ผู้โชคดี
ตอนที่ 4 ผู้โชคดีชั่วคราว
ยังไม่ทันที่ความคมของใบมีดจะกรีดเข้าที่เนื้อบางๆ ตรงข้อมือ แขนของผมก็ถูกใครบางคนกระชากอย่างแรง ใบมีดแผ่นบางร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น ผมรีบมองหาและเตรียมโน้มตัวลงไปเก็บมันขึ้นมา แต่มือที่บีบแขนผมอยู่ก็ออกแรงดึงผมให้เดินออกมาจากห้องน้ำ
“ทำไมล่ะกิ่ง ทำไมต้องให้ค่ามันขนาดนี้” พี่สามถามผม สีหน้าของเขาทั้งโกรธทั้งผิดหวัง “ถ้าพี่ขึ้นมาไม่ทันจะเป็นยังไง อยากให้ไอ้ต้นมันเสียใจ แล้วคิดว่าเป็นมันคนเดียวรึไงที่เสียใจ พ่อแม่กิ่งล่ะ คนที่ไม่ได้ทำร้ายกิ่งล่ะ”
ผมกลัวพี่สามมากเลยครับ ถึงแม้เขาไม่ได้ตวาดผมแต่น้ำเสียงเขาดุดันมาก ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะคำพูดของพี่เขาต่างหาก ผมไม่ได้นึกถึงใครเลยจริงๆ แค่อยากหายไปจากโลกนี้ แค่อยากทำให้พี่ต้นรู้สึกผิดและคิดถึงผมบ้างเท่านั้นเอง
“ช่วยกิ่งด้วย” ผมยกมือไหว้พี่สาม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ถ้าใครมาเห็นสภาพผมในตอนนี้ คงรู้สึกสมเพชเวทนา ผมยกมือไหว้พี่สามให้ช่วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยผมได้ยังไง ผมอยากหายเจ็บปวด อยากหายจากความทรมาน แต่ผมช่วยตัวเองไม่ได้ ผมเลยอยากขอร้องใครก็ได้ให้ช่วยพาผมออกไปจากความรู้สึกนี้
พี่สามนิ่งเงียบไป เขาไม่ได้ดุผมอีก ปล่อยให้ผมยืนร้องไห้ตรงหน้าเขา เมื่อไม่มีวี่แววว่าผมจะหยุดร้องไห้ เขาเลยดึงผมมากอด ผมรีบสวมกอดเขากลับแล้วออกแรงกอดรัดเขาแน่นๆ ความรู้สึกเดียวในตอนนี้คืออยากร้องไห้กับใครสักคน อยากมีใครสักคนที่ต้องการผม อยากให้ใครสักคนรู้ว่าผมเจ็บปวด ผมไม่ใช่ผู้โชคดีอีกแล้ว
……
ผมเอาแต่ร้องไห้จนปวดหัว ปวดตา หายใจไม่ออก และเริ่มหมดแรง สุดท้ายผมก็หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นหน้าพี่เอ๋ยก่อนใคร พี่เขายิ้มให้พร้อมกับลูบที่ศีรษะของผมเบาๆ เพียงแค่นี้ผมก็อยากร้องไห้ขึ้นมาอีก
“พี่ขอโทษนะกิ่งที่ไม่ได้บอกกิ่ง เรื่องของคนรักกัน พี่ไม่อยากเข้าไปยุ่งจนเป็นหมาถ้าเขาดีกัน ขอบคุณนะที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่งั้นพี่คงรู้สึกผิดจนตายที่กลัวเป็นหมาจนทำให้น้องคิดฆ่าตัวตาย”
“นานแล้วเหรอครับที่เขาคบกัน” ผมลุกขึ้นมานั่งก่อนจะถามพี่เอ๋ย
“พี่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่มันไปเอากัน พี่มารู้ตอนที่กิ่งมาถามพี่เรื่องที่พี่กรีดข้อมือ”
“ผมขอโทษนะครับที่ถามพี่ไปในวันนั้น”
“พี่ไม่ได้โกรธกิ่ง แต่โกรธมัน ที่มันเอาพี่มาอ้าง มันไม่ได้ไปโรงพยาบาลกับพี่ ไอ้สามต่างหากที่เป็นคนพาพี่ไป พอมันรู้ว่ากิ่งมาถาม มันขอให้พี่ช่วยโกหกต่อ พี่เค้นถามมันว่าทำไมต้องโกหกกิ่ง มันถึงยอมรับสารภาพว่ามันพาไอ้กรีนไปหาหมอ”
“ทำไมเขาไม่เลิกกับผม” คราวนี้น้ำตาผมเริ่มคลอขึ้นมาอีก มันจุกและเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง
“มันบอกว่ามันรักกิ่ง มันเลิกกับกิ่งไม่ได้ แต่มันก็ยังเลิกกับไอ้กรีนไม่ได้”
“ถ้าเขารักผม เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอกครับ แค่ให้ผมอยู่เพื่อเป็นตัวเลือกไว้ก่อน ผมก็ดันยอมเป็นตัวเลือกของเขา”
“กรีนมันไม่ธรรมดาหรอกนะ บอกตรงๆ ตอนแรกพี่ก็สงสารมัน มันมีพรสวรรค์ที่ทำให้คนเชื่อมัน ทำให้คนสงสารมัน พอหลังๆ มันมาหึงพี่กับต้น มันหาเรื่องใส่ร้ายพี่ จนพี่ไม่พูดกับต้นจนถึงตอนนี้ พี่ถึงรู้ว่ามันร้าย เพื่อนในคณะพี่ชอบมันกันหมด พวกห่านั่นโดนเสน่ห์มันหมด ควายทั้งนั้น” พี่เอ๋ยดูหัวเสียไม่น้อย
ผมเชื่อว่ากรีนทำให้คนเห็นใจได้ไม่ยาก เพราะว่าเพื่อนๆ ของผมก็เลือกที่จะสงสารกรีนมากกว่าผม ขนาดไอ้มาร์ชที่สนิทกับผมมากที่สุด ก็ยังเลือกที่จะเห็นใจผมน้อยกว่ากรีน ด้วยรูปร่างหน้าตาและวิธีการพูด กรีนจะดูเหมือนผู้ถูกกระทำเสมอ ต่างจากผมที่ไม่ใช่คนบอบบางอ่อนแอ ผมมักจะร่าเริงเสมอ จึงไม่น่าสงสารเท่า และความรู้สึกส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมไม่อยากมีชีวิตต่อ เพราะผมน้อยใจพี่ต้น น้อยใจเพื่อน รู้สึกเหมือนไม่เหลือใครที่เข้าใจความรู้สึกของผมเลย
“กิ่ง ต้นมันคงกำลังหลง เด็กนั่นมันรู้จุดอ่อน มันรู้ว่าต้นใจดีและขี้สงสาร แต่พี่ก็เชื่อนะ ถึงสุดท้ายแล้วต้นมันจะเลือกกิ่ง มันขึ้นอยู่กับกิ่งว่าอยากรอหรืออยากเลิก”
“ผมรักพี่ต้น แต่ผมคงไว้ใจเขาเหมือนเดิมไม่ได้ ผมคงจมอยู่กับความระแวง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีเขาได้ยังไง ทุกที่มันเคยมีแต่เขา การกระทำดีๆ ของเขายังวนอยู่ในหัว มันทำให้ผมไม่กล้าบอกเลิก แต่พอนึกถึงว่าเขาทำแบบนั้นกับกรีนเหมือนกัน ผมก็เจ็บ ผมเจ็บ” ผมพูดไปร้องไห้ไป
“พี่เข้าใจ มันยาก มันไม่ง่ายเลย” พี่เอ๋ยถอนหายใจและบีบมือผม
“ผมไม่อยากเห็นหน้าเขา ใจหนึ่งอยากไล่เขาไป แต่อีกใจก็ยังอยากให้เขาอยู่ที่ห้อง เพราะผมยังทำใจไม่ได้ที่เขาจะหายไปจากชีวิตผม ผมอยากกลับไปอยู่ที่ห้องของตัวเอง แต่ผมก็นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน เพราะภาพกรีนใช้ของที่เป็นของผมโดยไม่ละอายใจ ทุกอย่างมันลอยผมเต็มหัวไปหมด ทุกคืนที่พี่ต้นลุกไปส่งข้อความหากรีน ผมอยากร้องไห้ดังๆ อยากอ้อนวอนเขาว่าอย่าทำร้ายผมได้ไหม อย่ารักกรีนได้ไหม แต่พอเห็นสีหน้าเขาดูมีความสุข ผมพูดไม่ออก ความสุขของพี่ต้นไม่ใช่ผมอีกแล้ว” ผมสะอื้นไม่หยุด อยากระบายกับใครสักคนมานานแต่ไม่รู้จะหันไปทางไหน พอได้ระบายกับพี่เอ๋ยจึงพรั่งพรูไม่หยุด
“ไล่ต้นมันไปเถอะ กิ่งอาจจะเจ็บ แต่จะต่างอะไรจากตอนนี้ อย่างน้อยตรงนั้นคือที่ของกิ่งนะ”
“พี่เอ๋ย ผมจะมีวันหายเจ็บไหมครับ”
“มีสิ อาจจะนาน แต่มันต้องมี พี่กับไอ้สามอยู่ข้างกิ่งนะ กิ่งไม่ได้อยู่คนเดียว พี่เข้าใจเรื่องที่กิ่งอยากตาย พี่ก็เคยทำร้ายตัวเอง รู้ไหม...พี่คงอยากตบตัวเองหากวันนั้นพี่ทำสำเร็จ พี่เสียคนเหี้ยๆ คนหนึ่งไป จนได้เจอคนอีกคนที่รักพี่ นึกขอบคุณที่ยังไม่ตาย ชีวิตคนมันยาว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสมหวังไปตลอด ของทุกอย่างยังมีหมดอายุเลย ให้โอกาสตัวเองได้เจอคนอื่นก่อน ให้มันรู้ไปว่าจะเจอแต่คนเลวๆ รีบตายไปมันไม่คุ้มค่า อย่างน้อยรอดูความฉิบหายของคนเลวก่อน สักวันไอ้ต้นมันจะเป็นแค่ผู้ชายโง่ๆ ในความรู้สึกของกิ่ง รอให้ถึงวันนั้นเนอะ” พี่เอ๋ยลูบศีรษะผมอีกครั้ง
ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่เอ๋ยที่พี่เขาช่วยเตือนสติก่อนจะซบหน้ากับเข่าและร้องไห้ต่อ คำสอนของพี่เอ๋ยเข้าหัวผมทุกคำ ผมไม่ได้ปล่อยให้ผ่านไป เพียงแต่วันนี้ผมยังเข้มแข็งไม่ได้ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ผมจะให้เวลาตัวเอง ก็คงมีสักวัน สักวันที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันคงต้องมีวันนั้น วันที่ผมจะไม่รู้สึกกับคนคู่นั้นอีกเลย
……
ผมค้างอยู่ที่ห้องของพี่สามอีกคืน พี่เอ๋ยกับพี่สามอยู่เป็นเพื่อนผมทั้งคู่ ผมยังไม่อยากกลับไปเผชิญหน้าพี่ต้น แต่ก็เกรงใจพี่สาม มาอยู่นานๆ ก็กลายเป็นภาระให้พี่เขา ผมตั้งใจจะส่งข้อความไปหาพี่สาวเพื่อขอไปอยู่ด้วยชั่วคราว แต่ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ เสียงข้อความก็ดังขึ้นระรัว เป็นของพี่ต้นร้อยกว่าข้อความ นอกนั้นก็เป็นของเพื่อนๆ และของแม่
ผมไล่อ่านทุกข้อความ เลือกอ่านของพี่ต้นเป็นคนสุดท้าย ข้อความส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างกันมาก จับใจความได้ประมาณนี้
‘กิ่ง อยู่ไหนครับ มาคุยกันก่อน’
‘กิ่ง ได้โปรดโทรกลับหาพี่ด้วย พี่ไม่เลิกกับกิ่งหรอกนะ’
‘กิ่ง กิ่งคงรู้เรื่องแล้ว พี่ขอโทษ อภัยให้พี่สักครั้งได้ไหม’
ผมเกือบจะใจอ่อนโทรกลับหาพี่ต้นหากไม่มีข้อความล่าสุดจากกรีนเด้งขึ้นมาเสียก่อน ผมเปิดอ่าน บอกตรงๆ ว่ามือผมสั่นไปหมด
‘กิ่ง เราไม่เคยคิดไปแทนที่กิ่งเลยนะ เรารู้ว่าเราเลวที่ยอมมีอะไรกับพี่ต้นทั้งที่เขาเป็นแฟนของเพื่อน เราแอบรักพี่ต้นเหมือนกิ่ง แอบรักมานานพอๆ กับกิ่ง แต่กิ่งโชคดีที่ได้พี่เขาไป ส่วนเราต้องถูกไอ้นัทมันรังควาน รู้ไหมเพราะอะไร เพราะมันชอบกิ่ง แต่กิ่งชอบทำว่ารังเกียจมัน แล้วเราผิดอะไรมันถึงมาลงกับเรา เพราะเราเป็นเพื่อนกิ่งไง’
ผมอ่านถึงตรงนี้ก็ยกดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา หยาดน้ำมันทำให้ตาผมพร่ามัวไปหมด แล้วผมก็เริ่มอ่านข้อความจากกรีนต่อ
‘ไอ้นัทมันบอกเราทุกครั้งว่าเรามันซวยเองที่ไม่มีใครปกป้องเหมือนที่กิ่งมี กิ่งมีทั้งพ่อแม่ที่พร้อมช่วยเหลือ มีทั้งพี่ต้นที่ทำให้กิ่งเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร มีทั้งเพื่อนที่ยอมทำตามใจกิ่งทุกอย่าง ทุกคนเข้าหากิ่งเพราะกิ่งรวยไง คนรวยใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนด้วย ความคิดเราอาจจะเหมือนคนพาล แต่ใครไม่มาเป็นเราคงไม่รู้ เราถูกรังแกก็เพราะพ่อแม่เราจน เราต้องดิ้นรนมากกว่าใครก็เพราะความจน เราต้องขัดห้องน้ำให้เพื่อน ซักผ้าให้เพื่อน ถูกบ้านให้เพื่อน รอรับเงินจากเพื่อน มันทุเรศมากเลยว่าไหม แต่แล้วพี่ต้นก็ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้โชคร้ายตลอดไป พี่ต้นทำให้เรารู้สึกมีค่า พี่ต้นไม่รังเกียจในสิ่งที่เราเป็น พี่ปกป้องเรา ช่วยเหลือเรา บอกว่าอยากดูแลเรา เราดีใจมาก แต่เราเป็นผู้โชคดีแค่ชั่วคราว ทำไมรู้ไหม พี่ต้นบอกว่าเขาทำให้เรามีความสุขได้แค่ช่วงสั้นๆ เพราะเขากลัวจะเสียกิ่งไป อีกแล้ว เราไม่มีคอนโดให้พี่ต้นอยู่ เราไม่มีเงินมาคอยเอาใจพี่ต้น เราไม่มีเท่ากิ่ง’
ผมอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่อีกใจก็อยากจะรู้ว่าเพื่อนทรยศคนนี้จะบอกอะไรกับผมอีก ผมจึงทนอ่านมันต่อไป
‘กิ่งมีทุกอย่างแล้ว เราไม่ได้ขอให้กิ่งปล่อยพี่ต้นไป เราขอแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง ขอแบ่งความรักของพี่ต้นมาให้เราบ้าง เราจะไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ เราจะเจียมตัว ขอแค่เราได้มีพี่ต้นบ้าง ได้โปรดเถอะนะกิ่ง เราคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ต้น แม่เราก็กำลังจะตาย เราคงไม่เหลือใครเลย เรามีแค่พี่ต้นที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ’
ผมไม่สามารถอ่านข้อความพรรณนาของกรีนได้อีกต่อไป ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วเช็ดน้ำตา นึกทบทวนซ้ำๆ ผมมีทุกอย่างอย่างที่กิ่งบอก ผมมีพ่อแม่ที่รักผมมาก ผมมีพี่ต้นที่เลือกผมให้เป็นผู้โชคดีในวันนั้น ผมมีเพื่อนเยอะแยะที่คอยตามใจผม ผมไม่ได้อ่อนแอและกล้าลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองจากไอ้นัท
แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่เหตุผลที่กรีนจะทรยศผม ไม่ใช่สิ่งที่กรีนจะเอามาเรียกร้องเอาของของผมไปเพื่อทดแทนชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง
ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ส่งข้อความไปหาพี่ต้น ข้อความที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพิมพ์ส่งไป
‘รบกวนพี่ต้นขนของออกจากห้องกิ่งด้วยนะครับ กิ่งให้เวลาพี่สามวันเพราะกิ่งจะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ กิ่งยกโทษให้พี่ไม่ได้จริงๆ และกิ่งไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น กิ่งเฝ้ารอพี่กลับมานานแล้วครับ และโอกาสของพี่มันหมดแล้ว กิ่งไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พี่เคยชม สงสารกิ่งเถอะนะครับ แค่ต้องลืมพี่ให้ได้กิ่งก็ต้องใช้เวลาแล้ว อย่าทำให้แผลของกิ่งใหญ่ไปกว่านี้เลย อย่าใช้ความรักที่กิ่งมีต่อพี่ฆ่ากิ่งเลย ขอบคุณนะครับที่เคยทำให้กิ่งเป็นผู้โชคดี แต่กิ่งขอมอบความโชคดีนี้ให้กรีนครับ เขาต้องการมันมากกว่ากิ่ง’
ผมกดส่งแล้วก็นั่งรอ ไม่นานพี่ต้นก็อ่าน เขาไม่ได้ตอบอะไรผมอีก ลึกๆ ผมก็รอ ถึงปากไล่เขา แต่ก็หวังว่าจะเห็นว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาเสียใจไหม เขาจะง้อผมหรือเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ส่งข้อความมาอีกเลย ผมยิ้มทั้งน้ำตา จบลงแล้วจริงๆ
……
ตอนนี้ผมไปอยู่บ้านของพี่สาวชั่วคราว โชคดีที่หลังจากวันแสดงผลงานเป็นวันหยุดยาวพอดี ผมจึงมีเวลาเยียวยาตัวเอง ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพี่ต้นจะติดต่อมา แต่กลัวว่าเขาจะไม่ติดต่อมาแล้วผมจะยิ่งเจ็บต่างหาก กลัวตัวเองจะคาดหวังว่าเขาจะมาง้อแล้วเขาไม่มา ผมกลัวความผิดหวังซ้ำๆ จะทำให้ตัวเองคิดโง่ๆ อีก การหักดิบมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมก็ต้องทำ พ่อกับแม่ของผมรู้เรื่องนี้แล้ว ท่านไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร คงมองว่ามันเป็นเรื่องของเด็ก แต่หากท่านรู้ว่าผมเคยคิดฆ่าตัวตาย ท่านคงผิดหวังในตัวผมไม่น้อย
มาร์ชส่งข่าวให้ผมรู้ว่าพี่ต้นย้ายออกจากคอนโดของผมแล้ว มันได้เบอร์ของผมมาจากแม่ มันคงอยากต่อว่าผมที่คิดตัดขาดมัน แต่มันก็ไม่กล้าต่อว่าเพราะคงรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน มันบอกว่าพี่ต้นออกไปเช่าคอนโดอยู่กับกรีน ซึ่งคอนโดไม่ได้ไกลจากคอนโดของผมเลย ห่างกันแค่ตึกแถวเดียวเท่านั้นเอง มันว่าพี่ต้นแอบถามถึงผมตลอดเวลาที่เจอมัน มันบอกผมว่าพี่ต้นยังรักผมอยู่ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด มันเจ็บด้วยซ้ำ เพราะเขายังอยู่ด้วยกัน และยังมีความสุขบนความทุกข์ของผม
……
หลังจากที่พี่ต้นย้ายออกแล้ว พวกไอ้ปู จริงใจ และเพื่อนคนอื่นๆ ในคณะมาช่วยผมรื้อห้องขนานใหญ่ พวกมันมาทาสีห้องให้ใหม่ มาเพนท์กำแพงในห้องจนไม่เหลือเค้าเดิม ผมขอแม่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่หมดด้วย แม่บ่นนิดหน่อยแต่ท่านก็ตามใจผม ผมรู้สึกสบายใจขึ้นที่ไม่ต้องนอนทับรอยใครอีก
พี่เอ๋ยก็โทรหาผมแทบทุกวัน เราสนิทกันมากขึ้น พี่เขาชวนผมไปออกกำลังกายในวันที่ว่างจากเรียน เขาบอกว่าเทรนเนอร์หล่อๆ จะช่วยเยียวยาผมเอง ส่วนตอนเย็นๆ ถ้าผมว่างไม่ต้องทำงานส่งอาจารย์ พี่สามจะมารับผมไปที่ร้านเขา พี่เขาไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวที่ห้อง คงยังกลัวว่าผมจะคิดสั้น ทีแรกผมบอกว่าไม่อยากไปเพราะกลัวจะเจอพี่ต้น แต่พี่เอ๋ยแอบบอกว่าพี่ต้นไม่มาที่ร้านพี่สามแน่ เพราะพี่ต้นทะเลาะกันใหญ่โตกับพี่สาม เรียกได้ว่าตัดขาดเพื่อนกันไปเลย ผมก็อยากรู้ว่าสาเหตุมาจากผมหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่กล้าถาม
……
วันนี้พวกเพื่อนมารวมตัวกันอยู่ที่ร้านพี่สาม นั่นเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของผมเอง พี่สามถึงกับยอมปิดร้านให้ พี่เขาบอกว่าแค่พวกเพื่อนผมกับรุ่นพี่ในคณะที่มางานวันเกิดของผม ร้านของเขาก็แทบระเบิดแล้ว ผมเลยขอเหมาจ่ายทั้งหมด พี่สามบอกว่าให้ผมจ่ายค่าอาหารตามราคาทุนพอ ที่เหลือเขายกให้เป็นของขวัญของผม ผมถึงยอมรับได้ ผมไม่อยากเอาเปรียบพี่เขา แค่น้ำใจที่พี่เขาให้ผมก็มากพอแล้ว
ถึงในใจยังเจ็บ แต่การได้อยู่ท่ามกลางคนที่เข้าใจเรา มันทำให้ผมยิ้มออกและหัวเราะได้ ผมถูกเซอร์ไพรส์ด้วยวิดีโอคลิปคำอวยพรจากพ่อและแม่ แล้วก็ของอาจารย์ รวมถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน มันทำให้ผมซึ้งจนน้ำตาคลอ ผมเป่าเค้กที่พี่เอ๋ยสั่งมาให้และนึกขอบคุณทุกคนที่มาช่วยทำให้ผมหายเศร้า
“แก พี่ต้นว่ะ” ปูสะกิดผมและบุ้ยใบ้ไปที่ร้านข้างๆ ผมเห็นพี่ต้นกับกรีน และพี่ต้นกำลังยืนมองผมอยู่ ส่วนกรีนมัวแต่สนใจโทรศัพท์มือถือจึงไม่ได้มองมา
“โคตรเหี้ย พามาเย้ยเหรอวะ” จริงใจสบถออกมา ทำท่าจะออกไปโวยวาย แต่ปูดึงแขนจริงใจเอาไว้
แม้ระยะที่พี่ต้นยืนอยู่จะไม่ได้ใกล้หน้าร้านของพี่สาม แต่ผมก็เห็นแววตาและสีหน้าของพี่ต้นชัดเจน ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมรู้ว่าเขากำลังเสียใจ สายตาที่เขามองมาที่ผมยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่สายตาคู่นั้นไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว
“อย่าไปสนใจ อย่าไปมอง” ปูบอกผม ผมรีบหันกลับมามองนักดนตรีที่เล่นอยู่ และทำราวกับว่าไม่ได้เห็นพี่ต้น สายตาของผมมองไปทางด้านข้างเวที มีพี่สามยืนอยู่ตรงนั้น ผมเพิ่งสังเกตดีๆ พี่เขามองผมด้วยสายตาไม่ต่างจากที่พี่ต้นมองผมเลย พอผมจ้องมองกลับไป พี่สามรีบเดินหนีเข้าไปในครัว
บทเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานที่พี่ๆ นักดนตรีเพิ่งเล่นจบไปเรียกเสียงปรบมือจากทุกคนในร้าน เป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่จะเป็นช่วงพักของนักดนตรี ช่วงต่อจากนี้จึงเป็นการเปิดแผ่นเสียงแทน แล้วจู่ๆ เพลงสองใจก็ดังขึ้น ผมรู้จักเพลงนี้ครั้งแรกจากร้านพี่สามในวันนั้น ผมอินจนถึงกับตัดสินใจฆ่าตัวตาย คงเป็นเพลงโปรดของใครสักคนมันถึงถูกหยิบมาเล่นอีก
ทั้งที่ผมคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่พอมาได้ยินเพลงนี้อีกความเจ็บปวดก็เริ่มก่อตัว ยิ่งภาพของพี่ต้นจูงมือกรีนเมื่อครู่ มันทำให้น้ำตาของผมเอ่อคลอขึ้นมาทั้งที่พยายามอดทนแล้ว พวกเพื่อนๆ หันมาเห็นผมกำลังจะร้องไห้ก็ทำหน้ากันไม่ถูก รีบสะกิดกันยกใหญ่ เสียงจริงใจโวยวายให้ปิดเพลง แต่ก็ยังไม่มีใครเดินไปปิด แล้วจู่ๆ เสียงเพลงก็ดับวูบไปกลางคันพร้อมกับเสียงเหมือนไฟช็อตอะไรสักอย่างดัง ‘พรึ่บ’ เราทุกคนจึงหันไปมองที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง
ภาพพี่สามในชุดผ้ากันเปื้อน ปากก็ยังคาบบุหรี่ และในมือของพี่เขาถือปลั๊กไฟเครื่องเล่นแผ่นเสียงคาอยู่
“เท่สาดดดดด ถึงกับปรี่มาชักปลั๊กออกเลยมึง” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมาก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมทำหน้าไม่ถูก ก็ตกใจที่เพลงมันดับไป แต่ตกใจกว่าที่พี่สามเป็นคนมาดึงปลั๊กออก
“ห้ามเล่นเพลงนี้อีก” พี่สามพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในครัวทันที
ผมได้แต่ยืนนิ่งท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ และพี่ๆ ที่ยังอยู่กันเต็มร้าน แล้วแก้มของผมก็โดนไอ้ปูป้ายเค้กใส่ จากนั้นสงครามเค้กก็เลยเกิดขึ้น น้ำตาของผมไหลกลับเข้าไปข้างในและมีรอยยิ้มมาแทนที่ ผมจะต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ อีก ทุกคนอุตส่าห์พยายามช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นมาจากความทุกข์ ผมก็ควรจะต้องดึงตัวเองกลับมาให้ได้โดยเร็วเช่นกัน
……
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เกือบตีสองแล้วเพื่อนๆ ผมก็เริ่มทยอยกลับกันไปจนหมด ส่วนผมยังอยู่เพราะรอให้พี่สามไปส่ง เห็นสภาพร้านพี่สามตอนนี้ผมบอกตรงๆ ว่ารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เค้กวันเกิดของผมเละเทะไปหมด ผมรีบเอากระดาษมาช่วยพี่เขาเช็ด เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ผมทำ เราสองคนช่วยกันทำความสะอาดร้านจนล่วงเข้าตีสามกว่า ภายในร้านถึงได้เสร็จสะอาดเหมือนเดิม
“เหนื่อยไหม” พี่สามถามผม ตอนนี้เราสองคนมานั่งพักเหนื่อยตากแอร์กันอยู่ตรงพื้นเวที เพราะเป็นที่ที่ลมแอร์ตกได้ดีที่สุด
“เหนื่อยครับ ปกติกิ่งไม่เคยทำงานเอง คุณหนูมะ” ผมถามพลางหัวเราะ
“อยากให้เหนื่อย จะได้ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ” พอพี่สามบอกเหตุผล ผมก็นึกขอบคุณเขาในใจ “มันเอาของขวัญมาฝากไว้กับเด็กในร้าน” พี่สามส่งกล่องของขวัญให้ผม ผมรับมาถือไว้ ชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแกะออกต่อหน้าพี่สาม
คริสทัลรูปกิ่งไม้บรรจุอยู่ในกล่องแก้ว ข้างในมีแหวนเงินวงหนึ่งห้อยอยู่ที่ปลายกิ่งไม้ด้วย ผมจำได้ว่าเป็นแหวนที่พี่ต้นเคยซื้อให้ผม แต่ผมส่งคืนเขาไปแล้ว ในกล่องยังมีจดหมายฉบับหนึ่งสอดอยู่ ผมหยิบมาเปิดอ่าน
‘พี่เป็นต้นไม้ที่ไม่สามารถดูแลกิ่งก้านของพี่ให้ดี ปล่อยให้มันโรยราจนสายเกินไป ความผิดพลาดนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่สุดในชีวิต รู้ว่าไม่มีคำพูดได้จะทำให้ความผิดนี้ลบเลือนไป แต่โปรดเชื่อเถอะ คำว่ารักพี่ที่พูดกับกิ่ง พี่ไม่เคยโกหกกิ่งเลย และมันยังคงอยู่ พี่ขอโทษครับสำหรับทุกอย่าง’
ผมเช็ดน้ำตาและเก็บของทุกอย่างกลับเข้าไปในกล่อง ยื่นคืนพี่สาม เขาทำหน้างงๆ แต่ก็รับกลับไป
“เอาคืนเขาไปเถอะครับ กิ่งไม่อยากได้”
“แน่ใจ” พี่เขาถาม ผมพยักหน้า “แล้วอันนี้ รับไว้ได้ไหม” พี่สามยื่นกล่องของขวัญอีกกล่องมาให้
“พี่ให้กิ่งเหรอ”
“แกะสิ” เขาไม่ยอมตอบคำถามผม ผมเลยแกะห่อออกดู
ข้างในเป็นสร้อยที่มีจี้เป็นรูปใบมีดโกนอันเล็กๆ และบนจี้สลักคำว่า ‘งอกเงย’ เอาไว้
“กิ่งเก่าตายไปแล้วเลยอยากให้งอกเงยใหม่เหรอครับ” ผมถามพลางหัวเราะ พี่เขาส่งยิ้มน้อยๆ กลับมาให้ แปลว่าที่ผมเดาความหมายเอาไว้มันถูกต้อง
“พี่ขอดูแลกิ่งก้านที่งอกเงยใหม่ได้ไหม” คำถามจากน้ำเสียงแหบห้าวทำให้ผมอึ้งไป
“ผมยังลืมพี่ต้นไม่ได้” ผมตอบไปตามตรง ไม่อยากทำให้คนที่ดีกับผมเสียใจ
“ไม่รีบ”
“ผมอาจไม่ดีพอ พี่น่าจะได้เจอคนที่เหมาะสมกว่าผม” ผมกลายเป็นคนไม่มั่นใจไปแล้วครับ
“อันที่จริงพี่เป็นคนมือหนัก ปลูกอะไรก็ตาย แต่ถ้ามีโอกาส พี่ก็อยากดูแลกิ่งไม้กิ่งนี้ให้ดีเท่าที่จะทำได้” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป แปลกใจที่ตัวเองรู้สึกดีและมีกำลังใจขึ้นมา ยังไม่กล้าตอบรับหรือตัดสินใจ ผมกลัวว่าหากผมต้องผิดหวังอีกคงหนักและสาหัสกว่านี้ และผมเองก็อาจจะทำให้พี่สามผิดหวังที่ยังลืมพี่ต้นไม่ได้ในตอนนี้ ที่สำคัญ...ต่อให้ตอนนี้ผมผอมลงมากกว่าเดิม แต่ผมก็ยังเป็นกิ่งไม้ธรรมดาที่ไม่มีดอกผลสวยงามให้คนเป็นเจ้าของได้ภูมิใจ
“ระหว่างตัดสินใจ พี่ร้องเพลงรอนะ” พี่สามคว้ากีต้าร์โปร่งมาวางที่หน้าตัก ก่อนจะเริ่มขยับปลายนิ้วช้าๆ
“ไหนว่าไม่รีบไงครับ จะเอาคำตอบตอนเพลงจบเลยเหรอ” ผมขำพี่เขา
“พี่ร้องรอได้เรื่อยๆ รอมาได้หลายปีแล้วนิ” พี่เขาพูดโดยไม่ยอมมองหน้าผม เอาแต่ก้มลงไปมองเส้นสายที่ปลายนิ้วเขาสัมผัสอยู่ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาร้องเพลงและจ้องมองผมไปด้วย
...สายตาที่จริงจัง กับน้ำเสียงที่จริงใจของพี่สามกำลังทำให้หัวใจที่ใกล้ผุพังของผมเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง...
‘ฉันค้นคว้าหาคำตอบ เท่าไหร่ไม่เจอ เพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ลืมเธอสักที
หรือต้องรอให้เธอบอก ฉันเป็นส่วนเกิน ที่บังเอิญผ่านมา แล้วให้เธอกับเขาวุ่นวาย
เธอจะร้ายเพียงใด อดทนไว้เข้าใจโดยดี เคืองไม่มี ยังภักดี โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง
อยากแสดงให้เธอ รู้ซึ้งถึงความจริงจังจริงใจ
ด้วยยังหวังซักวัน ฟ้ารู้ถึงคำรำพันของฉันเมื่อไหร่ สะกิดใจ บอกเธอให้ช่วยพิจารณา
ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ เพราะยังเจียม และเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน
คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัย
ทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา
ปรารถนาเวียนวน ตามประสาของคนเคยเคียง จึงร้องเรียนเวียนแวะวน ทนแม้จะถูกหยาม
จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ ให้กับฉัน ได้ยืน
รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น จะทำใจ
แบ่งใจให้ฉัน...นิดนึงพอ’
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คำผิดเดี๋ยวตามาแก้ทีหลังน้า