ตอนที่ 14....
“ก้อง...” มิวส์เรียกชื่อของคนรักเก่าอีกครั้ง... ภาพของผู้ชายที่มีผมยาวประมาณติ่งหูแต่ตัดให้เข้าทรงของก้องในตอนนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก หน้าตาที่สุขุมบุคลิกที่เงียบขรึมแบบในอดีตช่างขัดกับภาพที่เห็นในยามนี้เหลือเกิน เพราะหากพิจารณาจากภาพถ่าย แววตาอันหวานคมที่ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าที่ขาวเนียนแต่กลับให้ความรู้สึกคมเข้ม? มันทำให้ก้องในยามนี้มีเสน่ห์กว่าเมื่อก่อนหลายร้อยเท่า
ยิ่งคิด... ความเจ็บปวดในจิตใจก็ยิ่งรุมเร้า เหตุการณ์ในอดีตที่เคยมีความสุขด้วยกันและความหวังที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่คู่กันไปเรื่อย ๆ มันยิ่งตอกย้ำบาดแผลที่ระบมมานานนับสิบปี แม้จะเป็นวิญญาณติดที่ แม้จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ แต่พอได้เห็นรูปของเขาที่แปะอยู่หน้าบอร์ดรายชื่ออาจารย์ประจำสาขาเท่านั่นแหละ ความรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตในวันที่โดนบอกเลิกก็หวนกลับมาทำร้ายมิวส์อีกครั้ง
'เราเลิกกันเถอะ' แล้วประโยคที่เป็นสาเหตุทำให้มิวส์ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชแบบนี้เมื่อสิบปีก่อนก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท มันดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมิวส์เริ่มควบคุมตัวเองไม่ไหว ท้ายที่สุดสติสตังค์ของวิญญาณหน่อมแน้มก็หายไป ดวงตาที่เคยใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ต่างจากมนุษย์กลับกลายเป็นสีแดงฉานราวกับวิญญาณอาฆาตจนน่ากลัว
“ไม่!!!” น้ำเสียงที่ตะคอกขึ้นมาของวิญาณที่กำลังเพ่งมองบอร์ดรายชื่ออาจารย์อยู่ด้านนอกทำให้ไม้ต้องหันไปมองด้วยความตกใจ พอเห็นสภาพที่เปลี่ยนไปของมิวส์เขาก็ต้องตกตะลึงทันที
“มีอะไรเหรอไม้" อาจารย์สาวที่จู่ ๆ ก็เห็นลูกศิษย์หันหน้าไปมองด้านข้างอย่างกะทันหันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ... เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ" พูดจบก็ยกมือไหว้
“จ๊ะ ๆ กลับบ้านดี ๆ นะ" อาจารย์สาวตอบรับก่อนที่จะปิดประตูห้องแล้วล็อกกลอนอย่างแน่นหนา
“มึงเป็นอะไร" ไม้เอ่ยถามร่างของวิญญาณหน่อมแน้ม แม้น้ำเสียงจะฟังดูกระโชกโฮกฮากแต่ในใจของเขาในยามนี้กำลังเป็นห่วงหมอนี่ที่สุด
“ไม่!!!” มิวส์ตวาดขึ้นอีกครั้งราวกับวิญญาณบ้าคลั่ง พอหันมามองร่างสูง ๆ กำยำที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ความเสียใจก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้นไปอีก เพราะใบหน้าที่มองเห็นในยามนี้ของไม้กลับกลายเป็นใบหน้าของก้อง "กูไม่อยากเลิกกับมึง เข้าใจไหมว่ากูไม่อยากเลิกกับมึง”
สิ้นเสียง... ดวงตาสีแดงของดวงวิญญาณก็เหลือกถลนจนดูน่ากลัว มือที่ไม่เคยทำร้ายใครกลับเอื้อมไปจับที่คอของไม้และออกแรงบีบจนแน่น
ร่างของคนที่โดนทำร้ายหายใจติดขัดขึ้นมาทันที โชคดีที่ไม้แข็งแรงพอที่จะออกแรงกระชากมือของวิญญาณร้ายให้ออกจากลำคอได้
“มึง! ตั้งสติให้ดีดิวะ ไอ้มิวส์! ไอ้มิวส์!! มึงได้ยินไหมวะ" ไม้เอ่ยขึ้น ...ความจริงแล้วเขาจะวิ่งหนีแล้วทิ้งหมอนี่ไว้ตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองก็ได้ แต่ทว่าสำหรับมิวส์ ไม้กลับทำอย่างนั้นไม่ได้จริง ๆ และแม้จะยังงุนงงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่เขาก็ตั้งปณิธานในใจแล้วว่าจะต้องช่วยหมอนี่ให้ได้ จนท้ายที่สุดไม้ก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าแขนของวิญญาณบ้าคลั่งแล้ววิ่งนำเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่งก่อนจะปิดประตูให้เสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อาจารย์ที่อยู่ในห้องพักได้ยิน
แม้ว่าห้องจะมืดมิดไร้แสงไฟมองไปทางใดก็น่ากลัวว่าจะมีสิ่นเร้นลับซ่อนอยู่ แต่ทว่ามันไม่ได้ทำให้คนจิตแข็งอย่างไม้หวาดหวั่นเลยสักนิด เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นซึ่งนั่นก็คือ 'มิวส์'
มิวส์ยังคงตาแดงก่ำเพราะควบคุมสติตัวเองไม่ได้แต่ ความอาฆาตแค้นที่สะสมไว้ในจิตใจได้ปะทุออกมาจนทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้ โชคดีที่ตอนนี้เขาไม่ได้ลงมือทำร้ายไม้แต่อย่างใดหากแต่ร่างกายที่สั่นเทิ้มราวกับเจ้าเข้าและมือที่กุมขมับของตัวเองราวกับกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดอะไรบางอย่างอาจจะด้านร่างกายหรือจิตใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ไม้ได้แต่มองดูด้วยความรู้สึกสงสาร ...และไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร
เกิดเสียงร้องโอดโอยราวกับได้รับความเจ็บปวดหนักที่สุดในชีวิตสลับกับคำหยาบที่พ่นออกมาด่าทออดีตคนรักเก่าไม่ขาดสาย
“โอ๊ยยยย....” มิวส์ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมสูงเพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึงถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างไม่ต่างจากวันที่ตกจากระเบียงห้องพัก ...หากเป็นคนปกติตกจากที่สูงแบบนั้นคงหมดลมหายใจแล้วไร้ซึ่งความทรมาน แต่กับวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดอย่างมิวส์แล้วมันไม่ใช่
ความเจ็บปวดบนใบหน้าตลอดจนแขนและขาที่ราวกับว่ากระดูกกำลังหัก รวมถึงระบบภายในช่องท้องที่ปั่นป่วนทำให้มิวส์ทรมานสุดใจขาดดิ้น
“เพราะมึง...” แล้วความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ส่งผลทำให้มิวส์นึกถึงใบหน้าของผู้ที่เป็นต้นเหตุทันที
ท่ามกลางความสับสนงุนงงที่เกิดขึ้น แม้จะไม่เข้าใจว่ามิวส์กำลังเป็นอะไร แต่ความห่วงใยที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ส่งผลให้ไม้ต้องโผเข้าไปกอดร่างของวิญญาณที่กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานทันที
สัมผัสที่อบอุ่นจากชายหนุ่มผู้ที่มีแต่ความจริงใจทำให้มิวส์ที่ปล่อยให้ความแค้นเข้าครอบงำเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง
พอเห็นว่าร่างที่เคยสั่นผวาทุรนทุรายแน่นิ่ง ชายหนุ่มร่างสูงก็ยิ่งออกแรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก มันเป็นอ้อมกอดที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร มันไม่ใช่ความรักแบบที่เขามีให้กับแม็กกี้แต่มันน่าจะเป็นแห่งความห่วงใยที่ไม่อยากให้วิญญาณตนนี้้เจ็บปวดอีกต่อไป
“เจ้านาย...” วิญญาณที่เคยดุร้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว
“มึงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม" ไม้กระซิบกลับที่ข้างใบหูทั้งที่กำลังกอดร่างของวิญญาณด้วยความแนบแน่น ชั่วครู่มือข้างหนึ่งก็ถูกยกขึ้นไปสัมผัสกับศีรษะของวิญญาณในอ้อมกอดเบา ๆ "รู้ไหม... เมื่อกี้กูโคตรกลัวเลย...”
“ผมขอโทษ" มิวส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นไหว แม้ว่าจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้างแต่ก็พอจำได้ราง ๆ ว่าเมื่อครู่ตนเองกำลังขาดสติจนทำอะไรไม่ดี ๆ ออกไป "ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้านายกลัว...”
สิ้นเสียง... ถ้าหากมิวส์มีน้ำตามันก็คงจะไหลลงมาท่วมใบหน้าไปแล้ว เพราะเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินเจ้านายสุดโหดที่ไม่เคยกลัวอะไรต้องเอ่ยคำว่า 'กลัว' ออกมา แต่ทว่า...
“กูไม่ได้กลัวว่ามึงจะทำอะไรกู แต่กูกลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไปแล้วไม่ได้กลับไปที่ห้องพักกับกู" สิ้นเสียงของไม้... มิวส์ก็แทบจะยั้งร่างกายให้ยืนต่อไปไม่ไหว ความจริงใจของเจ้านายทำให้มิวส์รู้สึกซาบซึ้งอย่างไม่เคยเป็น อาจเป็นเพราะอดีตที่โหดร้ายมันยังคงฝังใจเลยทำให้พอได้มีโอกาสเจอใครสักคนที่มีแต่ความจริงใจเลยทำให้จิตใจของมิวส์กำลังสับสน
...มันเป็นเพียงแค่ความทราบซึ้งในสิ่งที่แสดงออกมาหรือว่าความรักกันแน่นะ...
ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศเป็นใจหรืออย่างไรเลยทำให้ไม้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำมันเป็นการหักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจที่แม็กกี้มีต่อเขามาตลอดตั้งแต่ที่ตัดสินใจคบกัน
ไม้คลายอ้อมกอดด้วยความละมุนละไมก่อนที่จะเอื้อมมือไปเชยค้างของวิญญาณหน่อมแน้มให้เงยขึ้น ดวงตาสองคู่ที่จับจ้องกันทำให้จิตใจของพวกเขากำลังหวั่นไหว แม้ไม่รู้ว่าตอนนี้มิวส์จะรู้สึกอย่างไรแต่ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นทำให้ไม้ตัดสินใจบรรจงก้มหน้าลงไปหากับใบหน้าของร่างที่เล็กกว่าจนท้ายที่สุดริมฝีปากของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งวิญญาณก็สัมผัสกัน
ภายในห้องที่มืดมิด ร่างสองร่างกำลังถ่ายความรู้สึกทั้งหมดผ่านทางริมฝีปากของกันและกันจนกระทั่งผ่านไปได้สักพัก ไม้ก็ตัดสินใจผละริมฝีปากออกมาก่อนที่จะหันหลงแล้วเดินไปที่บริเวณประตู
“กูขอโทษ" ไม้เอ่ยขึ้น... เพราะอารมณ์ชั่ววูบและบรรยากาศที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มาเลยทำให้เขาลืมตัวจนกระทั่งเผลอทำอะไรที่น่าอับอายออกไป
“ไม่เป็นไรครับ" มิวส์ตอบกลับด้วยความสัตย์จริง เขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดไม้เลยสักนิดที่ทำอะไรแบบนี้ กลับกันเขายังรู้สึกชอบและอยากให้ทำให้นานกว่านี้อีก แต่ทว่าคำพูดประโยคถัดมาของไม้ก็ทำให้วิญญาณอย่างมิวส์ถึงกับสะอึก
“ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ซะ...” เสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกของไม้ทำให้มิวส์เจ็บปวดขึ้นมาดื้อ ๆ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน รู้ทั้งรู้ว่าตนเองเป็นแค่วิญญาณ แต่ทำไมถึงไม่ยอมข่มใจแล้วระงับความรู้สึกที่มีทั้งหมดเอาไว้ไม่ให้มันเกินเลยนะ
“ครับ" มิวส์ฝืนตอบออกไป จะให้เขาลืมความรู้สึกที่แสนวิเศษที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ง่าย ๆ อย่างไรกันล่ะ
“กลับกันเถอะ" ไม้เอ่ยอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินนำจากไป โดยไม่หันมามองข้างหลังอีกสักนิด ไม่หันมามองใบหน้าของวิญญาณที่จิตใจกำลังอ่อนแอ
มิวส์เดินก้มหน้าคอตกตามร่างของเจ้านายไปอย่างเชื่องช้าแล้วได้แต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับเขาทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ท่ามกลางความมิืดมิดบนท้องนภายามราตรียังมีแสงไฟสลัว ๆ ที่ส่องผ่านตามทางเดินจากตัวตึกไปยังจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ทำให้มองเห็นตลอดทาง
ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ เกิดขึ้นในขณะที่ร่างของพวกเขากำลังย่างเท้าเดินไป มิวส์จะรู้ไหมว่าไม้เองก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากเขาสักเท่าไรนัก
ที่ต้องทำเป็นนิ่งเงียบ เคร่งขรึม ก็เพราะว่าเขาไม่อยากที่จะกระทำผิดกับแม็กกี้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยอนุญาตให้ทำอะไรกับร่างกายได้นั้นก็เพราะว่าเป็นฝ่ายของมิวส์ที่กระทำเพียงฝ่ายเดียวเขาเลยยังไม่รู้สึกผิดสักเท่าไหร่ แต่การสัมผัสริมฝีปากของกันและกันเมื่อครู่ ผู้ที่จู่โจมก็คือเขา... แล้วเหตุนี้จะให้ไม้ทำตัวปกติได้อย่างไร
“เจ้านาย...” หลังจากที่เงียบกันมานานมิวส์ก็เป็นฝ่ายที่เอ่ยขึ้นก่อน
“มีอะไร" ไม้ตอบรับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมมากกว่าปกติ
“ไม่มีอะไรครับ...” ทั้ง ๆ ที่กะจะบอกให้เจ้านายไม่คิดอะไรมากและยินดีที่จะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ แต่ทว่าพอได้ยินเสียงของไม้เท่านั้นแหละ... ปากที่เคยพูดไม่หยุดกลับเกร็งจนไม่กล้าขยับ ด้วยกลัวว่าถ้าพูดออกไปแบบนั้นอาจจะทำให้ไม้ตัดสินใจที่จะเว้นระยะห่างกับตนเองมากขึ้น เพราะฉะนั้นให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
...มันเป็นความรู้สึกดี ๆ จากคนจริงใจที่วิญญาณยังไม่สิ้นอายุขัยอย่างมิวส์อยากเก็บเอาไว้ก็แค่นั้น อย่างน้อยนับตั้งแต่วันที่เขาสิ้นลมหายใจ เขาก็ยังได้รู้ว่ามีใครคนหนึ่งที่ห่วงใยเขามากจนเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครมาทำอะไรเพื่อเขามากมายขนาดนี้
“ไอ้มิวส์...” คราวนี้เป็นเสียงของไม้ที่เอ่ยขึ้นบ้าง
“ครับเจ้านาย...” มิวส์ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว ใจก็ลุ้นระทึกว่าเจ้านายของเขาจะพูดอะไรต่อไป
“มึงรู้สึกยังไง..." ตอนที่มึง... ยังไม่ทันที่ไม้จะพูดจบ เสียงของมิวส์ก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ชอบครับ" มิวส์ก้มหน้าตอบ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่เขาจะต้องเล่นตัวหรือโกหกออกไปเพราะความขวยเขิน ก็ตอนนั้นเข้ารู้สึกชอบจริง ๆ แถมยังชอบมากด้วยที่โดนเจ้านายของเขาจูบ ...แต่ทว่า
“ไอ้เชี่ย!” ไม้ตวาดเสียงดังก้อง "มึงคิดว่ากูจะถามอะไร"
“อ้าว...” มิวส์ขมวดคิ้วด้วยความฉงน ถ้าเจ้านายไม่ได้หมายถึงตอนที่จูบแล้วเขาจะหมายถึงเรื่องอะไรกันล่ะ "เจ้านายไม่ได้หมายถึงตอนนั้นหรอกเหรอครับ"
พูดจบก็ก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย... มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรู้สึกจริง ๆ ของมิวส์หรอก เขาก็แค่อยากแกล้งดัจริตทำตัวให้ดูน่ารักก็เท่านั้น
“ก็เออสิวะ...” เห็นท่าทางของมิวส์ก็พอจะเดาได้ว่าไอ้วิญญาณสุดหื่นกำลังนึกถึงเหตุการณ์ไหน
“แล้วเจ้านายหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ" มิวส์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ช่างมันเถอะ...” ไม้ตอบก่อนที่จะลอบยิ้มออกมา... ความจริงแล้วเขาคิดจะถามถึงความรู้สึกตอนที่มิวส์ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่จนตาเหลือกถลนและจ้องจะทำร้ายร่างกายเขาต่างหาก แล้วก็อยากจะรู้ว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะสาเหตุอะไร แต่ทว่าพอได้ฟังคำตอบที่เข้าใจผิดของมิวส์มันก็ทำให้ไม้รู้สึกดีแปลก ๆ จนไม่อยากจะคิดถึงเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ บางทีมิวส์อาจจะแค่คิดถึงอดีตของเขากับคนรักเก่าที่เคยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เลยทำให้เขาขาดสติไปชั่ววูบก็เป็นได้
...แต่ไม่ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากอะไร ไม้ก็ได้แต่สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะต้องดูแลปกป้องหมอนี่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม้ยอมรับว่าหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของมิวส์ เขาก็รู้สึกสงสาร เพราะหมอนี่ไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว และอย่างน้อยการที่ได้พูดคุยแล้วแกล้งทำเสียงโหด ๆ กิริยาเถื่อน ๆ ใส่ มันก็น่าจะช่วยคลายเหงาให้ไอ้วิญญาณตนนี้ได้บ้าง ดีกว่าปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังแล้วเก็บความอาฆาตไปอาละวาดกับคนอื่น ๆ
“เจ้านายยิ้มอะไร...” สงสัยจะคิดอะไรเพลิน ๆ นานไปหน่อย ปากที่เคยลอบยิ้มก็เลยเผลอยิ้มออกมาซะจนแก้มแทบปริจนไอ้วิญญาณหน่อมแน้มสังเกตเห็น
“ยิ้ม?” ไม้ทวนคำ เขาเพิ่งตั้งสติได้หลังจากที่ได้ยินเสียงของมิวส์ "ยิ้มอะไร เปล่านี่ ตาฝาดไปมั้ง"
“ไม่ฝาด" มิวส์เดินเข้าไปใกล้ ๆ พลางจ้องใบหน้าของไม้ตาเขม็งราวกับจะจับผิดและหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมจู่ ๆ เจ้านายของเขาก็ยิ้มออกมา "ตกลงเจ้านายยิ้มอะไร แล้วตกลงเรื่องที่ถามผมว่ารู้สึกยังไงมันคืออะไรกันแน่"
“กลับกันเถอะ" ไม้เบือนหน้าหนีจากการโดนจับจ้องก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วรอบขำออกมาพร้อมกับเดินตรงไปให้ถึงที่หมายซึ่งก็คือจุดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ให้ไวที่สุด โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของไอ้วิญญาณนหน่อมแน้มที่เดินตามหลังมาติด ๆ สักนิด
“เจ้านาย!!! โอยยย ตกลงเจ้านายยิ้มอะไร แล้วเจ้านายจะถามอะไรผม มันคาใจ รู้ไหม รู้ไหม... มันแน่นอกไปหมดแล้ว”
แล้วค่ำคืนแห่งความวุ่นวายก็จบลง... โดยที่ความสัมพันธ์ของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งดวงวิญญาณกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นทีละนิด โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ตัว ถ้าคืนนี้ไม้ไม่ตัดสินใจที่จะพูดอะไรกับมิวส์ ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาทั้งสองอาจจะเดินทางกลับหอพักด้วยความอึดอัดเพราะมัวแต่คิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
'ให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะนะไอ้มิวส์'
จบตอน
-----------------------
คุยกับนักเขียนครับ >.<
คุณ
naruxiah :: ^^ แหะๆ พอดี สับบทนึงแบ่งมาลงเป้นสองตอนอ่าครับ ถ้าลงตอนเดียวเต็มอาจจะรอนานเกิน T^T มันเลยดูสั้นๆ ไปนิด
คุณ
ชะรอยน้อย :: ก้องยังไม่ตายครับ 555+++ แต่ตอนนี้มาแค่รูปเน่อ เดี๋ยว รส กลิ่น เสียงและร่างกายคงจะตามมา
คุณ
Chichi Yuki :: ท่านได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ แต่ต้องรอเฉลยที่ละอย่างๆ ในตอนต่อๆไปนะครับ คิๆ
คุณ
เกเร :: 555 ไม่เล่าหร๊อก เดี๋ยวมิวส์เขิน
คุณ
mentholss :: ขอบคุณคร้าบ >.<
คุณ
Lily teddy :: 555 เรื่องปรับเวลานี่เจ็บก้นสมใจมิวส์แล้วครับ แต่เอ๊ะ!? มันเจ็บคนละแบบหรือเปล่าหนอ >.<
คุณ
sang som :: ยังครับ ยังไม่เจอ อดใจรออีกนิด
คุณ
mukmaoY :: หึๆๆๆๆ หัวเราะอย่างมีเลศนัย
คุณ
@Lucifer_Prince@ :: ท่านผู้นี้มาโหด 555 สมน้ำหน้ามิวส์เลย กรั๊กๆๆ สมด้วย เจ้าเล่ห์ดีนัก!!!
คุณ
iamnan :: ก้องภพอาจจะไม่ได้เลวอย่างที่คิดหรือเปล่า ? อันนี้ต้องติดตามต่อไปครับผม
คุณ
มยอนฮวา :: 'บังเอิญ' T^T แต่เดี๋ยวต้องมีสักฉากที่บังเอิญเจอกันงับ
คุณ
Nus@nT@R@ :: เรื่องของก้อง... โปรดติตดามตอนต่อๆ ไปข้า ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ะครับ ^^
คุณ
Fujoshi :: ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ T^T ตอนแรก 3P ก็นึกว่า 3 เศร้า มีหนึ่งคนต้องเศร้า... ว๊า สุขสันต์ 3 คนเหรอครับ คิดหนักเลย หึหึ
คุณ
mindmaru :: ความจริง...ของเงื่อนงำ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ^^ คิคิ
คุณ
hello_lovestory :: ^^ ขอบคุณที่แวะมาเม้นท์ให้นะครับ ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ