THE MELODY II (เตxกฤษ)
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที
เต... หนุ่มน้อยน่ารักช่างซ่อมจักรยาน คนที่ผมเคยคิดว่าอยู่ไกลเกินฝัน
ผมเจอกับเตครั้งแรกที่ร้านซ่อมจักรยาน เต พูดไม่ได้ ผมเอง...ก็พูดไม่ได้
แต่นอกจากเรื่องที่เราพูดไม่ได้ อย่างอื่น...ผมกับเต เราเข้ากันได้เกือบทั้งหมด
เตชอบตื่นสายวันที่อู่ปิดวันอาทิตย์
ผมที่ตื่นสายกว่าทุกวันแต่ก็ยังตื่นก่อนเต มองดูลาดไหล่เตที่เปลือยเปล่า ก้มจูบเพื่อเพิ่มรอยอีกนิด แล้วนอนกอดเตด้วยความสุขใจ ความรักของผมที่มีต่อเตมันมีอยู่ท่วมท้น
ถึงผมจะเห็นเตครั้งแรกที่อู่ซ่อมรถ แต่มันก็เป็นรักแรกพบ และผมก็รักเตเพิ่มมากขึ้นในทุกวันที่อยู่ด้วยกัน และฝันว่าจะได้อยู่กับเตไปชั่วชีวิต
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
วันนั้นฝันตกหนัก
ผมเลือกที่จะเดินไปรับเตแทนที่จะขี่จักยานออกไปรับเหมือนทุกครั้ง ตั้งแต่วันที่เริ่มคบกันมา ผมไม่เคยปล่อยให้เตกลับบ้านคนเดียวเลยซักครั้ง
วันนั้นเสียงท้องฟ้ากร่นคำรามเหมือนกับกำลังจะร่ำให้ ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านสายฝนที่ตกหนักจนมองไม่เห็นทาง ได้แต่เดินตามไฟสีส้มที่อยู่บนถนนอยู่ลิบๆ
ผมเลทมาสิบนาทีแล้วเพราะฝนตกหนัก ไม่รู้ว่าอู่จะจะปิดไปก่อนจนเตต้องยืนตากฝนหรือเปล่า พายุกำลังมา... เตจะตัวเปียกฝนไหม ผมเอาเสื้อกันฝนอีกตัวติดมาด้วยแล้วหนีบมันไว้ใต้รักแร้ คงอีกประมาณห้านาทีกว่าผมจะเดินถึงอู่ซ่อมรถ
เสียงฟ้ายังกู่ร้องจนผมสะดุ้ง ผมไม่ได้ยินฟ้าร้อง แต่ปรากฎการณ์ฟ้าลั่นก็ทำให้ผมตัวสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้
แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องคือ รถของหน่วยกู้ภัยและรถของโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยที่เปิดไฟฉุกเฉินอยู่ตรงหน้า
ตอนแรกผมไม่สนใจเพราะผมยังมีเตที่ต้องไปรับ แต่เพราะลางสังหรณ์บางอย่าง... จึงทำให้ผมเดินเข้าไปใกล้รถพยาบาลคันนั้นแทนที่จะรีบไปหาเต
ต้องไม่ใช่เต ต้องไม่ใช่เต
ผมภาวานาด้วยหัวใจที่สั่นระทึก
ต้องไม่ใช่เต...
เตกำลังรอผมให้เดินไปรับ เตต้องไม่อยู่ในที่แบบนี้
แต่...
แต่ร่างที่นอนอาบเลือดกลางสายฝนคือร่างของเตที่นอนแน่นิ่ง
ผมตะโกนผ่านสายฝน วิ่งเข้าไปหาเตแล้วกอดร่างเตไว้ คำพูดที่ไม่เคยหลุดออกจากมานานพรั่งพรูออกมาเหมือนสายน้ำ ทำไมเตถึงมาอยู่ตรงนี้ ทำไมเตถึงไม่รอผมไปรับ
เสียงตะโกนกู่ร้องของคนหูหนวกคงทำให้หน่วยพยาบาลที่ดูแลคนเจ็บฟังไม่รู้เรื่อง ผมกอดร่างเตไว้แน่นท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยลง รอจนฝนซา ผมถึงได้เห็นหน้าเตชัดๆ
เตเหมือนคน... ที่เพิ่งหลับไปเท่านั้น
และหลังจากวันนั้นมา
ผมก็มาใช้ชีวิตอยู่ในห้องของโรงพยาบาลแทนที่บ้านของเต
เถ้าแก่...หรือเจ้านายของเตที่มาเยี่ยมเตบอกผมว่า วันนั้นฝนตกหนัก เตไม่อยากให้ผมขี่จักรยานมารับ เขาเลยขอกลับบ้านก่อนแล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับมาแทน แต่เพราะฝนตกหลักถนนลื่น นักศึกษาที่ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าสายฝนมาเหมือนกันจึงไม่เห็นตัวเตที่กำลังข้ามถนนมาจากอีกฝาก ฝนตกหนักทัศนวิสัยมองเห็นไม่ชัด เตถูกชนหัวกระแทกพื้น แต่นักศึกษาที่ขี่ชนเตปลอดภัยเพราะใส่หมวกกันน็อค
เรื่องที่เกิดขึ้น... มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด เตข้ามถนนตรงทางม้าลาย แต่ฝนตกหนัก นักศึกษาจึงมองไม่เห็น กว่านักศึกษาคนนั้นจะรู้ตัวว่าชนคน ก็เป็นตอนที่ชนจนเตจนหัวฟาดพื้นและตัวเองก็กระเด็นออกจากรถไปแล้ว
เต มีอาการสมองบวม จนต้องเข้ารับการผ่าตัดอยู่หลายตัดหลายครั้ง
ส่วนนักศึกษาคนนั้น.. พอฟื้นขึ้นมาได้ก็พยายามมากล่าวคำขอโทษพร้อมกับผู้ปกครอง บอกว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจและขอร้องว่าอย่าเอาเรื่อง
ผมเองก็เข้าใจ... เพียงแต่ผมยังทำใจยอมให้อภัยนักศึกษาคนนั้นไม่ได้ คนที่ชนเตฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เตกลับหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าสลับกันได้... ผมก็ยินดีที่จะให้อภัยเด็กคนนั้น
ยังดีที่อธิการบดีประจำมหาลัยมาช่วยไกล่เกลี่ยยอมความให้ เรื่องมันถึงจบลงที่ว่า เตได้รับเงินชดเชย 30,000 จากครอบครัวเด็กคนนั้น และได้อยู่ในห้องพิเศษของทางโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย
เตมีบัตรประกันตนผู้พิการ และเถ้าแก่ของเตก็ส่งประกันสังคมให้เรื่อยๆ ดังนั้นผมที่เป็นแค่อาจารย์พิเศษประจำมหาวิทยาลัย จึงไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นหาเงินมาจ่ายค่าห้องให้ เตก็ได้นอนหลับอย่างสบายในห้องเดี่ยวแบบพิเศษ
ผมกินอยู่หลับนอนกับเตในห้องพิเศษของโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้
อาจารย์หมอที่เป็นอาจารย์ผ่าตัดก็พานักศึกษามาตรวจอาการเตอยู่เรื่อยๆ
ตอนแรกผมไม่พอใจที่คนอื่นเห็นเตเป็นผักปลาแบบนี้ เตนอนหลับอยู่สบายๆ ยังจะมาตรวจนั่นตรวจนี่ แต่เพราะมันเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เตซึ่งเป็นคนไข้ ย่อมต้องยอมเป็นเคสให้นักศึกษาเรียนรู้
แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ผมก็เริ่มชิน ดีเสียอีกที่มีคนมาคอยดูแลเตอยู่ใกล้ๆ
แต่บางครั้ง...
ต่อให้ดูแลดีขนาดไหน เตที่นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ร่างกายของเต... ก็มีบางเหมือนกันที่นึกอยากทำร้ายตัวเอง
ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดๆๆๆๆๆ
เสียงร้องเตือนจากมอนิเตอร์ดังลั่นทั่วห้อง ผมที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่กดกริ่งเรียกนางพยายาล เตดูทรมาน... แต่เพราะผมพูดไม่ชัด... ผมที่ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองเลยไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง
นางพยาบาลหลายคนกรูกันเข้ามาในห้อง ผลักตัวผมบอกแล้วเข้าไปดูอาการเตที่เหมือนคนชัก
เตสั่นกระตุกเหมือนคนหายใจไม่ออก
สรุปคือเตเสมหะติดคอไม่สามารถหายใจต่อได้
ผมต้องทนมองเตที่ถูกสอดท่อเพื่อดูดเอาเสมหะออก ผมปิดปากกลั้นเสียงร้อง น้ำตาไหลอาบสองแก้มตอนที่เห็นนางพยาบาลต้องสอดท่อพลาสติกอันใหญ่สอดเข้าไปในปากเต นางพยาบาลที่มือหนักหน่อยตบหลังเตเป็นระยะๆ เพื่อเคาะเอาเสมหะที่คั้งค้าง ผมมองดูเตที่ถูกเคาะปอดด้วยความปวดใจ
เตเป็นเจ้าชายนินทรา โอกาสจะฟื้นมีอยู่ 50-50
เตมีโอกาสที่จะไม่ฟื้น...
แต่อย่างตอนนี้... ต่อให้เตดูทรมาน ผมก็อยากยึดเหนี่ยวความหวัง 50% นั้นเอาไว้
กับคนอื่น.. กับคนนอกคงอยากให้เตหลับไปตลอดกาล มากกว่าที่จะต้องมาอยู่อย่างทรมานต่อไปแบบนี้
แต่สำหรับผม... ต่อให้มีความหวังเหลืออยู่แค่อีก 1% ผมก็จะยื้อ
ผมเชื่อว่า ซักวันเตจะต้องกลับมา...
และผมจะรอเตไปตลอดชีวิต
ผมใช้เวลาช่วงเสาร์-อาทิตย์ และเวลาที่ว่างมาอยู่ดูแลเตตลอดทั้งวัน จ้างนางพยาบาลพิเศษมาดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีกครั้ง เตนอนหลับอยู่เป็นเจ้าชายนิทรา บางทีร่างกายของเตก็ส่งสัญญาณออกมาเหมือนกับอยากจะบอกว่า อยากยอมแพ้
แต่ผม... ไม่มีวันยอม
ผมคอยเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันทุกวันไม่ให้มันเหี่ยวแห้ง คอยเปิดผ้าม่านเพื่อที่เตจะได้นอนรับแสงแดด คอยพลิกตัว เช็ดตัว ทำความสะอาดช่องปากและลิ้น
เตผอมลงทุกวัน... กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานเริ่มจะผอมลีบ ขนาดมีผมคอยช่วยขยับและทำกายภาพให้ แต่ร่างกายเตก็มีแต่จะยิ่งผอมซูบ
มันทำให้ผมอดหวนนึกไปถึงตอนที่เจอกับเตครั้งแรกไม่ได้
ตอนนั้น...
วันที่ผมได้พบกับเตเป็นครั้งแรก ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ
จักรยานผมเสีย จนผมต้องเอาไปส่งซ่อม
ผมเจอเตหน้าตาเปื้อนคราบน้ำมันเครื่องอยู่ในอู่ซ่อมรถจัรยานแห่งนั้น
เตผอมสูง แต่มีแก้มที่ออกจะยุ้ยนิดๆ ผิวขาว...ใต้ร่มผ้า แต่ส่วนอื่นที่ถูกแดด ผิวเตจะเป็นสีออกแดงจนเกือบคล้ำ เตมีดวงตาเป็นสีน้ำตาลเหมือนกระรอกที่วิ่งอยู่ตามสวนสาธารณะ
ผมตกหลุมรักเตตั้งแต่ตอนนั้น
บางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่... มันอาจจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิต
ก่อนที่หูจะดับ ผมเคยเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล เรื่องทำจักรยานพังแล้วเอาไปส่งอู่ ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างถนัด ผมหาเรื่องพังจักรยานแล้วไปหาเตแบบวันเว้นวัน วันนี้ไอ้นี่พัง วันโน้นไอ้นั่นก็ต้องซ่อม จนสุดท้าย... ผมก็จีบเตติด
เอาเข้าจริงแล้ว... พอคบกันนานๆ ผมถึงได้รู้ว่าเตก็ไม่ใช่คนช่างพูด ผมหมายถึงถ้ากับคนที่ไม่สนิท เตจะไม่ค่อยสื่อสารกับใครมากนัก นอกจากผมก็มีแต่เถ้าแก่ที่เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ
เตเป็นพิการมาตั้งแต่กำเนิด บางทีคนพิการแบบเราก็ไม่ชอบให้ใครมองว่าเราเป็นคนน่าสงสาร เป็นคนพิการ หรือเป็นคนที่ถูกสวรรค์ลงโทษ ดังนั้นกับคนแปลกหน้าไม่เรารู้จักมักคุ้น ส่วนใหญ่พวกเราจะทำตัวแบบคนปกติคือ เมินเฉย ไม่ยิ้ม ไม่ทักและไม่ยอมพูดคุยด้วย
ผมที่หูดับ... หลังจากที่ต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์ประจำเพราะไม่สามารถสอนนักศึกษาต่อได้ แต่ทางมหาลัยก็ยังรับผมเข้าทำงานไว้ในฐานะอาจารย์ผู้ช่วย ตำแหน่งพิเศษเฉพาะ บางทีผมก็รับงานแปลเอกสารวิชาการต่างประเทศบ้าง
สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ผู้มีภาวะพิการจะต้องออกจากงานหรือหางานทำได้ยากหรือตกงาน สังคมสมัยใหม่เปิดโอกาสให้กับคนพิการอย่างผมมากขึ้น บางทีทางมหาลัยก็ส่งผมให้ไปสอนในโรงเรียนช่างชำนาญงานสำหรับคนพิการเพราะผมใช้ภาษามือได้
ดังนั้นเรื่องที่ผมบอกเตว่าไม่มีเงิน... มันจึงเป็นเรื่องโกหก แต่เรื่องจักรยานของขวัญดูต่างหน้านั่นเป็นเรื่องจริงนะ ผมไปเอามันมาจากบ้านหลังจากที่ผมขายรถจักรยานยนต์ทิ้ง ผมขับรถมอเตอร์ไซด์ได้ แต่เพราะหูไม่ได้ยิน จะให้ไปอยู่กลางถนนที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสหูร่วมด้วยก็คงจะไม่ได้ ผมเลยหันมาขี่จัยรยานที่ช้าแต่ปลอดภัยกว่าแทน
เตเอง.. พอรู้ความจริง ก็งอนผมอยู่นิดๆ แต่ก็สามารถให้อภัยผมได้ ผมย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังเดียวกับเตนับตั้งแต่ตอนนั้น
บ้านของเตเป็นบ้านเช่าชั้นเดียวเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตที่มีน้ำท่วมขังทุกปีในเวลาที่ฝนตกหนัก ช่วงไหนที่ฝนตกหนักติดๆ กัน ผมกับเตก็ต้องมาคอยลุ้นว่า จะต้องขนของหนีน้ำไหม ผมเคยชวนเตย้ายออกเพราะผมสามารถช่วยเตค่ายค่าเช่าได้
แต่เตไม่ยอมย้ายออก เพราะบ้านเช่าหลีงนี้ราคาถูก อยู่ห่างจากอู่ซ่อมรถจักยานไม่มาก ปั่นไปไม่เกินสิบนาทีก็ถึงอู่แล้ว
ผมที่อยากอยู่กับเตก็ได้ตามใจ ย้ายของมาอยู่ในบ้านเต พอเตเลิกงานผมก็ปั่นจักรยานไปรับ วันหยุดผมก็พาเตไปขี่จัยรยานเล่นที่อ่างน้ำไม่ก็สวนสาธารณะ
ผมชอบนะเวลาที่ได้พาเตนั่งซ้อนจักรยานแล้วขี่วนรอบสระน้ำ อ่างน้ำของมหาวิทยาลัยสงขลานครินท์มีบรรยากาศร่มรื่น บางทีก็มีเนินเขาให้ผมปั่นจักรยานขึ้นไปโดยที่มีเตซ้อนท้ายจนหอบแฮก รอจนผมขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของเนินและรอจนเตตั้งตัวพร้อม
เราสองคนก็จะปล่อยให้รถจักรยานไหลไปตามแรงโน้มถ่วงแล้วส่งเสียงหัวเราะ เตกางเขนออกกว้างต้านกับแรงดึงดูดของโลก ผมไม่ได้ยินเสียงเต... แต่หน้าอกของเตที่แนบชิดติดกับหลังผมมันก็สั่นจนผมรู้สึกได้
ผมอยากเห็นเตมีความสุข อยากได้ยินเสียงเตตอนหัวเราะ ถึงเขาจะหัวเราะแบบไม่มีเสียง และผมก็ไม่ได้ยิน แต่ผมก็อยากเห็นสีหน้าเขาตอนที่เขามีความสุข ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ
แต่ตอนนี้....
วันเวลาผ่านไป ผมยังคงมาหาเตและอยู่กับเตเหมือนทุกวันเท่าที่จำได้ สมัยตอนที่อยู่ร่วมกัน แต่เตไม่เคยบอกรักผมซักครั้ง ผมเองก็ไม่เคยพูด...
เตไม่ใช่คนช่างพูด ผมเป็นคนพิการ... เตไม่มีความมั่นใจว่าผมจะรักเขามั่นคงถาวรและจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ดังนั้นผมจึงอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ
แต่ตอนนี้....
ตอนที่ผมยืนอยู่คนเดียว ในขณะที่เตนอนหลับอยู่
ผมจึงเป็นคนเปิดปากบอกว่า "รัก"
" ผมรักเตนะ"
ผมบอกให้เตฟังทั้งที่เขายังนอนหลับอยู่ ถึงผมจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง แต่ผมก็อยากจะบอกให้เตรู้
" ผมรักเตนะ"
" ผมจะรอเตตื่นไปตลอดชีวิต"
เวลาผ่านไปหกเดือน...
ผมยังคงอยู่กับเตเหมือนทุกๆ วัน คอยเปิดหน้าต่าง ป้อนอาหารทางสายยาง พลิกตัว อาบน้ำ เช็ดตัว ทำความสะอาดซอกฟันและลิ้น ตอนนี้เตยังคงหลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น
แต่ไม่เป็นไร...
ผมยังมีเวลารอเตอยู่ทั้งชีวิต
หลังๆ มานี่ หลังจากผมแปลเอกสารวิชาการจนเสร็จ ผมก็อ่านคำแปลในตัวเอกสารให้เตฟังอย่างน้อยหนึ่งรอบ มีคนบอกว่าคนที่หลับอยู่สามารถรับรู้ถึง "เสียง" ที่เกิดจากความห่วงใยได้
ผมพยายามพูด... แต่เพราะประสาทหูผมไม่ได้ยิน ผมจึงไม่รู้ว่าที่พูดออกมาถูกหรือผิดบ้างหรือไม่ มีเพี้ยนบ้างหรือเปล่า ผมพยายามฝึกพูดให้นางพยาบาลที่คอยมาดูอาการเตได้ฟัง เธอบอกผมว่าพอรับได้ ไม่เพี้ยนมาก ผมยิ้มรับและหลังจากนั้นมา ผมก็อ่านเอกสารวิชาการให้เตฟังบ่อยๆ ทุกครั้งที่ว่าง
บางทีผมก็ร้องเพลงออกมาให้เตได้ฟังด้วย
มันคงเป็นความรัก
ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน
ไม่ยอมหยุดเสียที
บทเพลงของสแตมป์ อภิวัฒน์ ที่ผมเคยได้ฟังก่อนที่จะหูดับ
ผมร้องเพลงคลอในขณะที่เช็ดตัวให้เต ผมอยากให้เตรับรู้ว่าผมรักเตมาก ถึงคนอื่นจะบอกผมว่าการที่ผมทำแบบนี้... มันจะทำให้ผมไม่โอกาส เตอาจจะไม่ฟื้น ผมควรจะเริ่มต้นมีชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีเต
แต่ผมจะไม่ยอมแพ้...
ซักวันเตจะต้องฟื้น
และผมจะรอเตตื่นไปตลอดชีวิต
แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที
แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้
และในที่สุด...
วันนี้...
วันที่ผมเช็ดตัวให้เตและกล่อมเตนอนเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้สามทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่เตควรจะหลับ ถ้าหากเตยังอยู่ในบ้าน ผมจูบหน้าผากเตแล้วบอกให้เตหลับฝันดี บอกเตว่า... ผมรักเต และผมยังรอเตตื่นขึ้นมาเหมือนทุกวันนะ
ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดๆๆๆๆๆ
แต่อยู่ๆ เสียงลมหายใจของเตที่แผ่วอยู่ จู่ๆเกิดการติดขัด ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหนึ่งครั้งก็ได้แต่กดออดเรียกนางพยาบาลเข้ามาดูอาการเตในห้อง ตอนนั้นเตเสมหะติดคอ หากดูดออกช้า เสมหะจะอุดหลอดลม จนเตอาจจะมีอาการสมองขาดอ็อกซิเจน
ผมกดปุ่มเรียกนางพยาบาลอย่างร้อนใจ ไม่นานนางพยาบาลก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในห้อง นางพยาบาลที่สนิทกับผมหน่อยก็พยายามใช้ภาษามือภาษาปากให้ผมไปยืนอยู่หลังม่าน แต่ผมก็ไม่อยากทิ้งไว้ เลยเลือกที่จะยืนอยู่ข้างๆ เตียงแบบที่ไม่แกะกะนางพยาบาลแทน
นางพยาบาลยังคงสอดท่อและเคาะปอดเตเหมือนอย่างครั้งโน้น
และผมเอง... ก็ยังปวดใจเหมือนครั้งนั้น
ผมมองนางพยาบาลที่สอดท่อดูดเสมหะอย่างคล่องแคล่ว เธอทำงานอย่างรวดเร็วแต่เบามือ แต่ท่อดูดเสมหะมันอันใหญ่จนผมเห็นแล้วรู้สึกเจ็บแทนเตขึ้นมาไม่ได้ รอจนนางพยาบาลกำจัดเสมหะออกหมด ปากเตก็แดงก่ำเพราะช้ำเลือด
ผมค่อยๆ เช็ดปากและหน้าให้เตอีกครั้งหลังจากที่นางพยาบาลออกไปแล้ว
เตของผม... น่าสงสารเหลือเกิน
เมื่อไหร่เตของผมจะตื่น เตจะได้ไม่ต้องมาทรมานทั้งที่ยังหลับอยู่แบบนี้
คืนนั้น... ผมกุมมือเตไว้แล้วหลับอยู่ที่ข้างเตียงทั้งที่น้ำตายังไหลเต็มสองแก้ม
หรือบางที....
ผมควรจะปล่อยให้เตได้ "หลับอย่างสบาย" จริงๆ เสียที
เช้าวันถัดมา
ผมที่ร้องไห้จนตาบวม
พอตื่นขึ้นมาอีกที
เตก็ฟื้นแล้ว....
เตของผมฟื้นแล้วจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ภาพลวงของความฝันที่มีขึ้นอย่างลมๆ แล้งๆ
เตยังคงหน้าขาวซีด ดูผอมโซ แต่ "มือ" ที่เตกุมมือผมไว้ ก็ทำให้ผมรู้ว่าเตของผมฟื้นแล้ว
" คุณเตชินท์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ แต่คุณเขาบอกไม่ต้องปลุก พยาบาลกับคุณหมอก็เดินมาตรวจดูกันแล้วหลายรอบ คุณหูไม่ได้ยินเลยไม่รู้ว่าสินะคะว่า หมอกับพยาบาลเข้ามาพูดคุยกับคนไข้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ยินดีด้วยนะคะ ที่คุณเตชินฟื้นแล้ว"
นางพยาบาลสาวที่สนิทกันเป็นคนเขียนข้อความบอกให้ผมรู้ ผมที่เพิ่งตื่นก็อ่านไปแล้วจ้องสลับกับเตที่ส่งยิ้มมาอย่างอ่อนแรง เตกุมมือผมไว้เท่าที่แรงของเตมี ก่อนจะขยับปากเป็นคำพูดว่า...
ผมรักคุณ...
เตรักกันต์นะ
คำพูด... ที่เตไม่เคยบอก คำพูดที่ผมไม่เคยได้ยิน
แต่ครั้งนี้... ต่อให้ปากของเตจะไม่ได้ส่งเสียง ถึงหูผมจะไม่ได้ยินสิ่งที่เตพูด แต่ผมก็ "ได้ยิน" คำบอกเหล่านั้น เหมือนมันดังก้องตรงเข้ามาสู่หัวใจ
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไร ใจฉันก็ไม่ยอม
ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ
เธอรอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป ได้ยินไหม
" อรุณสวัสดิ์ครับเต เดี๋ยวผมจะพาเตกลับบ้านนะ"
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
เพลง มันคงเป็นความรัก
ศิลปิน แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข