไมเนบิวลาถึงดูเศร้าขนาดนั้น
เนตั้นถอดสายรัดเครื่องแปลภาษาจากคลื่นสมองออก สตรอนเทียดูจะงงๆ นิดๆ แต่ก็รีบตามเนบิวลาไปนั่งคุยกันที่อีกมุมหนึ่งของห้อง
ไม่รู้ว่าสองคนคุยอะไรกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่เนตั้นหันไปมองก็จะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองคนเสมอ ดูท่าทางแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
คุยกันอยู่สักพักสตรอนเทียก็ลากลับบ้านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่างจากตอนมาที่ดูสดใสร่าเริงและทำท่าอยากจะคุยกับเนตั้นมาก พอถึงเวลากลับ สตรอนกลับไม่ได้พูดอะไรกับเนตั้นเลย
หลังจากที่จัดการเรื่องอาหารการกินของเนตั้นเสร็จแล้ว เนบิวลาก็พาเนตั้นเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องนอน ห้องนี้ฉาบด้วยสีดำสนิทเพื่อให้ความรู้สึกว่าเป็นกลางคืน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูน่ากลัวไม่น้อยสำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในห้องที่มืดขนาดนี้
"เนตั้น ฉันต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก่อน แล้วฉันก็จะไปจัดการบางสิ่งบางอย่างให้เรียบร้อยด้วย นายต้องอยู่คนเดียวสักพักนะเนตั้น นายอยู่ได้ใช่ไหม พอฉันเสร็จธุระแล้วฉันจะรีบมาหานายเลย"
แม้จะกังวลแต่เนตั้นก็พอเข้าใจความจำเป็นของเนบิวลา จะให้อยู่ด้วยตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
"นายอยู่ได้นะเนตั้น ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราไม่มีคนร้าย ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีโจร แล้วฉันจะรีบกลับมาหานายนะ ยังไงๆ ฉันก็จะไม่ทิ้งนายไปไหน ฉันพานายมาแล้ว ฉันไม่ทิ้งนายอย่างแน่นอน"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ มองหน้าเนบิวลาด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเนบิวลาเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เนตั้นเป็นฝ่ายกอดเนบิวลาก่อน
"เข้มแข็งนะเนตั้น ฉันจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"เนบิวลากอดตอบเบาๆ พร้อมกับลูบหลังเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นให้อีกฝ่าย
"เนตั้นนอนได้แล้วนะ เลยเวลานอนมาเยอะแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย"
เนตั้นค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออก แล้วก็ทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่ายด้วยการเดินไปที่เตียงแล้วก็นอนลงไป เนบิวลาเดินตามมาแล้วก็นั่งลงข้างๆ คนที่นอนอยู่ จากนั้นก็หยิบสติ๊กเกอร์ฝังภาษาออกมาจากกระเป๋ากางเกง แกะเสร็จแล้วก็หยิบขึ้นมาให้เนตั้นดูก่อน
"ฉันจะแปะสติ๊กเกอร์ที่หน้าผากให้นายนะ อย่าแกะจนกว่าจะตื่น สติ๊กเกอร์ตัวนี้เป็นหน่วยความจำที่บรรจุภาษาแม็กโซทั้งหมดไว้ ตอนที่นายนอนหลับ หน่วยความจำตัวนี้จะส่งข้อมูลเข้าไปเก็บที่สมองของนาย พอนายตื่นขึ้นมานายก็จะใช้ภาษาแม็กโซได้เลย ตอนแรกนายจะพูดติดๆ ขัดๆ หน่อย แต่ฟังเข้าใจทุกอย่าง แต่อีกไม่กี่วันนายก็จะพูดได้คล่องปรื๋อเลย"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ เนบิวลาค่อยๆ แปะสติ๊กเกอร์นั้นลงไปบนหน้าผากเบาๆ มันแนบติดไปกับผิวหน้าอย่างดีโดยไม่รู้สึกเหนียวเลย พอแปะเสร็จแล้วก็นั่งมองคนที่นอนอยู่อย่างเอ็นดู
"ฉันรักนายนะเนตั้น แล้วฉันจะกลับมาหานายให้เร็วที่สุด รอฉันนะ"แม้จะไม่ชอบใจนักที่เนบิวลาบอกรักทั้งๆ ที่ยังมีคนรักอีกคนที่เป็นตัวจริงรอคอยอยู่ แต่เนบิวลาก็เป็นเพียงที่พึ่งเดียวที่เนตั้นมีในตอนนี้ จึงช่วยไม่ได้ที่เนตั้นคงจะต้องยึดเหนี่ยวคนนี้ไว้เป็นที่พึ่ง แม้จะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
เสียงลมหวีดหวิวและหน้าผ้าสูงชันเบื้องหน้าอาจจะดูน่ากลัวไม่น้อย แต่สำหรับคนบนดาวแม็กโซนาเดียแล้วไม่มีใครกลัวความสูง เพราะเกิดมาปุ๊บทุกคนก็จะได้สัมผัสกับยานส่วนตัวที่สามารถบินออกไปนอกโลกได้ไกลถึงสิบปีแสง การเดินทางด้วยความสูงและความเร็วบ่อยๆ จึงทำให้คนที่นี่ไม่เคยกลัวความสูงเลย
แม้ความสูงจะไม่ได้ดูน่ากลัว แต่สำหรับอะเนดาแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องที่เธอเพิ่งได้รับฟังจากคนรักหนุ่มที่เพิ่งกลับมานี่แหละ
"เนบิวลาหมายความว่ายังไง เรากลับมาเจอกัน แทนที่จะมีเรื่องดีๆ มาบอก ทำไมมันถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ฉันทำผิดอะไรล่ะเนบิวลา ฉันทำอะไรผิดเหรอ ฉันไม่เคยคิดไม่ซื่อกับเธอ ฉันไม่เคยนอกใจเธอ ฉันไม่คอยมองใครคนอื่นเลย ที่ผ่านมา...เราสองคนก็รักกันมาดีๆ แล้วทำไมอยู่ๆ เนบิวลาถึงมาขอเลิกกับฉัน เนบิวลาเสียสติไปแล้วเหรอ"
เสียงสูงและคำพูดตัดพ้อนั้นทำให้เนบิวลาต้องถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ ไม่นานหยดน้ำตาลูกผู้ชายก็ค่อยๆ ไหลลงมา ตั้งแต่เกิดมาเนบิวลาไม่เคยร้องไห้ให้ใครเลย เพิ่งจะมีครั้งนี้ครั้งแรกที่ต้องเสียน้ำตาให้กับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก
"เธอไม่ผิดหรอก ฉันผิดเอง ฉันนอกใจเธอเอง"
เนบิวลาบอกไปโดยไม่ยอมหันไปมองหน้าคนรัก เพราะยิ่งเห็นก็ยิ่งทำใจยาก
"ใครเหรอ คนๆ นั้นเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย เนบิวลาแอบไปมีใครตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม"
อะเนดาเริ่มเสียงดัง มือไม้สั่นเทาจนต้องคอยกำไว้แน่น
"ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะอะเนดา ฉันเคยโกหกเธอหรือเปล่า!"อะเนดานิ่งอึ้ง แต่ไม่นานก็ตัดพ้อเช่นเดิม
"ใช่...เนบิวลาไม่เคยโกหกฉันหรอก แล้วที่ผ่านมาล่ะ เนบิวลาไม่ได้รักฉันเลยเหรอ หรือว่าหลอกฉันมาตลอดว่ารักฉัน"
แก้มใสนั้นเต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่หยดลงมาหยดแล้วหยดเล่า ความเสียใจที่เนบิวลาเห็นได้ด้วยตาตัวเองตอนนี้ยากที่จะประเมินได้ เป็นใครก็ต้องเสียใจและช็อกมากเป็นธรรมดาที่คนรักกันมาบอกเลิกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
"ว่าไงล่ะ เนบิวลาเคยรักอะเนดาบ้างหรือเปล่า ไม่เคยรักเลยเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ ยังรักฉันอยู่ไหม"
หัวใจของเนบิวลาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้ การที่ต้องเห็นคนที่รักเจ็บปวดนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ก่อนที่จะตัดสินใจมาบอกก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าอะเนดาคงเสียใจมาก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ต่อหน้าต่อตา เนบิวลาก็อดใจเสียไม่ได้ที่ต้องทำร้ายคนรักให้เจ็บขนาดนี้
"รัก..." เนบิวลาตอบเสียงเบาหวิวพร้อมกับรู้สึกถึงก้อนที่มาจุกที่คอหอย
"รักแล้วทำไมถึงต้องเลิกกันล่ะ ทำไมเราต้องเลิกกันในเมื่อ...เนบิวลาก็ยังรักฉันอยู่ ฉันไม่เข้าใจเลย" อะเนดาถามเสียงดัง
เนบิวลานิ่งเงียบไป ตอนนี้จะพูดอะไรทีก็ต้องคิดหนักเพราะเกรงว่าจะซ้ำเติมคนรักให้เจ็บมากขึ้น
"เพราะว่า..."
"เพราะว่าอะไร"
สายตาอ้อนวอนของสาวคนรักทำให้เนบิวลาแทบจะแข็งใจไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อเลือกแล้วก็รู้ดีว่าจะหันหลังกลับอีกไม่ได้ คนอย่างเนบิวลาไม่เคยเดินกลับหลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำสิ่งที่เลือกต่อไป ไม่ว่าผลมันจะเป็นอย่างไรเนบิวลาก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง
เนบิวลาเขยิบเข้าไปใกล้สาวคนรัก จ้องหน้าเธอด้วยแววตาที่คิดว่าจริงใจมากที่สุด
"อะเนดา...ฉันรักเธอมาตลอดนะ แต่ฉันก็เพิ่งได้รู้ว่า...ฉันมีคนที่ฉันอยากจะรักมากกว่าเธอซะแล้ว ฉันเสียใจที่ต้องบอกเธออย่างนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าเราสองคนจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เราสองคนก็คงจะกลับมารักกันอีกไม่ได้ ปล่อยมือฉันเถอะนะ เธอจะด่าว่าฉันเป็นคนเลวหรืออะไรก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แต่ฉัน...จะไม่หันหลังกลับ และฉันก็อยากให้เธอรู้ว่า...ฉันเสียใจจริงๆ ที่มันต้องเป็นอย่างนี้"
ฝ่ามือเรียวบางฟาดลงไปที่ใบหน้าคมนั้นอย่างสุดแรงเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้ เนบิวลาไม่แม้แต่จะลูบเพื่อคลายความรู้สึกเจ็บและมึนชาบริเวณนั้น แค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะดูเลือดเย็นสักแค่ไหน เรื่องนี้ต้องจบลงให้เร็วที่สุด
"ฉันไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะหลอกลวงฉัน แล้วคนที่เธอไปรักเค้าล่ะ เค้ารักเธอหรือเปล่า เค้ารักเธอเหมือนฉันหรือเปล่าเนบิวลา เธอกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า"
แม้จะไม่มีน้ำตาให้รินไหลมากกว่านี้อีกแล้ว อะเนดาก็ยังคงร้องไห้เสียใจอย่างหนัก จะเป็นไปได้ยังไงที่เนบิวลาจะรักใครคนหนึ่งมากกว่าเธอในช่วงเวลาแค่ไม่นาน เมื่อเนบิวลาไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบก็ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ แล้วอีกอย่าง ที่ผ่านมาเนบิวลาไม่เคยแสดงท่าทีสนใจใครเลย แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงกัน
เนบิวลายืนนิ่งและก้มหน้า อดคิดและหวั่นไหวตามที่อะเนดาเพิ่งบอกไม่ได้
จริงสิ! เนบิวลาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนตั้นรักเนบิวลาบ้างหรือเปล่า!? แต่เนบิวลาก็เลือกแล้วที่จะทำอย่างนี้ ต่อให้ไม่รัก...เนบิวลาก็ยังจะเลือกให้มันเป็นอย่างนี้อยู่ดี!
TBC